Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 915-918

ตอนที่ 915

 

ตั้งแต่หลิงฮันกลับที่พักมาเขาได้นั่งแค่ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น


เมื่อเขามองผ่านไปตูไปก็ต้องตกตะลึง


สุ่ยเยี่ยนยวี่!


‘แกร่ก’ ไม่ต้องรอให้เขาตัดสินไปว่าจะเปิดประตูดีหรือไม่ สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เป็นฝ่ายเดินชนกำแพงเข้ามาและมองมาที่เขาอย่างเย็นชา


“ศิษย์พี่สุ่ย ท่านกำลังบุกรุกที่พักของคนอื่นอยู่นะ ข้าคิดว่ามันถูกต้องมั้ง?”


“งั้นที่เจ้าแอบเข้าไปในบ่อน้ำพุหยกดำทั้งๆที่เป็นวันของผู้หญิงคือสิ่งที่ถูกต้องงั้นสิ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กัดฟัน ใบหน้าอันงดงามของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง


“ศิษย์พี่ นั่นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด!” หลิงฮันกล่าว


“ถ้าเป็นการเข้าใจผิด เจ้าจะแอบดูข้าเท่าไหนก็ได้ งะ งะ งั้นรึ…” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างตะกุกตะกัก


หากนางจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความอาย นางก็ต้องสังหารหลิงฮันก่อน


หลิงฮันถอนหายใจ “จะอย่างไรข้าก็เป็นผู้ชาย ข้าจะรับผิดชอบเอง”


สุ่ยเยี่ยนยวี่เค้นเสียง “เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร? หากคิดจะแต่งงานกับข้า เจ้าคงฝันหวานเกินไป!”


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ตอนนี้ข้าไม่มีทั้งพลังและอำนาจ แต่ขอเวลาข้าหนึ่งร้อยปี! ข้าจะไม่ขอให้ศิษย์พี่แต่งงานกับข้าแน่นอนเพราะข้ามีคนรักแล้ว แต่สักวันข้าจะรับผิดชอบท่านโดยวิธีอื่นแทน”


ทำไมรุ่นเยาว์ผู้นี้ถึงได้มั่นใจในตัวเองขนาดนี้?


ด้วยพรสวรรค์ของเขาแน่นอนว่าการบรรลุระดับพลังของพระเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่นั่นก็แค่ระดับภูผาวารีเท่านั้น เจ้าจะต้องติดอยู่ในระดับพลังที่ว่าอย่างน้อยพันปี ซึ่งนี่เป็นในกรณีของสุดยอดอัจฉริยะ หากเป็นจอมยุทธทั่วไป พวกเขาจะต้องใช้เวลาเป็นแสนปี!


เช่นนั้นแล้วแค่ร้อยปีเจ้าจะทำอะไรได้?


สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายมือปฏิเสธและกล่าว “ไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนั้น คำขอของข้าเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ในขณะที่อยู่ในสำนัก เจ้าต้องแสร้งเป็นคนรักของข้า!”


พรวด!


หลิงฮันสำลักออกมา เจ้าบอกว่าอย่าให้ข้าฝันหวานเกินไปแต่เจ้ากลับเป็นฝ่ายบอกให้ข้าแสร้งเป็นคนรักของเจ้าเนี่ยนะ?


“อย่าเข้าใจผิด ข้าแค่จะยืมมือเจ้าเพื่อสลัดใครบางคนให้หายไปจากชีวิตข้าเท่านั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่อธิบาย นางไม่อยากให้หลิงฮันเข้าใจผิด


“จ้าวหลุน?” หลิงฮันกล่าว


สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ชายคนนี้คือฝันร้ายที่คอยตามตื้อนางไม่เลิก


หลิงฮันยิ้ม “ท่านเข้าใจหาปัญหาให้ข้าจริงๆ ศิษย์พี่จ้าวไม่ใช่จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไป แต่ยังเป็นบุตรชายของนายพลอีกด้วย ท่านคิดว่าข้าจะขัดขืนเขาได้? บางทีเมื่อเราปล่อยข่าวที่ว่าเราเป็นคู่รักเราออกไป วันรุ่งขึ้นข้าอาจจะได้ไปนอนนิ่งอยู่ข้างถนนก็ได้”


“เจ้ามีอุปกรณ์มิติ มีรึที่จะตายง่ายๆ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวในเชิงตำหนิ


หลิงฮันหัวใจเต้นแรง แต่หน้าของเขายังคงสงบนิ่ง “อุปกรณ์มิติอะไร?”


“เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว “แล้วคำตอบของเจ้าล่ะ?”


“งั้นหากข้าปฏิเสธ?” หลิงฮันกล่าว


“ข้าจะสังหารเจ้าและฆ่าตัวตายตาม จะอย่างไรข้าก็ถูกจ้าวหลุนตามติดอยู่แล้ว หากตายข้าก็สบายใจ” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าความติดฆ่าตัวตายของนางจะไม่ใช่ความคิดชั่ววูบ


หลิงฮันรู้สึกสงสารนางทันที นางต้องเกลียดจ้าวหลุนขนาดไหนถึงขนาดยอมฆ่าตัวตายเพื่อหลบหนี


เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าว “ก็ได้ข้าตกลง แต่ที่ข้ายอมตกลงไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่ของเจ้า ข้าเพียงคิดว่าแม้เจ้าจะไม่ชอบผู้ชายคนนั้นขนาดไหน เจ้าก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าตัวตาย”


สุ่ยเยี่ยนยวี่ประหลาดใจ นางมองหลิงฮันอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า “ขอบคุณ!”


“ที่จริงจ้าวหลุนนั้นเป็นทั้งอัจฉริยะและเป็นบุตรของผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงต้องเกลียดเขาขนาดนั้น?” หลิงฮันเอ่ยถาม


สุ่ยเยี่ยนยวี่ครุ่นคิดก่อนจะกล่าวตอบ “ชายคนนั้นคือความมืดมิด เมื่อใดอยู่กับเขาข้ารู้สึกราวกับอยู่ในรังเดียวกับงูเห่า เคยมีคนพูดนินทาว่าร้ายเขา เมื่อเขาได้ยินแม้เขาจะยิ้มและบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ในวันรุ่งขึ้นครอบครัวของคนที่ว่าร้ายเขาได้ถูกสังหารทิ้งทั้งตระกูล”


ร่างของหลิงฮันสั่นสะท้าน แค่พูดนินทาเล็กน้อยถึงกับต้องลงมือเหี้ยมโหดขนาดนั้นเชียว?


“เจ้าขนลุกรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ยิ้ม


“ก็นิดหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรอำนาจของตระกูลจ้าวก็ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับข้าในตอนนี้” หลิงฮันส่ายหัว อาวุโสจ้าวเป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นต้น ซึ่งไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าเขาในตอนนี้กี่เท่า


ถึงแม้หลิงฮันจะมั่นใจในศักยภาพของตนเอง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถจัดการกับตระกูลจ้าวได้ในระยะเวลาหนึ่งร้อยปี


“เจ้ามีทางเลือกแค่สองทาง หนึ่งคือตายด้วยเงื้อมมือข้า สองคือตายด้วยเงื้อมมือจ้าวหลุน” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างเย็นชา


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าไม่ตายหรอก!”


เขายังมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอีกมากมาย เขาจะมาตายที่นี่ได้อย่างไร?


“เจ้ามั่นใจในตัวเองก็ดีแล้ว แต่ถ้าเจ้าตาย ข้าจะสาปแช่งเจ้าไปตลอดชีวิต!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างสงบนิ่ง


หลิงฮันอดกล่าวออกไปไม่ได้ “ในเมื่อเราเป็นคู่รักกันแล้ว คืนนี้ท่านค้างนี้นี่เป็นอย่างไร?”


‘ฉึบ!’


ใบดาบจ่อเข้าที่คอหลิงฮันทันที สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเป็นคนรักกับเจ้าเพราะเจ้าไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว หากเจ้าตายข้าก็จะเป็นม่าย ซึ่งจะถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้า แต่ถ้าเจ้าคิดจะใช้โอกาสนี้หาประโยชน์กับข้า ข้าก็จะสังหารเจ้าทิ้งซะ!”


หลิงฮันยกมือขึ้นและยิ้ม “ข้าแค่ล้อเล่น แต่ถึงแม้พวกเราจะเป็นคู่รักกันหลอกๆ แต่ทำเราจะทำให้คนอื่นๆเชื่อได้อย่างไร?”


สุ่ยเยี่ยนยวี่มองมาที่เขาก่อนจะชักดาบกลับและกล่าว “เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น พวกเราจะใกล้ชิดกันเหมือนคู่รักจริงๆ แต่เจ้าอย่าล้ำเส้นเกินไป ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะสังหารเจ้าได้”


“เอาเช่นนั้นก็ได้” หลิงฮันลูบคอ โชคดีที่หนังเขาหนาทนทาน ไม่เช่นนั้นคอเขาคงจะมีเลือดออกแล้ว


สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตึงเครียด นั่นเพราะอีกไม่นานนางก็จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลจ้าวแล้ว จะให้นางไม่รู้สึกกังวลได้อย่างไร?


ที่จริงแล้วสิ่งที่นางทำอยู่นี้นางใช้เวลาคิดแล้วทั้งคืนก่อนที่จะตัดสินใจอย่างหนักแน่น


ตระกูลจ้าวเป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แค่คิดก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวแล้ว


สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิด “ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน เมื่อครบสามวันแล้วข้าจะประกาศเรื่องที่เราคุยกันไว้ให้ออกไป”

 

 

 


ตอนที่ 916

 

หลังจากพูดคุยกันจบ สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เดินจากไป


หลิงฮันลูบคาง นี่นับว่านางเป็นภรรยาของเขาอีกคนมิใช่หรือ?


หลิงฮันหัวเราะเมื่อคิดแบบนั้น แม้สุ่ยเยี่ยนยวี่จะงดงามและมีเสน่ห์ แต่ตอนนี้หัวใจของเขาจะต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนวรยุทธ แม้บางครั้งจะคิดฟุ้งซ่านไปบ้าง แต่ตอนคิดฟุ้งซ่านเขาก็จะคิดแต่เรื่องปรุงยา แล้วเขาจะมีเวลาว่างพอที่จะหมกมุ่นกับความรักได้อย่างไร?


หลังจากนี้อีกสามวัน เขาจะต้องเจอกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นตามที่หลิงฮันคิด


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สองพี่น้องตระกูลหลัวกำลังรอให้หลิงฮันนำเม็ดยาไปขายอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถจับโจรได้หากไม่มีหลักฐาน นี่ทำให้สองพี่น้องนั่งไม่ติดและตัดสินใจที่จะฟ้องผู้อาวุโส


พวกเขาพาผู้นำตระกูลหลัวมาที่สำนัก จากนั้นหลัวข่ายเฟิงก็ไปเรียกผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎมากับเขา


การปรากฏตัวของผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎ แน่นอนว่าย่อมทำให้ศิษย์หลายคนรู้สึกตกใจและอยากรู้ว่าวันนี้ศิษย์คนไหนจะเป็นผู้โชคร้าย


พวกเขาชี้ไปที่บ้านของหลิงฮัน


เมื่อหลัวข่ายเฟิงให้สัญญาณ หลัวป้าและหลัวหลี่ใช้เท้าเตะประตูบ้านของหลิงฮันทันที


หลิงฮันที่กำลังฝึกฝนอยู่ในสวนหันไปมองสองพี่น้องตระกูลหลั่วด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อต้องการต่อสู้กับข้าอย่างนั้นรึ?”


“เปล่า!” หลัวป้าพูดอย่างเย็นชา


“หลิงฮัน เจ้าตระหนักถึงบาปของตัวเองหรือไม่?” หลัวข่ายเฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม


ถึงแม้เขาจะเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ศิษย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหายใจไม่ออกและเจ็บปวดที่หน้าอกแล้ว


หลิงฮันลุกขึ้นยืนโค้งคำนับผู้อาวุโสทั้งสองคนและพูดว่า “คารวะผู้อาวุโสทั้งสองท่าน” แล้วพูดต่อว่า “ศิษย์ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องอะไร”


“เจ้ายังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกรึ?” หลัวข่ายเฟิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา และสีหน้าเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้นราวกับว่าเขาเป็นผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎแล้วพูดต่อว่า “ข้าจะถามเจ้าว่า ในเดือนที่ผ่านมาเจ้าได้นำเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ไปขายที่ร้านโอสถหรือไม่?”


“ใช่” หลิงฮันพยักหน้า และทำให้เขาเข้าใจเรื่องบางอย่างทันที คนที่เขาเห็นในวันนั้นคือหลัวหลี่นี่เอง และอีกฝ่ายต้องการให้เขาได้รับโทษที่นำเม็ดยาไปขาย


หลัวข่ายเฟิงคิดว่าหลิงฮันจะพูดปฏิเสธ เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะยอมรับง่ายๆแบบนี้ และอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ที่อีกฝ่ายยอมรับความผิดของตนเอง


ผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎแซ่เหว่ยนามว่าเชียนฉู่ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่ชอบหน้าหลัวข่ายเฟิง แต่ในเมื่อหลิงฮันยอมรับความผิดที่นำเม็ดยาไปขาย เขาก็ต้องทำตามกฎและลงโทษอีกฝ่าย


“หลิงฮัน สำนักมีกฎกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามนำเม็ดยาไปขายนอกสำนัก เจ้ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่?” เขากล่าว


ศิษย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างตกตะลึงกับเรื่องที่พวกเขาได้ยิน เหตุผลที่พวกเขามาที่นี่มันเป็นเช่นนั้นนี่เอง จะว่าไปหลิงฮันช่างโง่เขลายิ่งนัก แม้เขาจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ และมีโอกาสเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาวในอนาคต แต่กลับนำเม็ดยาไปขายนอกสำนัก


กฎคือกฎ แม้ว่าหลิงฮันจะเป็นอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ แต่เขาก็ไม่อาจรอดพ้นจากการถูกลงโทษได้


“หลิงฮัน รีบคุกเข่าของเจ้าลงซะ!” หลัวหลี่ตะโกนด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน


เขารอพูดประโยคนี้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว!


หลิงฮันจ้องมองหลัวหลี่ด้วยสายตาดูถูกและพูดว่า “อย่าพึ่งใจร้อน เจ้าเป็นแค่ศิษย์ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมากสั่งข้าแบบนั้น?”


หลิงฮันกล้าไม่ไว้หน้าเขาอีกแล้ว!


หลัวหลี่โกรธจนตัวสั่น เขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายมาจากโลกใบเล็ก แล้วเขาจะไม่รู้สึกโกรธที่ถูกทำให้อับอายได้อย่างไร?


“ว…วันนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่!” หลัวหลี่พยายามสงบสติอารมณ์และตะโกนใส่หลิงฮัน ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิด แล้วเขาจะกังวลไปทำไม?


“ไม่ต้องรีบร้อน!” หลัวป้ารีบตบไหล่น้องชายของเขา แล้วหันไปพูดกับหลิงฮันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หลิงฮัน ในเมื่อเจ้ายอมรับความผิดของตัวเอง เม็ดยาที่เจ้านำไปขาย เจ้าจะชดใช้ยังไง?”


คิ้วของเหว่ยเชียนฉู่ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ ทั้งที่เป็นเขาต่างหากที่เป็นผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎ แต่รุ่นเยาว์ทั้งสองกลับออกตัวแทนเขาทั้ง ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ในขณะนั้นเองหลัวข่ายเฟิงก็เดินเข้ามาตบไหล่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เหว่ย หากท่านปล่อยให้พวกข้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ในอนาคตท่านจะได้รับรางวัลตอบแทนจากตระกูลหลัว!”


แม้เหว่ยเชียนฉู่จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้ามีปัญหากับตระกูลหลัว ยิ่งไปกว่านั้นหลิงฮันเองก็ยอมรับว่าทำผิดจริง ถึงแม้จะปล่อยให้พี่น้องตระกูลหลัวทำโทษหลิงฮัน เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร


เมื่อคิดแบบนั้น เขาจึงเห็นด้วยกับหลัวข่ายเฟิงและยืนดูให้สองพี่น้องเป็นคนจัดการ


แน่นอนว่าหลัวข่ายเฟิงรู้สึกมีความสุขมาก เหตุผลที่เขาพาเหว่ยเชียนฉู่มาด้วยคือสำนักมีกฎของสำนัก ซึ่งมีเพียงแค่ผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎเท่านั้นที่มีอำนาจใช้กฎ


หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนพวกเจ้าจะรีบด่วนสรุปเกินไปแล้ว ตอนไหนกันที่ข้าพูดว่าข้าขายเม็ดยาที่ได้รับมาจากสำนัก?”


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง? เมื่อครู่ เจ้าเพิ่งพูดออกมาเองว่าได้นำเม็ดยาไปขายที่ร้านโอสถ” หลัวป้าชี้ไปที่หลิงฮัน


“ใช่ ข้านำเม็ดยาไปขาย” หลิงฮันพยักหน้าอีกครั้ง “แต่เม็ดยาที่ข้านำไปขายนั้นแตกต่างจากเม็ดยาที่ได้รับจากสำนัก นอกจากนี้ อย่าชี้นิ้วใส่ข้า มันไม่สุภาพและทำให้ข้ารู้สึกอารมณ์เสียมาก”


หลัวป้าแปลกใจ แต่ก็ยังคงชี้นิ้วใส่หลิงฮันและพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมา เจ้าไม่มีทางเปลี่ยนความผิดของเจ้าให้เป็นถูกได้!”


เพียะ!


หลิงฮันทนไม่ไหวและตบหน้าอีกฝ่าย และด้วยความแข็งแกร่งของเขาทำให้ฟันหลัวป้าหลุดออกมาสามซี่ทันที


“เจ้า เจ้า เจ้า-” หลัวป้ารู้สึกโกรธและอาย ทั้งที่เขาเป็นถึงหนึ่งในสามอัจฉริยะของเมืองจักรพรรดิ แต่กลับถูกอีกฝ่ายตบหน้าในที่สาธารณะ แม้ว่าหลิงฮันจะถูกฆ่าตาย แต่เขาจะลบความอับอายที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร?


“ข้าบอกเจ้าแล้วอย่าชี้นิ้วใส่ข้า ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า มันเลยเป็นหน้าที่ของข้าที่จะสั่งสอนเจ้า” หลิงฮันกล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลาย


“ข้าจะฆ่าเจ้า!” หลัวป้ารู้สึกโกรธมาก เขาต้องเอาชนะหลิงฮันด้วยตัวเอง มิฉะนั้นตลอดชีวิตที่เหลือของเขา เขาจะทำได้แค่เงยหน้ามองอีกฝ่ายเท่านั้น


เพียะ!


หลิงฮันตบหน้าหลัวป้าอีกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 917

 

หลัวป้าน่าสมเพจมาก!


ทุกคนรู้สึกเช่นนั้นในขณะที่เห็นหลัวป้าถูกตบไปสองครั้ง ยิ่งกว่านั้นศิษย์ใหม่อีกคนก็โหดเหี้ยมอย่างมาก ไม่ใช่แค่เขาจะกล้าหาญและมีทักษะยุทธที่ยอดเยี่ยม แต่พลังต่อสู้ของเขาก็ยังสูงส่งอีกด้วย


นอกจากนั้นหลัวข่ายเฟิงก็ยังยืนอยู่ข้างๆด้วย นี่เขาไม่ไว้หน้าตระกูลหลัวเลยรึไง?


ใบหน้าของหลัวข่ายเฟิงเปลี่ยนเป็นมืดมน ที่เขาไม่หยุดหลัวป้าก็เพราะต้องการให้หลิงฮันไว้หน้าเขา แต่เขาไม่นึกเลยว่าหลัวป้าจะถูกหลิงฮันทำให้อับอาย


หนึ่งในสามรุ่นเยาว์อัจฉริยะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธจากโลกใบเล็ก


ใครจะทำใจเชื่อลง?


ในเมื่อหลัวป้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน หลัวข่ายเฟิงจึงต้องออกหน้าด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของตระกูลหลัวจะเสียหาย


“ฮึ่ม ทั้งขโมยเม็ดยาของสำนักไปขายและทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก คนเช่นนี้ไม่สมควรอยู่ในสำนักนภาสีชาด!” เขากล่าวและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวใส่หลิงฮัน


แรงกดดันของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งกว่าหลิงฮันไม่รู้กี่เท่า ภายใต้แรงกดดันนี้หลิงฮันรู้สึกราวกับภูเขากำลังกดทับลงมาที่ตัวเขา กระดูกในร่างของเขาสั่นสะท้านและต้องเอนตัวเพื่อคงตัวเอาไว้


หลิงฮันรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการบังคับให้เขาคุกเข่าลง


แต่คนที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีเช่นเขาจะยอมถูกทำให้อัปยศงั้นรึ?


หลิงฮันพยายามคงร่างให้ยืนตรง กระดูกทั่วร่างของเขาส่งเสียงแตกร้าว จอมยุทธระดับสุริยันจันทราแข็งแกร่งเกินไป แม้จะเป็นเพียงแค่แรงกดดันแต่มันก็ทำให้หลิงฮันเหงื่อท่วมไปทั้งร่าง ดวงตาของเขากลายเป็นแดงก่ำพร้อมกับเส้นเลือดที่ปูดนูนออกมา


แม้ช่องว่างของระดับทลายมิติกับระดับสุริยันจันทรานั้นจะห่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี แต่ด้วยความหยิ่งทะนงของเขา หลิงฮันยอมตายเสียยิ่งกว่าจะต้องคุกเข่า


คนอื่นๆรอบข้างแสดงท่าทีตกตะลึงออกมา


รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างมีกำลังใจที่แข็งแกร่ง


ร่างของหลิงฮันส่งเสียงถูกบีบรัดออกมาไม่หยุด เหงื่อของเขาไหลท่วมจนชุดเปียกไปทั้งชุด แต่เขาก็ยังยืนนิ่งราวกับขุนเขา


“ยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเองอีก?” หลัวข่ายเฟิงกล่าว เขาต้องทำให้หลิงฮันอัปยศในวันนี้ให้ได้ มีเพียงทางนี้เท่านั้นคนอื่นๆถึงจะมองข้ามความน่าอับอายของหลัวป้าที่ถูกตบ


“ข้าไม่ผิด ทำไมจะต้องยอมรับ?” หลิงฮันกล่าวอย่างหยิ่งยโส


‘พรึบ’ ทันใดนั้นเองทุกคนก็เห็นร่างหนึ่งลอยมาจากตำแหน่งที่ห่างไกล นางเป็นสตรีงดงามที่ดูแล้วน่าจะมีอายุราวๆยี่สิบปี ตอนนี้ใบหน้าของนางประดับไว้ด้วยความตื่นเต้นที่ปิดไม่อยู่


“หลิงฮัน! หลิงฮัน!” นางส่งเสียงเรียกแต่ไกล


“หืม นั่นกู่หลิงยื่อไม่ใช่รึไง?”


“นางคือหนึ่งในสามสตรีที่งดงามที่สุดของเมืองจักรพรรดิ ข้าได้ยินว่านางมีพรสวรรค์ด้านศาสตร์แห่งการปรุงยาและได้เข้าร่วมกับสำนักฝ่ายปรุงยา”


“สำนักเรามีฝ่ายปรุงยาด้วยรึ?”


“เหอๆ ฝ่ายปรุงยามีศิษย์เพียงน้อยนิดเท่านั้น ทุกๆวันพวกเขาจะเอาแต่เก็บตัวหลอมเม็ดยา ดังนั้นจึงไมค่อยมีใครรู้จักฝ่ายปรุงยาเท่าไหร่”


“แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายปรุงยาก็มีสถานะที่พิเศษ ไม่ว่าใครก็ต้องไว้หน้าพวกเขา”


ทุกคนพยักหน้า นักปรุงยาคือกลุ่มคนที่พิเศษ พวกเขามีสถานะที่แตกต่างออกไปและไม่อาจล่วงเกินได้


กู่หลิงยื่อเข้ามายังลานที่พัก นางไม่มองใครอื่นและกล่าวกับหลิงฮัน “เจ้าหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าทั่วไปได้ถึงสามส่วน นั่นเป็นเพราะเจ้าพัฒนาสูตรเม็ดยาหรือว่าเจ้ามีทักษะหลอมเม็ดยาที่พิเศษกันแน่? ข้าตรวจสอบมาแล้วว่าเจ้ามาจากโลกใบเล็กเมื่อไม่นานมานี้ การที่เจ้าจะพัฒนาสูตรเม็ดยาคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเจ้าคงมีทักษะหลอมยาที่พิเศษสินะ?”


นางกล่าวด้วยอารมณ์ตื่นเต้นก่อนจะหยุดชะงักและมองไปยังคนรอบๆด้วยสายตาสับสนก่อนจะกล่าว “หืม มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้ารึเปล่า ทำไมที่นี่ถึงได้มีคนเยอะขนาดนี้?”


ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูด นี่เจ้าเพิ่งรู้ตัวรึไง?


เพียงแต่ว่ากู่หลิงยื่อก็ทำให้พวกเขารู้ข่าวอย่างหนึ่ง… หลิงฮันคือนักปรุงยา! ที่แท้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกหลอมโดยเขา


ถึงว่าทำไมเขาถึงยอมรับว่าขายเม็ดยาแต่ปฏิเสธว่าขโมยเม็ดยามาจากสำนัก


เม็ดยาที่หลอมด้วยตัวเอง คนอื่นสามารถห้ามไม่ให้ขายได้ด้วยรึ? ในสำนักไม่มีกฎแบบนั้น


หลัวข่ายเฟิงแน่นิ่ง เหว่ยเชียนฉู่เองก็เค้นเสียงและมองไปยังพี่น้องตระกูลหลัวด้วยสายตาอาฆาต คำกล่าวหาของเจ้ามันผิดชัดๆ นี่พวกเจ้ายังมีหน้าจะพูดถึงกฎของสำนักอีกรึ


ด้วยคำพูดของกู่หลิงยื่อเมื่อครู่ หลัวข่ายเฟิงจะเถียงอะไรได้? เขาทำได้เพียงโทษสองพี่น้องตระกูลหลัวที่ไม่สืบเหตุการณ์มาให้ดีเสียก่อน


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ศิษย์พี่ ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสางก่อน ไว้ข้าจะบอกท่านทีหลัง”


“เรื่องอันใด? ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” กู่หลิงยื่อกล่าวอย่างหนักแน่น ในความคิดของนางจะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รีบๆแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการปรุงยา?


หลิงฮันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ทั้งสองคนนั้นกล่าวหาว่าข้าขโมยเม็ดยาของสำนักไปขาย”


กู่หลิงยื่อเกรี้ยวกราดและมองไปยังสองพี่น้องด้วยความเหยียดหยาม “พวกเจ้าจะไม่ได้รับยาใดๆที่หลอมโดยฝ่ายปรุงยาเด็ดขาด! การที่พวกเจ้ากล้าล่วงเกินนักปรุงยาคนเดียว นั่นหมายถึงพวกเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับนักปรุงยาทุกคน!”


สองพี่น้องตระกูลหลัวรู้สึกหดหู่อย่างมาก พวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหลิงฮันที่เป็นจอมยุทธจากโลกใบเล็กและมีอายุอยู่ในช่วงยี่สิบปีจะสามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ได้?


หลิงฮันกระแอมและกล่าว “ผู้อาวุโส ทั้งสองคนนี้กล่าวหาข้า ตามกฎของสำนักพวกเขาควรจะเป็นเช่นไร?”


เหว่ยเชียนฉู่ทำอะไรไม่ถูก หลัวข่ายเฟิงเป็นฝ่ายเดียวกับเขา เขาจะยอมให้อีกฝ่ายเสียหน้าได้อย่างไร?


หลัวข่ายเฟิงมองอีกฝ่ายก่อนจะรีบกล่าว “หลัวป้ากับหลัวหลี่ไม่ได้ทำอันใดผิด เพราะอย่างไรพวกเขาก็เห็นหลิงฮันขายเม็ดยาจริงๆ พวกเขาเคร่งครัดก่อกฎของสำนักถึงได้นำเรื่องนี้มาแจ้งเตือน”


หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “เพียงแค่เพราะคำพูดของท่าน สองคนนั้นจึงจะไม่มีความผิดงั้นรึ? ถ้าหากศิษย์พี่ไม่มายืนยันให้ข้า ท่านก็คงจะสังหารข้าไปแล้วสินะ?”


“ข้าศิษย์ที่ผ่านหอคอยดาราขาวชั้นแปด ในอนาคตข้ามีศักยะสูงพอที่จะกลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาว ถ้าข้าตกตาย สำนักจะต้องสูญเสียขนาดไหน?”


เหว่ยเชียนฉู่ “งั้นเจ้าต้องการอะไร?” เขาแสร้งทำเป็นผู้ประนีประนอม


หลิงฮันยิ้ม “ถ้าพวกเขามอบผลึกก่อเกิดให้ข้าสักหนึ่งหมื่นหรือแปดพันก้อน ข้าก็จะลืมความบาดหมางครั้งนี้ไปซะ แต่ถ้าไม่ข้าก็จะขอยืนหยัดจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม!”

 

 

 


ตอนที่ 918

 

ทุกคนยอมรับว่าหลิงฮันเป็นคนที่หยิ่งยโสและภาคภูมิใจในตัวเอง ถึงกล้าเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่สามารถทำให้ทุกคนต้องคุกเข่าและเชื่อฟัง


แต่ตอนนี้หลิงฮันกล้าพูดแบบนั้นออก ทำให้ปากของทุกคนกระตุกเล็กน้อย นอกจากเขาจะหยิ่งยโสแล้วยังไร้ยางอายด้วยที่คิดจะใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย


สีหน้าของหลัวข่ายเฟิงดูมืดมน


แม้ตระกูลหลัวจะเป็นตระกูลที่มั่งคั่ง ผลึกก่อเกิดหนึ่งหมื่นก้อนไม่ใช่ปัญหา แต่อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น หากพวกเขายอมรับเงื่อนไขของอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าตระกูลหลัวของพวกเขาจะต้องเสียหน้าหรอกหรือ?


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวเลวร้ายมากสำหรับตระกูลหลัว


“หนึ่งหมื่นหรือแปดพันก้อนมากเกินไป ข้าให้เจ้ามากสุดได้แค่หนึ่งร้อยก่อนเท่านั้น! หลัวข่ายเฟิงกล่าว


อึก!


ศิษย์หลายคนถึงกับอ้าปากค้าง หลิงฮันกล้าที่จะต่อรองกับอีกฝ่าย!


หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นกับข้าล่ะ?ถ้าศิษย์พี่กู่หลิงยื่อมาช่วยข้าไม่ทันเวลา ข้าคงถูกแรงกดดันของผู้อาวุโสบดขยี้ไปแล้ว! แค่นั้นยังไม่พออีกหรือ? ผลึกก่อเกิดห้าพันก้อน น้อยกว่านั้นข้าไม่ยอมรับ”


กู่หลิงยื่อเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยา นางพยักหน้าเห็นด้วยทันทีและพูดว่า “การกลั่นแกล้งข่มเหงนักปรุงยาอย่างพวกเรา แค่ผลึกก่อเกิดหนึ่งพันก้อนยังไม่เพียงพอ”


หลิงฮันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าสองพี่น้องตระกูลลั่ว ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องค่าชดเชยแทน


หลัวข่ายเฟิงโกรธจนอย่างจะฆ่าคน อีกฝ่ายถูกลั่นแกล้งหรือไม่? ไม่ใช่ว่าเป็นตระกูลหลัวของพวกเขาหรอกหรือที่ถูกกลั่นแกล้ง? หลัวป้าถูกตบหน้าสองครั้งจนหน้าบวม ทำไมเจ้าถึงไม่พูดถึงเรื่องนั้นเลย? แน่นอนว่าเขาไม่เห็นกู่หลิงยื่ออยู่ในสายตา แต่เขาไม่อาจมองข้ามฝ่ายปรุงยาที่อยู่เบื้องหลังของนางได้


หลัวข่ายเฟิงกะแอมและพูดว่า “ผลึกก่อเกิดห้าร้อยก้อน!”


“สี่พัน!”


“หนึ่งพัน!”


“สามพัน”


“สองพัน”


“ตกลง”


หลัวข่ายเฟิงสบัดมือนำผลึกก่อเกิดออกมา หลิงฮันเก็บผลึกก่อเกิดพวกนั้นเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีโดยที่ยังไม่ตรวจสอบ


“กลับ!” หลัวข่ายเฟิงตะโกนใส่สองพี่น้องตระกูลหลัว หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กสองคนนี่กับอีกแค่จอมยุทธระดับทลายมิติทำไมเขาจะจัดการด้วยไม่ได้?


สีหน้าของสองพี่น้องตระกูลหลัวเหมือนเด็กที่ทำความผิด พวกเขาไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวและเดินจากไปอย่างเชื่อฟัง


บริเวณโดยรอบศิษย์หลายคนต่างส่งเสียงฮือฮา


เหว่ยเชียนฉู่รู้สึกประหลาดใจ การมาถึงของกู่หลิงยื่อได้ช่วยหลิงฮันเอาไว้ แต่ถึงแม้ว่านางจะไม่มา การที่หลิงฮันเป็นนักปรุงยาก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เช่นกัน


เจ้าเด็กนี่ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นฝ่ายชนะตั้งแต่แรก แต่ก็ยังทำเป็นยอมเพื่อใช้ประโยชน์จากตระกูลหลัว


นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก


พูดตามตรง แม้แต่เหว่ยเชียนฉู่เองก็ยังไม่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหลัว ว่ากันว่าตระกูลหลัวไม่ได้มีแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราสิบคนเท่านั้น แต่ยังมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดอยู่ด้วย หากไม่ใช่จอมยุทธระดับดาราเป็นคนจัดการ จะไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้เลย


ใครมันจะกล้าสวมหัวใจสิงเพื่อใช้ประโยชน์จากตระกูลหลัว?


“เจ้าจงระวังตัวเอาไว้ด้วย!” เหว่ยเชียนฉู่กล่าว แววตาของเขาดูเป็นกังวลเล็กน้อย


แม้ครั้งนี้หลิงฮันจะไม่เป็นไร ไม่เพียงแค่เขาจะตบหน้าหลัวป้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังได้รับผลึกก่อเกิดมาด้วย แล้วตระกูลหลัวจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?


“ขอบคุณผู้อาวุโสเหว่ยที่เป็นห่วงข้า ศิษย์จะระมัดระวังตัวให้มาก” หลิงฮันกล่าวด้วยความเคารพ ในเมื่ออีกฝ่ายหวังดีกับเขา เขาก็ต้องทำดีกลับ


เหว่ยเชียนฉู่พยักหน้าและจากไป


“หลิงฮัน หลิงฮัน ตกลงเจ้ามีเทคนิคปรุงยาพิเศษหรือไม่?” กู่หลิงยื่อถามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย นางยังคงไม่ลืมที่จะถามหลิงฮัน


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว ข้ามีเทคนิคพิเศษ”


“เจ้าสอนข้าได้ไหม?” กู่หลิงยื่อรีบถามออกมาทันที


“เอ่อ…”


หลิงฮันไม่คิดที่จะปกปิด เพราะนี่เป็นเทคนิคที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ทว่ามีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถใช้สามเพลิงชี้นำได้เต็มประสิทธิภาพ


ถึงแม้ว่าเขาจะสอนนาง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะใช้ได้เหมือนกับเขา!


อย่างไรก็ตาม หลิงฮันมองผู้หญิงคนนี้ออก นางเป็นคนชอบแสวงหาความรู้และมีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาที่ไม่ธรรมดา


หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและพูดว่า “พวกเรามาคุยเรื่องนั้นกันเถอะ”


เขาไม่สามารถสอนสามเพลิงชี้นำให้กับคนอื่นที่เพิ่งรู้จักได้ แต่เขาสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายเกี่ยวกับเทคนิคการปรุงยาได้


กู่หลิงยื่อตอบตกลงทันที


หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พูดคุยกันอย่างยาวนาน จนท้องฟ้ามืดครึ้มโดยที่ไม่รู้ตัว


……


ณ ตระกูลหลัว


สองพี่น้องตระกูลหลัวอยู่ในห้องโถงหลัก ขณะที่ผู้นำตระกูลหลัวหลัวหงกำลังนั่งด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง


“เจ้ารู้หรือไม่ทำไมข้าถึงอยากลงโทษพวกเจ้า?” หลัวหงถาม


หลัวป้ากล่าวว่า “เพราะพวกเราได้ทำให้ตระกูลหลัวต้องอับอาย!”


หลัวหงส่ายหัวและพูดว่า “เรื่องแค่นั้นถือว่าเล็กน้อย แต่เรื่องที่สำคัญกว่าคือพวกเจ้าสองคนทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังมาก เจ้าเคลื่อนไหวโดยที่ยังไม่ตรวจสอบให้ดี และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว”


“ขอรับ!” สองพี่น้องตระกูลหลัวพยักหน้า แม้จะกู่หลิงยื่อจะไม่ปรากฏตัวออกมา แต่หลิงฮันก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เช่นกัน


“ครั้งหน้าหากพวกเจ้าต้องการเล่นงานอีกฝ่าย พวกเจ้าจะต้องหาจุดอ่อนให้ดีเสียก่อนและอย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสพลิกสถานการณ์” หลัวหงกล่าวแนะนำ


สองพี่น้องตระกูลหลัวพยักหน้า


“แล้วเจ้ามั่นใจว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้หรือไม่?” หลัวหงถามอีกครั้ง


หลัวป้าอยากจะจัดการหลิงฮันให้ได้ แต่ในตอนที่เขาถูกหลิงฮันตบหน้า ทำให้ความมั่นใจของเขาหายกระเจิงแต่ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูล เขาจึงพูดได้คำเดียวเท่านั้นว่า “ข้ามั่นใจ!”


“หึ่ม!” หลัวหงกล่าวด้วยความไม่พอใจอีกครั้งว่า “พวกเจ้าคิดที่จะจัดการอีกฝ่าย แล้วพวกเจ้ารู้ประวัติของเขาหรือไม่?”


“ประวัติ?” สองพี่น้องตระกูลหลัวดูงง พวกเขาจำเป็นต้องรู้ประวัติจากคนที่มาจากโลกใบเล็กด้วยรึ?


“โง่เขลา!” หลัวหงตะคอก “คนที่เจ้าจะจัดการไม่ได้เป็นจอมยุทธที่มาจากโลกใบเล็ก แต่เขาเป็นผู้ที่เปิดสวรรค์ขึ้นมา!”


สีหน้าของสองพี่น้องตระกูลหลัวกลายเป็นตกตะลึงทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)