Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 847-850
ตอนที่ 847
“ถ้างั้นเล่าให้ข้าฟัง” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
“แต่เจ้าต้องสาบานก่อนว่าจะไม่สังหารข้า!” จักรพรรดิจอมอสูรร้องขอ
หลิงฮันหันหน้าหนีและพูดว่า “ช่างมันเถอะ ข้าไม่สนใจเรื่องที่เจ้าจะพูดแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน ข้าจะพูด!” จักรพรรดิจอมอสูรไม่มีทางเลือกและพูดว่า “ถ้างั้นข้าจะเผยความลับบางส่วนให้เจ้าก่อน!”
“พูด!”
จักรพรรดิจิมอสูรส่งเสียงกระแอมเล็กน้อยและพูดว่า “ทวีปฮงเทียนเป็นโลกเล็กๆใบหนึ่ง!”
ไร้สาระ!
แล้วโลกเล็กๆนี้ตกเป็นเป้าหมายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
“ถ้าเจ้ายังพูดจาไร้สาระอีก มันมีแต่จะทำให้เจ้าตายเร็วขึ้นเท่านั้น” หลิงฮันพูดด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น
จักรพรรดิจอมอสูรไม่หวาดกลัวและพูดต่อว่า “แต่ถ้าข้าบอกเจ้าว่าเมื่อสามหรือสี่ล้านปีก่อน ทวีปฮงเทียนเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?”
อะไรนะ!
ครั้งนี้หลิงฮันรู้สึกแปลกใจมาก นี่มันหมายความว่าไง? เดิมทีทวีปฮงเทียนเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วทำไมมันถึงแยกออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นโลกใบเล็กๆนี้ได้?
หลิงฮันจ้องมองไปที่จักรพรรดิจอมอสูรด้วยความสงสัยและพูดว่า “เจ้าไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อใช่หรือไม่?”
นั่นมันจะมากเกินไปแล้ว
“ข้าสามารถสาบานต่อสวรรค์ได้เลยว่าทุกอย่างที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง!” จักรพรรดิจอมอสูรเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าทันที”
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและพูดว่า “ก็ได้ ถ้างั้นก็พูดมาตั้งแต่ต้นจนจบให้ละเอียด และถ้ามันเป็นเรื่องจริง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ขอบคุณนายน้อยฮัน! ขอบคุณนายน้อยฮัน!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบพูดออกมาด้วยสีหน้าประจบประแจง แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นหมอกดำ แต่ก็สามารถแสดงออกได้ตามใจปรารถนา
“พูดได้แล้ว” หลิงฮันโบกมือให้มันหยุดเลิกประจบเขา
“ได้เลย ได้เลย!” จักรพรรดิจอมอสูรเริ่มพูดว่า “แต่เดิมทวีปฮงเทียนเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานาน แต่แล้วมันก็หายไปอย่างกะทันหัน เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เกิดทำให้ผู้คนจากดินแดนใต้พิภพของข้าและดินแดนศักดิ์สิทธิ์เกิดความอยากรู้อยากเห็น และพวกเขาก็เริ่มทำการตรวจสอบ”
“จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าทวีปฮงเทียนได้แยกตัวออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นโลกขนาดเล็ก”
“และด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำให้พวกเขาเริ่มตรวจสอบทวีปฮงเทียนอีกครั้ง และพบเรื่องที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าอย่างน้อยสิบล้านปีก่อน ความจริงแล้วทวีปฮงเทียนเคยเป็นโลกขนาดเล็กมาก่อนที่ขึ้นไปอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีการเปิดสวรรค์”
“นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่โลกขนาดเล็กขึ้นไปอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วแยกตัวออกจากดินแดนศักดิ์และกลายเป็นโลกขนาดเล็กอีกครั้ง!”
“ขุมพลังมากมายจึงคิดว่ามีสมบัติบางอย่างอยู่ในทวีปฮงเทียนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดังนั้น ขุมพลังขนาดใหญ่จึงทำการตรวจสอบว่าทำไมทวีปฮงเทียนถึงกลับไปเป็นโลกขนาดเล็ก และต้องการรู้ว่ามันเป็นสมบัติลึกลับอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อจะนำมาเป็นของตน”
“ทว่ามีโลกขนาดเล็กมากมายที่เรียกว่าทวีปฮงเทียน และที่นี่เองก็เรียกว่าทวีปฮงเทียน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าโลกขนาดเล็กแห่งนี้ถูกควบคุมโดยขุมพลังที่อ่อนแอทั้งห้าบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยอมสละทรัพยากรนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะค้นหาสมบัตินั้นให้พบ!”
หลิงฮันโบกมือให้หยุดและพูดว่า “แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าที่นี่คือทวีปฮงเทียนที่แยกตัวออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฃ?”
“มันง่ายมาก ข้าได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เพื่อตรวจสอบว่าโลกนี้คือโลกที่พวกเรากำลังตามหาอยู่หรือไม่ และเมื่อข้ามาถึง พลังของเขาก็ถูกสะกดเอาไว้แล้ว” จักรพรรดิจอมอสูรพูดด้วยสีหน้าหดหู่เล็กน้อย
“แล้วเจ้าจะยืนยันได้ยังไง?” หลิงฮันเริ่มรู้สึกสนใจ
“หากทวีปนี้เคยรวมเป็นหนึ่งกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มันจะต้องมีกลิ่นอายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่ข้ายังคงได้กลิ่นอายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แกนกลางของโลก” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าไม่ได้อยากจะพูดจาโอ้อวดหรอก แต่ความสามารถแบบนั้นมีข้าคนเดียวเท่านั้นที่มี มิฉะนั้นข้าคงไม่ถูกส่งมาที่นี่”
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ดินแดนใต้พิภพได้ส่งสิ่งมีชีวิตอย่างเจ้าไปที่โลกขนาดเล็กทุกใบเหมือนกันใช่หรือไม่?”
“นายน้อยฮันช่างหลักแหลมยิ่งนัก ใช่แล้ว” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวชม ชีวิตของเขาในตอนนี้อยู่ในน้ำมือของหลิงฮันโดยสมบูรณ์
หลินฮันตกอยู่ในความคิด เรื่องที่เขาได้ยินมันน่าทึ่งมาก ทวีปฮงเทียนเคยเป็นโลกขนาดเล็กที่ขึ้นไปอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็แยกตัวออกมาเป็นโลกขนาดเล็กอีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง
แม้แต่ขุมพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพยังต้องเคลื่อนไหว นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้สึกสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก แม้แต่ดินแดนใต้พิภพที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยยังส่งผู้คนจำนวนมากออกไปตรวจสอบเพื่อค้นหาโลกใบนั้น
หัวใจของเขาเริ่มกระหน่ำเต้น หรือว่าที่พวกเขากำลังตามหาอยู่คือหอคอยทมิฬ?
หอคอยทมิฬน้อยพูดอยู่ตลอดว่าถ้าพลังของมันฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ มันสามารถบดขยี้ทวีปฮงเทียนได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อะไรกันที่สามารถทำให้โลกขนาดเล็กเปิดสวรรค์ขึ้นไปอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์และแยกตัวออกมาเป็นโลกขนาดเล็กอีกครั้งได้?
หอคอยทมิฬ…?
คัมภีรย์สวรรค์นิรันดร์สามารถทำให้กายหยาบของเขาแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งระดับเมื่อระดับพลังของเขาสูงขึ้น และนี่เป็นความสามารถแรกของมัน แล้วถ้าเป็นความสามารถที่สองและที่สามของมันล่ะ?
ใครเป็นผู้สร้างหอคอยทมิฬ? ทำไมมันถูกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้? แล้วคนที่ทำให้หอคอยทมิฬตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้จะต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ความอยากรู้อยากเห็นของหลิงฮันเริ่มมีมากขึ้น แต่เรื่องพวกนั้นมันเกินขอบเขตความรู้ของเขา
เขาส่ายหัวและเก็บเรื่องหมดหมดไว้ในใจ เมื่อเขาเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาจะค่อยคลี่คลายความลับพวกนั้นตัวอย่างเช่น ใครคือคนเปิดสวรรค์คนแรก?
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นไปได้ไหมว่าขวานภูเขาวารีไม่ได้ถูกคนผู้นั้นสร้างขึ้น?
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อยฮัน ข้าออกไปได้แล้วหรือยัง?” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า
หลิงฮันเองก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาและพูดว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
จักรพรรดิจอมอสูรเผยท่าทีผิดหวัง เขารู้ว่าความลับพวกนั้นมันหนักเกินไป และหลิงฮันไม่มีทางปล่อยให้เขาไปบอกคนอื่น ดูเหมือนว่าเขาจะต้องถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต
แต่สภาพแวดล้อมที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก มันมีขนาดใหญ่และมีสมุนไพรอยู่ไปทั่ว ถึงแม้ว่าเขาจะสนใจสมุนไพรก็ตาม แต่ที่นี่มีคนน้อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่คุ้นเคย
“เจ้าต้องอยู่ที่นี่ และถ้าเจ้าทำตัวดี ข้าจะปล่อยให้เจ้าออกไป” หลิงฮันกล่าว
บาดแผลของฮูหนิวหายเร็วมาก เด็กสาวตัวน้อยคนนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ตอนนี้นางยังมีไข่ประหลาดอยู่ในร่างกายอีก ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น
“กลับกันก่อนเถอะ!”
หลิงฮันและฮูหนิวออกมาจากหอคอยทมิฬและกลับไปที่เมืองจักรพรรดิ ครั้งนี้ปัญหาของเซียวเมี่ยวเหยียน กวนหยางและจักรพรรดิจอมอสูรถูกจัดการไปหมดแล้ว ปัญหาที่เขาต้องจัดการต่อคือซากศพสิบแปดตาของนิกายพันศพ
มันง่ายมากที่จะจัดการมัน
ตอนที่ 848
หลังจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น จิตใจของประชากรในจักรวรรดิต้าหลิงก็เป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้น แต่ร่างของหลิงฮันในตอนนี้สามารถแบกรับได้แค่พลังจักรภพระดับทลายมิติสิบดาวเท่านั้น
มีเพียงเมื่อตอนที่พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุระดับทลายมิติจริงๆเท่านั้น เขาถึงจะแบกรับพลังที่มากกว่าเดิมได้
วันเวลาผ่านไปหลายเดือนโดยไม่รู้ตัว
หลิงฮันในตอนนี้บรรลุระดับสวรรค์ขั้นเก้าแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่มีคอขวดในการบ่มเพาะพลัง แต่เขาก็จำเป็นต้องขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะให้แข็งแกร่ง จากที่เขาคาดการณ์เอาไว้น่าจะอีกหนึ่งปีหรือไม่ก็ครึ่งปีเขาถึงจะสมควรทะลวงผ่านระดับทลายมิติ
แค่นี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมเกินจะบรรยายแล้ว ต้องรู้ก่อนว่าเขาอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ในด้านของอายุนั้นเขาด้อยกว่าอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่หนึ่งหรือสองปี
แต่ตอนนี้เขาอยู่ในดินแดนเบื้องล่าง!
ดินแดนเบื้องล่างจะเทียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้งั้นรึ? ถ้าไม่งั้นแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะสามารถรุกรานเบื้องล่างได้อย่างไร?
และเนื่องจากตอนนี้ถึงกำหนดหนึ่งปีแล้ว หลิงฮันกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจึงออกเดินทางไปยังมหาสมุทรทางเหนือ เหตุผลแรกคือไปหาลูกของเขา และเหตุผลที่สองคือไปดูว่าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนดำเนินแผนการไปถึงไหนแล้ว
บิดามารดาของเขาก็อยากจะพบหลานชายเช่นกัน ดังนั้นหลิงฮันถึงนำพวกเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและพาไปด้วย
ฮูหนิวเองก็ไม่ยอมถูกทิ้งไว้คนเดียวเช่นกัน นางในตอนนี้มีนิสัยเหมือนสตรีขึ้นมาเล็กน้อย บางครั้งบางคราวนางจะเรียนแบบการกระทำของจูเสวียนเอ๋อ ทำให้หลิงฮันรู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก
เจ้ากระต่ายนั้นบอกว่ามันไม่เคยไปทะเลมาก่อนดังนั้นมันจึงถูกพาไปด้วย อสูรศิลาเองก็เช่นกัน ตอนนี้มันถูกใช้งานเป็นสัตว์ขี่ของฮูหนิว มันที่ได้รับศิลาต้นกำเนิดจากหอคอยทมิฬมาโดยตลอด ทำให้ในตอนนี้มันห่างจากการบรรลุระดับทลายมิติเพียงก้าวเดียว
อสูรศิลานั้นฉลาดเป็นอย่างมาก มันตัดสินใจเลือกเจ้านายได้ถูกคน! แต่ถึงแม้หากมันกลายเป็นระดับทลายมิติก็ตาม ในสายตาฮูหนิวมันก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขที่ใช้ขี่ได้
กลุ่มของพวกเขาเตรียมตัวและออกเดินทาง
ก่อนที่จะผ่านไปยังมหาสมุทรทางเหนือ หลิงฮันได้หยุดแวะตรวจสอบเหมืองโบราณ ตอนนี้ที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยปราณสีดำ แม้แต่เมืองที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นเมืองจักรพรรดิของแคว้นเพลิงก็ถูกปราณสีดำกลืนกินอย่างสมบูรณ์
ปราณสีดำเหล่านี้เป็นภัยซ่อนเร้นที่อันตราย
หลิงฮันกล่าวคิดในใจ เมื่อใดที่เขาบรรลุระดับทลายมิติ สิ่งแรกที่เขาจะสะสางก็คือปราณสีดำเหล่านี้
พวกเขาเดินทางไปยังมหาสมุทรทางเหนือได้อย่างราบรื่น เพียงแค่สี่วันพวกเขาก็มาถึงจุดหมาย เหตุผลที่ใช้เวลาสั้นเช่นนี้ก็เพราะพลังของหลิงฮันกับฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งขึ้น เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเดิม
“ใครกัน!” ทหารคุ้มกันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหยุดพวกหลิงฮัน
แต่เมื่อพวกเขาเห็นหลิงฮันและคนอื่นๆรอบข้างหลิงฮัน พวกเขาก็เปลี่ยนมาคำนับแสดงความเคารพ
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโบกมือและกล่าว “ตอนนี้ผู้นำตระกูลอยู่ที่ใด?”
“อยู่ในห้องโถงกลางขอรับ”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่จำเป็นต้องให้พวกเขานำทางและมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักทันที เมื่อมาถึงนางก็พบเห็นเฮ่อเหลียนหลงกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ในขณะที่กล่าว “เรียกข้าว่าท่านปู่ซะ! เรียกข้าว่าท่านปู่ซะ!”
“ตัวใหญ่! ตัวใหญ่!” เด็กน้อยกล่าวในขณะที่คว้าจับหูของเฮ่อเหลียนหลง
“ข้าคือท่านปู่ ไม่ใช่ตัวใหญ่!” เฮ่อเหลียนหลงราวกลับจะกลายเป็นบ้า หลายเดือนมานี้เขาพยายามล้างสมองเด็กคนนี้หลายครั้งแล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ยังเอาแต่เรียกเขาว่าตัวใหญ่
เมื่อเห็นร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและหลิงฮันลอยลงมา เฮ่อเหลียนหลงก็ชะงักตกใจที่จู่ๆหลิงฮันโผล่มา
“พ่อ! แม่!” หลิงเจี้ยนเสวี่ยนร้องเรียกเสียงดังและเดินไปหาพวกเขา
‘อั่ก!’ เฮ่อเหลียนหลงแทบจะกระอั่กโลหิตออกมา เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาใช้เวลาสอนเด็กน้อยผู้นี้มานานเท่าไหร่แล้ว แต่เด็กน้อยก็ยังเอาแต่เรียกเขาว่า ‘ตัวใหญ่’ เด็กน้อยไม่เคยเรียกเขาว่าท่านปู่เลยสักครั้ง แต่เมื่อหลิงฮันกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปรากฏตัว เด็กน้อยกลับเรียกพวกเขาว่าพ่อ แม่ได้อย่างถูกต้อง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนทั้งรู้สึกดีใจและเสียใจไปพร้อมๆกัน นางไม่เคยมีเวลาดูแลสอนลูกนางเลย แต่ลูกของนางก็ยังเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง นางกอดลูกเอาไว้และกล่าว “เด็กดี ข้าจะไม่แยกห่างจากเจ้าอีกแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กอวดดี ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนบินเข้ามา หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เขากลับมามีพลังระดับสวรรค์แล้ว ออร่ามังกรของเขาเองก็แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ที่ออร่าของเขาแข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อยก็เพราะว่าออร่าของเขานั้นบรรลุจุดสูงสุดซึ่งเป็นขีดจำกัดแล้ว
ถึงแม้หลิงฮันจะคิดถึงลูกของตนเอง แต่เขากลับรู้สึกดีใจมากกว่าเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกเขา เด็กน้อยคนนี้ยังอายุไม่ถึงสองปีแต่กลับมีพลังกายที่เทียบเท่าระดับก้าวสู่เทวาแล้ว การพัฒนาของเขาเป็นไปอย่างน่าอัศจรรย์
“สถานการณ์ของโลกภายนอกเป็นเช่นไรบ้าง?” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนถามด้วยความสงสัย
เมื่อคุยกับไปสักพักเฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็กล่าวขึ้นด้วยความภูมิใจ “ตอนนี้มหาสมุทรทั้งสี่อยู่ในการควบคุมของข้าแล้ว และพื้นที่กว่าครึ่งของมหาสมุทรกลางก็ยอมจำนนต่อข้าแล้วเช่นกัน เจ้ามาได้จังหวะพอดี ข้าวางแผนจะบุกช่องแคบสมุทรจักรพรรดิอยู่พอดี ข้าขอชวนให้เจ้าไปด้วยเพื่อดูเรื่องสนุกๆ”
ออร่ามังกรคืออำนาจเด็ดขาด เผ่าใต้สมุทรที่มีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่มากมาย แต่ทุกคนกลับต้องจอมจำนนต่อเด็กน้อยที่มีพลังเพียงระดับสวรรค์ผู้นี้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ตกลง ข้าจะไปดูก็แล้วกัน”
ด้วยสายเลือดมังกรที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนเทียนหยุน เผ่าสมุทรเกือบจะทุกตระกูลจึงเลือกที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของเขา แต่ตระกูลจักรพรรดินั้นไม่ยินยอม พวกเขามีเบื้องหลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะต่อต้านจนถึงที่สุด
หลังจากการเตรียมเป็นเวลาสามวัน กองทัพก็ถูกจัดตั้งและออกเดินทาง จำนวนของจอมยุทธระดับทลายมิติที่รวบรวมมาได้มีมากถึงสามร้อยคน ที่มีจำนวนแค่นี้เพราะต้องมีจอมยุทธระดับทลายมิติส่วนหนึ่งที่อยู่ดูแลเมือง ไม่เช่นนั้นจำนวนของกองทัพคงจะมีสี่ร้อยคนได้ไม่ยาก
ถิ่นฐานของตระกูลใหญ่ในมหาสมุทรทั้งสี่นั้นอยู่บนเกาะ แต่ถิ่นฐานของตระกูลจักรพรรดินั้นต่างออกไป พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกภายในช่องแคบสมุทรที่ล้อมรอบไปด้วยสัตว์อสูรใต้ทะเลยักษ์ แม้อสูรเหล่านั้นจะไม่มีสติปัญญา แต่ด้วยพลังบ่มเพาะและขนาดตัวของพวกมัน พวกมันจึงมีพลังต่อสู้ถึงสิบห้าดาว
พวกมันคือผู้คุ้มกันของช่องแคบสมุทรจักรพรรดิ พวกมันคือผู้คุ้มกันสุดแข็งแกร่งที่แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ต้องถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆหากพบเจอกับพวกมัน
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฮ่อเหลียนเทียนหยุน สัตว์อสูรใต้ทะเลพวกนี้ย่อมไม่นับเป็นอันใดได้
ที่ตระกูลจักรพรรดิสามารถควบคุมพวกมันให้คุ้มครองช่องแคบสมุทรจักรพรรดิได้เป็นเพราะสัตว์อสูรพวกนี้หวาดกลัวต่อออร่ามังกรของพวกเขา สายเลือดมังกรของตระกูลจักรพรรดินั้นบริสุทธิ์มากจนแม้แต่เฮ่อเหลียนหลงก็ไม่อาจเทียบได้
แต่ใครคือเฮ่อเหลียนเทียนหยุน? ในครั้งอดีตกาลเขาคือครึ่งมังกรที่แท้จริง และตอนนี้ร่างของเขาได้ผสานรวมกับเขี้ยวของมังกรที่แท้จริงแล้ว ออร่ามังกรของเขาย่อมแข็งแกร่งกว่าครั้งอดีต เพียงแค่เขานึกคิดอสูรใต้สมุทรก็เผ่นถอยหนี
เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้คือช่องแคบสมุทรขนาดใหญ่
“บังอาจบุกรุกตระกูลจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้ารับรู้ถึงบาปของตนเองรึไม่?” เสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากช่องแคบสมุทร
ตอนที่ 849
เสียงที่ดังออกมาเต็มไปด้วยแรงกดดันของมังกรที่จะต้องทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและคุกเข่า
สำหรับเผ่าใต้สมุทรความบริสุทธิ์ของสายเลือดนั้นคือทุกสิ่ง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เฮ่อเหลียนหลงอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ แม้แต่เฮ่อเหลียนหลงและเหวินเหรินเจี่ยที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยังต้องยอมจำนน
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนส่งเสียงกระแอมเล็กน้อยและเดินไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเด็ก แต่กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งและเขาพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่แล้ว จงไปบอกอ้าวซิงโปออกมาพบข้า!”
“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้ากล้าแสดงกิริยาหยาบคายต่อตระกูลจักรพรรดิแห่งท้องสมุทรรึ?” เสียงที่หนาวเย็นยิ่งกว่าเดิมดังขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่มีประโยชน์อันใดที่เจ้าจะพูดถึง เผ่าใต้สมุทรขึ้นอยู่กับสายเลือด และข้ามีสายเลือดที่บริสุทธิ์กว่าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ายังไม่เคารพข้าผู้นี้อีกรึ?” เฮ่อเหลียนหยุนแสยะยิ้ม
“โอ้ว นี่เจ้ากล้าพูดเรื่องความบริสุทธิ์ของสายเลือดกับตระกูลจักรพรรดิอย่างพวกข้าอย่างนั้นรึ?” ในขณะนั้นเองมีคนหลายร้อยคนออกมาจากช่องแคบ
พวกเขาสวมเสื้อคลุมลายมังกรทุกคนและแต่ละคนก็มีกลิ่นอายมังกรที่น่าเกรงขาม
พวกเขาเหล่านั้นเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ และมีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง ความบริสุทธิ์สายเลือดของพวกเขานั้น เหนือกว่าเฮ่อเหลียนหลงและตระกูลเซียวหยู่อย่างมาก
“นี่เจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีกรึ?” เฮ่อเหลียนหยุนกล่าว ถึงแม้ว่าเขาจะต่อสู้กับพวกนั้นไม่เลว แต่กลิ่นอายมังกรของเขานั้นไม่มีใครสามารถต่อต้านได้
เขาปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรออกใส่พวกผู้คนจากตระกูลอ้าวทันที
ตู้ม กลิ่นอายมังกรระเบิดออกมา ผู้คนของตระกูลอ้าวหลายคนรวมถึงทุกคนที่อยู่ที่นี่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที และเกือบจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฮ่อเหลียนหยุน
เฮ่อเหลียนหยุนกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “เด็กน้อย เจ้าเห็นหรือไม่ว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน!” เขาหันหลังไปพูดกับหลิงเจี้ยนเสวี่ยน
“หึ่ม!” ในขณะนั้นเองมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากเฮ่อเหลียนหยุนแม้แต่น้อย และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้ามันก็แค่มังกรจอมปลอม ข้าต่างหากมังกรที่แท้จริง!”
ตู้ม กลิ่นอายมังกรที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนเลย และกองทัพของเฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็หมดสภาพในการต่อสู้เช่นกัน
หลินฮันขมวดคิ้วเล็กน้อยและพาเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเข้าไปในหอคอยทมิฬ แม้ว่าสายเลือดของนางจะบริสุทธิ์ แต่มันก็ยังห่างชั้นกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนอยู่มาก
– ส่วนพ่อและแม่ของหลิงฮันนั้น เขาได้พาพวกเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วก่อนที่จะมาถึงที่นี่
“อะไรกัน!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตะลึง เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ผลกระทบกลิ่นอายมังกรของเขาเท่านั้น แต่ยังปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรที่ไม่ได้ด้อยกว่าเขาออกมาได้ด้วย
เป็นไปได้ยังไง!
ในทวีปฮงเทียนไม่ควรจะมีใครที่มีกลิ่นอายมังกรที่เทียบกับเขาได้!
แล้วทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีกลิ่นอายเทียบกับเขาได้?
“เจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?” หลิงฮันถามอีกฝ่าย
– ในเมื่อห้านิกายโบราณยังพาอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์ลงมาได้ แล้วทำไมตระกูลอ้าวจะทำไม่ได้ล่ะ?
“ฉลาดดีนิ!” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม บนหัวของเขามีเขามังกรสองเขาอยู่บนหัวที่ให้กลิ่นอายที่เก่าแก่และสูงส่ง
“เขามังกรที่แท้จริง!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตะลึง เขาที่เกิดใหม่ขึ้นมาจากเขี้ยวมังกร แน่นอนว่ามันทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่ไวมากต่อกลิ่นอายมังกรที่แท้จริง
ไม่แปลกที่อีกฝ่ายสามารถต้านแรงกดดันของเขาได้ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นลูกหลานของมังกรที่แท้จริงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
“หึ่ม เจ้าพวกกบก้นบ่อที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย!” ชายหนุ่มคนนั้นส่ายหัวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ข้าจะเป็นมังกรที่แท้จริงได้อย่างไร เพราะข้ายังไม่ได้บรรลุระดับสร้างสรรพ แล้วข้าจะมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่ามังกรที่แท้จริงได้อย่างไร!”
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตกละงึ เขาคิดว่าสายเลือดของตัวเองนั้นบริสุทธิ์มากจนคิดว่าตัวเองเป็นมังกรที่แท้จริงแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงมันจะเป็นแบบนั้น เขาจึงพูดออกไปว่า “หึ่ม เจ้าหนูอย่าคิดที่จะหลอกลวงข้าผู้นี้!”
เขามีอายุแค่ห้าหรือหกปี แต่กลับเรียกอีกฝ่ายว่าเจ้าหนู นี่เขาไม่ละอายใจเลยหรือไง
“ข้าชื่ออ้าวเจี้ยนไม่ใช่เจ้าหนู!” การแสดงออกของชายหนุ่มนั้นดูสุขุมและไม่แยแส
“เผ่าใต้สมุทรขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสายเลือด ในเมื่อเจ้ามีสายเลือดบริสุทธิ์ที่เทียบเท่าได้กับข้า ถ้างั้นพวกเรามาตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่ง”
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนหันไปมองหลิงฮัน ซึ่งทำให้เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย
แน่นอนมันสมเหตุสมผล ในเมื่อสายเลือดบริสุทธิ์เท่ากัน เช่นนั้นก็ต้องตัดสินด้วยความแข็งแกร่ง!
แต่ปัญหาคือ อ้าวเจี้ยน…เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ!
หากต่อสู้มีแต่จะรนหาที่ตายเท่านั้น
หลิงฮันยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้ พวกเขาได้ประเมินดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่ำไป
เขาคิดว่ามันจะราบรื่นเหมือนกับตอนที่ห้านิกายโบราณส่งอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลงมาซะอีก
ในขณะเดียวกัน เฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็คิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาหมดแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่า…มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในช่วงสุดท้าย
ถ้าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนตาย เผ่าใต้สมุทรก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลอ้าวอีกครั้ง และจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น
เขาที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์จะต่อสู้กับระดับทลายมิติได้อย่างไร? ในเมื่อห้านิกายโบราณส่งอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สทธิ์ที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาวลงมาได้ แล้วตระกูลอ้าวล่ะ?
ไม่ดีเลย!
หลิงฮันส่ายหัวให้เฮ่อเหลียนเทียนหยุนทันที ไม่ว่าเขาหรือเฮ่อเหลียนเทียนหยุนสิ่งที่พวกเขาขาดมากที่สุดคือเวลา ถ้าพวกเขามีเวลาสักสองถึงสามปี ไม่สิ บางทีอาจแค่ปีเดียว พวกเขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้สำเร็จ และจะกลายเป็นตัวตนสูงสุดของโลกโดยที่ไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใด
แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้กับอ้าวเจี้ยน หากสู้กับเขามีแต่จะรนหาที่ตายเท่านั้น
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพยักหน้าขานรับหลิงฮันเป็นนัยน์ว่าเขาเห็นด้วย
หลิงฮันพูดกับเฮ่อเหลียนเทียนหลงสองสามคำ จากนั้นเขาพาเจ้ากระต่าย อสูรศิลา และฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ และคว้าตัวเฮ่อเหลียนเทียนหยุน แล้วหันหลังกลับเพื่อหลบหนี
แน่นอนเขาจะต้องหนี จะให้เขาแวะพักดื่มชาอยู่ที่นี่หรือไง?
ทุกคนรู้สึกตกตะตึง ทำไมพวกเขาถึงหลบหนี?
เฮ่อเหลียนหลงได้รับเสียงจากหลิงฮัน เขารีบพูดตามทันทีว่า “เจ้าพวกขี้ขลาด แน่จริงอย่าหลบหนี!” เขาถูกแรงกดดันของอ้าวเจี้ยนกดทับอยู่ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ และทำได้แค่ส่งเสียงตะโกนประณามเขาเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้นเผ่าใต้สมุทรทั้งสี่ตระกูลเองก็ทำตามเฮ่อเหลียนหลงและตะโกนประณามหลิงฮัน
มันไม่มีทางเลือกอื่นที่พวกเขาทำได้ สำหรับเผ่าใต้สมุทรสายเลือดเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ตอนนี้พวกเขาได้แสดงจุดยืนที่มั่นคงของพวกเขาออกมาให้เห็นแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลิงฮันถึงขอให้เฮ่อเหลียนหลงตะโกนประณามเขา
นั่นเป็นเพราะถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนหลงจะสามารถหลบหนีได้ แต่ผู้คนของตระกูลเฮ่อเหลียนไม่สามารถหนีได้
ตอนที่ 850
หลิงฮันและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่พวกเขารักษาชีวิตเอาไว้ได้ พวกเขาค่อยมาสะสางปัญหานี้ในอนาคต
“คิดจะหนี?” อ้าวเจี้ยนไล่ตามทันที ในที่แห่งนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถไล่ตามทั้งสองคน เพราะหากให้คนอื่นไล่ตามไป แม้คนเหล่านั้นจะเป็นตระกูลจักรพรรดิพวกเขาก็ต้องถูกสยบด้วยออร่ามังกรของเฮ่อเหลียนเทียนอยู่ดี
ในขณะที่ตัวเขานั้นเป็นอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมีสายเลือดมังกรที่แท้จริงไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
“ยอมจำนนซะ!” อ้าวเจี้ยนควงมือควบคุมคลื่นน้ำโจมตีใส่หลิงฮันกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุน
เขาเป็นทายาทของมังกรที่แท้จริง การจะควบคุมน้ำย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
คลื่นน้ำที่ถูกควบคุมแฝงไปด้วยอำนาจของพลังระดับทลายมิติ หลิงฮันกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนที่มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสวรรค์จะสามารถต้านทานได้อย่างไร? ‘ตูม’ พวกเขาถูกคลื่นน้ำกระแทกใส่จนร่างสั่นไหว
แต่เนื่องจากทั้งคู่มีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบพวกเขาจึงไม่บาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นหากเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่นพวกเขาคงถูกคลื่นน้ำฉีกกระชากเป็นชิ้นๆแล้ว
อ้าวเจี้ยนใช้โอกาสนี้ในการไล่ตามพวกเขา
“บัดซบ ครั้งนี้ช่างเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่จริงๆ!” หลิงฮันนำยันต์เคลื่อนย้ายในพริบตาออกมา ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แม้เขาจะไม่เต็มใจจะใช้มันแต่หากไม่ใช่พวกเขาก็หลบหนีออกจากใต้สมุทรนี้ไม่ได้
“ยันต์เคลื่อนย้ายในพริบตา?” อ้าวเจี้ยนชะงักและมีท่าทีร้อนรน เขาต้องรีบหยุดหลิงฮันเดี๋ยวนี้
“เมื่อเจอกันครั้งหน้า เด็กบัดซบเช่นเจ้าข้าจะสังหารทิ้งไม่ให้เหลือ!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม การที่เกือบจะถูกมังกรคนอื่นสังหารเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง
‘ฟึบ’ อ้าวเจี้ยนเหวี่ยงแขนขว้างหอกยาวออกไป แต่หอกที่ขว้างออกไปสัมผัสโดนเพียงน้ำทะเลที่ว่างเปล่าเท่านั้น ทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนเทียนหยุนต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“บัดซบ!” สีหน้าของอ้าวเจี้ยนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและมืดมน
เขาจะไม่มีทางไล่ตามขึ้นไปบนพื้นดินเด็ดขาด นั่นเพราะเขาได้ยินมาว่าที่นั่นมีเผ่ามนุษย์ที่ทรงพลังปกครองอยู่ พลังต่อสู้ของมนุษย์ที่นั้นหากผสานกับอำนาจแห่งจักรภพแล้วจะเกินกว่าระดับทลายมิติยี่สิบดาว!
เขากลัวว่าจะต้องไปจบชีวิตลงที่นั่น
ล้อเล่นรึเปล่า เขาเป็นถึงทายาทของมังกรที่แท้จริง อนาคตของเขานั้นมีแต่ความรุ่งโรจน์ แล้วทำไมเขาจะต้องไปเสี่ยงชีวิตในโลกเล็กๆใบนี้ด้วย?
แต่มนุษย์ที่น่ารังเกียจเมื่อครู่สามารถครอบครองยันต์เคลื่อนย้ายในพริบตาได้อย่างไร? สมบัติเช่นนั้นแม้แต่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็นับว่าหาได้ยากยิ่ง
‘พรึบ’ ร่างของหลิงฮันกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนปรากฏขึ้นที่พื้นผิวของน้ำทะเล
“ที่นี่คือที่ไหน?” หลิงฮันหันมองรอบๆ
“เท่าที่ดู พวกเราน่าจะอยู่ที่มหาสมุทรทางตะวันตก” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนใช้จมูกดมกลิ่นก่อนจะกล่าว
หลิงฮันแสดงท่าทีประหลาดใจและกล่าว “เจ้าสามารถรับรู้ได้จากการดมกลิ่นงั้นรึ?”
“เหอะ น้ำทะเลของทะเลทั้งสี่ทิศแตกต่างกัน ข้าจะแยกไม่ออกได้อย่างไร!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนเค้นเสียงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ว่าแต่เจ้ามียันต์เคลื่อนที่ในพริบตาได้อย่างไร สมบัติเช่นนั้นล้ำค่าอย่างมาก แม้แต่ข้าก็ยังไม่เคยได้ครอบครอง!”
หลิงฮันทำท่าทีครุ่นคิด โดยนึกถึงข่าวใหญ่ที่ได้ยินมาจากจักรพรรดิจอมอสูร
ถ้าทวีปฮงเทียนนั้นแต่เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ การที่จะมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์บางอย่างอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร บางทีหม่าตั้วเปาอาจจะค้นพบมันจากโบราณสถานบางแห่ง
เจ้าอ้วนนั่นช่างเป็นคนดียิ่งนัก แม้แต่สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ก็ยังมอบให้กับเขา
“มีคนให้ข้ามา” หลิงฮันตอบอย่างไม่คิดเยอะ
“สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ยังมอบให้กับคนอื่นได้?” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนตกตะลึง “คนคนนั้นเป็นใคร รีบแนะนำให้ข้ารู้จักเดี๋ยวนี้ ข้าไม่รังเกียจที่จะเป็นสหายกับเขาหรอกนะ”
หลิงฮันยิ้ม “เจ้าก็มีหลายส่วนที่เหมือนกับเขา”
เขาเล่าเรื่องหม่าตั้วเปาให้เฮ่อเหลียนเทียนหยุนฟังและกลับขึ้นพื้นดิน เนื่องจากตอนนี้พวกเขาอยู่ในอาณาเขตของมหาสมุทรทางตะวันตก เขาจึงต้องมุ่งหน้าไปภูมิภาคตะวันตกก่อนถึงค่อยเดินทางต่อไปยังภูมิภาคเหนือและกลับเมืองจักรพรรดิ
ด้วยความเร็วฝีเท้าของพวกเขา หลังจากผ่านไปเจ็ดวันพวกเขาก็ออกจากพื้นที่มหาสมุทรได้และขึ้นพื้นดิน
เนื่องจากหลิงฮันเร่งรีบ นอกจากฮูหนิวแล้วคนอื่นๆก็ยังคงอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่ก็มีบางครั้งที่เขานำลูกของเขาออกมาเล่นด้วย
ภูมิภาคตะวันตกในตอนนี้เป็นอาณาเขตของจักรวรรดิต้าหลิงแล้วและมีธงหอคอยทมิฬปักอยู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถติดต่อและรับข่าวสารจากทุกที่ในอาณาเขตของจักรวรรดิต้าหลิงได้ และหลังจากเขาได้รับรู้บางอย่าง เขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที
‘บางสิ่ง’ ที่แต่เดิมถูกฝังอยู่ใต้เหมืองโบราณของแคว้นเพลิง… ในที่สุดมันก็ปรากฏออกมาแล้ว!
หลิงฮันมองเห็นภาพเงาอันคลุมเครือผ่านธงหอคอยทมิฬ บางสิ่งที่ว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่รอบกายถูกปกคลุมไปด้วยปราณสีดำ พวกมันมีพลังที่แข็งแกร่งและกำลังโจมตีเมืองและสิ่งมีชีวิต พวกมันกำลังทำการเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายที่จะถูกรอบล้อมไปด้วยปราณหมอกสีดำทมิฬ
โชคดีที่การทำเปลี่ยนเมืองให้เป็นแดนแห่งความตายนั้นไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้พวกมันยังไม่ยึดครองดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวได้อย่างสมบูรณ์ ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่พวกมันจะบุกมาถึงภูมิภาคเหนือผ่านเส้นทางของหุบเขาจันทราร่วงหล่น
“เกิดอะไรขึ้น?” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนเอ่ยถาม
หลิงฮันบอกเล่าสถานการณ์ เมื่อได้ฟังเฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็ขมวดคิ้ว
ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วย!
ตราบใดที่ให้เวลาพวกเขาสองคนอีกหน่อย ในอนาคตพวกเขาจะกลายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่พลังต่อสู้ยี่สิบดาวได้อย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะจงใจสร้างความลำบากให้กับพวกเขา
หลิงฮันตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาให้อสูรศิลานำข่าวไปบอกกับจักรวรรดิจันทราม่วง ในขณะที่เขามุ่งหน้าไปหยุดสิ่งมีชีวิตจากเหมืองโบราณทันที
หลิงฮันเรียกใช้งานอำนาจจักรภพ พลังต่อสู้ของเขาทะยานขึ้นเป็นระดับทลายมิติเก้าดาวในพริบตา เนื่องจากดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวจะมีพื้นที่เล็กทำให้พลังของอำนาจจักรภพลดลงมา ไม่เช่นนั้นหากเป็นอาณาเขตอื่นหลิงฮันคงมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบดาวไปแล้ว
เขาใช้ออกทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจและอัสนีบาตเก้าทิวาพร้อมกัน เขาบินด้วยความเร็วสูงไปยังทิศทางของหุบเขาจันทราร่วงหล่น เขาออกคำสั่งผ่านสัญลักษณ์บนธงให้จอมยุทธระดับสูงมารวมตัวกันที่หุบเขาจันทราร่วงหล่นเพื่อต่อต้านสิ่งมีชีวิตจากใต้พิภพ
ผ่านไปสามวันเขาก็มาถึงหุบเขาจันทราร่วงหล่น ณ เวลานี้จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงเองก็มาถึงแล้วพร้อมกับกองทัพจอมยุทธจำนวนมาก อี้ชวงชวงเองก็มาเช่นกัน นางนั่งพักอยู่อย่างสบายใจห่างจากทุกๆคน
“คารวะองค์จักรพรรดิ!” เมื่อเห็นหลิงฮัน ทุกคนก็ก้มหัวเคารพ
หลิงฮันสะบัดมือให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นและกล่าว “พี่ชาย สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?”
ดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวล่มสลายแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อาจสอดส่องสถานการณ์ผ่านธงได้อีกต่อไป
“จากที่ข้าเข้าไปตรวจสอบหลายครั้ง เป็นไปได้ว่าพวกมันจะรวมตัวกันและจะบุกมาถึงหุบเขาภายในไม่ช้า” จักรพรรดิพิรุณขมวดคิ้ว เขาเห็นความเสียหายที่ถูกทำลายโดย ‘สิ่งนั้น’ แล้ว ดังนั้นในฐานะของจักรพรรดิของแคว้นพิรุณ เขาจึงรู้สึกเกลียดชังเป็นอย่างยิ่ง
“ขอรายงาน!” หน่วยสอดแนมปรากฏตัวและคุกเข่าก่อนจะกล่าว “พวกมันเคลื่อนที่มายังภายในหุบเขาแล้ว!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น