Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 947-954

ตอนที่ 947

 

“ความเร็วของทั้งสองคนรวดเร็วมาก!” ชายสามคนไล่ตามพวกหลิงฮันอยู่ด้านหลัง สองคนเป็นชายหนุ่มที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต่ำชั้นสูง ส่วนชายอีกคนหนึ่งเป็นชายชราที่มีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวมาก


เขตแดนลี้ลับสวรรค์จำกัดแค่ระดับพลังบ่มเพาะเท่านั้น มันไม่ได้จำกัดตามพรสวรรค์เสียหน่อย


บางคนไร้ซึ่งพรสวรรค์ ทำให้โอกาสที่จะทะลวงผ่านระดับพลังของตัวตนระดับพระเจ้าเป็นเรื่องยาก แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นมาได้เท่านั้น คนเหล่านั้นถือว่าเป็นพวกไร้ซึ่งอนาคต ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงต้องการเข้าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเอง


– นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าและไม่มีอะไรจะเสีย


ถึงแม้ชายชราจะเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมามันดูน่าเกรงขามกว่าพลังของเขามาก


สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกกังวลเล็กน้อย ตอนนี้อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า หากต่อสู้กันซึ่งหน้า อาจเป็นฝ่ายนางเองที่ต้องสูญเสีย! แต่โชคดีที่หลิงฮันมีอาวุธลับ ใครมันจะคิดกันล่ะว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะสามารถคุกคามจอมยุทธระดับภูผาวารีได้?


นางพูดกระซิบกับหลิงฮันว่า “ทั้งสามคนยังไม่เลิกตามพวกเรา ที่นี่มีเวลาจำกัดพวกเขาเลยไม่อยากกลับไปมือเปล่า?”


ใบหน้าของชายสามคนปรากฏรอยยิ้ม แล้วแต่ละคนก็นำดาบกับกระบี่ที่เป็นอาวุธประจำตัวออกมา


“พวกข้าสามคนมาจากตระกูลหลาง เทพธิดาที่เลอโฉมไม่ทราบว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหนและมีนามว่าอะไรอย่างนั้นรึ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งจ้องมองเรือนร่างของสุ่ยเยี่ยนยวี่ด้วยสายตาที่หื่นกาม


“จักรพรรดิราชวงศ์ดารา-“


พรึบ!


ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่กำลังจะเปิดปากพูด ชายทั้งสามคนกระโจนออกไปข้างหน้าพร้อมกันเพื่อโจมตีใส่นาง


เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน สุ่ยเยี่ยนยวี่จะต้องเสร็จพวกเขาแน่ ส่วนหลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติถูกพวกเขาเมินอย่างสมบูรณ์


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การโจมตีของพวกเขาจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่จะทำร้ายนางถึงชีวิต พวกเขาแค่ต้องการเอาชนะแล้วพาตัวไปเท่านั้น


ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความเมตตาของพวกเขา แต่น่าจะเพื่อตัณหามากกว่า


ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่ดูโหดเหี้ยมและพูดด้วยเสียงดุดันว่า “น่ารังเกียจ!” นางเหวี่ยงดาบใส่ชายทั้งสามคน ในขณะเดียวกันอุณหภูมิที่อยู่รอบตัวของนางก็ลดลงอย่างรวดเร็ว


แต่ในสามคนนั้น ชายชราเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะเทียบได้กับอัจฉริยะระดับสี่ดาว


“นี่พวกเจ้าสามคนคงไม่ได้ลืมข้าหรอกใช่ไหม?” หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ทักษะจิตเจ็ดสังหาร!”


ชายหนุ่มคนหนึ่งนิ่งชะงักทันที


หลิงฮันจึงถือโอกาสนี้ฟันดาบไปที่คอของอีกฝ่ายทันที ฉัวะ ในพริบตาหัวของชายหนุ่มคนนั้นก็เกือบจะหลุดออกจากบ่าและมีโลหิตพุ่งไหลออกมาจากคอของชายหนุ่มคนนั้นราวกับน้ำพุ


ใครจะคิดว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้?


ฉากที่เกิดขึ้นทำให้ชายสองคนที่เหลือตกตะลึงจนชะงัก สุ่ยเยี่ยนยวี่จึงใช้โอกาสนี้โจมตีพวกเขาทั้งสองคนทันที


ปัง!


แต่ว่ามันกลับเป็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่ถูกทำให้กระเด็นไปด้านหลัง ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมาก ถึงแม้เขาจะเสียสมาธิไปชั่วครู่ แต่นางก็ยังไม่อาจจัดการอีกฝ่ายได้


“อ๊าก-” ชายหนุ่มที่เกือบถูกตัดหัวส่งเสียงกรีดร้อง เขาหลุดจากทักษะจิตเจ็ดสังหารของหลิงฮัน ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้ส่งเสียงกรีดร้องโดยไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกว่าหัวของเขาเกือบจะหลุดออกจากคอ


การที่จะฆ่าตัวตนระดับพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย!


หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ ถึงแม้การโจมตีของเขาจะตัดผ่านผิวหนังของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แต่กระดูกของอีกฝ่ายแข็งมาก แม้จะเทียบกับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ก็ตาม แต่ดาบของหลิงฮันก็ไม่อาจตัดผ่านได้


น่าเสียดายยิ่งนัก


“สื่อเวยเกิดอะไรขึ้น?” ชายอีกสองคนถามด้วยสีหน้าตกตะลึง


มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากทั้งที่อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ แต่สามารถทำให้ตัวตนระดับพระเจ้าได้รับบาดเจ็บหรืออาจเกือบถูกฆ่าตายได้!


“เขาใช้ทักษะลับบางอย่างโจมตีจิตวิญญาณของข้า และทำให้ข้าตกอยู่ในสภาวะอมพาต!” ชายหนุ่มที่ถูกหลิงฮันโจมตีคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพูดอธิบายถึงเหตุผล


“ทักษะลับโจมตีวิญญาณ!” ทั้งสองคนส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขาเผยสีหน้าตกใจก่อนที่จะแสดงสีหน้าดีใจออกมาให้เห็น


อย่างที่ทุกคนทราบ การโจมตีทางวิญญาณนั้นยากที่จะป้องกัน และหากมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ยิ่งมีความได้เปรียบในการต่อสู้จริงมากขึ้นเท่านั้น


ซึ่งทักษะลับจะสามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณให้เป็นอาวุธแล้วโจมตีอีกฝ่ายได้โดยตรง โดยที่ไม่มีใครสามารถสังเกตเห็น มันเรียกว่าทักษะลับโจมตีวิญญาณ แล้วทักษะลับโจมตีวิญญาณนั้นหาได้ยากมาก มีแค่จอมยุทธระดับสูงเท่านั้นที่ครอบครอง


– ถึงแม้จะเป็นลูกหลานของจอมยุทธที่มีทักษะโจมตีวิญญาณก็ยังมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับการถ่ายทอดทักษะให้ เว้นแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ


ตอนนี้หลิงฮันเชี่ยวชาญทักษะจิตเจ็ดสังหารแล้ว แล้วพวกเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?


พวกเขาจะต้องแย่งชิงมันมา และนำมาเป็นของตัวเอง!


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าพวกน่ารังเกลียด ดูเหมือนพวกเจ้าจะคิดสวยหรูเกินไปแล้ว!”


“หึ่ม เจ้ามีทักษะลับโจมตีวิญญาณแล้วมันจะทำไม? ข้าฝึกฝนบ่มเพาะพลังมานานนับหมื่นปี เจ้าคิดว่าทักษะลับโจมตีวิญญาณของเจ้าจะมีผลกับข้าคนนี้อย่างนั้นรึ?” หลังจากที่ชายชรากล่าวจบ เขาแทงกระบี่ไปที่หน้าอกของหลิงฮันทันที


เขาต้องการฆ่าหลิงฮันให้ได้ แล้วดึงความทรงจำออกมาเพื่อรับทักษะลับโจมตีวิญญาณ ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตหลิงฮันก็ได้


“เฒ่าหยาง อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติทำไมไม่ให้ข้าเป็นคนจัดการเอง!” ชายหนุ่มที่ไม่ได้รับบาดเจ็บรีบพูดออกมา


การดึงความทรงจำทำได้แค่ครั้งเดียว หากชายชราสังหารหลิงฮันแล้วดึงความทรงจำออกมาได้ ใครจะรับประกันได้ว่าชายชราจะแบ่งทักษะลับนี้ให้กับคนอื่น?


ดังนั้น มีเพียงแค่คนที่ลงมือฆ่าหลิงฮันเท่านั้นที่จะได้รับมันมา


ในขณะเดียวกัน สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือหลิงฮันแม้แต่น้อย แต่นางใช้ดาบโจมตีไปที่ชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บแทน


แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส มือข้างหนึ่งจับไปที่ต้นคอและโคจรพลังปราณเพื่อเชื่อมบาดแผล หากไม่ทำเช่นนั้น ถ้าคอเขาหัก แม้แต่เม็ดยาที่ล้ำเลิศเพียงใดก็คงไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้


ในขณะที่เขาถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่โจมตี เขาทำได้แค่ใช้มือข้างเดียวเพื่อรับการโจมตีจากนางเท่านั้น และเมื่อเกิดการปะทะกัน มันทำให้เขาต้องโคจรพลังปราณไปที่มืออีกข้าง ทำให้มีโลหิตพุ่งออกมาจากลำคอของเขาทันที


“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”  เขารีบวิ่งหนีและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ


แต่ทว่าชายสองคนที่มากับเขาด้วยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย และยังคงจ้องมองไปที่หลิงฮันไม่หยุด


ทักษะลับโจมตีวิญญาณนั้นล้ำค่าเกินไป แม้แต่ผลึกภูผาวารีก็ไม่สามารถเทียบด้วยได้! นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถเข้าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ได้ทุกสิบปี และจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นยังมีอายุขัยที่ยาวนาน แล้วพวกเขาจะกังวลเรื่องผลึกภูผาวารีไปทำไม?


ปัง! ปัง!


แน่นอนว่าการโจมตีจากจอมยุทธระดับภูผาวารีทั้งสองคนนั้นมุ่งเป้าไปที่หลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 948

 

ชายชราใช้กระบี่โจมตีใส่หลิงฮันจากด้านซ้าย ในขณะที่รุ่นเยาว์ใช้ดาบฟันช่วงท้องของหลิงฮันจากด้านขวา การโจมตีทั้งสองด้านแทบจะปะทะกับร่างของหลิงฮันพร้อมกัน


ตามหลักปกติแล้ว ร่างของหลิงฮันจะต้องถูกฟันแยกออกเป็นสามส่วน เพราะจอมยุทธระดับทลายมิติจะสามารถต้านทานการโจมตีของจอมยุทธระดับภูผาวารีได้อย่างไร?


แต่กายหยาบของหลิงฮันกลับไม่ปกติเหมือนจอมยุทธทั่วไป


พลังทำลายของดาบและกระบี่สะท้อนซึ่งกันและกัน ส่วนหลิงฮันที่อยู่ตรงกลางนั้นไม่เป็นอะไรเลย


“อั่ก!” รุ่นเยาว์ร้องโอดครวยด้วยความเจ็บปวด


ร่างของหลิงฮันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง เมื่อทั้งสองคนโจตีใส่เขาพร้อมกัน ชายชราที่ดูแล้วท่าทางจะเป็นอัจฉริยะสี่ดาวนั้น แน่นอนว่าต้องมีพลังต่อสู้สูงกว่ารุ่นเยาว์ เมื่อการโจมตีของทั้งสองสะท้อนซึ่งกันและกัน รุ่นเยาว์จึงเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บ


ชายชราเองก็ตกตะลึงจนดวงตาแทบจะถลนออกมา


สัตว์ประหลาด! รุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ!


หลิงฮันกัดฟันเนื่องจากรู้สึกไม่สบอารมณ์


นี่พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นกระสอบทรายรึยังไง?


เขาใช้โอกาสนี้โคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีจิตวิญญาณของรุ่นเยาว์จนอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพไร้สติ ทักษะนี้สุดยอดเป็นอย่างมาก มันช่วยให้เขาสร้างช่องโหว่กับจอมยุทธระดับพระเจ้าได้


“บังอาจ!” ชายชรากลับมารู้สึกตัวหลังจากนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ เขาใช้กระบี่ในมือจู่โจมหลิงฮันอีกครั้ง


‘ตูม!’


หลิงฮันถูกโจมตีจนร่างกระเด็น แม้กายหยาบจะคงกระพันแต่เขาก็ไม่สามารถตอบโต้จอมยุทธระดับภูผาวารีได้


ร่างของเขาลอยไปไกลหลายร้อยฟุต โชคดีที่ร่างของเขาไม่ได้กระเด็นเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขา ไม่เช่นนั้นเขาต้องถูกหนามบนเถาวัลย์ทิ่มแทงเอาแน่


แม้เขาจะมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าหนามเหล่านั้นจะคุกคามเขาได้หรือไม่


หลิงฮันลุกขึ้นพร้อมกับนำคันธนูและคันศรออกมาพร้อมกับโคจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา


จอมยุทธตระกูลหลางทั้งสามรู้สึกเย็นวูบไปถึงสันหลังและไม่กล้าลงมือผลีผลาม


สัญชาติญาณบอกพวกเขาว่าหากพวกเขาไม่ระวัง ชีวิตของพวกเขาอาจจะดับสิ้น


โดยเงื้อมมือจอมยุทธระดับทลายมิติน่ะรึ?


พวกเขามองมายังหลิงฮันอย่างไม่เชื่อสายตา


“ทักษะธนูนั่นมันอะไรกัน? เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติแท้ๆ แต่ทำไมข้าถึงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม?”


“ลูกศรนั่น… จะต้องสร้างจากแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!”


มีเพียงจอมยุทธที่กำลังปะทะอยู่กับสุ่ยเยี่ยนยวี่เท่านั้นมีไม่มีเวลามาระวังตัวเนื่องจากเขาถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่ไล่ต้อนอยู่


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ทักษะศักดิ์สิทธิ์ทักษะนี้คือทักษะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมือตอนอยู่โลกใบเล็ก ด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่ำต้อยของเขาทำให้เขาใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างไม่มีประสิทธิ์สูงสุด


แต่ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากระดับพระเจ้าเพียงครึ่งก้าว พลังของทักษะศักดิ์สิทธิ์ถึงแตกต่างออกไป


ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราคือทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดของเขา มันช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้เขาอย่างน้อยหนึ่งดาว


เพราะอย่างไรมันก็เป็นถึงทักษะลับที่เป็นมรดกตกทอด!


หลิงฮันโคจรทักษะค้างไว้ไม่โจมตีออกไปเสียทีทำให้ชายชราและรุ่นเยาว์รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เป้าหมายของเขานั้นชัดเจน เขาทำเช่นนี้เพื่อสร้างโอกาสให้สุ่ยเยี่ยนยวี่สังหารจอมยุทธอีกคน


ตระกูลหลางอีกสองคนรู้ความจริงเรื่องนี้ดี ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันและพุ่งโจมตีเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกันสองฝั่ง


เจ้าจะยิงธนูใส่ฝั่งไหน?


ด้วยพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ หลิงฮันคงจะยิงทักษะได้อย่างมากก็หนึ่งดอกเท่านั้น หากจะยิงดอกต่อไปเขาต้องใช้เวลาเตรียมตัว


หลิงฮันหัวเราะ หน้าที่ของเขาคือการดึงความสนใจเท่านั้น


“พวกเจ้ายังไม่เข็ดอีกรึ?” หลิงฮันเก็บคันธนูและคันศรกลับไปและเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าดาบและกระบี่ที่ฟันเข้ามา


“ฮึ่ม!”


ชายชราเป็นฝ่ายใช้กระบี่เข้าใส่หลิงฮันก่อน ส่วนรุ่นเยาว์เป็นฝ่ายฟันดาบตามมา ผลลัพธ์คือการโจมตีของพวกเขาไม่เข้าปะทะกัน


‘ปัง!’


หลิงฮันที่ถูกโจมตีติดต่อกันสองครั้งก็ร่างสั่นสะท้านทันที


“น่าหงุดหงิดชะมัด!” หลิงฮันพึมพำ เขาที่เคยไร้เทียมทานในโลกใบเล็ก เมื่อใดกันที่เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบโต้ได้เช่นนี้?


ฝ่ายที่หงุดหงิดยิ่งกว่าก็คือเหล่าจอมยุทธของตระกูลหลาง เจ้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติจริงๆรึ? ทำไมเจ้าถึงได้ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกข้าที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีเสียอีก?


แต่ก็ใช่ว่าหลิงฮันจะไม่เป็นอะไรเลย อาวุธที่ทั้งสองคนใช้ถูกหลอมขึ้นจากแร่โลหะระดับศักดิ์ศิทธิ์ขั้นหนึ่ง การที่ถูกอาวุธเช่นนี้โจมตีติดต่อกันทำให้บนร่างของเขาปรากฏรอยช้ำเล็กน้อย


“เฮ้อ พวกเจ้าทำช่างรุนแรงจริงๆ ดูสิข้าเจ็บตัวไปหมดแล้ว!” หลิงฮันจงใจกล่าวออกมา


จอมยุทธตระกูลหลางทั้งสองแทบจะเป็นบ้าเพราะคำพูดของหลิงฮัน


“เจ้าหนุ่ม จะอย่างไรพวกเราก็ไม่มีความบาดหมางต่อกัน” ชายชราเก็บกระบี่และยิ้ม “นี่เป็นแต่การเข้าใจผิด พวกเราจบเรื่องนี้เสียแต่ตอนนี้เป็นอย่างไร?”


“เข้าใจผิดน้องสาวเจ้าน่ะสิ!” หลิงฮันชูนิ้วกลางออกมา


ใบหน้าของชายชรากระตุก เขาเห็นว่ารุ่นเยาว์ที่ถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่ไล่ต้อนกำลังจะต้านไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการหยุดการบาดหมางเสียตั้งแต่ตอนนี้และค่อยหาวิธีจัดการกับพวกหลิงฮันทีหลัง


หลิงฮันนั้นแปลกประหลาดเกินไป ถ้าหากเขาสามารถล้วงความลับของหลิงฮัน บางทีมันอาจจะล้ำค่ากว่าการเก็บเกี่ยวในเขตแดนลี้ลับนี้ก็ได้


เขาเค้นเสียงก่อนที่จะนำกระบี่ยาวออกมาอีกครั้งและกล่าว “เจ้าคิดจะบังคับให้พวกเราลงมือจนถึงที่สุด?”


“พวกบัดซบ!” หลิงฮันสบถคำด่าออกมา


ชายชราแน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ข้าจะรั้งตัวเขาเอาไว้ ส่วนเจ้ารีบไปช่วยจัดการผู้หญิงคนนั้นซะ”


“อืม!” รุ่นเยาว์ไม่คิดจะโจมตีหลิงฮันอีกต่อไป หลิงฮันนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถสังหารได้ ดังนั้นเขาจึงเลิกล้มความคิดที่จะจู่โจมหลิงฮันและไปจัดการสุ่ยเยี่ยนยวี่แทน ไม่เช่นนั้นพรรคพวกของเขาอาจจะตกตายด้วยเงื้อมมือของนาง


หลิงฮันแสยะยิ้มและนำคันธนูออกมาอีกครั้ง


“ฝันไปเถอะ!” ชายชรากวัดแกว่งกระบี่


‘ทักษะจิตเจ็ดสังหาร!’


หลิงฮันโจมตีจิตวิญญาณของชายชรา แม้ชายชราจะเตรียมใจเอาไว้แล้วแต่เขาก็ยังสูญเสียสติไปเล็กน้อย แม้ครั้งนี้หลิงฮันจะทำให้อีกฝ่ายหมดสติไปไม่ได้ แต่เขาก็ยังสร้างโอกาสให้ตนเองเว้นระยะห่างกับอีกฝ่ายและยกคันธนูขึ้นมา


ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!

 

 

 


ตอนที่ 949

 

ลูกศรสีดำกลายเป็นลำแสงแล้วพุ่งไปที่ด้านหลังของชายหนุ่ม


ลูกศรที่ถูกยิงออกมารวดเร็วเกินไป มันมีความเร็วเกือบเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด


“เฒ่าหยาง!” ชายหนุ่มส่งเสียงกรีดร้อง


เขารีบหันหลังกลับและรีบนำดาบออกมาเพื่อป้องกันลูกศรที่พุ่งเข้ามา


แต่ว่าลูกศรที่พุ่งออกไปของหลิงฮันเกิดจากความสามารถระดับศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือเนตรแห่งสัจธรรมที่ใช้เพื่อเล็งหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย บวกกับลูกศรที่สร้างขึ้นมาจากแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง


ปัง ลูกศรสีดำพุ่งผ่านดาบของเขาไปและปักลงบนไหล่ของเขา ในไม่ช้าก็มีโลหิตพุ่งไหลออกมา


“อ๊าก-” สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที พลังทำลายล้างของมันทำให้ร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งได้รับความเสียหาย่


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถสังหารชายหนุ่มคนนี้ได้ ตัวตนระดับพระเจ้าแข็งแกร่งมาก ชายหนุ่มเดินโซเซไปมา แล้วนำขวดยาออกมาเทราดบาดแผล ทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็เปล่งประกายและบาดแผลของเขาก็ฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว


แต่นี่ทำให้เขารู้สึกปวดใจมาก ขวดยาที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อครู่ได้รับมาจากตระกูล มันคือหยดสมานแผลศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแค่หายากเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิตด้วย หากใช้ครั้งที่สองจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ซึ่งหมายความว่าหากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง เขาจะไม่มีโอกาสกลับมามีชีวิตรอดอีกครั้ง


หยดสมานแผลศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงประสิทธิภาพของมันออกมาทันที ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นสภาพด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์


แต่ในขณะนั้นเอง เขาเห็นเงาดำนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาล้อมรอบเขาเหมือนกับลูกศร


ในตอนนี้ เขาเห็นหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เท่านั้นที่เป็นตัวอันตราย แต่ใครจะคิดว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกแซง? เขาไม่ได้ระวังตัวแม้แต่น้อยและถูกเงาดำนั้นจับทันที


แต่หากดูให้ดีเงาดำพวกนั้นคือกิ่งก้านของต้นไม้ในหุบเขา


ต้นไม้ปีศาจ!


“อ๊าก!” ชายหนุ่มกรีดร้องอีกครั้ง กิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจพุ่งเข้าใส่บาดแผลของเขาและกำลังดูดพลังของเขาไม่หยุด


ความแข็งแกร่งของต้นไม้ปีศาจนี้น่ากลัวมาก แม้ว่าเขาจะถูกพันธนาการอย่างเหนียวแน่น แต่ถ้าจะหลุดพันธนาการจากมันได้จะต้องจ่ายมหาศาล แต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาจะหลุดพ้นพันธนาการของมันได้อย่างไร?


ร่างกายของเขาเริ่มเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว หลังจากถูกต้นไม้ปีศาจดูดซับพลังด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า


“ต้นไม้ปีศาจ เจ้ากล้า!” ชายชราจากตระกูลหยางเลิกสนใจหลิงฮัน และรีบหันปลายกระบี่ไปที่ต้นไม้ปีศาจทันที


ถึงแม้ชายชราจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้ นั่นเป็นเพราะกายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป แต่ต้นไม้ปีศาจไม่ใช่หลิงฮันเสียหน่อย หลังจากที่ชายชราใช้กระบี่ฟาดฟันใส่กิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจ ในไม่ช้ามันก็รีบล่าถอยหนีไปทันที


ชายหนุ่มที่ถูกดูดพลังไปจากต้นไม้ปีศาจ ในตอนนี้ร่างกายของเขาดูเหี่ยวแห้งมาก และไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป ราวกับศพที่ถูกทิ้งให้แห้งมากกว่า


“อ๊ากกกกกก!” ชายชราเพิ่งยกร่างของชายหนุ่มขึ้นมา แต่ในขณะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านหลัง และเมื่อหันหลับไปมอง เขาก็เห็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่งถูกดาบของสุ่ยเยี่ยนยวี่แทงทะลุหัวใจ อีกฝ่ายไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน


เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น ชายชราโกรธจนเนื้อตัวสั่นไปหมด


เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นและจอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น แต่ทำไมถึงเป็นพวกเขาที่เป็นฝ่ายสูญเสีย?


ความสามารถของเขาถือว่าไม่ธรรมดา แต่หลังจากที่เขาผลีผลามทะลวงผ่านระดับภูผาวารีทำให้เขาหมดศักยภาพ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ตระกูลก็ยังคงสนับสนุนเขาและมอบผลึกภูผาวารีจำนวนมากให้กับเขา เพื่อปลุกปั่นให้เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดที่ไร้พ่าย และหารายได้เข้าตระกูล อย่างเช่น ผลึกภูผาวารี


ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา เขาทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนและราบรื่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้…มันเป็นการสูญเสียที่ใหญ่เกินไป!


หนึ่งในสองทายาทตระกูลหลางถูกฆ่าตาย ส่วนอีกคนเกือบถูกฆ่าตาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจะอธิบายต่อตระกูลหลางฟังได้อย่างไร?


แววตาของเขาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงและตะโกนว่า “เจ้าพวกสารเลว!”


หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “เจ้าเป็นคนเข้ามาหาเรื่องพวกข้าก่อนเอง”


ชายชราวางชายหนุ่มลงบนพื้น สภาพของเขาในตอนนี้มันไม่มีความหมายที่จะพากลับตระกูล ตอนนี้เขาจะต้องแก้แค้นอีกฝ่ายให้ได้!


แม้เขาจะไม่สามารถสังหารเจ้าเด็กนี่ได้ แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจะไม่สามารถสังหารได้เหมือนกัน?


หลิงฮันเดินไปอยู่ด้านหน้าสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ถึงกับพูดไม่ออก เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติทำไมข้าต้องให้เจ้าปกป้องด้วย? ช่วยไม่ได้ที่นางจะคิดแบบนั้น แต่ถ้าหลิงฮันทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?


“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนหลังจากทะลวงผ่านระดับภูผาวารี” หลิงฮันพยักหน้า


“นี่เจ้ารู้ได้ไงว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่?” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง


“มันเขียนไว้บนใบหน้าของเจ้า”


ชายชราตระกูลหลางคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยอย่างนั้นรึ?”


เขากระโจนไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ที่อยู่ในมือทันที


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เอาล่ะ พวกเราจะร่วมมือกันเหมือนกับก่อนหน้านี้”


“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ก่อนหน้านี้ที่นางร่วมมือกับหลิงฮัน ทั้งสองคนได้สังหารสัตว์อสูรไปจำนวนมาก


ปัง พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ชายชราจากตระกูลหลางก็แข็งแกร่งจริงๆ หลังจากที่ต่อสู้ระยะประชิดกัน ทำให้หลิงฮันไม่มีโอกาสใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา และใช้ได้แค่ทักษะจิตเจ็ดสังหาร แต่เห็นผลไม่ค่อยชัด


ชายชราฝึกฝนบ่มเพาะพลังมานานนับหมื่นปี ดังนั้นจิตวิญญาณของเขาจึงมีความแน่วแน่และมั่นคงมาก ยากที่จะหวั่นไหว


และชายชรากำลังจ้องมองไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่มาก ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่กล้าใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา แม้เขาจะสร้างโอกาสได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะโดนสุ่ยเยี่ยนยวี่


ภายใต้แรงกดดันของชายชรา สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาทันที ถึงอย่างนั้นช่องว่างระหว่างนางกับชายชราก็ยังคงมีขนาดใหญ่อยู่ดี


หลังจากที่ปะมือกันเพียงแค่หนึ่งร้อยกระบวนท่า สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ได้รับบาดเจ็บ


ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อมากไปกว่านี้ มันอาจทำให้นางได้รับบาดเจ็บหนักถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้


ตอนนี้ชายชรามีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้นคือสังหารสุ่ยเยี่ยนยวี่ให้ได้ อย่างน้อยก็ลดความโกรธแค้นของเขาได้ครึ่งหนึ่ง


หลิงฮันขมวดคิ้วและในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้


เขาจะยืนดูสุ่ยเยี่ยนยวี่ตายได้อย่างไร?


ทักษะจิตเจ็ดสังหาร!


ภายใต้การโจมตีจากทักษะจิตเจ็ดสังหารครั้งนี้ ชายชราชะงักไปชั่วครู่และทำให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย หากเขาไม่เคลื่อนไหว นางจะทนการโจมตีของชายชราต่อไปได้หรือไม่?


หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์เข้าครอบงำอีกฝ่ายทันที และพาเข้าไปในหอคอยทมิฬในพริบตา


ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่กำลังจะโจมตีอีกฝ่าย นางก็พบว่าเป้าหมายที่นางจะโจมตีนั้นได้หายไปแล้ว และช่วยไม่ได้ที่นางจะอ้าปากด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “เขาหายไปไหนแล้ว?”


หรือว่าชายชราจะเคลื่อนที่ในพริบตาได้?

 

 

 


ตอนที่ 950

 

สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่กล้าผ่อนคลายหรือประมาท


ศัตรูที่เคลื่อนที่ในพริบตาได้นั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก


“ระวังตัวด้วย!” นางกล่าวเตือนหลิงฮัน


หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ “ระวังตัวเรื่องอะไรรึ?”


“ก็ชายชราคนนั้นไง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่หงุดหงิดเล็กน้อย เจ้าไม่เห็นรึไงว่าจู่ๆอีกฝ่ายก็หายไปในพริบตา?


“โอ้ เขาน่ะนะ…” หลิงฮันเกาหัวก่อนจะกล่าว “คงไม่สามารถปรากฏตัวได้อีกแล้วล่ะ”


“จะ จะ เจ้า…” สุ่ยเยี่ยนยวี่เข้าใจทันที “เจ้านำเขาเข้าไปในอุปกรณ์มิติงั้นรึ?”


“ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจ!” หลิงฮันถอนหายใจ


สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัว “ไม่สิ อุปกรณ์มิตินั้นหากคนอื่นไม่ต้องการเข้าไปก็ไม่สามารถฝืนบังคับให้เข้าไปข้างในได้ไม่ใช่รึ? แถมด้วยพลังของชายชราคนนั้น เจ้าคงไม่สามารถบังคับให้เขาเข้าไปได้ด้วย! และถึงแม้เขาจะเข้าไปข้างในจริงๆ เขาก็ยังมีพลังมากพอจะสู้กับเจ้าอยู่ดี!”


“อุปกรณ์มิติของเขาค่อนข้างแตกต่างออกไป ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดารา หากอยู่ข้างในนั้นก็ไม่สามารถขัดขืนข้าได้” หลิงฮันยิ้ม


สุ่ยเยี่ยนยวี่ตกตะลึงในคำพูดของหลิงฮันและจ้องตาค้าง


หรือจะพูดอีกอย่างก็คือต่อให้เป็นจักรพรรดินีดาราที่เข้าไปข้างในอุปกรณ์มิติ ชีวิตของนางก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของหลิงฮัน?


ชายหนุ่มคนนี้มาจากโลกใบเล็กจริงๆรึ?


“มีอะไร? เจ้าหลงใหลในความหล่อเหลาของข้าแล้ว?” หลิงฮันยิ้ม


สายตาของสุ่ยเยี่ยนยวี่หันหนีทันที “ก่อนหน้านี้พวกเราพบเจอกับสัตว์อสูรมามากมาย ที่จริงแล้วเจ้าสามารถนำพวกมันเข้าไปในอุปกรณ์มิติได้อย่างง่ายดาย?”


“เรื่องนี้…” หลิงฮันชะงัก สตรีผู้นี้ช่างฉลาดยิ่งนัก


สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “ที่เจ้าไม่ใช่อุปกรณ์มิติจัดการพวกมันก็เพราะเจ้าไม่ไว้ใจข้า!”


หลิงฮันยิ้มก่อนจะกล่าว “จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ข้าเชื่อในตัวเจ้าต่างหาก ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ช่วยเจ้าจากชายชราหรอก”


“จะกล่าวให้ดูซับซ้อนอย่างไร สุดท้ายเจ้าก็ไม่ไว้ใจข้าอยู่ดี!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่พอใจ


หลิงฮันยักไหล่และยิ้ม “ศิษย์พี่ ท่านจะจริงจังเกินไปรึเปล่า? พวกเขาแค่แกล้งเป็นคู่รักกันเท่านั้น ท่านไม่เห็นต้องไปสนใจเรื่องแบบนั้นเลย”


หลิงฮันเดินไปเก็บร่างของจอมยุทธอีกสองคนของตระกูลหลางก่อนจะไปช่วยสุ่ยเยี่ยนยวี่ตัดเถาวัลย์เพื่อเดินหน้าต่อ


“เจ้าเดินให้ห่างจากข้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ทำสีหน้าเย็นชา


เขาไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ แต่ครั้งนี้หลิงฮันก็เชื่อฟังโดยไม่โต้เถียงอะไร


ผ่านไปไม่นานด้านหลังของพวกเขาก็มีคนปรากฏตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาเป็นจอมยุทธของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ เมื่อเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ทุกคนก็รีบเดินตามพวกเขามาด้วยความเร็วที่มากขึ้น


ด้านหลังของพวกเขามีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาไม่สามารถลงมือสังหารกันได้เนื่องจากมีพยานรู้เห็นอยู่มาก


นอกจากนั้นทุกคนที่มาที่นี่ก็เพื่อตามหาผลึกภูผาวารี ถ้าคิดจะสู้กันหรือสังหารใครก็ต้องทำเพื่อแย่งผลึกภูผาวารี หากด้วยเหตุผลนี้สามจักรวรรดิก็จะไม่สามารถแทรกแซงได้


เมื่อจำนวนของจอมยุทธเพิ่มขึ้นถึงหลักร้อย พวกเขาก็กลายเป็นกองกำลังที่ไร้เทียมทานทันที อสูรพงไพรที่อยู่ในป่าจึงไม่กล้าลงมือกับพวกเขาแต่อย่างใด


แต่เมื่อพวกเขาออกจากป่ามาถึงลำธาร กองกำลังก็สลายทันที ทุกคนมุ่งหน้าไปยังเส้นทางของตนเอง ไม่ใครที่ต้องการไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยคนที่ไม่รู้จัก


แต่หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่นั้นต่างออไป แม้พวกเขาจะเป็นคู่รักปลอมๆแต่พวกเขาก็ฝ่าฟันอันตรายมาด้วยเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง


ตอนนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้เรื่องความสามารถของหอคอยทมิฬแล้ว หลิงฮันจึงไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป เมื่อพวกเขาพบเจอสัตวอสูรระดับภูผาวารี หลิงฮันก็ทำให้พวกมันหมดสติและนำเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อสังหารพวกมันอย่างง่ายดาย


แต่จะทำแบบนี้ได้ก็กับสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น เมือพบเจอกับระดับภูผาวารีขั้นกลาง พวกเขาก็ทำได้เพียงล่าถอยอย่างเดียว


แต่ถึงจะอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเก็บเกี่ยวได้มากมายอยู่ดี ในสองวันที่ผ่านมาพวกเขาสังหารสัตว์อสูรไปหลายร้อยตัวจนสุ่ยเยี่ยนยวี่แทบจะไม่เชื่อในสายตาตัวเอง


และแล้วในที่สุดพวกเขาก็ได้ผลึกภูผาวารีมาครอบครอง!


มันเป็นผลึกสีเขียวเข้มที่โปร่งใสเล็กน้อย เมื่อถืออยู่ในมือจะสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น


สุ่ยเยี่ยนยวี่โยนผลึกภูผาวารีไปทางหลิงฮันและกล่าว “เจ้าดูดซับมันซะ เมื่อเจ้าทะลวงผ่านระดับภูผาวารี เจ้าก็จะมีความสามารถในการสำรวจเขตแดนลี้ลับอย่างแท้จริง”


หลิงฮันพยักหน้า สิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับตัวเขาในตอนนี้คือการทะลวงผ่านระดับภูผาวารีและกลายเป็นจอมยุทธระดับพระเจ้า!


คร้ายที่ผลึกภูผาวารีก้อนนี้ไม่มีความสามารถพิเศษแฝงอยู่


“หยุด!” เสียงตะโกนดังขึ้น ทันใดนั้นก็กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา สามคนวิ่งนำหน้าส่วนด้านหลังมีเจ็ดคนวิ่งตาม แต่แทนที่จะเรียกว่าวิ่งตามน่าจะเรียกว่าถูกไล่ตามมามากกว่า


“ทิ้งผลึกภูผาวารีเอาไว้แล้วพวกเจ้าจะมีชีวิตรอด!” กลุ่มคนเจ็ดคนกล่าว


สามคนด้านหน้าแน่นิ่งไปชั่วครู่ ผลึกภูผาวารีคือสิ่งที่พวกเขาตามหาอยู่ พวกเขากัดฟันพร้อมกับคนหนึ่งได้หยิบปีกคู่หนึ่งออกมาและนำไปติดไว้ที่ด้านหลัง ปีกนั้นค่อยๆขย้ายจนมีขนาดยาวถึงสามฟุต


จอมยุทธอีกสองคนคว้าขวาจอมยุทธที่ติดปีกก่อนที่ทั้งสามจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหลบหนี


จอมยุทธระดับภูผาวารีไม่มีความสามารถที่จะโบยบินบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีปีกตั้งแต่กำเนิดหรือใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์


กลุ่มคนเจ็ดคนที่เห็นเช่นนั้นก็ชะงักทันที ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สามารถไล่ตามสามคนนี้ต่อไปได้แล้ว


ที่จริงกลุ่มคนสามคนไม่ได้ตั้งใจจะใช้สมบัติชิ้นนี้ด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากว่าพวกเขาเห็นกลุ่มหลิงฮันและคิดว่าจะโดนรุมสังหารจากสองกลุ่มพร้อมกัน พวกเขาจึงกัดฟันยอมใช้สมบัติที่ช่วยให้บินได้ชิ้นนี้


สมบัติชิ้นนี้สามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงเจ็บปวดใจอย่างมาก


กลุ่มคนเจ็ดคนเลิกคนใจทั้งสามคนและกวาดสายตามามองหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ก่อนจะแสยะยิ้ม


“ผลึกภูผาวารีนั่นเป็นของพวกข้า เจ้าไม่คิดจะส่งกลับคืนให้พวกข้ารึ?”


“มันคือผลึกที่พวกข้าได้มาอย่างยากลำบากแต่ถูกสามคนเมื่อครู่ขโมยไป!” กลุ่มคนเจ็ดคนกล่าว


หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่มองหน้ากัน ทั้งสองรู้สึกว่าทั้งเจ็ดคนนี้ช่างหน้าด้านยิ่งนัก พวกเจ้าคิดได้แค่คำโกหกแบบนี้น่ะรึ?

 

 

 


ตอนที่ 951

 

หลินฮันยิ้มและกล่าว “หากพวกเราไม่มอบให้ล่ะ?”


แม้เขาจะไม่อยากเถียงกับอีกฝ่ายว่าผลึกภูผาวารีก้อนนี้เป็นของอีกฝ่ายจริงรึเปล่า แต่ที่แน่ๆก็คือกลุ่มคนทั้งเจ็ดกำลังพูดจาข่มขู่พวกเขาอยู่


“ไม่ส่งคืนมางั้นรึ?” ทั้งเจ็ดคนแสยะยิ้ม


“สตรีผู้นั้นไม่เลวเลย จะสังหารนางก็ดูน่าเสียดายเกินไป!”


“เหอๆ งั้นเล่นสนุกกับนางก่อนค่อยจัดการทิ้งก็แล้วกัน”


ทั้งเจ็ดคนจ้องมองสุ่ยเยี่ยนยวี่โดยไม่ซ่อนตัณหาที่ปรากฏอยู่ในดวงตา ในสายตาของพวกเขา จอมยุทธระดับภูผาวารีเจ็ดจะไม่สามารถจัดการกับพวกหลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีได้เชียวรึ?


ยิ่งพวกเขามองสุ่ยเยี่ยนยวี่ ความต้องการในใจของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น


“เหอๆ เช็ดน้ำลายของพวกเจ้าเสียบ้าง แม้จะชั่วคราวแต่สตรีผู้นี้ก็เป็นภรรยาของข้า” หลิงฮันยิ้มและก้าวเดินออกมา


“รนหาที่ตาย!” ชายคนหนึ่งแสยะยิ้มและโจมตีใส่หลิงฮัน


อีกหกคนไม่แยแสแม้แต่น้อย ในสายตาของพวกเขาการโจมตีครั้งนี้จะต้องสังหารหลิงฮันได้แน่ๆ สายตาของพวกเขายังคงจดจ้องอยู่ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่


‘ทักษะจิตเจ็ดสังหารและนำเข้ามาในหอคอยทมิฬ!’


หลิงฮันเริ่มใช้วิธีนี้คล่องขึ้นเรื่อยๆ


อีกหกคนที่เหลือแสดงท่าทีตกตะลึงทันที ทำไมจู่ๆพรรคพวกของพวกเขาถึงได้หายตัวไปได้?


“เมื่อกี้เจ้าเป็นคนทำงั้นรึ?”


“เจ้าเอาเขาไปไว้ที่ไหน!”


กลุ่มคนอีกหกคนตะโกนถามขึ้นมาทันที


“เจ้ายังมีสิทธิ์ถามคำถามอีกงั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้ากล้ามองภรรยาข้าด้วยสายตาเช่นนั้น โทษของเจ้าคือตาย!”


ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่เปลี่ยนเป็นสีแดงจากการที่ถูกหลิงฮันเรียกว่า ‘ภรรยา’


“ฆ่า!”


ทั้งหกคนลงมือพร้อมกัน ถึงแม้หลิงฮันจะแสดงให้เห็นว่าเขามีไพ่ลับบางอย่างอยู่แต่ทั้งหกคนก็เชื่อมั่นในพวกของพวกเขา ไม่มีทางที่จอมยุทธระดับภูผาวารีหกคนจะจัดการจอมยุทธระดับทลายมิติคนเดียวไม่ได้


‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ร่างของหลิงฮันโดนกระหน่ำโจมตีใส่ทันที เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธระดับภูผาวารีแม้แต่นิดเดียว แต่หลังจากถูกทุบตีหลายหมัดร่างของเขาก็ยังคงกระพันไร้รอยขีดข่วน


นี่มัน…


ทั้งหกคนอ้าปากค้างราวกับไม่อาจยอมรับความจริงตรงหน้าได้


หลิงฮันกล่าว “ไม่เลวๆ ถึงแม้พลังต่อสู้ของพวกเจ้าจะไม่เท่าไหร่ แต่ก็ยังพอทำให้ข้ารู้สึกหายเมื่อยอยู่บ้าง”


ทั้งหกคนแทบจะโมโหจนขาดใจตาย เจ้าคิดว่าพวกข้านวดให้เจ้ารึไงกัน? แต่ถึงอย่างนั้นทำไมพลังป้องกันของชายคนนี้ถึงได้น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้


หลิงฮันตอบโต้ เขาบวมือโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหาร แต่ครั้งนี้หน้าผากของจอมยุทธที่เป็นเป้าหมายของเขากลับส่องแสงสว่าง แสงนั่นป้องกันการโจมตีการจิตวิญญาณของหลิงฮัน


“ทักษะลับจิตวิญญาณ!” ชายคนนั้นมีท่าทีตกตะลึง “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าใช้ทักษะลับที่โจมตีจิตวิญญาณได้ทำให้พรรคพวกข้าคนหมดสติก่อนจะทำให้หายตัวไปด้วยวิธีบางอย่าง! เจ้าคงไม่รู้สินะว่าก็ฝึกฝนทักษะลับที่ช่วยทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งเหมือนกัน!”


“หรือว่าเขาจะมีอุปกรณ์มิติ?” ชายอีกคนกล่าวแทรก


“ใช่แล้ว มันต้องเป็นอุปกรณ์มิติแน่ๆ ไม่เช่นนั้นร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อย่างมนุษย์จะหายไปกลางอากาศได้อย่างไร” ทั้งหกคนไม่ใช่คนโง่


แววตาของพวกเขาร้อนแรงกว่าเดิม อุปกรณ์มิติเป็นเพียงตำนานที่กล่าวว่าสามารถถูกสร้างโดยจอมยุทธระดับระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น


สมบัติเช่นนี้มีค่ามากกว่าผลึกภูผาวารีไม่รู้ที่หมื่นกี่พันเท่า นอกจากนั้นในตัวหลิงฮันก็ยังมีทักษะลับจิตวิญญาณอีกด้วย!


พวกเขาแทบจะเป็นบ้า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นขุมสมบัติเดินได้ชัดๆ


ดวงตาของทั้งหกคนที่จ้องมองหลิงฮันนั้นเร่าร้อนยิ่งกว่าตอนนี้จ้องสุ่ยเยี่ยนยวี่เสียอีก


“ทุกคนตั้งสติเอาไว้ให้ดี เจ้าหนูนี่จะใช้ทักษะจู่โจมเข้าจิตวิญญาณของพวกเราโดยตรง!”


“อืม!”


ทั้งสี่คนพยักหน้าและโจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง


หลิงฮันไม่มีแม้แต่โอกาสจะใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร ภายใต้การโมตีของจอมยุทธระดับภูผาวารี่ทั้งหกร่างของเขาถูกทุบตีกระเด็นไปมาราวกับเป็นกระสอบทราย โชคดีที่กายหยาบของเขาไร้เทียมทานทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ


สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบเข้ามาช่วย ด้วยพลังต่อสู้ของนางนางสามารถยื้อไว้ได้เพียงสองคนเท่านั้น อีกสี่คนยังคงกระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮัน


แต่เมื่อสองคนหายไปในที่สุดหลิงฮันก็มีโอกาสใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร แต่ก่อนที่เขาจะนำตัวคนที่หมดสติเข้าไปในหอคอยทมิฬได้เขาก็ถูกอีกสามคนโจมตีเสียก่อน


หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดยเฉพาะสุ่ยเยี่ยนยวี่ นางไม่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทานเหมือนกับหลิงฮัน


“เจ้าหนีไปก่อน!” ร่างของหลิงฮันกระเด็นมาอยู่ใกล้ๆสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาใช้โอกาสนี้ในการกระซิบบอกนาง “ข้าจะถ่วงเวลาพวกเขาไว้ พวกเราจะไปรวมตัวกันอีกครั้งที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ลังเลก่อนจะกล่าว “อืม!”


จอมยุทธหกคนในที่นี้ไม่มีใครสามารถสังหารหลิงฮันได้ นางอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเป็นภาระของหลิงฮัน


ร่างของนางเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปทางด้านข้าง


“อย่าคิดหนี!” จอมยุทธสองคนที่เมื่อครู่ปะทะอยู่กับสุ่ยเยี่ยนยวี่ตะโกนออกมาทันที หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารเพื่อรั้งทั้งสองเอาไว้ แต่อีกสี่คนก็รีบมาสมทบโดยไม่ให้เขามีโอกาสนำตัวทั้งสองเข้าไปในหอคอยทมิฬ


หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “เข้ามา ท่านปู่คนนี้จะเป็นคนเล่นกับพวกเจ้าเอง!”


“ฉื่อหาว ตงหมิง พวกเจ้าตามสตรีผู้นั้นไป!”


กลุ่มหกคนตัดสินใจแบ่งคนไล่ตามสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่หลิงฮันได้ใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราโจมตีถ่วงเวลาทั้งสองคนเอาไว้ เมื่อทั้งสองคนกลับมาตั้งหลักได้ สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็หลบหนีไปจนเห็นเป็นเพียงเงาเท่าเม็ดถั่วแล้ว


ทั้งหกคนเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก พวกเขายืนล้อมรอบหลิงฮันพร้อมกับจิตสังหารที่พลุกพล่าน


“วีรบุรุษที่ช่วยสาวงาม ช่างน่าชื่นชมจริงๆ”


“แล้วหลังจากนี้เจ้าจะช่วยให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้อย่างไรล่ะ?”


“กายหยาบของเจ้าไร้เทียมทานก็จริง แต่ขอแค่พวกข้ามีเวลาพวกข้าก็ค่อยๆโจมตีเจ้าไปก็ได้!”


“พวกเราจะสังหารเจ้าและดึงความทรงจำของเจ้าออกมาเพื่อช่วงชิงทุกสิ่ง!”


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “ถ้าพวกเจ้าคิดจะทำเช่นนั้นก็คงต้องหาตัวข้าให้เจอเสียก่อน!”


‘พรึบ’ ร่างของหลิงฮันหายไปทันที


ทั้งหกคนชะงักก่อนอุทานออกมาอย่างบ้าคลั่ง


“หายไปแล้ว!”


“ต่อให้เขาเข้าไปซ่อนในอุปกรณ์มิติจริงๆ แล้วอุปกรณ์มิติที่ว่ามันอยู่ไหนกัน?”

 

 

 


ตอนที่ 952

 

หลิงฮันเข้ามาในหอคอยทมิฬ เขานั่งลงแล้วถือผลึกภูผาวารีไว้ในมือ


หลังจากที่เข้ามาในเขตแดนลี้ลับ หลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่ไร้พ่ายทำได้แค่พึ่งพาทักษะจิตเจ็ดสังหารกับหอคอยทมิฬเท่านั้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุขนัก


ตอนนี้เขาต้องการความแข็งแกร่ง


อย่างแรกเขาจะต้องทะลวงผ่านระดับภูผาวารีก่อนถึงจะจัดการพวกมันได้


จากจอมยุทธระดับทลายมิติก้าวเข้าสู่ระดับภูผาวารีคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากมนุษย์สู่พระเจ้า


แค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นก็มีอายุขัยมากถึงหนึ่งแสนปีแล้ว และทุกครั้งที่บรรลุแต่ละขั้นก็จะได้รับอายุขัยเพิ่มอีกหนึ่งแสนปี


หลังจากที่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราจะมีอายุขัยเริ่มต้นที่หนึ่งล้านปี


ดังนั้นไม่ว่าทะลวงผ่านระดับใดก็ตาม ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น


หากยังไม่ทะลวงผ่านระดับพระเจ้า ก็จะเป็นได้แค่มด


โดยปกติจะใช้เวลาเป็นเดือน ปี หรือหลายร้อยปีที่จะทะลวงผ่านระดับพระเจ้า แต่เมื่อมีผลึกภูผาวารีจะเป็นเรื่องง่ายทันที หลังจากที่ดูดซับพลังจากผลึกจะทำให้ผู้ใช้ก้าวเข้าสู่ระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะต้องใช้ความเข้าใจและความสามารถของตนเอง


หลิงฮันถือผลึกภูผาวารีไว้ในมือและเริ่มทำการดูดซับพลังของมัน


พลังที่อัดแน่นอยู่ในผลึกภูผาวารีไหลผ่านเข้าไปในตันเถียนของหลิงฮันโดยตรง และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในร่างกายของเขา


ห้วงจิตวิญญาณของหลิงฮันเริ่มเหือดแห้งและแก่นวิญญาณเริ่มสลายตัว ในไม่ช้าตันเถียนของเขาก็พังทลาย


แต่นี่คือการทำลายเพื่อสร้างขึ้นมาใหม่


ยิ่งหลิงฮันดูดซับพลังจากผลึกภูผาวารีมากเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงก็จะยิ่งออกมาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ในท้ายที่สุด เมื่อหลิงฮันดูดซับพลังจากผลึกภูผาวารีจนหมด พื้นปฐพีก็เกิดรอยแยกและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แล้วมีเนินเขาโผล่ขึ้นมา


ปัง หลิงฮันรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เนินเขานั้นได้ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมาและกำลังทำการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขา


หรือว่านี่คือภูเขาของระดับภูผาวารี?


“ตอนนี้ข้าทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว?”


หลิงฮันลุกขึ้นยืนแล้วรู้สึกหิวขึ้นมาทันที แต่นี่ไม่ใช่ความหิวแบบหิวข้าวหรืออะไรแบบนั้น แต่มันคือความหิวที่กระหายพลัง


หลิงฮันนำหยดวิญญาณจำนวนมากออกมาและกลืนกินมันอย่างบ้าคลั่ง และกลั่นหยดวิญญาณในชามพลิกสวรรค์และเทลงไปในปากเพื่อเติมเต็มความต้องการของตนเอง


จากมนุษย์สู่พระเจ้าถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด หลิงฮันตระหนักว่าหากก่อนหน้านี้เขากลืนกินหยดวิญญาณมากมายขนาดนี้ ร่างกายของเขาคงระเบิดตายไปแล้ว


แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงหิวอยู่


จนกระทั่งหยดวิญญาณภายในหอคอยทมิฬหมดไปครึ่งหนึ่ง ในที่สุดความหิวกระหายของหลิงฮันก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยพลังอันเอ่อร้นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้


ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายร้อยเท่า!


พรึบ หอคอยน้อยปรากฏตัวออกมาและพูดว่า “การที่เจ้าทำแบบนี้เพื่อทะลวงผ่าน มันไม่ดีสำหรับตัวเจ้า”


“ข้ารู้!” หลิงฮันพยักหน้า “ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจะต้องทะลวงผ่านระดับภูผาวารีเท่านั้น แต่หลังจากที่กลับ ข้าจะฝึกฝนให้รากฐานมั่นคงอีกครั้ง”


หอคอยน้อยพยักหน้าและพูดว่า “ยังไงก็ตาม ตอนนี้เจ้าก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้ว ดังนั้นหอคอยทมิฬชั้นที่สี่เปิดแล้ว”


“ชั้นเพลิงสวรรค์!” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ


“ใช่แล้ว และเจ้าสามารถเรียกใช้เพลิงสวรรค์ในหอคอยทมิฬนี้ได้” หอคอยทมิฬน้อยกล่าว


“ข้าสามารถนำมันมาใช้โลกภายนอกได้หรือไม่?” หลิงฮันถาม


“ไม่ใช่ตอนนี้” หอคอยทมิฬน้องแกว่งไปมาเล็กน้อย นี่หมายความว่ามันกำลังส่ายหัว “หากหอคอยทมิฬยังไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ตอนนี้เจ้าจะสามารถใช้พลังของหอคอยทมิฬได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนที่เล็กที่สุดของมัน”


“ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องออกไปรับทัณฑ์สวรรค์” หอคอยน้อยกล่าว


หอคอยทมิฬนั้นน่าอัศจรรย์มาก แม้กระทั่งทัณฑ์สวรรค์มันก็ยังสามารถแยกได้ นี่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ภายในหอคอยทมิฬเป็นมิติแยกอิสระอย่างแท้จริง


หลิงฮันพยักหน้าและออกมาจากหอคอยทมิฬ ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นเมฆสีชาดกระจายอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับสายฟ้าที่ผ่าอยู่ด้านใน


ทัณฑ์สวรรค์กำลังจะผ่าลงมา


หลิงฮันไร้ซึ่งความหวาดกลัว เขาจะใช้ประโยชน์จากทัณฑ์สวรรค์เพื่อทำให้กระดูกและกายหยาบยกระดับเป็นระดับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สอง


“เกิดอะไรขึ้น!’ ไม่ไกลจากหลิงฮัน มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ในตอนแรกสีหน้าของเขาดูประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณเรียกสหายของเขาให้มาที่นี่


เขาเป็นหนึ่งในเจ็ดคนก่อนหน้านี้ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะหาตัวหลิงฮันไม่พบ แต่ก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม แล้ววางกำลังพลกระจายไปทั่วพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อรอให้หลิงฮันปรากฏตัวออกมา


พวกเขารอไม่เลิกจริงๆ


ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หลังจากที่หลิงฮันดูดซับพลังจากผลึกภูผาวารีเพียงแค่วันเดียว เขาก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว อย่างไรก็ตามคนที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีจะแข็งแกร่งกว่าคนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีมานานแล้วได้อย่างไร?


ตอนนี้เขายังไม่เคลื่อนไหว หากเขาเคลื่อนไหวแล้วโดนทัณฑ์สวรรค์ไปด้วยมันอาจทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก


นอกจากนี้ ทำไมเขาจะต้องกังวลด้วย?


หลังจากที่รับทัณฑ์สวรรค์ หลิงฮันจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน – เพราะนี่เป็นประสบการณ์ที่เขาเคยเผชิญหน้ามาแล้ว ความกังวลของเขาจึงลดน้อยลง


พรึบ ในไม่ช้า สหายทั้งห้าคนของเขาก็เดินทางมาถึงและเห็นหลิงฮันกำลังยืนรอรับทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะแสยะยิ้มออกมา


หากเจ้าซ่อนตัว พวกข้าคงหาตัวเจ้าไม่เจอ นี่เจ้าโง่เขลาแค่ไหนกันถึงยืนรับทัณฑ์สวรรค์ที่นี่? หรือเจ้าคิดจะรนหาที่ตาย?


เปรี๊ยง สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า


หลิงฮันยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจ แต่สิ่งที่เขากังวลคือพลังของทัณฑ์สวรรค์หลังจากที่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารี เพราะการที่ทัณฑ์สวรรค์ฝ่าลงมาถือเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นจะมีสักกี่คนที่สามารถต้านทานทัณฑ์สวรรค์ได้?


เปรี๊ยง สายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง ร่างกายของหลิงฮันถูกอาบไปด้วยสายฟ้า เขาโคจรพลังเพื่อต่อต้านทัณฑ์สวรรค์


แต่ทัณฑ์สวรรค์ไม่สามารถทำให้หลิงฮันบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายที่ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บแทน ในไม่ช้ากระดูกของเขาก็กลายเป็นเศษกระดูกมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อเริ่มต้นกระบวนการสร้างขึ้นมาใหม่


หลังที่ทะลวงผ่านทุกครั้ง ข้าจะต้องทำแบบนี้ทุกครั้งเลยหรือไม่?


หลิงฮันพูดอยู่ในใจ นี่เป็นเหมือนการทรมานตัวเองอย่างเห็นได้ชัด


“ทุกครั้งที่ระดับพลังของข้าเพิ่มขึ้น ข้าจะต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์และทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายแบบนี้ทุกครั้งเลยหรือ?” หลิงฮันถาม


“ใช่แล้ว!” หอคอยน้อยตอบกลับ “มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้กายหยาบของเจ้าได้รับความเสียหาย แต่ไม่ถึงขั้นถูกทำลาย และ


“เจ้าไม่มีเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำให้ทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งเลยหรือไง?” หลิงฮันถามติดตลก


“เจ้าคิดว่าข้าจะมีเม็ดยาแบบนั้นรึ?” หอคอยน้อยถามกลับ


“แน่นอนว่าไม่” หลิงฮันหัวเราะ สายตาของเขาเปล่งประกาย และเริ่มปรับโครงสร้างร่างกายของเขาใหม่

 

 

 


ตอนที่ 953

 

หลิงฮันไม่โคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แต่ควบแน่นกระดูกในร่างแทน


เมื่อเขาขัดเกลากระดูกผ่านทัณฑ์สวรรค์ กายหยาบของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น


หลิงฮันไม่สามารถใช้หยดวารีอมตะได้ ไม่เช่นนั้นหากกระดูกที่เสียหายจากทัณฑ์สวรรค์ฟื้นฟูสภาพกลับมาเหมือนเดิม กระดูกของเขาก็จะไม่ถูกขัดเกลาและกายหยาบก็จะไม่เพิ่มขึ้นเป็นแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง


“ไม่นะ เจ้าหนูนั่นจะตายเพราะทัณฑ์สวรรค์รึเปล่า!” ทั้งหกคนอุทานด้วยสีหน้าผิดหวัง


พวกเขาต้องการที่จะสังหารและนำความทรงจำของหลิงฮันออกมาล้วงความลับ แต่ทัณฑ์สวรรค์ได้เริ่มขึ้นแล้ว แล้วใครกันจะกล้าลงมือกับหลิงฮัน?


การขัดขวางทัณฑ์สวรรค์ของคนอื่น คนที่ขัดขวางก็จะถูกทัณฑ์สวรรค์เช่นกัน


“เขาน่าจะยังไม่ตาย ไม่เช่นนั้นทำไมทัณฑ์สวรรค์ถึงยังไม่หายไปล่ะ?” หนึ่งในหกคนเอ่ย


“ถูกแล้ว ถ้าจอมยุทธที่รับทัณฑ์สวรรค์ตกตาย ทัณฑ์สวรรค์ก็จะสลายไปทันที”


“นั่นหมายถึงเจ้าหนูนั่นยังไม่ตาย!”


“เฮ้อ ถ้าเขายังไม่ตายก็ดี แม้เขาจะไม่ตายแต่กายหยาบของเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บเพราะทัณฑ์สวรรค์เป็นแน่ เช่นนั้นการสังหารเขาก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น”


พวกเขากลับมามีท่าทีตื่นเต้นอีกครั้ง พวกเขามั่นใจในพลังอำนาจของทัณฑ์สวรรค์ ทัณฑ์สวรรค์นั้นมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวจนแม้แต่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็ไม่กล้าผลีผลาม


มีใครบ้างที่เมื่อผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้วจะไม่สูญเสียพลังไปกว่าครึ่ง?


ผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดกระดูกของหลิงฮันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ เขาโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อซ่อมแซมกระดูกที่เสียหาย ตอนนี้กระดูกของเขากลายเป็นแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองแล้ว ความทนทานของมันเพิ่มขึ้นจากเดิมหนึ่งขั้น


หลังจากกระดูกที่เสียหายคืนสภาพ โลหิตและกล้ามเนื้อก็ถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่ สภาพร่างกายของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว


เขาใช้เวลาที่เหลือในการดูดซับพลังของสายฟ้าและขัดเกลากายาอัสนี แต่เขากลับพบว่าความสามารถในการดูดซับสายฟ้านั้นมีจำกัด ไม่ใช่เพราะกายหยาบของเขาไม่แข็งแกร่งพอแต่เป็นเพราะทักษะอันสนีบาตเก้าทิวาไม่สามารถเปลี่ยนพลังสายฟ้าที่ดูดซับให้เป็นพลังของเขาได้


นั่นเป็นเพราะทักษะอัสนีบาตรเก้าทิวาเป็นทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมาอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่ต่างอะไรกับทักษะธรรมดา


หลิงฮันอดส่ายหัวไม่ได้ เมื่อคิดให้ดีทักษะสามดาบเร้นลับเองก็เป็นทักษะสืบทอดของนิกายดาบสวรรค์ ซึ่งตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายดาบสวรรค์คือจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา เพราะงั้นในไม่ช้าทักษะดาบนี้คงจะถึงคอขวดที่ไม่สามารถแสดงอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้นได้


หากไม่ใช่ทักษะที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง การจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ในจุดนี้หลิงฮันรู้สึกชื่นชมจักรพรรดิพิรุณมากที่สร้างทักษะหมัดแห่งบุตรสวรรค์ของตนเองขึ้นมา ทักษะหมัดแห่งบุตรสวรรค์ของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมๆกับระดับพลังบ่มเพาะของเขา


‘พรึบ’ อักขระสีทองปรากฏขึ้นในหัวของหลิงฮัน อักขระเหล่านั้นเริ่มรวมตัวกันกลายเป็นรูปแบบคำบางอย่าง


มันคือทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา


ไม่สิ มันไม่ใช่ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราที่เขาเคยฝึกฝน แต่เป็นทักษะใหม่


นี่คือทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราที่แท้จริง มังกรที่สามารถบดขยี้ได้แม้แต่ดวงดาว! มีเพียงเมื่อทะลวงผ่านเป็นจอมยุทธระดับพระเจ้าแล้วเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเรียนรู้ทักษะนี้


ก่อนหน้านี้หลิงฮันยังไม่ใช่จอมยุทธระดับพระเจ้าจึงไม่สามารถเรียนรู้ทักษะที่แท้จริงได้


หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ทัณฑ์สวรรค์ค่อยๆสลายหายไป ตอนนี้เขาเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแล้ว ด้านหลังของเขามีภาพของภูผาวารีที่กำลังก่อตัว


เมื่อสายฟ้าสายสุดท้ายผ่าลงมา ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็กลับไปเป็นสีแดงเข้มดั่งเดิม


‘ตุบ’ ทั้งหกคนกระโดดเข้ามายืนล้อมรอบตัวเขา


“นับว่ากล้าไม่เบาที่บังอาจดูดซับผลึกภูผาวารีของพวกข้า!”


“แต่เจ้าที่ถูกทัณฑ์สวรรค์โจมตีอย่างสาหัส แม้จะใช้สมุนไพรหรือเม็ดยาฟื้นฟูใดๆก็ไม่อาจกลับมามีสภาพสมบูรณ์ได้แน่นอน” ทั้งหกคนแสยะยิ้ม


ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น แต่สองคนในกลุ่มพวกเขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว สามคนก็บรรลุชั้นปลาย ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นระดับภูผาวารีขั้นกลาง


พวกเขาจะไม่สามารถจัดการจอมยุทธที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้เชียวรึ?


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้ารอพวกเจ้าอยู่แล้ว ครั้งนี้ข้าจะได้ชดใช้หนี้คืนพวกเจ้าเสียที! เข้ามาเลย จะทีละคนหรือหกคนพร้อมกันดีล่ะ?”


“ช่างปากดี!”


“คิดว่าแค่ก้าวผ่านระดับพระเจ้าแล้วเจ้าจะเหาะเหินบนท้องฟ้าได้?”


“ฉื่อหาว เจ้าเป็นคนจัดการเขา!”


“อืม!”


รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งปล่อยฝ่ามือใส่หลิงฮันอย่างไม่แยแส ‘พรึบ’ ด้านหลังของเขาปรากฏเงาภาพของภูผาและวารี


เขาเป็นตอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นปลาย สายวารีของเขาจึงยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก


หลิงฮันยังไม่แน่ใจในพลังต่อสู้ของตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาทอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาควบแน่นพลังระดับภูผาวารีและปล่อยใหม่ปะทะกับอีกฝ่าย


‘ตูม!’


ฝ่ามือของทั้งสองเข้าปะทะกัน แต่ฝ่ามือของทั้งสองคนก็โต้ตอบกันได้เพียงชั่วครู่ก่อนที่มือของฉื่อหาวจะบิดเบี้ยว ‘แคร่ก แคร่ก แคร่ก’ กระดูกของฉื่อหาวแตกหักไปจนถึงช่วงไหล่


ทันใดนั้นทุกคนก็กลายเป็นแน่นิ่ง


นี่ตาของพวกเขาฝาดรึเปล่า?


ดวงตาของอีกห้าคนเปิดกว้าง ไม่ใช่ว่าฝ่ายที่กระดูกสมควรจะเป็นหลิงฮันหรอกรึ? พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น


พลังต่อสู้และกายหยาบเช่นนั้นมันอะไรกัน แต่หลิงฮันปล่อยหมัดออกมาก็ทำให้กระทั้งแขนของฉื่อหาวแตกหักได้แล้ว


“อ้ากก!” ฉื่อหาวเองก็ตกตะลึง เขารู้สึกจนปวดจนกรีดร้องออกมา ร่างของเขาค่อยๆเดินล่าถอยพร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดกลัว


“พลังของหมัดเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นจะมีได้!”


“ระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นต้น หรืออาจจะสูงกว่านั้น!”

 

 

 


ตอนที่ 954

 

ใบหน้าของทั้งหกคนตกตะลึง


พวกเขาหวาดกลัวอย่างมาก เจ้าหนูนี่เพิ่งจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแท้!


นี่มันอัจฉริยะสี่ดาวหรืออาจจะห้าดาว?


หลิงฮันยิ้มอย่างพึงพอใจ ตอนนี้เขามีพลังต่อสู้เท่ากับอัจฉริยะสี่ดาว แต่ถ้าหากเขาใช้เนตรแห่งสัจธรรม สามดาบเร้นลับและทักษะศักดิ์สิทธิ์อื่นๆล่ะ?


“เข้ามาๆ มาให้ข้าสนุกเพิ่มอีกหน่อยสิ!” เขาตื่นเต้นและอดใจรอที่จะทดสอบพลังของตนเองไม่ไหวแล้ว


“เกรงว่าเจ้าจะไม่ได้สนุกอย่างที่หวัง!” ทั้งหกคนคำราม ฉื่อหาวที่ได้รับบาดเจ็บนำเม็ดยาออกมากินเพื่อฟื้นฟูกระดูกที่แตกหัก แม้จะไม่สามารถฟื้นฟูได้สมบูรณ์แต่เขาก็ยังพอสู้ต่อได้ในช่วงระยะสั้นๆ


พวกเขานำอาวุธออกมา อาวุธของพวกเขาแต่ละคนไม่ใช่ดาบก็เป็นกระบี่ที่รู้เรียบง่าย


หลิงฮันหัวเราะและเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน กายหยาบของเขาในตอนนี้คือแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ในเขตแดนลี้ลับนี้ใครจะสามารถคุกคามเขาได้?


ทั้งหกคนไม่กล้าปะทะกับหลิงฮันตรงๆ พวกเขากระโดดหลบไปด้านข้างก่อนจะลงมือตอบโต้


กระบี่และดาบในมือของพวกเขาถูกกวัดแกว่งพร้อมกับมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายออกมา


อาวุธเหล่านี้ไม่ใช่แค่หลอมขึ้นจากแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ด้วย


อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์!


หลิงฮันพยักหน้าในใจ ถึงแม้เขาจะมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่กล้าประมาท


เขาลองนำชามพลิกสวรรค์ออกมาเพื่อลองดูว่าเขาจะดูดกลืนอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นได้หรือไม่


‘พรึบ’ รูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์บนชามพลิกสวรรค์ส่องสว่าง มันลอยขึ้นเพื่อปะทะกับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่น


พวกมันมีพลังอำนาจเท่ากัน!


หลิงฮันถอนหายใจ ดูเหมือนว่าประโยชน์ของชามพลิกสวรรค์จะมาได้แค่นี้ การที่มันไม่สามารถดูดกลืนอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งของทั้งหกคนได้ก็หมายถึงมันมีระดับเท่ากัน


บนโลกใบเล็ก ชามพลิกสวรรค์กับขวดต้องสาปทำประโยชน์ให้เขาอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพวกมันเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในระดับล่างสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์


4


หลิงฮันลองคิดคำนวณพลังต่อสู้ของตนเอง


ถ้าหากไม่ใช้ทักษะยุทธใดๆและพึ่งเพียงพลังของเขาเพียวๆ พลังต่อสู้ของเขาจะเป็นสี่ดาว แต่ถึงแม้เขาจะโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาหรือสามดาบเร้นลับ พลังของเขาก็ยังคงเป็นสี่ดาวอย่ดี ไม่สามารถบรรลุห้าดาว


มีเพียงการใช้ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์หลายๆทักษะพร้อมกับเท่านั้นพลังต่อสู้ของเขาถึงจะเป็นห้าดาว


เขาเข้าใจแล้วว่าการสู้ข้ามระดับเมื่อบรรลุระดับพระเจ้าแล้วมันยากเย็นขนาดไหน หลิงฮันคือว่าโชคดีมากที่ขัดเกลาพลังต่อสู้ระดับทลายมิติจนถึงยี่สิบดาวได้ ดังนั้นพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จึงเป็นสี่ดาว


“ข้ายังไม่ได้ลองใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอันใหม่เลย” หลิงฮันกล่าวในใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะใช้ทักษะนี้ออกไปตอนนี้เนื่องจากการยิงทักษะนี้ออกไปจะสิ้นเปลืองพลังในร่างขอเขาจนเกือบหมด หากใช้ออกไปก็คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าพลังของเขาจะฟื้นกลับมา


นอกจากนั้นพลังของทั้งหกคนก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร พวกเขาไม่ควรค่าที่เขาจะใช้ทักษะที่ทรงพลังขนาดนั้น


“ข้าเบื่อจะเสียเวลากับพวกเจ้าแล้ว!” หลิงฮันออกแรงโจมตีมากขึ้นและลงมือสังหารศัตรูจนเหลือเพียงสองคนในพริบตา


สองคนที่เหลือจ้องมองหน้ากัน พวกเขามองเห็นความหวาดกลัวอันล้นพ้นจากใบหต้าของแต่ละฝ่าย พวกเขารีบขยับเท้าเผ่นหนีกันไปคนละทางทันที


“ฮึ่ม!” หลิงฮันใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหารใส่จอมยุทธที่หนีไปทางซ้าย เมื่ออีกฝ่ายชะงักเขาก็ใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพีโมตีใส่ศีรษะอีกฝ่ายจนตกตาย


แต่ในขณะเดียวกันคนที่หนีไปฝั่งขวาก็เคลื่อนที่ไปไกลกว่าร้อยฟุตแล้ว


หลิงฮันนำคันศรและลูกศรออกมาพร้อมกับยิงทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไป


เขาไม่ได้ใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอันใหม่ แต่แค่ทักษะศรอันนี้ก็ทรงพลังมากพอแล้ว


‘ฉัวะ’ ลูกศรแทงทะลวงผ่านหัวใจของชายคนนั้น


ชายคนนั้นหันหน้ากลับมาราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หน้าอกของเขาก็ระเบิดออกและตกตายไปเสียก่อน


หลิงฮันเดินไปยังตำแหน่งของขายคนนั้นและเก็บลูกศรกลับมา ลูกศรดอกนี้เขาได้มาจากนักฆ่าของสมาคมราตรีนิรันดร์ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตมาก่อน แต่ลูกศรดอกนี้ก็สลักรูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เช่นกัน


เขาเก็บอุปกรณ์มิติของทั้งหกคนมาแบบไม่ตกหล่น รวมๆแล้วอุปกรณ์มิติของพวกเขามีผลึกก่อเกิดอยู่หนึ่งร้อยก้อน นี่เป็นเพียงผลประโยชน์เล็กน้อยเท่านั้น ที่ทำให้หลิงฮันตื่นเต้นคือยังมีเนื้อพลังปราณสามชิ้นและผลึกภูผาวารีสองก้อน!


“ไม่น่าแปลกใจทำไมผู้คนถึงชอบการฆ่าเพื่อช่วงชิงสมบัติของผู้อื่น”


“แต่ว่าหากคิดจะสังหารคนอื่น คนอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะสังหารกลับเช่นกัน”


“แม้ข้าจะไม่ลงมือปล้นชิงคนอื่นก่อน แต่ถ้าพวกเขามีความคิดเช่นนั้นกับข้าล่ะก็… เหอๆ”


นอกจากของที่ว่าเขาก็ยังเก็บอาวุธของคนทั้งหกมาด้วย แต่เขาไม่กล้าใช้มันที่นี่ หากเขาทำเช่นนั้นก็เหมือนเป็นการประกาศว่าเขานั่นเองก็เป็นคนสังหารคนทั้งหก


“ไว้เมื่อกลับจักรวรรดิข้าค่อยนำออกมาใช้แล้วกัน”


หลิงฮันเริ่มตรวจสอบทิศทางที่เขาควรจะมุ่งหน้าไป ในเขตแดนลี้ลับนี้ไม่มีทั้งพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทำให้ไม่สามารถดูทิศเหนือหรือใต้ได้


แต่ก่อนหน้านี้เขาได้จดจำแผนที่ของสุ่ยเยี่ยนยวี่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเปรียบเทียบภูมิประเทศของพื้นที่รอบๆกับแผนที่ที่จำมา เขาก็มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์


“ฮือออ” ขณะที่เขาออกเดินทางได้ไม่นานเขาก็ได้ยินร้องไห้ดังมาจากดงป่าด้านข้าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)