Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 851-858
ตอนที่ 851
มาเร็วมาก!
เสียงฝีเท้าดังกึกก้องมาจากหุบเขาลึก
หลิงฮันและคนอื่นออกไปเผชิญหน้ากับมันทันทีและจ้องมองไปที่ปากหุบเขา และเห็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างร้อยกว่าตัวอยู่ด้านหน้า ร่างของพวกมันถูกห่อหุ้มด้วยกระแสพลังปราณสีดำ ทำให้พวกเขามองไม่เห็นรูปลักษณ์ของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือเพศ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกแยะพวกมันออก
ด้านหลังของพวกมันเป็นกลุ่มฝูงชนที่มีปราณสีดำห่อหุ้ม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่ปราณสีดำพวกนั้นทำให้พวกเขากระหายเลือดและดูน่าหวาดกลัว
“พวกเขาถูกแปรสภาพให้กลายเป็นปีศาจรับใช้ระดับต่ำ” อี้ชวงชวงกล่าว “มันมีความคล้ายคลึงกับทหารซากศพที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดและไม่เกรงกลัวต่อความตาย แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันด้อยกว่าพอสมควร และยังมีสติปัญญาหลงเหลืออยู่ลงน้อย”
“แล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหน้าล่ะ?” หลิงฮันถาม
“พวกมันเรียกว่าปีศาจรับใช้ระดับสูง” อี้ชวงชวงพยักหน้า
“ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแต่เป็นได้แค่ปีศาจรับใช้ระดับสูงอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ
อี้ชวงชวงเหลือบมองเขาและพูดว่า “ตัวตนระดับพระเจ้าแบ่งออกเป็นห้าระดับ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสี่ขั้น แม้แต่ขั้นเล็กๆก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวผ่าน แล้วพวกมันจะนับว่าเป็นอันใด?”
…….นั่นมันก็จริง
ระดับโดยรวมของทวีปฮงเทียนนั้น แค่ปีศาจรับใช้ระดับสูงก็เทียบได้กับตัวตนที่อยู่สูงที่สุดแล้ว
“และมันเป็นหน้าที่ของตัวตนระดับพระเจ้าทุกคนที่จะจัดการพวกมัน แม้แต่ข้าก็ไม่มีข้อยกเว้น!” อี้ชวงชวงกล่าว “วันนี้ข้าจะต่อสู้เคียงข้างเจ้าเพื่อกำจัดปีศาจรับใช้พวกนี้ให้หมด!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ข้าคงไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม?” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ มีชายคนหนึ่งพร้อมกับขวดน้ำเต้าอยู่ในมือปรากฏตัวออกมา
“พี่ใหญ่!” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ และเข้าไปทักทายเขาทันที
เขาคือเฟิงโป๋วหยุน!
หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี เฟิงโป๋วหยุนก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นห้าแล้วจากระดับทลายมิติขั้นสาม ความก้าวหน้าของเขาค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว
แต่ถึงแม้ว่าเฟิงโป๋วหยุนยังไม่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้า แต่เขาก็สามารถสร้างแก่นแท้แห่งดาบให้ได้แล้ว
“น้องสอง ข้าไม่ได้เห็นหน้าเจ้ามานาน ความก้าวหน้าของเจ้ามันทำให้ข้าตกตะลึงยิ่งนัก!” เฟิงโป๋วหยุนหัวเราะ ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอหลิงฮันเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาใกล้จะทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านอยู่ในอาณาเขตจักรวรรดิต้าหลิงของข้า ข้าสามารถมอบตราประทับให้กับท่านได้เพื่อใช้พลังแห่งจักรภพยกระดับพลังต่อสู้”
“ดีเลย!” เฟิงโป๋วตอบตลกหยุนยิ้ม
หลิงฮันเริ่มเคลื่อนย้ายตราประทับและพูดว่า “จงฟัง ข้าขอแต่งตั้งให้พี่ใหญ่เฟิงโป๋วหยุนของข้าเป็น ‘ราชันแห่งสายลม’ แห่งจักรวรรดิต้าหลิงนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!”
ตู้ม เมื่อตราประทับถูกเคลื่อนย้าย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกซอกทุกมุมของจักรวรรดิต้าหลิง และบนธงของจักรวรรดิต้าหลิงมีตัวอักษรสีทองเขียนอยู่
“ราชันแห่งสายลม เฟิงโป๋วหยุน!”
สิ่งนี้คือแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้ที่ครอบครองตราประทับอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิต้าหลิง และสามารถเรียกใช้พลังแห่งจักรภพได้ผ่านตราประทับ
ในปัจจุบันจักรวรรดิต้าหลิงมีราชันเพียงแค่สามคนเท่านั้น นั่นคือ จักรพรรดิพิรุณ มู่หลงชิง และเฟิงโป๋วหยุนที่เพิ่งถูกแต่งตั้ง
เฟิงโป๋วหยุนใช้พลังแห่งจักรภพทันที และช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตกตะตึง “พลังต่อสู้ของเขาอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบดาว! แต่น่าเสียดายที่เขามีกายหยาบไม่แข็งแกร่งพอ มิฉะนั้นมันอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
ภายใต้พลังแห่งจักรภพมันทำให้พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นสี่ดาว
“เจ้าหนูแต่งตั้งข้าด้วย” อี้ชวงชวงกล่าวว่าแม้นางจะเป็นตัวตนระดับพระเจ้า แต่นางถูกยับยั้งพลังเอาไว้ ทำให้นางอยู่ในระดับทลายมิติขั้นเก้า แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะมีพลังต่อสู้ยี่สิบดาว
ดังนั้น พลังแห่งจักรภพก็ยังส่งผลต่อนางเช่นกัน
หลิงฮันพยักหน้าและมอบตราประทับให้กับอี้ชวงชวงในฐานะ “ราชินีไร้พ่าย”
“พลังต่อสู้ของข้าเพิ่มขึ้นสามดาวเลยรึ?” อี้ชวงชวงรู้สึกมีความสุข
ไม่มีทาง ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของพลังแห่งจักรภพก็จะอ่อนแอลงเท่านั้น เว้นแต่ว่านางจะเป็นประมุขของจักรวรรดิถึงจะทำให้นางได้รับพลังของมันได้ไม่จำกัด
“แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการพวกมัน!”
“เผ่ามนุษย์เอ่ย จงยอมแพ้เสีย ข้าผู้นี้สามารถมอบชีวิตนิรันดร์ให้กับพวกเจ้าได้!” ภายในหุบเขา เมื่อปีศาจรับใช้ตนหนึ่งปรากฏตัวออกมา ปีศาจรับใช้ตนอีกหยุดเคลื่อนที่ทันทีและกลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าแม้แต่ท้องฟ้ายังต้องพังทลาย
“เป็นแค่ปีศาจรับใช้ต่ำต้อยแต่กล้าพูดจาใหญ่โตขนาดนั้นเลยรึ!” หลิงฮันแสยะยิ้ม
“สามห้าว เจ้ากล้ามากที่พูดจาแบบนั้นกับข้าผู้นี้!” ปีศาจข้ารับใช้ระดับสูงตนเดิมตะโกน เขายกมือขึ้นและมีแมงมุมยักษ์สีเงินขนาดเท่าภูเขาปรากฏตัวออกมา
แมงมุมยักษ์สีเงินนั่นมีขาทั้งหมดแปดขา และมองกำลังจ้องมองดูสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยท่าทางเหยียดหยาม
“ฆ่ามัน!” ปีศาจรับใช้ระดับสูงตนเดิมที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของพวกมันชี้นิ้วไปที่หลิงฮัน และแมงมุมยักษ์สีเงินตัวนั้นก็เคลื่อนที่ไปหาหลิงฮันทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าเอง!” เฟิงโป๋วหยวนหัวเราะและกระโจนออกไป ที่เขามีความก้าวหน้ารวดเร็วมันเป็นเพราะเจ้าแมงมุมยักษ์สีเงินนั้นเป็นเป้าหมายของเขาอยู่ตลอด
และตอนนี้เมื่อเขาได้รับการยกระดับพลังต่อสู้จากพลังแห่งจักรภพ มันทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
ตู้ม!
การปะทะกันของเฟิงโป๋วหยุนกับแมงมุมยักษ์สีเงินทำให้ท้องฟ้าและปฐพีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลิงฮันจ้องมองไปที่การต่อสู้ และเขาพบว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเฟิงโป๋วหยุนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าแมงมุมยักษ์สีเงินเลย เขารู้สึกผ่อนคลายลงและพูดว่า “ข้าคือหลิงฮัน จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง จงบอกชื่อของเจ้ามา!”
ราชันปีศาจรับใช้แสยะยิ้ม “หึ่ม เป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์แต่กล้าเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิ น่าขันยิ่งนัก! ชื่อของข้าข้าละทิ้งมันไปนานแล้ว แต่เจ้าสามารถเรียกข้าว่า…ราชันปีศาจก็ย่อมได้!”
อี้ชวงชวงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “เป็นแค่ปีศาจรับใช้ที่ต่ำต้อย แต่กล้าเรียกตัวเองว่าราชันปีศาจ นี่เจ้าเป็นคนที่หน้าด้านขนาดไหนกัน? เข้ามา เข้ามา ข้ายินดีที่จะต่อสู้กับเจ้าสามร้อยรอบและมาดูกันว่าข้าจะสามารถฉีกของเจ้าได้หรือไม่!”
“เจ้าต้องการรนหาที่ตายรึ?” ราชันปีศาจแสยะยิ้มและปล่อยฝ่ามือใส่อี้ชวงชวง
“อย่ามาจับข้าด้วยมือสกปรกของเจ้า!” อี้ชวงชวงปลดปล่อยฝ่ามือยักษ์ออกไปที่ราชันปีศาจ
ราชันปีศาจแสยะยิ้มและปัดฝ่ามือของนางด้วยปราณปีศาจและพูดว่า “ฆ่าให้หมด!”
กองทัพของเขาเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเพื่อโจมตีจักรวรรดิต้าหลิงทันที
ตอนที่ 852
“สังหาร!” หลิงฮันกวัดแกว่งดาบสังหารพร้อมกับนำรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีออกมา พลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบดาวนั้นเพียงพอจะทำให้เขากระตุ้นใช้งานดาบสังหารได้อย่างเต็มที่
สงครามเริ่มต้นแล้ว
แค่สงครามเริ่มขึ้น จักรวรรดิต้าหลิงฮันก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
เนื่องจากฝ่ายของ ปีศาจรับใช้นั้นมีจำนวนทหารระดับทลายมิติมากเกินไป แถมราชันปีศาจก็ยังมีพลังต่อสู้ถึงสิบก้าวดาว ซึ่งแข็งแกร่งอี้ชวงชวงเสียอีก
อี้ชวงชวงคำรามด้วยความไม่สบอารมณณ์ ถ้านางอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ แค่อ้าปากนางก็สามารถสังหารศัตรูตรงหน้าได้นับหมื่นครั้งแล้ว แต่เพราะนางถูกยับยั้งพลังเอาไว้ทำให้ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แม้ว่าหากนางปลดปล่อยพลังเต็มที่ออกมานางจะสามารถสังหารราชันปีศาจได้ทันที แต่นางก็ต้องกลายเป็นฝ่ายถูกขับไล่ออกจากทวีปฮงเทียน
จะให้ย่อยยับไปด้วยกัน? นางไม่ยินยอมเด็ดขาด
นางพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้คือให้กองกำลังสนับสนุนจากจักรวรรดิจันทราม่วงมาถึง
หลิงฮันนั้นยิ่งลำบากกว่านาง ถึงแม้เขาจะมีพลังที่ได้จากอำนาจแห่งจักรภพทำให้มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติ แต่ทหารคนอื่นๆในกองกำลังเขามีพลังเพียงระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น
นอกจากตัวเขาแล้วคนที่มีพลังระดับทลายมิติมีเฟิงโปหยุนกับอี้ชวงชวงรวมแล้วสามคนเท่านั้น แต่หากรวมรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีเข้าไปด้วยก็จะเป็นสี่
ในขณะที่ฝ่ายตรงข้าวนั้นมีทหารระดับทลายมิติมากกว่าหนึ่งร้อย แถมแต่ละคนยังเป็นระดับทลายมิติขั้นเก้าอีกด้วย พวกต่อสู้ของพวกเขานั้นมีตั้งแต่สิบดาวจนถึงสิบห้าดาว
เพียงแค่การปะทะระยะสั้นๆจักรวรรดิต้าหลิงก็ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตทันที
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องสู้!
หาก ปีศาจรับใช้เหล่านี้ผ่านเข้าไปยังภูมิภาคเหนือได้ ภูมิภาคเหนือจะกลายเป็นดินแห่งความตายทันที เมื่อถึงตอนนั้นสามภูมิภาคที่เหลือและภูมิภาคกลางก็จะไม่สามารถหลบหนีชะตากรรมเดียวกันได้
เพราะงั้นเขาจึงต้องหยุดพวกมันไว้ที่นี่
ตราบใดที่หม่าตั้วเปามาถึง ด้วยพลังต่อสู้ที่เกินกว่ายี่สิบดาวของเขา ปีศาจรับใช้พวกนี้จะถูกกวาดล้างได้อย่างไม่ยากเย็น
หลิงฮันจงใจเคลื่อนที่ด้วยอัสนิบาตเก้าพิภพและย่างก้าวเทพธิดาปีศาจหลบหลีกศัตรูที่เข้ามาล้อม
เพราะในฐานะจักรพรรดิของจักรวรรดิต้าหลิง หากเขาตกตาย พรรคพวกของเขาคนอื่นก็จะไม่ได้รับอำนาจแห่งจักรภพอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นหมายแรกที่จะต้องถูกสังหาร
ปีศาจรับใช้นั้นฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังที่ฝืนกฎของโลก พลังของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยอำนาจแห่งการกัดกร่อน ทำให้แม้จะเป็นกายหยาบของหลิงฮันก็ต้องได้รับความเสียหาย
กายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบของหลิงฮันกำลังหลอมละลายโดยปราณก่อเกิดของพวกมันที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
หลังจากยื้อเวลามาเป็นเวลานาน หลิงฮันก็ต้องฝืนใช้หยดวารีอมตะเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
“หนิวจะช่วยเอง!” ฮูหนิวทะยานขึ้นท้องฟ้าและเข้าปะทะกับ ปีศาจรับใช้ที่กำลังล้อมรุมหลิงฮัน
เพียงแต่ว่านางนั้นยังไม่บรรลุระดับทลายมิติ นางจึงไม่สามารถทำประโยชน์ได้มากเท่าใด
สงครามที่รุนแรงดำเนินไปเป็นเวลาสามวัน
หลิงฮันยังคนยื้อเวลาเอาไว้ได้ แต่เขาเหลือหยดวารีอมตะอยู่เพียงหนึ่งหยดเท่านั้น
อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากเขาใช้หยดวารีอมตะหยดสุดท้าย?
“ต้องขอโทษด้วยที่พวกข้ามาสาย!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากตำแหน่งที่ห่างไกล ทันใดนั้นร่างแปดร่างก็ลอยผ่านฟากฟ้าเข้ามาทีละคน ออร่าของพวกเขาแต่ละคนนั้นทรงพลังจนแทบจะทำให้ท้องฟ้าพังทลาย
แปดราชันมาถึงแล้ว!
“มาช้าก็ยังดี!” หลิงฮันฝืนยิ้ม “มาสู้ด้วยกัน!”
“แน่นอน!”
ราชินีหยินและราชันคนอื่นๆลงมือ ด้วยพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาวของพวกเขา แรงกดดันที่หลิงฮันได้รับจึงลดลง
‘ครืนน’ อสูรศิลาวิ่งมาแต่ไกล ที่มันมาช้ากว่าก็เป็นเพราะมันไล่ตามความเร็วของแปดราชันไม่ทัน
“เหอๆๆๆ เข้ามาให้หมด ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องตาย!” ราชันปีศาจแสยะยิ้ม
“ยังมีเวลาสนใจสิ่งอื่นในขณะที่สู้อยู่กับข้า!?” อี้ชวงชวงใช้ปีกโจมตีใส่ราชันปีศาจ ราวกับเป็นขวานสองเล่ม
“เหอะ เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับข้า?” ราชันปีศาจแสยะยิ้มเหยี้ยมหยาม “เอาล่ะ ทหารของข้าทั้งหลาย ข้าต้องการดื่มเลือดของเผ่ามนุษย์เหล่านี้จะแย่แล้ว!”
ปีศาจรับใช้นับร้อยกระจัดกระจายแยกย้ายกัน พวกเขายืนอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนกับรูปแบบอาคมบางอย่าง ‘ครืนนน’ ทันใดนั้นเองร่างของพวกมันปลดปล่อยปราณอสูรออกมาและส่งปราณเหล่านั้นให้กับราชันปีศาจ
‘ตูมม’ ออร่าของราชันปีศาจทะยานสูงเสียดฟ้าภายในพริบตา
ใบหน้าของอี้ชวงชวงกลายเป็นซีดเผือดและกล่าว “ไม่ได้การแล้ว พลังของมันเพิ่มขึ้นเกือบจะเป็นยี่สิบดาวแล้ว!”
พลังต่อสู้ของระดับทลายมิตินั้นมีขีดจำกัดคือยี่สิบดาว อย่างเช่นหม่าตั้วเปานั้น หากเขาไม่ใช้อำนาจแห่งจักรภพพลังต่อสู้ของเขาก็จะคงอยู่ที่ยี่สิบดาวไม่เกินไปกว่านี้
ราชันปีศาจตนนี้ใช้รูปแบบอาคมบางอย่างที่ชักนำพลังของ ปีศาจรับใช้ตนอื่นมาเป็นของตน ดังนั้นพลังต่อสู้ของมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากตอนนี้มันมีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวแล้ว การที่มันจะเพิ่มขึ้นจนเกินกว่ายี่สิบดาวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
จะทำอย่างไรดี?
“แล้วพี่ชายหม่าล่ะ?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“ราชันซากศพสิบแปดตาของนิกายพันศพปรากฏตัวและสร้างความปั่นป่วน เขาจึงต้องไปจัดการมัน” ราชินีหยินกล่าว
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นมืดมน หรือ ปีศาจรับใช้เหล่านี้กับนิกายพันศพจะสมรู้ร่วมคิดกัน?
มีความเป็นไปได้สูง เพราะนิกายพันศพนั้นเป็นขุมนำนาจที่สร้างขึ้นโดยคนของโลกใต้พิภพ
“ฮ่าๆๆ ไปลงนรกซะ!” ราชันปีศาจลงมือ มันโจมตีปลดปล่อยปราณอสูรไปทั่วพื้นที่จนปกคลุมทั้งสวรรค์และปฐพี
“เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ ออกมาจัดการสุนัขเหล่านี้เร็วๆเข้า!” เจ้ากระต่ายคำราม
อี้ชวงชวงส่ายหัวและกล่าว “ ปีศาจรับใช้เหล่านี้แต่เดิมแล้วเคยเป็นจอมยุทธของทวีปฮงเทียนมาก่อน แต่พวกเขาบ่มเพาะทักษะที่เปลี่ยนตนเองให้เป็นศพ ดังนั้นเนตรแห่งเต๋าสวรรค์จึงไม่อาจขับไล่พวกเขาไปได้ ยิ่งกว่านั้นระดับพลังของราชันปีศาจก็ยังไม่ใช่ระดับพระเจ้า เนตรแห่งเต๋าสวรรค์คงไม่ทำอะไรพวกมันแน่นอน”
“เจ้าจะช่วยพูดอะไรที่ทำให้คนอื่นรู้สึกดีหน่อยได้รึไม่?” ราชินีหยินเหน็บแนมอี้ชวงชวง
‘ครืนนนน!’
แค่การโจมตีปลดปล่อยปราณครั้งเดียว ร่างของหลิงฮัน อี้ชวงชวงและแปดราชันก็สั่นสะท้าน พวกเขาทุกคนกระอักโลหิตออกมา แต่โชคดีที่ยังไม่ตกตาย
หากเป็นเช่นนี้พวกเขาคงไม่อาจหยุดราชันปีศาจได้แน่ นี่พวกเขายังมีหนทางอื่นอีกรึไม่?
ตอนที่ 853
ถ้าหากหม่าตั๋วเป่าอยู่ที่นี่ เขาก็จะสามารถต่อกรกับราชันปีศาจได้ หรือแม้กระทั่งฆ่ามัน
แต่หม่าตั๋วเป่าตอนนี้กำลังจัดการกับพวกนิกายพันศพอยู่ และอยู่ห่างไกลกันมากมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปรากฏตัวออกมาได้ทัน
ข้าควรทำยังไงดี?
หลิงฮันขมวดคิ้ว เขาทำได้แค่พาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ และรอความช่วยเหลือของหม่าตั๋วเป่าเท่านั้น?
นั่นคือทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้?
“ทุกคน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดข้ามีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถช่วยชีวิตของพวกเราทุกคนได้ ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ต่อต้านสัมผัสสวรรค์ของข้า ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าไป” หลิงฮันพูดกับแปดราชันและอี้ชวงชวง
“อุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์!” แววตาของอี้ชวงชวงเปล่งประกายทันที มันคือสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงแค่ตัวตนระดับสูงเท่านั้นที่จะมีไว้ครอบครอง ซึ่งนางไม่คิดเลยว่านางจะมีมัน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงได้กลิ่นสมบัติล้ำค่าในตัวหลิงฮัน!
แปดราชันพยักหน้า สถานการณ์ในตอนนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา มีเพียงแค่หม่าตั๋วเป่าเท่านั้นที่สามารถจัดการได้
หลิงฮันยังคงยืนเผชิญหน้ากับพวกมัน แต่การต่อสู้ครั้งก่อน มันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีแผลน่ากลัวไปทั่วร่างกาย
“หลิงฮัน!” ฮูหนิวรีบเคลื่อนที่ไปหาหลิงฮัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งทำให้นางรู้สึกโศกเศร้า
บัดซบ!
หัวใจของหลิงฮันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แม้ว่าเขาจะหลบหนีออกมาจากดินแดนของเผ่าใต้สมุทรมาได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าละอายที่จะหนีจากการเผชิญหน้ากับอ้าวเจี้ยนที่เป็นอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งยังมีสายเลือดมังกรที่แท้จริงและยังเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ตอนนี้มันเป็นความพ่ายแพ้และการที่พวกมันบุกมาทำให้มีผู้คนมากมายต้องตาย แล้วเขาในฐานะจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง เขาจะไม่รู้สึกเสียใจได้อย่างไร?
พลังแห่งจักรภพเป็นเหมือนกับดาบสองคม และตอนนี้มันกำลังส่งผลย้อนกลับ
“ฮ่าฮ่าฮ่า จงมอบชีวิตของเจ้าให้ข้าเสีย!” ราชันปีศาจหัวเราะและโจมตีอีกครั้ง ด้วยพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวแล้ว แม้แต่ห้วงอากาศก็ต้องฉีกขาด
ปัง!
แต่ทว่าในขณะนั้นเองมีหัวเรือปรากฏออกมาจากรอยแยกของห้วงอากาศ
เกิดอะไรขึ้น?
ก่อนหน้านี้ที่หม่าตั๋วเป่าต่อสู้กับห้านิกายโบราณ การโจมตีระดับทลายยมิติยี่สิบดาวของเขาทำให้ห้วงอากาศฉีกขาด และทำให้มีเรือออกมาจากห้วงมิติ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันล่องลอยอยู่ในมิตินานแค่ไหน แม้แต่วิญญาณของคงที่อยู่ในเรือยังมีความแข็งแกร่งที่จะท้าทายสวรรค์
และตอนนี้…มันเป็นไปได้ไหมว่ามีเรือออกมาจากห้วงมิติอีกแล้ว?
เมื่อเรือพุ่งชนเข้ากับรอยแยกของมิติก็มีเรือขนาดใหญ่ยาวสามร้อยฟุตโผล่ออกมาจากรอยแยก
อย่างไรก็ตาม เรือที่โผล่ออกมาครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งยังมีธงปักอยู่บนเรือ พร้อมกับทหารหญิงหลายคนที่อยู่บนเรือ
หลิงฮันมองไปที่ธงบนเรือ ซึ่งมันเป็นรูปสิ่งมีชีวิตบางอย่าง และเพียงแค่จ้องมองมัน ก็ทำให้ภาพต่างๆผุดขึ้นมาในใจของเขา นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
เรือลำนั้นปรากฏอยู่ตรงกลางคั้นระหว่างราชันปีศาจและพวกหลิงฮัน
“เจ้าเป็นใครกันถึงกล้าคิดที่จะหยุดข้า?” ราชันปีศาจส่งเสียงคำราม ด้วยพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวของมันในปัจจุบัน บนโลกใบนี้มันถือว่าเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายอย่างแน่นอน
บนเรือ พวกเขาเห็นหญิงชราที่สวมชุดสีฟ้าเดินไปที่หัวเรือ นางกวาดสายตาลงไปมองเบื้องล่าง และเมื่อสายตาของนางหยุดอยู่ที่ฮูหนิว นางเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที
พรึบ ทันใดนั้นมีผู้คนมากกว่าสิบคนกระโดดลงมาจากเรือ คนเหล่านั้นเป็นผู้หญิงทั้งหมด และไม่มีใครแต่งสวมชุดเกราะทหาร แต่พวกนางเหล่านั้นต่างสวมชุดประจำตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกนางมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน
“คารวะท่านประมุขน้อย!” หญิงสาวเหล่านั้นลงมาจากเรือและโค้งคำนับให้กับฮูหนิว ยกเว้นหญิงชราที่สวมชุดสีฟ้า นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดข้าก็เจอท่านสักที”
“พวกเจ้า–” ราชันปีศาจเริ่มโกรธเกรี้ยว บนโลกใบนี้ยังมีคนที่กล้าเมินมันอยู่อีกรึ? มันแสยะยิ้มและเริ่มโจมตีไปที่หญิงสาวพวกนั้น และเมื่อพวกนางกลายเป็นกองเลือด พวกนางก็จะต้องรู้สึกเสียใจที่กล้าเมินข้า
“ท่านประมุขน้อย ใครเป็นคนทำร้ายท่าน?” หญิงสาวทุกคนถามฮูหนิว และพวกนางแต่ละคนต่างเผยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวออกมาให้เห็น
ถึงแม้ว่าฮูหนิวจะไม่รู้จักคนพวกนี้ แต่นางก็ชี้นิ้วไปที่ราชันปีศาจและเหล่าปีศาจรับใช้พวกนั้นทันที และพูดว่า “มัน มัน มัน มัน และก็มัน พวกมันทุกคนเลย!”
หญิงสาวทุกคนลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับไปมองราชันปีศาจ
นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก ทั้งที่ราชันปีศาจปล่อยการโจมตีออกมาแล้ว การโจมตีของระดับทลายมิติยี่สิบดาวนั้นรวดเร็วแค่ไหน? แต่ทำไมตอนนี้พวกนางถึงยังไม่ถูกโจมตี? ราวกับว่าเวลาถูกหยุดนิ่ง!
หญิงสาวคนหนึ่งเคลื่อนกระโจนเข้าไปหาราชันปีศาจและปล่อยการโจมตีออกไป ตู้ม เสียงระเบิดดังไปก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี และทันใดนั้นเอง ราชันปีศาจก็สลายหายไป กลิ่นอายของมันหายไปในพริบตา
มันตายแล้ว?
ราชันปีศาจเป็นถึงระดับทลายมิติยี่สิบดาว ซึ่งเป็นตัวตนอยู่ยงคงกระพันของโลกใบนี้ เพียงแค่การโจมตีเดียวมันจะเป็นไปได้อย่างไร!
“นี่มันพลังของตัวตนระดับพระเจ้า!” อี้ชวงชวงกรีดร้อง
“พลังระดับพระเจ้า!” สีหน้าของหลิงฮันและแปดราชันดูตกตะลึง นี่เขาอยู่ในดินแดนเบื้องล่างจริงๆรึ? ทำไมถึงมีตัวตนระดับพระเจ้าปรากฏตัวออกมาทีละคนทีละคน?
เรือลำเดียวกัน น่าหวาดกลัวเหมือนกัน!
เหล่าปีศาจรับใช้ที่หลงเหลืออยู่ตกใจอย่างสิ้นเชิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกมันนอนหลับไปนานหลายพันปี และเมื่อได้รับพลังของดินแดนใต้พิภพแล้วตื่นขึ้นมา พวกมันควรจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้สรวงสวรรค์ และพวกมันยังมีหน้าที่ที่ต้องพาทวีปฮงเทียนไปที่ดินแดนใต้พิภพเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ แต่ตอนนี้หลังจากที่พวกมันเพิ่งออกมาจากดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยว หัวหน้าของพวกมันก็ถูกจัดการไปแล้ว
แล้วพวกมันจะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ท่ามกลางเสียงกึกก้องของสวรรค์และปฐพี เนตรสวรรค์แห่งเต๋าปรากฏออกมาอีกครั้ง ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลที่อยู่บนดวงตาของมันยังไม่หายเป็นปกติแม้จะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
“กลิ่นอายของท่านประมุข!”
“มันได้รับบาดเจ็บจากท่านประมุข!”
“อย่างไรก็ตาม การที่ท่านประมุขไม่ทำลายมัน นี่แสดงให้เห็นว่าท่านยังมอบความเมตตาให้กับมัน”
หญิงชราสวมชุดสีฟ้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดว่า “ไปให้พ้น!”
ดวงตาของเนตรสวรรค์แห่งเต๋ากระตุกทันที พวกนางคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแล้วมันจะปล่อยไปอย่างนั้นหรือ? พวกนางสามารถทำให้มันได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่? มันรู้สึกโกรธมากทั้งที่มันเป็นพลังแห่งสวรรค์และปฐพีที่จะกีดกัดคนเหล่านี้ออกมา
โลกใบนี้ไม่อนุญาตให้ใช้พลังของพระเจ้า!
“ข้าบอกให้เจ้าไป นี่เจ้าไม่ได้ยินหรือไง?” หญิงชราชุดสีฟ้าจ้องมองไปที่มันและปลดปล่อยกลิ่นอายอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา ตู้ม เนตรสวรรค์แห่งเต๋าถูกโจมตีและมีโลหิตจำนวนมากไหลออกมาจากตาของมัน
เป็นไปไม่ได้!
ในขณะนั้น หลายคนรู้สึกตกตะลึง
นี่เป็นเรื่องยากเกินไปที่พวกเขาจะยอมรับ แม้แต่เนตรสวรรค์แห่งเต๋าที่เกิดขึ้นมาจากพลังของสวรรค์และปฐพียังไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหญิงชราคนนี้ได้!
เนตรสวรรค์แห่งเต๋าสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างมีความสามารถที่จะทำลายมัน
หญิงสาวหลายคนหันหลังกลับไปมองปีศาจรับใช้ที่เหลือ และระเบิดพลังของตัวตนระดับพระเจ้าออกมา และปีศาจรับใช้พวกนั้นก็ถูกกำจัดหายไปในพริบตา
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง ราวกับว่าแค่เห็นฉากที่เกิดขึ้นก็รู้สึกว่าใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว
เนตรสวรรค์แห่งเต๋ากรีดร้องและรีบหายไปทันที ในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้ มันก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว!
ตอนที่ 854
ใครจะคิดว่าวิกฤตที่ที่สมควรจะหลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่จะถูกแก้ไขง่ายๆเช่นนี้?
“ประมุขน้อย กลับที่ของเรากันเถอะ!” หญิงชราชุดสีฟ้าจับมือฮูหนิวเอาไว้ มือของนางส่องแสงสว่างเล็กน้อยก่อนที่บาดแผลของฮูหนิวจะถูกรักษาทันที
“ไม่ หนิวจะอยู่กับหลิงฮัน!” ฮูหนิวดิ้นรนและกระโดดไปหลบอยู่ด้านหลังหลิงฮัน
หญิงชราชุดสีฟ้าจ้องมองหลิงฮันทันที สตรีคนอื่นๆก็เช่นกัน พวกนางมองหลิงฮันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
กล้าล่อลวงเด็กสาวตัวเล็กเช่นนี้ ชายผู้นี้ช่างเลวทรามนัก! และเด็กสาวที่ว่ายังเป็นประมุขน้อยของพวกนางด้วย
หญิงชราชุดสีฟ้าจ้องมองหลิงฮันด้วยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว
‘อั่ก’ หลิงฮันกระอักโลหิตทันที ร่างของเขาส่งเสียง ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ ออกมา กระดูกทั่วร่างของเขากำลังสั่นสะท้านและแตกหัก กายหยาบที่เขาแสนภาคภูมิใจไม่อาจต้านทานได้แม้แต่สายตาของหญิงชราผู้นี้!
อี้ชวงชวงตกอยู่ในอาการมึนงงและพึมพำ “นางแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? นางสามารถเมินเฉยได้แม้แต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของโลกใบเล็ก หรือนางจะเป็นตัวตนระดับระดับสร้างสรรพสิ่ง? ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะมีวาสนาได้พบกับตัวตนระดับสูงเช่นนี้!”
(*ระดับพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ = ระดับภูผาวารี ระดับสุริยันจันทรา ระดับดารา
ระดับวารีนิรันดร์ ระดับสร้างสรรพสิ่ง )
พลังบ่มบ่มเพาะระดับนี้คืออำนาจไร้พ่ายที่แท้จริง แม้จะเป็นห้านิกายโบราณที่มีรากฐานอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงชราผู้นี้ชะตากรรมของพวกเขาก็มีแต่จะถูกสังหาร
“เจ้าห้ามทำร้ายหลิงฮัน!” ฮูหนิวรีบก้าวออกมาข้างหน้าและกางแขนบังหลิงฮัน นางจ้องไปที่ หญิงชราพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร ที่บริเวณหน้าอกของนางส่องแสงที่เบาบางแต่เต็มไปด้วยออร่าอันยิ่งใหญ่ไพศาลออกมา
“อำนาจแห่งการสืบทอด!” ใบหน้าของสตรีทุกคนเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใสและคุกเข่าลง
เว้นเสียแต่หญิงชราชุดสีฟ้าที่หัวเราะด้วยความดีใจ “นายหญิงมอบอำนาจแห่งการสืบทอดให้ท่านแล้วจริงๆด้วย! ประมุขน้อย ท่านเป็นถึงประมุขน้อยของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ ตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดเช่นท่านสมควรจะถูกผูกมัดโดยบุรุษเพศงั้นรึ? หญิงชราผู้นี้จะจัดการปัญหาให้ท่านเอง!”
“เจ้ากล้ารึ!” ฮูหนิวรีบกอดหลิงฮันเอาไว้ “หลิงฮันเป็นของหนิว ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องเขาแม้แต่เส้นผม หนิวจะ… หนิวจะ… หนิวจะฆ่าตัวตาย!” ดูเหมือนว่านางจะรับรู้ถึงความต่างของพลังของอีกฝ่ายดี นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากข่มขู่ด้วยชีวิตของตนเอง
หลิงฮันถอนหายใจและลูบหัวให้ฮูหนิวสงบสติอารมณ์ก่อนจะกล่าว “ข้าไม่เคยล่วงเกินหรือเป็นศัตรูกับผู้อาวุโส แต่เหตุใดผู้อาวุโสกลับกล่าวว่าจะสังหารข้า?”
“เจ้าบ้ารึเปล่า นางเป็นตัวตนที่ทรงพลังเกินไปสำหรับเจ้าในตอนนี้ หากข้ายังไม่ฟื้นพลังกลับมาเจ้าก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้!” หอคอยน้อยส่งเสียงตะโกนอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่มากล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
การที่สามารถทำให้หอคอยน้อยกล่าวเช่นนี้ออกมาได้ เป็นหลักฐานอย่างดีว่าหญิงชราผู้นี้ทรงพลังขนาดไหน
หญิงชราชุดสีฟ้าแสยะยิ้มและกล่าว “เด็กน้อยเจ้าช่างกล้านัก ถ้าหากข้าต้องการจะสังหารเจ้าจริงๆ ใครจะหยุดข้าได้?”
“ห้ามทำร้ายหลิงฮัน!” ฮูหนิวกล่าวด้วยความโกรธและกระวนกระวาย
“พลังของผู้อาวุโสอยู่เหนือกว่ารุ่นเยาว์มากนัก แต่การที่ข้าอ่อนแอกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง!” หลิงฮันกล่าว “แม้ข้าจะตายข้าก็จะไม่หยุดปาก ”
“ฮ่าๆๆ!” หญิงชราชุดสีฟ้าหัวเราะ
“ผู้อาวุโสสูงสุด ชายหนุ่มผู้นี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของประมุขน้อยอย่างมาก ข้าคิดว่าเราควรจะสังหารเขาเสีย” สตรีคนหนึ่งเอ่ยแนะนำ
“ใช่แล้ว ประมุขน้อยในตอนนี้ยังเด็กเกินไปและถูกล่อลวงได้ง่าย!”
“ชายหนุ่มผู้นี้ต้องถูกกำจัด!”
หญิงชราชุดสีฟ้าสะบัดมือและกล่าว “ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น หลังจากพวกเรากลับไปแล้วประมุขน้อยก็จะไม่ได้พบกับชายหนุ่มผู้นี้อีก เห็นแก่ความกล้าของเขาข้าจะยอมไว้ชีวิตสักครา”
“เจ้าค่ะ ผู้อาวุโสสูงสุด!” สตรีทุกคนกล่าวน้อมรับด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
หญิงชราชุดสีฟ้ายิ้มให้กับฮูหนิวและกล่าว “ประมุขน้อย ข้าจะพาท่านกลับแล้ว”
“ไม่ไป!” ฮูหนิวส่ายหัว
หญิงชราชุดสีฟ้าถอนหายใจ “ถ้าเช่นนั้นหญิงชราผู้นี้ก็คงต้องสังหารชายหนุ่มที่ชื่อหลิงฮันนั่น!”
“ไม่!” ฮูหนิวกระวนกระวายและชี้นิ้วใส่อีกส่าย “ไม่ใช่เจ้ากล่าวว่าจะไม่ทำร้ายหลิงฮันหรอกรึ?”
“ก็ถ้าหากประมุขน้อยไม่เชื่อฟัง ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น” หญิงชราชุดสีฟ้ายิ้ม
ฮูหนิวพึมพำในขณะครุ่นคิดชั่วครู่ นางพยักหน้าและกล่าว “ก็ได้ หนิวจะไปกับเจ้า!”
“ประมุขน้อยช่างเป็นเด็กดียิ่งนักที่ยอมเชื่อฟัง!” หญิงชราชุดสีฟ้ายิ้ม นางมีวิตอยู่มานานเท่าใดแล้ว มีรึที่นางจะจัดการกับเด็กน้อยไม่เป็น?
ฮูหนิวเดินไปข้างหน้าและกล่าว “แต่หลิงฮันต้องไปกับหนิวด้วย!”
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
หญิงชราชุดสีฟ้ากระแอมหลายครั้ง ทำไมประมุขน้อยของนางถึงดื้อด้านเช่นนี้? “ไม่ได้ ชายหนุ่มผู้นั้นไม่อาจกลับไปกับพวกเรา!”
ฮูหนิวโต้เถียงอยู่สักพัก แต่หญิงชราก็ไม่ยอมอ่อนข้อ
“ไม่ต้องห่วงข้า เจ้ากลับไปกับพวกเขาก่อนแล้วข้าจะตามเจ้าไปทีหลัง!” หลิงฮันกล่าว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจะอย่างไร เขาเชื่อว่าสักวันเขาจะสามารถบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับเดียวกับหญิงชราได้แน่นอน
“สัญญานะ?” ฮูหนิวกล่าวด้วยท่าทางน่าสงสาร
หลิงฮันพยักหน้า “ข้าสัญญา!”
สตรีทุกคนมองมายังหลิงฮันด้วยสายตาเหยียดหยาม ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ตระหนักถึงพลังของตนเองแม้แต่น้อย แม้เจ้าจะบ่มเพาะพลังจนร่างเหี่ยวเฉาเหลือแต่กระดูกเจ้าก็ยังไม่อาจเอื้อมถึงพวกข้า
ในชีวิตนี้ไม่มีทางเลยที่หลิงฮันจะก้าวมายืนจุดเดียวกับพวกนางได้!
“เอาแบบนั้นก็ได้!” ฮูหนิวตกลงอย่างไม่เต็มใจ นางเดินไปทางหญิงชราชุดสีฟ้าอย่างเชื่องช้าก่อนจะกล่าว “หนิวจะพาคนไปด้วย หากเจ้าไม่อนุญาติหนิวจะไม่เชื่อฟังเจ้าอีกแล้ว!”
หญิงชราชุดสีฟ้าหัวเราะและกล่าว “ตราบใดที่ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่มีปัญหา!”
ฮูหนิวมีท่าทีดีใจก่อนจะชี้นี้ไปยัง เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและกล่าว “นำสตรีที่ไม่มีหน้าอกผู้นั้นไปด้วย” นางหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนจะชี้ต่อไปยังราชินีหยิน “หนิวไม่ไว้ใจปล่อยนางเอาไว้ที่นี่เช่นกัน!” หลังจากนั้นฮูหนิวก็ชี้ไปยังอี้ชวงชวง “สตรีผู้นี้ก็ด้วย!”
นางหึงหวงหลิงฮันอย่างมาก แม้แต่หลิวอู๋ตง หลี่ชื่อฉางและจูเสวียนเอ๋อก็ถูกนางกล่าวชื่อขึ้นมา แม้แต่หลิงเจี้ยนเสวี่ยนก็ไม่เว้น
หลิงฮันอดแสดงสีหน้ามึนงงออกมาไม่ได้ นี่ฮูหนิวคิดจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวรึอย่างไร! แต่หญิงชราผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามาจากขุมอำนาจที่อยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากติดตามพวกเขาไปด้วยสถานะของฮูหนิวแล้ว คนอื่นๆก็ได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน
“หนิวหนิว พาข้าไปด้วย!” เจ้ากระตายกล่าวอย่างตื่นเต้น ตอนนี้ฮูหนิวกลายเป็นประมุขน้อยของขุมอำนาจบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว อนาคตของนางย่อมสดใส เจ้ากระต่ายไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปแน่นอน
ฮูหนิวเค้นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าต้องอยู่กับหลิงฮัน หลิงฮันของหลิงฮันจะเหงาอยู่คนเดียวไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเจ้าปล่อยให้เขาบาดเจ็บ หนิวจะจับเจ้ากินแน่นอน!”
เจ้ากระต่ายสลดทันที ทำไมต้องเป็นมันที่โดนทิ้งไว้ด้วย!
หลิงฮันไม่คิดจะโน้มน้าวให้ฮูหนิวเปลี่ยนใจ เขายอมให้คนรอบกายติดตามฮูหนิวไป หากติดตามฮูหนิวพวกนางก็จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับบ่มเพาะพลังและได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมกว่าในตอนนี้ แถมยังปลอดภัยกว่าอยู่กับเขาด้วย
ในส่วนของศัตรูของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ที่ทำให้ผู้นำตำหนักคนก่อนเสียชีวิตนั้น หากดูจากท่าทีของหญิงชราชุดสีฟ้าและสตรีคนอื่นๆแล้ว ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์คงเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังมากเป็นแน่ การจะทำลายตำหนักมัจฉาวายุภักษ์คงไม่ใช่เรื่องง่าย
หลิงฮันพยักหน้า เขานำคนที่อยู่กับเขาออกมาจากหอคอยทมิฬและให้พวกนางขึ้นเรือไปกับฮูหนิว
ตอนที่ 855
ความหึงหวงของฮูหนิวนั้นแรงกล้ามากจนผู้หญิงที่อยู่รอบตัวหลิงฮันทั้งหมดถูกพาไป เหลือเพียงแค่ผู้ชายเท่านั้นที่อยู่กับคน อย่างเช่น จักรพรรดิพิรุณ มู่งหลงชิง เฟิงโป๋วหยุน เจ้ากระต่าย อสูรศิลา เป็นต้น
คำพูดของประมุขน้อยมีความเด็ดขาด ไม่ว่าพวกนางจะยินยอมหรือไม่ก็ต้องไป!
บางคนดูเต็มใจ บางคนดูไม่เต็มใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ของหลิงฮัน พวกเขามีเวลาอยู่กับหลิงฮันไม่มากก็น้อย และตอนนี้พวกเขาก็ต้องแยกกันอีกครั้ง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
แต่โชคดีที่มีหลานชายไปด้วย มิฉะนั้นพวกเขาคงตรอมใจจนผมซีดขาวอย่างแน่นอน
จูเสวี่ยนเอ๋อ หลี่ชื่อฉางและหลิวอู๋ตงเองก็ดูโศกเศร้า แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ยังไม่มีข้อยกเว้น
ราชินีหยินตะโกนว่า “ทำไมข้าต้องไปด้วย? ข้ากับเจ้าเด็กนั้นไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย!”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กนั่น!” อี้ชวงชวงยังคงพูดประท้วง แม้ว่านางอยากจะกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังคงรู้สึกลังเล
ฮูหนิวพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอกใหญ่ อกเล็กที่อยู่รอบตัวหลิงฮันหนิวก็จะพาไปทั้งหมด!”
หลังจากที่ทุกคนขึ้นไปบนเรือแล้ว เรือก็เริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ
“หลิงฮันต้องมาหาหนิวนะ!” ฮูหนิวโบกมือเล็กๆไปมา
“แน่นอน!” หลิงฮันกล่าว ไม่ว่าเขาจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่เขาก็จะต้องพาทุกคนกลับมาให้ได้
ปัง เรือกระแทกกับรอยแยกมิติและพุ่งเข้าไปด้านใน เมื่อท้ายเรือหายไปรอยแยกมิติก็หายไปในทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เนตรสวรรค์แห่งเต๋าโผล่ออกมาอีกครั้งพร้อมกับโลหิตที่ร่วงหล่นลงมาราวกับหยาดฝนและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสยดสยองออกมา มันกำลังจ้องมองไปที่หลิงฮันราวกับจะฆ่าเขา
แต่หลิงฮันยังคงยืนนิ่ง เหมือนกับว่าแรงกดดันของมันไม่ส่งผลกระทบต่อเขา
เนตรสวรรค์แห่งเต๋านั้นทรงพลังพอที่จะฆ่าเขาได้ แต่สวรรค์และปฐพีนั้นมีกฎของมันอยู่ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ท้าทายสวรรค์และปฐพีมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และมันที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากพลังแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีจะต้องคอยจับตามอง มิฉะนั้นการมีอยู่ของกฎแห่งธรรมชาติของสวรรค์และปฐพีจะไร้ความหมาย
แล้วทำไมเขาจะต้องหวาดกลัวเนตรสวรรค์แห่งเต๋าด้วยในเมื่อเขายังไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎ
เนตรสวรรค์แห่งเต๋ากระพริบ และในที่สุดมันก็หายไปอีกครั้ง
“น่าเศร้ายิ่งนักที่น้องเจ็ดของพวกเราถูกพาตัวไป แล้วพวกเราจะบอกองค์จักรพรรดิว่าอย่างไร?” ราชันเจ็ดคนที่เหลืออยู่ถอนหายใจ
หลิงฮันยิ้มและพูดกับพวกเขาว่า “ข้าต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกท่าน อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่ราชินีหยินจะถูกพาไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่วงหน้า และหากพวกท่านไม่ฝึกฝนให้หนัก เมื่อเจอราชินีหยินอีกครั้งนางอาจทิ้งห่างพวกนั้นอย่างไร้ร่องรอย!”
ทันใดนั้น สีหน้าของราชันทั้งเจ็ดก็เปลี่ยนไปทันที ใช่แล้ว พวกเขาจะต้องฝึกฝนให้หนักและยกระดับพลัง
ราชันทั้งเจ็ดกล่าวลาและจากไป การที่ราชินีหยินถูกพาตัวไปเขาจะบอกหม่าตั๋วเป่าทันทีและอธิบายเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นหลิงฮันก็กลับไปที่พระราชวังพร้อมกับเฟิงโป๋วหยุนและจักรพรรดิพิรุณ ถึงแม้ว่าราชันปีศาจจะถูกจัดการไปแล้ว แต่การกำจัดปราณปีศาจและสร้างดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวขึ้นมาใหม่นั้นเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก
เมื่อเฟิงโป๋วหยุนเห็นพี่ชายทั้งสองคนของหลิงฮัน พวกเขาเลยจัดลำดับกันใหม่ โดยที่จักรพรรดิพิรุณและมู่ชิงหลงเห็นด้วยที่จะให้เฟิงโป๋วหยุนเป็นพี่ใหญ่ ส่วนจักรพรรดิพิรุณเป็นพี่รอง มู่ชิงหลงเป็นพี่สาม และหลิงฮันเป็นน้องสี่
นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก แค่น้องสามก็เศร้าแล้ว ตอนนี้เขายังกลายเป็นน้องสี่อีก!
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก นอกจากฝึกฝนบ่มเพาะพลัง
หลิงฮันและพี่ทั้งสามคนจะต้องฝึกฝนให้หนักเพื่อแข็งแกร่งขึ้น การที่พวกเขาเห็นขุมพลังดังกล่าวที่แม้แต่เนตรสวรรค์แห่งเต๋าก็ยังต้องก้มหัว มันทำให้โลหิตของพวกเขาเดือดพล่านพร้อมกับจิตวิญญาณต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเป็นคนกำหนดโชคชะตาของตัวเองไม่ใช่ให้มันกำหนดพวกเขา
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ แต่น่าแปลกที่เผ่าใต้สมุทรยังไม่เคลื่อนไหว ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไม่เห็นเผ่ามนุษย์อยู่ในสายตาหรือกำลังรออะไรบางอย่างอยู่กันแน่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามอ้าวเจี้ยนนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงซึ่งมีเพียงแค่หม่าตั๋วเป่าเท่านั้นที่ต่อกรด้วยได้
หลังจากผ่านไปครึ่งปี ในที่สุดหลิงฮันก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ
สวรรค์และปฐพีส่งเสียงกึกก้องและมีสายฟ้าแลบกระพริบอยู่บนท้องฟ้าไม่หยุด
การดำรงอยู่ของจอมยุทธระดับทลายมิตินั้นเป็นภัยคุกคามต่อสวรรค์และปฐพี ดังนั้นมันเลยเคลื่อนไหว และถ้ารอดพ้นจากพลังของสวรรค์มาได้ก็จะกลายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่แท้จริง ห้ามรับพลังของมันไม่ไหวก็จะมีแค่ความตายเท่านั้น!
หลิงฮันยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจระหว่างสวรรค์และปฐพีพร้อมที่จะรับพลังของสวรรค์
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงที่ร่างกายของหลิงฮัน แต่มันก็เหมือนกับหยาดฝนที่ผ่านไปไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาเลย
ในเมื่อเขาทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าแร่เหล็กระดับสิบ และก้าวเข้าสู่แร่เหล็กระดับพระเจ้า แล้วสายฟ้าสวรรค์จะคุกคามเขาได้อย่างไร?
ในทางตรงกันข้าม หลิงฮันกลับดูดซับพลังของสายฟ้าสวรรค์เพื่อยกระดับกายอัสนีของเขา
กายอัสนีของเขายังบรรลุแค่ระดับเล็กๆเท่านั้น ถ้าเขาต้องการประสบความสำเร็จให้มากกว่านี้ เขาจะต้องดูดซับพลังสายฟ้าบริสุทธิ์เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สายฟ้าธรรมดาจะเสริมแกร่งให้กับเขา
เปรี๊ยะ
หลิงฮันดูดซับพลังของสายฟ้าสวรรค์และโคจรทักษะอัสนีเก้าทิวาในร่างกายและเปลี่ยนร่างกายของเขาให้กลายเป็นสายฟ้า
“ข้ารู้สึกอิจฉาจริงๆ น้องสี่เป็นคนแรกที่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ ในขณะที่ข้ายังอยู่ที่ระดับสวรรค์!” มู่หลงชิงส่ายหัว แต่ก็รู้สึกมีความสุขกับหลิงฮัน
ความก้าวหน้าของเขาไม่ได้ช้า แต่แค่เทียบกับหลิงฮันไม่ได้ก็แค่นั้น
จักรพรรดิพิรุณยิ้มและพูดว่า “น้องสี่เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ไม่ใช่พรสวรรค์ศาสตร์วรยุทธเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศาสตร์ปรุงยาและรูปแบบอาคม เจ้าไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาน้องสี่หรอก แค่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังของตัวเองไปก็พอ”
เฟิงโป๋วหยุนพยักหน้าและพูดว่า “การหยาบของน้องสี่นั้นน่าหวาดกลัวมาก ไม่เพียงแค่ทนต่อการโจมตีเท่านั้น แต่ยังสามารถฟื้นฟูบาดแผลได้เอง!”
“รายงาน!” ในขณะนั้นมีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและพูดว่า “มีตัวแทนของจักรวรรดิจันทราม่วงขอมาเข้าพบขอรับ!”
ตอนที่ 856
หลิงฮันถูกอาบไปด้วยสายฟ้า ร่างผอมบางของเขาปลดปล่อยประกายสายฟ้าที่ดูศักดิ์สิทธิ์ออกมา
สำหรับเขาการรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นท่ามกลางสายฟ้า กายหยาบที่ทรงพลังของเขาช่วยให้เขาเมินเฉยต่อความเจ็บปวดได้อย่างสิ้นเชิง
กายาสายฟ้าของเขาค่อยๆพัฒนาจนเกือบจะบรรลุขั้นสมบูรณ์ ขั้นสมบูรณ์ที่ว่านั้นหมายถึงจุดสูงสุดในระดับมนุษย์ บางทีหลังจากที่เขาขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจจะมีขีดกำจัดขั้นใหม่เพิ่มขึ้นก็ได้
ผ่านไปครึ่งวัน เขาก็ผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย และกายาสายฟ้าของเขาก็บรรลุระดับสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
“ยินดีด้วย ยินดีด้วย ในที่สุดเจ้าก็ก้าวเข้าสู่ระดับทลายมิติและเกือบจะอยู่เหนือความเป็นมนุษย์แล้ว” เสียงของหอคอยน้อยดังขึ้นในห้วงจิตของเขา
หลิงฮันตกตะลึงและกล่าว “เจ้ากล่าวยินดีกับข้างั้นรึ? นี่เจ้าหัวกระแทกพื้นรึเปล่า?”
หอคอยน้อยเค้นเสียงกล่าว “นี่เจ้าอยากถูกข้าใช้คลื่นพลังสังหาร?”
หลิงฮันหัวเราะ “นี่แหละถึงจะเป็นเจ้า!”
หอคอยน้อยไม่สบอารมณ์ นี่ปกติแล้วมันเป็นคนพูดจาดุร้ายเช่นนั้นเลย?
“ว่าแต่ระดับทลายมิติคือด่านที่ใช้สลัดความเป็นมนุษย์งั้นรึ?” หลิงฮันถาม ไม่ใช่ว่าจอมยุทธสลัดความเป็นมนุษย์ทิ้งไปทั้งแต่ระดับบุปผาผลิบานแล้วหรอกรึ?
หอคอยน้อยเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “ในความเป็นจริง จอมยุทธระดับทลายมิติที่สามารถบดขยี้ชั้นมิติและขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ต่างหากถึงจะเรียกว่าสลัดความเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริง”
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา ตอนนี้ในที่สุดเขาก็บรรลุระดับพลังใหม่ที่ไม่เคยบรรลุในชีวิตที่แล้วเสียที
“ข้ามีสองข่าวดีและหนึ่งข่าวร้าย เจ้าอยากจะฟังข่าวไหนก่อน?” หอคอยน้อยกล่าวขึ้น
หลิงฮันเอ่ยตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ “วันนี้เจ้ากินยาผิดมารึไง ทำไมถึงได้พูดจาล้อเล่นเช่นนี้? ข้าขอฟังข่าวร้ายก่อนแล้วกัน”
“เจ้าไม่สามารถใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬได้อีกต่อไปแล้ว”
“ทำไมกัน?” หลิงฮันสลด พรศักดิ์สิทธิ์คือไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของเขา ถึงแม้ในแต่ระดับพลังเขาจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว แต่มันก็ช่วยพลิกสถานการณ์ในยามคับขันได้
“ถูกต้อง เจ้าไม่สามารถใช้มันได้อีกต่อไป” หอคอยน้อยเค้นเสียง
นี่เป็นข่าวร้ายที่แท้จริง!
หลิงฮันถอนหายใจ “แล้วข่าวดีสองข่าวล่ะ?”
“ข่าวแรกเลยคือหอคอยทมิฬชั้นที่สามเปิดแล้ว” หอคอยน้อยกล่าว
“มันคือชั้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังต้นกำเนิดแห่งโลหะ?” หลิงฮันแสดงสีหน้าดีใจ หอคอยทมิฬนั้นมีทั้งหมดเก้าชั้น ตอนนี้ชั้นที่เขาสามารถเข้าถึงได้มีสามชั้นแล้ว ถ้างั้นก็หมายถึงชั้นอื่นๆจะเปิดใช้งานเมื่อเขาขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว?
“ถูกต้อง ตั้งแต่ตอนนี้ไปเจ้าจะสามารถผลิตโลหะต้นกำเนิดได้หนึ่งปอนด์ต่อปี ถ้าเจ้าไม่นำมันไปใช้งานแร่โลหะก็จะมีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ” หอคอยน้อยกล่าว
แร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์!
เมื่อขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดาบสังหารก็จะค่อยๆไร้ประโยชน์ มีเพียงอาวุธที่สร้างขึ้นจากโลหะระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะไร้เทียมทาน
“ว่าแต่ทำไมถึงต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งปี?”
“แร่โลหะที่สร้างขึ้นคือแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ แถมข้าก็ยังไม่อยู่สภาพที่ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ เวลาแค่ปีเดียวก็นับว่าเร็วแล้ว” หอคอยทมิฬกล่าวอย่างไม่พอใจ
หลิงฮันพยักหน้าและยิ้ม “นี่เป็นข่าวดีจริงๆ แล้วข่าวดีอีกข่าวล่ะ?”
“เจ้าสามารถบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนที่สองได้แล้ว” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันชะงักไปชั่วขณะก่อนจะกล่าว “เจ้าแน่ใจรึว่านี่คือข่าวดี? เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าต้องใช้เวลากี่พันปีกว่าจะทำความเข้าใจส่วนแรกของทักษะได้ แล้วเจ้าคิดว่าข้าต้องใช้เวลากี่ล้านปีถึงจะฝึกฝนส่วนที่สองได้สำเร็จ?”
หอคอยน้อยเค้นเสียงกล่าวอย่างดูถูก “ทักษะส่วนแรกคือการฝึกฝนร่างกายของเจ้าให้มีรากฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งแบ่งออกเป็นสามระดับ (กายาไม้ กายาเหล็กไหล กายาเพชร) แต่ทักษะส่วนที่สองเจ้าไม่จำเป็นต้องฝึกฝนจากฐานเริ่มต้นเช่นนั้น”
หลิงฮันมีท่าทีดีใจก่อนจะกล่าว “เจ้าหมายความว่าข้าจะสามารถฝึกฝนทักษะส่วนที่สองได้อย่างเชี่ยวชาญในเวลาอันสั้น?”
“ข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้น” หอคอยน้อยสั่นไปมาราวกับกำลังส่ายหัว “ถ้าเจ้าเกิดมาโง่ แม้จะเป็นส่วนที่สองแล้วเจ้าก็ยังต้องใช้เวลานับหมื่นปีในการทำความเข้าใจอยู่ดี”
“คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนแรกคือการฝึกฝนกายหยาบ ส่วนทักษะส่วนที่สองนั้น เจ้าจงดูด้วยตนเอง!”
หอคอยทมิฬสั่นไหวและปลดปล่อยอักขระโบราณสีทองนับไม่ถ้วนออกมาที่ห้วงจิตของหลิงฮัน
จะพูดให้ถูกคือหลิงฮันไม่สามารถทำอ่านอักขระเหล่านั้นออกแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่เข้าใจความหมายของพวกมัน สิ่งที่เขาได้รับสืบทอดนั้นไม่ใช่ผ่านทางภาษาคือตัวอักษะ แต่เป็นการสืบทอดผ่านสติปัญญาโดยตรง
ในตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะถามว่าทักษะส่วนที่สามเป็นทักษะเช่นใด แต่จิตใจของเขาก็ถูกดึงดูดโดยอักขระสีทองเหล่านี้เสียก่อนและไม่สามารถละความสนใจออกจากพวกมันได้
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ส่วนที่สองคือการบ่มเพาะวิญาณ
วิญญาณคือสิ่งที่บอบบางที่สุดของสิ่งมีชีวิต อย่างเช่นหลิงฮันที่ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแล้ว แต่ถ้าหากเขาโดนแก่นแท้แห่งดาบของราชันดาบจู่โจม แม้ร่างกายเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่วิญญาณของเขาอาจจะถูกทำลายโดยตรงเลยก็ได้
แต่ถ้าหากทักษะที่สองของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์คือการฝึกฝนจิตวิญญาณ ก็หมายความว่าวิญญาณของเขาจะถูกเสริมให้แกร่งขึ้น และสุดท้ายวิญญาณของเขาก็จะทรงอำนาจเทียบเท่ากับกายหยาบและไม่เหลือจุดอ่อนอีกต่อไป
หลิงฮันมีความสุขเป็นอย่างยิ่งและหมกหมุ่นอยู่กับทักษะส่วนที่สอง ผ่านไปสิบวันเมื่อเขาทำความเข้าใจทักษะส่วนที่สองได้เล็กน้อยเขาก็หยุดฝึกฝน
เขาลอยลงจากท้องฟ้าและมองเห็นพวกเฟิงโปหยุน ดูเหมือนพี่น้องทั้งสามจะกำลังรอเขาอยู่เบื้องล่าง
“น้องสี่ เจ้าพบปัญหาใดๆตอนที่ทะลวงผ่านระดับหรือได้รับบาดเจ็บใดๆรึไม่?” พวกเฟิงโปหยุนสามคนกล่าวถามด้วยความเป็นกังวล
หลิงฮันแสดงท่าทีเขินอายและกล่าว “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พี่ชายทั้งสามเป็นห่วงแต่ข้าสบายดีทุกประการ”
“งั้นก็ดีแล้ว!” ทั้งสามคนพยักหน้า
“จริงสิ จักรวรรดิจันทราม่วงส่งทูตพิเศษมาหา” จักรพรรดิพิรุณกล่าวขึ้นและเกาหัวราวกับว่าเพิ่งนึกบางอย่างออก
“มีเรื่องอันใดงั้นรึ?” หลิงฮันถาม
“หม่าตั้วเปากำลังจะลงมือเปิดสวรรค์และเขาได้เชิญชวนให้พวกเราไปร่วมพิธีด้วย” เฟิงโปหยุนหัวเราะ
หลิงฮันครุ่นคิดในใจ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วไม่แปลกที่เวลานี้จะมาถึง
“ดีเลย งั้นก็เตรียมตัวแล้วไปร่วมพิธีกันเถอะ” หลิงฮันยิ้ม “หวังว่าเจ้าอ้วนนั่นจะแข็งแกร่งพอนะ พวกเราจะได้จัดการปัญญาใหญ่หลวงทิ้งไปได้เสียดี”
พวกเฟิงโปหยุนสามคนหัวเราะ การเปิดสวรรค์เป็นพิธีการที่ยิ่งใหญ่มาก หากพวกเขาไม่อาจเปิดสวรรค์และขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ซักวันหนึ่งแผนการของห้านิกายโบราณก็จะประสบความสำเร็จ
นอกจากนั้นก็ยังมีการชำระล้างของเผ่าใต้สมุทรอีก พวกเขาไม่อาจยืนอยู่เฉยๆรอดูทวีปฮงเทียนล่มสลายได้
เจ้ากระต่าย อสูรศิลา หนูทองคำและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนมารวมตัวกัน นอกจากพวกเขาแล้วคนที่ถูกเรียกรวมพลก็มีกว่างหยวน ชางเย่ที่เป็นหัวหน้ากองทัพและทหารอีกเกือบห้าสิบคน พวกเขาเตรียมตัวและออกเดินทางไปยังจักรวรรดิจันทราม่วง
การเปิดสวรรค์คือปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับโลกใบเล็กทั้งหลาย
ตอนที่ 857
หลิงฮันพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ ยกเว้นเฟิงโป๋วหยุนและเฮ่อเหลียนเทียนหยุน แล้วออกเดินทางทันที
ความเร็วของจอมยุทธระดับทลายมิติแน่นอนว่ารวดเร็วที่สุดในโลก
——เฮ่อเหลียนเทียนหยุนทะลวงผ่านระดับทลายมิติก่อนหลิงฮันประมาณครึ่งเดือน ภายในหอคอยทมิฬสมุนไพรที่หลิงฮันปลูกอยู่นั้นแทบจะไม่มีวันหมด และเฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็ไม่มีอุปสรรคเรื่องคอขวดด้วย เพียงแค่เขากินเม็ดยาและสมุนไพรก็ทำให้เขาทะลวงผ่านระดับแล้ว
“ถงแม้ข้าจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นหนึ่ง แต่ข้ามีพลังต่อสู้สิบดาว ถ้าบวกกับพลังแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของข้าก็จะอยู่ที่สิบแปดดาว” ในขณะที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า หลิงฮันก็ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาในเวลาเดียวกัน
“อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพิ่มพลังแห่งจักรภพ มิฉะนั้นพลังต่อสู้ของข้าในปัจจุบันคงจะอยู่ที่สิบเก้าดาวหรือแม้แต่ยี่สิบดาวไปแล้ว”
“มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีระดับพลังสูงขึ้นประสิทธิภาพของมันก็จะลดลง ไม่เหมือนกับตอนที่ข้าทะลวงผ่านระดับสวรรค์”
สามวันต่อมา พวกเขาก็เข้าสู่ภูมิภาคกลาง อาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วง
ทันใดนั้นเอง เมื่อหลิงฮันและเฟิงโป๋วหยุนเข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วง พวกเขาก็สูญเสียพลังแห่งจักรภพไปทันที
หลิงฮันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า “พลังแห่งจักรภพนั้นยอดเยี่ยมก็จริง แต่มันเป็นได้แค่พลังเสริมเท่านั้นไม่ใช่พลังที่แท้จริงของตัวเอง!”
เฟิงโป๋วหยุนพยักหน้าเห็นด้วย จอมยุทธจะแสวงหาความแข็งแกร่งของตนเอง หากต้องการพึ่งพาพลังแห่งจักรภพ พวกเขาก็ต้องเก็บตัวอยู่ในอาณาเขตของตนอย่างนั้นหรือ? แล้วการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ล่ะ?
ทั้งสามคนเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิ และหยุดอยู่นอกเมืองปล่อยผู้คนออกมาจากหอคอยทมิฬ
หม่าตั๋วเป่าส่งราชันมหาดวงดารามาต้อนรับผู้คนจากจักรวรรดิต้าหลิงและพาพวกเขาเข้าไปในพระราชวัง
“ขอแสดงความยินดีด้วยจักรพรรดิต้าหลิง ในที่สุดท่านก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ!”ราชันมหาดวงดารากล่าวกับหลิงฮันด้วยรอยยิ้ม และนึกถึงตอนที่เขาเจอกับหลิงฮันครั้งแรกที่เขาไม่แม้แต่จะเหลียวตามองอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เขาไม่คิดเลยว่าในเวลาอันสั้นอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว
แน่นอน เขามั่นใจในพลังต่อสู้ของเขาเต็มเปี่ยม ถ้าหลิงฮันต้องการที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเขา เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีเพื่อยกระดับพลัง
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “หลังจากผ่านไปครึ่งปี ราชันมหาดวงดาราก็ยังคงเหมือนเดิม”
หลังจากพูดกันจบ พวกเขาก็เดินเข้าไปในพระราชวังพร้อมกัน
การเปิดสวรรค์จะเริ่มต้นขึ้นในอีกสามวัน
ในเวลานั้น อัจฉริยะนับไม่ถ้วนจากภูมิภาคกลางจะมาที่นี่ หากคนใดที่คุณสมบัติเพียงพอก็จะมีสิทธิ์เข้ามาในพระราชวัง ในปัจจุบันจักรวรรดิจันทราม่วงนั้นแข็งแกร่งมาก การล่มสลายของห้านิกายโบราณทำให้ชื่อเสียงของหม่าตั๋วเป่าขจรไปทั่วโลก
รูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง พลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว!
หม่าตั๋วเป่ากำลังเตรียมการขั้นตอนสุดท้าย ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไม่มีใครเห็นเขาเลย
หลิงฮันถูกพามาที่งานเลี้ยง และหลังจากนั้นราชันมหาดวงดาราก็กล่าวลาและเดินจากไป นั่นเป็นเพราะมีแขกของพวกเขาเข้ามาไม่ขาดสาย ตอนนี้ราชันทั้งเจ็ดคนยุ่งกับการต้อนรับพวกเขาอยู่
แต่ราชันเพลิงไพศาล ราชันมหาวารี และราชันคนอื่นก็หาเวลาเข้ามาพูดคุยกับหลิงฮัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาทุกคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน และหลิงฮันเองก็ได้รับความโปรดปรานจากหม่าตั๋วเป่าด้วย
สามวันต่อมา พวกเขาได้รับเชิญให้ไปที่ดาดฟ้าเพื่อรอชมการเปิดสวรรค์
มันเป็นเหมือนกับเวทีประลองที่ถูกล้อมรอบด้วยเก้าอี้หิน โดยที่ตรงกลางว่างเปล่าและมีขวานปักอยู่
ขวานภูผาวารี!
เมื่อใดที่หม่าตั๋วเป่ายกขวานภูเขาวารีขึ้นมา มันก็จะเป็นการเริ่มต้นการเปิดสวรรค์ โดยที่มีทุกคนนั่งดูเขา
หลิงฮันและผู้ติดตามเขากว่าห้าสิบคนถูกพาไปยังที่นั่งพิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีเกียรติมากที่สุดที่หม่าตั๋วเป่าเป็นคนจัดเตรียมให้หลิงฮันโดยเฉพาะ
ราชันทั้งเจ็ดกระจายกำลังออกไปเฝ้าระวัง วันนี้เป็นวันสำคัญของจักรวรรดิจันทราม่วง ดังนั้นพวกเขาจะต้องระมัดระวังการลอบโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนิกายพันศพและเผ่าใต้สมุทร
“พวกเจ้าที่อยู่บนฟ้าลงมาเดี๋ยวนี้!”
เนื่องจากทางเดินที่นี่แคบมากเพื่อจัดสถานที่ให้มากที่สุด แต่กลับมีคนกล้าบินอยู่บนท้องฟ้า? นี่ถือเป็นการดูหมิ่นครั้งใหญ่! ดังนั้น เหล่าทหารจึงรีบพาพวกเขาลงมาทันที มิฉะนั้นการเปิดสวรรค์อาจต้องล่าช้า
ตอนนี้หลิงฮันถูกขวางโดยคนกลุ่มหนึ่ง อีกฝ่ายมีเกือบยี่สิบคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและทนงตัว
พวกเขาคือคนจากตระกูลลิ่ว!
ตระกูลลิ่วอาจกล่าวได้ว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง บรรพบุรุษของพวกเขาทะลวงผ่านระดับทลายมิติเมื่อสี่ปีก่อนและกลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปฮงเทียน ในมุมมองของลูกหลานของตระกูลลิ่ว บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ดังนั้นพวกเขาจึงมีนิสัยหยิ่งยโส
“พวกข้ากำลังเดินอยู่ พวกเจ้าไม่เห็นหรือไง?”
“ใช่แล้ว ถ้าพวกเจ้ารีบนักก็เดินไปทางอื่นซะ!”
“ดูเหมือนพวกเจ้าคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ!”
รุ่นเยาว์พวกนั้นต่างพูดออกมาด้วยสีหน้าหยิ่งยโส
– ก่อนหน้านี้เมื่อบรรพบุรุษของพวกเขาทะลวงผ่านระดับสวรรค์ก็ว่าหยิ่งยโสแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับหยิ่งยโสกว่าเดิมอีก
“สามห้าว!” ชางเย่และคนอื่นนำอาวุธของพวกเขาออกมา อีกฝ่ายกล้าดูหมิ่นจักรพรรดิของพวกเขาจะต้องตาย!
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ชายหม่า อย่าใช้ความรุนแรงกันเลย”
“ขอรับ!” ทุกคนเชื่อฟัง
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ตัวดีนิ!” คนหนุ่มสาวทุกคนของตระกูลลิ่วส่งเสียงหัวเราะเยาะ แต่หลิงฮันก็ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขาเดินออกไปและเดินไปที่นั่งของตัวเองต่อ
ตลอดทางพวกเขาก็ยังคงพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาช่างน่าเกรงขามจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” บรรพบุรุษของตระกูลลิ่วและบุคคลสำคัญในตระกูลนั่งประจำที่อยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเพิ่งเห็นรุ่นเยาว์ของตัวเองเดินมาถึง
รุ่นเยาว์พวกนั้นตะโกนพูดทีละคน แน่นอนว่าพวกเขาพูดถึงกลุ่มของหลิงฮัน
บรรพบุรุษของตระกูลลิ่วหันหน้าไปมองทันที และช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของเขาจะกระตุกและกลายเป็นเคร่งขรึม และรีบพูดออกมาทันทีว่า “พวกเจ้าหมายถึงคนกลุ่มนั้นรึ?” เขาชี้ไปที่หลิงฮันและผู้ติดตามของเขา
“ใช่แล้วท่านบรรพบุรุษ พวกมันนั้นแหละ” รุ่นเยาว์พยักหน้า
“ข้า..ข้าจะทุบตีพวกเจ้า!” บรรพบุรุษตระกูลลิ่วเริ่มทุบตีสั่งสอนลูกหลานของเขาทันที
ตอนที่ 858
รุ่นเยาว์คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เฟิงโปหยุนนั้นเป็นตัวตนระดับทลายมิติที่แข็งแกร่ง แล้วบรรพบุรุษตระกูลลิ่วจะไม่รู้จักได้อย่างไร?
มีคำร่ำลือมากมายเกี่ยวเฟิงโปหยุน แต่เรื่องที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วคือการที่เขาฝึกฝนจนบรรลุแก่นแท้แห่งดาบได้สำเร็จ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่บรรพบุรุษตระกูลลิ่วที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้เลย ถึงแม้เขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นห้าเขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าตนเองจะชนะเฟิงโปหยุนได้แม้แต่น้อย
แถม… กลุ่มของอีกฝ่ายยังมีจอมยุทธระดับทลายมิติคนอื่นด้วย?
หนึ่ง… สอง… สาม… สี่คน!
สามคนเป็นมนุษย์ ส่วนอีกหนึ่งคือหุ่นเชิดศิลา
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ บรรพบุรุษตระกูลลิ่วทุบตีรุ่นเยาว์เหล่านี้จนแม้แต่พวกเขาก็จำหน้าตาตนเองไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเหล่ารุ่นเยาว์บาดเจ็บสาหัสบรรพบุรุษตระกูลลิ่วก็หยุดมือและกล่าว “ไม่ต้องรักษาบาดแผลและตามข้าไปกล่าวขออภัย!”
“ว่าไงนะ?” รุ่นเยาว์เหล่านี้รู้ว่าที่บรรพบุรุษทุบตีพวกเขาเป็นเพราะหลิงฮัน ซึ่งมันทำให้พวกเขามึนงงมาก
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยทำเรื่องที่หนักหนากว่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่บรรพบุรุษก็ไม่เคยว่าตำหนิอะไรพวกเขาเลยแท้ๆ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเขาจะถูกทุบตี แต่ยังต้องไปขอโทษด้วย?
อะไรกัน คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่!
แม้พวกเขาจะมีนิสัยอวดดี แต่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมหวาดกลัวต่อบรรพบุรุษตระกูลลิ่ว
“ท่านบรรพบุรุษ ทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วย?” รุ่นเยาว์คนหนึ่งเอ่ยถาม เขาคือผู้สืบทอดที่บรรพบุรุษตระกูลลิ่วประคบประหงมมากที่สุด มีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้าเอ่ยถามในเวลาเช่นนี้
รุ่นเยาว์คนอื่นๆสูดหายใจลึก พวกเขาเองก็อยากรู้เหตุผลเหมือนกัน
“เจ้าคิดว่าการที่ชายชราผู้นี้ทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้แล้วจะถือว่าไร้เทียมทานที่สุดในโลก?” บรรพบุรุษตระกูลลิ่วเค้นเสียง “ในกลุ่มคนที่พวกเขาบอกว่าพวกเจ้าไปรังแกมามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ถึงสี่คน และอย่างน้อยก็ในทั้งสี่คนนั้นมีหนึ่งคนที่สามารถชนะข้าได้ด้วยการโจมตีเดียว!”
พรวด!
รุ่นเยาว์เหล่านั้นสำลักออกมาทันที เป็นไปได้อย่างไร! ในสายตาของพวกเขา บรรพบุรุษของพวกเขาคือตัวตนที่ไร้เทียมทาน ถึงแม้จะยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่า บรรพบุรุษของพวกเขาก็ควรด้อยกว่าเล็กน้อยเท่านั้นแต่ไม่มีทางพ่ายแพ้
จอมยุทธระดับทลายมิติคือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร
บรรพบุรุษตระกูลลิ่วถอนหายใจในใจ เขารอคอยจนกระทั่งหลิงฮันนั่งลงและรีบพาเหล่ารุ่นเยาว์ไปขอโทษทันที
คนของตระกูลลิ่วจ้องมองด้วยสีหน้าตกตะลึง นั่นเพราะตำแหน่งที่นั่งของหลิงฮันนั้นอยู่สูงกว่าพวกเขาเสียอีก พวกหลิงฮันนั้นนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของลานเปิดสวรรค์ พวกเขาสามารถมองเห็นผู้ที่มาชมคนอื่นได้เพียงแค่ชำเลืองมองลงมา
ตำแหน่งที่นั้นไม่สามารถนั่งได้ตามใจชอบ ในแต่ละที่ล้วนแต่กำหนดตามอำนาจของแต่ละคน ซึ่งตำแหน่งแต่ละที่ได้ถูกกำหนดโดยจักรวรรดิจันทราม่วง ซึ่งใครกันจะกล้าต่อต้านไม่เห็นด้วยต่อจักรวรรดิจันทราม่วงที่มีจักรพรรดิสุดแข็งแกร่งระดับทลายมิติยี่สิบดาว?
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ไม่ใช่แค่รุ่นเยาว์ของตระกูลลิ่วที่ไม่พอใจ แต่แม้แต่บรรพบุรุษตระกูลลิ่วก็เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์
บรรพบุรุษตระกูลลิ่วยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงโปหยุน แต่พวกเขาก็เป็นจอมยุทธในระดับทลายมิติเหมือนกัน แต่พวกเขากับถูกแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนขนาดนี้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นการดูถูกเขาเกินไปหน่อยรึไง?
ไม่ใช่แค่เขา แต่คนอื่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
แม้จะเป็นภูมิภาคกลางก็ไม่ได้มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากมายนัก นอกจากห้านิกายโบราณ ตำหนักสมบัติวิญญาณ สมาคมนักปรุงยา และสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์ ขุมอาจอื่นๆก็พอจะมีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่บ้าง
บรรพบุรุษตระกูลลิ่วสลัดความคิดที่จะขอโทษทิ้งและกล่าวในใจ “เหอะเหอะ ที่นี่มีตัวตนระดับสูงมารวมตัวกันมากมาย ข้าล่ะรอที่จะดูพวกมันถูกจัดการและต้องเสียหน้าไม่ไหวแล้ว”
ขุมอำนาจที่มีตัวตนระดับทลายมิติอยู่ จะมีขุมอำนาจไหนบ้างที่พอใจกับตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้
จริงอยู่ที่เฟิงโปหยุนแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะได้ที่นั่งตรงนั้น!
“เหอๆ ที่บางที่ก็เป็นเหมือนกับปล่องภูเขาไฟที่ร้อนระอุ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติพอจะได้นั่นตรงนั้น ไม่เช่นนั้นเมื่อใดที่ภูเขาไฟปะทุ คนที่นั่งอยู่ก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน!” จอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งก้าวเดินขึ้นมาและแสยะยิ้ม
เขาคือจอมยุทธระดับทลายมิติผู้มากประสบการณ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้วห้าถึงหกร้อยปี ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นแปด ด้วยอายุขัยที่มากและความเลือดร้อนที่จางหายไป พลังต่อสู้จริงๆของเขาในตอนนี้จึงอยู่ที่ประมาณแปดดาว
ด้วยอายุและระดับพลังของเขาแล้ว เขาควรจะได้รับความเคารพแท้ๆ
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าพวกหลิงฮันมีตำแหน่งที่นั่งที่สูงกว่าเขาจึงไม่พอใจอย่างมาก พวกเจ้ามีคุณสมบัติใดกัน?
ชายชราผู้นี้มีชื่อว่าหมานจิงอี่ ตอนนี้เขามีอายุกว่าพันปีแล้ว
ยิ่งเขามีอายุเยอะขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งห่วงในชื่อเสียงของตนเอง
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องห่วง ข้าสามารถจัดการภูเขาไฟที่ปะทุได้!”
“เจ้าแน่ใจรึ?” คิ้วของหมานจิงอี่เปลี่ยนเป็นขึงขัง
“ชายชราผู้นั้นถึงแม้จะไม่เลือดร้อนเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นแปด ในโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะยืนอยู่เหนือกว่าเขาในด้านของระดับพลังบ่มเพาะ”
“ในขณะต่อสู้ ชายชราผู้นั้นก็ยังคงสามารถสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้ราวๆแปดดาว ซึ่งใต้ท้องฟ้านี้เขาไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน”
ทุกคนพยักหน้า อย่าคิดว่าจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้เกินกว่าเก้าดาวจะมีเยอะ ในระดับทลายมิตินั้นเพียงแค่ห่างกันดาวเดียวอำนาจที่สำแดงออกมาได้ก็ต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
“ข้าแน่ใจ!” หลิงฮันยิ้ม
หมานจิงอี่ยกมือขึ้นและกล่าว “งั้นถ้าข้าจะขอท้าเจ้าประลองล่ะ?”
หลิงฮันยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ขัดข้อง”
ท่ามกลางท้องฟ้า ราชันทั้งเจ็ดกำลังมองดูสถานการณ์
“เราควรยื่นมือเข้าไปช่วยไหม?” ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมกล่าว
ราชันมหาดวงดาราส่ายหัว “พวกเราควรจะนั่งดูอยู่เฉยๆดีกว่า แม้ในแง่ของพลังต่อสู้เจ้าหนุ่มนั่นจะเทียบพวกเราไม่ได้ แต่เขาก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับองค์จักรพรรดิ เพียงแค่การโจมตีจากชายชราจะไปทำอันใดเขาได้?”
“เห็นด้วย!” ราชันอีกหกคนพยักหน้าและล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปแทรกแซง
หมานจิงอี่ประหลาดใจเล็กน้อย รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างอวดดียิ่งนัก หรือเขาแค่คิดว่าการบรรลุระดับทลายมิติจะทำให้เขาไร้เทียมทานที่สุดในโลกแล้ว? เหอะ วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า!
เขาลอยขึ้นสู้ท้องฟ้าและกล่าว “งั้นก็มาสู้กัน!” เขาไม่กล้าจะทำลายลานพิธีเปิดสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องถูกหม่าตั้วเปาหรือไม่ก็เจ็ดราชันจัดการเอาแน่
ชายชรารักในชื่อเสียงของตนเองมาก แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการจะถูกทุบตีต่อหน้าสาธารณะชน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น