Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 943-946
ตอนที่ 943
“เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์กำลังจะเปิดออกแล้ว!”
ไม่รู้ว่าใครเอ่ยขึ้นมา แต่ทุกคนก็แหงนหน้ามองทองฟ้าพร้อมกัน
หลิงฮันที่มองขึ้นไปก็พบกับท้องฟ้าสีครามเช่นเดิม แต่ในทันใดนั้นเองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก็เกิดรอยร้าว ภายในรอยร้าวนั้นมีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อยู่
คลื่นที่กระหน่ำอยู่ในมหาสมุทรนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก แค่จ้องมองก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
‘ครืนน’ บนพื้นปรากฏช่องว่างมิติขนาดใหญ่ น้ำจากมหาสมุทรไหลทะลักลงมาจากรอยร้าวกลายเป็นน้ำตกจากฟากฟ้า และน้ำที่ไหลตกลงมาจากฟากฟ้าก็ไหลกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง
น้ำตกได้กลายเป็นทางเชื่อมต่อเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับ
เสียงน้ำตกนั้นดังก้องกังวลไปทั่วบริเวณจนไม่สามารถได้ยินแม้แต่เสียงพูดจากคนรอบข้าง
หลิงฮันที่มองอยู่รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก น้ำตกที่ไหลลงมานั้นหากไม่วนกลับขึ้นไปยังท้องฟ้า เป็นไปได้ว่าแม้แต่ดาวดวงนี้ก็อาจจะพังทลายได้
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ถึงถูกเรียกว่า “มหาสมุทรสวรรค์”
ทุกคนในตอนนี้ต้องใช้สัมผัสสวรรค์ในการพูดคุยกันเนื่องจากสิ่งที่พวกเขาได้ยินผ่านหูมีเพียงเสียงจากน้ำตก
“นั่นคือมหาสมุทรสวรรค์ ไม่มีใครที่เข้าไปยังรอยร้าวนั่นแล้วมีชีวิตกลับมา” หลินยู่กล่าว “เคยมีปรมาจารย์ระดับดาราควบคุมเรือรบลอยเข้าไปหามหาสมุทรนั่น แต่ผลลัพธ์ก็คือเรือรบถูกบดขยี้เป็นเศษซาก ปรมาจารย์ผู้นั้นเองก็ไม่สามารถหลบหนีมาได้แม้แต่จิตวิญญาณ”
ณ ดาวดวงนี้จอมยุทธระดับดาราคือตัวตนที่ไร้พ่าย หากแม้แต่จอมยุทธระดับดารายังไม่สามารถเข้าไปได้ เช่นนั้นมหาสมุทรบนรอยร้าวนั่นก็คงเป็นเขตต้องห้ามจริงๆ
“ดูนั่น!”
“มีอะไรร่วงลงมาด้วย!”
ใครบางคนชี้ขึ้นไปยังน้ำตกที่เชื่อมต่อท้องฟ้ากับปฐพี
หลิงฮันจ้องไปที่ตำแหน่งนั้น ตรงคลื่นน้ำตกที่ไหลสู่ทางเข้าเขตแดนลี้ลับมีบางสิ่งที่ส่องแสงสว่างอยู่ แต่เขาไม่สามารถมองออกว่ามันคืออะไร
หลิงฮันโคจรเนตรแห่งสัจธรรมถึงจะเห็นว่าแสงสว่างสีขาวนั่นคืออะไร
“มันคือก้อนโลหะ!”
“โลหะสีขาว!”
“ไม่น่าเชื่อ คลื่นน้ำตกนั่นสามารถบดขยี้ได้แม้แต่เรือรบและสังหารปรมาจารย์ระดับดารา แต่ก้อนโลหะนั่นกลับสามารถลอยอยู่ได้โดยไม่ถูกกัดกร่อน”
“โลหะนั่นจะต้องทนทานมากแน่ๆ”
“แร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง มันสามารถใช้หลอมเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก! หากแม้แต่อำนาจกัดกร่อนของมหาสมุทรสวรรค์มันยังต้านทานได้ งั้นในโลกนี้ก็คงไม่มีสิ่งใดที่จะทำลายมันได้!”
จอมยุทธระดับสูงหลายคนอุทานออกมา… แร่โลหะชิ้นนี้มีค่าเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการออก
ภายในพริบตา แววตาของทุกคนก็ลุกโชน
หลิงฮันเองก็หวั่นไหวเหมือนกัน แร่โลหะเช่นนั้นใครจะไม่อยากได้?
ยิ่งกว่านั้นแม้คนอื่นจะไม่สามารถหลอมแร่โลหะชิ้นนั้นได้ แต่เขาที่มีหอคอยทมิฬจะทำไม่ได้งั้นรึ?
“หอคอยน้อย เจ้าสามารถหลอมมันได้รึไม่?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“ข้าไม่เห็นมันแล้วข้าจะรู้ไหม?” หอคอยน้อยเค้นเสียง “แต่ว่าตราบใดที่มันยังเป็นแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ มันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยาก”
หลิงฮันจับใจความบางอย่างได้และกล่าว “ยังมีแร่โลหะที่เหนือกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเจ้าไม่สามารถหลอมได้ด้วยงั้นรึ?”
“แน่นอน เจ้าคงคิดไม่ถึงแน่ว่าหอคอยทมิฬสร้างขึ้นจากโลหะระดับใด!” หอคอยน้อยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“แร่โลหะระดับใดกัน?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัย
“แร่โลหะนิรันดร์!” หอคอยน้อยไม่กล่าวคำพูดอย่างเคยที่ว่าเจ้ามีพลังบ่มเพาะต่ำเกินไป รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ “แร่โลหะระดับนิรันดร์คือแร่โลหะที่เหนือกว่าแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้แร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์จะมีหลายระดับ แต่แร่โลหะระดับนิรันดร์มีเพียงระดับเดียวเท่านั้น”
ในขณะที่เขากำลังพูดคุย แร่โลหะสีขาวก็ร่วงลงไปยังทางเข้าเขตแดนลี้ลับ
“เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์เปิดออกแล้ว ทำไมพวกเรายังไม่เข้าไปอีก?”
“ถ้าไม่เข้าตอนนี้แล้วจะเข้าตอนไหน!”
“พวกเจ้าต้องหาแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์นั่นให้ได้!”
“ใครก็ตามที่นำแร่โลหะนั่นกลับมาให้ข้าได้ ข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม”
ตัวตนระดับสูงคนหนึ่งกล่าวกับทุกคน เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับเองได้เขาจึงทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับรุ่นเยาว์เหล่านี้
“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันคว้ามือสุ่ยเยี่ยนยวี่เอาไว้ ไม่เช่นนั้นเมื่อเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับแล้วพวกเขาก็จะแยกกันไปคนละที่
“เจ้าโง่ รอคุณหนูผู้นี้ด้วย!” หลีเหว่ยเหว่ยรีบไล่ตามไป
“คุณหนูสี่!” ถังเฟยรีบหยุดหลีเหว่ยเหว่ยเอาไว้เพราะต้องการอยู่สองต่อสองกับหลีเหว่ยเหว่ย
“ช่างกล้า!” หลีเหว่ยเหว่ยลงมือโจมตี แม้พลังต่อสู้ของนางจะไม่สามารถคุกคามถังเฟยได้ แต่สร้อยประคำที่นางสวมอยู่ที่คอทำให้ฝ่ามือที่นางปล่อยออกไปโจมตีถังเฟยจนกระอักโลหิตออกมา
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์!
ถังเฟยอุทานในใจ นี่ต้องเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่ ไม่เช่นนั้นจอมยุทธระดับทลายมิติเช่นนางคงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ มันคงเป็นอุปกรณ์ที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายในนางเอาไว้เพื่อป้องกันตัว
……
หลิงฮันที่คว้ามือสุ่ยเยี่ยนยวี่เอาไว้กระโดดเข้าไปในน้ำตก
น้ำตกที่ว่านั้นคลื่นได้ถูกซัดขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ทางเข้าเขตแดนลี้ลับกลับอยู่ด้านล่าง ถ้าหากจอมยุทธคนใดไม่มีความสามารถพอก็จะไม่สามรถเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับได้
หลิงฮันแสดงพลังที่ฝืนสวรรค์ออกมา ด้วยพลังต่อสู้ติดตัวยี่สิบดาวและกายหยาบที่แข็งแกร่งของเขา คลื่นน้ำที่ไหลผ่านทำให้เขารู้สึกแค่เหมือนกับกำลังถูกนวด
“เจ้าช้าเกินไป!” เสียงของสุ่ยเยี่ยนยวี่ดังขึ้นผ่านสัมผัสสวรรค์ “เจ้าเข้าไปยังอุปกรณ์มิติเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าลงไปเอง”
หลิงฮันอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเขาซ่อนตัว หอคอยทมิฬจะย่อขนาดลงจนเล็กกว่าเศษฝุ่นแถมยังไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายใดๆออกมาให้ตรวจจับได้
หากเขาเข้าไป สุ่ยเยี่ยนยวี่จะพาเขาไปได้อย่างไร?
“ในเมื่อเจ้าต้องการแบบนั้นเจ้าก็พาข้าไปตรงๆเลย เพราะอย่างไรหนังของข้าก็หนาอยู่แล้ว แม้เจ้าจะเคลื่อนที่เร็วแค่ไหนคลื่นน้ำตกเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้” เขาไม่ได้อธิบายความสามารถของหอคอยทมิฬให้นางฟัง
สุ่ยเยี่ยนยวี่หันหน้า นางคว้าข้อมือเขาเอาไว้แน่นและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ตอนที่ 944
เมื่อเทียบกับจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้ว ความเร็วของหลิงฮันช้ากว่าพวกเขามาก โดยเฉพาะสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่เป็นอัจฉริยะ ความเร็วของนางไวกว่าหลิงฮันสิบเท่า
เพียงแต่ว่าในคลื่นน้ำตกนี้ ความรุนแรงของมันจะขึ้นอยู่กับพลังบ่มเพาะของจอมยุทธแต่ละคน ในขณะที่หลิงฮันไม่รู้สึกกดดันอะไรแม้แต่น้อย สุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาสีหน้าเคร่งเครียดและความเร็วของนางก็ค่อยๆช้าลง
“ให้ข้าจัดการเองดีกว่า!” หลิงฮันเป็นฝ่ายนำอีกครั้ง
สิ่งที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ต้องทำคือใช้ปราณก่อเกิดคุ้มกันตนเองเพื่อลดแรงกดดัน
ความเร็วของหลิงฮันไม่ได้ว่องไว เขาค่อยๆก้าวเดินอย่างใจเย็นและมั่นคง แต่เมื่อกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เขาก็ยังคงไวกว่า
ในสายตาของเขา แรงกดดันจากคลื่นน้ำนี้สมควรจะเป็นของระดับทลายมิติสิบหกดาว ดังนั้นต่อให้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยี่สิบดาวก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะเมินเฉยมันได้อย่างสมบูรณ์
แรงกดดันของคลื่นน้ำนั้นแตกต่างออกไปตามระดับพลังบ่มเพาะ ยิ่งใครมีพลังบ่มเพาะที่สูงแรงกดดันที่ได้รับก็ยิ่งรุนแรง
แต่หลิงฮันที่มีพลังต่อติดตัวยี่สิบดาวทั้งๆที่ยังไม่ใช้ทักษะใดๆและมีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งนั้นเรียกได้ว่าไร้พ่ายในหมู่จอมยุทธระดับทลายมิติ
เขาควรจะขัดขวางจอมยุทธคนอื่นดีหรือไม่?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวหลิงฮันก่อนที่จะล้มเลิกความคิดนี้ไป
เหตุผลที่มีการตายเกิดขึ้นมากมายในเขตแดนลี้ลับเป็นเพราะที่นั่นไม่มีพยานรู้เห็นและไม่มีหลักฐาน แต่ที่นี่ไม่เหมือนกันเพราะมีพยานรู้เห็นมากเกินไป
ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะลอบโจมตีก็ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จ เหล่าคนที่คิดจะเข้าเขตแดนลี้ลับนั้นใครบ้างจะไม่นำสมบัติที่ช่วยรักษาชีวิตติดตัวมาด้วย?
หลิงฮันส่ายหัวและพาสุ่ยเยี่ยนยวี่เดินหน้าต่อ
หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็มาถึงด้านล่างของน้ำตก ที่นั่นมีประตูขนาดใหญ่อยู่
มันคือประตูหินที่มีขนาดสูงหลายร้อยฟุตและมีภาพของสัตว์อสูรมากมายถูกสลักเอาไว้ สัตว์อสูรแทบจะทั้งหมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่หลิงฮันไม่รู้จัก แต่เขาสามารถสัมผัสได้ราวกับว่าสัตว์อสูรพวกนั้นมีชีวิตและปลดปล่อยแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
หลิงฮันรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย ระหว่างทางที่ลงมานี้เขาไม่พบเห็นแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์เลย
เมื่อทั้งสองเข้าข้ามผ่านประตูไปก็รู้สึกราวกับถูกพลังบางอย่างดูดและบดขยี้พวกเขาเป็นเสี่ยงๆ เขาสองจับมือกันแน่นราวกับว่าไม่ต้องการแยกจากกัน
‘ตุบ’ ทั้งสองคนตกลงสู่พื้นดินพร้อมกัน
สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไปโดยไม่มีร่องรอยของคลื่นน้ำเมื่อครู่แม้แต่น้อย
“ยังไม่ปล่อยอีก?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถลึงตาใส่หลิงฮัน
เขาปล่อยมือและยิ้ม “พวกเราควรมุ่งหน้าไปทางไหนดี?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้เพิ่งเข้ามาที่เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์เป็นครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สอง
“หลังจากเข้ามาที่นี่แล้ว ทุกคนจะถูกสุ่มแยกให้อยู่คนละตำแหน่งรอบๆเขตแดนลี้ลับ ยิ่งได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีเท่าไหร่ โอกาสที่จะหาผลึกภูผาวารีเจอก็ยิ่งมากขึ้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
“นอกจากนั้นก็มีแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วย!” หลิงฮันยังไม่ลืมเรื่องนี้
ถึงแม้แร่ที่ว่าจะไม่ใช่แร่ระดับนิรันดร์ แต่การที่มันสามารถต้านทานอำนาจกัดกร่อนของมหาสมุทรสวรรค์ได้ก็หมายถึงมันเป็นแร่โลหะที่อยู่เหนือโลกใบนี้ อย่างน้อยมันต้องเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบสาม!
สำหรับเรื่องนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ทำได้เพียงส่ายหัว ก่อนหน้านี้แร่โลหะระดับนั้นไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าจะหามันได้อย่างไร
“ถ้ามันร่วงลงมาแบบสุ่มตำแหน่ง บางทีมันอาจจะไปตกอยู่ที่เส้นขอบของเขตแดนลี้ลับก็ได้ พวกเราไม่มีเวลามากพอที่จะเดินไปไกลถึงขนาดนั้น แม้แต่คนอื่นๆก็คงไม่มีทางไปเก็บมันมาได้” นางกล่าว
หลิงฮันถอนหายใจ เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าแร่โลหะที่ว่าจะสุ่มตกลงมาที่ตำแหน่งกลางๆแทน
เขามองดูสภาพแวดล้อมรอบๆซึ่งแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
บริเวณรอบๆเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม
มันเป็นพื้นที่ราบเรียบแต่ก็มีเนินเขาให้เป็นย่อมๆ นอกจากนั้นก็มีทั้งโขดหินสีแดงประดับอยู่ตามพื้นและมีเมฆสีแดงลอยอยู่กลางท้องฟ้า
“โฮกกก!” ในระยะห่างที่ไกลออกไปมีเสียงสัตว์อสูรคำรามดังขึ้นพร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือน
เขตแดนลี้ลับไม่ใช่ดินแดนที่ไร้สิ่งมีชีวิต ที่นี่มีอันตรายมากมายที่จะเกิดขึ้นโดยสัตว์อสูร พวกมันส่วนใหญ่มีพลังระดับภูผาวารีขั้นต้น แต่ก็มีบางตัวที่เป็นขั้นกลางหรือขั้นสูง
เมื่อพบเจอกับสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูง แม้แต่อัจฉริยะสี่ดาวก็ต้องล่าถอย
“โชคดีที่สัตว์อสูรตัวนั้นมีพลังระดับภูผาวารีขั้นต้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่แสดงท่าทีโล่งอกก่อนจะกล่าว “ข้าสู้ไหว”
“ที่ไหนมีสัตว์อสูร ที่นั่นย่อมมีผลึกภูผาวารี” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวต่อ
หลิงฮันถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ทำไมสัตว์อสูรพวกนั้นไม่ดูดซับผลึกภูผาวารีล่ะ?”
“พวกมันคงไม่สามารถดูดซับพลังที่ว่าได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่คาดเดา หากไม่ใช่เช่นนี้ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว ไม่เช่นนั้นวันเวลาที่ผ่านมาหลายปีผลึกภูผาวารีเหล่านั้นก็คงถูกสัตว์อสูรดูดซับจนไม่เหลือ
หลิงฮันพยักหน้า ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นสูงสุดแล้ว สิ่งที่เขาต้องการก็คือผลึกภูผาวารีที่จะช่วยให้เขาสยายปีกเพื่อทะลวงผ่านระดับที่สูงขึ้น
ทั้งสองคนเดินไปยังบริเวณที่มีเสียงของสัตว์อสูรดังขึ้น เมื่อไปถึงพวกเขาก็พบเจอกับโขกหินและสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนกับกระทิงกำลังกัดกินสัตว์อสูรกวางแปดขาอยู่
ราวกับว่ามันสัมผัสกลิ่นอายของหลิงฮันได้ สัตว์อสูรตัวนั้นลุกขึ้นและมองมายังพวกเขา บนหน้าผากของมันมีเขาสีเงินที่แวววาวราวกับเหล็กประดับเอาไว้
ตอนที่ 945
“กระทิงเขาเงิน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทาน
“มันแข็งแกร่งหรือ?” หลิงฮันถาม เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรที่ปรากฏบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย และกระทิงเขาเงินน่าจะเป็นสัตว์อสูรตัวแรกที่เขาเพิ่งเห็น
“สัตว์อสูรตัวนี้เทียบได้กับอัจฉริยะระดับสองดาว” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เขาของเจ้ากระทิงเขาเงินแหลมคมมาก ทั้งยังมีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง แต่จุดอ่อนอย่างเดียวของมันคือความเร็วที่เชื่องช้า”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูด กระทิงเขาเงินหันหน้ามามองพวกเขา เบื้องหลังมันปรากฏภาพเงาของภูผา แต่ยังไม่มีวารี
นี่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเพียงแค่สัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นต้น และจากขนาดของภูผาแล้ว มันน่าจะอยู่ในช่วงกลางของระดับภูผาวารีขั้นต้น
“แต่พลังที่แท้จริงของมันเทียบได้กับระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด!” สุ่ยเยี่ยนยวี่เปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างมันกับพวกเขา “พวกเรามีโอกาสชนะแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น!”
“นี่เจ้าได้รวมข้าเข้าไปแล้วหรือยัง?” หลิงฮันถาม
“เพราะมีเจ้าอยู่ที่นี่จากโอกาสชนะสามสิบเปอร์เซ็นต์เลยเหลือแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เจ้าไม่เห็นความแข็งแกร่งของข้าอยู่ในสายตาเลยหรือ?” หลิงฮันรู้สึกขบขัน
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ความเป็นไปได้น้อยเกินไป ดังนั้นพวกเราไม่ควรไปยุ่งกับมันจะดีกว่า!”
หลิงฮันเองก็ส่ายหัวและพูดว่า “มันสายไปแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้ากระทิงเขาเงินนี่จะไม่ปล่อยพวกเราไป”
ตึง ตึง ตึง กระทิงเขาเงินกำลังพุ่งตรงมาที่พวกเขา
ความเร็วของมันช้ามาก แต่ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือนราวกับสวรรค์และโลกกำลังจะพังทลาย
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าจะสร้างโอกาสให้เอง แล้วเจ้าเป็นคนโจมตีมัน!”
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ อย่าลืมว่าเจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทาน
“อย่าได้ลืมว่าข้ามีพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน!” หลิงฮันกล่าว
หลังพูดจบ หลิงฮันก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับใช้เนตรแห่งสัจธรรม เขายกฝ่ามือขวาดขึ้นมาและโคจรใช้ทักษะฝ่ามือพลิกปฐพีและทักษะอัสนีเก้าทิวา แล้วโจมตีไปที่ดวงตาของกระทิงเขาเงิน
แต่ทว่ากระทิงเขาเงินไม่คิดจะหลบแม้แต่น้อย มันยังคงพุ่งตรงเข้ามาหาหลิงฮัน ปัม เขาเงินพุ่งเข้าใส่หน้าอกของหลิงฮัน แล้วยกเขาแล้วขึ้นฟ้า
หลิงฮันลอยกระเด็นไปไกลราวกับใบไม้
ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีของเขาไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับกระทิงเขาเงินได้แม้แต่น้อย มันมีผิวหนังที่หนาและแข็งมาก อย่างน้อยร่างกายของสัตว์อสูรระดับภูผาวารีก็ไม่มีทางที่จอมยุทธระดับทลายมิติจะทำอะไรมันได้ ซึ่งแตกต่างจากจอมยุทธอย่างสิ้นเชิง
สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบคว้าโอกาสที่หลิงฮันสร้างให้ แล้วใช้ดาบสะบั้นไปที่คอของกระทิงเขาเงิน
แต่ทว่ากระทิงเขาเงินมีไหวพริบที่เฉียบแหลมมาก มันหันหลังกลับไปมองสุ่ยเยี่ยนยวี่และใช้ขาหลังเตะนาง
ปัง!
แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็ลอยกระเด็นไปด้านหลัง นั่นเป็นเพราะนางเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น ในเรื่องของความแข็งแกร่งมันน่าจะแตกต่างกันแค่เล็กน้อย แต่ไม่คิดเลยว่าจะแตกต่างกันขนาดนี้หลังจากที่ลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร ในที่สุดนางก็กลับมายืนหยันได้อีกครั้ง
หลิงฮันลุกขึ้นมาจากพื้นและจับไปที่หน้าอก แล้วพบว่ามันมีโลหิตไหลออกมาจากหน้าอกของเขา แต่แค่เล็กน้อยเท่านั้น
“สมแล้วที่มันถูกเรียกว่ากระทิงเขาเงิน พลังทำลายของมันช่างรุนแรงยิ่งนัก แม้แต่กายหยาบของข้ายังถูกทำลาย” หลิงฮันพูดกับตัวเอง
แต่ถ้าคนอื่นเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาคงจะตกตะลึงจนพูดไม่ออกหลังจากที่จอมยุทธระดับทลายมิติรับการโจมตีจากสัตว์อสูรระดับภูผาวารีแล้วได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ต้องทราบก่อนว่ากระทิงเขาเงินมีชื่อเสียงเรื่องเขาที่แหลมคมของมัน พลังทำลายล้างของมันนั้นน่าทึ่งมาก แม้กระทั่งสัตว์อสูรในระดับเดียวกันยังไม่กล้าปะทะกับมันซึ่งหน้า หากทำแบบนั้นอาจทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจถูกฆ่าตายได้
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นหลิงฮันปลอดภัย แม้ว่านางจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่นางก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงอยู่ดี
หลิงฮันระเบิดเสียงหัวเราะ แล้วกระโจนเข้าใส่กระทิงเขาเงินอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ พวกเราต้องร่วมมือกัน!” หลิงฮันกล่าว “ฟังคำแนะนำของข้า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่อยากจะปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่าหลิงฮันไม่รู้กี่เท่า ทำไมนางจะต้องเชื่อฟังเขาด้วย? แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะพูดแบบนั้น นางเก็บความไม่พอใจไว้ในใจแล้วคิดที่จะฟังหลิงฮันพูด
ดาบของนางเคลื่อนที่เขาหากระทิงเขาเงินอีกครั้ง แต่ไม่รีบที่จะฟาดฟันดาบ แล้วยังคงรอคำแนะนำของหลิงฮัน
“โจมตีเลย!” หลิงฮันส่งเสียงตะโกน ขณะที่เขาใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารใส่กระทิงเขาเงิน
กระทิงเขาเงินที่กำลังพุ่งเข้าใส่หลิงฮันหยุดชะงักไป ซึ่งเขาเงินของมันเกือบจะถึงหน้าอกของหลิงฮันแล้ว แต่การโจมตีทางจิตวิญญาณนั้นไม่อาจหลบได้ แล้วมันก็ถูกดาบของสุ่ยเยี่ยนยวี่ฟาดฟัน
สุ่ยเยี่ยนยวี่จึงใช้โจมตีมันด้วยดาบ แล้วสะบั้นไปที่คอของกระทิงเขาเงินทันที
ฉัวะ!
แต่ทว่าด้วยผิวหนังที่หนาและแข็ง ดาบของสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่อาจตัดคอของมันได้ และภายใต้ความเจ็บปวดที่มันได้รับ สติของกระทิงเขาเงินกลับเข้าร่างของมันและส่งเสียงคำรามร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว
มันใช้เขากระแทกใส่หลิงฮัน ทำให้หลิงฮันกระเด็นลอยไปอีกครั้ง
โลหิตยังคงหยดไหลออกมาจากคอของมันไม่หยุด ทำให้มันรู้สึกโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า และมีแสงสีดำระเบิดออกมาจากร่างกายของมัน ตู้ม พื้นดินที่อยู่ใกล้เคียงยุบตัวลงจนกลายเป็นหลุม ราวกับว่ามันถูกกดทับด้วยภูเขา
“หืม สัตว์อสูรระดับภูผาวารีมีความสามารถพิเศษด้วย!” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นความสามารถของมัน ซึ่งน่าจะเป็นความสามารถประเภทแรงโน้มถ่วง
ตอนนี้ เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้กำลังแสดงพลังแรงโน้มถ่วง!
“สัตว์อสูรที่อยู่ที่นี่ไม่สามารถดูดซับพลังของผลึกภูผาวารีได้ มันจะต้องเกิดมาพร้อมกับความสามารถนี้ไม่ผิดแน่!” หลิงฮันคิดถึงความเป็นไปได้
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้เจ้าจะแก้ไขยังไง?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถามห
หลิงฮันหันไปมองนางและพูดว่า “เหมือนที่ข้าทำก่อนหน้านี้ ข้าจะทำให้มันเป็นอัมพาตชั่วครู่อีกครั้ง แล้วให้เจ้าใช้โอกาสนั้นโจมตีมันอีกครั้ง”
“เจ้าต้านมันไหวแน่รึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่หันหน้ามาถาม
“นี่เจ้าเป็นห่วงข้า?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
“ไปตายซะ!”่
ตอนที่ 946
กระทิงเขาเงินพุ่งจู๋โมอีกครั้ง ‘ครืนน’ มันโคจรความสามารถพิเศษของภูผาวารีไปทั่วบริเวณ ก้อนหินรอบๆถูกพลังของมันบดเป็นผุยผง
จะมีจอมยุทธหรือสัตว์อสูรซักเท่าใดเชียวที่สามารถใช้อำนาจของพื้นที่แรงโน้มถ่วงได้?
เมื่อถูกโจมตีใส่ กายหยาบระดับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ของหลิงฮันก็เกิดเสียงเล็กน้อย
หลิงฮันใช้โอกาสนั้นโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารโต้ตอบ กระทิงเขาเงินตกอยู่ในสภาพสภาพไร้สติอีกครั้ง พื้นที่แรงโน้มถ่วงรอบๆก็สลายหายไปทันที
สุ่ยเยี่ยนยวี่ใช้โอกาสนี้แทงดาบเข้าที่บาดแผลเดิมของกระทิงเขาเงิน
บาดแผลของกระทิงเขาเงินฉีกขาดมากกว่าเดิมจนส่งเสียงร้องโอดครวญ ขาทั้งสี่ของมันกระทืบพื้นไปมาจนสั่นสะเทือน
“อีกครั้ง!”
หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ร่วมมือกันทำเช่นเดิมซ้ำๆ หลังจากผ่านไปสิบครั้ง ในที่สุดกระทิงเขาเงินก็ตกตาย
โชคดีที่สัตว์อสูรตัวนี้มีสติปัญหาไม่สูงนัก ไม่เช่นนั้นหลังจากถูกโจมตีรูปแบบเดิมๆหลายต่อหลายครั้งมันคงเลือกที่จะเผ่นหนีแล้ว ด้วยร่างกายที่ทนทารและความเร็วของมัน โอกาสที่มันจะหนีพ้นนั้นมีมากทีเดียว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่อยากชะเชื่อสายตา สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนั้นตกตายด้วยมือของนางจริงๆรึ?
“เจ้าใช้วิธีใดในการหยุดการเคลื่อนไหวของกระทิงเขาเงิน?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถามด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆๆ” หลิงฮันหัวเราะ ตอนนี้เขายังไม่คิดจะเผยไพ่ลับใบนี้ให้ใครรู้
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่แสดงท่าทีไม่พอใจใดๆ นางกับหลิงฮันแค่แกล้งเป็นคนรักกัน เช่นนั้นแล้วนางมีสิทธิ์อะไรที่จะฝืนบังคับให้หลิงฮันบอกความลับกับนาง?
ถ้าหากหลิงฮันไม่ต้องการเก็บความลับของหอคอยทมิฬเอาไว้ล่ะก็ เขาคงจะทำให้กระทิงเขาเงินหมดสติและนำมันเข้าไปสังหารในหอคอยทมิฬอย่างง่ายดายแล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ใช้ดาบยาวในการแร่หนังแร่เนื้อของกระทิงเขาเงิน นางใช้เวลาสักพักจนในที่สุดก็นำก้อนเนื้อขนาดเท่านิ้วก้อยออกมาได้
เนื้อชิ้นนี้แตกต่างจากเนื้อส่วนอื่น ชิ้นเนื้อมีสีขาวนวลและมีกลิ่นหอมในตัวมันเอง
เนื้อพลังปราณ
มันคือส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของสัตว์อสูรที่สามารถช่วยเหลือจอมยุทธในการบ่มเพาะพลังได้อย่างดีเยี่ยม
สุ่ยเยี่ยนยวี่ชำแหละกระทิงเขาเงินอีกครั้ง นางไม่ได้ต้องการเนื้อส่วนอื่นแต่นางต้องการเขาสีเงินของมัน
“ข้าได้ยินมาว่าเขาของกระทิงเขาเงินเมื่อบดเป็นผงแล้วสามารถนำไปใช้เป็นยาปลุกนกเขาได้ หรือเจ้าจะให้มันกับข้า?” หลิงฮันพูดแทรก
‘ตูม’ สุ่ยเยี่ยนยวี่ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาและเริ่มไล่สังหารหลิงฮันด้วยดาบทันที
หลิงฮันใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะทำให้นางสงบลง ทั้งสองมองหาบริเวณรอบๆอย่างละเอียดแล้วแต่ก็ไม่พบผลึกภูผาวารีเลย
“จะว่าไป แล้วผลึกภูผาวารีมันมีหน้าตาแบบไหนกัน?” หลิงฮันถาม
“ตัวผลึกจะส่องสว่างเล็กน้อย เมื่อเห็นก็จะรู้ทันที” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
พวกเขาไม่กินเนื้อพลังปราณทันทีแต่เก็บเอาไว้ก่อน การจะดูดซับพลังงานจากเนื้อชนิดนี้ค่อนข้างใช้เวลา แต่พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ในเขตแดนลี้ลับได้ในเวลาจำกัด ดังนั้นเขาจึงต้องรีบตามหาผลึกภูผาวารีก่อนเป็นอันดับแรก
แน่นอนว่าแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเป้าหมายของพวกเขาเช่นกัน
ถ้าหลิงฮันมาคนเดียวเขาคงหลงทางโดยไม่รู้จะมุ่งหน้าไปทิศไหน แต่ตอนนี้เขาอยู่กับสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่มีแผนที่ที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น
ด้วยแผนที่ที่ละเอียดเช่นนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าจะหลงทาง
ระหว่างการเดินทาง พวกเขาทั้งสองสังหารสัตว์อสูรไปมากมายและเก็บเกี่ยวเนื้อพลังปราณได้ในจำนวนที่น่าพอใจ สุ่ยเยี่ยนยวี่มีความสุขอย่างมาก นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากเช่นนี้
แต่ก็โชคร้ายที่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่พบผลึกภูผาวารีเลย
แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทานที่สุด เมื่อพบเจอกับสัตวอสูรระดับภูผาวารีขั้นกลาง พวกเขาทำได้เพียงหลบหนีเนื่องจากทักษะจิตเจ็ดสังหารของหลิงฮันแทบจะใช้กับสัตว์อสูรระดับนั้นไม่ได้ผล
ผ่านไปสามวันหุบเขาแห่งหนึ่งก็ปรากฏด้านหน้าพวกเขา
หุบเขานี่คือทางผ่านไปสู่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ มันคือสถานที่ที่จะสามารถพบเจอผลึกภูผาวารีได้อย่างแน่นอน
“ที่ข้ารู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดในหุบเขาแห่งนี้คืออสูรพงไพร โดยปกติแล้วมันจะไม่ขยับเคลื่อไหวทำให้แยกแยะพวกมันไม่ออก แต่เมื่อมีเหยื่อเดินผ่านมามันจะใช้กิ่งก้านของพวกเขาเข้ารัดตัวเหยื่อทันที พลังของมันคือระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด การจะหนีจากการรัดหน่วงของพวกมันนั้นทำได้ยากมาก” สุ่ยเยี่ยนยวี่เอ่ยเตือน
“ตระกูลสุ่ยเองก็เป็นตระกูลระดับต้นๆ พวกเขาน่าจะเตรียมอะไรมาให้เจ้าบ้างสินะ?” หลิงฮันถาม
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า “ระเบิดเพลิงสามารถคุกคามอสูรพงไพรได้ แต่ข้ามีแค่สามอันเท่านั้น”
“พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวอะไรจากอสูรพงไพรได้บ้าง?” หลิงฮันถามด้วยท่าทีตื่นเต้น
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหน้า “อสูรพงไพรไม่มีเนื้อพลังปราณ แม้ลำต้นของมันจะแข็งกล้าและสามารถนำมาสร้างเป็นอาวุธได้ แต่มันก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงคือไม่ทนทานต่อเปลวเพลิง”
“งั้นรึ” หลิงฮันหมดความสนใจ
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในหุบเขา บรรยากาศภายในหุบเขาทั้งเงียบสงบและน่ากลัว มันไม่มีกลิ่นของแมลงใดๆราวกับว่าเป็นหุบเขาแห่งความตาย
ต้นไม้ในหุบเขาไม่สูงมาก ต้นที่สูงที่สุดมีขนาดยาวสิบฟุตเท่านั้น ที่ด้านล่างของต้นไม้นั้นประดับไปด้วยเถาวัลย์ที่ห่อหุ้มไปด้วยหนามสีดำ
ทั้งสองคนตัดเถาวัลย์เพื่อเปิดทางเดิน แต่เมื่อผ่านไปสักพักที่ด้านหลังของพวกเขาก็มีการเคลื่อนไหวของอะไรสักอย่าง เมื่อหันกลับไปดูก็พบว่ามีใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามายังตำแหน่งของพวกเขา
“จำนวนคนของพวกเขาเยอะกว่า ถ้าหากพวกเขามาร่วมมือกับเราบางทีอาจจะสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น” หลิงฮันกล่าว
“ระวังตัวด้วย จิตใจของคนเราเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งถึง” สุ่ยเยี่ยนยวี่เตือน
หลิงฮันพยักหน้า “หากใครไม่มาล่วงเกินข้า ข้าก็จะไม่ทำอะไร แต่ถ้าพวกเขาล่วงเกินข้า ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น