Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 839-846
ตอนที่ 839
เขาต้องมีความกล้าขนาดไหนกันถึงกล้าดื่มชากับวิญญาณ?
และเขารู้หรือไม่ว่ากำลังจะดื่มอะไร? เขากล้าที่จะดื่มอะไรที่วิญญาณให้ดื่ม นี่เขาไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเหมือนพวกนางเลยรึ?
คนอื่นมองหน้ากันไปมา และคิดว่าถ้าหลิงฮันจะดื่มชาร่วมกับวิญญาณก็ปล่อยให้เขาดื่มไป ส่วนพวกเขาเพียงแค่รอดูสถานการณ์ก็เพียงพอ
ก่อนหน้านี้ทหารหญิงหลายคนสามารถคุกคามจอมยุทธระดับสวรรค์ได้ และถ้าหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า ไม่ใช่ว่านางสามารถคุกคามจอมยุทธระดับทลายมิติได้หรอกรึ? ดังนั้น ก่อนที่จะรู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร ใครจะกล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า นั่นเป็นเพราะต้นกำเนิดของเรือลำนี้ประหลาดมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในสายตาของข้า พวกเจ้าทุกคนไม่ได้แตกต่างกันเลย แค่แข็งแกร่งกว่ามดเล็กน้อยเท่านั้น” หยิงสาวคนนั้นพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย “นั่งลง”
เมื่อได้ยินที่นางพูด ฉัวชี่ฟงและอัจฉริยะที่เหลือที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์รู้สึกไม่พอใจ พวกเขามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน?
หลิงฮันนั่งลงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อันที่จริงแล้วหอคอยน้อยบอกให้เขาทำ
แม้ว่าหอคอยน้อยจะพูดจาไม่ตรงกับปากว่าอยากจะเปลี่ยนเจ้านายอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ช่วยเหลือหลิงฮันอยู่ตลอด
หญิงสาวคนนั้นรินชาให้หลิงฮัน น้ำชาที่นางรินให้ยังร้อนอยู่ และหลังจากรินไปได้ครึ่งถ้วย นางก็วางกาน้ำชาลง
ฉากที่เกิดขึ้นมันทำให้ทุกคนตกตะลึง นางตายไปแล้ว แต่ยังสามารถเทชาร้อนได้ นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก นี่มันชาอะไรกัน!
ทุกคนมองไปที่ถ้วยชาตรงหน้าหลิงฮัน และเริ่มส่งเสียงพึมพัม
“ข้าเห็นแสงกระบี่และจิตสังหาร!”
“ข้าเห็นส่วนหนึ่งของอนาคต!”
“ข้าเห็นดินแดนที่มืดมนที่เต็มไปด้วยภูติผี!”
ทุกคนเห็นฉากที่แตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือฉากที่เห็นมันทำให้พวกเขาเหงื่อท่วมตัว อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับทลายมิติทั่วไปเลย แม้กระทั่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างหม่าตั๋วเป่าและอู่เกาเหยียนยังสั่นเทา
พรึบ ราชันซากศพสิบแปดตายิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ตาเจ็ดดวงของมันปิดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ความแข็งแกร่งของมันลดลงอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก เพียงแค่เหลือบมองถ้วยชาใบเดียวก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าทึ่งขึ้น
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว เขาจะยังกล้าดื่มมันอีกหรือไม่?
ราชันซากศพสองร่างส่งเสียงพึมพัม และรีบล่าถอยไปด้านหลัง โครงกระดูกของมันสั่นไหวไปมา ดูเหมือนกับว่าจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
น่ากลัว!
ทุกคนส่ายหัว เพียงแค่มองถ้วยชาตรงหน้าก็เหมือนมีมีดจ่ออยู่ที่คอของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่มีทางดื่มมันเด็ดขาด ถ้าดื่มมันเข้าไปพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“หลิงฮัน!” หม่าตั๋วเป่าตะโกนเรียกเขาไม่ต้องการให้หลิงฮันเสี่ยง อนาคตของอีกฝ่ายนั้นสว่างไสวไร้ที่สิ้นสุด ถ้าเขาเปิดสวรรค์ล้มเหลว อย่างน้อยเขาก็ยังพึ่งพาหลิงฮันได้ ในขณะที่ราชันทั้งแปดนั้นไม่สามารถทำได้
หลิงฮันเองก็รู้สึกลังเล ชาถ้วยนี้มันน่ากลัวเกินไป
แต่หญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้เร่งเร้าหลิงฮัน นางเพียงแค่มองหลิงฮันด้วยรอยยิ้ม
หลิงฮันรู้สึกลังเลอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็เหยียดแขนออกไปและพูดว่า “ผู้อาวุโสชาถ้วยนี้แปลกประหลาดมาก มันทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจ แต่ในเมื่อผู้อาวุโสเป็นคนใจดีรินชาให้ข้า แน่นอนว่าข้าจะต้องดื่มมันให้กิน”
หลิงฮันหยิบถ้วยชาและจิบเล็กน้อย
ขม! ขมมาก!
สีหน้าของหลิงฮันดูอมทุกข์ ความขมของมันสามารถฆ่าคนได้เลย แต่เขาก็ไม่พ่นน้ำชาออกมา และกลืนลงไป
นี่คือชีวิตที่ขมขื่น!
ทุกคนรู้สึกตกใจ ในแง่ของความแข็งแกร่งทางร่างกาย หม่าตั๋วเป่าสามารถเทียบได้กับหลิงฮัน แต่หลิงฮันกับแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา ซึ่งนั่นหมายความว่าใครก็ตามที่ดื่มชานั้นเข้าไปผลลัพธ์ก็คงเหมือนกัน
ตุบ ตุบ หูทั้งสองข้างของหลิงฮันหลุด ตามด้วยจมูก และฟันทั้งปาก และผมของเขาก็ร่วงจนหมดกลายเป็นคนหัวล้าน
มันยังไม่จบแค่ไหน ผิวหนังของเขาเริ่มปริแตก และกระดูกสีทองเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น และเริ่มมีรอยแตกเหมือนกับใยแมงมุมบนกระดูกที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ
ฉากที่เกิดขึ้นมันน่าสะพรึงกลัวมาก กระดูกที่แข็งเทียบเท่ากับแร่เหล็กระดับสิบยังเกิดรอยแตก
“น่าเสียดายจริงๆ” จิ่วโหยวหวังรู้สึกเสียดายมาก ถ้าได้กายหยาบของหลิงฮันมาหลอมเป็นซากศพ มันจะต้องเป็นสุดยอดราชันซากศพอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ร่างของเขากำลังพังทลาย
“ดูเหมือนพวกเราจะสูญเสียอัจฉริยะไปคนหนึ่งซะแล้วสิ” บางคนเริ่มพูดเย้ยหยัน กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป แม้ตัวตนระดับพระเจ้าก็ไม่อาจฆ่าเขาได้ แต่ตอนนี้ฉากที่เกิดขึ้นมันดูงดงามมากสำหรับพวกเขา
ชานี้มัน…มันเป็นยาพิษที่รุนแรงและร้ายกาจมากที่สุดตั้งแต่อดีตกาล แม้กระทั่งกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบก็ไม่อาจต้านทานได้
ฮูหนิวรู้สึกกังวลและกระโดดไปมา แต่นางก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรราวกับว่ารู้อะไรบางอย่าง
หม่าตั๋วเป่าและแปดราชันต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าทันที แต่หญิงสาวคนนั้นหันสายตามาจ้องมองพวกเขาด้วยกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัว ทำให้หม่าตั๋วเป่าและแปดราชันต้องหยุดชะงักและนั่งลงกับพื้นทันที
มันน่าอัศจรรย์มาก นางมีพลังต่อสู้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เพราะอะไรกันเนตรแห่งสวรรค์ถึงไม่ปรากฏออกมา?
“หรือว่า…มันจะเป็นเพียงแค่แรงกดดันไม่ใช่พลังที่แท้จริง” ผู้อาวุโสของห้านิกายโบราณคาดเดา
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่แรงกดดัน มันก็เหมือนกับม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติที่ใช้กับคนที่มีพลังด้อยกว่า แต่ว่าหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งเกินไป
“หรือว่านางจะเป็นจอมยุทธระดับดวงดาราระดับวารีนิรันดร์?” อู่เกาเหยียนและอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์คิดอยู่ในใจ นิกายของพวกเขามีจอมยุทธระดับภูผาวารีและระดับสุริยันจันทรา แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด
ในที่สุดกระดูกของหลิงฮันก็แตกหักจนหมด และร่างของเขาทั้งร่างกายเป็นกองเนื้อและเลือด ซึ่งดูน่าสยดสยองมาก
พิษนี่มันรุนแรงมาก ทั้งที่เขาจิบชาไปแค่จิบเดียวเท่านั้น
ทุกคนรู้สึกตกใจ แต่ก็รู้สึกดีใจที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนดื่ม
ฮูหนิวยังคงนิ่งเฉย และจ้องมองไปที่กองเนื้อของหลิงฮัน ด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
หญิงสาวคนนั้นก็เหมือนกัน นางจ้องมองไปที่ที่หลิงฮันเคยนั่ง และพูดว่า “เจ้าโชคดีจริงๆที่สามารถรับพลังของชาจุติได้!”
เมื่อเสียงของนางตกลง กระดูกของหลิงฮันเริ่มเปล่งแสงสีทอง เศษกระดูกนับไม่ถ้วนของเขาเริ่มจัดโครงสร้างขึ้นมาใหม่ และในไม่ช้าก็กลายเป็นโครงกระดูกของมนุษย์!
อะไรกัน เจ้าเด็กนี่ยังไม่ตายอย่างนั้นรึ?
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง ทั้งที่กระดูกของเขาแตกหักไปชิ้นๆ แต่เขากลับยังไม่ตาย ไม่ใช่ว่ามันไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ?
“การเกิดใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!” หญิงสาวคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ร่างกายของหลิงฮันเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง กระดูกของเขาเริ่มมีกล้ามเนื้อและโลหิต จากนั้นไม่นานก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างของเขา
“การเกิดใหม่ มันจะต้องทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าแน่นอน ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด!” “ผู้อาวุโสของห้านิกายโบราณกล่าวขณะเผาผลาญโลหิต พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นทันทีอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบสี่ดาว และกระโจนออกไปเพื่อโจมตีหลิงฮัน
ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการปรับโครงสร้างของหลิงฮัน ร่างกายของเขาในตอนนี้อ่อนแอมากและสามารถถูกฆ่าตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ทว่าหม่าตั๋วเป่าและราชันทั้งแปดยังคงถูกแรงกดดันของผู้หญิงคนนั้นกดทับอยู่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวเข้าไปช่วยเหลือหลิงฮันได้!
ตอนที่ 840
“รนหาที่ตาย!” สตรีผู้นั้นเค้นเสียงคำราม นางไม่ลงมือใดๆ นางทำเพียงจ้องเขม็งไปยังผู้อาวุโสเฒ่าของห้านิกายโบราณ
‘อั่ก’ ผู้อาวุโสเฒ่ากระอักโลหิตพร้อมกับร่างที่ฟุบลงพื้นแน่นิ่ง พลังชีวิตของเขาดับลงทันที
เพียงแค่จ้องมองก็สามารถสังหารจอมยุทธระดับทลายมิติสิบสี่ดาวได้ พลังของนางต้องน่ากลัวขนาดไหน?
บัดซบ เนตรแห่งเต๋าสวรรค์มัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ไม่ปรากฏตัวออกมาและขับไล่นางออกไป!
“พลังโจมตีระดับทลายมิติยี่สิบดาว!”
“เมื่อครู่ไม่ใช่การโจมตีทั่วไป แต่เป็นการโจมตีผ่านสัมผัสสวรรค์”
จอมยุทธระดับสูงอย่างหม่าตั้วเปาและฉัวชี่ฟงสามารถมองการโจมตีของนางออก สตรีผู้นี้ใช้สัมผัสสวรรค์ในการโจมตีดังนั้นเนตรแห่งเต๋าสวรรค์จึงไม่อาจยับยั้งพลังของนางได้
แม้จะที่นี่จะมีจอมยุทธอยู่มากมาย แต่ใครบ้างจะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณของจอมยุทธระดับระดับทลายมิติยี่สิบดาวได้? แน่นอนว่าไม่มี ดังนั้นทุกคนในที่นี้จึงตกอยู่ในความเงียบงัน ถ้าสตรีผู้นี้คิดจะลงมือสังหารจริงๆ ไม่ว่าใครในที่นี้ก็ไม่อาจหนีพ้นความตาย!
หากเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งเทียบเท่าแร่เหล็กระดับสิบอย่างหม่าตั้วเปาจะสามารถต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณของนางได้รึไม่?
แน่นอนว่าทำไม่ได้ เช่นนั้นแล้วจะกล้าลงมือต่อต้านนาง?
เส้นแสงสีทองนับไม่ถ้วนม้วนพันวนรอบร่างของหลิงฮัน ออร่าพลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระดับก้าวสู่เทวาขั้นเจ็ด… ระดับก้าวสู่เทวาขั้นแปด… ขั้นเก้า… ภายในพริบตาระดับพลังของหลิงฮันก็บรรลุถึงระดับก้าวสู่เทวาขั้นสูงสุดทันที ในตอนนี้เขาพร้อมที่จะทะลวงผ่านไปยังระดับสวรรค์แล้ว
นอกจากตัวหลิงฮันแล้วไม่มีใครรู้เขาพบเจอกับอะไรบ้างในระหว่างที่พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น
เกิดใหม่!
ในสายตาของคนอื่นเวลาอาจจะผ่านไปเพียงชั่วครู่ แต่สำหรับหลิงฮันเขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานถึงสี่ร้อยปี เขารู้สึกราวกับเป็นผีเสื้อที่บินทะยานออกจากรังไหม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างของเขานั้นช่างน่าอัศจรรย์
แม้พลังบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นไม่กี่ขั้น แต่วิญญาณและจิตใจของเขาในบรรลุระดับทลายมิติแล้ว
และเหตุผลที่ร่างของเขาฟื้นสภาพจากฤทธิ์ของชาได้รวดเร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะเขาใช้งานหยดวารีอมตะในการฟื้นฟูร่างของเขาไปพร้อมๆกันด้วย
แม้แต่สตรีตรงหน้าก็ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะสามารถหลุดพ้นจากวังวนของการเกิดใหม่ได้รวดเร็วเช่นนี้ นางคิดว่าหลิงฮันสมควรจะใช้เวลาอย่างน้อยสามวันในการฟื้นสภาพ
หลิงฮันใช้โอกาสนี้ทะลวงผ่านระดับสวรรค์
ด้านวิญญาณและจิตใจของเขาบรรลุระดับทลายมิติแล้ว และภายใต้พลังอำนาจอันเอ่อล้นของชา มันทำให้พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุขั้นสูงของระดับก้าวสู่เทวาอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เขายับยั้งการทะลวงผ่านเพื่อขัดเกลารากฐานของระดับก้าวสู่เทวาอีกต่อไป
‘ตูม’ ร่างของเขาสั่นไหวและทะลวงผ่านระดับสวรรค์ทันที
จอมยุทธทุกคนตกตะลึง นี่เขาทะลวงผ่านระดับพลังงั้นรึ?
พวกเขาจำได้แม่นว่าเมื่อครู่หลิงฮันเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวาขั้นหกเท่านั้น แต่ผ่านไปเพียงชั่วครู่พลังบ่มเพาะของเขากลับทะยานขึ้นเป็นระดับสวรรค์ ความเร็วในการเลื่อนระดับเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
ชาถ้วยนั้น… ไม่ใช่ยาพิษแต่เป็นสมบัติ!
ทันใดนั้นแววตาของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อน แต่ในขณะที่มีสตรีผู้นั้นนั่งอยู่ ใครกันจะกล้าไปคว้าชาถ้วยนั้นมา?
แต่ที่น่าตกตะลึงคือจู่ๆอยู่น้ำชาในถ้วยก็เกิดการระเหยอย่างรวดเร็วจนหายไปหมดแก้ว ทุกคนที่เห็นเช่นนั้นต่างกรีดร้องออกมาด้วยความเสียดาย
หลิงฮันเพียงจิบชาไปอึกเดียวเท่านั้น
หลิงฮันเปิดดวงตาขึ้น ในดวงตาของเขาส่องประกายราวกับดวงตะวันและดวงดารานับไม่ถ้วน แต่ผ่านไปไม่นานประกายในแววตาของเขาก็หายไปและกลับมาสงบนิ่ง หากมองให้ดีจะพบว่าภายในแววตาของเขานั้นเปลี่ยนเป็นล้ำลึกยากจะหยั่งถึงมากกว่าเดิม
น้ำชาหมดแล้ว? เขาเพิ่งจะจิบไปแค่อึกเดียวเท่านั้น!
หลิงฮันสับสนเล็กน้อย
“น้ำชาเกิดใหม่ เมื่อดื่มหนึ่งครั้งก็จะเกิดใหม่หนึ่งครั้ง แต่จากระดับพลังของเจ้า เจ้าสามารถดื่มมันได้เพียงหนึ่งอึกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกกักขังอยู่ในวังวนแห่งการเกิดใหม่จนไม่อาจเป็นอิสระ” สตรีผู้นั้นกล่าว
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน เขาทำมือโค้งคำนับและกล่าว “ขอขอบคุณผู้อาวุโสมาก”
สตรีผู้นั้นยิ้มและกล่าว “เจ้ากล้านั่งลงและร่วมดื่มชากับข้า นั่นคือวาสนาของเจ้าเอง! ในเมื่อชาเกิดใหม่ระเหยหมดแล้ว งั้นก็ถึงเวลาของข้าที่ต้องไปแล้วเช่นกัน”
นางยิ้มและปิดลงตา ร่างของนางค่อยๆปริแตกราวกับกระจกและสลายไป
เมื่อร่างของนางหายไป แรงกดดันโดยรอบก็หายไปด้วย สายตาทุกคู่จ้องมองมายังถ้วยชาทันที
‘พึบ’ พวกเขาพุ่งเข้าไปตรวจสอบถ้วยชาอย่างเร่งรีบ แต่ก็พบว่าถ้วยชาเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า
เป็นอย่างที่นางกล่าว เมื่อน้ำชาระเหยหมดแล้ว ร่างของนางได้สลายหายไป
ทุกคนกรีดร้องด้วยความเสียดาย ก่อนหน้านี้ชาในถ้วยนั้นมีอยู่ถึงครึ่งถ้วย ซึ่งชาครึ่งถ้วยนี้สามารถแบ่งกันกินได้เจ็ดถึงแปดคน
มันคือน้ำชาศักดิ์สิทธิ์!
ทุกคนตบหน้าตนเอง ทำไมเมื่อครู่พวกเขาถึงได้ปล่อยวาสนาตรงหน้าให้หลุดไปกัน?
หลิงฮันที่ดื่มชาเข้าไปนั้นไม่ใช่แต่มีระดับพลังบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้น ทุกคนสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่ากลิ่นอายของเขามีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ถ้วยช้านี่ยังอุ่นอยู่เลย!” ใครบางคนอุทานออกมา
จอมยุทธคนอื่นรู้สึกตกตะลึง เป็นไปได้อย่างไร เรือลำนี้ปรากฏออกมาจากช่องว่างมิติที่ไม่รู้ว่าผ่านวันเวลามาแล้วกี่ปี แล้วทำไมถ้วยชาถึงยังอุ่นอยู่ได้?
“หลิงฮันเป็นไงบ้าง?” ฮูหนิวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลิงฮันพยักหน้าและยิ้ม “ข้าปกติ หนิวเป็นกังวลงั้นรึ?”
“นิดหน่อย แค่นิดหน่อยเท่านั้น!” ฮูหนิวใช้นิ้วสองนิ้วทำท่าทางเปรียบเทียบเพื่อแสดงให้เห็นว่านางมั่นใจในตัวหลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะ เขาสำรวจตัวเองและอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงด้านวิญญาณของเขานั้นมหาศาลจนเกินกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติทั่วไปไปมาก เขาที่มีกายหยาบที่ทรงพลังอยู่แล้ว ตอนนี้จิตวิญญาณของเขาก็ถูกเสริมแกร่งขึ้นจนทำให้ไร้เทียมทานกว่าเดิม
“น้องชายตัวดำ โชคชะตาของเจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” หม่าตั้วเปาถอนหายใจ ทั้งๆที่ที่นี่มีจอมยุทธระดับสูงอยู่มากมาย แต่กลับมีเพียงหลิงฮันคนเดียวที่กล้านั่งลงดื่มชา
หลิงฮันรู้ตัวที่ว่าหากเขาไม่มีหอคอยทมิฬ เขาก็ไม่กล้าทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้เหมือนกัน
แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พูดเรื่องนี้ออกไป
ในเมื่อไม่มีน้ำชาเกิดใหม่แล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงสำรวจในชั้นสุดท้ายซึ่งก็คือชั้นที่สี่ ที่ชั้นนี้ห้องมีชนาดใหญ่กว่าชั้นอื่นๆมาก แต่จากโครงสร้างแล้วมันไม่น่าจะเป็นห้องพักแต่เป็นห้องสำหรับใช้ประชุม
ชั้นนี้ก็เหมือนชั้นอื่นๆ ทหารสตรีห้าคนเดินเข้ามาโจมตีพวกเขา
ตอนที่ 841
หลิงฮันพบว่าพลังวิญญาณของเขาในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน และเป็นเรื่องยากที่พวกนางจะทำให้เขาได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางวิญญาณ
หลังจากที่เขาเกิดใหม่ พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติซะอีก
พื้นที่บนชั้นนี้มีขนาดกว้างใหญ่มาก นอกเหนือจากห้องประชุมแล้ว พวกเขายังเห็นป้อมปืนใหญ่ เพียงแค่เหลือบมองก็ให้พวกเขาเกิดความรู้สึกหนาวสั่นแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ป้อมปืนใหญ่พวกนั้นถูกทำลายไปหมดแล้ว
“มันจะต้องเป็นแร่เหล็กระดับพระเจ้า!”ผู้คนจ้องมองไปที่ป้อมปืนใหญ่ที่ถูกทำลาย ซึ่งทำมาจากโลหะ แล้วเศษซากของมันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือไม่?
ทุกคนอย่างเดินเข้าไปเก็บมัน แต่เข้าใกล้พวกมันไม่ได้ อักขระนั่นมันดูน่าสะพรึงกลัวเกินไป แต่ในขณะนั้นเองมีจอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งรีบเดินเข้าไปเก็บมัน แต่เมื่อเก็บมันขึ้นมา แร่เหล็กระดับพระเจ้าก็แตกสลายทันที
นั่นคือพลังของอักขระ มันไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
พวกเขาเก็บพวกมันไม่ได้!
นี่ทำให้พวกเขาแทบจะบ้าคลั่ง ทั้งที่มีแร่เหล็กระดับพระเจ้าอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขากลัยทำได้แค่มองดูเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น อักขระพวกนั้นมันน่าทึ่งมาก หากมีใครสัมผัสมัน มันก็จะทำลายตัวเองทันที
ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ และทำได้แค่เดินจากไป
ชั้นต่อไปคือดาดฟ้าเรือ
ในตอนที่พวกเขาอยู่นอกเรือ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่อาจบินลงมาที่ดาดฟ้าเรือโดนตรงได้ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร และไม่อาจมองเห็นได้ว่าดาดฟ้ามีอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
ครั้งนี้ ในที่สุดพวกเขาก็อยู่บนดาดฟ้าเรือและจากด้านในเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่อยู่ด้านนอกได้อย่างชัดเจน
“นี่มัน!”
บนดาดฟ้าเรือ ทุกคนส่งเสียงอุทานออกมาอย่างกะทันหัน…ที่นี่เป็นสนามรบหรือยังไงกัน?
พวกเขาเห็นกระดูกอยู่ทุกที่บนดาดฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกระดูกของเผ่ามนุษย์ เผ่าครึ่งมนุษย์และเผ่าครึ่งอสูร และมีโลหิตปกคลุมไปทั่วดาดฟ้า
เพียงแค่จ้องมองไปที่มัน มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับร่างกายจะแตกสลายแล้ว และรีบก้มหัวลงทันทีไม่กล้ามองอีกต่อไป
สิ่งมีชีวิตพวกนั้นคืออะไร?
มันสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อเรือลำใหญ่นี้ถูกปล้น ทั้งสองฝ่ายได้ทำการห้ำหั่นกัน และเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้เรือหลุดเข้าไปในช่องว่างมิติและปรากฏออกมาตอนที่หม่าตั๋วเป่าเปิดช่องว่างมิติ และในที่สุดเรือลำนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
น่ากลัวมาก ตัวเรือส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย แต่กระดูกพวกนี้ยังคงอยู่ที่นี่ ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งตายได้ไม่นาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่กระดูกของพวกเขาก็ยังไม่ถูกช่องว่างมิติทำลาย
หลิงฮันมองออกไปในระยะไกล และเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนหัวเรือ เสื้อคลุมของนางมีความยาวประมาณสามฟุตและสวมเกราะทองคำอยู่ใต้เสื้อคลุม เสื้อเกราะที่นางใส่นั้นกระชับมากทำให้สามารถมองเห็นสัดส่วนของนางได้อย่างชัดเจน
นี่เป็นเพียงแค่มุมมองจากด้านหลัง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนหลงเสน่ห์ของนางแล้ว
นางเองก็เป็นวิญญาณคนตายหรือไม่?
ทุกคนเดินอย่างระมัดระวัง เพราะกระดูกที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งเกินไป หากโดนมันเข้าอาจทำให้พวกเขาบาดเจ็บหนักได้ ดาดฟ้ายาวประมาณสามร้อยฟุต ในไม่ช้าพวกเขาก็เดินมาอยู่ด้านหลังหญิงสาวคนนั้น
พรึบ เสื้อคลุมของนางลอยขึ้นขณะที่นางหันหลังกลับมา และในตอนนั้นเองท้องฟ้าก็กลายเป็นสีเทาเหมือจะพังทลายลง
นางแข็งแกร่งขนาดไหนกัน เพียงแค่หันหลังกลับก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้้ได้
“งดงามมาก!”
เมื่อนางหันหลังกลับมา สีหน้าของทุกคนดูลุ่มหลงนางทันที นางเป็นหญิงสาวที่งดงามจริงและมีกลิ่นอายที่สูงส่ง
หากเทียบกับจูเสวี่ยนเอ๋อและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กับนางแล้ว พวกนางไม่ได้ด้อยกว่าในเรื่องของรูปร่าง แต่ถ้าพวกนางมายืนต่อหน้านาง รัศมีของพวกนางจะถูกกลบทันที
ในขณะนั้นมือและเท้าของหลิงฮันเริ่มหนาวเย็น เมื่อเห็นใบหน้าของนาง…มันเหมือนกับรากฐานวิญญาณที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ภายในตันเถียนของฮูหนิว!
รากฐานวิญญาณเติบโตเป็นรูปร่างมนุษย์นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก แต่ตอนนี้มีเรื่องประหลาดยิ่งกว่าคือนางมีตัวตนอยู่จริง
ฮูหนิวเคยพูดว่านางคุ้นเคยกับเรือลำนี้ ราวกับว่านางเคยอยู่ที่นี่และตอนนี้หญิงสาวที่คล้ายกับที่อยู่ในรากฐานวิญญาณของนางก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ถ้านางไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องลำนี้ต่างหากที่จะเป็นเรื่องแปลก
“นั่นคืออะไร?”
หลังจากนั้นไม่นาน ใครบางคนชี้นิ้วไปที่วัตถุบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวคนนั้น
“หรือว่ามันจะเป็นไข่?”
“มันเป็นไข่จริงๆ แต่ข้าไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลย!”
“หรือว่ามันจะเป็นไข่พระเจ้า ถ้ากินมันเข้าไปจะทำให้มีพลังระดับพระเจ้าเลยหรือไม่?”
ผู้คนจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจไข่ที่อยู่ด้านหน้าหญิงสาวคนนั้น ทุกคนรู้ว่านางตายไปแล้ว และที่ยืนอยู่เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น ไม่ว่านางจะงดงามแค่ไหน แต่พวกเขาทุกคนก็เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ และในไม่ช้าพวกเขาก็ดึงสติของตัวเองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งต่างหากที่พวกเขาแสวงหา
ฮูหนิวตกอยู่ในภวังค์แล้วพูดว่า “ใครบางคนกำลังเรียกหนิวอยู่ แปลก แปลกมาก หนิวไม่สามารถควบคุมตัวเองได้!” ฮูหนิวก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้า
“ฮูหนิว!” หลิงฮันเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าตัวฮูหนิว แต่ทันใดนั้นเอง หลิงฮันรู้สึกแน่นอก และมือของเขาชะงักอยู่กลางอากาศ
ฮูหนิวเดินออกไปข้างหน้าทีละก้าว เมื่อเดินไปถึงหญิงสาวคนนั้น นางก็เอื้อมมือไปที่ไข่
เมื่อมือเล็กๆของนางสัมผัสกับไข่ ทำให้ไข่ส่องแสงสว่างไสวออกมาทันที และจากนั้นมันก็เข้าไปในอกของฮูหนิวก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ในที่สุดเจ้าก็มา” หญิงสาวคนนั้นพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาและไพเราะ
“เจ้าเป็นใคร หนิวรู้จักเจ้าด้วยหรือ?” ฮูหนิวพูดบ่น
“ข้าคือตัวเจ้าในชาติที่แล้ว เจ้าคือทายาทของข้า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าคือตัวเจ้า” เมื่อหญิงสาวคนนั้นกล่าวจบ ร่างของนางเริ่มจางหายไป
นี่นางอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องไข่ใบนั้น?
“หนิวเป็นของหลิงฮันไม่ใช่เจ้าสักหน่อย!” ฮูหนิวพูดคัดค้านทันที
“พระเจ้า! ไข่พระเจ้า!” ทุกคนจ้องมองไปที่ฮูหนิว ไข่ใบนั้นจะต้องเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดบนเรือใบนี้อย่างแน่นอน ขนาดชาเกิดใหม่นั่นยังทรงพลังขนาดนั้น และถ้าไข่พระเจ้าละจะมีประโยชน์มากแค่ไหน?
“ส่งมันมา!”
“ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องตาย!”
ผู้คนจากนิกายพันศพและห้านิกายโบราณเข้าไปล้อมรอบฮูหนิว ในเมื่อหญิงสาวคนนั้นได้สลายหายไปแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวตัวน้อยระดับสวรรค์ พวกเขาจำเป็นต้องหวาดกลัวด้วยรึ?
“พวกเจ้าต้องการบังคับให้ข้าลงมือสังหารพวกเจ้าสินะ” หญิงสาวที่กำลังจางหายไปเปิดปากพูดและปล่อยฝ่ามือที่ดูธรรมดาออกมา ตู้ม จอมยุทธที่เข้าล้อมฮูหนิวถูกฆ่าตายทันที
“พ…พลังระดับพระเจ้า!” ฉัวชี่ฟงและอัจฉริยะที่เหลือที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยุดชะงักทันที สีหน้าของพวกเขาดูหวาดกลัวสุดขีด
ตู้ม ทันใดนั้นเองเนตรแห่งสวรรค์ก็ปรากฏออกมาจากท้องฟ้าและทำให้ดาดฟ้าเรือแกว่งไปมา
ในที่สุดมันก็ปรากฏออกมา
ตอนที่ 842
ออร่าที่สตรีผู้นี้ปลดปล่อยออกมานั้นเหนือกว่าระดับทลายมิติอย่างสิ้นเชิง อำนาจของนางส่งผลให้ทั่วทั้งทวีปฮงเทียนสั่นไหว
ออร่าของนางนั้นไม่ได้ครอบคลุมอยู่เพียงแค่โลกนี้แต่ยังส่งผลกระทบไปยังดินแดนที่อยู่ห่างไกล
การปรากฏตัวของเนตรแห่งเต๋าสวรรค์คือการแสดงออกถึงเจตจำนงของโลกใบนี้ เจตจำนงนั้นคือการที่จะไม่ยินยอมให้มีตัวตนที่ส่งผลต่อสมดุลของสวรรค์และปฐพีอยู่ในโลก
สตรีผู้นี้จะต้องถูกขับไล่ออกไป!
เนตรแห่งเต๋าสวรรค์กระพริบตาขนาดใหญ่ของมัน ทันใดนั้นเองด้านข้างสตรีผู้นั้นก็ปรากฏช่องว่างมิติขึ้นมาเพื่อดูดกลืนนาง ตราบใดที่ถูกดูดเข้าไปในช่องมิตินั่น นางก็จะหายไปจากทวีปฮงเทียนอย่างสมบูรณ์ ส่วนนางที่ถูกดูดเข้าไปจะถูกส่งไปที่แห่งใดนั้น เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ย่อมไม่สนใจ
“ถ้าข้าจะไป ข้าก็จะไปด้วยตัวเอง!” สตรีผู้นั้นสะบัดมือ ช่องว่างมีติที่ปรากฏขึ้นถูกพัดจนสลายไปทันทีราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน
อะไรกัน!
สายตาของทุกคนแข็งข้าง ทั้งห้านิกายโบราณและนิพันศพต่างก็รู้ดีว่าตัวตนระดับพระเจ้านั้นไม่สามารถต่อต้านเจตจำนงของสวรรค์และปฐพีได้ การจะบุกเข้ามาในโลกนี้นั้นพวกเขาต้องยับยั้งพลังของตนเองเอาไว้ และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาใช้พลังของพระเจ้าออกมาพวกเขาจะถูกขับไล่ออกไป
แต่ตอนนี้ล่ะ?
เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ที่ปรากฏออกมาขับไล่แล้ว แต่สตรีผู้นี้ก็ยังคงสภาพอยู่ในโลกนี้ได้
ช่างไร้เหตุผล ช่างไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง!
ร่างของทุกคนสั่นไหว พลังของสตรีผู้นี้ทรงอำนาจเกินกว่าที่พวกเขาจะทำความเข้าใจได้
มีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่คาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ก็หลบหนีไปเพียงเพราะเห็นฮูหนิว และถ้าหากสตรีผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับฮูหนิวจริงๆ นางจะจะแข็งแกร่งกว่าเนตรแห่งเต๋าสวรร์เป็นแน่!
เนตรแห่งเต๋าสวรรค์คือตัวแทนของเจตจำนงแห่งสวรรค์และปฐพี ดังนั้นมันจึงไม่มีการแสดงท่าทีใดๆออกมา มันจ้องมองไปยังสตรีผู้นั้นและลงมือเปิดช่องว่างมิติอีกครั้ง
“ฮึ่ม!” สตรีผู้นั้นดูราวกับมีน้ำโหและสะบัดมืออีกครั้ง
ตูม!
เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ถูกผลักกระเด็น เมื่อโคจรเนตรแห่งสัจธรรมหลิงฮันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีบาดแผลเกิดขึ้นกับเนตรแห่งเต๋าสวรรค์ โลหิตของมันทะลักไหลออกมา
‘พรึบ’ เมฆสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันคือการแสดงออกถึงความเจ็บปวดของสวรรค์และปฐพี การที่สามารถทำให้เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ได้รับบาดเจ็บได้ก็หมายถึงนางคือผู้พิชิตทวีปฮงเทียน
แม้แต่เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ยังถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ นางต้องเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานเป็นแน่ ถ้านางต้องการทำอะไรที่ทวีปฮงเทียนแห่งนี้ ใครกันจะหยุดยั้งนางได้? ต้องรู้ก่อนว่านางในตอนนี้เป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น ถ้าหากนางยังมีชีวิตล่ะนางจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
แต่ถึงแม้จะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นก็ยังต้องตกตาย ศัตรูแบบไหนกันแน่ที่นางต่อสู้ด้วย?
หลิงฮันอดเป็นห่วงฮูหนิวไม่ได้
สตรีผู้นี้กล่าวว่านางคือฮูหนิวในชีวิตที่แล้ว และฮูหนิวคือตัวนางในยุคต่อไป หรือก็คือหากศัตรูที่นางพบเจอยังไม่ตาย ฮูหนิวก็ต้องเกิดการปะทะกับศัตรูที่ว่า!
ตัวตนระดับพระเจ้าอย่างห้านิกายโบราณและอี้ชวงชวงยังถูกยับยั้งพลังเอาไว้โดยสวรรค์และปฐพี แต่สตรีผู้นี้กลับสามารถทำให้เนตรแห่งเต๋าสวรรค์บาดเจ็บได้ ศัตรูของนางจะต้องเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดไหน?
เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ลอยแกว่งไปมาบนท้องฟ้าก่อนจะแวบหายไป
ทุกคนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ยังหวาดกลัวนาง?
ร่างของทุกคนสั่นสะท้านไม่หยุด พลังของสตรีผู้นี้เกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาได้อย่างสิ้นเชิง
“เส้นทางในอนาคตของเจ้า เจ้าจะเป็นคนกำหนดด้วยตัวเอง” สตรีผู้นั้นกล่าวและมองมายังฮูหนิวด้วยสายตาอ่อนโยน ร่างของนางค่อยๆแตกสลายก่อนจะหายไปในที่สุด
ทุกคนจ้องมองไปยังฮูหนิว ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าลงมือใดๆกลับนางเพราะหวาดกลัวสตรีผู้นั้นไปถึงขั้วหัวใจ เพราะอย่างไรก่อนที่นางจะสลายหายไปนางก็สามารถทำให้แม้แต่เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ยังต้องหวาดกลัว
‘ครืนน’ ทั่วทั้งเรือส่งเสียงโครมครามและเริ่มพังทลาย ลำเรือก่อนหน้านี้ที่แม้แต่ช่องว่างมิติก็ทำลายอะไรไม่ได้ตอนนี้กำลังพังทลายกลายเป็นเศษซาก
ผ่านไปไม่นานเรือทั้งลำก็สลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปยังสมบูรณ์ ราวกับว่าเหตุผลที่เรือเดินทางผ่านช่องว่างมิติมาก็เพื่อมอบไข่ใบนั้นให้กับฮูหนิว
บางทีการที่เรือลำนั้นปรากฏขึ้นที่นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นเพราะถูกฮูหนิวดึงดูดมา
หม่าตั้วเปาหยิบขวานภูผาวารีบนพื้นขึ้นมาและยิ้ม “มาสู้กันต่อ!”
‘พรึบ’ เขาไม่มัวลีรอ และโคจรอักขระมากมายบนร่างของเขาให้ส่องสว่าง
หม่าตั้วเปาคือรูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง เขาสามารถสังหารได้แม้กระทั่งพระเจ้า!
เฉินเหวินสือและฉัวชี่ฟงกรีดร้อง พวกเขาถูกสังหารในพริบตา ก่อนหน้านี้อาวุธวิญญาณของพวกเขาถูกยับยั้งเอาไว้เมื่อตอนอยู่บนเรือ แต่ในขณะที่เรือหายไปหม่าตั้วเปาก็ลงมือทันทีทั้งสองคนไม่ทันได้ตอบโต้และถูกสังหารในพริบตา
แปดราชันเองก็เป็นเหมือนกับป่ากระหายเลือด พวกเขากระหน่ำการโจมตีใส่จอมยุทธของห้านิกายโบราณ
ห้านิกายโบราณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แม้จะมีการช่วยเรือจากนิกายพันศพก็ไร้ความหมาย ใครจะไปคิดกันล่ะว่าแท้จริงแล้วหม่าตั้วเปาก็คือรูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง พลังต่อสู้ของเขาไร้เทียมทานที่สุดในโลก!
นอกจากนั้นเซียวเมี่ยวเหยียนกับกวนหยางที่เหลืออยู่ก็มีพลังต่อสู้เพียงสิบแปดดาวเท่านั้น
หลังจากราชันซากศพสิบแปดดาวถูกสังหาร จอมยุทธระดับทลายมิติก็รีบหลบหนีทันที เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ขับขัน พวกเขาสามารถเคลื่อที่ได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับจอมยุทธที่ระดับพลังต่ำกว่าทลายมิตินั้น พวกเขาไม่สามารถหนีได้พ้นยกเว้นแค่บางคนที่ถูกจอมยุทธระดับทลายมิติช่วยหลบหนี จอมยุทธที่เหลืออยู่มีสองทางเลือกคือตายหรือยอมจำนน
ห้านิกายโบราณที่ปกครองภูมิภาคกลางและมีอำนาจแพร่กระจายไปยังอีกสี่ภูมิภาคได้จบสิ้นแล้ว
“พวกมันบางส่วนหนึ่งหนีไปได้” หลิงฮันส่ายหัว เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางนั้นมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาว นอกจากหม่าตั้วเปาแล้วไม่มีใครสามารถชนะทั้งสองได้
จอมยุทธระดับทลายมิติสิบแปดดาวนั้นมีอำนาจเพียงพอให้เกิดคลื่นชั่วร้ายลูกใหม่
“น้องชายตัวดำ ตอนนี้โลกตกอยู่ในความสงบแล้ว ถ้าพวกมันคนอื่นๆที่หนีไปได้ปรากฏตัวอีกครั้งและก่อความวุ่นวาย ข้าจะสังหารพวกมันเอง” หม่าตั้วเปาหัวเราะ “เมื่อถึงเวลาที่จะเปิดสวรรค์ ข้าจะเชิญชวนเจ้าอีกครั้ง”
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า เขายังต้องมีเรื่องให้ต้องตรวจสอบอาการของฮูหนิวอยู่ บางทีไข่ใบนั้นอาจจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อนางก็ได้
พวกเขาแยกย้ายและกล่าวอำลา
หลิงฮันพาฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬและขอให้หอคอยน้อยตรวจสอบอาการของนางให้ละเอียดเป็นครั้งแรก
“ทำไม่ได้!” หอคอยน้อยส่ายหัว “ด้วยพลังในตอนนี้ของข้า ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ นอกเสียจากว่าข้าจะกลับไปมีสภาพที่สมบูรณ์เสียก่อน”
หลิงฮันขมวดคิ้วและถามฮูหนิว “เจ้ามีส่วนใดในร่างกายที่รู้สึกผิดปกติหรือไม่?”
ฮูหนิวครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “มี!”
“เจ้ารู้สึกผิดปกติอย่างไร?”
“หิวแล้ว!”
……. เจ้าเด็กตะกละคนนี้!
ตอนที่ 843
เห็นได้ชัดว่าไข่ใบนั้นมีค่ามากกว่าชาเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับฮูหนิวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกงงงวยมาก
ด้วยข้อสงสัยดังกล่าวที่อยู่ในใจ หลิงฮันได้เดินทางกลับไปที่ภูมิภาคเหนือ
ในตอนนี้ทั้งสี่ภูมิภาคได้รวมเป็นหนึ่งภายใต้การปกครองของจักรวรรดิต้าหลิง และด้วยนโยบายของจักรวรรดิต้าหลิงที่จะมอบผลประโยชน์ให้กับทุกคน จึงทำให้จิตใจของผู้คนรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลิงฮันลองใช้พลังแห่งจักรภพ มันทำให้พลังต่อสู้ของเขาอยู่ที่ระดับทลายมิติเก้าดาว นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก!
พลังต่อสู้ระดับทลายมิติเก้าดาวนั้นถือว่าไม่เลว และมันอยู่เหนือกว่าระดับพลังของหลิงฮันมาก แต่นั่นเป็นเพราะกายหยาบของเขา ทำให้เขาสามารถแบกรับพลังของมันได้
ถ้าเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่น เมื่อใช้พลังแห่งจักรภพพวกเขาสามารถแบกรับพลังได้มากที่สุดแค่ระดับสวรรค์ยี่สิบดาว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแบกรับพลังได้มากกว่านั้น มิฉะนั้นร่างกายของพวกเขาจะระเบิดตายเสียก่อน แต่สำหรับหลิงฮันที่มีกายหยาบของเขาเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ ซึ่งเพียงพอที่จะแบกรับพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเก้าดาวได้
และนี่เกือบจะถึงขีดจำกัดที่กายหยาบของเขาสามารถแบกรับได้
ไม่แปลกที่หม่าตั๋วเป่าไม่ขยายอาณาเขตและเพิ่มจำนวนประชากร แม้เขาจะมีกายหยาบเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบเหมือนกัน แต่เขาสามารถแบกรับพลังได้มากสุดที่สิบดาว ดังนั้นสำหรับเขาแล้วมันจึงไม่มีความหมายที่จะขยายอาณาเขต
หลิงฮันไม่กังวลเรื่องพวกนั้น ถ้าเขาทะลวงผ่านระดับมิติขีดจำกัดที่เขาสามารถแบกรับพลังแห่งจักรภพได้จะขนาดไหน?
ยี่สิบดาว? สามสิบดาว? ห้าสิบดาว?
หลิงฮันตระหนักว่าถ้าเขามีกายหยาบที่แข็งแกร่ง เมื่อรวมกับพลังแห่งจักรภพ มันทำให้เขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเขาบ่มเพาะพลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่ทำให้เขามีกายหยาบแข็งแกร่งขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น พลังวิญญาณของเขาในปัจจุบันเองก็แข็งแกร่งอย่างมาก อาจอยู่เหนือกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถควบคุมพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเก้าดาวได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนความเข้าใจในวิถียุทธของเขาเองก็มีความก้าวหน้าด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้ภายในหนึ่งปี!
จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงกลับมาพร้อมกับผู้คนจำนวนมาก ตอนนี้ห้านิกายโบราณได้ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าสำนักสวรรค์เองก็ไม่มีทางยืนหยัดได้ ศิษย์ของสำนักสวรรค์นั้นเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูง และเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เดิมทีห้านิกายโบราณมีจุดประสงค์ที่จะพาพวกเขาไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาทุกคนมีศักยภาพมากแค่ไหนที่ควรค่าแก่การอบรมสั่งสอน
ดังนั้นสิ่งที่หลิงฮันขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้คือทรัพยากรบ่มเพาะพลัง
ในขณะเดียวกันจักรวรรดิจันทราม่วงได้กระจายข่าวความจริงเกี่ยวกับการชำระล้างไปทุกที่ หลิงฮันเองก็ให้ความร่วมมือและบอกความจริงให้กับทุกคนทั้งสี่ทวีป ดังนั้นถ้าทุกคนต้องการหลีกเลี่ยงชะตากรรมเช่นนั้น มีเพียงแค่วิธีการเดียวคือการเปิดสวรรค์
ในตอนแรก แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ย่อมไม่เชื่อ นั่นเป็นเพราะพวกเขาถูกล้างสมองมาเป็นพันๆปี แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลักฐานเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจำนวนมากจึงเลือกที่จะเชื่อ
ยิ่งหัวใจของผู้คนรวมเป็นหนึ่งมาเท่าไหร่ จักรวรรดิก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
หม่าตั๋วเป่าเห็นด้วยกับหลิงฮันที่จะใช้เวลาหนึ่งปีสำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดสวรรค์ ดังนั้นตลอดทั้งปีหลิงฮันจะมุ่งเน้นไปที่ยกระดับพลัง ถ้าหม่าตั๋วเป่าเปิดสวรรค์สำเร็จมันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ หลิงฮันจะเป็นคนทำแทน
นี่คือทางออกเดียวสำหรับทวีปฮงเทียน
หลิงฮันกำลังจะเปลี่ยนเทคนิคบ่มเพาะพลังที่เขาฝึกฝนอยู่เล็กน้อย เขาไม่ได้เลือกเทคนิคบ่มเพาะพลังของเผ่าใต้สมุทร แต่เลือกของห้านิกายโบราณ
นั่นเป็นเพราะเทคนิคบ่มเพาะพลังของเผ่าใต้สมุทรเหมาะสมสำหรับเผ่าใต้สมุทรเท่านั้น หลังจากที่ห้านิกายโบราณถูกทำลาย หม่าตั๋วเป่าเป็นคนที่ใจกว้างมากและให้หลิงฮันเข้าไปเลือกเทคนิคบ่มเพาะพลังได้ตามใจชอบ
ในตอนนี้ผู้คนที่เหลือรอดของห้านิกายโบราณยังคงหลบหนีอยู่เหมือนกับหนูข้างถนน แล้วพวกเขาจะกล้าปรากฏออกมาได้อย่างไร? สามเดือนต่อมา ทั้งทวีปกลับมาสงบสุขอีกครั้ง และระดับพลังของหลิงฮันก็เพิ่มขึ้นสูงมาก เขาทะลวงผ่านระดับสวรรค์ขั้นสามแล้ว
แต่หลิงฮันก็เชื่อว่าถ้าเซียวเมี่ยวเหยียนปรากฏตัวออกมา เป้าหมายของนางจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!
– พวกเขาไม่กล้าที่จะไปกระตุกหนวดเสืออย่างหม่าตั๋วเป่า เพราะยังไงเขาก็เป็นรูปแบบอามคมสังหารที่หนึ่ง แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดการได้ พวกเขาก็สามารถส่งต่อให้ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จัดการได้ พวกเขาได้สื่อสารกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านช่องทางพิเศษเพื่อรายงานปัญหาต่างๆรวมถึงเรื่องเรือลำนั้น
หญิงสาวนั้นแข็งแกร่งมาก ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางจะต้องเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอน แล้วสมบัติที่คนอย่างนางต้องคอยปกป้องอยู่นั้นมันคืออะไรกันแน่?
ดังนั้น หลิงฮันจึงคิดว่าฮูหนิวอาจจะต้องตกเป็นเป้าหมายหลักของพวกมันอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังมีนิกายพันศพอยู่อีก แม้ตอนนี้พวกมันจะไม่เคลื่อนไหวก็ตาม
อีกหนึ่งเดือนผ่านไป และในที่สุดพวกมันก็ปรากฏตัวออกมา
เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางปรากฏตัวนอกเมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิต้าหลิง พวกมันกระหน่ำโจมตีใส่ม่านพลังที่เกิดจากตราสัญลักษณ์ทำให้มันพังทลายลงทันที และทั้งสองคนเริ่มเข่นฆ่าผู้คนภายในเมือง
“หลิงฮัน เจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีกรึ!” ทั้งสองคนตะโกน “ถ้าเจ้ายังไม่โผล่หัวออกมา พวกข้าจะฆ่าคนทั้งเมือง และถ้าเจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีกพวกข้าก็จะฆ่าผู้คนเมืองอื่นทุกวัน! เจ้าอยากเห็นผู้คนจำนวนมากต้องตายเพราะเจ้าหรือไม่?”
“ไม่!” หลิงฮันเดินขึ้นไปในอากาศ และยืนประชันหน้ากับเซียวเมี่ยวเหยียน และพูดด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่า “ข้ามาแล้ว แต่อย่าได้คิดว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนที่พวกเจ้าได้จินตนาการเอาไว้จะดีกว่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางส่งเสียงหัวเราะ พวกเขาสืบมาแล้วว่าตอนนี้หม่าตั๋วเป่าอยู่ที่ไหน ถ้าหลิงฮันต้องการเรียกเขามาช่วย มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันกว่าเขาจะมาถึง
แล้วในช่วงเวลาสามวันนี้ พวกเขาจะสามารถฆ่าจอมยุทธระดับสวรรค์ได้กี่ร้อยรอบกัน?
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เร่งรีบที่จะลงมือ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยเวลาให้สูญเปล่า
“เจ้ามาจากที่ไหน?” เซียวเมี่ยวเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูโกรธเกรี้ยว
นางเป็นถึงอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์ แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างกับหนูข้างถนนคอยหลบหนี แล้วนางจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้นางต้องการระบายความโกรธใส่หลิงฮัน ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮัน จักรวรรดิจันทราม่วงจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเดิมพันอย่างแน่นอนและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นเวลาร้อยปี
ดังนั้น นางจึงเกลียดชังหลิงฮันยิ่งกว่าหม่าตั๋วเป่า
หลิงฮันไม่ตอบคำถาม เขาเพียงแค่มองไปในระยะไกลและพูดว่า “จักรพรรดิจอมอสูร ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้วจะมัวซ่อนตัวอยู่ไปทำไม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเจอข้าได้ยังไงทั้งที่เป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์?” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัวออกมาจากระยะไกลด้วยสีหน้ามึนงงและประหลาดใจ
ตอนที่ 844
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “เจ้ามีกลิ่นที่น่ารังเกียจ แม้จะอยู่ห่างออกไปร้อยไมล์ข้าก็ได้กลิ่น เช่นนั้นแล้วการหาตัวเจ้าพบจะเป็นเรื่องยากอันใด?”
นั่นเป็นสิ่งที่เขากล่าวออกไปเล่นๆ ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาควบคุมอำนาจแห่งจักรภพอยู่ ตราบใดที่เขาต้องการ เขาก็สามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในทุกๆเมืองผ่านธงที่ปักหอคอยเอาไว้ได้
“เหอะ ก็แค่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่ไม่รู้จักถึงความห่างชั้น ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าวันนี้เจ้าจะหลบหนีไปได้อย่างไร?” เซียวเมี่ยวเหยียนแสยะยิ้ม
นางโกรธแค้นหลิงฮันเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าหนู สตรีผู้นั้นไม่เลวเลย เจ้าต้องให้นางมาเป็นคนรับใช้ของข้า!” เจ้ากระต่ายคำรามดังขึ้นจากพื้นเบื้องล่าง
เซียวเมี่ยวเหยียนกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที แต่เมื่อนางมองไปที่เจ้ากระต่ายนางก็อุทานออกมา “ทายาทของเผ่าชิงอี?”
“เจ้ากล้าเอ่ยเรียกบรรพบุรุษของข้าเช่นนั้นได้อย่างไร!” เจ้ากระต่ายตะโกนเสียงดัง
ใบหน้าอันงดงามของเซียวเมี่ยวเหยียนกระตุกเพราะความตกตะลึง เผ่าชิงอีคือเผ่าที่น่าสะพรึงกลัวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นนางจึงไม่อยากจะสร้างความบาดหมางกับทายาทของพวกเขาเสียเท่าไหร่ ถ้าหากนางลงมือจริงๆเจ้ากระต่ายคงจะตายไปแล้ว
นางเมินเฉยเจ้ากระต่ายและจ้องมองหลิงฮัน “กายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบของเจ้านั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ตราบใดที่ข้าเป็นคนลงมือ ข้าก็ยังมีวิธีที่จะทำลายพลังป้องกันของเจ้า!”
“ข้าเริ่มจะกลัวขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ” หลิงฮันหัวเราะ “พวกเจ้าฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตมากมายเพื่อหลอมโลกเบื้องล่างให้เป็นเม็ดยา วันนี้หัวของเจ้าจะต้องถูกตัดขาดเพื่อสังเวยต่อชีวิตเหล่านั้น”
“เจ้าหนู ห้ามทำเช่นนั้น นำนางมาเป็นคนรับใช้ของข้า!” เจ้ากระต่ายตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“การที่พวกเจ้าทั้งสามคนมาปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้พร้อมกัน ถือว่าเป็นการช่วยให้ข้าจัดการปัญหาที่ใหญ่ที่สุดทิ้งได้พอดี!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางนั้นมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาว ทั้งสองเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของโลกนี้ไม่ผิดแน่ ถ้าเขาสามารถกำจัดทั้งสองทิ้ง ภัยคุกคามอื่นๆคงจะปล่อยให้แปดราชันเป็นคนจัดการได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน!” จักรพรรดิจอมอสูรยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน เขากับพวกเซียวเมี่ยวเหยียนนั้นไม่ได้วางแผนว่าจะมาบุกเมืองจักรพรรดิด้วยกัน
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของเซียวเมี่ยวเหยียน เขาจึงเกิดความคิดที่จะแอบซุ่มอยู่เงียบๆและคอยลอบโจมตี แต่เขาไม่คาดเคยเลยว่าจะโดนหลิงฮันเปิดโปงซะก่อน
หลิงฮันจ้องมองไปยังเซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางโดยเมินเฉยของจักรพรรดิจอมอสูรอย่างสิ้นเชิง การกระทำของเขาทำให้จักรพรรดิจอมอสูรโกรธมาก ข้าเป็นถึงตัวตนสุดแข็งแกร่งที่เคยเหยียบย่ำทวีปฮงเทียนมาแล้ว เพื่อที่จะแยกร่างของเขาออกเป็นเก้าส่วน จอมยุทธนับไม่ถ้วนต้องยอมแม้แต่สละชีวิตของตนเอง แต่ตอนนี้หลิงฮันกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
บัดซบ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องยับยั้งพลังเอาไว้เพื่อทำภารกิจที่สำคัญ เขาคงระเบิดอำนาจของพระเจ้าออกมาเพื่อสังหารหลิงฮันแล้ว
“หอคอยน้อย!”
หลิงฮันกล่าวในใจ ‘ครืนน’ หอคอยทมิฬสั่นไหวและมอบพลังให้กับเขา ภายในพริบตาพลังบ่มเพาะของเขาก็ทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรอำนาจในจักรภพเสริมไปอีก
“อะไรกัน!”
ทั้งสามคนตกตะลึงและอุทานออกมาพร้อมๆกัน ทำไมแค่พริบตาเดียวกลิ่นอายของหลิงฮันถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ทำไมจู่ๆพวกเขาถึงสัมผัสได้ถึงอำนาจที่น่าขนลุกจากตัวหลิงฮัน?
แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติสิบแปดดาวอย่างพวกเขายังขนลุก นี่เกิดอะไรขึ้นกับหลิงฮันกันแน่?
หลิงฮันเค้นเสียงเย็นชาและนำดาบสังหารออกมา มือของเขาสั่นไหวเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นใช้งานอำนาจของดาบสังหารที่ได้ชื่อว่าเป็นดาบอันดับหนึ่งภายใต้สวรรค์ ตอนนี้พลังบ่มเพาะของหลิงฮันกลายเป็นระดับทลายมิติแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้งานอำนาจของดาบเล่มนี้ได้
“ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด!” เซียวเมี่ยวเหยียนคำราม ปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งปราฏขึ้นด้านหลังของนางและกระพือไปมา กลิ่นอายของนางทรงพลังขึ้นอย่างมาก นางนำดาบสีแดงโลหิตออกมาและโจมตีใส่หลิงฮัน
นางโคจรพลังสายเลือดเพื่อรีดเค้นพลังต่อสู้ออกมาถึงขีดสุด
ตูม!
ดาบสองเล่มเข้าปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นแสงที่รุนแรง ปราณดาบที่ปะทะกันทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้าจนดวงดาวแหลกสลาย ‘ปัง’ ร่างหนึ่งถูกกระแทกกระเด็นออกมาจากคลื่นแสงและชนเข้ากับภูเขาลูกที่ตั้งอยู่ห่างไกล
‘ครืนนน’ ภูเขาลูกนั้นถล่มลงมาทันทีก่อให้เกิดเสียงสนั่นสั่นไหวไปทั่วปฐพี
กวนหยางจ้องมองและเห็นได้ชัดว่าร่างที่กระเด็นออกไปคือเซียวเมี่ยวเหยียน!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!
เซียวเมี่ยวเหยียนที่ทรงพลังเช่นนั้นไม่สามารถหยุดดาบของหลิงฮันได้?
ร่างของจักรพรรดิจอมอสูรสั่นสะท้าน นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงของหลิงฮันเมื่อครู่ทำให้พลังต่อสู้ของเขาทะยานขึ้นสูงถึงระดับทลายมิติยี่สิบดาว! พลังต่อสู้ระดับนี้คือจุดสูงสุดของมวลมนุษย์
ต้องหนี!
จักรพรรดิจอมอสูรล้มเลิกแผนการที่เคยคิดเอาไว้และต้องการจะล่าถอย
หลิงฮันยืนนิ่งและจับดาบไว้แน่น เซียวเมี่ยวเหยียนที่พุ่งเข้าปะทะกับเขาซึ่งๆหน้าเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นการแซ่หาความตายรึไงกัน?
ด้วยพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬและอำนาจแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับทลายมิติยี่สิบดาว!
ด้วยพลังต่อสู้เช่นนี้แม้เขาจะไม่ใช่ทักษะยุทธใดๆ เขาก็ยังเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในโลก
แล้วถ้าหากเขาใช้ทักษะอย่างสามดาบเร้นลับกับทักษะผนึกพลิกปฐพี พลังต่อสู้ของเขาจะเป็นเท่าใดกัน?
“คิดจะหนี?” หลิงฮันแสยะยิ้มและใช้ดาบโจมตีใส่จักรพรรดิจอมอสูร
‘ตูม’ ร่างของจักรพรรดิจอมอสูรขาดกระจุยทันทีอย่างไม่อาจต่อต้าน
พลังต่อสู้สิบห้าดาว ต่อหน้าหลิงฮันตอนนี้แล้วจะนับเป็นอันใดได้? เพียงแต่ว่าจักรพรรดิจอมอสูรนั้นไม่มีทางตายง่ายๆ ในขณะที่ร่างของเขาขาดกระจุย หมอกสีดำก็ลอยออกมาและหมุนวนรวมกันในจุดจุดเดียว หมอกสีดำไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรแต่แค่เข้ามารวมกันเฉยๆ
เขาไม่มีร่างกายที่แท้จริง แต่ตัวตนของเขาคือปราณอสูร
หลิงฮันใช้ดาบโจมตีอีกครั้ง ปราณอสูรถูกผ่าออกเป็นสองส่วนแต่ก็กลับมาผสานรวมกันใหม่อย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีวันตาย
“ฮ่าๆๆ ราชาผู้นี้คือปราณอสูร สิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ ถ้าเจ้าคิดจะสังหารราชาผู้นี้มันยังเร็วไปล้านปี!” จักรพรรดิตอมอสูรใช้สัมผัสสวรรค์กล่าว ในเมื่อเขาไม่มีร่างกายแล้วเขาก็ไม่สามารถใช้เสียงพูดตามปกติได้
หลิงฮันเค้นเสียง ร่างของเขาพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วและโคจรแก่นแท้แห่งดาบจู่โจมจักรพรรดิจอมอสูร
“อะไรกัน!” สัมผัสสวรรค์ของจักรพรรดิจอมอสูรส่งเสียงร้องโอดครวญ แก่นแท้แห่งดาบนั้นไม่ใช่แค่สามารถจู่โจมได้แค่วิญญาณ แต่มันยังใช้จัดการสิ่งมีชีวิตจำพวกอสูรได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพอีกด้วย
หลิงฮันใช้ช่วงโอกาสสั้นๆนั้นคว้าปราณอสูรของจักรพรรดิจอมอสูรเอาไว้และนำเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ตอนที่ 845
เมื่อถูกพาเข้าไปในหอคอยทมิฬไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนอีกฝ่ายก็ต้องพูดสารภาพ!
หลิงฮันปรากฏตัวออกมาและหันไปมองกวนหยวง
การต่อสู้ของเขากับจักรพรรดิจอมอสูรนั้นยาวนาน แต่ที่จริงแล้วเพียงแค่สองหรือสามกระบวนท่าเท่านั้น และกวนหยางยังคงรู้สึกตกตะลึง
ปัง ในระยะไกล เซียวเมี่ยวเหยียนบินขึ้นมาจากภูเขาที่พังทลายและเสื้อผ้าของนางถูกฉีกขาดหลายจุดทำให้เห็นผิวขาวของนาง ซึ่งดูน่าดึงดูดเป็นอย่างมากก ตรงมุมปากของนางมีรอยเลือดปรากฏให้เห็น สีหน้าของนางดูซีดขาวและผมยุ่งเล็กน้อย และสายตาของนางก็เต็มไปด้วยความกลัว
นางกำลังหวาดกลัวอยู่จริงๆ
นางจะต่อกรกับหลิงฮันได้ยังไง?
นางอยากจะร้องไห้ออกมาทั้งที่พลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถกวาดล้างโลกเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย แต่ที่จริงแล้วนางกับเป็นฝ่ายถูกเล่นงานอยู่หลายครั้ง
ครั้งแรกคือหม่าตั๋วเป่า ครั้งที่สองคือจอมยุทธที่อยู่ในเรือลึกลับ และครั้งนี้ก็คือหลิงฮัน
หรือว่าที่นี่จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
“หนี!” นางรีบตัดสินใจหนีทันที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนางควรให้ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นคนจัดการต่อ
กวนหยางไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่หันหลังกลับและรีบหนี
หลิงฮันเผยรอยยิ้มและพูดว่า “พี่ชายกวน เจ้าเป็นถึงอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับทำตัวน่าอับอายอย่างการหลบหนี คิดหรือว่าจะหนีข้าพ้น?”
ใบหน้าของกวนหยางกลายเป็นบิดเบี้ยว ตอนนี้เขาจะต่อกรกับหลิงฮันได้อย่างไร?
ต้องหนีเท่านั้น!
“ในเมื่อพี่ชายกวนไม่ให้ความร่วมมือ ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่น!” หลิงฮันใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจและทักษะอัสนีเก้าทิวา ทำให้ความเร็วของเขารวดเร็วดั่งภูติผี และปรากฏตัวอยู่ด้านหน้ากวนหยาง
กวนหยางกัดฟัน ปัง มีแสงสว่างออกมาจากร่างกายของเขา
เขาเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเอง และคิดที่จะหลบหนีให้ได้
“เจ้าไม่ดูถูกโลกเบื้องล่างแล้วใช่หรือไม่?” หลิงฮันพูดเยาะเย้ย และโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือผนึกพลิกปฐพี ทำให้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีทอง “แทนที่จะวิ่งหนีหันมาสู้กับมดที่ต่ำต้อยอย่างพวกข้าดีกว่า”
ความเร็วของกวนหยางนั้นรวดเร็วมาก แต่เขาก็ถูกขัดขวางโดยการโจมตีของหลิงฮันและกระเด็นกลับมาด้านหลัง
นี่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมาก อีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวเขาไม่สามารถหลบหนีได้ แต่ยังขวางทางเขาได้ด้วย! นี่หมายความว่ายังไงน่ะหรือ? พลังต่อสู้ของหลิงฮันมีกว่ายี่สิบดาว!
“ข้าจะโจมตีเจ้าด้วบดาบหนึ่งกระบวนท่า ถ้าเจ้าสามารถรับได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” หลิงฮันส่งเสียงคำราม “ข้าให้คำมั่นสัญญา!” คำพูดของเขาดังไปทั่วโลกผ่านตราสัญลักษณ์
“องค์จักรพรรดิจงเจริญ!”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
ผู้คนที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิรู้ความจริงละส่งเสียงให้กำลังใจทันที แต่ถึงแม้ว่าเมืองอื่นจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาก็รู้สึกว่าโลหิตของพวกเขากำลังเดือดพล่าน และรู้สึกว่าองค์จักรพรรดิของพวกเขาน่าเกรงขามมาก แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดทันทีผ่านตราสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ความแข็งแกร่งของหลิงฮันจะเฉิดฉายตราตรึงอยู่ในใจทุกคน
ในไม่ช้า ทั้งจักรวรรดิต้าหลิงก็รู้ว่าจักรพรรดิของพวกเขากำลังต่อสู้กับพระเจ้าผู้ที่จะหลอมพวกเขาทุกคนให้กลายเป็นเม็ดยา
-แม้ว่ากวนหยางและเซียวเมี่ยวเหยียนจะไม่ใช่ตัวตนระดับพระเจ้า แต่ทำไมพวกเขาจะต้องสนใจเรื่องพวกนั้นด้วย? แม้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอยากจะพูดอธิบาย แต่แบบนั้นมันก็ดีเหมือนกันที่จะทำให้หลิงฮันดูน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่เลือดของทุกคนกำลังเดือดพล่าน หลิงฮันรู้สึกว่าพลังแห่งจักรภพที่เขาแบกรับอยู่นั้นทรงพลังขึ้นเล็กน้อย และทำให้เขารู้สึกเล็กน้อยว่าร่างกายกำลังจะระเบิด
เมื่อสี่ภูมิภาคกลายเป็นหนึ่งจะเทียบได้กับภูมิภาคกลาง
แน่นอนว่ากายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบนั้นสามารถแบกรับพลังแห่งจักรภพได้ แต่ถ้ามันมากเกินไปมันจะเป็นการระเบิดตัวเอง! หม่าตั๋วเป่านั้นตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตัวเองดี เขาจึงไม่แผ่ขยายอาณาเขต เพียงแค่พลังแห่งจักรภพของภูมิภาคกลางที่เดียวเขายังไม่มั่นใจเลยว่าจะแบกรับได้
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและเตรียมใช้ทักษะดาบสามพันเล่ม
“เป็นไปได้ยังไง! มันเป็นไปได้ยังไงกันที่ทัก-!”
ฉัวะ!
หลังจากที่เห็นทักษะดาบสามพันเล่ม กวนหยางรู้สึกตกใจทันที นี่คือทักษะของพระราชวังดาบสวรรค์ไม่ผิดแน่ แล้วมดปลวกที่อยู่โลกเบื้องล่างสามารถใช้มันได้ยังไง? แต่เขายังไม่ทันได้พูดจบ ร่างกายของเขาก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนแล้ว
พลังต่อสู้และกายหยาบของเขาด้อยกว่าหลิงฮันในตอนนี้มาก แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรับการโจมตีของหลิงฮันได้อย่างแน่นอน
“กวนหยาง!” เซียวเมี่ยวเหยียนหันกลับไปมองและเห็นกวนหยางถูกฆ่าด้วยดาบของหลิงฮัน เมื่อเห็นเช่นนั้นช่วยไม่ได้ที่นางจะพูดออกมาว่า “เจ้ากล้าสังหารผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ชะตากรรมของเจ้ามันได้ถูกกำหนดแล้ว!เมื่อคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกข้าลงมา เจ้าจะต้องตายเป็นคนแรก!”
สีหน้าของหลิงฮันกลายเป็นหนาวเย็น “ทุกหมื่นปี ห้านิกายโบราณจะทำการหลอมสิ่งมีชีวิตบนโลกให้กลายเป็นเม็ดยา เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันผ่านมากี่ปีแล้ว และมีผู้คนมากมายเท่าไหร่ที่ต้องตายไป? และเมื่อใดที่ข้าเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะขุดรากถอนโคลนพวกมันให้หมด!”
“เจ้ามันก็แค่ปลาก้นบ่อที่ไม่รู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดและพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน!” เซียวเมี่ยวเหยียนเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเอง ตราบใดที่นางสามารถออกไปจากจักรวรรดิต้าหลิงได้ หลิงฮันก็จะไม่สามารถใช้พลังแห่งจักรภพได้อีกต่อไป
และในเวลานั้น นางก็จะเริ่มทำการตอบโต้ ถ้าเขาไล่ตามนางมา
“ดูจากพวกเจ้าแล้ว มันทำให้ข้าสามารถจินตนาการได้ว่าห้านิกายโบราณที่อยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างมากก็อยู่แค่ระดับสุริยันจันทรา!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
อย่างมากอยู่ที่ระดับสุริยันจันทรา? นี่เขารู้หรือไม่ว่าระดับพลังของพระเจ้านั้นยากเย็นแค่ไหนกว่าจะทะลวงผ่านได้แต่ละระดับ? ระดับแต่ละระดับของพวกเขาเปรียบได้เหมือนกับระดับหลอมกายาและระดับทลายมิติ!
และหนึ่งระดับยังแบ่งออกเป็นสี่ขั้นคือ ต่ำ กลาง สูง และสูงสุด ซึ่งช่องว่างแต่ละขั้นนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก แทบจะไม่มีใครสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้เลย
แล้วระดับสุริยันจันทราจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
อย่างน้อยมันก็สามารถเทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติสิบกว่าคน!
“พูดจาใหญ่โต!” เซียวเมี่ยวเหยียนกล่าวโดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องพวกนั้นอี้ชวงชวงได้พูดให้หลิงฮันฟังแล้ว
“หึ่ม ถ้าเจ้าไม่เชื่อ แน่จริงรับการโจมตีของข้าให้ได้สิ!” หลิงฮันไล่ตามนางอยู่ด้านหลัง ในขณะที่อีกฝ่ายเผาผลาญพลังชีวิตเพื่อหลบหนี แต่ทว่าแม้ว่าเขาจะใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจและทักษะอัสนีเก้าทิวาก็ยังตามความเร็วของนางไม่ทันอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือจักรวรรดิต้าหลิง!
ตอนที่ 846
อาณาเขตภายใต้ท้องฟ้าที่เจ้าอยู่นี้คืออาณาจักรของข้า!
เจ้าคิดจะมาก็มาจะไปก็ไปได้ตามใจชอบ? ไร้สาระสิ้นดี!
หลิงฮันเอื้อมมือออกไป ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คลื่นพลังนับไม่ถ้วนไหลผ่านเข้ามารวมกันและเฉือนเข้าใส่เซียวเมี่ยวเหยียนราวกับใบดาบ
นี่ไม่ใช่พลังจากทักษะของเขา แต่เป็นพลังของอำนาจแห่งจักรภพ
ตามจริงแล้ว ตราบใดที่เขาอยู่ในจักรวรรดิต้าหลิง เขาสามารถสร้างคลื่นโจมตีได้ในทุกซอกทุกมุมของพื้นที่ที่มีธงของเขาปักอยู่ แต่การจะทำเช่นนั้นจำเป็นต้องมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แม้หลิงฮันจะมีพลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นเป็นระดับทลายมิติแล้ว เขาก็ไม่อาจใช้พลังเช่นนี้ได้ในระยะไกล
เพียงแต่ว่าเซียวเมี่ยวเหยียนนั้นอยู่ห่างจากเขาไปเพียงกี่สิบไมล์ ถ้าแม้แต่ระยะแค่นี้เขายังไม่สามารถควบคุมพลังได้ ไม่ใช่ว่านั่นหมายถึงเขาใช้อำนาจแห่งจักรภพได้อย่างสูญเปล่าหรอกรึ!
ตูม!
เซียวเมี่ยวเหยียนถูกคลื่นพลังโจมตีใส่ทันที แต่เนื่องจากมันเป็นเพียงพลังแก่งจักรภพอย่างเดียว มันจึงอำนาจแค่ระดับทลายมิติเก้าหรือสิบดาวเท่านั้น อำนาจแค่นี้ไม่เพียงพอจะคุกคามนางได้ แค่มันก็เพียงพอที่จะทำให้นางหยุดชะงักและหันกลับมาตอบโต้
เพราะอย่างไรเนื่องจากการโจมตีของหลิงฮันเมื่อครู่สภาพของนางในตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ นางจะเมินเฉยยอมถูกโจมตีได้อย่างไร?
ดังนั้นแล้วความเร็วของนางจึงได้รับผลกระทบและเคลื่อนไหวได้ช้าลงเล็กน้อย
หลิงฮันยิ้ม เขายกมือขึ้นสูงและโคจรปราณดาบนับไม่ถ้วนกระหน่ำโจมตีใส่เซียวเมี่ยวเหยียน
ตอนนี้เขาต้องแข่งกับเวลา
แม้พลังแห่งจักรภพสามารถใช้งานได้แทบไม่มีวันหมด แต่พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬนั้นสามารถคงสภาพไว้ได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ถ้าภายในเวลาครึ่งชั่วโมงนี้เขาไม่สามารถสังหารเซียวเมี่ยวเหยียนได้ เขาก็คงต้องยอมล้มเลิกความคิดที่จะไล่ตามนาง
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ เซียวเมี่ยวเหยียนกวัดแกว่งดาบปลดปล่อยปราณตอบออกมาตอบโต้อย่างต่อเนื่อง แต่นางก็พบว่าร่างของหลิงฮันนั้นค่อยๆเข้าใกล้นางมาเรื่อยๆ
จิตใจของนางหวาดกลัวและเมินเฉยปราณดาบที่หลิงฮันโจมตีมา นางเปลี่ยนมาโคจรปราณก่อเกิดรอบกายเพื่อเป็นโล่คุ้มกันและหลบหนีต่อ
ถึงแม้นางจะรู้สึกหวาดกลัวต่อปราณดาบเหล่านั้น แต่ระยะของนางกับหลิงฮันก็เริ่มห่างกันอีกครั้ง ด้วยความเร็วของนาง เพียงแค่ครึ่งวันก็คงจะสามารถทำให้นางหนีได้พ้นจากพื้นที่ที่เป็นอาณาเขตของจักรวรรดิต้าหลิง
เมื่อถึงตอนนั้นคอยดูแล้วกันว่าใครจะเป็นฝ่ายสังหารใคร!
ดวงตาอันงดงามของเซียวเมี่ยวเหยียนปริ่มไปด้วยจิตสังหาร นางที่เป็นอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เมื่อลงมายังโลกเบื้องล่าง นางกลับต้องเผาผลาญพลังชีวิตของตนเพื่อหลบหนี
ในขณะนางกำลังคิดเช่นนั้นอยู่ นางก็เห็นร่างเล็กๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพร้อมกับหมัดที่พุ่งเข้าใส่
“กำปั้นพายุหมุนของหนิว!”
ปัง!
หมัดเล็กๆกระแทกเข้าใส่ใบหน้าของนาง
เซียวเมี่ยวเหยียนไม่คิดว่าจู่ๆจะมีใครปรากฏที่ด้านหน้านางได้ ในขณะที่นางบินด้วยความเร็วเช่นนี้การโจมตีสมควรจะมาจากด้านหลังเท่านั้น!
อะไรกัน นี่ข้าเจอผีรึไง? นางที่ยอมเผาผลาญแม้แต่พลังชีวิตของตน จะมีใครไล่ตามนางทันด้วยรึ?
จมูกของนางเต็มไปด้วยโลหิตพร้อมกับร่างที่กระเด็นถอยหลัง การที่ถูกหมัดโจมตีในขณะที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงทำให้นางไม่สามารถควบคุมร่างได้
“หนิวเจ็บแขนไปหมดเลย!” ฮูหนิวรีบชักมือกลับ หมัดที่ชกเข้าใส่เซียวเมี่ยวเหยียนที่เคลื่อนที่ด้วย ความเร็วเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการชกหมัดใส่กำแพงที่มีความทนเท่ากับพลังที่นางชกออกไป กระดูกแขนของฮูหนิวแตกร้าวและห้อยอย่างไร้เรี่ยวแรง
“บัดซบ!” เซียวเมี่ยวเหยียนค่อยๆทรงตัว นางมองไปยังฮูหนิวด้วยสายตาดุร้าย
เด็กสาวตรงหน้านางนั้นครอบครองสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องหวั่นไหว
สังหารเด็กสาวคนนี้และนำสมบัติมา!
ใบหน้าของเซียวเมี่ยวเหยียนแสดงออกถึงความละโมบ
แต่ทันใดนั้นเองเมื่อนางหันหลังกลับไปมอง นางก็เห็นหลิงฮันที่พุ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับถือดาบสังหารไว้ในมือ!
“อย่าสังหารข้า! ข้ายอมเป็นผู้หญิงขิงเจ้าก็ได้!” นางกรีดร้อง “ด้วยรูปลักษณ์และพรสวรรค์ของข้า ข้าไม่ทางเป็นตัวถ่วงของเจ้าแน่!” นางแสยะในใจ เป็นเพียงพูดออกไปตามแผนเท่านั้นและจะใช้พลังทั้งหมดโจมตีออกไปเพื่อสังหารหลิงฮัน
“เจ้าหวังสูงเกินไปหน่อยนะ!” หลิงฮันกวัดแกว่งดาบอย่างไม่ลังเล
อะไรกัน!
นางที่ทั้งงดงามและมีพรสวรรค์สูงส่งเช่นนี้ เขายังกล้าลงมืออีกรึ?
ฉัวะ!
ดาบสะบั้นอย่างรุนแรงพร้อมกับหัวของนางที่หลุดออกจากบ่า ร่างที่ไร้หัวเอนไปมาเล็กน้อยก่อนร่วงหล่นจากท้องฟ้า
หลิงฮันเก็บดาบและกล่าว “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ขอข้าดูบาดแผลหน่อย!”
“หนิวเจ็บมากเลย!” ฮูหนิวทำสีหน้าบูดบึ้ง
หลิงฮันนำสมุนไพรออกมารักษานางก่อนจะยิ้ม “เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก ข้ากังวลแทบแย่ว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป!”
จอมยุทธระดับทลายมิติที่หลบหนีด้วยการเผาผลาญพลังชีวิตและมีพลังต่อสู้สิบแปดดาวนั้น บางที่แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติด้วยกันเองก็ต้องร่างแหลกสลายหากทำเช่นฮูหนิว
แต่ไม่ว่าอย่างไรฮูหนิวก็คือฮูหนิว ตรรกะทั่วไปไม่อาจใช้กับนางได้
“สตรีน่าเกลียดผู้นี้กล่าวจะต้องการเป็นผู้หญิงของหลิงฮัน หนิวไม่ยอมเด็ดขาด!” ฮูหนิวใช้แขนอีกข้างคว้าหลิงฮันเอาไว้ “หลิงฮันเป็นของหนิว!” นางกล่าวอย่างนักแน่นในขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
หลิงฮันหัวเราะ เด็กสาวคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปของนางก็คือนางเติบโตเป็นผู้หญิงมากขึ้น
“หนิวอยากกินอาหารอร่อยๆเยอะ!” ฮูหนิวเร่งเร้าหลิงฮัน
หลิงฮันพยักหน้า เขาตรวจสอบร่างของเซียวเมี่ยวเหยียนแต่ก็ไม่พบอุปกรณ์มิติใดๆ ด้วยสถานะของนางเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะไม่มีอุปกรณ์มิติติดตัว บางทีการที่จะลงมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์มิติอาจจะถูกห้ามนำลงมาไม่งั้นจะถูกทำลายเป็นแน่ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วจอมยุทธจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงสามารถนำสมบัติล้ำค่าลงมาสร้างความปั่นป่วนบนโลกนี้ได้แล้ว
เขาเข้าหอคอยทมิฬไปพร้อมกับฮูหนิวและเตรียมอาหารให้นาง
จากนั้นหลิงฮันก็เรียกจักรพรรดิจอมอสูรให้ปรากฏออกมา
ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันคือพระเจ้า
จักรพรรดิจอมอสูรสั่นสะท้านด้วยความกลัว เขาถูกอำนาจของหอคอยทมิฬครอบงำแล้ว ตอนนี้เขาไม่หลงเหลืออารมณ์โกรธแค้นหรือความหยิ่งยโสอีกต่อไป
“ข้าจะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่แก่ท่าน ได้โปรดอย่าสังหารข้าเลย!” จักรพรรดิร้องโอดครวญทันทีที่เห็นหลิงฮัน ก่อนหน้านี้หอคอยน้อยได้ทำให้เขารู้แล้วว่าในสถานที่แห่งนี้ชีวิตของเขาถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
หลิงฮันไม่ชื่นยอมคนนิสัยเช่นนี้ ถ้าหากอีกฝ่ายยอมตายเงียบอย่างสมศักดิ์สรี เขาก็ยังพอมีความรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง “ความลับใดกันที่เจ้าคิดว่าจะช่วยให้เจ้าหนีพ้นความตายได้?”
“ท่านจะต้องรู้สึกสนใจแน่ๆ!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบกล่าว “ความลับนี้เกี่ยวข้องกับทั่วทั้งทวีปฮงเทียน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น