Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 927-938

ตอนที่ 927

 

“เมี๊ยว!” เจ้าแมวอ้วนส่งเสียงกรีดร้องอีกครั้ง และกระโจนใส่หลัวข่ายเฟิงราวกับว่ามันต้องการฆ่าอีกฝ่าย


ความเร็วของเจ้าแมวอ้วนนั้นรวดเร็วมาก แทบจะไม่มีจอมยุทธระดับทลายมิติคนใดเทียบเคียงมันได้ แต่อีกฝ่ายนั้นเป็นใคร? จอมยุทธระดับสุริยันจันทรา! แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าแมวอ้วนจะทำอะไรหลัวข่ายเฟิงได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือไม่กล้าขัดขืนเจ้าแมวปีศาจนี่ และยังคงเคลื่อนที่หลบมันไปเรื่อยๆ


จอมยุทธระดับสุริยันจันทรากำลังถูกสัตว์อสูรระดับทลายมิติไล่ล่า อาจกล่าวได้ว่ามีเพียงแค่เจ้าแมวอ้วนตัวนี้เท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้ได้


หลังจากไล่ล่ากันอยู่สักพัก เจ้าแมวอ้วนก็กระโดดกลับไปที่ไหล่ของหลิงฮันด้วยท่าทางสง่างาม แล้วใช้อุ้งเท้าชี้ใส่ทุกคน มันดูการสื่อว่าถ้าใครต้องการรังแกทาสของข้าจะต้องผ่านนายท่านผู้นี้ไปซะก่อน


จางเต๋อหมานอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ใครจะคิดว่าหลิงฮันสนิทกับเจ้าแมวอ้วนถึงขนาดที่มันออกตัวปกป้องได้กัน? เขากระแอมและพูดว่า “ข้ายังคงยืนยันว่าหลัวป้าไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น หากท่านไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ปล่อยหลิงฮันไป”


หลัวข่ายเฟิงจะพูดอะไรได้อีก ในเมื่อเจ้าแมวอ้วนเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าสำนัก!


เขาทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธและอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของหลัวป้ามาเก็บไว้ในแหวนมิติ แล้วกระโดดจากไป


เหว่ยเชียนฉู่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วส่ายหัวก่อนที่จะบินจากไป


“ขอบคุณผู้อาวุโสมากสำหรับความช่วยเหลือ!” หลิงฮันกล่าวกับจางเต๋อหมานด้วยความจริงใจ


จางเต๋อหมานหัวเราะและพูดว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่เข้ามาช่วยเจ้า เจ้าแมวตัวนี้ก็คงเข้ามาช่วยเจ้าอยู่ดี และจะไม่มีใครในสำนักที่กล้าแตะต้องเจ้า”


เจ้าแมวอ้วนเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ใช่แล้วข้าแข็งแกร่งที่สุด


“แต่ยังไงข้าก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโสอยู่ดี” หลิงฮันกล่าว


จางเต๋อหมานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ความสามารถด้านวรยุทธเป็นสิ่งหนึ่ง แต่หัวใจก็สำคัญไม่แพ้กัน


“เจ้าไปได้แล้ว” เขาหัวเราะ แม้ว่าเขาจะยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกกับการตายของศิษย์คนหนึ่งของสำนัก แต่หลิงฮันไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


หลิงฮันพยักหน้าและพูดอีกครั้งว่า “เช่นนั้น ศิษย์ขอตัวลา”


หลิงฮันจากไปพร้อมกับเจ้าแมวอ้วน ซึ่งเจ้าแมวอ้วนสกิดหัวเขาไม่หยุด นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคิดแค่ไหน?


หลังจากที่หลิงฮันจากไปแล้ว แน่นอนว่าผู้คนที่มาเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้ก็จากไปด้วยพร้อมกับข่าวใหญ่


– พลังต่อสู้ระดับทลายมิติของหลิงฮันมากกว่ายี่สิบเอ็ดดาว!


“พี่ชายเย่!” โม่จวิ้นเหรินหันไปมองเย่เชิงหยุน


เย่เชิงหยุนราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป ร่างกายของเขาดูหนาวเย็นและมีเหงื่อท่วมตัว เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกสติของเขาเลยกลับมา เขาพูดว่า “ข้ากำลังคิดอยู่ หากเปลี่ยนจากหลัวป้าเป็นข้าแทน ข้าจะป้องกันฝ่ามือของเขาได้หรือไม่…”


โม่จวิ้นเหรินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “พี่ชายเย่ อย่างน้อยท่านก็สามารถเลือกที่จะไม่ต้องสู้กับคนผิดปกติแบบเขาได้”


แววตาของเย่เชิงหยุนดูเปล่งประกายขึ้นมาอย่างกะทันหัน และพูดว่า “ใช่แล้ว ข้ามาถึงจุดสูงสุดของระดับทลายมิติแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของข้า หากข้าไม่อาจขัดเกลาพลังต่อสู้ได้มากกว่านั้น  ข้าก็หันไปทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแทนก็ได้นิ และยังมีโอกาสให้ข้าขัดเกลาพลังต่อสู้อีกมาก”


“ใช่แล้วพี่เย่ ถึงแม้ท่านจะใช้เวลาหลายปีเพื่อขัดเกลาพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดซักหน่อย” โม่จวิ้นเหรินกล่าวต่อว่า “การทะลวงผ่านระดับพลังของพระเจ้าต่างหาก คือความแข็งแกร่งที่แท้จริง!”


เย่เชิงหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้งแล้วพูดว่า “จวิ้นเหริน เจ้าฉลาดยิ่งนัก!”


……


ณ ที่ไหนสักแห่ง


“ยายแก่เฒ่า ปล่อยหนิวออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ตุบ ตุบ ตุบ” ฮูหนิวทุบประตูไม่หยุดและพูดต่อว่า “หนิวอยากเจอหลิงฮัน ยายแก่น่าเกลียด ปล่อยหนิวออกไปเดี๋ยวนี้!”


ฮูหนิวเกาะประตูเหมือนกับลิง


“หนวกหู!” หญิงชราสวมชุดสีฟ้าเดินเข้ามาในห้องและจับมือฮูหนิว โดยที่ฮูหนิวไม่มีพลังที่จะต่อต้านด้วยได้


“หนิวโกรธมาก หนิวจะไม่ฝึก หนิวอยากเจอหลิงฮัน!” ฮูหนิวบุ้ยปากและวางมือเท้าเอว


“เด็กน้อยเอย ตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาที่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์มีวันใดที่เจ้าตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะพลังบ้างไหม?”หญิงชราถอนหายใจ “อี้หยุนถ่ายทอดทักษะยุทธเข้าไปในร่างกายของเจ้า การที่เจ้าจะทำความเข้าใจได้หรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับความพยายามของเจ้าเอง”


“หนิวไม่อยากฝึก หนิวอยากเจอหลิงฮัน!” ฮูหนิวแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดและจ้องมองไปที่หญิงชราไม่หยุด


หญิงชราสวมชุดฟ้าถอนหายใจ มีเพียงแค่ประมุขของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เท่านั้นที่สามารถฝึกฝนสามทักษะลับได้ เพราะมีเพียงแค่ประมุขตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เท่านั้นที่สามารถสืบทอดจิตวิญญาณได้ หากไม่มีสิ่งนั้น ถึงแม้จะมีทักษะวางอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่สามารถฝึกฝนได้


ทำไมผู้ที่ได้รับการสืบทอดถึงเหลวไหลขนาดนี้?


นางอยู่กับฮูหนิวมานานกว่าหนึ่งปี ทำให้นางรู้จักฮูหนิวดี แม้นางจะพูดข่มขู่เด็กสาวตัวน้อยหลายครั้ง นางก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เพราะนางไม่รู้ว่าความกลัวคืออะไร!


“ก็ได้ ข้าจะให้สัญญากับเจ้า หากเจ้าทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง ข้าจะให้เจ้าพบเจอเจ้าเด็กนั่นอีกครั้ง แต่แค่สามวันเท่านั้น แล้วเจ้าจะต้องกลับมา ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ของพวกเรามีศัตรูที่ยิ่งใหญ่อยู่ และมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่ครอบครองทักษะลับทั้งสามอยู่ถึงจะต่อกรกับพวกมันได้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่ข้าไม่ให้เจ้าออกไปไหนก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเองด้วย”  หญิงชรายอมถอยหนึ่งก้าว


ฮูหนิวชี้นิ้วใส่และพูดว่า “ตกลง หนิวจะใช้เวลาสามปีเพื่อทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง!” นางมองไปที่หญิงชราแล้วพูดต่อว่า “ยายแก่น่าเกลียดออกไปได้แล้ว หากเจ้าอยู่ที่นี่หนิวไม่มีอารมณ์ฝึกฝนบ่มเพาะพลังกันพอดี”


หญิงชราสวมชุดสีฟ้าอดที่จะส่ายหัวไม่ได้ ถึงยังไงฮูหนิวก็ยังคงเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอยู่ดี


“รีบไปได้แล้ว หนิวจะรีบฝึกฝน” ฮูหนิวสะบัดมือไล่อย่างใจร้อน


หญิงชราสวมชุดสีฟ้าไม่มีทางเลือกและเดินจากไป แต่ยังไงซะฮูหนิวก็ยอมที่จะฝึกฝนบ่มเพาะพลังแล้ว


ประมุขน้อยคนนี้เอาแต่ใจจริงๆ


อย่างไรก็ตาม ในโลกใบเล็กก็ยังมีคนที่มีพรสวรรค์อยู่!


ถึงแม้เผ่ามนุษย์จะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ชายหนุ่มคนนั้นนับว่ามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาก ถ้าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ไม่รับศิษย์หญิงอย่างเดียว นางก็คงไม่พลาดที่จะชักชวนเขาเข้าร่วมด้วย


……


ณ ตระกูลหลัว


หลัวหงจ้องมองไปที่ร่างของหลัวป้า เขากำมือแน่นและแววตากระตุกไปมาด้วยความโกรธ


ทายาทที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลหลัวถูกฆ่าตาย


แม้การฝึกฝนให้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติจะเป็นเรื่องง่าย แต่ศิลาหยาดโลหิตนั้นล้ำค่ามาก ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย


“ข้าต้องฆ่ามันให้ได้!” หลัวหงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น


“ท่านผู้นำ แต่เจ้าเด็กนั่นดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับฟู่ฮุ่ย!” เมื่อหลัวข่ายเฟิงพูดชื่อฟู่ฮุ่ยขึ้นมา ร่างกายของเขาดูสั่นเล็กน้อย


ดูเหมือนว่าเพียงแค่ชื่อของจอมยุทธระดับดาราก็มีความน่าเกรงขามแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 928

 

“หึ่ม มันก็แค่แมว” หลัวหงกล่าวเหยียดหยาม


“ใช่แล้ว!” หลัวข่ายเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการหลิงฮันในสำนัก”


หลัวหงขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนั้น”


“ท่านผู้นำหมายถึงอะไร?” หลัวข่ายเฟิงไม่เข้าใจที่เขาพูด


“เจ้าจงไปที่สมาคมราตรีนิรันดร์และว่าจ้างพวกเขาด้วยผลึกก่อเกิดหนึ่งหมื่นก้อนสำหรับผู้ที่ฆ่าหลิงฮันได้!” หลัวหงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา


สมาคมราตรีนิรันดร์คือสมาคมนักฆ่า ตราบใดที่พวกเขาได้เงิน พวกเขาก็จะรับงานลอบสังหาร


สมาคมนี้มีขนาดใหญ่มากและมีสาขามากมายในจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่ง เพียงแค่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะก็มีสิบกว่าสาขาแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าสมาคมหลักตั้งอยู่ที่ไหนและผู้นำของพวกเขาเป็นใครแข็งแกร่งแค่ไหนไม่มีใครทราบ ถึงแม้จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่งต้องการที่จะกวาดล้างพวกเขา แต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ


ผลึกก่อเกิดหนึ่งหมื่นก้อนแลกกับหัวของจอมยุทธระดับทลายมิติ พวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?


หลัวข่ายเฟิงแสยะยิ้ม และหลิงฮันจะต้องกลายเป็นศพอย่างแน่นอน สมาคมราตรีนิรันดร์จะไม่สามารถฆ่าจอมยุทธระดับทลายมิติได้อย่างไร? ถึงแม้พวกเขาจะไม่กล้าลงมือในสำนักนภาสีชาด แต่ใช่ว่าหลิงฮันจะหลบอยู่ในสำนักไปตลอดชีวิต


เมื่อใดที่เขาออกมาจากสำนัก มันจะเป็นโอกาสของสมาคมราตรีนิรันดร์ที่จะสังหารหลิงฮัน


“ตกลง!” หลัวข่ายเฟิงพยักหน้า


……


หลิงฮันและเจ้าแมวอ้วนกลับไปที่สวน เขาย่างเนื้อกินเองและให้เจ้าแมวอ้วน จากนั้นก็ฝึกฝนทักษะลับเจ็ดจิตสังหารต่อ


ผ่านไปห้าวัน หลิงฮันประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็เริ่มใช้ทักษะได้แล้วบ้าง


เขายืนอยู่ในสวนและจ้องมองไปที่ก้อนหินด้วยแววตาที่แหลมคมเหมือนกับดาบ ตู้ม ก้อนหินระเบิดทันที


“ทักษะลับนี่ไม่เพียงแค่โจมตีจิตวิญญาณโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวด้วย ซึ่งพลังทำลายล้างขึ้นอยู่กับระดับพลังและพลังวิญญาณว่าแข็งแกร่งแค่ไหน” หลิงฮันคิดในใจ


ตุบ ตุบ ตุบ!


ในขณะนั้นเองมีใครบางคนมาเคาะประตูบ้านของหลิงฮัน เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็เห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่กำลังยืนอยู่ที่ประตู


ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่ดูแดงก่ำและนางพูดด้วยท่าทางเขินอายว่า “พ่อของข้าต้องการพบเจ้า”


“พ่อเขยต้องการพบข้า?” หลิงฮันพูดพึมพัม มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคู่รักกัน แต่ผู้นำตระกูลสุ่ยไม่เรียกตัวเขาช้าไปหน่อยหรือ


ในตอนแรกตระกูลสุ่ยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นแค่ข่าวลือ แต่หลังจากที่ได้ยินจากปากของสุ่ยเยี่ยนยวี่เอง ทำให้พวกเขารู้ว่าคิดผิด


สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดด้วยท่าทางเขินอายอีกครั้งว่า “อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ!”


“ถึงแม้ว่าพวกเราจะแกล้งเป็นคู่รักกัน แต่ข้าก็ต้องไปใช่หรือไม่?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม


“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากเจ้ากับข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงก็ได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างเฉยเมย


หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ข้าต่อสู้กับหลัวป้า เจ้าไม่เห็นมาหาข้าเลย เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะมองเจ้ากับข้าห่างเหินกันไปหน่อยหรือ?”


“หึ่ม ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า หลัวป้าจะทำไปทำอะไรเจ้าได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าเพื่อได้รับอั่งเปา พวกเราไปกันได้แล้ว”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ตระกูลของข้าต้องการให้ข้าแต่งงานกับตระกูลจ้าว ดังนั้นเกรงว่าถ้าเจ้าไปมีแต่จะถูกกดดันอย่างหนัก! แต่โชคดีที่เจ้าเป็นคนของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แม้เจ้าจะเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า ดั่งคำพูดตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ”


ปากของหลิงฮันกระตุก และพูดว่า “ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ เจ้าสรรหาคำพูดที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง? นอกจากนี้ยังมีคำพูดว่าแต่งกับไก่ตามไก่ แต่งกับสุนัขตามสุนัข ถ้าข้าเป็นสุนัข เจ้าก็ต้องเป็นสุนัขเหมือนกับข้ามิใช่รึ?”


ปลายดาบชี้ไปที่คอของหลิงฮัน จากนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หากเจ้าพูดจาไร้สาระอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า!”


หลิงฮันไม่กลัวและยังคงพูดว่า “นี่เจ้าคิดจะฆ่าสามีของเจ้าอย่างนั้นรึ?”


สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องเขม็งหลิงฮันอยู่สักพักก่อนที่จะดึงดาบกลับมา หากหลิงฮันตาย นางก็จะเป็นม่ายไปตลอดชีวิต จากมุมมองนี้แสดงให้เห็นว่าหลิงฮันเป็นสามีของนาง


“ตามข้ามา!” นางขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับหลิงฮัน


เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป สุ่ยเยี่ยนยวี่อยากจะเดินนำหน้า แต่หลิงฮันยืนกรานว่าจะเดินอยู่เคียงข้างนาง


“ศิษย์พี่ อย่าลืมว่ามีหลายคนกำลังจับตามองพวกเราอยู่!” ในขณะที่นางกำลังจะโกรธ หลิงฮันก็เข้ามากระซิบข้างหู


ไม่มีชายใดเคยอยู่ใกล้นางขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นใบหน้าของนางกลายเป็นแดงก่ำทันที


ในขณะที่นางกำลังสับสน หลิงฮันก็ฉวยโอกาสจับมือและแกว่งไปมาราวกับทั้งสองคนกำลังเดินเล่นอยู่บนก้อนเมฆ


“แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกัน?” ทั้งสองคนยังไม่ทันเดินไปไหน หลิงฮันก็พูดถามขึ้นมา ซึ่งทำให้สติของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาและนางรีบสะบัดมือของหลิงฮันอย่างรวดเร็ว


นางมองไปที่หลิงฮันด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ถึงแม้พวกเราจะแกล้งทำเป็นใกล้ชิดกัน แต่จำเป็นต้องจับมือด้วยรึ?”


“เมื่อครู่ข้าเห็นคนของจ้าวหลุนอยู่แถวนี้” หลิงฮันพูดและทำเป็นชี้ไปด้านหลัง


“หืม?” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ ดูเหมือนนางจะคิดมากเกินไป


“ไปกันได้แล้ว!” หลิงฮันเดินจับมือสุ่ยเยี่ยนยวี่อีกครั้ง และแอบยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่ในใจ ซึ่งครั้งนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ปฏิเสธ และปล่อยให้เขาจับมือ ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่อาจปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำได้


สุ่ยเยี่ยนยวี่สงบสติอารมณ์ลงและพาหลิงฮันไป หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงบ้านตระกูลสุ่ย


ตระกูลสุ่ย ตระกูลระดับห้า

 

 

 


ตอนที่ 929

 

ถึงแม้ตระกูลสุ่ยจะเป็นตระกูลระดับห้า แต่อย่าได้ดูถูกตระกูลสุ่ยเชียว


การที่ตระกูลได้รับระดับจากหนึ่งในเก้านั้น ในเมืองจักรพรรดินั้นเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งทุกคนต่างใฝ่ฝัน


ผู้นำของตระกูลสุ่ยนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหกของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะและเป็นบิดาของสุ่ยเยี่ยนยวี่ นอกจากนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับสุริยันจันทราแล้ว


ประตูทางเข้าของตระกูลสุ่ยมีทหารยามทั้งหมดแปดคน ซึ่งพวกเขาทั้งแปดคนต่างก็เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ


ในเมืองจักรพรรดิ ทหารยามของหลายตระกูลเป็นเหมือนกันหมด ยกเว้นจักรพรรดินี เพราะมันจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองมากเกินไป


เมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนพาหลิงอันมา แน่นอนว่าเขาสามารถเดินเข้าไปในตระกูลสุ่ยได้อย่างราบรื่น และพวกเขาก็เดินไปที่ห้องตำราที่ผู้นำตระกูลสุ่ยอยู่


“ทำไมเจ้าต้องเดินวางท่าขนาดนั้นด้วย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กระซิบก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง


หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพื่อความมั่นใจ”


“ข้าก็จะคอยอยู่เคียงข้างเจ้าแล้วไง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดอีกครั้ง


“นั่นเป็นการสร้างความมั่นใจให้ข้าได้ดีเลยจริงๆ” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม


สุ่ยเยี่ยนยวี่หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นนางก็ผลึกประตูและเดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรก


“ท่านพ่อ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ภายในห้องมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เมื่อได้ยินนางเรียก เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองสุ่ยเยี่ยนยวี่และหลิงฮัน แล้วพยักหน้าให้


“เจ้าออกไปก่อน” เขาพูดบอกให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ออกไป


สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ นางอยากอยู่ที่นี่ด้วยเพื่อร่วมวงสนทนา แต่เมื่อถูกพ่อจ้องมองด้วยสายตาเข้มงวด ทำให้นางไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเขาได้


หลิงฮันหันไปจ้องมองนาง ทั้งที่เมื่อครู่บอกจะอยู่ด้วยแท้ๆ แต่กลับคำพูดในพริบตา


ในเมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของพ่อของนางได้ ในไม่ช้านางก็เดินออกจากห้องไปและปิดประตู


หลังจากที่สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินออกไปจากห้อง ผู้นำตระกูลสุ่ยไม่แม้แต่จะหันไปมองหลิงฮัน และยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป


หลิงฮันสำรวจอีกฝ่าย เขาเป็นชายวัยกลางคนที่หล่อเหลามาก อย่างน้อยหลิงฮันก็ไม่สามารถเทียบกับอีกฝ่ายได้ และยังมีดวงตาที่งดงาม


สุ่ยเยี่ยนยวี่เหมือนเขามาก ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนิสัยด้วย ที่แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเขาเป็นผู้ชาย


สุ่ยสื่อเกอเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับทลายมิติเลย แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็ยังต้องสั่นสะท้าน เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขา


ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แรงกดดันของจอมยุทธทุกระดับน่าเกรงขามมาก โดยเฉพาะจากจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่า และว่ากันว่าแม้กระทั่งอัจฉริยะระดับห้าดาวก็ยังไม่สามารถทนแรงกดดันของจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่าได้


– ตัวอย่างเช่นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดที่เป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวก็ยังไม่อาจทนแรงกดดันของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำได้


หลิงฮันไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเขายังเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น


แต่นั่นมันสำคัญอะไร?


หลิงฮันนั่งลงบนพื้นทันที ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไร ถ้างั้นเขาก็จะนั่งฝึกฝนบ่มเพาะพลังก็ได้ แล้วมาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายปริปากพูดเป็นคนแรก


เมื่อเห็นหลิงฮันหลับตาเริ่มบ่มเพาะพลัง สุ่ยสื่อเกอปิดหนังสือทันที


เขาต้องการให้หลิงฮันเป็นฝ่ายพูด แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะนั่งบ่มเพาะพลังแทน


“เจ้าคือหลิงฮัน?” ในที่สุดสุ่ยสื่อเกอก็เป็นฝ่ายถาม


นี่เขาพูดจาไร้สาระอะไรออกมา? เจ้าเป็นคนให้ลูกสาวตัวเองพาข้ามาที่นี่มิใช่หรือ แล้วเจ้ายังมีหน้ามาถามชื่อข้าอีกรึ?


หลิงฮันลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความเคารพว่า “ใช่แล้ว ข้าคือหลิงฮัน”


อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องรักษามารยาทเอาไว้ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะนั่งฝึกฝนบ่มเพาะพลังและไม่สนใจอีกฝ่ายก็ตาม แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเปิดปากถามเขา เขาก็ไม่อาจทำตัวหยิ่งยโสได้


สีหน้าของสุ่ยสื่อเกอดูประหลาดใจ เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้น ทั้งยังเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ทำไมเขาถึงสุขุมขนาดนี้?


เขารู้สึกชื่นชมหลิงฮันอยู่ในใจ แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนความคิดได้ และพูดว่า “เจ้าไม่คู่ควรกับบุตรสาวของข้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้พบเจอเยี่ยนยวี่อีก”


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ท่านสุ่ย นั่นมันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”


“เจ้ากล้าเถียงข้า?” สุ่ยสื่อเกอถาม แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ยังไม่ทำตัวหยาบคายต่อหน้าเขา ถึงแม้เขาจะฆ่าหลิงฮัน ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็คงไม่พูดอะไร


“ไม่กล้า ไม่กล้า” หลิงฮันส่ายหัว “รุ่นเยาว์แค่กำลังพูดความจริงกับท่านว่าถึงแม้ข้าจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติตลอดไป! แม้กระทั่งแม่ทัพเจ็ดคนก็ต้องเคยเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติมากันทั้งนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวาก็ไม่มีข้อยกเว้น”


เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว!


สุ่ยสื่อเกอพูดว่า “เจ้ากล้าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อาวุโสทั้งเก้าคนกับเจ้ารึ?”


“ตอนนี้ข้าอาจเทียบกับพวกเขาไม่ได้ แต่ในอนาคตใช่ว่าจะไม่ได้” หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ เขาไม่ได้พูดอะไรเกินจริงและยังคงถ่อมตัวอยู่เสมอ


แต่สุ่ยสื่อเกอก็พบว่าหลิงฮันไม่ได้พูดจาโอ้อวดและดูมั่นใจมาก


เขาแข็งแกร่งกว่าหลัวป้าและเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้อย่างน้อยยี่สิบสองดาว ใครจะเทียบเขาได้?


“ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้จะมีวันหนึ่งที่เจ้าอาจทะลวงผ่านระดับดารา แต่บุตรสาวของข้าคงจะแก่ตายไปแล้ว ข้าคงรอให้ถึงวันนั้นไม่ได้!”


สุ่ยสื่อเกอโบกมือ “นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของข้า เจ้าห้ามมาเจอบุตรสาวของข้าอีกเป็นอันขาด มิฉะนั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ!”


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “หรือพ่อตาจะไม่รู้ว่า ท่านกำลังจะได้กลายเป็นตาแล้ว?”


พรวด!


สุ่ยสื่อเกอแทบกระอักเลือดออกมา บุตรสาวที่เขารักมีลูกกับเจ้าเด็กคนนี้อย่างนั้นรึ?


ถ้าเขาคิดให้รอบครอบ หลิงฮันเพิ่งอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น แล้วเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? และเมื่อคิดถึงคำว่าหลานชาย แล้วเขาจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร?


“เยี่ยนยวี่!” สุ่ยสื่อเกอตะโกนเสียงดัง


สุ่ยสื่อเกอกำลังยืนรออยู่ที่ประตู เมื่อนางได้ยินเสียงตะโกนเรียก นางรีบผลักประตูและเดินเข้าไปข้างในทันที และเห็นว่าเส้นผมของพ่อนางชี้ตั้งและแววตาลุกไหม้ราวกับเปลวเพลิง


นางจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าหลิงฮันพูดอะไรกับพ่อของนางกันแน่ ถึงทำให้พ่อของนางโกรธเกรี้ยวมากขนาดนี้


“เจ้า เจ้า เจ้า-” สุ่ยสื่อเกอชี้ไปที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาโกรธมากจนพูดไม่ออก


หลิงฮันเอื้อมมือออกไปและพูดว่า “พ่อตา หากท่านจะโทษนาง ได้โปรดโทษข้าเถอะ!”


“พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ!” สุ่ยสื่อเกอโบกมือไล่อีกครั้ง ตอนนี้เขาต้องการความเงียบสงบและคิดเรื่องที่เกิดขึ้น


“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันดึงมือสุ่ยเยี่ยนยวี่และรีบเดินออกไปจากห้อง


สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูงงงวย หลังจากที่นางเดินออกมาจากตระกูลสุ่ย นางก็ถามหลิงฮันว่า “เจ้าพูดอะไรกับพ่อของข้ากันแน่?”


“ข้าเกรงว่าพวกเราจะถูกแยกออกจากกัน ข้าเลยพูดแบบนั้นออกมา” หลิงฮันกล่าว


“เจ้าพูดอะไร?” สุ่ยเยี่ยนยวี่แปลกใจ นางไม่เข้าใจที่หลิงฮันต้องการพูดแม้แต่น้อย


“หึหึ”


“บอกข้ามา ตกลงเจ้าพูดอะไรกับพ่อของข้ากันแน่?”


“ข้าบอกพ่อของเจ้าว่าเขากำลังจะได้เป็นตา”


ในตอนแรกสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง แต่หลังจากนั้นใบหน้าที่งดงามของนางก็ถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารและพูดว่า “หลิงฮัน ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางเหวี่ยงดาบไปมาและเริ่มไล่ล่าหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 930

 

สุ่ยเยี่ยนยวี่ไล่ฟันหลิงฮันอยู่สักพักก่อนที่จะยอมรับว่าที่เขาพูดไปก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน


ถึงแม้ตระกูลสุ่ยจะไม่รังเกียจที่จะส่งนางให้กับตระกูลจ้าว แต่ตระกูลจ้าวจะรับลูกสะใภ้ที่ท้องกับคนอื่นงั้นรึ?


ในเมื่อนางตัดสินใจเล่นเป็นคนรักกับหลิงฮันแล้ว นางจึงตั้งสติและยอมรับได้อย่างรวดเร็ว


แม้จะยังโกรธอยู่แต่นางก็ยอมเมินเฉยต่อเรื่องนี้และเดินจากไป


หลิงฮันหัวเราะ เมื่อพูดถึงลูกขึ้นมาเขาก็อดรู้สึกคิดถึงลูกชายของเขาไม่ได้ เมื่อพบหน้ากับอีกครั้งลูกของเขาจะยังจำเขาได้รึเปล่า?


ถึงแม้เขาจะมั่นใจว่าภายในไม่เกินหนึ่งพันปีเขาจะก้าวข้ามระดับภูผาวารีไปได้ แต่หากจะก้าวข้ามระดับดาราเขาจะต้องใข้เวลาเท่าใด? แม้เขาจะเป็นอัจฉริยะบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วกว่าจอมยุทธทั่วไปหลายสิบเท่า แต่การจะบรรลุให้ถึงระดับพลังที่ว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลาหลายพันปีหรืออาจจะหมื่นปี


เมื่อถึงตอนนั้นบุตรของเขาอาจจะแก่ชราแล้วก็เป็นได้


แต่ถึงกังวลไปก็ไม่มีความหมาย เส้นทางแห่งการฝึกตนจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถออกไปจากจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้ หากจะทำเช่นนั้นเขาต้องมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าตอนนี้ก่อน


ยิ่งกว่านั้นดินศักดิ์สิทธิ์ก็ช่างกว้างใหญ่ไพศาล ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์อาจจะไม่ได้ตั้งอยู่บนดาวดวงนี้ หากพูดถึงการเดินทางในจักรวาล มันจำเป็นต้องใช้เวลาหลายปี หลายสิบปี หรืออาจจะหลายร้อยปี


ที่น่าปวดหัวก็คือร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถเคลื่อนที่ในจักรวาลได้โดยตรง แม้จะสามารถควบคุมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ไร้ประโยชน์ การจะเดินทางในจักรวาลได้จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พาหนะศักดิ์สิทธิ์ แถมต้องเป็นระดับที่สูงมากด้วย


หลิงฮันส่ายหัวและตั้งเป้าขัดเกลาพลังต่อสู้ให้สูงที่สุด หลังจากตะลวงผ่านระดับพระเจ้าแล้วถึงค่อยหันไปมุ่งเน้นด้านการหลอมเม็ดยา บางทีนั่นอาจจะเป็นวิธีที่ช่วยให้เขาบรรลุระดับดาราได้เร็วที่สุด


ตราบใดที่เขาบรรลุระดับดาราได้ เขาก็จะสามารถออกจากจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้


หืม?


หลิงฮันชะงักในใจและกลายเป็นตื่นตัว


จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก แม้จะเป็นการลอบโจมตีของจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา


‘พรึบ’ ออร่าเย็นยะเยือกแวบขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งแทงเข้าที่ตำแหน่งหน้าอกด้านซ้ายของเขาเฉียดบริเวณหัวใจ


สิ่งที่โจมตีใส่เขาคือลูกศรสีดำที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันเย็นเฉียบ


ด้วยการโจมตีนี้หลิงฮันพอจะเข้าใจได้คร่าวๆ


พลังของลูกศรนี้สมควรเป็นของจอมยุทธระดับภูผาวารีระดับต่ำ แถมลูกศรที่ใช้โจมตีก็ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง กายหยาบของเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะต้านทานไหวหรือไม่


หลิงฮันใช้มือกำลูกศรแน่น ก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงนอนกับพื้นพร้อมกับโลหิตที่ไหลนอง


‘ตุบ’ ร่างของชายชุดคลุมดำกระโดดลงมาจากสิ่งก่อสร้าง ฝีเท้าของเขาเบาบางจนแทบไม่มีเสียง ทั่วทั้งใบหน้าของเขาถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าสีดำที่ปรากฏให้เห็นเพียงดวงตาที่ส่องประกาย


“ก็แต่จอมยุทธระดับทลายมิติ ข้าระวังตัวเกินไปรึเปล่า?” ชายชุดดำกล่าวพึมพำ เขานำกระบี่สั้นออกมาและเดินไปยังร่างของหลิงฮันเพื่อตัดหัว


ในฐานะนักฆ่า ถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้เขาจะมีหลักฐานว่าทำงานสำเร็จแล้วได้อย่างไร?


ชายชุดดำมายังร่างของหลิงฮันและดึงผมของเขาเพื่อยกศีรษะขึ้นมา แต่ชายชุดดำก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหน้าอกของหลิงฮันไม่ปรากฏรูที่ถูกลูกศรทะลวงทิ้งเอาไว้เลย!


ในฐานะนักฆ่าและประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขา เขาตอบสนองอย่างว่องไวโดยการแทงกระบี่สั้นเข้าใส่คอของหลิงฮันทันที


เขาไม่รู้ว่าหลิงฮันรอดชีวิตจากลูกศรได้อย่างไร แต่เขารู้ตัวว่าหลิงฮันได้หลอกล่อให้เขามาติดกับดัก แต่ด้วยการที่เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีและอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แผนการของหลิงฮันจะทำอะไรเขาได้?


หลิงฮันเผยรอยยิ้มออกมาและใช้จิตวิญญาณโจมตีใส่ชายชุดดำ


ทักษะจิตเจ็ดสังหาร!


‘พรึบ’ เมื่อถูกอำนาจของทักษะโจมตี ชายชุดดำก็แสดงท่าทีมึนงงก่อนที่จะกลายเป็นไร้สติ


หลิงฮันใช้โอกาสนี้คว้าร่างของอีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในพริบตา


‘พรึบ’ ในหอคอยทมิฬ หลิงฮันคือพระเจ้าที่แท้จริง! กระบี่สั้นที่แทงเข้ามาถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเศษผงทันที


หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะควบแน่นผงโลหะระดับพระเจ้าเก็บเอาไว้


จะปล่อยให้มันเสียเปล่าไม่ได้ เขาสามารถใช้ผงโลหะเหล่านี้สร้างใหม่เป็นลูกศรได้ เพราะอย่างไรตอนนี้ทักษะสังหารที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็คือศรฆ่ามังกรทะลวงดารา แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการใช้ทักษะนี้ก็คือคุณภาพของลูกศร


ด้วยพลังบ่มเพาะของหลิงฮันในตอนนี้ทักษะจิตเจ็ดสังหารสามารถส่งผลกับจอมยุทธระดับภูผาวารีได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น ชายชุดดำได้สติกลับคืนมาก่อนที่จะแสยะยิ้ม “ข้าดูถูกเจ้าไปหน่อย นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เจ้ารับการโจมตีของข้าได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ… หืม? ที่นี่คือที่ไหนกัน?


ชายชุดดำแสดงท่าทีตกตะลึงออกมา ที่แห่งนี้ไม่ใช่ตรอกซอยก่อนหน้านี้แน่นอน พื้นที่โดยรอบถูกเปลี่ยนกลายเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างขวาง


นี่คือภาพลวงตา?


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ด้วยกายหยาบของเขาในตอนนี้เขาก็พอจะรับการโจมตีของจอมยุทธระดับภูผาวารีได้อยู่ ในตอนที่เขาล้มลงกับพื้นนั้นเขาในคว้าลูกศรเข้ามาในหอคอยทมิฬและให้โลหิตของสัตว์อสูรแทนเลือดของตัวเองเพื่อหลอกให้อีกฝ่ายคิดว่าลอบสังหารสำเร็จ


ด้วยระดับพลังในตอนนี้เขาจะเข้าใกล้อีกฝ่ายได้อย่างไร หากอีกฝ่ายไม่เป็นคนเดินเข้าหาเขาเอง? ด้วยพลังของเขาในตอนนี้หากไม่อยู่ในระยะประชิดเขาก็ไม่สามารถใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีอีกฝ่ายได้


หลิงฮันได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาแล้วไม่ผิดแน่ การที่เขาต่อต้านจอมยุทธระดับภูผาวารีเอาไว้ได้โดยที่ตนเองมีพลังเพียงระดับทลายมิตินั้น ต่อให้เขาสาบาญก็คงไม่มีใครเชื่อ


เรื่องน่าอัศจรรย์เช่นนี้ก็เหมือนกับการที่จอมยุทธระดับหลอมกายาสังหารจอมยุทธณะดับทลายมิติลงได้


“เจ้าไม่ได้ระวังตัวมากเกินไป แต่เจ้าดูถูกข้าเกินไป!” หลิงฮันยักไหล่ “บอกมาว่าใครส่งเจ้ามาสังหารข้าและเจ้าคือใคร?”


“เหอๆ!” ชายชุดดำแสยะยิ้ม นี่มันเรื่องตลกอันใด? นี่เขากำลังถูกจอมยุทธระดับทลายมิติสอบสวนอยู่งั้นรึ? จิตสังหารของเขาปะทุออกมา “เลิกไร้สาระกันได้แล้ว มอบชีวิตของเจ้ามาให้ข้า!”

 

 

 


ตอนที่ 931

 

ชายชุดดำลงมือปล่อยฝ่ามือใส่หลิงฮัน


หลิงฮันไม่หลบไม่แม้น้อยและยอมให้อีกฝ่ายโจมตีพร้อมกับกล่าวอย่างสงบนิ่ง “เจ้าอยู่ในการควบคุมของข้า ถ้าข้าต้องการให้เจ้ารอดเจ้าก็จะรอด ถ้าข้าต้องการให้เจ้าตายเจ้าก็มีชะตากรรมเดียวคือความตาย”


‘ปัง’ ฝ่ามือที่ทรงพลังกระแทกเข้าใส่ แต่หลิงฮันกลับไม่ขยับถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว


“เป็นไปได้อย่างไร!” ชายชุดดำตกตะลึงจนขนหัวลุก สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเกินจินตนาการของเขาเกินไป


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ยินดีต้อนรับสู้โลกของข้า”


“ภาพลวงตา นี่ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ!” ชายชุดดำขยับถอยหลัง เมื่อครู่นี้เขาหมดสติไปชั่วขณะ ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าเขาอาจจะทำให้ถูกตกอยู่ในกลลวงของภาพลวงตา


หลิงฮันก้าวเดินไปข้างหน้าและกล่าว “แปลกจริงๆ ข้าว่าข้าก็ไม่ค่อยไปหาเรื่องอะไรกับคนอื่น แต่ทำไมคนอื่นถึงชอบบังคับให้ข้าใช้ความรุนแรงกัน?”


‘ครืนนน’ ภูเขาขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำ


ชายชุดดำถูกภูเขาทับโดยไม่สามารถขยับตัวได้และนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น


“อ้ากกก” ชายชุดดำกรีดร้องพร้อมกับกระดูกที่แตกหัก หลิงฮันขยับมือยกภูเขาขึ้นมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตกตาย


หลิงฮันขยับมืออีกครั้ง ทันใดนั้นผ้าปิดหน้าสีดำของชายชุดดำก็หายไปแสดงให้เห็นใบหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากคนปกติทั่วไป


หลิงฮันนั่งลงที่พื้นและกล่าว “เจ้าเป็นนักฆ่า?”


ชายชุดดำส่งเสียงโอดโอย ด้วยการที่เป็นนักฆ่าเขาย่อมได้รับการฝึกฝนเพื่อทนต่อการทรมานมาหลายรูปแบบ ดังนั้นถึงแม้จะเจ็บปวดเขาก็ไม่ร้องขอความเมตตาแม้แต่น้อย


หลิงฮันยิ้ม “ที่นี่ข้าคือพระเจ้าที่แท้จริง หากข้าคิดจะทำอะไรก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ข้าจะแสดงวิธีทรมานที่เจ้าคิดไม่ถึงให้เห็นเอง”


เขาลงมือทรมานชายชุดดำทันที เขาต้องรีบบ่มเพาะพลังเพราะงั้นเลยไม่อาจเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์


ชายชุดทำทนต่อการทรมานได้ครึ่งวันก็ต้องยอมแพ้


ในหอคอยทมิฬความเจ็บด้วยที่ได้รับนั้นมากกว่าที่เขาเคยฝึกหลายร้อยเท่า


“ชื่อของข้าคือเหมิงอี่ ข้าเป็นนักฆ่าจากสมาคมราตรีนิรันดร์…” เขากล่าวในขณะที่แววตาเลือนลอยราวกับคนบ้า


หลิงฮันฟังข้อมูลจากอีกฝ่ายและได้รู้ว่ามีคนเสนอผนึกก่อเกิดหนึ่งหมื่นก้อนต่อสมาคมราตรีนิรันดร์เพื่อแลกกับชีวิตของเขา


เงินค่าหัวจำนวนเท่านี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากสำหรับการเอาชีวิตของจอมยุทธระดับทลายมิติ หลิงฮันเชื่อว่าต้องมีนักฆ่าระดับภูผาวารีขั้นต้นหรือแม้แต่ขั้นกลางมากมายที่ต้องการชีวิตของเขาเพื่อแลกกับเงินก้อนโต


เหมิงอี่เป็นเพียงนักฆ่าระดับล่างสุด แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง


“บางทีอาจจะเป็นตระกูลหัว จ้าวหลุน ตระกูลสุ่ย หรือไม่ก็ใครที่อิจฉาข้า” หลิงฮันจับคางครุ่นคิดก่อนที่จะหัวเราะออกมา เขาเพิ่งจะขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นานแต่กลับมีคนจ้างนักฆ่ามาไล่สังหารเขาเสียแล้ว


หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬโดยทิ้งนักฆ่าไว้ข้างใน แน่นอนว่าอีกฝ่ายโดนเขาปล้นทรัพย์เรียบร้อยแล้ว ทรัพยากรที่ยึดมาได้คือผลึกก่อเกิดหกสิบสี่ก้อน ลูกศรสิบเจ็ดดอกและขวดเม็ดยาหลายอย่างเจ็ดขวด


“เป็นถึงระดับภูผาวารี นี่เขาจะไม่จนไปหน่อยรึไง?” หลิงฮันส่ายหัว


แต่ที่เขาไม่รู้เลยคือเมิงอี่ได้ใช้ทรัพสินย์มากมายไปกับการหลอมลูกศรและซื้อขวดเม็ดยาเหล่านี้


หากเขานำพวกมันไปขายเขาจะได้ผลึกก่อเกิดมาหลายร้อยก้อนเลยทีเดียว


ต้องรู้ก่อนว่าสำนักนภาสีชาดนั้นมอบผลึกก่อเกิดให้ต้นอ่อนอัจฉริยะอย่างหลิงฮันเพียงแค่สองก้อนต่อเดือนเท่านั้น


ครั้งนี้สมาคมราตรีนิรันดร์ทำภารกิจล้มเหลว แต่พวกเขาจะต้องไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่นอน ครั้งหน้าพวกเขาจะต้องส่งนักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแน่นอน


เขารู้จากเหมิงอี่ว่าสมาคมราตรีนิรันดร์นั้นเป็นสมาคมที่แข็งแกร่งมาก พวกเขามีสาขาย่อยมากมายในแต่ละจักรวรรดิและเมือง


สมาคมราตรีนิรันดร์นั้นแบ่งระดับนักฆ่าเป็นหกระดับคือ ต่ำ กลาง สูง ทองแดง เงิน ทอง ระดับของนักฆ่านั้นไม่ได้แบ่งโดยระดับพลังแต่เป็นจำนวนของเป้าหมายที่พวกเขาสังหารมา


ยิ่งนักฆ่าคนใดสังหารเป้าหมายมาเยอะ ระดับของพวกเขาก็จะยิ่งสูง


ดังนั้นก็อาจจะมีกรณีที่นักฆ่าระดับกลางแข็งแกร่งกว่านักฆ่าระดับทองแดง


“แม้จะรู้สึกไม่ดีที่ถูกคนไล่ล่า แต่ข้าจะทำอะไรได้?” หลิงฮันกำหมัดแน่น เขารู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงและทำได้เพียงระวังตัวให้มากที่สุด


เมื่อกลับมาถึงสำนัก หลิงฮันก็ปัดความกังวลทิ้งและใช้สมาธิไปกับการบ่มเพาะพลัง เขาเชื่อว่าสมาคมราตรีนิรันดร์จะไม่สามารถลงมือในสำนักได้แน่นอน ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังมีหอคอยทมิฬที่จะช่วยชีวิตเขาในยามคับขัน


วันเวลาผ่านไปสามวันหลิงฮันก็ถูกผ้าอาวุโสฝ่ายซ้ายเรียกตัว การประลองระดับสามจักรวรรดิราชวงศ์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะจึงต้องจัดหาผู้เข้าร่วม


การประลองนี้เป็นการประลองที่ยิ่งใหญ่มากต่อจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ หากอัจฉริยะที่ส่งไปประลองทำตัวเสียหน้า ราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็จะเสียหน้าไปด้วย


หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังที่พักของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก่อนและอีกฝ่ายถึงจะพาเขาไปยังที่พักของราชินีที่เก้า


ราชินีที่เก้ามีชื่อว่าหูเฟยหยินสิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือราชินีคนนี้มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลางเท่านั้น


ราชินีทั้งเก้าคือคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าสองผู้อาวุโสและเจ็ดนายพล แต่หูเฟยหยินคนนี้กลับมีพลังแค่ระดับภูผาวารีขั้นกลาง เช่นนี้แล้วทำไมพวกเขายังต้องเชื่อฟังนาง?


นั่นเพราะมีจักรพรรดินีดวงดาราอยู่


เมื่อประมาณเจ็ดแสนปีก่อนจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะเคยมีแม่ทัพอยู่แปดคน ในตอนนั้นราชินีที่เจ็ดยังมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับภูผาวารีจึงถูกแม่ทัพผู้หนึ่งกลั่นแกล้ง


ผลลัพธ์ก็คือจักรพรรดินีดวงดาราเกรี้ยวกราดและสังหารแม่ทัพทิ้งด้วยมือตนเอง ตระกูลของแม่ทัพผู้คนก็ถูกกวาดล้างไปด้วย!


ตั้งแต่นั้นมาทุกคนจึงให้ความเคารพต่อเก้าราชินีอย่างมาก เพราะว่าจักรพรรดินีได้กล่าวเอาไว้ว่าให้มองพวกนางทั้งเก้าเหมือนกับที่มองพระองค์!

 

 

 


ตอนที่ 932

 

ที่พักของราชินีที่เก้าคึกคักอย่างมาก ทุกคนมารวมตัวกันที่สวนของที่พัก เก้าอี้มากมายถูกนำมาตั้งไว้ชั่วคราว นอกจากตัวตนระดับสูงแล้ว จอมยุทธระดับทลายมิติอย่างหลิงฮันล้วนแต่ต้องยืน


จอมยุทธระดับทลายมิติที่มารวมตัวกันมีมากกว่าร้อยคน แต่คนที่จะได้เป็นตัวแทนมีเพียงสิบคนเท่านั้น การแข็งขันแย่งตำแหน่งนั้นดุเดือดมาก


หลี่เหว่ยเหว่ยเองก็มา เนื่องจากสถานะของนางนั้นสูงส่งนางจึงก็กลายเป็นจุดสนใจเช่นกัน ชายใดที่สามารถกลายเป็นลูกเขยของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายได้ย่อมมีอนาคตที่สดใส


หลิงฮันนั่งลงตรงมุมหนึ่งของสวนที่มีหินตั้งอยู่และปิดตาลง เขาดูดซับพลังวิญญาณเพื่อบ่มเพาะพลังโดยทักษะหกธาตุผสานเป็นหนึ่ง


ถึงแม้ทักษะนี้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆ


“ฮ่าๆๆ หากมีข้า หยางซื่อผู้นี้ จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะของเราจะต้องได้อันดับหนึ่งเป็นแน่!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกล่าวลั่นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


“เขาเป็นใครกัน?” ใครบางคนเอ่ยถาม


“โอ้ เขาคือหยางซื่อ จอมยุทธระดับทลายมิติที่ขัดเกลาพลังต่อสู้บรรลุขีดจำกัดยี่สิบดาว”


“โอ้!”


แม้หลัวป้าที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวจะถูกหลิงฮันสังหารได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะหรืออาจจะทั่วทั้งดาวดวงนี้ จอมยุทธระดับทลายมิติยี่สิบดาวก็ยังถือว่าแข็งแกร่งมากอยู่ดี มีอัจฉริยะไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถบรรลุได้


ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าหยางซื่อมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว ทุกคนถึงสูดหายใจลึกและรู้สึกสนใจ


หม่าชิงมาที่นี่เช่นกัน เขาถูกเลือกให้มาที่นี่โดยผู้อาวุโส เพราะอย่างไรออร่าราชาของเขาก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เขาเดินไปหาหลิงฮันและกล่าว “พวกเขาสามารถนั่งและกินดื่มได้ ส่วนพวกเราทำได้เพียงยืนดู ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”


หม่าชิงหมายถึงผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและตัวตนระดับสูงคนอื่นๆ


หลิงฮันยิ้ม แม้จะมีคนที่ตะกละอยู่ในโลกนี้มากมาย แต่หม่าชิงผู้นี้แม้จะในสถานะเช่นนี้เขาก็ยังพูดถึงเรื่องกินออกมาได้ คนแบบนี้หาได้ไม่มากนัก


“ราชินีที่เก้ามาแล้ว!” ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงของคนรับใช้สาวตะโกน น้ำเสียงของนางก้องกังวานและทรงพลังเพราะคนรับใช้นางนี้เป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา


ทุกคนรีบยืนตรง แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาก็ไม่มีข้อยกเว้น เจ็ดแม่ทัพเองก็เช่นกัน


องค์จักรพรรดินีเคยกล่าวไว้ว่าให้มองเก้าราชินีให้เหมือนกับที่มองนาง เพราะงั้นใครกันจะกล้านั่งเฉย?


ภายใต้สายตาของทุกคน สตรีชุดม่วงก็เดินเข้ามาผ่านประตูทางเข้าสวน


นางดูไม่ต่างอะไรกับสตรีที่มีอายุสิบแปดสิบเก้าปี นางสวมกระโปรงยาวและมีรูปร่างที่เย้ายวน ความโค้งเว้าของร่างกายนางทำให้นางดูน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก


สตรีผู้นี้งดงามไม่ด้อยไม่กว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่เลย แต่ดูเหมือนนางจะมีนิสัยที่ประหม่า เมื่อถูกผู้คนมากมายจ้องมอง ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและทำท่าทีเขินอาย


นางเคอะเขินเล็กน้อยก่อนที่จะเดินมาถึงตำแหน่งที่นั่งของนาง นางโบกมือให้ทุกคนและกล่าว “ทุกคน ไม่ต้องมากพิธี”


หลิงฮันอดหัวเราะในใจไม่ได้ เก้าราชินีคือตำแหน่งที่อยู่บนจุดสงสุดที่แม้แต่ผู้อาวุโสซ้ายขวายังต้องแหงนมอง แต่อีกฝ่ายกลับเป็นเด็กสาวที่หน้าบางเช่นนี้


ทุกคนไม่กล้าหยาบคาย พวกเขาทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะนั่งลงด้วยความเลื่อมใส


“ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนที่การประลองระหว่างสามจักรวรรดิราชวงศ์จะเริ่ม วันนี้พวกเราต้องเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเข้าร่วมการประลอง” ราชินีที่เก้ากล่าว ถึงแม้ใบหน้าของจะยังเป็นสีแดงแต่นางก็ไม่หยุดพูด


“พี่สาวข้า… ไม่สิ องค์จักรพรรดินีมีคำสั่งให้เลือกจอมยุทธสิบคนเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของจักรวรรดิ”


ผู้อาวุโสซ้ายไม่ประหลาดใจที่ราชินีที่เก้าจะเรียกจักรพรรดินีว่าพี่สาว


“งั้นก็เริ่มกันเลย” ราชินีที่เก้ากล่าว


นางเตรียมที่นั่งสิบที่เอาไว้ เวลาจำกัดในการเลือกผู้เข้าร่วมคือหนึ่งชั่วโมง เมื่อหมดเวลาสิบคนที่นั่งอยู่จะถือว่าเป็นตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ


กฎนั้นง่ายมาก แค่ยึดครองที่นั่งไว้ให้ได้ก็พอ


แต่เมื่อการคัดเลือกเริ่มต้นกลับไม่มีใครเลยที่เดินไปนั่งเก้าอี้


ถ้าเวลาที่จำกัดคือหนึ่งชั่วโมง งั้นหากนั่งคนแรกก็ต้องประลองเยอะกว่าน่ะสิ? เช่นนั้นแล้วทำไมไม่รอให้เวลาใกล้หมดค่อยลงมือล่ะ?


“พวกขี้ขลาด!” หยางซื่อเดินเข้าไปยังที่นั่งแรก


“ช้าก่อน!” หม่าชิงตะโกน “ข้าชอบที่นั่งนั้นมาก เจ้าเปลี่ยนไปที่นั่งอื่นซะ!”


“เหอะ ทำไมเจ้าไม่เลือกที่อื่นเองล่ะ?” หยางซื่อลงมือโจมตีใส่หม่าชิง


ดวงตาหม่าชิงหรี่ลง ออร่าราชาของเขาถูกปลดปล่อยออกมาและปล่อยหมัดออกไป


‘ตูม’ หมัดของทั้งสองคนเข้าปะทะกันทันที


พลังต่อสู้ของหม่าชิงคือสิบเก้าดาว หากรวมเข้ากับออร่าราชาของเขา พลังของเขาจึงไม่ด้อยไปกว่าพลังต่อสู้ยี่สิบดาวของหยางซื่อ


คนอื่นที่เห็นเช่นนั้นก็เริ่มลงมือแย่งที่นั่งหลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่


หลิงฮันไม่เคลื่อนไหวใดๆ จอมยุทธระดับทลายมิตินั้นไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้เขาลงมือ เขาคร้านที่จะไปแย่งชิงกับคนอื่นและปิดตายืนอยู่นิ่งๆ เขาตั้งใจรอให้เวลาใกล้หมดก่อนถึงจะลงมือ


“หลิงฮัน เจ้าไม่ลงมืองั้นรึ?” เสียงเบาๆเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของเขา ถึงแม้เสียงนั่นจะเบาแต่มันก็ดังก้องไปถึงสติของเขาราวกับฟ้าผ่า


นี่คือเสียงของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย


เมื่อหลิงฮันหันมองเขากลับพบว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไม่ได้มองมาที่เขาแม้แต่น้อย


ดูเหมือนการที่เขานิ่งเฉยจะทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไม่พอใจและส่งสัมผัสสวรรค์มาเตือนเขา


เห้อ ข้าคงต้องลงมือแล้ว


หลิงฮันก้าวเดินไปด้านหน้าและบิดไหล่ราวกับกำลังเป็นสัญญาณว่าเขาจะลงมือแล้ว


ปากของหลิงฮันโค้งเป็นรอยยิ้มก่อนที่มือของเขาจะอ้าออกและควบแน่นพลังอันไร้ที่สิ้นสุด


ทันใดนั้นเอง สายตาของตัวตนระดับสูงทุกคนก็จ้องมาที่เขา

 

 

 


ตอนที่ 933

 

จอมยุทธระดับทลายมิติ แน่นอนว่าไม่อยู่ในสายตาของจอมยุทธระดับดารา แต่พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นมีมากกว่ายี่สิบดาวเลยทำให้พวกเขารู้สึกสนใจ


การทะลวงผ่านขีดจำกัดของทุกระดับพลังไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แต่การที่ทำแบบนั้นได้หมายความว่าอนาคตของเขาจะต้องไร้ขีดจำกัด


เย่เชิงหยุนก็มาที่นี่ด้วย เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของหลิงฮันมาก่อน และเมื่อพบว่าหลิงฮันกำลังจะเคลื่อนไหว เส้นผมของเขาตั้งชันขึ้นทันทีและกระโดดลุกออกมาจากเก้าอี้ราวกับมีไฟกำลังรนก้นของเขาอยู่


—— ในฐานะที่เขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายตะวันออก ความแข็งแกร่งของเขาจึงเป็นที่รู้จัก จึงไม่มีใครกล้าท้าทายเขาหากผู้ใดต้องการท้าทายคนที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบเอ็ดดาว อย่างน้อยจะต้องมีจอมยุทธระดับทลายมิติสิบคนที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวถึงจะทำเช่นนั้นได้


ที่นี่อาจมีจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวน้อยกว่าห้าคน แล้วใครจะโง่ที่จะท้าทายเขา?


แต่เย่เชิงหยุนกับแสดงท่าทางแบบนั้น แล้วคนอื่นจะไม่รู้สึกแปลกใจได้อย่างไร?


ในไม่ช้า หลิงฮันก็เคลื่อนไหวและปล่อยฝ่ามือออกไปข้างหน้า


ปัง!


แสงสีทองส่องสว่างไปทั่วทุกที่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกตกตะลึงมาก


บางคนล้มลงกับพื้น บางคนนั่งตกเก้าอี้ ยกเว้นเย่เชิงหยุน แม้บางคนจะยังมีสติอยู่ แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!


มุมปากของเย่เชิงหยุนกระตุก เขารู้ว่าหลิงฮันแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่อาจหยุดความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นในร่างกายได้


หลิงฮันยังเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่อีกรึ?


แบบนี้มันผิดปกติเกินไปแล้ว


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขารู้แค่ว่าหลิงฮันขึ้นมาบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีการเปิดสวรรค์ ดังนั้นเขาจะต้องมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว และเพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับเกียรติยศ แต่ใครจะคิดว่า หลิงฮันแข็งแกร่งขนาดนี้


ในตอนที่เขายังเยาว์วัย…เขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลิงฮันหรือไม่?


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายส่ายหัว ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกจักรพรรดิจากโลกใบเล็กมากเกินไป


บางที หลิงฮันอาจเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้!


ความคิดที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที พลังต่อสู้ในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตเสียหน่อยและเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า


อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ไม่ขาดแคลนบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืออัจฉริยะ


หลังจากนั้น หลิงฮันก็เดินไปยกเก้าอี้และนั่งลง ในตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่บนเก้าทั้งสิบตัวนอกเหนือจากเขา


ปากของราชินีที่เก้าอ้าเล็กน้อยและจ้องมองหลิงฮันด้วยดวงตาที่กลมโต


นางยังเยาว์วัย จึงไม่แปลกที่จะตกใจกับการโจมตีของหลิงฮัน


“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมไปเลย!” นางปรบมือไม่หยุดเหมือนสาวน้อยที่ไร้เดียงสา


ถึงกระนั้นการกระทำของนางก็ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย และทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น


เย่เชิงหยุนกดฟันและยกเก้าอี้ขึ้นมา แต่เขาไม่กล้านั่งข้างหลิงฮัน และไปนั่งอยู่ด้านหลังแทน


คนที่ยังมีสติอยู่ก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นและตะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งบนเก้า พวกเขาเป็นเหมือนกับเย่เชิงหยุนที่ไม่กล้านั่งใกล้กับหลิงฮัน


ความแข็งแกร่งของหลิงฮันเหนือกว่าพวกเขามาก


ในเมื่อเก้าอี้ทั้งสิบตัวมีเจ้าของกันหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันอีกต่อไป


เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและคนอื่นรู้สึกตกใจเล็กน้อย หรือว่าการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของหลิงฮัน เขาจะคำนวณเอาไว้หมดแล้ว? หากเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องประเมินความแข็งแกร่งของหลิงฮันสูงขึ้นไปอีก


หลิงฮันไม่ได้ตั้งใจ เขาเพียงแค่ควบคุมฝ่ามือเพื่อให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดเหลือรอด แต่ไม่คิดว่าจะเหลือคนครบสิบคนพอดี


ดังนั้น หม่าชิง หยางซื่อและคนอื่นๆจึงสามารถเข้าร่วมได้


ผู้อาวุโสฝ่ายขวาและแม่ทัพทั้งเจ็ดคนยังคงหันไปจ้องมองหลิงฮัน จอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ควรค่าแก่การจดจำชื่อ


แต่นั่นคือทั้งหมด


ราชินีที่เก้ารู้สึกตื่นเต้นมากและพูดกับหลิงฮันว่า “เจ้าชื่ออะไร?”


“ข้ามีชื่อว่าหลิงฮัน” หลิงฮันลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยความเคารพ


ราชินีที่เก้าปรบมืออีกครั้ง “ครั้งนี้พวกเราจะต้องเป็นฝ่ายชนะไม่ผิดแน่ ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าทำงานเพื่อพี่สาวของข้า แต่ก็จะไม่มีใครเรียกข้าว่าคนโง่อีกต่อไป!”


“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนแยกย้ายกลับไปได้แล้ว!” ในเมื่อตัวแทนสิบคนได้ถูกกำหนดแล้ว นางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปและสั่งให้ทุกคนแยกย้ายได้


ผู้คนไม่กล้าขัดคำสั่งของนางและเริ่มแยกย้ายจากไป คำสั่งของราชินีที่เก้าเป็นเหมือนคำสั่งของจักรพรรดินี จึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง


อัจฉริยะจากเจ็ดในสิบคนมาจากสำนักนภาสีชาด พวกเขาหกคนต่างยืนหลบอยู่ด้านหลังหลิงฮันด้วยแววตาที่หวั่นเกรง


ทั้งที่ในหมู่พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบเก้าดาวถึงยี่สิบดาว แต่พวกเขาก็ตระหนักดีว่ากว่าจะบรรลุถึงระดับนี้ยากลำบากแค่ไหน ซึ่งทำให้พวกเขามองหลิงฮันด้วยความหวั่นเกรงและเคารพบูชา


– ฝ่ามือก่อนหน้านี้ของหลิงฮันทำให้พวกเขาทึ่งมาก


ตลอดทางกลับสำนัก พวกเขาเดินตามติดหลิงฮันอย่างใกล้ชิดราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของหลิงฮัน ทำให้หลายคนที่เห็นรู้สึกแปลกใจ


……


“โอ้ว?” จ้าวหลุนยิ้ม เขายังคงฝึกฝนอยู่ใต้น้ำตก เพราะเขากำลังฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังลับ เขาไม่อาจขยับไปไหนได้และต้องคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของน้ำตาเพื่อให้เกิดการรู้แจ้งบางอย่าง


“คนจากโลกใบเล็กมีพลังต่อสู้มากกว่ายี่สิบดาวอย่างนั้นรึ?” จ้าวหลุนดูประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่จั่วเซียวบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา


“ขอรับ นายน้อย!” จั่วเซียวกล่าวด้วยความเคารพและสายตาที่ชื่นชม ความแข็งแกร่งของเจ้ามดปลวกที่มาจากโลกใบเล็กดูเหมือนจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาเล็กน้อย และตอนนี้ยังได้เป็นตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอีก


“ในเมื่อเขามีคุณสมบัติที่ได้เป็นตัวแทน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฆ่าเขา มิฉะนั้นจักรพรรดินีคงจะโกรธ” จ้าวหลุนยิ้มอย่างเย็นชา


แม้เขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่การดำรงอยู่ของจักรพรรดินีก็ยังคงทำให้หัวใจของเขาต้องหวั่นไหว


ในหัวใจของทุกคนในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ จักรพรรดินีคือการดำรงอยู่ที่อยู่เหนือทุกคนและไม่มีใครล่วงเกินได้


“นายน้อย แล้วท่านจะทำอย่างไร?” จั่วเซียวถาม เขารู้อยู่แล้วว่านายน้อยของเขาไม่มีทางปล่อยหลิงฮันไปเด็ดขาด


จ้าวหลุนหัวเราะและพูดว่า “ปล่อยมันไปก่อน รอจนกว่าการต่อสู้ของทั้งสามจักรวรรดิจะเริ่มต้นขึ้นและค่อยลงมือฆ่าเจ้าเด็กนั่นก็ยังไม่สาย”


ใบหน้าของจั่วเซียวปรากฏรอยยิ้มและพูดว่า  “ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้เจ้าเด็กนั่นจะมีชีวิตอยู่ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย แต่เขาก็จะถูกทุกคนจากฝ่ายตะวันตกเกลียดชัง”

 

 

 


ตอนที่ 934

 

หลิงฮันบ่มเพาะพลังอยู่ในที่พักของตัวเอง เขากำลังทำความเข้าใจทักษะหกธาตุผสานเป็นหนึ่งได้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งการที่เขามีผลึกก่อเกิดมากพอจะซื้อเม็ดยาทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างพรวดพราด


บางทีในเวลาไม่เกินหกเดือน เขาอาจจะสามารถบรรลุถึงขีดจำกัดของพลังต่อสู้ระดับทลายมิติ


หืม?


เขาแสดงสีหน้าระมัดระวังตัวออกมาเนื่องจากสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนเข้ามาในลานที่พักของเขา


อีกฝ่ายเป็นชายที่สวมชุดคลุมดำและมีผ้าปิดบังใบหน้าทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์เขาได้


นักฆ่าจากสมาคมราตรีนิรันดร์?


แต่สมาคมราตรีนิรันดร์จะอุกอาจถึงขนาดบุกมาลงมือในสำนักนภาสีชาดเลยรึ?


“ตาย!” ชายชุดดำคำรามและโจมตีใส่หลิงฮัน


ความเร็วของนักฆ่าคนนี้… ทำไมถึงได้เชื่องช้านัก?


หลิงฮันมองเห็นอย่างชัดเจนว่าที่ด้านหลังชายคนนี้มีภูผาวารีปรากฏอยู่ แต่พลังที่เขาใช้โจมตีกลับมีพลังต่อสู้ราวๆระดับทลายมิติยี่สิบสามดาว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีที่ลดระดับพลังของตนเองลงมา


หลิงฮันกระโดดเพื่อหลบการโจมตีที่พุ่งเข้ามา


‘ฟุบ’ ชายชุดดำรีบไล่ตามและโจมตีอีกครั้ง


ครั้งนี้การโจมตีของเขาทรงพลังกว่าเดิมเทียบได้กับระดับทลายมิติยี่สิบห้าดาว


สำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารี หากลดระดับพลังลงมาการจะมีพลังต่อสู้มากกว่ายี่สิบดาวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก


หลิงฮันขมวดคิ้วและรีบพุ่งออกจากลานที่พัก


ชายชุดดำไล่ตามหลิงฮันอย่างไม่ลดละ เขายังคงไม่ใช้พลังระดับภูผาวารีออกมาแต่ไล่ต้อนหลิงฮันไปเรื่อยๆ


ทั้งสองคนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว หนึ่งคนหลบหนี หนึ่งคนไล่ตาม ด้วยความเร็วของพวกเขาผ่านไปไม่นานทั้งสองก็ออกจากอาณาเขตของสำนักฝ่ายเหนือและกำลังมุ่งหน้าไปยังฝ่ายตะวันตก


หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการไล่ต้อนให้เขาเข้าไปยังอาณาเขตของสำนักฝ่ายตะวันตก


ในสำนักนภาสีชาด ฝ่ายทั้งสีไม่ถูกกันและมีการแข็งขันกันอย่างดุเดือด ถ้าหากศิษย์ของสำนักฝ่ายเหนือไปโผล่ที่สำนักฝ่ายตะวันตกจะเป็นอย่างไร?


ชายชุดดำผู้นี้ต้องการยืมมือของทั้งสำนักฝ่ายตะวันตกในการจัดการเขา!


ชายคนนี้ไม่ใช่นักฆ่าของสมาคมราตรีนิรันดร์แน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ทำอะไรที่ยุ่งยากเช่นนี้


แต่การที่ชายชุดดำที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้ปลดปล่อยจิตสังหารใส่เขาเช่นนี้มันหมายถึงอะไร?


ยิ่งกว่านั้นผู้อาวุโสที่คอยดูความสงบของสำนักคงจะรู้ตัวแล้ว แถมเขาคงรู้ถึงตัวจริงของชายชุดดำคนนี้แล้วด้วย แต่การที่เขาไม่มาหยุดยั้งก็หมายถึงผู้อาวุโสที่ว่าต้องการหลีกเลี่ยงที่จะขัดแย้งกับเบื้องหลังของชายชุดดำ


เช่นนั้นก็ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว


จ้าวหลุน!


ชายชุดดำจะต้องเป็นคนของจ้าวหลุนแน่นอน ดังนั้นผู้อาวุโสของสำนักถึงไม่คิดสอดมือเข้ามายุ่ง เจ้าหลุนที่เป็นถึงบุตรของนายพลจ้าว ใครกันจะกล้าไม่ไว้หน้าเขา?


‘ตูม!’


ชายชุดดำโจมตีอย่างรุนแรงส่งผลให้ร่างของหลิงฮันกระแทกเข้ากับกำแพงทันที


“ใครกัน!”


“ใครกัน!”


บริเวณนี้คือลานของศิษย์ระดับทลายมิติของสำนักฝ่ายตะวันตก ศิษย์มากมายรีบวิ่งมาและพบหลิงฮันที่ติดในซากกำแพง ส่วนชายชุดดำนั้น ร่างของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะหายตัวไป


หลิงฮันลุกขึ้นยืน การโจมตีของชายชุดดำเมื่อครู่ไม่ได้ทรงพลังเท่าไหร่แต่กลับรวดเร็วจนเขาหลบไม่พ้น


“ศิษย์จากสำนักฝ่ายเหนือ!”


“เขาคือหลิงฮัน!”


“ศิษย์ใหม่อันดับหนึ่งของปีนี้?”


“เหอะ เจ้าคิดว่ามีพลังต่อสู้มากกว่ายี่สิบดาวแล้วจะสามารถมาเดินเล่นที่สำนักฝ่ายตะวันตกได้งั้นรึ?”


“จัดการเขาเลย!”


ทั่วทั้งสำนักฝ่ายตะวันตกมีศิษย์ระดับทลายมิติราวๆสองพันคน แต่ละคนเข้าร่วมสำนักมานานกว่าห้าปีแล้วจึงมีศิษย์มากมายที่มีพลังต่อสู้สิบห้าดาว หากพวกเขาร่วมมือกันจอมยุทธระดับทลายมิติผู้ใดจะรอดไปได้?


หลิงฮันแสยะยิ้มในใจ ถ้าเขาไม่สู้เขาก็จะถูกทุบตีอยูฝ่ายเดียว แต่ถ้าเขาสู้แล้วชนะก็จะกลายเป็ฯว่าเขาไปยั่วยุจอมยุทธระดับภูผาวารีของสำนักฝ่ายตะวันตก


หลิงฮันอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสุ่ยเยี่ยนยวี่และจ้าวหลุนต่างก็เป็นงูพิษทั้งคู่


‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ศิษย์มากมายเดินเข้าไปใกล้ พวกเขาที่อยู่กันเยอะย่อมไม่หวาดกลัวหลิงฮัน


หลิงฮันยื่นมือออกไปคว้าร่างศิษย์คนหนึ่งเข้ามาและใช้อีกฝ่ายเป็นโล่พร้อมกับกล่าว “ทุกคน ข้ามาที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจ เอาเป็นว่าพวกเราแยกย้ายกันแต่โดยดีเป็นอย่างไร? ”


“เหอะ บุกเข้ามาในสำนักฝ่ายตะวันตกเช่นนี้เจ้ายังคิดว่าจะกลับไปได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ?”


“หลิงฮัน เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว!”


“เจ้าคิดรึว่ามาคนเดียวเช่นนี้ เจ้าจะได้กลับไปโดยครบสามสิบสอง?”


หลิงฮันอดหัวเราะแห้งๆไม่ได้ แม้พวกเจ้าจะมีกันหลายพันคนแต่คิดรึว่าข้าจะหวาดกลัว?


“ในเมื่อพวกเจ้าต้องการเช่นนั้นก็เข้ามา!” หลิงฮันโยนศิษย์ในมือทิ้งไป


“ฮ่าๆๆ จัดการเขาเลย!” ศิษย์หลายสิบคนบุกโจมตี แม้จะมีศิษย์ระดับทลายมิติหลายพันคนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถบุกโจมตีพร้อมกันได้หมด


หลิงฮันปล่อยหมัดขวาออกไป


ตูม!


พลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป หมัดของเขาหนึกอึ้งราวกับเป็นขุนเขาขนาดมหึมา ศิษย์หลายสิบคนที่พุ่งเข้ามาถูกกระแทกสลบไปทันที


ศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันตกชะงักด้วยความตะลึง พลังอะไรกันนี่! แค่หมัดเดียวก็ซัดศิษย์มากมายจนหมดสติได้? ต้องรู้ก่อนว่าการที่เข้าร่วมกับสำนักนภาสีชาดได้ ทุกคนล้วนแต่เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ


“ฮึ่ม ข้าไม่เชื่อว่าด้วยจำนวนคนเช่นนี้จะไม่สามารถจัดการเขาได้”


ฝูงศิษย์บุกเข้าใส่หลิงฮันราวกับคลื่นทะเล แต่แค่หลิงฮันขยับมือ ศิษย์มากมายหลายสิบคนก็ถูกซัดปลิวราวกับว่าว


หลังจากปล่อยหมัดไปสิบกว่าหมัด ศิษย์มากกว่าสองร้อยคนก็ล้มหมดสติ


ศิษย์ระดับทลายมิติของสำนักฝ่ายตะวันตกเหลืออยู่อีกราวกับพันแปดร้อยคนที่ยืนอยู่ ที่หลิงฮันต้องทำก็แค่ซัดหมัดออกไปลวกๆร้อยครั้ง


ผิดปกติเกินไป… เป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธระดับทลายมิติจะทรงพลังขึ้นขนาดนี้


หรือพวกเขาควรจะลงไปบ่มเพาะพลังที่โลกใบเล็ก?


“ยังคิดจะเข้ามาอีกไหม?” หลิงฮันกล่าวอย่างเอือมละอา สายตาของเขากวาดผ่านศิษย์อีกพันแปดร้อยคน เหล่าศิษย์ที่ถูกจ้องมองต่างรู้สึกหวาดกลัว


เขาก็ไม่ได้มีออร่าราชาไม่ใช่รึไง? แต่ทำไมเขาถึงได้ทรงพลังเช่นนี้?


“ฮึ่ม พวกเราต้องไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ! ไม่เช่นนั้นสำนักฝ่ายตะวันตกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”


“ใช้ทุกอย่างเพื่อจัดการเขา!”

 

 

 


ตอนที่ 935

 

ศิษย์จากสำนักฝ่ายตะวันตกยังคงแห่กันเข้ามาไม่หยุด แต่พวกเขาทุกคนก็ดูหมดหวัง


ในเมื่อมันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับหลิงฮันที่จะฆ่าพวกเขาหรือทำให้พวกเขาพิการ


ในเมื่อมีแกะหลุดเข้ามาในฝูงสิงโต แล้วพวกเขาจะปล่อยหลิงฮันไปได้อย่างไร?


หลิงฮันกระแทกฝ่ามือออกไป ทำให้ศิษย์ของฝ่ายตะวันตกหลายสิบคนปลิวกระเด็นไปเหมือนกับดอกไม้ทันทีและเขายังคงดูผ่อนคลายราวกับว่าการจัดการพวกเขามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร


“ศิษย์พี่เจี่ยมาแล้ว!” ทุกคนหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมแห้งเหมือนกับถั่วงอก ผิวหนังของเขาแทบจะติดกับกระดูก


ชายหนุ่มคนนั้นผงกหัว และโคจรพลังปราณไปที่แขนซ้าย ทันใดนั้นเองแขน ลำตัว และขาของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น มีเพียงแค่หัวของเขาเท่านั้นที่ยังมีขนาดเท่าเดิม


ในไม่ช้าร่างกายที่เหมือนกับถั่วงอกของเขาก็กลายเป็นชายร่างกำยำที่มีความสูงสามฟุตและมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ


“ศิษย์พี่เจี่ยฝึกฝนทักษะกลืนกินสวรรค์ ถึงแม้ปกติเขาจะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาว แต่เมื่อใดที่ใช้ทักษะนี้ เขาก็จะมีพลังต่อสู้มากถึงยี่สิบเอ็ดดาวหรืออาจมากกว่านั้น!”


“หึ่ม ความสามารถของศิษย์พี่เจี่ยไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่เชิงหยุน ใช่แล้ว เย่เชิงหยุนมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบเอ็ดดาวเท่านั้น แต่ศิษย์พี่เจี่ยเหนือกว่านั้น!”


“ยี่สิบสองดาว!”


ทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หากศิษย์พี่เจี่ยสามารถจัดการหลิงฮันได้ สำนักฝ่ายตะวันตกของพวกเขาก็จะไม่เสียหน้าอีกต่อไป


ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง!


ศิษย์พี่เจี่ยพุ่งเข้าหาหลิงฮัน ตอนนี้เขามีร่างกายสูงใหญ่กำยำ ทุกฝีก้าวทำให้พื้นต้องสั่นสะเทือนราวกับจะแยกออกจากกัน


ปัง!


ศิษย์พี่เจี่ยปล่อยหมัดไปที่หัวของหลิงฮัน


ต่อหน้าร่างกายที่ใหญ่โตกำยำของเขา ทำให้หลิงฮันเป็นเหมือนกับเด็กแรกเกิด


“จัดการมันเลย!” ทุกคนส่งเสียงตะโกน


หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเย่เชิงหยุน แต่น่าเสียดายที่เขาใช้ทักษะลับบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ ซึ่งอาจอยู่ได้ไม่นานนัก


ความแข็งแกร่งของเขาเป็นแค่ความแข็งแกร่งที่อยู่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลิงฮันแล้ว พลังต่อสู้แค่นั้นยังไม่เพียงพอ


หลิงฮันยื่นมือออกไปเพื่อต้านรับ


ปัง หมัดของศิษย์พี่เจี่ยหยุดอยู่ที่ด้านหน้าหลิงฮันและไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้อีก


แต่เนื่องจากทั้งสองคนมีขนาดร่างกายที่ไม่เท่ากัน หมัดของศิษย์พี่เจี่ยมีขนาดใหญ่มากบังหัวของหลิงฮันมิด จึงไม่มีใครเห็นฉากที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็มีหลายคนที่คิดว่าหลิงฮันจะต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน


หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ พวกเขาก็พบว่าหลิงฮันยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมและช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของพวกเขาจะกลายเป็นมืดมน


นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง?


หลิงฮันยกมือขึ้นและยกร่างของศิษย์พี่เจี่ยขึ้นมาเหนือหัว เหมือนกับมดที่ยกสิงโต


“กระเด็นไปซะ!” หลิงฮันโยนศิษย์พี่เจี่ยไปที่กำแพง ปัง ร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงและแน่นิ่งไปในที่สุด


พรวด!


หลังจากที่เขากระอักโลหิตออกมา ร่างกายของเขาก็หดตัวอย่างรวดเร็วและกลับสู่ขนาดเดิม ทำให้พลังต่อสู้ของเขาในปัจจุบัน….กลับมาอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบแปดดาวอีกครั้ง


แม้แต่ศิษย์พี่เจี่ยก็ยังไม่ใช่คู่มือ!


ศิษย์จากสำนักฝ่ายตะวันตกตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา แม้จะมีความได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่ก็ไม่มีผลเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดอย่างเขา


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้ายังอยากจะต่อสู้อีกหรือไม่?”


ศิษย์ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา ตอนนี้มีศิษย์มากกว่าครึ่งหนึ่งถูกหลิงฮันจัดการไปแล้ว และดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ


พวกเขาต่างพากันส่ายหัวและไม่มีความคิดที่จะสู้อีกต่อไป อีกฝ่ายผิดปกติเกินไปแล้ว!


“หากพวกเจ้าไม่คิดที่จะสู้ ข้าก็จะได้กลับไปนอน!” หลิงฮันไม่ได้พูดขอโทษ แม้เขาจะจัดการศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันตกไปมากกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม หากเขาพูดขอโทษตอนนี้อาจมีผลกระทบเชิงลบ


หลังจากพูดจบหลิงฮันก็เดินจากไป ในขณะที่ศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันตกทำได้แค่มองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและโกรธเกรี้ยว


ในความเป็นจริง หลิงฮันไม่ได้รู้สึกดีใจ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ถูกบังคับให้ทำแบบนี้


“จ้าวหลุน ความเกลียดชังระหว่างเจ้ากับข้าดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆ!’ หลิงฮันพูดในใจ


แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับจ้าวหลุนหรือไม่?


ไม่!


อย่าว่าแต่จ้าวหลุนเลย แม้แต่ผู้ติดตามทั้งสามคนของจ้าวหลุน หลิงฮันก็ไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ ช่องว่างระหว่างจอมยุทธระดับทลายมิติกับจอมยุทธระดับภูผาวารีนั้นกว้างใหญ่เกินไป


“ข้าต้องรีบทะลวงผ่านระดับภูผาวารีให้เร็วที่สุด ด้วยความสามารถของข้า มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่ข้าจะเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาว! จากนั้น ตราบใดที่ข้าทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้น ข้าก็จะสามารถรับมือกับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางถึงขั้นสูงสุดได้”


“จ้าวหลุนเป็นศัตรูของข้าเพราะศิษย์พี่สุ่ย ดังนั้นนางจึงเป็นจุดอ่อนของข้าเช่นกัน ข้าแสร้งทำเป็นสนิทสนมกับศิษย์พี่สุ่ย ดังนั้นจ้าวหลุนเลยโกรธแค้นข้า ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของข้าเลยแท้ๆ”


……


วันต่อมา การทดสอบรายเดือนของสำนักฝ่ายเหนือก็เริ่มต้นขึ้น


นี่คือการทดสอบความแข็งแกร่งของทุกคนว่าก้าวหน้าขึ้นหรือถอยหลังลงคลอง นั่นเป็นเพราะบางคนหลังจากที่เข้าสำนักได้พวกเขาทำตัวผ่อนคลายเกินไปและไม่หมั่นฝึกฝน


หากศิษย์คนใดไม่มีความก้าวหน้า ขั้นแรกพวกเขาจะถูกตักเตือน ขั้นที่สองพวกเขาจะสูญเสียสิทธิ์ประโยชน์มั้งหมด และขั้นที่สามคือถูกขับไล่ออกจากสำนัก ดังนั้นการทดสอบประจำเดือนจึงมีความสำคัญมาก


ศิษย์ใหม่มากกว่าห้าร้อยคนได้มารวมตัวเพื่อรับการทดสอบแล้ว


สุ่ยเยี่ยนยวี่กวาดสายตามองทุกคนและพูดว่า “วันนี้เป็นวันทดสอบประจำเดือน พวกเจ้าทุกคนจะต้องทำให้ดีที่สุด หากความสามารถของพวกเจ้าแย่กว่าตอนที่แสดงออกมาในตอนที่สอบเข้าสำนัก พวกเจ้าจะถูกตักเตือนก่อน และหากเตือนครบสามครั้งแล้วยังไม่มีความก้าวหน้าอีกก็จะถูกขับไล่ออกจากสำนัก”


“ครับ!” ทุกคนตอบด้วยความกลัว


หลิงฮันยกมือพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วพูดถามว่า “ศิษย์พี่ หากได้อันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลตอบแทนหรือไม่?”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่มีรางวัลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น”


“ไม่มี?” หลิงฮันหมดความสนใจทันทีและฟุบหลับลงบนโต๊ะ ในเมื่อไม่ได้รางวัลตอบแทนเขาจะพยายามสุดความสามารถไปเพื่ออะไร


เมื่อเห็นท่าทางขี้เกียจของหลิงฮัน ช่วยไม่ได้ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่จะรู้สึกโกรธ


ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮันเป็นสามีของนาง นางก็คงจะขี้เกียจเกินไปที่จะเป็นห่วงเขา!


“เริ่มกันได้แล้ว!” นางกล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ


การทดสอบที่ว่าคือการต่อสู้ นอกเหนือจากนั้นแล้วจะทดสอบอะไรได้อีก?


แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะท้าทายหลิงฮัน เพราะเขาถูกทุกคนยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของที่นี่


ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานหลิงฮันยังบุกไปที่ฝ่ายตะวันตกด้วยตัวคนเดียว จะมีใครในที่แห่งนี้กล้าทำแบบเขาหรือไม่?


และนั่นมันไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?


ดังนั้น ถึงแม้หลิงฮันจะไม่ได้ต่อสู้กับใคร แต่เขาก็ได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของการทดสอบประจำเดือนโดยอัตโนมัติ

 

 

 


ตอนที่ 936

 

หลังจากการทดสอบหลิงฮันก็จงจงทำเป็นเรียกสุ่ยเยี่ยนยวี่มาพูดคุยอย่างใกล้ชิด


ความเข้าใจในวิถีวรยุทธของเขานั้นสูงเป็นอย่างมาก เพียงพูดไม่กี่คำก็กระตุ้นความสนใจของสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะลึกๆในใจนางยอมรับในตัวหลิงฮันแล้ว จึงทำให้นางไม่ค่อยหวงตัวเมื่ออยู่กับเขา


หลิงฮันยิ้มในใจ ที่นี่ต้องมีคนของจ้าวหลุนอยู่แน่นอน ซึ่งคนที่ว่าจะนำสิ่งที่เห็นไปรายงานต่อจ้าวหลุน


……


ณ สำนักฝ่ายตะวันตก


ศิษย์ระดับภูผาวารีหลายคนยืนมองศิษย์น้องระดับทลายมิติมากมายที่มีใบหน้าปูดบวม


“ศัตรูบุกเข้ามาเพียงคนเดียวพวกเจ้าก็หยุดไม่ได้?”


“ไม่เพียงแค่หยุดไม่ได้ แต่พวกเจ้าหลายคนยังถูกทำให้บาดเจ็บด้วย?”


“พวกกลุ่มสวะ!”


ศิษย์พี่ที่อยู่ที่นี่คือจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นของสำนักฝ่ายตะวันตก หลังจากพวกเขารับรู้เรื่องที่หลิงฮันบุกมาอาละวาดเมื่อวาน พวกเขาก็มาดูสถานการณ์ในวันนี้


“หลิงฮันที่ว่ามีสามหัวหกแขนรึไง?”


ศิษย์พี่ทุกคมีท่าทีเหยียดหยาม พวกเขาต่างรู้สึกว่าศิษย์น้องของสำนักฝ่ายตกวันตกจะอ่อนแอเกินไปแล้วที่ถูกคนเพียงคนเดียวจัดการและทำให้สำนักฝ่ายตะวันตกเสียหน้า


“ศิษย์พี่หลิ่ว หลิงฮันผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป ตอนที่เขาประลองเป็นตายกับหลัวป้าเมื่อไม่กี่วันก่อนเข้าใช้เพียงหมัดเดียวเพื่อสังหารหลัวป้า!” มีศิษย์มากมายที่ไปดูการประลองระหว่างหลิงฮันกับหลัวป้า


ศิษย์พี่หลิ่วผู้นี้มีชื่อว่าหลิ่วเหิง เขาเป็นจอมยุทธภูผาวารีขั้นต้นระดับปลายและเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว ศิษย์ระดับภูผาวารีมากมายมีเขาเป็นผู้นำ


หลิ่วเหิงแสดงสีหน้าเหยียดหยามและกล่าว “หลัวป้า? คนที่ถูกเรียกว่าสามอัจฉริยะรุ่นใหม่ของเมืองจักรพรรดิน่ะรึ? เขามีพลังต่อสู้เพียงสิบแปดดาวไม่ใช่หรือไง”


“ขอตอบศิษย์พี่หลิว หลัวป้านั้นได้ดูดซับศิลาหยาดโลหิตทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบเอ็ดดาว ก่อนหน้านี้เขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับเย่เชิงหยุนได้อย่างสูสี” ศิษย์คนหนึ่งกล่าว


หลิ่วเหิงและเหล่าศิษย์พี่คนอื่นๆตกตะลึง พลังต่อสู้ยี่สิบดาวเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถบรรลุได้เมื่อตอนที่อยู่ระดับทลายมิติ


“เมื่อวานศิษย์พี่เจี่ยเองก็ลงมือเช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็ถูกหลิงฮันจัดการ” ศิษย์อีกคนเอ่ยกล่าว


ใบหน้าของหลิวเหิงกลายเป็นตื่นตัวมากขึ้นก่อนจะกล่าว “ถ้างั้นหลิงฮันผู้นั้นก็ต้องมีพลังต่อสู้ยี่สิบสามดาว?”


“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!” ศิษย์ระดับภูผาวารีอีกคนกล่าว “เท่าที่ข้ารู้มาจักรพรรดิที่ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเปิดสวรรค์จะได้รับพรจากสวรรค์และปฐพี”


“พรจากสวรรค์และปฐพี?” หลิ่วเหิงถาม ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะระดับภูผาวารี แต่เมื่อพูดถึงพรของสวรรค์และปฐพีเขาก็รู้สึกสนใจ


“มีคำกล่าวว่าจักรพรรดิผู้นั้นจะได้รับพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นสามดาว!”


หลิ่วเหิงเคร่งเครียดและกล่าว “การเปิดสวรรค์จำเป็นต้องมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวเป็นอย่างน้อย หากได้รับพรที่ว่าเขาก็จะมีพลังต่อสู้ยี่สิบสามดาว”


เช่นนั้นแล้วคงไม่มีจอมยุทธระดับมลายมิติคนใดที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นได้


“ใช่แล้ว!” หลิ่วเหิงกำหมัดและกล่าว “การประลองของสามจักรวรรดิกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ใกล้เปิดออกแล้วเช่นกัน”


“ศิษย์พี่หลิ่ว ท่านหมายความว่าอย่างไร?”


“เหอๆ ถ้าหลิงฮันมีคุณสมบัติเข้าไปในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ เขาจะเป็นจะตายก็อยู่ในการควบคุมของเราแล้ว” หลิ่วเหิงแสยะยิ้ม


……


ณ ใต้น้ำตก


จ้าวหลุนตกตะลึงและกล่าว “แม้แต่ศิษย์ของทั้งสำนักฝ่ายตะวันตกก็ทำอะไรเขาไม่ได้?”


ผู้ติดตามของเขาจ้าวหยุนอีกคน ป่ายหยวนสือกล่าวด้วยความเคารพ “ขอตอบนายน้อย เจ้าหนูนั่นมีพลังต่อสู้อย่างน้อยยี่สิบสามดาว หากไม่ใช้พลังแห่งจักรภพช่วยก็ไม่มีจอมยุทธระดับทลายมิติคนใดที่จัดการเขาได้”


ใบหน้าของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นมืดมน ในตอนที่มีพลังระดับทลายมิติเขามีพลังต่อสู้เพียงยี่สิบดาวเท่านั้น ตอนนี้เมื่อมีคนที่พลังต่อสู้เหนือกว่าเขาถึงสามดาวปรากฏตัว เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก


“ด้วยพลังต่อสู้เช่นนั้น เขาต้องเป็นอันดับหนึ่งของการประลองระหว่างสามจักรวรรดิราชวงศ์และองค์จักรพรรดินีจะต้องให้เขาเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์แน่นอน” ป่ายหยวนสือกล่าวอีกครั้ง


“เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์!” แววตาของจ้าวหลุนส่องประกาย ที่เขากลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาวได้ก็เพราะวาสนาจากเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ที่ทำให้เขาได้รับพลังอันพิเศษ


“หากเขาเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ได้ก็อย่าให้เขาออกมาอีกเป็นอันขาด” จ้าวหลุนกล่าวอย่างเย็นชา ข่าวเกี่ยวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ในช่วงนี้ทำให้อารมณ์ของเขาบูดบึ้งเป็นอย่างมาก


“ขอรับ!” ป่ายหยวนสือคุกเข่าข้างเดียว


……


วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันเองก็หมกตัวอยู่แต่ในสำนักทำให้สมาคมราตรีนิรันดร์ไม่มีโอกาสลอบสังหารเขา ทางจ้าวหยุนเองก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเช่นกัน


การประลองของสามจักรวรรดิราชวงศ์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งในวันนี้หลิงฮันได้ถูกผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเรียกเข้าพบ พรุ่งนี้การประลองของสามจักรวรรดิระเริ่มขึ้นดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องพักที่บ้านของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและเดินทางไปพระราชวังพร้อมกับอีกฝ่ายในวันพรุ่งนี้


การประลองของสามจักรวรรดิจะจัดขึ้นทุกๆสิบปี ซึ่งปีนี้ได้ถูกจัดขึ้นที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการเดินทางไปยังจักรวรรดิอื่น


“หลิงฮัน ถ้าเจ้าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมก็มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าจะได้เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าว


หลิงฮันถามกลับ “ผู้อาวุโส เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์คืออะไรรึ?”


“กล้าดีอย่างไร! ต่อหน้าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเจ้ามีคุณสมบัติจะถามคำถามรึ?” เซียงเฉิงหยินตะโกนแทรกทันที


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยิ้มและสะบัดมือไม่ถือสา “เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์จะเปิดออกทุกๆสิบปี ที่นั่นมีผลึกลึกลับที่สามารถช่วยให้จอมยุทธระดับทลายมิติควบแน่นพลังของภูผาวารีได้และทำให้ย่นระยะเวลาทะลวงผ่านระดับให้เร็วขึ้น”


“ด้วยการที่มันมีคุณสมบัติเช่นนี้ทำให้มันถูกเรียกว่าผลึกภูผาวารี มันเป็นพิเศษที่มีเฉพาะในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นย่อมไม่มีใครรู้”


“นอกจากนั้นผลึกภูผาวารีบางก้อนยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกด้วย อย่างเช่นผลึกที่มีพลังอำนาจของแรงโน้มถ่วง หากเจ้าขัดเกลาพลังภูผาวารีจากผลึกนั่น เมื่อเจ้าต่อสู้ศัตรูของเจ้าก็จะได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง”


“ผลึกเพลิงจะทำให้ภูผาวารีของเจ้ามีคุณสมบัติเปลวเพลิงที่สามารถแผดเผาได้ทุกสิ่ง!”


“เพียงแต่ว่าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์มีข้อจำกัดด้านพลังบ่มเพาะของผู้ที่จะเข้าไป ระดับพลังสูงสุดที่สามารถเข้าไปได้คือระดับภูผาวารีขั้นต้น เพราะงั้นในสำนักจึงมีศิษย์มากมายที่ระงับพลังของตนเองไว้ไม่ทะลวงผ่านเพื่อรอโอกาสเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์”


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เมื่อข้ายังเยาว์วัย ข้าไม่มีผู้หนุนหลังจึงไม่มีโอกาสได้เข้าไป แต่ถ้าเป็นเจ้า… ถ้าเจ้าสามารถขัดเกลาผลึกภูผาวารีพิเศษได้บางทีเจ้าอาจจะกลายเป็นอัจฉริยะห้าดาวเลยก็ได้”


หลิงฮันประหลาดใจ แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยังหวั่นไหวเช่นนี้ ดูท่าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์จะคุ้มค่าต่อการเข้าไปจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 936

 

หลังจากการทดสอบหลิงฮันก็จงจงทำเป็นเรียกสุ่ยเยี่ยนยวี่มาพูดคุยอย่างใกล้ชิด


ความเข้าใจในวิถีวรยุทธของเขานั้นสูงเป็นอย่างมาก เพียงพูดไม่กี่คำก็กระตุ้นความสนใจของสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะลึกๆในใจนางยอมรับในตัวหลิงฮันแล้ว จึงทำให้นางไม่ค่อยหวงตัวเมื่ออยู่กับเขา


หลิงฮันยิ้มในใจ ที่นี่ต้องมีคนของจ้าวหลุนอยู่แน่นอน ซึ่งคนที่ว่าจะนำสิ่งที่เห็นไปรายงานต่อจ้าวหลุน


……


ณ สำนักฝ่ายตะวันตก


ศิษย์ระดับภูผาวารีหลายคนยืนมองศิษย์น้องระดับทลายมิติมากมายที่มีใบหน้าปูดบวม


“ศัตรูบุกเข้ามาเพียงคนเดียวพวกเจ้าก็หยุดไม่ได้?”


“ไม่เพียงแค่หยุดไม่ได้ แต่พวกเจ้าหลายคนยังถูกทำให้บาดเจ็บด้วย?”


“พวกกลุ่มสวะ!”


ศิษย์พี่ที่อยู่ที่นี่คือจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นของสำนักฝ่ายตะวันตก หลังจากพวกเขารับรู้เรื่องที่หลิงฮันบุกมาอาละวาดเมื่อวาน พวกเขาก็มาดูสถานการณ์ในวันนี้


“หลิงฮันที่ว่ามีสามหัวหกแขนรึไง?”


ศิษย์พี่ทุกคมีท่าทีเหยียดหยาม พวกเขาต่างรู้สึกว่าศิษย์น้องของสำนักฝ่ายตกวันตกจะอ่อนแอเกินไปแล้วที่ถูกคนเพียงคนเดียวจัดการและทำให้สำนักฝ่ายตะวันตกเสียหน้า


“ศิษย์พี่หลิ่ว หลิงฮันผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป ตอนที่เขาประลองเป็นตายกับหลัวป้าเมื่อไม่กี่วันก่อนเข้าใช้เพียงหมัดเดียวเพื่อสังหารหลัวป้า!” มีศิษย์มากมายที่ไปดูการประลองระหว่างหลิงฮันกับหลัวป้า


ศิษย์พี่หลิ่วผู้นี้มีชื่อว่าหลิ่วเหิง เขาเป็นจอมยุทธภูผาวารีขั้นต้นระดับปลายและเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว ศิษย์ระดับภูผาวารีมากมายมีเขาเป็นผู้นำ


หลิ่วเหิงแสดงสีหน้าเหยียดหยามและกล่าว “หลัวป้า? คนที่ถูกเรียกว่าสามอัจฉริยะรุ่นใหม่ของเมืองจักรพรรดิน่ะรึ? เขามีพลังต่อสู้เพียงสิบแปดดาวไม่ใช่หรือไง”


“ขอตอบศิษย์พี่หลิว หลัวป้านั้นได้ดูดซับศิลาหยาดโลหิตทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบเอ็ดดาว ก่อนหน้านี้เขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับเย่เชิงหยุนได้อย่างสูสี” ศิษย์คนหนึ่งกล่าว


หลิ่วเหิงและเหล่าศิษย์พี่คนอื่นๆตกตะลึง พลังต่อสู้ยี่สิบดาวเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถบรรลุได้เมื่อตอนที่อยู่ระดับทลายมิติ


“เมื่อวานศิษย์พี่เจี่ยเองก็ลงมือเช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็ถูกหลิงฮันจัดการ” ศิษย์อีกคนเอ่ยกล่าว


ใบหน้าของหลิวเหิงกลายเป็นตื่นตัวมากขึ้นก่อนจะกล่าว “ถ้างั้นหลิงฮันผู้นั้นก็ต้องมีพลังต่อสู้ยี่สิบสามดาว?”


“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!” ศิษย์ระดับภูผาวารีอีกคนกล่าว “เท่าที่ข้ารู้มาจักรพรรดิที่ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเปิดสวรรค์จะได้รับพรจากสวรรค์และปฐพี”


“พรจากสวรรค์และปฐพี?” หลิ่วเหิงถาม ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะระดับภูผาวารี แต่เมื่อพูดถึงพรของสวรรค์และปฐพีเขาก็รู้สึกสนใจ


“มีคำกล่าวว่าจักรพรรดิผู้นั้นจะได้รับพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นสามดาว!”


หลิ่วเหิงเคร่งเครียดและกล่าว “การเปิดสวรรค์จำเป็นต้องมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวเป็นอย่างน้อย หากได้รับพรที่ว่าเขาก็จะมีพลังต่อสู้ยี่สิบสามดาว”


เช่นนั้นแล้วคงไม่มีจอมยุทธระดับมลายมิติคนใดที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นได้


“ใช่แล้ว!” หลิ่วเหิงกำหมัดและกล่าว “การประลองของสามจักรวรรดิกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ใกล้เปิดออกแล้วเช่นกัน”


“ศิษย์พี่หลิ่ว ท่านหมายความว่าอย่างไร?”


“เหอๆ ถ้าหลิงฮันมีคุณสมบัติเข้าไปในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ เขาจะเป็นจะตายก็อยู่ในการควบคุมของเราแล้ว” หลิ่วเหิงแสยะยิ้ม


……


ณ ใต้น้ำตก


จ้าวหลุนตกตะลึงและกล่าว “แม้แต่ศิษย์ของทั้งสำนักฝ่ายตะวันตกก็ทำอะไรเขาไม่ได้?”


ผู้ติดตามของเขาจ้าวหยุนอีกคน ป่ายหยวนสือกล่าวด้วยความเคารพ “ขอตอบนายน้อย เจ้าหนูนั่นมีพลังต่อสู้อย่างน้อยยี่สิบสามดาว หากไม่ใช้พลังแห่งจักรภพช่วยก็ไม่มีจอมยุทธระดับทลายมิติคนใดที่จัดการเขาได้”


ใบหน้าของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นมืดมน ในตอนที่มีพลังระดับทลายมิติเขามีพลังต่อสู้เพียงยี่สิบดาวเท่านั้น ตอนนี้เมื่อมีคนที่พลังต่อสู้เหนือกว่าเขาถึงสามดาวปรากฏตัว เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก


“ด้วยพลังต่อสู้เช่นนั้น เขาต้องเป็นอันดับหนึ่งของการประลองระหว่างสามจักรวรรดิราชวงศ์และองค์จักรพรรดินีจะต้องให้เขาเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์แน่นอน” ป่ายหยวนสือกล่าวอีกครั้ง


“เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์!” แววตาของจ้าวหลุนส่องประกาย ที่เขากลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาวได้ก็เพราะวาสนาจากเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ที่ทำให้เขาได้รับพลังอันพิเศษ


“หากเขาเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ได้ก็อย่าให้เขาออกมาอีกเป็นอันขาด” จ้าวหลุนกล่าวอย่างเย็นชา ข่าวเกี่ยวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ในช่วงนี้ทำให้อารมณ์ของเขาบูดบึ้งเป็นอย่างมาก


“ขอรับ!” ป่ายหยวนสือคุกเข่าข้างเดียว


……


วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันเองก็หมกตัวอยู่แต่ในสำนักทำให้สมาคมราตรีนิรันดร์ไม่มีโอกาสลอบสังหารเขา ทางจ้าวหยุนเองก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเช่นกัน


การประลองของสามจักรวรรดิราชวงศ์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งในวันนี้หลิงฮันได้ถูกผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเรียกเข้าพบ พรุ่งนี้การประลองของสามจักรวรรดิระเริ่มขึ้นดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องพักที่บ้านของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและเดินทางไปพระราชวังพร้อมกับอีกฝ่ายในวันพรุ่งนี้


การประลองของสามจักรวรรดิจะจัดขึ้นทุกๆสิบปี ซึ่งปีนี้ได้ถูกจัดขึ้นที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการเดินทางไปยังจักรวรรดิอื่น


“หลิงฮัน ถ้าเจ้าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมก็มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าจะได้เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าว


หลิงฮันถามกลับ “ผู้อาวุโส เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์คืออะไรรึ?”


“กล้าดีอย่างไร! ต่อหน้าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเจ้ามีคุณสมบัติจะถามคำถามรึ?” เซียงเฉิงหยินตะโกนแทรกทันที


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยิ้มและสะบัดมือไม่ถือสา “เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์จะเปิดออกทุกๆสิบปี ที่นั่นมีผลึกลึกลับที่สามารถช่วยให้จอมยุทธระดับทลายมิติควบแน่นพลังของภูผาวารีได้และทำให้ย่นระยะเวลาทะลวงผ่านระดับให้เร็วขึ้น”


“ด้วยการที่มันมีคุณสมบัติเช่นนี้ทำให้มันถูกเรียกว่าผลึกภูผาวารี มันเป็นพิเศษที่มีเฉพาะในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นย่อมไม่มีใครรู้”


“นอกจากนั้นผลึกภูผาวารีบางก้อนยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกด้วย อย่างเช่นผลึกที่มีพลังอำนาจของแรงโน้มถ่วง หากเจ้าขัดเกลาพลังภูผาวารีจากผลึกนั่น เมื่อเจ้าต่อสู้ศัตรูของเจ้าก็จะได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง”


“ผลึกเพลิงจะทำให้ภูผาวารีของเจ้ามีคุณสมบัติเปลวเพลิงที่สามารถแผดเผาได้ทุกสิ่ง!”


“เพียงแต่ว่าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์มีข้อจำกัดด้านพลังบ่มเพาะของผู้ที่จะเข้าไป ระดับพลังสูงสุดที่สามารถเข้าไปได้คือระดับภูผาวารีขั้นต้น เพราะงั้นในสำนักจึงมีศิษย์มากมายที่ระงับพลังของตนเองไว้ไม่ทะลวงผ่านเพื่อรอโอกาสเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์”


ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เมื่อข้ายังเยาว์วัย ข้าไม่มีผู้หนุนหลังจึงไม่มีโอกาสได้เข้าไป แต่ถ้าเป็นเจ้า… ถ้าเจ้าสามารถขัดเกลาผลึกภูผาวารีพิเศษได้บางทีเจ้าอาจจะกลายเป็นอัจฉริยะห้าดาวเลยก็ได้”


หลิงฮันประหลาดใจ แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยังหวั่นไหวเช่นนี้ ดูท่าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์จะคุ้มค่าต่อการเข้าไปจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 937

 

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ให้หลิงฮันฟัง


หลังจากนั้น พวกเขาก็เดินทางด้วยรถม้าของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและด้วยความเร็วที่น่าทึ่งมาก ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงพระราชวังแล้ว


เมื่อพวกเขามาถึง ถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ไม่สามารถเข้าไปในพระราชวังได้หากไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่ทหารยามตรวจสอบตัวตนของพวกเขาทั้งสามคนเสร็จแล้ว พวกเขาก็ปล่อยให้ทั้งสามคนเข้าไปในพระราชวัง


“ในระหว่างนี้พวกเจ้าห้ามพูดอะไรเด็ดขาด!” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเตือน


“ขอรับ!” ทั้งหลิงฮันและเซียงเฉิงหยินกล่าว


ที่นี่คือศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ และมีสีหลักของพระราชวังคือสีชมพู และยังเป็นที่อยู่อาศัยของหญิงสาวที่งดงามที่สุดบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่แม้แต่จักรพรรดิจากอีกสองจักวรรดิราชวงศ์ยังยินดีที่จะสละบัลลังก์เพื่อนาง


ถ้านางไม่ใช่สตรีจะทำแบบนั้นได้หรือไม่?


หลิงฮันคาดหวังเล็กน้อยว่าเขาจะได้พบจักรพรรดินี และในที่สุดเขาก็จะได้เห็นจักรพรรดินีที่เป็นดั่งตำนานว่านางมีเสน่ห์และงดงามแค่ไหน ถึงขนาดที่ทำให้จักรพรรดิทั้งสองจักรวรรดิยอมสละบัลลังก์เพื่อนาง


เซียงเฉิงหยินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นจักรพรรดินีมาก่อน แค่คิดว่านางจะงดงามแค่ไหนก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นแล้วเพื่อแค่นึกคิด


อาจกล่าวได้ว่าใครก็ตามที่เคยเห็นจักรพรรดินีจะไม่มีหญิงสาวคนใดที่งดงามไปกว่านางอีกแล้วในสายตาของพวกเขา


หลังจากที่เดินเข้ามาในพระราชวังเรื่อยๆ ทหารยามที่เฝ้าอยู่ที่นี่จะมีแต่สตรี อาจเป็นได้ว่าหากเป็นทหารยามผู้ชาย จักรพรรดินีอาจไม่ปลอดภัยก็เป็นได้


สถานที่ประลองถูกจัดขึ้นในลานฝึกฝน มันไม่เพียงแค่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีห้องประชุมขนาดใหญ่อีกด้วย


มีอัฒจรรย์ทั้งหมดสี่แห่งยื่นออกมาจากด้านบนเหมือนกับหน้าผา ซึ่งอัฒจรรย์ทางทิศใต้มีขนาดใหญ่ที่สุด มันคืออัฒจรรย์ของจักรพรรดินีและมีที่นั่งพิเศษสำหรับจักรพรรดินี และแน่นอนว่าราชินีทั้งเก้าคนก็สามารถขึ้นไปได้เช่นกัน


ส่วนอัฒจรรย์อีกสามแห่งนั้นดูเล็กกว่ามาก อัฒจรรย์ทางทิศตะวันออกเป็นของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ อัฒจรรย์ทางทิศตะวันตกเป็นของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม ส่วนอัฒจรรย์ทางทิศเหนือจะแบ่งเป็นสองส่วนคือด้านบนและด้านล่าง


แต่แน่นอนว่าหลิงฮันไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งบนอัฒจรรย์พวกนั้น ในขณะที่เซียงเฉิงหยินเป็นคนของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย เขาจึงมีสิทธิ์ยืนอยู่บนอัฒจรรย์ด้านบนของอัฒจรรย์ทางทิศเหนือ


หากเป็นแบบนั้นหลิงฮันก็จะไม่เห็นเหล่าผู้คนที่นั่งอยู่ด้านบนของอัฒจรรย์ได้ ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาจะไม่ได้เห็นหน้าจักรพรรดินี


– หลิงฮันไม่ได้คิดเรื่องไม่ดีกับจักรพรรดินีแต่เขาเคยได้ยินเรื่องความงดงามของนางมานาน จึงทำให้เขาอยากเห็นด้วยตาตัวเอง


ผู้เข้าร่วมการประลองทั้งหมดจากทั้งสามจักรวรรดิราชวงศ์จะยืนอยู่ในสถานที่ประลอง และมีลานประลองอยู่ตรงกลาง


ในเมื่อมันเป็นการประลองระหว่างจักรวรรดิราชวงศ์ แน่นอนว่าย่อมมีกฎ หากแพ้ก็คือแพ้เลย ไม่มีการยืดเยื้ออะไรทั้งสิ้น ตัวตนที่สูงส่งอย่างพวกเขาจะนั่งดูเล่นละครปาหี่ได้อย่างไร?


“ศิษย์น้องหลิง ข้ามีข่าวบางอย่างมาบอกเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องลำบากซะแล้ว” ในขณะนั้นเย่เชิงหยุนเดินเข้ามาหาหลิงฮันและโบกมือให้อีกแปดคนแล้วพูดว่า “ทุกคนมาฟังพร้อมกัน”


“มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?” หม่าชิงถามด้วยความสงสัย “ในเมื่อมีศิษย์พี่หลิงอยู่ที่นี่ พวกเราจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน”


“ใช่แล้ว!” คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาทุกคนต่างยอมรับในความแข็งแกร่งของหลิงฮัน


เย่เชิงหยุนส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์อีกสองแห่งเองก็มีคนที่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัวอยู่เหมือนกัน


“พวกเขาแข็งแกร่งกว่าศิษย์พี่หลิงอีกอย่างนั้นรึ?” หม่าชิงถาม


เย่เชิงหยุนส่ายหัวและพูดว่า “ตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ว่ากันว่าเขาเป็นลูกหลานของราชานกยูง ส่วนตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามเป็นที่รู้จักกันในชื่อราชาเต่ายักษ์ที่ว่ากันว่าอาจเป็นลูกหลานของสัตว์อสูรระดับพระเจ้า”


เมื่อได้ยินที่เย่เชิงหยุนกล่าวทุกคนดูหวั่นไหวเล็กน้อย สัตว์อสูรระดับพระเจ้ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต่อกรด้วยได้


หลิงฮันรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าอยากเจอพวกเขาแล้วสิ” ในเมื่อเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่แข็งแกร่งที่สุด หากมีคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้เป็นธรรมดาที่หลิงฮันจะรู้สึกแปลกใจ


เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของหลิงฮัน ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้หลิงฮันจะไม่มีพลังสายเลือด แต่เขาก็เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์น่าหวาดกลัวคนหนึ่ง


“จักรพรรดินีมาถึงแล้ว!”


องครักษ์หญิงตะโกนเสียงดังและดังก้องกังวานไปทั่วลานฝึกฝน


พรึบ ทุกคนลุกขึ้นยืนทันทีเพื่อต้อนรับการมาของจักรพรรดินี


หลิงฮันรีบหันไปมองบัลลังก์ที่อยู่ทางทิศใต้ทันที แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเขามองไม่เห็นอะไรเลย


เกิดความโกลาหลขึ้นบนบัลลังก์อื่น จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะไม่เพียงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังงดงามเป็นอย่างมากด้วย แต่น่าเสียดายเนื่องจากมีบัลลังก์เพียงสามที่เท่านั้นที่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดินีได้


“ร…เริ่มการประลองได้!” ใครบางคนพูดติดอ่าง คนที่พูดคือราชินีลำดับที่เก้า


แน่นอนว่าราชินีลำดับที่เก้าและจักรพรรดินีเป็นพี่น้องกัน เสียงของนางจึงดังมาจากบัลลังก์ทางทิศใต้


“การประลองแรกตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม”


ราชินีลำดับที่เก้าสงบสติอารมณ์ของตัวเอง นางไม่พูดติดอ่างอีกต่อไป


เมื่อราชินีลำดับที่เก้าพูดจบ คนผู้หนึ่งจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็กระโดดขึ้นไปบนลานประลอง ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาคือตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามที่มีชื่อว่าโม่เซียง


หลิงฮันไม่ได้สนใจการต่อสู้ของพวกเขามากนักว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ชนะ เพราะนี่เพิ่งจะเริ่มการต่อสู้เป็นคู่แรกเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมากกว่าจะถึงตาของเขาและไม่สนใจว่าอีกสองจักรวรรดิจะเหลือรอดกันกี่คน


หลิงฮันหันหน้าไปทางอัฒจรรย์ทางทิศเหนือที่อยู่ด้านล่าง และในไม่ช้าเขาก็มองเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่มาพร้อมกับศิษย์ในสำนัก หลังจากที่คนเหล่านั้นเห็นว่าถูกหลิงฮันจ้องมอง ศิษย์หญิงหลายคนที่อยู่รอบตัวสุ่ยเยี่ยนยวี่ต่างหยอกล้อนาง ซึ่งทำให้สีหน้าของนางกลายเป็นสีแดงเพราะความเขินอาย


หลิงฮันมองเห็นหลัวหลี่เช่นกัน อีกฝ่ายกำลังนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างชายวัยกลางคนและชายชรา เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าถูกหลิงฮันจ้องมอง ช่วยไม่ได้ที่แววตาของเขาจะเปลี่ยนไปและดูโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที


แต่ชายวัยกลางคนและชายชราที่อยู่ข้างหลัวหลี่นั้นจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่ผิดที่จะปกปิดจิตสังหารของตนเองแม้แต่น้อย


พวกตระกูลหลัวนี่เอง


หลิงฮันพูดอยู่ในใจและไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่พวกเขาจะเกลียดเขามากขนาดนี้

 

 

 


ตอนที่ 938

 

การประลองดำเนินไปอย่างรวดเร็ว


ผ่านไปครึ่งชั่วโมงจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็เหลือผู้ประลองอยู่เพียงสามคน จักรวรรดิราชวงศ์อีกสองก็ไม่ค่อยต่างกัน


ดูเหมือนว่านอกจากสัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันที่ยังไม่ลงมือแล้ว สัตว์ประหลาดของอีกสองจักรวรรดิก็ยังไม่ลงมือเช่นกัน


เมื่อหม่าชิงพ่ายแพ้ก็ถึงคราวที่เย่เชิงหยุนต้องลงมือ เขาเอาชนะศัตรูจากอีกสองจักรวรรดิได้สี่คนจนผู้ประลองคนสุดท้ายของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ต้องลงมือ


ผู้ประลองคนนี้คือสตรี


นางเป็นสตรีงดงามที่ปล่อยผมยาวถึงสะโพก นางใส่เสื้อที่ค่อนข้างสั่นทำให้มองเห็นเอวอันคอดบางได้ชัดเจน


กางเกงที่นางสวมใส่ก็เป็นการเกงหนังที่เผยท่อนขาในช่วงเข่าลงไป


“ตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เยว่หลงเอ๋อ” นางประสานกำปั้นเข้าหากัน


เย่เชิงหยุนมีสีหน้าลุ่มหลงก่อนจะประสานหมัดคารวะอีกฝ่ายเช่นกัน “จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ เย่เชิงหยุน”


“ขอความกรุณาด้วย!”


“ขอความกรุณาด้วย!


เมื่อกล่าวเสร็จเยว่หลงเอ๋อก็โจมตีทันที นางกระโดดเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งแสงและมาปรากฏที่ด้านหน้าของเย่เชิงหยุนพร้อมกับกระแทกฝ่ามือออกไป


เย่เชิงหยุนตกตะลึง ความเร็วของอีกฝ่ายเหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้ แต่อย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบเอ็ดดาว เขาปล่อยหมัดเข้าปะทะกับอีกฝ่ายอย่างไม่หวั่นเกรง


‘ตูม!’


หมัดกับฝ่ามือเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง แต่เย่เชิงหยุนกลับเป็นฝ่ายถูกผลักกระเด็นออกจากลานประลอง


เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง!


แววตาของหลิงฮันเปิดกว้างเล็กน้อย ฝ่ามือเมื่อครู่สตรีผู้นี้มีพลังต่อสู้ราวๆเกือบจะยี่สิบสองดาว หากนางใช้ทักษะและพลังทั้งหมดออกมาเป็นไปได้ว่านางจะต้องมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกราวๆสองดาว ซึ่งเป็นไปได้ว่าพลังต่อสู้ของนางจะอยู่ที่ยี่สิบสามดาว


เย่เชิงหยุนพ่ายแพ้และถึงคราวที่ตัวแทนคนสุดท้ายของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามลงมือ


“ตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม จงไห่” เขาเป็นชายที่มีโครงร่างที่แปลก เขาไม่ใช่ชายที่รูปร่างเตี้ยหรืออะไรแต่หลังของเขามีส่วนที่โค้งนูนออกมาเหมือนกระดองเต่า


ทายาทของเต่าดำ ไม่อาจดูถูกได้เลย


ทั้งสองคนสู้กันอย่างดุเดือด เยว่หลงเอ๋อได้เปรียบในการพลังโจมตีที่รุนแรง แต่จงไห่ที่เป็นทายาทของเต่าดำก็มีพลังป้องกันที่ทนทานไม่แพ้กัน ถ้าการโจมตีใดของเยว่หลงเอ๋อมีพลังทำลายที่รุนแรงเขาก็แค่หันหลังใช้กระดองป้องกันก็พอแล้ว


แต่ก็แน่นอนว่าพลังของเยว่หลงเอ๋อยังไม่ถูกใช้ออกมาทั้งหมด นางคำราม “ร้อยขนนกยูงพิฆาต!”


ด้านหลังของนางมีปีกนกที่งดงามปรากฏขึ้นมาราวกับนกยูงที่สยายปีก ทันใดนั้นขนนกที่ปรากฏขึ้นมาก็พุ่งเข้าใส่จงไห่


แม้นางไม่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่นางก็มีพลังโจมตีอันทรงพลัง


จงไห่แสยะยิ้มและหันหลัง ครั้งหลังของเขาถูกโจมตีจนเสื้อผ้าขาดรุ่ยทำให้กระดองเต่าสีดำที่มีอักขระศักดิ์สิทธิ์สลักเอาไว้เผยออกมาให้เห็น


เขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่เพราะสามารถกระตุ้นใช้งานอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ทำให้เขามีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง


นี่คืออำนาจที่ได้รับจากสายเลือด เขาสามารถใช้พลังของพระเจ้าได้เล็กน้อยก่อนที่ตนเองจะบรรลุระดับพระเจ้า


‘ตูม’ ขนนกที่ใช้โจมตีแตกสลายเป็นเส้นแสงเมื่อปะทะกับกระดอง


หลังจากขนนกทั้งหนึ่งร้อยสลายไป จงไห่ก็ยังคงไร้รอยขีดข่วน


“ฮ่าๆๆ!” จงไห่หันหลังเข้าหาเยว่หลงเอ๋อและใช้กระดองกระแทกใส่อีกฝ่าย


จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก เขาคิดจะโค่นเยว่หลงเอ๋อด้วยการกระแทกให้นางร่วงออกจากเวที


ความทนทานของกระดองเต่านั่นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่ออักขระศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่าง มันไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับทลายมิติจะต่อกรได้เลย เมื่อใดเยว่หลงเอ๋อถูกกระดองกระแทกเข้าใส่ นั่นก็เท่ากับว่านางได้แพ้ไปแล้ว


นางถูกกระแทกร่วงหล่นจากลานประลองทันที


เยว่หลงเอ๋อกัดฟันด้วยความโกรธ ในด้านของพลังต่อสู้นางไม่ด้อนไปกว่าจงไห่แม้แต่น้อย แต่โชคร้ายที่เมื่ออยู่ต่อหน้ากระดองของเต่าดำ พลังโจมตีที่ทรงพลังจะกลายเป็นไร้ค่าทันที


ผลลัพธ์คือการประลองในปีนี้จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ได้อันดับที่สามและทำได้เพียงมองดูจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะกับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามแย่งชิงอันดับหนึ่ง


ใบหน้าของจงไห่นั้นหนาไม่ต่างกับกระดองของตนเอง เขายืนอย่างภาคภูมิใจอยู่ลานประลองโดยไม่รู้สึกละเอยใจต่อวิธีชนะของตนเองแม้แต่น้อย นอกจากนั้นเขายังยกนิ้วยื่นไปทางหลิงฮันเพื่อยั่วยุอีกด้วย


“ศิษย์พี่หลิง จัดการเขาเลย!” ศิษย์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะเกรี้ยวกราด จงไห่จะทำตัวอวดดีเกินไปแล้ว


หลิงฮันยิ้มและค่อยๆเดินขึ้นไปบนลานประลองอย่างสงบนิ่ง


“รีบมาให้ข้าจัดการซะ จักรวรรดิของข้าจะได้เป็นอันดับหนึ่ง!” จงไห่กล่าวอย่างอวดดี


หลิงฮันเดินไม่เร็วหรือช้า เขาขึ้นไปบนลานประลองและกล่าว “ตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ หลิงฮัน”


“ตัวแทนจากจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม จงไห่!”


“ขอความกรุณาด้วย!


หลังจากกล่าวเสร็จ จงไห่ก็แสยะยิ้มและแกว่งมือปล่อยหมัดใส่หลิงฮันทันที


หลิงฮันหรี่ตาชำเลืองและซัดหมัดออกไปด้วยปราณดาบ


“พลังจิ๊บจ๊อย!” จงไห่แสยะยิ้ม หมัดของเขาควบแน่นไปด้วยปราณวารี แววตาของเขาที่เคยเป็นสีดำก็เปลี่ยนเป็นสีขาว


“หมัดคลื่นพิโรธ!” จงไห่คำรามเสียงดังในขณะที่ปล่อยหมัด เงาของคลื่นสมุทรอันทรงพลังปรากฏขึ้นและถาโถมใส่หลิงฮัน


‘การโจมตีนี้มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบสองเกือบจะยี่สิบสามดาว’


หลิงฮันครุ่นคิดในใจ แต่ด้วยพลังต่อสู้ของเขาตอนนี้เขาจำเป็นต้องกลัวด้วย?


‘ตูม’ หมัดของเขาที่ซัดออกไปส่องประกายแสงสีทองและบดขยี้คลื่นสมุทรทันที หมัดของเขายังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้และทะยานเข้าใส่จงไห่


จงไห่ชะงัก นี่มันพลังโจมตีอะไรกัน ทำไมหมัดคลื่นพิโรธของเขาถึงได้ถูกทำลายได้ง่ายดายเพียงนั้น? เขารีบหันหลังและใช้วิธีเดิมในการป้องกัน


‘ปัง!’


หมัดของหลิงฮันกระแทกเข้าใส่กระดองเต่า ทันใดนั้นอักขระศักดิ์สิทธิ์บนกระดองเต่าก็ส่องสว่าง


ป้องกันได้อีกแล้ว?


ศิษย์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะที่ดูอยู่รู้สึกผิดหวัง พวกเขาต่างหวังให้หลิงฮันชนะ แม้แต่ศิษย์ของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน


‘แคร่ก’ เสียงปริแตกดังขึ้นพร้อมกับรอยร้าวที่ปรากฏบนกระดองเต่า รอยร้าวค่อยๆขยายกลายเป็นรูปใยแมงมุมไปทั่วกระดองสีดำ


หลังจากนั้นกระดองเต่าก็แตกกระจายร่วงลงพื้นราวกับเป็นเพียงจานชาม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)