Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 891-894
ตอนที่ 891
“การทดสอบจะเริ่มแล้ว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเอ่ยขึ้น ที่ข้างหลังของเขามีดวงตะวันและดวงจันทร์ลอยอยู่ แสดงให้เห็นว่าเขามีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทรา ถึงแม้จะเป็นเพียงขั้นต่ำแต่ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในการทดสอบ
ผู้ทดสอบทุกคนสูดหายใจลึก แม้แต่ลมหายใจพวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยออกมา แม้ผู้เข้าสมัครมากมายจะมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เช่นนี้พวกเขาก็ไม่กล้าทำตัวยิ่งยโส
“หอคอยดาราขาวสามารถบรรจุคนได้พร้อมกันทีเดียวหมื่นคน พวกเจ้าเรียงแถวกันเข้าไป เมื่อจำนวนคนเต็มแล้วหอคอยจะปิดทางเข้าเอง” ผู้อาวุโสกล่าว “จงรีบๆทดสอบให้เสร็จทุกคนภายในวันนี้”
“ขอรับ!”
ทุกคนพยักหน้า ภายใต้อำนาจของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งพวกเขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทีใดๆออกมา
ทุกคนเรียงแถวกันเข้าไปในหอคอยสีขาวเก้าชั้น เห็นได้ชัดว่าหอคอยสีขาวนี้เป็นอาวุธวิญญาณประเภทมิติ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่สามารถบรรจุคนขนาดนั้นพร้อมๆกันได้
เมื่อใดที่มีคนผ่านการทดสอบชั้นแรก หอคอยชั้นแรงจะส่องสว่างและผลลัพธ์การทดสอบจะถูกบันทึกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถใช้วิธีขี้โกงได้ การที่จะสามารถโกงผลลัพธ์ของหอคอยนี้ได้ยากกว่าการผ่านการทดสอบเก้าชั้นเสียอีก
“เจ้าโง่หลิง หลัวป้ามาที่นี่แล้ว ไปทักทายเข้าเสียสิ!” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าว
หลิงฮันส่ายหัวและหัวเราะ ดูเหมือนคุณหนูคนนี้จะรังเกียจเขาจริงๆ นางพยายามจะหาเรื่องให้เขาพ่ายแพ้ให้ได้
แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะไปทักทายอีกฝ่าย แต่พี่น้องตระกูลหลัวกลับเป็นฝ่ายสังเกตเห็นเขาเอง หลัวหลี่ที่เห็นเขาก็แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดทันที พี่น้องสองคนกระซิบคุยกันสักพักก่อนที่จะเดินเข้ามาหาหลี่เหว่ยเหว่ย
รุ่นเยาว์อีกคนต้องเป็นหลัวป้าไม่ผิดแน่ เขาเป็นชายร่างกำยำที่มีกลิ่นอายอันทรงพลังราวกับเป็นบุตรแห่งพระเจ้า
“คารวะคุณหนูสี่!” พี่น้องตระกูลหลัวแสดงความเคารพต่อหลี่เหว่ยเหว่ย
หลี่เหว่ยเหว่ยพยักหน้าตอบรับ นางคือบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้มีน้อยคนนักที่จะมีสถานะทัดเทียมนาง
หลัวป้าจ้องหลิงฮันก่อนจะกล่าว “หรือนี่จะเป็นน้องชายหลิงฮันจากโลกใบเล็ก?”
“ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าคืนแน่!” หลัวป้ากล่าว ในแววตาของเขาส่องประกายความโกรธแค้น ถึงแม้ตระกูลหลัวจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่สุดของเมืองจักรพรรดิ แต่ตระกูลพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยถึงขนาดจะถูกจอมยุทธจากโลกใบเล็กมาทำให้อัปยศ
หลิงฮันยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องตอบแทนใดๆก็ได้”
ฮึ่ม!
พี่น้องตระกูลหลัวโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม พวกเขาไม่ได้หมายถึงตอบแทนอย่างนั้นเสียหน่อย หลัวป้าทนไม่ไหวและขึ้นเสียงกล่าวออกมา “ตระกูลหลัวไม่อาจถูกใครทำให้อัปยศ!”
“โอ้ หรือเจ้าต้องการปะทะ?” หลิงฮันหัวเราะ ในหมู่จอมยุทธระดับทลายมิติด้วยกันเขาไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด ต่อให้จักรพรรดินีของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะลดพลังลงมาเหลือระดับทลายมิติ เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะนางได้
“เอาเลย สู้กันเลย!” หลี่เหว่ยเหว่ยราวกับกลัวว่าโลกจะสงบสุข นางรีบเหวี่ยงหมัดไปมาเพื่อยั่วยุทั้งสองฝ่าย
หลัวป้าแสยะยิ้มและกล่าว “เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ที่นี่คือสำนักนภาสีชาดใครกันจะกล้าต่อสู้กันที่นี่? แต่ไม่ว่าอย่างไรต่อให้เจ้าเข้าร่วมกับสำนักสำเร็จข้าก็จะท้าประลองเจ้า ส่วนถ้าเจ้าไม่สามารถเข้าร่วมกับสำนักได้… ข้าจะสังหารเจ้าซะ!”
หลิงฮันนำมือลูบคางและยิ้ม “จะดีรึที่ข่มขู่ข้าเช่นนี้? เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วต้องร้องขอชีวิตจากข้ารึ?”
“น่าขัน!” หลัวป้าแสยะยิ้มอีกครั้ง ล้อเล่นรึไง? เขาคือผู้นำของรุ่นเยาว์แห่งตระกูลหลัว เขาคือความหวังที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล เจ้าที่มาจากโลกใบเล็กจะสามารถชนะข้าได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการขัดเกลาพลังต่อสู้ของตนเองให้ถึงขีดจำกัดยี่สิบดาว ด้วยทรัพยากรของตระกูลหลัว เขาคงบรรลุระดับพระเจ้าไปแล้ว
“รอ ก่อน เถอะ!” เขาจงใจกล่าวเว้นคำ
“เจ้าคงไม่ได้พูดติดอ่างหรอกนะ?” หลิงฮันแสร้งกล่าวยด้วยนำเสียงเป็นกังวล “ช่างน่าสงสัยจริงๆ!”
พี่น้องตระกูลหลัวแทบจะระเบิดโทสะออกมา ถ้าที่นี่ไม่ใช่สำนักเขาพวกเขาคงจะลงมือไปแล้ว เพราะถึงแม้ตระกูลหลัวจะพอมีอำนาจ แต่หากถูกขับไล่ออกจากสำนักไปแม้แต่อำนาจของตระกูลหลัวก็ไม่สามารถช่วยให้พวกเขากลับเข้ามาในสำนักได้อีกครั้ง
“ไปกันเถอะ พวกเราไปทดสอบกันก่อน!” หลัวป้าพาน้องชายของเขาเดินจากไปเพราะกลัวว่าหากยังอยู่พวกเขาอาจจะพลั้งมือก่อปัญหาขึ้นก็ได้
พลังคือทุกสิ่ง เขาจะผ่านการทดสอบไปให้ถึงหอคอยชั้นห้าและแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเขาเนี่ยแหละคือราชันในหมู่รุ่นเยาว์ของยุคสมัยนี้
………………………
การทดสอบผ่านไปได้สักพัก
“อะไรกัน หอคอยชั้นสี่เปล่งแสงสว่างแล้ว!”
“ถ้าคนผู้นั้นสามารถขึ้นไปได้ยังชั้นห้าได้ ก็จะมีความหวังที่จะได้เป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว!”
“หืม มีเรื่องเช่นนั้นด้วยรึ?”
“แน่นอน เจ้าคิดว่าการทดนี้มีไว้เพื่ออะไรล่ะ? มันมีไว้เพื่อทดสอบศักยภาพในอนาคตของผู้เข้าทดสอบ หากขึ้นไปยังหอคอยชั้นห้าได้ก็จะนับว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว หอคอยชั้นหกคืออัจฉริยะสองดาว ชั้นที่เจ็ดคืออัจฉริยะสามดาว ชั้นที่แปดคืออัจฉริยะสี่ดาว ส่วนชั้นที่เก้าคือ… ฉัจริยะห้าดาว!”
“แน่นอนว่าถึงแม้นั่นจะศักยภาพของแต่ละคน แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความพยายามของตนเอง”
“ที่เหล่าคนที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งที่แล้วสามารถเข้าร่วมการทดสอบใหม่ได้หากยังอายุไม่เกินหนึ่งร้อยปีก็เพราะศักยภาพนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้หากมีความพยายาม หรือไม่ก็อาจจะพบเจอกับวาสนาบางอย่าง”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
ผู้เข้าทดสอบหน้าใหม่พยักหน้าและหันกลับไปมองที่หอคอยดาราขาวเก้าชั้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้หอคอยชั้นสามจะมีส่องสว่างอยู่บ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หอคอยชั้นที่สี่ส่องแสงสว่าง
“ใครกันที่ไปถึงชั้นนั้นได้?”
“จะเป็นใครไปได้อีก พวกเจ้าไม่เห็นรึไงว่าหลัวป้าเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้?”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง ถ้าเป็นเขาก็ไม่แปลกที่จะผ่านขึ้นไปยังชั้นสี่ได้ แต่ข้าสงสัยจริงๆว่าเขาจะขึ้นไปยังชั้นห้าได้หรือไม่”
“แม้จะยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน หอคอยชั้นที่ห้าก็ส่องสว่าง
ทันใดนั้นฝูงชนก็ส่งเสียงส่งเสียงฮือฮาทันที
ตอนที่ 892
“ชั้นห้า!”่
“คนที่ขึ้นไปได้จะต้องเป็นหลัวป้าไม่ผิดแน่ เขาเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว!”
“ครั้งแรกในรอบหนึ่งร้อยปี!”
หลายคนส่งเสียงอุทานออกมาด้วยท่าทางชื่นชมและอิจฉา นี่คือผลลัพธ์ที่หลายคนไม่อาจเเอื้อมไปถึง
“แล้วมันยังเป็นไปได้อีกหรือไม่ที่หลัวป้าจะสามารถขึ้นไปยังชั้นหกและกลายเป็นอิจฉริยะระดับสองดาว?”
“ยาก!”
“ระหว่างอัจฉริยะหนึ่งดาวกับสองดาวนั้น แม้ช่องว่างจะดูเล็กน้อย แต่อัจฉริยะระดับสองดาวนั้นถือได้ว่าหนึ่งพันปีจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นสักคน!”
“มันยากที่จะพูด นั่นเป็นเพราะพวกเราอยู่ในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วน”
“ใช่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอัจฉริยะระดับสองดาวก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่ดี เท่าที่ข้ารู้ทั้งสำนักนภาสีชาดมีอัจฉริยะระดับสองดาวน้อยกว่าร้อยคนเสียอีก?”
แม้จะฟังดูน้อย แต่นั่นคืออัจฉริยะที่จะถือกำเนิดขึ้นทุกพันปี
“รอดู!”
ทุกคนจ้องมองไปที่หอคอยดาราขาวเก้าชั้น ถ้าหากหอคอยชั้นที่หกส่องแสงสว่างนั่นหมายความว่าหลัวป้าจะกลายเป็นอัจฉริยะระดับสองดาว
แต่หลังจากผ่านไปเวลานาน หอคอยชั้นหกก็ไม่ส่องแสง และหลัวป้าก็เดินออกมาจากหอคอย
– เขาล้มเหลวในการทะลวงผ่านหอคอยชั้นหก
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักค่อนข้างเสียดาย แม้พวกเขาจะคาดหวังในตัวหลัวป้าอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถสร้างปาฎิหาริย์ขึ้นมาได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอัจฉริยะระดับสองดาวนั้นหาได้ยากมาก
ยิ่งไปกว่านั้น การที่หลัวป้าจะกลายเป็นอัจฉริยะระดับสองในอนาคตใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นเพราะนี่เป็นเพียงแค่การทดสอบศักยภาพความเป็นไปได้เท่านั้น
“ยอดเยี่ยม ผู้อาวุโสชี่หลิง แม้ว่าหลัวป้าจะไม่ผ่านหอคอยชั้นหก แต่เขาก็เกือบทำสำเร็จ คะแนนประเมินของเขาถือว่าดีมากและอาจเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของปีนี้ หากได้อันดับหนึ่งก็ไม่นับว่าแปลกใจ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดก็ได้รับต้นกล้าที่ดี!”
เหล่าผู้อาวุโสหลายคนของสำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือพูดด้วยความสุข ยิ่งศิษย์ที่พวกเขาได้รับมายอดเยี่ยมเท่าไหร่ สำนักฝ่ายเหนือของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ด้วยความสามารถที่หลัวป้าแสดงออกมาให้เห็นนั้น ทำให้อัจฉริยะที่เหลือไม่อาจนิ่งนอนใจได้ และอยากเข้าไปด้านในเพื่อทำการทดสอบทันที แม้จะมีหลายคนที่ผ่านไปถึงหอคอยชั้นที่สี่ แต่มีเพียงแค่หลัวป้าคนเดียวเท่านั้นที่ขึ้นไปถึงชั้นห้าได้
“เจ้าโง่หลิง เจ้าไม่รู้สึกกดดันเลยหรือไง?” หลี่เหว่ยเหว่ยหันไปถามด้วยสีหน้ากังวลและผิดหวัง แม้นางจะรู้ตัวดีว่าตัวเองด้อยกว่าอัจฉริยะอันดับต้นๆอยู่แล้วก็ตาม
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้ารอดูข้าได้เลย ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าสามารถกวาดอัจฉริยะทั้งหมดและกลายเป็นอันดับหนึ่ง”
“ขี้โม้!” หลี่เหว่ยเหว่ยกลอกตาใส่และพูดว่า “ข้าคิดจะเข้าไปก่อน แต่ในเมื่อเจ้ามั่นใจขนาดนั้น หลังจากที่ข้าออกมา ข้าอยากเห็นยิ่งนักว่าเจ้าจะสร้างความประหลาดให้กับข้าได้อย่างไร?”
“ตกลง!” หลิงฮันพยักหน้า และดูจากความเร็วการทดสอบแล้ว วันเดียวน่าจะทดสอบเสร็จ ดังนั้นจะเข้าร่วมการทดสอบช้าหรือเร็วก็ไม่แตกต่างกัน
หลี่เหว่ยเหว่ยเดินเข้าไปในหอคอยและใช้เวลาเกือบหนึ่งธูปดับเพื่อทำการทดสอบก่อนที่จะเดินออกมา
ยิ่งใช้เวลาไปกับการทดสอบนานเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งน่าพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่า นางขึ้นไปชั้นที่สี่ได้เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีความสามารถที่จะขึ้นไปชั้นที่ห้า
“ดูนั่น หอคอยชั้นที่ห้าส่องแสงอีกแล้ว!” เมื่อเสียงอุทานดังขึ้น ทุกคนหันหน้าไปมองทันที และเห็นหอคอยชั้นที่ห้ากำลังส่องแสงสว่างอยู่จริงด้วย
สีหน้าของหลัวป้าดูมืดมนขึ้นมาทันที การที่มีคนอื่นสามารถขึ้นไปยังหอคอยชั้นที่ห้าได้เหมือนกัน ทำให้เขารู้สึกกดดัน
“พี่ใหญ่ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ตราบใดที่คนคนนั้นไม่สามารถขึ้นไปชั้นหกได้ เขาก็ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันท่าน” หลัวหลี่กล่าว
หลัวป้าพยักหน้าอย่างช้าๆ ทำให้เขาเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังคงจ้องมองไปที่หอคอยเก้าชั้นและหวังว่าคนผู้นั้นจะออกมาโดยเร็ว ยิ่งออกมาเร็วเท่าไหร่ เขาก็จะรู้สึกโล่งใจมากขึ้นเท่านั้น และอยู่ในระดับเดียวกับเขา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง หอคอยชั้นที่หกก็ยังไม่ส่องแสง และมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากหอคอย
“หลินยู่!”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถขึ้นไปหอคอยชั้นห้าได้!”
“หลินยู่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลัวป้าเลยแม้แต่น้อย!”
“หึ่ม หลินยู่จะด้อยกว่าหลัวป้าได้อย่างไร!”
ในขณะที่ฝูงชนกำลังพูดโต้เถียงกัน สีหน้าของหลัวป้าก็ดูมืดมนมากยิ่งขึ้น แม้ว่าความสำเร็จของหลินยู่จะเท่ากับตัวเขา แต่เขาก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี
“เฮ้อ มีอัจฉริยะอีกคนที่สามารถขึ้นไปชั้นห้าได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจขึ้นไปชั้นที่หกได้ มิฉะนั้น – เฮ้อ!” ผู้อาวุของสำนักนภาสีชาดดูมีความสุข แต่ก็ดูโศกเศร้าด้วยความเสียดายในเวลาเดียวกัน
ท่ามกลางฝูงชน มีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงมาจากก้อนหินและเผยให้เห็นรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในหอคอยเก้าชั้น กลิ่นอายของเขาดูน่าเกรงขามมากทำให้คนที่อยู่รอบข้างต้องหลบทางให้เขาเดินผ่าน และมีบางคนถึงขั้นทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความตกใจราวกับพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ดุร้าย
“เจ้าหมอนั่นเป็นใครกันถึงดูน่ากลัวเป็นบ้า!”
“ข้าได้ยินมาว่าพ่อของเขามาจากถิ่นทุรกันดารทางภูมิภาคใต้และเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิเมื่อไม่กี่วันก่อน ระหว่างนั้นเขาได้เข้าไปในต่อสู้ลานประลองยุทธ ซึ่งเขาได้ต่อสู้ไปสิบสามครั้งและชนะสิบสามครั้งติดต่อกัน!”
“เจ้าพูดว่าไงนะ เขาชนะสิบสามครั้งติดต่อกันในลานประลองยุทธ? ถ้างั้นอย่างน้อยเขาจะต้องกลายเป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาวแล้ว”
“ถูกต้อง ซึ่งตามกฎของการจัดอันดับในลานประลองยุทธ เพียงแค่ชนะสิบครั้งติดต่อกันก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งแล้ว”
“แล้วการต่อสู้รอบครั้งที่สิบสี่ล่ะ? เขาพ่ายแพ้หรือไม่?”
“ไม่ แต่เขาเลือกที่จะไม่ต่อสู้ต่อ”
“เพราะอะไร?”
“เขาพูดแค่ว่าหิวเลยไม่อยากต่อสู้!”
พรวด!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลายคนอดที่จะหัวเราะไม่ไหว นั่นน่ะหรือคือเหตุผลที่เขาหยุดต่อสู้รอบถัดไป หรือว่าเขาจะเป็นพวกเห็นแก่กิน?
“อย่างไรก็ตาม แรงกดดันของเขามันน่าสะพรึงกลัวมาก แม้ว่าข้าจะแข็งแกร่งเท่าเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปมีเรื่องกับเขาเลย”
“การต่อสู้ที่ชนะโดยไม่ต้องสู้ นั่นแหละคือความน่าเกรงขามที่แท้จริง!”
หลังจากหัวเราะเสร็จ สีหน้าของทุกคนเริ่มแสดงออกอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นและหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก
“แล้ว…แล้วเขามีชื่อว่าอะไร?”
“หม่าชิง!”่
ตอนที่ 893
ในขณะที่หม่าชิงเดินผ่าน ทุกคนต่างเปิดทางให้เขา และมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทนแรงกดดันของเขาได้
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสของสำนักยังแอบพยักหน้าอยู่ในใจ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นเหมือนราชาท่ามกลางเหล่าอัจฉริยะ!
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คำที่เรียกว่าราชาจะใช้กับอัจฉริยะที่โดดเด่นเท่านั้น มิฉะนั้นถ้าใช้บ่อยเกินไปจะทำให้คำว่าราชาดูไม่มีความหมาย
อย่างไรก็ตาม หม่าชิงควรค่าแก่การถูกยกย่องว่าราชา
“ข้าไม่คิดเลยว่าสำนักของเราจะได้รับศิษย์อย่างเขา!”
“ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่สำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือของพวกเราไม่มีศิษย์ที่คู่ควรแก่คำว่าราชาถือกำเนิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะช่วงเวลาไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาสำนักนภาสีชาดฝ่ายใต้ ฝ่ายตะวันออกและฝ่ายตะวันตกต่างได้รับศิษย์ที่คู่ควรแก่คำว่าราชา และทิ้งพวกเราไว้เบื้องหลัง”
“ถึงแม้เขาจะไม่สามารถผ่านการทดสอบของหอคอยดาราขาวได้ ข้าก็จะรับเขาเป็นศิษย์ของข้าเอง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาจะไม่สามารถขึ้นไปชั้นที่สามได้อย่างไร? เฒ่าจู เจ้าช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนักที่คิดจะเก็บเขาเป็นศิษย์ส่วนตัว!”
“เจ้าเห็นข้าเป็นคนแบบนั้นรึ?”
“แน่นอน!”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของเหล่าผู้อาวุโส ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างพากันตื่นเต้น
ศิษย์ระดับราชา!
นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แม้แต่ในอาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ อัจฉริยะดังกล่าวหาตัวจับได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเทียบได้กับอัจฉริยะระดับสามดาว
หม่าชิงก้าวเข้าสู่หอคอยดาราขาวเก้าชั้น ในไม่ช้า หอคอยชั้นที่สามก็ส่องแสงสว่างไสวออกมาให้เห็น แต่หลังจากนั้นอีกไม่นานหอคอยชั้นที่สี่ก็ส่องแสงสว่างเช่นกัน
“เขาจะไปถึงหอคอยชั้นที่ห้าได้หรือไม่?”
ถ้าหม่าชิงพึ่งพาความสามารถของตัวเองเพื่อผ่านชั้นห้า มันจะเท่ากับว่าเขาเป็นอัจฉริยะระดับสองดาว และในอนาคตเขาอาจกลายเป็นอัจฉริยะระดับสามและสี่ดาวก็เป็นไปได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวา เจ็ดแม่ทัพ และเก้าผู้อาวุโส พวกเขาเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว?”
“เจ้าพูดว่าไงนะ!”
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องดังกล่าว และตะโกนเสียงดัง
“เรื่องจริงอย่างนั้นรึ?”
“เรื่องจริงแน่นอน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาฝึกฝนบ่มเพาะพลังมากี่ปีแล้ว?ตั้งแต่บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังไม่เกิด พวกเขาก็เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังแล้ว ว่ากันว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมีอายุน้อยที่สุด ซึ่งปีนี้เขามีอายุมากกว่าแปดล้านปีแล้ว”
“แปด…มากกว่าแปดล้านปี? เจ้าแน่ใจหรือว่าข้อมูลของเจ้าไม่ได้ผิดพลาด อายุของเขาไม่ใช่แปดหมื่นปีหรือแปดแสนปีหรอกรึ?”
“เหลวไหล ในอดีตผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวาหรือเจ็ดแม่ทัพไม่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนกระทั่งจักรพรรดินีถือกำเนิดและทำให้พวกเขารวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ!”
“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูด แล้วจักรพรรดินีจะเป็นอัจฉริยะกี่ดาวกัน?”
“ข้าไม่รู้และไม่มีใครเคยเห็นจักรพรรดินีมาก่อน!”่
“จะว่าไปข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดินีเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลก มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”่
“ชู่ว เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ มิฉะนั้นหัวของเจ้าอาจหลุดออกจากบ่าได้ทุกเมื่อ!”
“ข้าไม่ได้พูดอะไรไร้สาระ ข้าแค่ชื่นชมความงดงามของจักรพรรดินีเท่านั้น!”
หลังจากนั้นไม่นาน หอคอยดาราขาวชั้นห้าก็เริ่มส่องแสงสว่าง
ทันใดนั้นเอง สายตาของฝูงชนก็หันไปจ้องมองในทิศทางเดียวกัน
การที่ทำให้หอคอยชั้นที่ห้าส่องแสงได้นั่นหมายความว่าเขามีศักยภาพของอัจฉริยะระดับหนึ่งดาว และบวกกับความแข็งแกร่งของหม่าชิงแล้ว ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นอัจฉริยะระดับสองดาวอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหล่าผู้อาวุโสในตำหนักต่างหัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบต้นกล้าที่แข็งแกร่ง ถ้าพวกเขาปลูกฝังให้ดีอาจเป็นไปได้ว่าหม่าชิงจะกลายเป็นอัจฉริยะระดับสามดาวหรือสี่ดาวในอนาคต
สีหน้าของหลัวป้าเริ่มมืดมนอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาเป็นดาวเด่น แต่ตอนนี้ทุกคนกลับให้ความสนใจหม่าชิงแทนเขา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับถูกตบหน้า
“ฮ่าวเฟย เจ้าได้พบคู่แข่งของเจ้าแล้ว!” ชายชราคนหนึ่งกล่าวขึ้น
เฉิงฮ่าวเฟยจ้องมองไปที่ศาลาดาราขาวเก้าชั้นและพูดว่า “ท่านปู่ ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถขึ้นไปชั้นที่หกได้!”
“ถ้าเจ้าขึ้นไปได้ก็จะถือว่าเป็นอัจฉริยะระดับสองดาว และไม่ได้ด้อยไปกว่าหม่าชิง!” ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ามั่นใจหรือไม่?”
“ข้ามั่นใจ!” เฉิงฮ่าวเฟยกำหมัดแน่น เขาฝึกฝนหนักมานานกว่าสิบปีไปเพื่อะไร? ไม่ใช่ว่าเพื่อทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงหรอกหรือ?
ในอีกด้านหนึ่ง หลี่เหว่ยเหว่ยเองก็รู้สึกตกตะลึงและหันไปพูดกับหลิงฮันว่า “เจ้าโง่หลิง ตอนนี้เจ้ายังมีความมั่นใจอีกหรือไม่?”
“ทำไมจะไม่มี?” หลิงฮันยิ้ม
“หม่าชิงเป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาว และด้วยความสามารถของเขาแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขากลายเป็นอัจฉริยะระดับสองดาว” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าว
หลิงฮันพูดว่า “ข้ายังพูดยืนกรานคำเดิมว่าข้ามั่นใจ”
“หึ่ม ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่พูดจาอวดดียิ่งนักทั้งที่มาจากโลกใบเล็ก เขาไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน?” หลี่เหว่ยเหว่ยแทบจะบ้าเมื่อเห็นความมั่นใจแบบผิดๆของหลิงฮัน
“เจ้าโง่หลิง ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว!” หลี่เหว่ยเหว่ยด่าหลิงฮันและเลิกสนใจเขา
ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา
“หอคอยชั้นที่หก…กำลังส่องแสง!”
“พระเจ้า!”
“เขาคืออัจฉริยะระดับสอง และถ้าบวกกับความสามารถของเขาแล้ว หม่าชิงจะถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับสามดาว!”
“เขาเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในรอบร้อยปีไม่ผิดแน่!”
“ไม่ใช่สิ แม้ว่าอัจฉริยะระดับสองดาวจะมีน้อย แต่เมื่อรวมกับความสามารถของเขาแล้ว ในสำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือ…ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบพันปี!”
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง และได้เป็นพยานการถือกำเนิดขึ้นของราชา
หลัวป้ากำหมัดแน่นกว่าเก่า ความแข็งแกร่งและความสามารถของอีกฝ่ายบดบังเขามิด ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมากถึงขั้นปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ถ้าเขาสามารถฆ่าหม่าชิงได้ เขาก็จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง
เฉิงฮ่าวเฟยเองก็กำหมัดแน่น แม้เขาจะมีความมั่นใจว่าจะผ่านหอคอยชั้นที่หกได้ แต่ก็ด้อยกว่าหม่าชิงอยู่ดี
โชคดีที่หม่าชิงไม่สามารถฝ่าขึ้นไปชั้นต่อไปได้อีกต่อไป และในไม่ช้าเขาก็เดินออกมาจากหอคอย
เขาล้มเหลวที่จะผ่านขึ้นไปชั้นที่เจ็ด
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่หม่าชิงไม่อาจผ่านเข้าสู่ชั้นต่อไปได้ แต่อย่างไรก็ตามแค่นี้มันก็น่าพึงพอใจมากแล้ว
“เอาล่ะ คงถึงเวลาที่ข้าควรเข้าไปทดสอบบ้างแล้ว” หลิงฮันกล่าว
ตอนที่ 894
หลังจากหม่าชิงออกมา จอมยุทธคนอื่นที่ยังไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบก็เหลือไม่มากแล้ว
เหล่าคนที่ไม่ผ่านการทดสอบถูกส่งออกจากสำนักในทันที ส่วนคนที่ผ่านก็ได้ไปยืนรออยู่ที่อีกด้านหนึ่งของตำหนักสี่เหลี่ยม จำนวนของคนที่ผ่านการทดสอบมีเพียงสามร้อยกว่าคน หากเทียบกับจำนวนคนที่มาสมัครแล้ว นับว่าน้อยจนน่าเหนื่อยใจ
ผู้สมัครที่ยังไม่ได้เข้าร่วมทดสอบนั้นเหลืออยู่ราวๆพันคน พวกเขายืนกระจัดกระจายกันไปตามตำหนักสี่เหลียม
หลี่เหว่ยเหว่ยนัน้มีสถานะพิเศษ แม้นางจะทดสอบไปแล้วก็ยังสามารถกลับมาที่หน้าหอคอยเก้าชั้นได้ นางเฝ้ารอดูผลการทดสอบของหลิงฮันด้วยความตื่นเต้น “รีบๆเข้าไปสักที ข้ารอดูความอัปยศของเจ้าไม่ไหวแล้ว”
“เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น” หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ
“ฮึ!” หลี่เหว่ยเหว่ยเค้นเสียง ชายผู้นี้เพิ่งมาจากโลกใบเล็กแท้ๆ เขาย่อมไม่เคยสัมผัสกับความยาดลำบากของการทดสอบในหอคอยมาก่อน เช่นนั้นแล้วเขาไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?
“พี่หยุน!” นางกวาดสายตามองไปทั่ว เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในตำหนักสี่เหลียมนางก็วิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที
หญิงสาวที่เดินเข้ามาสวมชุดสีขาว นอกจากปิ่นปักผมแล้วนางก็ไม่สวมเครื่องประใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามของนางก็ยังโดดเด่นเป็นอย่างมาก เสน่ห์ของนางนั้นน่าดึงดูดราวกับนางไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพธิดา
นางคือจื่อหยุนเอ๋อ หนึ่งในสามสามงามที่สุดของเมืองจักรพรรดิ นอกจากนั้นนางก็ยังเป็นหนึ่งในสามรุ่นเยาว์อัจฉริยะอีกด้วย ผู้คนที่หลงใหลนางนั้นหากนำมาต่อแถวกันแล้วสามารถล้อมรอบเมืองจักรพรรดิที่กว้างขวางแห่งนี้ได้สบาย ถึงแม้พื้นหลังของนางจะไม่สูงส่งเท่าหลี่เหว่ยเหว่ย แต่ผู้ที่ตามจีบนางนั้นไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน
จื่อหยุนเอ๋อพยักหน้าและกล่าว “เหว่ยเหว่ย เจ้าผ่านการทดสอบหรือไม่?”
“อืม!” หลี่เหว่ยเหว่ยพยักหน้า “พี่สาวหยุน ทำไมท่านถึงได้มาสายขนาดนี้? ข้าคิดว่าท่าจะเปลี่ยนใจแล้วรออีกห้าปีเพื่อไปเข้าร่วมกับสำนักฝ่ายตะวันออกแล้วเสียอีก!”
จื่อหยุนเอ๋อยิ้มน้อยๆก่อนจะกล่าว “ก็ข้าบอกว่าข้าจะเข้าร่วมสำนักฝ่ายเหนือกับเจ้า แล้วข้าจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร? เอาล่ะ เอาไว้คุยกันทีหลังขอข้าไปเข้าทดสอบก่อน”
“แน่นอน!” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบยกมือขึ้นสูงโบกไปมาก่อนจะกล่าวเสียงดัง “พี่สาวหยุนจะต้องผ่านการทดสอบและชนะเจ้าโง่นั่นได้แน่นอน!”
จื่อหยุนเอ๋อย่อมไม่รู้ว่าใครคือ ‘เจ้าโง่’ นางเดินด้วยท่วงท่าที่งดงามตรงไปยังหอคอยดาราขาว ผู้คนมากมายต่างมองมาที่นางด้วยสายตาเร่าร้อน
หม่าชิงชิงเองก็ดวงตาส่องประกายแสดงออกถึงความสนใจเช่นกัน มุมปากของเขายิ้มเล็กน้อย ดูแล้วชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
ในอีกมุมหนึ่ง เฉิงฮ่าวเฟยได้เดินมุ่งหน้าไปยังหอคอยดาราขาวเช่นกัน ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดการทดสอบแล้ว หากเขาไม่เข้าหอคอยตอนนี้ เขาก็อาจจะพลาดการสอบได้
นี่คือผู้ทดสอบกลุ่มสุดท้ายและเป็นกลุ่มที่มีรุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพสูงเยอะที่สุดด้วย หอคอยชั้นที่สามส่องแสงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ชั้นที่สี่เองก็ส่องแสงขึ้นหลายครั้งเช่นกัน จำนวนของผู้ผ่านการทดสอบในกลุ่มนี้มีเกินร้อยคนไปแล้ว
เพียงแต่ว่าห้าคอยชั้นที่ห้านั้นยังไม่ส่องแสงเสียที
หลิงฮันเดินเข้าไปในหอคอย ทันใดนั้นผู้ภาพของผู้คนมากมายโดยรอบก็หายไป แม้แต่เสียงเอะอะก็ไม่ได้ยินแล้ว
เขาเข้ามายังมิติที่แยกตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อย
ด้านหน้าของเขาปรากฏเป็นห้องหินที่มีเพียงโต๊ะหินตั้งเอาไว้ บนโต๊ะหินมีแผ่นหยกถูกวางเอาไว้
“ชั้นแรกคือชั้นที่จะทดสอบความสามารถในการเข้าใจ” เสียงที่ก้องกังวานดังขึ้น น้ำเสียงที่กล่าวนั้นไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ
มันคือจิตวิญญาณของหอคอยดาราขาว
หอคอยดาราขาวคืออาวุธวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากหอคอยน้อยแล้วเขาก็ไม่เคยเห็นอาวุธวิญญาณที่มีจิตวิญญาณมาก่อน
“เหอะ ก็แค่อาวุธวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำสุด มันเทียบไม่ได้แม้แต่เศษขี้เล็บของข้า” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันไม่สนใจหอคอยน้อยและเอ่ยถาม “ต้องทดสอบอย่างไร?”
“จดจำทักษะบนแผ่นหยกนั่นให้ได้เจ้าก็จะผ่านการทดสอบ ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่าใดผลการประเมินก็จะยิ่งดี” จิตวิญญาณหอคอยกล่าว มันสามารถแบ่งจิตของตนเองออกเป็นหลายพันส่วนเพื่อพูดคุยกับผู้เข้าทดสอบนับพันคนได้พร้อมๆกัน
หลิงฮันเอ่ยถามอย่างสงสัย “ชั้นนี้มีการทำลายสถิติที่บันทึกเอาไว้หรือไม่? ถ้าหากทำลายได้จะมีรางวัลอะไร?”
“สามารถทำลายสถิติได้ แต่ไม่มีรางวัล มีเพียงแค่ชื่อของเจ้าจะถูกสลักเอาไว้ที่นี่” จิตวิญญาณกล่าว “ด้านหน้าของเจ้ามีชื่อคนอยู่สิบคน ชื่อเหลานั้นคือชื่อของคนที่ใช้เวลาน้อยที่สุด ถ้าเจ้าสามารถทำเวลาได้รวดเร็วกว่า ชื่อของเจ้าก็จะถูกนำไปแทนที่”
หลิงฮันส่ายหัวและไม่คิดจะทำลายสถิติที่ไม่คุ้มค่าเช่นนี้
“เจ้าสามารถเริ่มได้แล้ว” จิตวิญญาณกล่าว
หลิงฮันเดินมายังโต๊ะหินและนั่งลงกับพื้น เขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาและใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ ทันใดนั้นอักขระแปลกตาก็ไหลผ่านเข้ามาในห้วงสติของเขาทีละตัว
หลิงฮันค่อยๆปิดตาและวางแผ่นหยกลง “นี่คือทักษะกรงเล็บ แต่มันยังไม่สมบูรณ์ มันบันทึกเอาไว้เพียงสองกระบวนท่าครึ่งเท่านั้น หากใช้ออกมามันก็จะเป็นแบบนี้”
หลิงฮันโจมตีออกไปแสดงกระบวนท่ากระเล็บสองกระบวนท่าครึ่ง
จิตวิญญาณหอคอยยหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะกล่าว “ถึงแม้ทักษะยุทธทักษะนี้จะเป็นทักษะที่ต่ำที่สุด แต่เจ้าก็นับว่ามีความเข้าใจที่ยอดเยี่ยมมาก อันดับของเจ้าคืออันที่สิบสาม ไม่สามารถแทนที่อันดับเดิมได้”
หืม?
แม้หลิงฮันจะไม่สนใจทำลายสถิติ แต่เมื่อได้ยินว่าความเข้าใจของเขารวดเร็วเพียงแค่อันดับที่สิบสาม เขาก็อดแสดงท่าทีไม่ยินยอมออกมาไม่ได้
แต่กลับกัน เมื่อลองคิดถึงว่าสำนักนภาสีชาดนั่นก่อตั้งขึ้นมากว่าหลายล้านปีแล้ว ในช่วงเวลาขนาดนี้จะมีอัจฉริยะที่เชี่ยวชาญด้านความเข้าใจปรากฏขึ้นมากมายกี่คนกัน?
“เจ้าสามารถไปชั้นสองได้” จิตวิญญาณกล่าว ทันใดนั้นกำแพงหินด้านหน้าของหลิงฮันก็หายไปและแทนที่ด้วยทางเดินขึ้นไปชั้นบน
หลิงฮันเดินขึ้นไปและพบว่าสุดทางเดินก็ยังคงเป็นห้องหินเหมือนเดิม ในห้องหินมีโต๊ะหินและแผ่นหยกวางไว้เช่นกัน
เจ้าจะให้ข้าทดสอบเหมือนเดิมอีกครั้ง?
“เจ้ามีโอกาสทำลายแผ่นหยกด้วยพลังวิญญาณสามครั้ง” เสียงของจิตวิญญาณหอคอดังขึ้น
ครั้งนี้คือการทดสอบพลังของจิตวิญญาณ
หลังจากบรรลุระดับทลายมิติแล้วจอมยุทธจะสามารถเริ่มขัดเกลาจิตวิญญาณของตนเองได้ แต่สำหรับจอมยุทธบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นหลี่เหว่ยเหว่ย พวกเขาได้ใช้สมบัติสำหรับบ่มเพาะจิตวิญญาณมามากมายตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นจิตวิญญาณของพวกเขาจึงแข็งแกร่งเป็นธรรมดา
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่เหว่ยเหว่ยจึงมั่นใจว่านางจะชนะหลิงฮัน แค่จุดเริ่มต้นของทั้งคู่ก็แตกต่างกันขนาดนี้แล้ว นางคิดว่าแม้หลิงฮันจะผ่านการทดสอบไปได้แต่ผลการประเมินคงจะไม่ดีเท่าไหร่
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย พลังวิญญาณของเขาจะด้อยกว่าเหล่ารุ่นเยาว์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะหรือไม่?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น