Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 863-866
ตอนที่ 863
“องค์จักรพรรดิ!” เจ็ดราชันอุทาน
“องค์จักรพรรดิ!” ผู้คนด้านล่างเองก็อุทานออกมาเช่นกัน
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน เขาที่ครอบครองเนตรแห่งสัจธรรมย่อมมองเห็นได้ชัดเจนกว่าใครว่าพลังชีวิตของหม่าตั้วเปากำลังค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว!
ก่อนที่จะรับดาบนับไม่ถ้วนเมื่อครู่ หม่าตั้วเปาได้รีดเค้นพลังกายของตนเองจนถึงขีดสุดแล้ว แต่คนที่โจมตีมาเป็นใคร? พวกเขาคือพระเจ้า… พระเจ้าที่แท้จริง แม้พลังโจมตีของพวกเขาลดหลั่นเพราะถูกจำกัดพลังเอาไว้ แต่มันก็ยังน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
บนหน้าผากของหม่าตั้วเปาปรากฏเส้นเลือดที่ปูดบวม เขากัดฟันฝืนเหวี่ยงขวานขึ้นโจมตีอีกครั้ง
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
แต่ทันใดนั้นเอง รัศมีดาบก็ฟันลงมาใส่ร่างเขาอีกครั้ง ‘ครืด’ ขวานในมือของเขาเสียสมดุลและการโมตีก็ถูกเหวี่ยงไปที่อื่นแทน
ร่างของหม่าตั้วเปาโอนเอนไปมาสองสามครั้งก่อนจะยกขวานขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นรัศมีดาบก็โจมตีลงมาใส่เขาอีกเช่นกัน
‘ปัง’ ร่างของหม่าตั้วเปาถูกโจมตีลอยกระเด็นไปกว่าร้อยฟุต เขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะขยับนิ้วจับขวานภูผาวารีเอาไว้แน่นและพยายามพยุงร่างเอาไว้
ณ บริเวณด้านร่าง จิตใจของทุกคนรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกทิ่มแทง บางคนถึงขนาดที่หลั่งน้ำตาออกมา
“องค์จักรพรรดิพอแล้ว!”
“เอาไว้ครั้งหน้าพวกเราค่อยเปิดสวรรค์อีกครั้ง!”
“ได้โปรดองค์จักรพรรดิ ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องตกตาย”
หม่าตั้วเปาฝืนพยุงร่างของตนเอง แต่ก่อนที่เขาจะตั้งหลักได้รัศมีดาบก็จู่โจมเข้าใส่เขาอีกครั้ง
พระเจ้าบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงใจทำเช่นนี้ เมื่อใดที่หม่าตั้วเปาลุกขึ้นยืน พวกเขาก็จะโตมตีเพื่อเตือนให้หม่าตั้วเปารู้ตัวว่าตนเองนั้นเป็นแค่มดปลวก หากริอาจคิดต่อต้านดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะพบกับชะตากรรมเช่นนี้
ชะตากรรมของพวกเจ้ามีเพียงต้องถูกหลอมเป็นเม็ดยา จะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ความหมาย!
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธ เขาสาบานกับตนเองในใจว่าหลังจากเขาขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาจะต้องทำให้ห้านิกายโบราณชดใช้ผลกรรมของพวกเขาแน่นอน!
เขาไม่เคยรู้สึกอยากจะสังหารใครมากขนาดนี้มากก่อน แม้อีกฝ่ายจะตกตาย เกรงว่าความโกรธในใจของเขาก็จะยังคงเดือดดาลไม่มีวันหายไป
“หอคอยน้อย พอจะทำอะไรได้บ้างรึไม่?” หลิงฮันกล่าวในใจ
บัดซบ ตอนนี้หอคอยทมิฬไม่สามารถมอบพรศักดิ์สิทธิ์ให้เขาได้แล้ว ไม่เช่นนั้นพลังของเขาจะเพิ่มเป็นระดับเดียวกับพระเจ้า! ถึงแม้เขาจะต้องถูกขับไล่ออกจากโลกนี้ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ยังสามารถช่วยชีวิตหม่าตั้วเปาไว้ได้
หอคอยน้อยสั่นไหวเล็กน้อยราวกับกำลังส่ายหัว “ถ้าข้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ การจะสังหารเด็กน้อยที่อยู่อีกฝั่งนั้นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ตอนนี้… ไม่สามารถทำอะไรได้!”
ไม่จริง ข้าทำได้เพียงรอดูความตายของหม่าตั้วเปางั้นรึ?
ณ บริเวณท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไปในตำแหน่งที่กำแพงกั้นระหว่างสองโลกเกิดช่องว่างปริแตก สามารถมองเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถือดาบอยู่ในมือ บนหัวของเขามีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขนาดเล็กสามดวงลอยอยู่ แม้เขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลและมีกำแพงระหว่างสองดินแดนกั้นอยู่ หลิงฮันก็ยังสามารถสัมผัสออร่าที่ทรงพลังจากชายคนนั้นได้ เพียงแค่การจ้องมองของชายคนนั้นก็ราวกับว่าจะกวาดล้างสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ให้สิ้นซากได้
พลังระดับสุริยันจันทรา!
(ระดับพลังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 1.ระดับภูผาวารี 2.ระดับสุริยันจันทรา 3.ระดับดารา 4.ระดับวารีนิรันดร์ 5.ระดับสร้างสรรพสิ่ง )
หลิงฮันกล่าวในใจ อี้ชวงชวงเคยบอกเขาว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขนาดเล็กเหล่านั้นคือสัญลักษณ์ของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แน่นอนว่าสัญลักษณ์เหล่านั้นสามารถปิดบังเอาไว้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นจงใจแสดงออกมาให้เห็น
ใบหน้าของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เขารังเกียจแม้แต่การที่ต้องมาจ้องมองสิ่งมีชีวิตเบื้องล่างเหล่านี้ที่ไม่ต่างอะไรกับฝูงมด
หม่าตั้วเปาพยุงตัวเองขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้พยายามเปิดสวรรค์ต่อ ร่างของเขายืนแน่นิ่งราวกับรูปปั้น
แต่เหล่าจอมยุทธที่แข็งแกร่งย่อมรู้ดีว่าหม่าตั้วเปานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจรักษาได้ ในไม่ช้าเขาจะต้องตกตาย
“ฮ่าๆๆ ได้เวลาที่ข้าจะสะสางปัญหาที่เหลืองเสียที!” เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ก้าวเดินเข้ามา หนึ่งก้าวของเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ถึงสิบไมล์
อ้าวเจี้ยน!
หม่าตั้วเปาใกล้จะถึงจุดจบแล้ว เพลิงชีวิตของเขาใกล้จะมอดเต็มที ตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาคงเหลือไม่ถึงยี่สิบดาว
หรือก็คือจอมยุทธบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แอบซุ่มโจมตีหม่าตั้วเปาจากเบื้องบนและให้อ้าวเจี้ยนเป็นคนเก็บกวาด
“ทีนี้ใครจะหยุดข้าได้?” อ้าวเจี้ยนหัวเราะ เขาที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบเก้าดาวและเป็นทายาทของเผ่ามังกร กายหยาบของเขาย่อมเรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทานที่สุดในโลกเบื้องล่างนี้
นอกจากหม่าตั้วเปาที่ตอนนี้ใกล้จะตกตายแล้ว ใครจะหยุดเขาได้?
จอมยุทธทุกคนกัดฟันโกรธ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีพลังมากพอ
“จงฟังข้า!” ทันใดนั้นเองจู๋ๆหม่าตั้วเปาก็เอ่ยกล่าว “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จักรวรรดิจันทราม่วงจะเข้าร่วมกับเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวรรดิต้าหลิง ทหารและประชากรของจักรวรรดิจันทราม่วงจะกลายเป็นคนของจักรวรรดิต้าหลิง!”
“องค์จักรพรรดิ!” เจ็ดราชันและทหารแนวหน้าหลายร้อยคนโศร้าโศก
“หลิงฮัน ข้าขอฝากทุกอย่างไว้กับเจ้า ภาระอันหนักอึ้งนี้เจ้าต้องฝ่าฟันไปให้ได้!” หม่าตั้วเปาจ้องหลิงฮัน เขาสะบัดมือโยนขวานภูผาวารีให้กับหลิงฮัน
การกระทำของเขาไม่ได้หมายถึงจะมอบขวานภูผาวารีให้ แต่เป็นการส่งต่อภาระหน้าที่
หลิงฮันเอื้อมมือออกไปคว้าขวานภูผาวารีและกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะเปิดสวรรค์และกวาดล้างห้านิกายโบราณกับตระกูลอ้าวให้ได้แน่นอน!”
นี่คือคำสัญญาของเขา
‘พรึบ’ เงารูปหอคอยทมิฬพุ่งออกจากร่างหลิงฮัน ในขณะเดียวกันเงารูปร่างดาบก็พุ่งออกจากร่างหม่าตั้วเปา เงารูปหอคอยทมิฬค่อยๆกลืนกินเงารูปดาบ
ทันใดนั้นเอง สัญลักษณ์รูปร่างดาบที่เงาก็สลายไปและถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์หอคอยทมิฬ
เจ็ดราชันก็สูญเสียพลังแห่งจักรภพไป พลังต่อสู้ของพวกเขาลดหวบ ในทางตรงกันข้าม หลิงฮันและเฟิงโปหยุนได้รับอำนาจของพลังแห่งจักรภพเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
อาณาเขตของภูมิภาคกลางนั้นเทียบได้สี่ภูมิภาครวมกัน ถึงแม้จิตใจของประชากรจะยังไม่รวมเป็นหนึ่งมาที่เขา แค่อำนาจของพลังจักรภพเพียวๆก็ทำให้พลังต่อสู้ของเขาขยายเพิ่มขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัวแล้ว
หม่าตั้วเปาหลับตาลงด้วยความสงบ ร่างของเขาร่วงหล่นจากท้องฟ้า สวรรค์เบื้องบนที่เคยถูกขวานฟันจนเป็นรอยแหว่งค่อยๆผสานกลับสู่สภาพเดิม ในขณะที่ร่างของหม่าตั้วเปายังไม่ร่วงถึงพื้น สวรรค์ก็ฟื้นสภาพเสร็จสมบูรณ์
เปิดสวรรค์ล้มเหลว! หม่าตั้วเปาก็เสียชีวิต!
เจ็ดราชันรีบพุ่งไปอุ้มร่างของหม่าตั้วเปา พวกเขาทุกคนหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเศร้าโศก
จอมยุทธทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ทุกข์เศร้า ลำคอของพวกเขาจุกจนไม่อาจกล่าวอะไรออกมาได้
“ไม่ต้องโศกเศร้าไป เพราะอย่างไรวันนี้ก็ยังต้องมีคนอีกหลายคนที่ต้องตาย!” อ้าวเจี้ยนแสยะยิ้มและชี้ไปยังร่างของหม่าตั้วเปา “มอบร่างของชายผู้นั้นมา เขาคือคนที่กล้าเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะทำให้ร่างของเขาไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า!”
“ฝันไปเถอะ!” เจ็ดราชันกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าจัดการเอง!” หลิงฮันยืดตัวตรง หากไม่มีพลังแห่งจักรภพเจ็ดราชันจะเป็นคู่ต่อสู้ของอ้าวเจี้ยนได้อย่างไร ในเมื่อเขารับขวานภูผาวารีมาแล้ว เขาก็ต้องทำหน้าที่สะสางทุกอย่างที่เป็นภัยรุกรานจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 864
หลิงฮันยืนเผชิญหน้ากับอ้าวเจี้ยน
“ฮึ่ม เจ้าคือเผ่ามนุษย์ที่วิ่งหนีข้าหางจุกตูดครั้งก่อนใช่หรือไม่?” เห็นได้ชัดว่าอ้าวเจี้ยนมีความทรงจำที่ดี มิฉะนั้นแล้วเขาจะจดจำสิ่งมีชีวิตที่เรียกพวกเขาเรียกว่ามดปลวกได้อย่างไร?
หลิงฮันไม่ไหวติงและพูดว่า “เจ้ายังไม่ถึงกับเป็นตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่าได้ทำตัวอวดดีนัก!”
อ้าวเจี้ยนแสดงความโกรธเกรี้ยวของเขาออกมาทันทีและพูดว่า “ข้าจะสมควรหรือไม่นั้น เจ้าสามารถรับมือกับข้าได้หรือไม่?”
“ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อเป็นการระบายความโกรธของข้า!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อ้าวเจี้ยนส่งเสียงหัวเราะ “นี่เป็นเรื่องตลกที่ข้าขบขันมากที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา! เผ่ามนุษย์ เว้นแต่ว่าเจ้าจะมียันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตาอีกใบ มิฉะนั้นวันนี้มันจะเป็นเจ้าต่างหากที่จะหนีความตายไม่พ้น!”
หลิงฮันเริ่มกระตุ้นใช้พลังงานแห่งจักรภพ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นทันที
ตอนนี้ภูมิภาคกลางได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิต้าหลิงแล้ว ดังนั้นพลังแห่งจักรภพที่เขาสามารถใช้ได้อย่างน้อยก็ทรงพลังขึ้นถึงหนึ่งในสาม!
“ประชาชนของข้า วันนี้ข้าต้องการสังหารผู้ที่สังหารพี่ชายหม่าของข้าเพื่อเป็นการล้างแค้น ข้าจึงอยากขอให้พวกเจ้าทุกคนส่งพลังทั้งหมดให้กับข้า!” หลิงฮันกล่าว “เพียงแค่ตั้งจิตให้มั่นเพื่อที่จะสังหารศัตรูที่อยู่ตรงหน้าก็เพียงพอแล้ว!”
ผู้คนสามารถได้ยินเสียงของหลิงฮันผ่านธงจักรวรรดิ แม้ตอนนี้ผู้คนของภูมิภาคกลางจะยังไม่รู้จักหลิงฮัน แต่ความกล้าหาญที่เขาแสดงออกมานั้น ทำให้เขาสามารถรวบรวมพลังแห่งจักรภพได้มากมาย
ตู้ม ทันใดนั้นพลังแห่งจักรภพที่เขาสามารถใช้ได้ก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
ด้วยความหวังที่จะสังหารตัวตนระดับพระเจ้า!
หลิงฮันเก็บขวานภูผาวารีแล้วนำดาบสังหารแทนและพูดว่า “วันนี้ ข้าจะปลิดชีพเจ้าด้วยดาบของพี่ชายหม่า!”่
“เหลวไหล!” อ้าวเจี้ยนตะโกน พลังต่อสู้ของเขาอยู่เหนือใครทุกคนบนโลก บวกกับกายหยาบที่น่าสะพรึงกลัว แล้วจะยังมีเผ่ามนุษย์ที่สามารถเอาชนะเขาได้อยู่บนโลกอีกรึ? เขากระโจนออกไปพร้อมกับหอกสีเงินไปที่หลิงฮันทันที
หลิงฮันเองก็ฟาดฟันดาบออกไปเช่นกัน
ตู้ม!
หอกเงินถูกป้องกัน มือข้างหนึ่งของหลิงฮันจับดาบในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพีใส่อ้าวเจี้ยน
ด้วยพลังต่อสู้ของหลิงฮันในปัจจุบันบวกกับพลังแห่งจักรภพ ทำให้เขามีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว
ในขณะที่พลังต่อสู้ของอ้าวเจี้ยนมีแค่ระดับทลายมิติสิบเก้าดาวเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าหลิงฮัน แม้ว่าเขาจะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ไม่มีทาง!” สีหน้าของอ้าวเจี้ยนดูตกตะลึง ทำไมอีกฝ่ายถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? ทั้งที่เป็นแค่ระดับทลายมิติขั้นหนึ่งเท่านั้น! แม้จะได้รับพลังแห่งจักรภพ แต่ทำไมเขาถึงสามารถแบกรับอำนาจเช่นนั้นได้?
อ้าวเจี้ยนครุ่นคิดและช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป หลิงฮันเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นแรก มันเป็นไปได้อย่างไรที่เขามีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว?
พระเจ้า โลกใบเล็กนี่เป็นนรกหรือไงกัน?
ทั้งที่โลกใบนี้ขาดแคลนทรัพยากรบ่มเพาะพลัง พลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาวถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว อย่างเช่นราชันทั้งเจ็ดคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับพลังแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบแปดดาวหรือสิบเก้าดาวเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะเปิดสวรรค์ได้
มิฉะนั้น ถ้าการเปิดสวรรค์เป็นเรื่องง่าย จอมยุทธระดับทลายมิติจากโลกใบนี้จะไม่หลั่งไหลเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หมดเลยหรือ?
แต่ตอนนี้ล่ะ?
หม่าตั๋วเป่าเป็นรูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบสามดาว แต่หลิงฮันล่ะ?
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้!” หลิงฮันในตอนนี้แข็งแกร่งมาก เขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมพลังที่จะปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกมาอีกต่อไป
“เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสังหารข้าได้!” อ้าวเจี้ยนแสยะยิ้ม ตอนนี้เขายอมรับว่าหลิงฮันมีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่หลิงฮันจะสังหารเขาได้
ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ตู้ม ปัง หอกสีเงินและดาบปะทะกันไม่หยุด และทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน เจ้าต้องฆ่าเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้ให้ได้!” เฮ่อเหลียนหยุนส่งเสียงตะโกน ตราบใดที่ทายาทของมังกรที่แท้จริงถูกฆ่าตาย เขาก็จะสามารถพิชิตท้องสมุทรได้อย่างง่ายดาย และทวีปฮงเทียนก็จะกลับมาอยู่ในความสงบสุขอีกครั้ง โดยที่มีเป้าหมายร่วมกันคือการเปิดสวรรค์
“เจ้าพูดถึงใครกัน?” เจ้ากระต่ายกรีดร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ
เด็กชายตัวเล็กและเจ้ากระต่ายมองหน้ากันไปมาราวกับจะทะเลาะกัน
อย่างไรก็ตาม อ้าวเจี้ยนเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบเก้าดาวนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสังหารเขาได้
ถึงแม้หลิงฮันจะใช้พลังของทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์จนถึงขีดสุด แต่ก็ทำได้แค่ต่อสู้อย่างสูสีกับอีกฝ่ายเท่านั้น
ในขณะที่อ้าวเจี้ยนเริ่มไม่รู้สึกสบอารมณ์
ครั้งก่อน เผ่ามนุษย์ผู้นี้ไม่มีความกล้าแม้แต่จะต่อสู้กับเขา แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับสามารถต่อกรกับเขาได้! แล้วเขาจะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร?
เขาจะต้องสังหารเผ่ามนุษย์ผู้นี้ให้ได้ มิฉะนั้นถ้าอีกฝ่ายทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น? อย่าว่าแต่สังหารเขาเลย แม้แต่ตัวตนระดับพระเจ้าที่มีขอบเขตพลังต่ำสุดก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา!
อ้าวเจี้ยนระเบิดพลังสายเลือดมังกรทั้งหมดออกมาด้วยความโกรธ และสาบานอยู่ในใจว่าจะต้องฆ่าหลิงฮันให้ได้ในวันนี้
แต่นั่นเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้
กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งแค่ไหนกัน? แข็งแกร่งยิ่งกว่าแร่เหล็กระดับพระเจ้า! ว่ากันว่าตัวตนระดับพระเจ้าและจอมยุทธระดับทลายมิติมีช่องว่างที่ไม่สามารถก้าวผ่านได้อยู่ ดังนั้นอ้าวเจี้ยนจึงไม่สามารถทำให้หลิงฮันได้รับบาดเจ็บได้ มิฉะนั้นเขาจะถูกทำลายโดยกฎของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ทุกคน ข้าขอยืมพลังของพวกเจ้าอีก!” หลิงฮันยกมือขึ้นฟ้า ในขณะเดียวกันก็มีภาพการต่อสู้ปรากฏอยู่เหนือเมืองทุกแห่งบนทวีปฮงเทียนผ่านธงจักรวรรดิ
“พวกเราจะช่วยท่านเอง!”
จิตใจของผู้คนทั้งสี่ภูมิภาคถูกรวมเป็นหนึ่ง และพวกเขามีความเชื่อมั่นอันแรงกล้าต่อจักรวรรดิต้าหลิง อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคกลางนั้นเพิ่งจะสูญเสียประมุขของพวกเขาไป ทำให้จิตใจของพวกเขายังไม่อาจเทียบกับทั้งสี่ภูมิภาคได้
หลังจากที่หลิงฮันพูดเช่นนั้นออกมา พลังแห่งจักรภพก็เริ่มที่จะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆทีละเล็กน้อย แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านระดับทลายมิติยี่สิบดาว
อ้าวเจี้ยนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น เพราะความแตกต่างระหว่างพลังต่อสู้ระดับทลายมิติดาวเดียวนั้นเปรียบได้เหมือนกับสวรรค์และปฐพี ถึงแม้หลิงฮันจะไม่ทะลวงผ่านระดับพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว แต่พลังต่อสู้ของหลิงฮันก็ยังคงมากกว่าเขาอยู่ดีและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นไม่หยุด
ยิ่งเวลานานเท่าไหร่ พลังต่อสู้ของหลิงฮันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เพราะในฐานะจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง เขาเริ่มที่จะได้รับการยอมรับจากผู้คนในภูมิภาคกลางมากขึ้นเรื่อยๆ และมันจะเสริมแกร่งให้กับพลังแห่งจักรภพ
“หอกเก้าสีจงทะลวงผ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า!” อ้าวเจี้ยนส่งเสียงตะโกน หอกของเขาเริ่มเปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมาพร้อมกับพลังมังกรที่แท้จริงอันไร้ที่สิ้นสุดและทิ่มแมงไปที่หลิงฮัน
เขาปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดใส่หลิงฮัน
ตอนที่ 865
ก่อนหน้านี้ที่หลิงฮันพูดกระตุ้นทุกคนก็เพื่อให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถสังหารอ้าวเจี้ยนได้ และเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความลับว่ากายหยาบของเขานั้นเหนือกว่าหม่าตั๋วเป่าไปแล้วเพื่อทำให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองได้เปรียบและทำให้อีกฝ่ายประมาท
ถ้าอ้าวเจี้ยนรู้ เขาจะยังคงต่อสู้กับหลิงฮันต่ออีกหรือไม่?
ในเมื่อไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้หรือแม้กระทั่งทำให้บาดเจ็บก็ยังทำไม่ได้ แล้วใครจะมีความคิดที่จะต่อสู้อีก?
หลิงฮันกำลังรอให้อีกฝ่ายติดกับ โดยสร้างโอกาสให้อ้าวเจี้ยนคิดว่าเขาหมดหนทางแล้ว และให้อีกฝ่ายปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาเพื่อที่หลิงฮันจะได้สวนการโจมตี
— ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนค่อนข้างสูสีกัน ในเมื่ออีกฝ่ายสร้างโอกาสให้กับเขา แล้วเขาจะไม่โจมตีได้อย่างไร?
หลิงฮันปล่อยให้อ้าวเจี้ยนคิดว่าการโจมตีของมันนั้นสามารถฆ่าเขาได้เพื่อที่ให้อีกฝ่ายปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
เมื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมากับการโจมตี พลังป้องกันของอีกฝ่ายเองก็จะลดลงมาก และในตอนนั้นก็จะเป็นตาของหลิงฮันที่จะสังหารอีกฝ่าย
ตอนนี้อ้าวเจี้ยนคิดว่าหลิงฮันจะต้องตายด้วยการโจมตีครั้งนี้อย่างแน่นอน
หอกสีเงินปลดปล่อยเสียงคำรามของมังกรออกมา นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของอ้าวเจี้ยน
ตู้ม!
อ้าวเจี้ยนเผยสีหน้ามีความสุขออกมาทันที อีกฝ่ายจะต้องตายแน่นอนด้วยการโจมตีของเขา
ทว่าปลายหอกของเขาหยุดอยู่ตรงอกของหลิงฮันและพยายามที่จะทะลวงเข้าไปที่หัวใจของเขา อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่เสื้อผ้าของหลิงฮันเท่านั้นที่ถูกแทงทะลุ แต่ผิวของเขาไม่มีโลหิตไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
นี่มันกายหยาบอะไรกัน?
อ้าวเจี้ยนตกตะลึง อีกฝ่ายเป็นเผ่ามนุษย์จริงๆอย่างนั้นรึ? เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าตัวเองไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
“รับดาบของข้า!” หลิงฮันใช้โอกาสนี้โจมตีสวนกลับ
อีกฝ่ายเพิ่งจะปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมา ตอนนี้การป้องกันของอีกฝ่ายจึงลดลงเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับหลิงฮันแล้ว
ดาบสังหารของเขาปลดปล่อยแสงสว่างอันไม่รู้จบออกมา และสะบั้นไปที่คอของอ้วยเจี้ยนเพื่อที่จะตัดหัวอีกฝ่าย
ฉัวะ!
ดาบของเขาตัดผ่านลำคอของอีกฝ่ายและมีหัวของคนผู้หนึ่งลอยขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับเลือดที่พุ่งทะลักออกมาจากลำคอเหมือนกับน้ำพุ
“ตายแล้ว!” เมื่อเจ็ดราชันเห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสุข
อีกฝ่ายต้องการนำศพองค์จักรพรรดิของพวกเขาไปทำลายทิ้ง ซึ่งทำให้พวกเขาโกรธจนบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้อ้าวเจี้ยนได้ถูกหลิงฮันตัดหัวไปแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องมีความสุขและบรรเทาความโศกเศร้าของพวกเขาได้เล็กน้อย
“ยังไม่ตาย!” หลิงฮันส่ายหัวและมองออกไปในระยะไกล
“เป็นไปได้ยังไง ทั้งที่ตัดหัวไปแล้วแต่ก็ยังไม่ตาย?” ราชันทั้งเจ็ดรู้สึกงงงวย
“ร่างกายของมันเท่านั้นที่ตาย แต่ดวงวิญญาณของมันนั้นเพ่นหนีไปแล้ว” หลิงฮันขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่าอ้าวเจี้ยนเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ แต่กลับสามารถแยกดวงวิญญาณออกจากร่างได้
“ดูเหมือนมันจะมีสมบัติลับบางอย่างที่ทำให้วิญญาณแยกออกจากร่างและหนีไปได้” หลิงฮันคิดอยู่ในใจและเก็บดาบสังหาร
ถึงแม้เขาจะไล่ตามดวงวิญญาณของอ้าวเจี้ยนไปก็ไล่ประโยชน์ เพราะกายหยาบของมันอยู่ที่นี่
“องค์จักรพรรดิ!” ราชันทั้งเจ็ดถอนหายใจอีกครั้ง วันนี้เป็นวันแห่งความโศกเศร้าของจักรวรรดิจันทราม่วง การที่องค์จักรพรรดิของพวกเขาตาย ทำให้จักรวรรดิจันทราม่วงหายไป
หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ไม่ว่าจะโศกเศร้าเพียงใด พวกเราก็ต้องสานต่อหน้าที่ของพี่ชายหม่าให้สำเร็จ”
ราชันทั้งเจ็ดเริ่มยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เหล่าผู้คนที่มาเพื่อดูพิธีเปิดสวรรค์ แต่มันกลับกลายเป็นดูช่วงเวลาสุดท้ายของหม่าตั๋วเป่า และทุกคนรู้สึกเคารพเขาอย่างสุดซึ้ง ถึงแม้เขาจะเปิดสวรรค์ล้มเหลวในตอนท้ายก็ตาม แต่ถ้าไม่มีเขาใครจะเป็นคนที่จะเริ่มต้นการเปิดสวรรค์กัน?
ในเมื่อองค์จักรพรรดิของพวกเขาตายไปแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องจัดงานศพส่งเขาให้สมเกียรติ งานศพของหม่าตั๋วเป่าจะถูกจัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน และร่างกายของหม่าตั๋วเป่าจะถูกส่งไปยังแกนกลางของโลกโดยหลิงฮันฃ
ต่อไปนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่พวกเขาต้องทำ
แน่นอนว่าการส่งมอบจักรวรรดินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีรายละเอียดมากมายรวมถึงเรื่องยิบย่อยที่ต้องจัดการ โชคร้ายที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถูกพาตัวไปแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่มีจักรพรรดิพิรุณคอยจัดการแทน
ในขณะเดียวกัน เฮ่อหลียนเทียนหยุนกลับไปที่มหาสมุทรเหนือเพื่อรวมรวบมหาสมุทรทั้งสี่ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง ตอนนี้อ้าวเจี้ยนไม่อยู่แล้ว ที่หลงเหลืออยู่มีเพียงแค่ดวงวิญญาณเท่านั้น และถ้ามันปรากฏตัวออกมา อีกฝ่ายจะต่อกรกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนได้อย่างไร?
ต้องรู้ก่อนว่าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนนั้นเคยมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวที่ไม่ด้อยไปกว่าหม่าตั๋วเป่า และตอนนี้เขาก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว ซึ่งเขาเชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับไปอยู่บนจุดสูงสุดอีกครั้ง
ส่วนหลิงฮันกำลังฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างหนัก ตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปิดสวรรค์ได้ และเพื่อความปลอดภัย เขาจะต้องทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าซะก่อน
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็เริ่มลืมเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าหม่าตั๋วเป่าจะพยายามอย่างมากเพื่อเปิดสวรรค์ แต่หลังจากที่ผ่านไปครึ่งปีทุกคนก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง และมีน้อยคนมากที่จะพูดถึงเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้น
แต่หลิงฮัน และราชันคนอื่นๆยังไม่ลืมความโกรธแค้น พวกเขาจะต้องเปิดสวรรค์ให้ได้และขึ้นไปกวาดล้างห้านิกายโบราณและตระกูลอ้าว!
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จได้ง่าย แต่พวกเขาจะต้องไม่ขาดความอดทนและความพยายาม
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรวบรวมมหาสมุทรทั้งสี่ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง และมหาสมุทรทั้งสี่ก็กลายเป็นอาณาเขตของจักรวรรดิต้าหลิง ครั้งนี้หลิงฮันกลายเป็นจักรพรรดิของคนทั้งโลก เขาสามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวของทุกที่บนโลกได้ตราบใดที่เขาต้องการ
หลังจากผ่านไปอีกหกเดือน ในที่สุดหลิงฮันก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าด้วยวัยแค่ยี่สิบสองปีเท่านั้น
“ข้ามาถึงจุดสูงสุดของระดับทลายมิติแล้ว แต่พลังต่อสู้ในปัจจุบันของข้าอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบดาวเท่านั้น” หลิงฮันกำลังประเมินพลังต่อสู้ของตัวเอง
“แต่ถ้าข้าใช้ความพยายามและความสามารถทั้งหมด พลังต่อสู้ของข้าน่าจะบรรลุระดับทลายมิติยี่สิบดาว”
นี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของหลิงฮัน เพราะเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าท่านั้น เขายังมีเวลาขัดเกลาพลังอีกนาน บางทีเขาจะมีทะลวงผ่านพลังต่อสู้มากกว่ายี่สิบดาวก็เป็นไปได้!
ตอนที่ 866
นี่นับว่าน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
แล้วถ้าหากเขาใช้งานพลังแห่งจักรภพด้วยล่ะ?
หลิงฮันโคจรพลังแห่งจักรภพ ทันใดนั้นอำนาจที่ทรงพลังก็เสริมแกร่งให้พลังต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบดาว ที่พลังต่อสู้ของเขาไม่เพิ่มไปมากกว่านี้ก็เพราะขีดจำกัดของพลังต่อสู้ระดับทลายมิตินั้นถูกกำจัดไว้ที่ยี่สิบดาว
แต่ถึงแม้เขาจะไม่สามารถนำพลังจักรภพเข้ามาเสริมพลังในร่างให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แต่เขาก็สามารถเสริมมันให้กับพลังโจมตีที่ปล่อยออกไปได้ เพียงแค่เขาลองปล่อยหมัดออกไปหนึ่งหมัด พลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีก็ถูกควบแน่นมาเสริมการโจมตีของเขา
“ระดับทลายมิติยี่สิบห้าดาว?” หลิงฮันไม่แน่ใจ เนื่องจากพลังต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน เขาจึงไม่มีใครให้เปรียบเทียบ
แต่เขาในตอนนี้มีพลังมากกว่าหม่าตั้วเปาในตอนเปิดสวรรค์แน่นอน และก็ไม่ได้มากกว่าแค่หนึ่งดาวด้วย
“แต่ถึงอย่างนั้นไพ่ลับที่แท้จริงของข้าก็ยังเป็นพลังกายอยู่ดี!” หลิงฮันกล่าวในใจ ในตอนที่เขาทำการเปิดสวรรค์ ห้านิกายโบราณบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องลงมือโจมตีอีกครั้งแน่นอน หากไม่มีพลังป้องกันที่สามารถรับการโจมตีของพระเจ้าได้ แม้จะมีพลังต่อสู้ยี่สิบห้าดาวแล้วจะช่วยอะไรได้?
“คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนที่สองไม่ได้ช่วยให้วิญญาณของข้าโจมตีได้แรงขึ้น แต่มันทำให้วิญญาณของข้ามั่นคง ทักษะธรรมดาทั่วไปย่อมไม่สามารถทำความเสียหายต่อวิญญาณข้าได้”
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก มันมุ่งเน้นไปยังการที่เสริมแกร่งให้ตัวเขา “ไม่อาจถูกทำลาย”
ทักษะบ่มเพาะทั่วไปจะมุ่งเน้นไปยังการเสริมให้มีพลังโจมตีที่ทรงพลัง แต่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้น ในส่วนแรกมันช่วยเพิ่มความคงทนของกายหยาบ ในขณะที่ส่วนที่สองเองก็เน้นไปยังการป้องกันเช่นกัน มันช่วยให้วิญญาณของเขามีความมั่นคง ไม่ได้ช่วยให้เขาใช้วิญญาณโจมตีได้รุนแรงขึ้น
“ตอนนี้ ข้าพร้อมจะเปิดสวรรค์แล้ว!”
“แต่ก่อนอื่น ข้าต้องสะสางปัญหาที่ค้างคาไว้เสียก่อน”
หลิงฮันกล่าวในใจ เมื่อเขาเปิดสวรรค์สำเร็จและขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขุมอำนาจมากมายบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวและใช้กำลังควบคุมทวีปฮงเทียนแน่นอน เรื่องนี้… หลิงฮันไม่อาจทำอะไรได้
เขาไม่มีอำนาจพอและทำได้เพียงยอมจำนน
จากที่อี้ชวงชวงบอกไว้ ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่รุกรานโลกใบเล็กโดยตรง แต่พวกเขาจะใช้วิธีกลืนกินให้มาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพวกเขาเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับพลังแห่งจักรภพของพวกเขาแทน
ไม่พอใจที่พวกเขาทำเช่นนั้น? แน่นอน แต่ถ้าหากเขาต่อต้าน อาณาจักรต้าหลิงของเขาจะล่มสลายภายในเวลาไม่ถึงนาที
จะพูดให้ถูกก็คือ หลังจากเปิดสวรรค์แล้ว สิ่งมีชีวิตของทวีปฮงเทียนจะสามารถหลบหนีจากชะตากรรมการถูกหลอมเป็นเม็ดยาได้แถมยังได้รับสภาพแวดล้อมการบ่มเพาะพลังที่ดีกว่าด้วย แต่การเปิดสวรรค์ก็จะทำให้พวกเขาสูญเสียอิสรภาพเช่นกัน
ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็เชื่อมั่นใจศักยภาพของนเอง แม้ขุมอำนาจเบื้องบนจะสามารถกักขังมังกรไว้ได้ แต่นั่นก็แค่ชั่วคราว พวกเขาไม่สามารถกักขังมังกรเอาไว้ได้ตลอดกาล!
“อย่างแรกต้องจัดการนิกายวายุจันทรา!”
หลิงฮันไม่คิดจะพานิกายชั่วร้ายนี้ขึ้นไปด้วย ร่างของเขาเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปยังนิกายวายุจันทราทันที
ในอดีตเขาเคยสังหารหูฉิงฟาน ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของผู้นำนิกายวายุจันทรา ซึ่งการกระทำของเขาทำให้เขาถูกไล่ล่าโดยหูเจียนอี่ หลังจากนั้นเขาจึงได้ให้สัตย์กับตัวเองไว้ว่าเมื่อใดที่เขาบรรลุระดับสวรรค์แล้ว เขาจะไปถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายของนิกายวายุจันทรา
แต่เพราะเขามั่ววุ่นวายอยู่กับการพลังบ่มเพาะพลังเขาจึงไม่มีเวลาว่างเสียที
ด้วยความเร็วของเขาในตอนนี้ เพียงแต่หนึ่งวันเขาก็มาถึงหน้าประตูทางขึ้นสู้เขานิกายวายุจันทรา
หากมองจากด้านนอก นิกายแห่งนี้เป็นนิกายที่ดูดีเป็นอย่างมาก ด้านบนของนิกายถูกประดับไปด้วยหมู่เมฆ รอบๆนิกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายความสงบสุข แต่แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้กลับมีความสกปรกโสมมถูกแฝงเอาไว้ในความมืดมิด
หลิงฮันสะบัดมือเรียกอสูรศิลาออกมาจากหอคอยทมิฬและกล่าว “จงทำลายให้ข้า!”
อสูรศิลาคำรามอย่างมีความสุข มันชื่นชอบการทำลายล้างเป็นอย่างมาก มันรีบพุ่งเข้าไปทันที ‘ตูม ตูม ตูม’ มันโจมตีประตูขึ้นเขาด้วยหมัด เพียงแค่การโจมตีเดียวประตูขนาดใหญ่ก็พังทลาย
เศษประตูที่ถูกทำลายลอยกระเด็นเข้าใส่เหล่าลูกศิษย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูอยู่ พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดที่กระดูกในร่างแตกหัก
“ใครกล้าบุกรุกนิกายวายุจันทรา!” เหล่าลูกศิษย์ตะโกนคำราม ถ้าหากพวกเขาไม่รู้แม้แต่ชื่อแซ่ของผู้บุกรุก พวกเขาจะต้องถูกผู้นำสังหารแน่นอน
อสูรศิลาไม่แยแสและสะบัดแขนขนาดใหญ่ แม้แขนของมันจะไม่สัมผัสโดนตัวของเหล่าลูกศิษย์แต่ เหล่าลูกศิษย์ก็ยังถูกคลื่นลมที่เกิดขึ้นโจมตีใส่จนกลายเป็นกองโลหิต
หลิงฮันส่ายหัวและเดินไปยังภูเขาด้านใน
“เจ้าเป็นใค… อ้ากกก!”
“หยุดเดี๋ย… อ้ากกก!”
“รีบไปรายงา… อ้ากกก!”
ลูกศิษย์หลายคนของนิกายวายุจันซากระโดดเข้ามาขวางทาง แต่พวกเขาก็ถูกอสูรศิลาสังหารในพริบตา เมื่อเห็นว่าแม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวายังตกตายด้วย ลูกศิษย์คนอื่นก็ไม่กล้ามาขวางทางและจ้องมองอสูรศิลาด้วยความกลัว
“สังหารให้หมด!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา
โดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่ยินดีมอบโอกาสให้ศัตรู แต่สำหรับนิกายวายุจันทรานั้นไม่มีข้อยกเว้น ลูกศิษย์เหล่านี้บ่มเพาะทักษะดูดกลืนพลังชีวิต ไม่มีใครรู้ว่าพวกพลังบ่มเพาะของพวกเขานั้นมาจากชีวิตมนุษย์จำนวนเท่าใด
พวกเขาทุกคนต้องถูกสังหาร
อสูรศิลาอาละวาดตามคำสั่ง สัมผัสสวรรค์ของมันครอบคลุมไปทั่วนิกายวายุจันทรา ไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้
“หยุดมือ!” ในที่สุดหูเจียนอี่ก็ปรากฏตัว เขากัดฟันมองไปยังหลิงฮันด้วยความแค้นเคือง แต่นอกจากความแค้นเคืองเขากลับรู้สึกกลัวมากกว่า ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี รุ่นเยาว์ผู้นี้กลับแข็งแกร่งขึ้นจนเขาทำได้เพียงแหงนมอง
เขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าสักวันหนึ่งหลิงฮันจะก้าวข้ามเขา แต่เขาไม่นึกว่าวันที่ว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“หยุดมือ? เจ้ากำลังออกคำสั่งกับใคร?” หลิงฮันกล่าว อสูรศิลาฟังคำสั่งของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่ามันย่อมไม่แยแสต่อหูเจียนอี่และยังคงอาละวาดต่อไป
“ถ้าเจ้าไม่หยุด สตรีเหล่านี้จะต้องตาย!” หูเจียนอี่กล่าวอย่างเย็นชาและชี้ไปยังแท่นระหว่างไหล่เขา
หลิงฮันจ้องไปยังทิศทางนั้นและพบเห็นสตรีราวๆร้อยคนนั่งอยู่ที่แท่น พวกนางยังเยาว์วัยนัก ตอนนี้ลูกศิษย์ของนิกายวายุจันทรายืนอยู่ด้านหลังพวกนางและเอาใบมีดที่แหลมคมจอคอพวกนางเอาไว้
“ตราบใดที่เจ้าไม่สร้างความลำบากต่อนิกายวายุจันทรา ข้าขอสาบานว่าหลังจากวันนี้นิกายของข้าจะบ่มเพาะพลังอย่างถูกทำนองคลองธรรม!” หูเจียนอี่กล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น