Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 835-838

ตอนที่ 835

 

มนุษย์แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?


จอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาวเกือบจะอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ และพวกเขายังมีกันถึงเจ็ดคน และด้วยการร่วมมือกันทำให้พวกเขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวได้ แต่ทำไมพวกเขาถึงยังคงรู้สึกหวั่นเกรง?


หรือว่าความแข็งแกร่งของหม่าตั๋วเป่าจะมากกว่ายี่สิบดาว?


“ไม่มีทาง!”


อู่เกาเหยียนและคนอื่นส่ายหัวปฏิเสธ พวกเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าจะมีคนที่มีพลังต่อสู้มากกว่ายี่สิบดาวอยู่แม้แต่ทายาทของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับพลังต่อสู้ยี่สิบดาวก็ยังแทบจะไม่มี


“วันนี้พวกเขาจะต้องจัดการเขาให้ได้ มิฉะนั้นถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งจักรพรรดิ เขาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก!” ฉัวชี่ฟงกล่าว


“ตาย!” เซียวเมี่ยวเหยียนตะโกนและหยดโลหิตหนึ่งหยดลงบนดาบ โลหิตเริ่มหนืดราวกับว่ามันกำลังตกผลึก


ในขณะที่นางหยดโลหิตลงไป สวรรค์และปฐพีเริ่มเคลื่อนไหวและปรากฏเมฆครึ้มไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับสายฟ้าที่วิ่งอยู่ด้านใน


โลหิตหยดนั้นทรงพลังเกินไป แม้แต่สวรรค์และปฐพียังต้องเคลื่อนไหว!


“โลหิตพระเจ้า!” ในที่สุดหม่าตั๋วเป่าก็แสดงสีหน้ากังวลออกมา


แน่นอนว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ส่งพวกเขาลงมาห้าคนเท่านั้น แต่ยังให้สมบัติล้ำค่าติดตัวมาด้วย! แม้ว่าหยดโลหิตจะไม่สามารถเป็นตัวแทนตัวตนระดับพระเจ้าได้ แต่พลังของมันสามารถขับเคลื่อนสวรรค์และปฐพีได้


เซียวเมี่ยวเหยียนพูดพึมพัมกับตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังพูดอะไร และโลหิตของพระเจ้าก็เปลี่ยนเป็นสายฝนและโปรยปรายอยู่บนดาบของนาง ทันใดนั้นเอง ดาบของนางก็เปล่งแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา และบดบังขวานภูผาวารี


โลหิตหนึ่งหยดของพระเจ้าเทียบได้กับขวานภูผาวารีของจริง มันน่าสะพรึงกลัวมาก


ในขณะเดียวกันฉัวชี่ฟงและคนอื่นๆก็นำหยดโลหิตออกมาเพื่อเสริมแกร่งให้กับอาวุธวิญญาณของตัวเองเหมือนกัน และทันใดนั้น กลิ่นอายของพวกเขาก็เริ่มน่าสะพรึงกลัวขึ้นหลายเท่า ราวกับว่าพวกเขาทุกคนกลายเป็นตัวตนระดับพระเจ้า


ตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวไม่ได้ด้อยไปกว่าหม่าตั๋วเป่าอีกต่อไป


“ตาย!”


พวกเขาทั้งห้าคนร่วมมือกันและปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกมา อาวุธวิญญาณทั้งห้าชิ้นแผ่กระจายอำนาจอันยิ่งใหญ่ออกมาและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ดวงดาวแตกเป็นเสี่ยงๆ


การโจมตีนี้จะป้องกันได้อย่างไร?


เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวห้าคน แม้จะมีกายหยาบเทียบเท่ากับแร่เหล็กระดับสิบก็ไม่มีทางต้านทานได้! เป็นไปได้ไหมว่ากายหยาบของหม่าตั๋วเป่ามีความยืดหยุ่นมากกว่ากายหยาบของหลิงฮัน?


มันจบแล้ว!


หม่าตั๋วเป่ายังคงเผยสีหน้าที่เคร่งขรึม ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางต่อกรกับคนที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวพร้อมกันห้าคนในคราวเดียวได้! แต่ทันใดนั้นเอง เขาเหยียดนิ้วออกมาและตะโกนว่า “เปิด!”


ปัง!


ทันใดนั้นเอง จิตสังหารที่ไม่รู้จบพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา และร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสีขาวออกมาและสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าบนผิวของเขาเต็มไปด้วยอักขระเรืองแสงนับไม่ถ้วนและให้กลิ่นอายที่เก่าแก่


สิ่งที่น่าตกตะลึงมากกว่านั้นคือจิตสังหารที่ไม่รู้จบที่ทำให้ทุกคนต้องหวาดกลัว


เจตจำนงแห่งเต๋า?


ไม่ใช่ นี่มันรูปแบบอาคม!


หลิงฮันเคยเห็นหยินหงสร้างรูปแบบอาคมบนเรือนรางของนางมาก่อนซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับเขา ในการต่อสู้ถ้าเขากระตุ้นรูปแบบอาคมบนร่างกายมันก็จะสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา แต่รูปแบบอาคมของหม่าตั๋วเป่า…มันดูเป็นหนึ่งเดียวกันธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ!


แม้แต่หลิงฮันก็ยังสงสัยว่าใครสามารถสร้างรูปแบบอาคมแบบนั้นได้ แม้จะมองด้วยเนตรแห่งสัจธรรมเขาก็ไม่อาจมองความซับซ้อนของมันออก ความซับซ้อนแบบนั้น ถ้าไม่ได้เรียนรู้มานานหลายร้อยปี คงไม่มีทางสร้างขึ้นมาได้


หรือว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับรูปแบบอาคม? ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นเหมือนกับรูปแบบอาคมสังหารที่สาม!


ถ้าเป็นในกรณีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่รูปแบบอาคมสังหารที่สามจะหวาดกลัว เพราะพวกเขาต่างมองกันและกันออก


แต่ว่ารูปแบบอาคมสังหารที่สามกลับหวาดกลัวหม่าตั๋วเป่าเพียงแค่เขาเปิดปากพูด นี่มันหมายความว่ายังไง?


“ร…รูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง!” ฉัวชี่ฟงและคนอื่นหยุดโจมตีพร้อมกันทันที และใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวา


หม่าตั๋วเป่าเป็นรูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง!


มีตำนานกล่าวไว้ว่ารูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่งสามารถสังหารได้แม้กระทั่งตัวตนระดับพระเจ้า แล้วพวกฉัวชี่ฟงจะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไร? เพราะพวกเขายังไม่ได้เป็นตัวตนระดับพระเจ้า


หลิงฮันไม่รู้สึกว่าใจที่หม่าตั๋วเป่าทิ้งชื่อ “อันดับหนึ่ง” ไว้บนแผ่นหิน มันไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่งของเขา แต่มันเป็นเพราะนั่นคือชื่อที่แท้จริงของเขา


หม่าตั๋วเป่ายังคงปลดปล่อยจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา และทำให้สวรรค์และปฐพีถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว ทำให้พื้นดินเริ่มแยกออกจากกัน และชั้นบรรยากาศก็เริ่มฉีกขาด และเกิดความผันผวนของพลังที่ไม่รู้จบ


นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของรูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่งที่สามารถสังหารพระเจ้าได้!


พวกของฉัวชี่ฟงพยายามยืนหยัดและช่วยกันต่อต้านพลังของหม่าตั๋วเป่า แม้แต่อาวุธวิญญาณห้าชิ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกรวมพลังกันก็ยังไม่สามารถป้องกันได้


พรวด พวกเขาทั้งห้าคนเริ่มกระอักโลหิตออกมา


ฉากที่เกิดขึ้นทำให้ห้านิกายโบราณและนิกายพันศพเริ่มสิ้นหวัง รูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่งมีเพียงแค่ตัวตนระดับพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งได้ มิฉะนั้น เขาจะมีชื่อว่าอันดับหนึ่งได้อย่างไร?


ตู้ม!


แต่ทว่าในขณะนั้นเองได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เกิดเสียงระเบิดออกมาจากรอยแตกของมิติที่หม่าตั๋วเป่าเป็นคนฉีกขาด!


เนื่องจากรอยแตกของช่องว่างมิติไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักทำให้เรือบินโผล่ออกมาได้ทีละนิด แต่มันก็ทำให้ทุกคนขาอ่อนและตกลงมาจากท้องฟ้า


ไม่มีใครสามารถยืนหยัดได้ นอกจากพวกฉัวชี่ฟง ราชันซากศพสิบแปดตาและหม่าตั๋วเป่า


ปัง เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้นและมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าร้อยคนตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับห่าฝน


ฉากที่เกิดขึ้นดูตลกเล็กน้อย ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติเหมือนกันแท้ๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


ทุกคนรู้ว่าจอมยุทธระดับทลายพวกนั้นไม่ธรรมดา ถึงแม้จะมีกายหยาบระดับสิบก็สามารถถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเปิดช่องว่างมิติได้ มีเพียงแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถทำได้ โดยการเปิดเส้นทางเชื่อมต่อกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์


แต่ช่องว่างระหว่างมิตินั่นเป็นอะไรที่อันตรายมากและสามารถพังทลายได้ทุกวินาที


แต่เรือลำนั้นออกมาจากความว่างเปล่า!


นี่เป็นเหมือนกับตำนาน วัสดุประเภทไหนกันที่สามารถต้านทานพลังช่องว่างระหว่างมิติได้?


ในขณะนั้นทุกคนไม่มีความคิดที่จะต่อสู้อีกต่อไป พวกเขาต่างก็รู้สึกตกตะลึงและสับสน


หรือว่าเรือลำนี้…


ตู้ม ตู้ม ตู้ม เรือบินกระแทกกับรอยแตกในอากาศ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ทุกการปะทะทำให้เรือสั่นไหว แม้กระทั่งจอมยุทธระดับทลายมิติก็ยังกระอักเลือดออกมา


หอคอยทมิฬในร่างกายของหลิงฮันสั่นไหวเล็กน้อย ทั้งที่หลิงฮันและฮูหนิวไม่รู้สึกอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก


 

 

 


ตอนที่ 836

 

‘ตูม!’


ในที่สุดหลังจากกระแทกอยู่หลายครั้ง เรือก็ปรากฏออกมาเต็มลำ เมื่อไถลออกมาจากช่องว่างมิติเรือก็พุ่งดิ่งลงสู่พื้นเพราะแรงโน้มถ่วง


‘ตูม’ ปลายเรือกระแทกชนเข้ากับภูเขาจนภูเขาทรุดตัวอย่างไม่อาจหน่วงรั้งเรือไว้ได้ ภูเขาขนาดใหญ่หายไปในทันที


หลังจากที่ชนภูเขากระยุบตัวไปแล้ว ตัวเรือก็ส่องสว่างเล็กน้อยพร้อมกับส่งเสียงประหลาดออกมาในขณะที่กำลังแล่นลงสู่พื้น


ตัวเรือนั้นมีขนาดใหญ่โตมาก ความยาวของมันสมควรอยู่ที่ราวๆสามร้อยฟุตและมีความสูงมากกว่าห้าสิบฟุต มันดูราวกับเป็นเนินเขาขนาดย่อมๆ เรือมีสีเขียวในขณะที่ตัวเรือถูกสร้างขึ้นจากไม้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนไม้ใช้สร้างนั้นไม่อาจบอกได้ว่าเป็นไม้ชนิดใด


เรือที่สร้างขึ้นจากไม้สามารถต้านทานแรงบีบอัดและแรงฉีกกระชากของช่องว่างมิติได้?


จะให้พวกเขายอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร!


ไม่มีใครรู้ว่าเรือลำนี้ลอยอยู่ในช่องว่างมิติมาเป็นเวลานานกี่ปี ธงที่ปักเอาไว้บนเรือถูกฉีกขาดจนเหลือเอาไว้เพียงเสาเปล่าๆ นอกจากนั้นตัวเรือก็ยังปรากฏรูผุพังอยู่หลายรู สภาพของมันดูราวกับถูกโจมตีมา


ถ้าเรือลำนี้ถูกทำให้พุพังเพราะการโจมตีจากอำนาจของช่องมิติก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าหากไม่ใช่เช่นนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเรือลำนี้ถูกทำให้ผุพังก่อนที่จะเข้ามาในช่องมิติล่ะก็ มันจะเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก


ใครกันที่มีพลังน่ากลัวเช่นนั้น? เรือที่แม้แต่ช่องมิติก็ไม่อาจทำให้ผุพังกลับถูกอะไรสักอย่างโจมตีอย่างรุนแรงจนแทบจะพังทลาย


สิ่งที่เป็นไปได้ควรจะเป็นอย่างหลัง เพราะถ้าหากช่องว่างมิติสามารถทำให้เรือพังทลายได้ เรือจะพังทลายเป็นรูๆได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นเรือสมควรที่จะถูกพังทลายจนไม่เหลือซากไปแล้วต่างหาก


ตอนนี้เรือจอดอยู่ที่พื้นอย่างเงียบสงบ แม้ตอนที่มันปรากฏจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสงบนิ่งอย่างมาก ตัวเรือที่เคยส่องสว่างๆค่อยหรี่ดับลงจนมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเรือธรรมดาทั่วไป หากใครที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ต้องคิดว่าเป็นเรือที่ถูกคลื่นทะเลพัดลอยขึ้นฝั่งมาเป็นแน่


แรงกดดันจากเรืออ่อนเบาลงมาก ถึงแม้จอมยุทธบางคนจะยังรู้สึกอึดอัดแต่ก็ยังพอทนไหว มันไม่ปลดปล่อยแรงกดดันที่ทำให้ทุกคนกระอักเลือดออกมาอีกต่อไปแล้ว


ณ เวลานั้นสายตาของจอมยุทธทุกคนกำลังลุกโชน


เรือลำนี้สามารถข้ามมิติมาได้โดยไม่แหลกสลาย แค่ตัวเรือเองก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว! ถ้านำชิ้นส่วนของเรือมาหลอมล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้อาวุธวิญญาณระดับสูงเพิ่มมาอีกกี่ชิ้น ยิ่งกว่านั้นถ้าตัวเรือยังล้ำค่าเช่นนี้ หากในเรือมีสมบัติอยู่ด้วยล่ะก็มันจะล้ำค่าขนาดไหน?


ทุกคนเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าไปยังเรือทันที พวกเขาต้องการกระโดดไปยังดาดฟ้าเรือเพื่อหาประตูทางเข้า แต่พวกเขาก็พบว่าพวกเขาไม่สามารถกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือได้อย่างที่คิดเอาไว้


แม้เรือจะมีความสูงแค่ประมาณห้าสิบห้าฟุต แต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับยอดเขาที่ไร้จุดสิ้นสุด พวกเขาไม่สามารถกระโดดหรือบินขึ้นไปบนเรือได้


แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่มีข้อยกเว้น


เรื่องนี้ทำให้พวกเขามั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าเรือลำนี้เป็นสมบัติแน่นอน


ถ้าไม่สามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือได้ ก็ต้องเข้าไปทางรูที่ผุพังของเรือ


มีคนพยายามลองแล้วและสามารถเข้าไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้นคนอื่นๆจึงมีท่าทีตื่นเต้นและเข้าตามไป


ถ้าในเรือมีสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ มันอาจจะช่วยเปลี่ยนสถานการณ์ของสงครามในตอนนี้ได้เลย


“องค์จักรพรรดิ!” แปดราชันหันไปยังทิศทางของหม่าตั้วเปาพร้อมกัน


“เข้าไปดูข้างใน!” หม่าตั้วเป้าพยักหน้า เขาพยายามไล่ต้อนห้านิกายโบราณกับนิกายพันศพอยู่เมื่อครู่ แต่เมื่อเรือลึกลับลำนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาก็แยกย้ายหายไปทันที


“น้องชายตัวดำ เจ้าจะทำอย่างไรต่อ?” หม่าตั้วเปาหันมาถามหลิงฮัน


“ข้าจะเข้าไป” หลิงฮันพยักหน้า


“ก็ดี!” หม่าตั้วเปาสั่งให้กองทัพนับพันของเขาอยู่ด้านนอกและเข้าไปยังรูของตัวเรือพร้อมกับแปดราชัน


หลิงฮันนำจูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่ายและหนูทองคำออกมาจากหอคอยทมิฬและอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง


“สมบัติ สมบัติชิ้นโต!” เจ้ากระต่ายทำตาโต “เจ้าหนู ข้ามั่นใจเลยว่าเรือนี่ต้องเป็นสมบัติจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!”


หนูทองคำเองก็กระโจนพุ่งไปเกาะที่ตัวเรือ มันพยายามตะเกียกตะกายกัดกินเรือลึกลับตรงหน้า แต่เมื่อหน้าปากของมันสัมผัสกับเรือและกัดไม่เข้า มันก็กรีดร้องโอดครวญเสียงดัง


สมบัติชิ้นใหญ่อยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับกินไม่ได้ ข้าจะตรอมใจตายแล้ว


หลิงฮันไม่เคยเห็นหนูทองคำมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เขาให้แร่เหล็กระดับสิบกับมัน ดูเหมือนว่าแค่ตัวของเรือลำนี้ก็จะล้ำค่ากว่าแร่เหล็กระดับสิบเสียอีก


ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น มันจะสามารถต้านทานแรงบีบอัดของช่องมิติได้อย่างไร?


“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” หลิงฮันเดินนำกลุ่มเข้าไปก่อน


ฮูหนิวเอียงหัวในขณะที่จับเสื้อของหลิงฮันเอาไว้ “แปลกจัง ทำไมหนิวถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นเรือลำใหญ่นี้มาก่อน”


“จริงรึ?” จิตใจของหลิงฮันสั่นไหว “ลองคิดให้ดีว่าเจ้าเคยเห็นมันที่ไหน?”


“หนิวคิดไม่ออก!” ฮูหนิวมีท่าทางผิดหวัง


หลิงฮันยิ้มและลูบหัวของนาง “ไม่ต้องกังวล หลังจากเข้าไปแล้วเดี๋ยวเราก็ได้เห็นเพิ่มเติมเอง บางทีเจ้าอาจจะนึกออกก็ได้”


ฮูหนิวเป็นเด็กสาวแปลกประหลาดที่มีพรสรรค์น่าอัศจรรย์ หากนางจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรือลำนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


พวกเขาเลือกเข้าไปในรูผุพังที่อยู่ชั้นล่างสุดของตัวเรือ


ภายในเรือมืดมิดเป็นอย่างมาก มันมืดจนแม้แต่มองคนรอบข้างไม่เห็น


หลิงฮันยกมือขึ้นมาและเปลี่ยนปราณก่อเกิดเป็นธาตุเพลิง ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็มีเพลิงที่ส่องสว่างปรากฏขึ้น แต่ถึงแม้จะมีเพลิงคอยให้แสงสว่าง พื้นที่ที่พวกเขาสามารถมองเห็นยังถูกจำกัดเอาไว้


โชคดีที่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณรอบๆตัวได้


พวกเขาอยู่ในตำแหน่งของห้องพักบนเรือ ซึ่งเต็มไปด้วยความว่างเปล่า บางทีแรงกระแทกจากช่องว่างมิติอาจจะเล็ดลอดผ่านรูเข้ามาและทำลายสิ่งของภายในหมดแล้ว


พวกเขาเปิดประตูออกไปและพบกับทางเดินในเรือ ทั้งสองด้านของทางเดินนั้นเต็มไปด้วยห้องพัก พวกเขาเปิดประตูของห้องพักแต่ละห้องในขณะที่เดินผ่านแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า


เดินมาสักพักพวกเขาก็พบกับทางตันที่ไม่มีบันไดขึ้นไปยังชั้นบน เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ตัดสินใจเดินย้อนกลับ เพราะอย่างไรเรือที่มีความยาวสามร้อยฟุตก็ใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่ในการเดินสำรวจ


แต่เมื่อพวกเขาเดินกลับมาได้ครึ่งท่าง พวกเขาก็พบกับสตรีห้าคนที่เดินมาปรากฏด้านหน้าพวกเขา


พวกนางไม่ใช่ทั้งจอมยุทธของห้านิกายโบราณ นิกายพันศพหรือจักรวรรดิจันทราม่วง พวกนางถือหอกไว้ในมือและสวมชุดเกาะเหล็กเงิน


หรือพวกนางจะเป็นลูกเรือของเรือลำนี้? ไม่น่าเชื่อ พวกนางยังมีชีวิตอยู่งั้นรึ?

 

 

 


ตอนที่ 837

 

“พวกเจ้ากล้ามากที่บุกเข้ามาในที่ของพวกข้า จงออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” หญิงสาวทั้งห้าคนกรีดร้องออกมาพร้อมกัน ทันใดนั้นพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้จู่เสวี่ยนเอ๋อและเจ้ากระต่ายเริ่มตัวสั่นเทา ส่วนเจ้าหนูทองคำนอนหงายทองและขาทั้งสี่ข้างชี้ขึ้นไปในอากาศเหมือนกับแกล้งตาย


ฮูหนิวรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและตะโกนว่า “แล้วถ้าหนิวไม่ออกไปล่ะ พวกเจ้าจะทำอะไร?”


“รนหาที่ตาย!” พวกนางยกหอกขึ้นไปแล้วชี้ไปที่ฮูหนิว พร้อมกับจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดที่แผ่กระจายออกมาทำให้บรรยากาศราวกับถูกแช่แข็ง


หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง พลังปราณของพวกนางแข็งแกร่งกว่าหม่าตั๋วเป่าซะอีก!


นี่เป็นไปได้ยังไงกัน? หม่าตั๋วเป่าเป็นถึงรูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง แม้กระทั่งตัวตนระดับพระเจ้าก็สามารถต่อกรด้วยได้ ในทางทฤษฎีแล้ว เขาควรเป็นตัวตนไร้พ่ายของโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม พลังปราณที่พวกนางปลดปล่อยออกมามันกลับเหนือกว่าหม่าตั๋วเป่าเสียอีก ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียว


พระเจ้า!


แม้ว่าตัวตนระดับพระเจ้าจะลงมาเบื้องล่างพลังของพวกเขาจะถูกสะกดเอาไว้ และไม่มีทางที่พวกนางจะมีพลังของพระเจ้า


แปลกมาก! นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก!


หลิงฮันจับมือฮูหนิวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราจะออกไปจากที่นี่ทันที”


พวกหลิงฮันเริ่มเดินออกไปตามทางที่เดินเข้ามา รวมถึงผู้คนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างถูกขับไล่ออกมา แม้แต่ฉัวชี่ฟงและหม่าตั๋วเป่าก็ไม่มีข้อยกเว้น


กล่าวอีกนัยคือ แม้จะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวก็ยังออกมาแต่โดยดี นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทหารหญิงพวกนั้น


เรื่องที่น่ากลัวกว่านั้นคือ พวกนางเป็นแค่ทหารไม่ใช่คนที่มีอำนาจสูงสุดบนเรือ!


“พี่หม่า แม้แต่ท่านก็ยังไม่อาจต่อกรด้วยได้?” หลิงฮันถามหม่าตั๋วเป่า


หม่าตั๋วเป่ายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะเอาแต่มองโลกจากด้านบน โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยแค่ไหน”


มันเป็นเช่นนั้นได้ยังไง?


ความแข็งแกร่งของเขาควรจะอยู่บนจุดสูงสุดมนุษย์ และเป็นเรื่องยากมากที่จะหาใครที่สามารถเทียบกับเขาได้ นอกจากเอาจำนวนเข้าสู้


“พวกนางไม่ใช่คนจริง แต่เป็นเพียงแค่จิตวิญญาณที่กระจัดกระจาย” หอคอยน้อยกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน


ว่าไงนะ!


หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง สตรีห้าคนที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ไม่ใช่คน? ถ้างั้นพวกนางเป็นผีอย่างนั้นรึ?


“ตามความเข้าใจของเจ้าจะเรียกพวกนางว่าผีก็ย่อมได้” หอคอยน้อยสัมผัสได้ถึงความคิดของหลิงฮัน “หลังจากที่ตาย พวกนางมีจิตวิญญาณอันแรงกล้า ด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้าของพวกนางทำให้ก่อเกิดเป็นวิญญาณพวกนั้นขึ้น”


“แต่พวกนางก็แทบจะไม่แตกต่างจากคนจริงๆเลย และดูเหมือนจะมีสติปัญญาเป็นของตัวเองด้วย” หลิงฮันกล่าว


“นั่นคือสัญชาตญาณของชีวิต” หอคอยทมิฬกล่าว “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าจะเข้าไปถามชื่อของพวกนางก็ย่อมได้ แม้วิญญาณจะคงอยู่ แต่ความทรงจำนั้นได้เลือนหายไปหมดแล้ว”


หลิงฮันเค้นเสียงและพูดว่า “แล้วข้าสามารถถูกพวกนางสังหารได้หรือไม่?”


“พวกนางไม่มีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก เพียงแค่พูดจาข่มขู่เจ้าเท่านั้น แต่ไม่อาจตบตาข้าได้ แล้วจะร้ายเจ้าได้อย่างไร?” หอคอยน้อยเริ่มพูดจาโอ้อวดอีกครั้ง


หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและพูดว่า “พี่หม่า ท่านจะเข้าไปข้างในอีกครั้งหรือไม่?”


“โอ้ว น้องชายตัวดำ เจ้ามีแผนการอะไรดีๆอย่างนั้นรึ?” หม่าตั๋วเป้ากล่าว


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าไม่เข้าไปด้านในจะไปรู้ได้อย่างไร”


“ก็จริง” หม่าตั๋วเป่ากล่าว ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของหลิงฮัน แต่เชื่อในตัวหลิงฮัน


ราชันทั้งแปดคนมองหน้ากันไปมา และติดตามหม่าตั๋วเป่าไป แม้ว่าทหารหญิงที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนขี้ขลาด แต่มันเป็นเพราะช่องว่างระหว่างพวกเขากับทหารหญิงเหล่านั้นกว้างใหญ่เกินไป หาสู้มีแต่จะรนหาที่ตาย


แต่พวกเขาก็สาบานว่าจะตายไปพร้อมกับจักรพรรดิของพวกเขา


เมื่อเห็นพวกหลิงฮันกลับเข้าไปในเรืออีกครั้ง อู่เกาเหยียนและคนอื่นๆจึงมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะตามเข้าไป อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นพวกเขาที่ตามอยู่ด้านหลังก็สามารถหนีออกมาได้ทันที และถ้าเจอสมบัติ พวกเขาก็สามารถฉกฉวยได้เช่นกัน


ไม่นานหลังจากที่เข้าไปในลำเรือ ทหารหญิงทั้งห้าคนก็ปรากฏออกมาให้เห็นอีกครั้ง


“พวกเจ้ากล้ามากที่บุกเข้ามาในที่ของพวกข้า จงออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ทหารหญิงคนหนึ่งคำรามและมีท่าทางไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้


ด้วยเหตุนี้ทำให้หลิงฮัน หม่าตั๋วเป่าและคนอื่นๆรู้สึกว่ามันแปลก


ปฏิกิริยาของพวกนางทั้งห้าคนยังคงเหมือนกับก่อนหน้านี้ นี่เป็ฯเรื่องที่แปลกมาก


ดังที่หอคอยน้อยพูด พวกนางทั้งห้าคนเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณอันแรรงกล้าก่อนที่จะตายเท่านั้น พวกนางไม่มีความทรงจำอะไรเลย และไม่มีทางจำได้ด้วยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาก็เข้ามา


ยิ่งไปกว่านั้น เรือลำนี้ชนเข้ากับรอยแยกของมิติ แต่พวกนางยังคงเดินลาดตะเวนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยปราณดาบใส่หญิงสาวคนหนึ่งทันที


“รนหาที่ตาย!” หญิงสาวคนนั้นตอบโต้ด้วยหอกทันที


พลังที่นางปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวมาก แม้แต่หม่าตั๋วเป่าก็ยังหวั่นเกรง ด้วยสัญชาตญาณของจอมยุทธ พวกนางจะรอความตายได้อย่างไร? ด้านหลังพวกเขา อู่เกาเหยียนและคนอื่นๆเผยรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมาเมื่อเห็นหลิงฮันกล้ายั่วยุพวกนาง เขารนหาที่ตายของตัวเองจริงๆ แม้จะมีกายหยาบเทียบเท่ากับแร่เหล็กระดับสิบก็ไม่มีทางต่อกรตัวตนอย่างพวกนางได้


หลิงฮันยังคงยืนตัวตรงไม่ไหวติ่ง


ตู้ม เมื่อทหารหญิงคนนั้นกระโจนเข้าหาหลิงฮัน ร่างของนางทะลุผ่านร่างกายของเขาไป และวิ่งไปที่ราชันทั้งแปดคนที่อยู่ด้านหลังของเขา ทั้งยังทำให้อู่เกาเหยียนและคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังแทบจะวิ่งหนีออกไปในทันที สมองของนางมีปัญหาหรือเปล่า? นางกำลังจะฆ่าพวกเขาด้วย?


“นี่เป็นเงาอย่างนั้นรึ?” หม่าตั๋วเป่ารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นร่างของทหารหญิงทะลุผ่านร่างกายของหลิงฮันราวกับไม่มีตัวตนอยู่จริง


“ผี” หลิงฮันพูดคำคำหนึ่งออกมา


หม่าตั๋วเป่าส่งเสียงหัวเราะ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อเรื่องพวกนั้น และจ้องมองไปที่ทหารหญิงสี่คนที่เหลืออยู่และพูดว่า “หรือว่าพวกนางจะเป็นตัวตนระดับพระเจ้า? แม้จะตายไป แต่จิตวิญญาณก็ไม่ดับสลาย เพียงแค่พลังปราณของพวกนางก็สามารถทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวได้”


ถ้าหลิงฮันไม่พิสูจน์ให้เห็น ใครจะเชื่อว่าพวกนางเป็นแค่จิตวิญญาณ และไม่สามารถทำอันตรายใครได้


“ออกไปจากที่นี่!” ทหารหญิงอีกสี่คนตะโกนและโจมตีออกไปพร้อมกัน แต่พวกนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้


แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลิงฮันก็รู้สึกปวดหัวและอดที่จะถามหอคอยทมิฬไม่ได้


“เนื่องจากพวกนางเป็นจิตวิญญาณของคนตายเลยส่งผลต่อจิตวิญญาณของเจ้า และจะคอยรังควานเจ้าทำให้เจ้าปวดหัวเท่านั้น” หอคอยน้อยทมิฬ


โชคดีที่เรือไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักและน่าจะใช้เวลาสำรวจไม่นาน ไม่เช่นนั้นคงจะถูกพวกนางคอยรังควานไม่รู้จัก

 

 

 


ตอนที่ 838

 

วิญญาณของสตรีที่ตายแล้วเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายต่อวิญญาณเขาได้แน่นอน เพราะอย่างไรในตอนที่พวกนางมีชีวิตอยู่พลังของพวกนางคงสูงกว่าหลิงฮันไม่รู้กี่เท่า ถึงแม้พวกนางจะตกตายไปแล้วก็ยังคงทิ้งจิตวิญญาณที่หลงเหลือความคิดเอาไว้ได้


ต้องรู้ก่อนหน้าเรือลำนี้ได้ถูกผลักออกมาจากช่องว่างมิติ ซึ่งช่องว่างมิตินั้นมีอำนาจในการฉีกกระชากวิญญาณให้แหลกเป็นเสี่ยงๆได้ แต่ถึงอย่างนั้นวิญญาณของพวกนางก็ยังคงปลอดภัย!


ในช่วงที่มีชีวิตพวกนางต้องเป็นจอมยุทธระดับพระเจ้าแน่นอน!


การคำรามของพวกนางนั้น พวกนางไม่ได้คำรามใส่หลิงฮันคนเดียวแต่ยังพุ่งเป้าไปที่คนอื่นๆด้วย


ถึงแม้พวกนางจะไม่มีพลังอำนาจเหลืออยู่แล้ว แต่พวกนางก็ยังสามารถสร้างความเสียหายต่อจิตวิญญาณได้ แต่จอมยุทธระดับทลายมิติย่อมไม่หวั่นเกรง โดยเฉพาะกับจอมยุทธที่บรรลุแก่นแท้แห่งวรยุทธแล้ว พวกเขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง


แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่จอมยุทธระดับทลายมิติและไม่บรรลุแก่นแท้แห่งวรยุทธแล้ว จิตวิญญาณของพวกรู้สึกราวกำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ


‘ตุบ!’


จู่ๆจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาคนหนึ่งก็ล้มลงไปและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย


เขาเสียชีวิตลงแล้ว


วิญญาณของเขาถูกทำลายจนไม่เหลือซาก กายหายของเขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเปลือกหอยว่างเปล่าที่รอคอยวันเน่าสลาย


จอมยุทธคนนั้นเป็นจอมยุทธเฒ่าของห้านิกายโบราณ แม้ในโลกภายนอกเขาจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ แต่ในที่นี้พลังของเขาไม่นับว่าเป็นอันใดได้


สหายของเขาทำได้เพียงเก็บร่างของเขาเข้าไปในอุปกรณ์มิติและค่อยกลับออกไปฝังร่างของเขาทีหลัง


ตุบ! ตุบ! ตุบ!


ภายใต้การโจมตีทางวิญญาณของทหารสตรี จอมยุทธที่เข้ามาในเรือก็เริ่มล้มลงเรื่อยๆ คนที่ล้มลงไปมีทั้งจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและบุปผาผลิบาน ส่วนจอมยุทธที่ระดับต่ำกว่านี้นั้นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้ามาภายในเรือ


“คนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าระดับสวรรค์รีบออกไปซะ!” ราชันดาบตะโกน ตัวเขานั้นบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้อำนาจของมันปลุกคนอื่นๆให้ตื่นจากความโลภและสั่งให้ล่าถอย


หากแค่ยืนต้านการโจมตีทางจิตวิญญาณยังทำไมได้ พวกเจ้าคิดว่ายังมีโอกาสได้รับสมบัติอีกรึ? พวกเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเป็นการนำชีวิตมาทิ้ง


สำหรับจอมยุทธระดับสวรรค์ แม้พวกเขาจะรู้สึกอึดอัดจนอย่างอาเจียนแต่จิตวิญญาณของพวกเขาก็ยังไม่แหลกสลาย พวกเขายังสามารถทำการสำรวจเรือต่อไปได้


พวกเขาสำรวจห้องพักเรือต่อไป ถ้าหากพวกเขาพบสมบัติจริงๆ พวกเขาคงไม่สามารถแย่งชิงกับหม่าตั้วเปาได้ดังนั้นเรื่องการแย่งชิงสมบัติคงต้องให้เป็นหน้าที่ของฉัวชี่ฟงและพรรคพวก


หลิงฮันและหม่าตั้วเปาเดินข้างกายกัน ทั้งการสำรวจในชั้นที่หนึ่งพวกเขาพบเพียงวิญญาณของทหารสตรีห้าคนนั้นเท่านั้น แต่จากจำนวนของห้องพักแล้วเรือลำนี้สมควรมีจำนวนทหารมากกว่านี้ แต่ที่วิญญาณเหลือเพียงสตรีห้าคนนั้นก็เป็นเพราะพวกนางคือทหารห้าคนที่แข็งแกร่งที่สุด


ในขณะที่คิดเช่นนั้นพวกเขาก็มาถึงชั้นสองของเรือ


ชั้นนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยห้องพักที่ว่างเปล่าเหมือนกับชั้นแรก


เมื่อเดินไปสักพัก พวกเขาก็พบกับทหารสตรีอีกครั้งเหมือนกับในชั้นหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่มีใครหวาดกลัวพวกนางพวกเขา พยายามต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณและเดินผ่านไป


ถึงแม้เรือลำนี้จะมีขนาดใหญ่แต่พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ในการสำรวจ


พวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นที่สาม


ชั้นนี้เองก็เป็นห้องพักเหมือนกันแต่เห็นได้ชัดว่ามันดูหรูหรากว่าชั้นก่อนๆ แต่ละห้องมีขนาดกว้างใหญ่ซึ่งสมควรเป็นคนระดับสูงของเรือที่จะพักในชั้นนี้


ชั้นนี้เองก็มีทหารเช่นกัน


แต่จำนวนของพวกนางนั้นเพิ่มขึ้น ทหารสตรีจำนวนเกือบห้าสิบคนคำรามโจมตีจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องจนเหล่าจอมยุทธระดับสวรรค์ที่ยังไม่บรรลุแก่นแท้วรยุทธไม่อาจต้านไหวอีกต่อไป


หลิงฮันนำจูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่ายและหนูทองคำเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนฮูหนิวนั้น ด้วยศักยภาพราวกับสัตว์ประหลาดของนาง นางไม่ได้รับผลกระทบใดๆแม้แต่น้อย ส่วนตัวเขาที่บรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้วก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน


จอมยุทธของห้านิกายโบราณตกตายอย่างต่อเนื่อง จอมยุทธระดับสวรรค์นั้นถูกทำลายจิตวิญญาณจนเหลือแต่ซากศพที่ยังอุ่นๆ จิ่วโหยวหวังที่เห็นเช่นนี้ก็มองไปยังศพแต่ละร่างด้วยสายตาที่เร่าร้อน


ศพเหล่านี้เป็นวัตถุดิบที่สดใหม่ ถ้าหลอมศพเหล่านี้ให้กลายเป็นหทารซากศพล่ะก็ มันจะเป็นทหารซากศพที่แสดงพลังออกมาได้เต็มศักยภาพที่สุด


เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขานั้นจับมือเป็นสหายกันอยู่ เหล่าจอมยุทธของห้านิกายโบราณมองมายังนิกายพันศพด้วยสีหน้ารังเกียจ พวกเขาเกิดความคิดที่ว่าจะกำจัดนิกายพันศพทิ้งไปก่อนแล้วค่อยหาสมบัติต่อ


“จะว่าอะไรไหมหากข้าจะขอรับศพเหล่านี้ไป? อย่างไรพวกเจ้าก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว!” จิ่วโหยวหวังอดที่จะกล่าวเช่นนั้นออกมาไม่ได้ ศพของจอมยุทธระดับสวรรค์สามารถหลอมเป็นทหารซากศพทองคำระดับสามได้ มันคือทหารซากศพที่แข็งแกร่งเป็นรองเพียงราชันซากศพเท่านั้น


จอมยุทธของห้านิกายโบราณจ้องกลับไปด้วยสายตาเขม็ง พวกเขารีบเก็บศพของสหายพวกเขาทันที แม้อุปกรณ์มิติของพวกเขาจะใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปไม่ได้ แต่หากเป็นศพย่อมไม่มีปัญหา


เมื่อพวกเขาเดินมาผ่านมาถึงส่วนกลางของชั้น พวกเขาก็พบกับสตรีอีกกลุ่มหนึ่ง มีสตรีคนหนึ่งได้นั่งอยู่บนโต๊ะยาวด้านหน้าพวกเขา แม้นางจะสวมใส่ชุดเกราะเหมือนกับทหารคนอื่นแต่นางดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แค่มองแวบแรกก็สามารถบอกได้ว่าชุดเกราะของนางนั้นเป็นชุดเกราะชั้นเลิศที่มีผ้าคลุมผูกไว้ด้านหลัง


“ถอยไปก่อน!” สตรีผู้นั้นกล่าว


“น้อมรับคำสั่ง!” ทหารสตรีเก้าคนด้านหลังนางกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะขยับถอยไป


“การได้พบกับพวกเจ้าในวันเวลาที่ผ่านพ้นมาหลายปีเช่นนี้คงจะเป็นการนำพาของโชคชะตาเป็นแน่!” สตรีผู้นั้นมองไปยังกลุ่มจอมยุทธที่เข้ามาในเรือและกล่าว “ข้าขอเชิญชวนพวกเจ้ามาดื่มชาด้วยกันหน่อยจะได้หรือไม่”


จอมยุทธทุกคนมองหน้ากัน วิญญาณสตรีตรงหน้ามาขอให้พวกเขาร่วมดื่มชาด้วย? ใครกันจะไปกล้าตอบรับคำเชิญของนาง!


“ไม่มีใครต้องการร่วมดื่มชากับข้าเลยรึ?” สตรีผู้นั้นหัวเราะ


ทหารสตรีก่อนหน้านี้นั้นพวกนางมีความคิดหลงเหลืออยู่อย่างเดียวคือการปกป้องเรือรำนี้ แต่วิญญาณสตรีตรงหน้าพวกเขานั้นมีความคิดเป็นของตนเอง ช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้


หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ถ้าผู้อาวุโสไม่รังเกียจในระดับพลังที่ต่ำต้อยของข้า ข้าก็ยินดีร่วมดื่มชาและพูดคุยกับผู้อาวุโส”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)