Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 827-834
ตอนที่ 827
ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาสำนักดาบสวรรค์มันเมื่อไหร่กันนะ?
สีหน้าของหลิงฮันดูมึนงง ราวกับเขาได้กลับมาเมื่อหมื่นปีก่อนอีกครั้ง ในตอนที่จักรพรรดิดาบเชิญเขามาที่นี่เพื่อหลอมเม็ดยาให้กับเขาแลกกับทักษะสามดาบเร้นลับ
แม้จะผ่านมาหมื่นปี แต่ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงราวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือเมื่อวาน
“หืม!”
เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มบินออกมาจากภูเขา
กลิ่นอายของพวกเขาแต่ละคนนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
ถ้าคนเหล่านั้นร่วมมือกัน ทวีปฮงเทียนจะล่มสลายในพริบตาได้หรือไม่? อย่างไรก็ตาม การดำรงอยู่ของเนตรแห่งสวรรค์ไม่น่าจะทำให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นและจะมีการแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของโลก
สำหรับเนตรแห่งสวรรค์แล้ว ตราบใดที่กฎระเบียนของโลกไม่ถูกทำลาย จะฆ่าคนไปสักกี่คนมันก็ไม่สนใจ
จักรพรรดินีแห่งวิหคอมตะและราชันอสรพิษมารต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว หากนับจำนวนของพวกเขาแล้ว มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าร้อยคนอยู่ที่นี่ อาจเห็นได้ว่าห้านิกายโบราณต้องการที่จะจบเรื่องทั้งหมดกับจักรวรรดิจันทราม่วงที่นี่
หลังจากสงครามครั้งนี้จบลง โลกจะสงบสุขหรือไม่?
แต่หลิงฮันก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง นี่มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยหรือ?
เมื่อเขาขบคิดอีกครั้ง จักรวรรดิจันทราม่วงทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าหม่าตั๋วเป่าจะไม่ได้เป็นคนลงมือแต่พวกเขาก็มาไกลถึงที่นี่ได้ และแปดราชันยังคงไร้พ่าย
“แขกจากแดนไกลเอ่ย ข้ายินดีต้อนรับคนที่หลงทางทุกคน และยกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ!” ชายชราที่ดูใจดีคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขามีรูปร่างผอม เส้นผมสีขาวและมีหนวดเครา
ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา ราชันดาบและจักรพรรดินีวิหคอมตะก้าวถอยหลังและหลีกทางให้เขาทันที
ในขณะนั้นชายสี่และหญิงหนึ่งกำลังยืนอยู่เคียงข้างกัน และพวกดูแก่เฒ่ามาก
มันแปลกมากทั้งที่ห้านิกายโบราณมีหินหยุดเวลา ซึ่งสามารถผนึกชีวิตของพวกเขาได้ แล้วหลังจากการชำระล้าง พวกเขาก็จะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่กลายเป็นตัวตนระดับพระเจ้าแล้ว พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า แต่ทำไมพวกเขาถึงดูแก่ขนาดนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นคือศัตรูที่ข้าต้องจัดการอย่างนั้นหรือ?” ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมหัวเราะเยาะ
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ และยิ่งใช้เวลานานเท่าไร การที่จะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาวหรือสูงกว่านั้นก็จะยากมากยิ่งขึ้น” ราชันเพลิงไพศาลกล่าว
“อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่พลังต่อสู้สิบสี่ดาบเป็นต้นไป การจะทะลวงผ่านแต่ละดาวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก!”
“แม้ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะมีชีวิตยาวนาน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ถ้าพวกเขามีพลังต่อสู้สิบสองดาวในวัยทอง การที่จะบรรลุพลังต่อสู้สิบสี่ดาบไม่แก่ตายเลยรึ”
ราชันทั้งแปดคนกล่าวอย่างไม่แยแส เหมือนไม่เห็นทั้งห้าคนอยู่ในสายตา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ยินมานานแล้วว่าแปดราชันเป็นวีรบุรุษที่อยู่ยงคงกระพัน ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้เจอสักที!” ชายชราคนเมื่อครู่ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่เขายิ้มออกมาและพูดว่า “พวกเรามาเดิมพันไหม?”
“กลุ่มคนที่ขี้แพ้อย่างพวกเจ้า มีคุณสมบัติอะไรที่จะเดิมพันกับแปดราชันอย่างพวกข้า?” แปดราชันหัวเราะเยาะ
“หรือว่าพวกเจ้าไม่กล้า?” ชายชรากล่าว
แม้ว่าแปดราชันจะเป็นคนกล้าหาญไม่หวาดกลัว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท
หม่าตั๋วเป่ายิ้มและพูดว่า “เจ้าจะต้องการเดิมพันอะไรอย่างนั้นรึ?”
“พวกเราทุกคนต่างก็เป็นจอมยุทธ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเดิมพันคือความแข็งแกร่ง” ชายชรายิ้มและกล่าวต่อว่า “พวกเราทั้งสองฝ่ายจะส่งคนออกมาฝ่ายละเก้าคนและต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ถ้าฝ่ายใดชนะการต่อสู้ห้าครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายชนะการเดิมพัน!”
แปดราชันตกตะลึง ต่อสู้เก้ารอบ? เจ้าแน่ใจรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าแปดราชันบวกกับหม่าตั๋วเป่านั้นมีเก้าคน และพวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิจันทราม่วง
การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นจุดแข็งที่สุดของจักรวรรดิจันทราม่วงก็ว่าได้
มันเป็นเรื่องโง่เขลาหรือไม่ที่นำจุดอ่อนของตัวเองมาท้าจุดแข็งของคนอื่น? แต่ภายในห้านิกายโบราณมีจิ้งจอกเฒ่าอยู่หลายคน แล้วพวกเขาจะทำตัวโง่เขลาแบบนั้นได้อย่างไร?
หม่าตั๋วเป่าถามต่อว่า “ถ้าชนะจะได้อะไร และถ้าแพ้จะเกิดอะไรขึ้น?”
นั่นแหละคือเรื่องสำคัญของการเดิมพัน
ชายชราพูดว่า “ถ้าพวกข้าแพ้ พวกข้ายินดีที่จะไปกับจักรวรรดิจันทราม่วง และพวกเจ้าจะทำอะไรกับพวกข้าก็ได้!”
คำพูดของเขาทำให้แปดราชันรู้สึกตกใจ
อีกฝ่ายสมองมีปัญหาหรือเปล่า?
หม่าตั๋วเป่ายิ้มและเหมือนจะไม่สนใจ แล้วพูดว่า “และถ้าพวกข้าแพ้ล่ะ?”
“ในหนึ่งร้อยปี พวกเจ้าห้ามเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น!” ชายชราชูนิ้ว
เงื่อนไขสำหรับการเดิมพันอาจกล่าวได้ว่าไม่ยุติธรรม ถ้าห้านิกายโบราณแพ้อีกฝ่ายจะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าจักรวรรดิจันทราม่วงแพ้พวกเขาห้ามเคลื่อนไหวแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น สำหรับคนทั่วไป หนึ่งร้อยปีอาจเป็นทั้งชีวิตของพวกเขา แต่สำหรับจอมยุทธระดับทลายมิติ หนึ่งร้อยปีเหมือนกับสิบปีสำหรับคนธรรมดา
หม่าตั๋วเป่าแสดงสีหน้าบางอย่าง และสิ่งที่ห้านิกายโบราณพึ่งพาคือจำนวนของจอมยุทธระดับทลายมิติ อาจเรียกได้ว่ามดล้มช้างโดยเน้นจำนวนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด ไม่มีใครนอกจากตัวเขาเองที่รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน
แต่ตอนนี้ห้านิกายโบราณได้ละทิ้งข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนและเลือกที่จะต่อสู้กับพวกเขาหนึ่งต่อหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่โง่มาก!
แล้วอะไรคือเหตุผลที่แท้จริง?
ชายชราชูนิ้วอีกข้างและยิ้ม “อย่างไรก็ตาม พวกเรามีเงื่อไขอยู่หนึ่งข้อ!”
“นั่นคือเจ้าไม่สามารถต่อสู้ได้!”
หม่าตั๋วเป่าไม่สามารถต่อสู้ได้ ซึ่งทำให้จักรวรรดิจันทราม่วงสูญเสียกำลังหลักไป แต่ปัญหาคือแปดราชันแทบจะเป็นตัวตนไร้พ่าย จนถึงตอนนี้ นอกเหนือจากแมงมุมยักษ์สีเงินที่อยู่ในเหมืองโบราณของแคว้นอัคคี และอี้ชวงชวงแล้ว ไม่น่าจะมีใครที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาวอีกแล้วใช่หรือไม่?
มันดูชอบมาพากล!
“เจ้ากล้าหรือไม่?” ชายชรากล่าว
หม่าตั๋วเป่าถอนหายใจเล็กน้อยและพยักหน้า “ก็ได้ ข้ายอมรับการเดิมพันนี้!”
ท้ายที่สุดอีกฝ่ายมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าร้อยคน ตราบใดที่เขาสามารถกำจัดพวกมันได้เล็กน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ชายชรายิ้มและพูดว่า “เช่นนั้น การต่อสู้รอบแรกข้าจะส่งคนของข้าออกไปก่อน ส่วนการต่อสู้รอบต่อไปเจ้าเป็นคนส่งคนออกมาก่อน ตกลงหรือไม่?”
“อืม!” หม่าตั๋วเป่าพยักหน้าเห็นด้วย
“อันหยุน การต่อสู้รอบแรกเป็นของเจ้า” ชายชรากล่าว
“อืม!” ราชันดาบพยักหน้าและยืนอยู่บนยอดเขา “ราชันทั้งแปด ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า?”
“ข้าเอง!” ราชินีหยินปรากฏตัวออกมาและเข้าไปเผชิญหน้ากับราชันดาบ
การต่อสู้รอบแรก เห็นได้ชัดว่าผู้ชนะคือจักรวรรดิจันทราม่วง
แม้ราชันดาบจะแข็งแกร่งมากและเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่เขายังไม่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติขั้นเก้าและมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบเอ็ดดาวเท่านั้น แล้วเขาจะต่อกรกับราชินีหยินได้อย่างไร? ระดับมันห่างชั้นกันเกินไปอย่างเห็นได้ชัด
“เชิญ!” ราชันดาบกล่าวพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ
ตอนที่ 828
หลังกล่าวทักทายเสร็จ ราชันดาบก็คำรามและสะบั้นดาบโจมตีทันที “รัศมีดาบสิบเล่มที่ยาวกว่าร้อยฟุตพุ่งเข้าใส่ราชินีหยิน”
ราชินีหยินไม่แยแส นางเอื้อมมือออกไปคว้ารัศมีดาบและออกแรงบีบ ‘เพล๊ง’ รัศมีดาบถูกบดขยี้กลายเป็นเศษซากนับล้านทันที นางพยักหน้าและกล่าว “พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยม หากเจ้าบ่มเพาะพลังจนถึงระดับทลายมิติขั้นเก้าและขัดเกลาพลังต่อสู้อีกซักร้อยปี บางปีเจ้าอาจจะมีพลังต่อสู้สิบห้าดาวได้”
ราชันดาบไม่กล่าวตอบ เขานั้นครองตำแหน่งจอมยุทธที่ทรงพลังมานานหลายปี แต่ตอนนี้เขากลับถูกศัตรูพูดสั่งสอนราวกับเป็นรุ่นเยาว์ แม้อีกฝ่ายจะชมเขาก็ไม่มีทางดีใจ
ราชันดาบกวัดแกว่งใบดาบปลดปล่อยปราณดาบออกมาเป็นเส้นสายรุ้ง อำนาจของใบดาบที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีแยกออกจากกัน
แข็งแกร่งมาก!
แต่โชคร้ายที่ศัตรูของเขาคือราชินีหยิน
พลังต่อสู้ที่ห่างกันถึงสี่ดาวไม่ใช่สิ่งที่แค่มีความพยายามก็จะทดแทนได้ ราชินีหยินสะบัดมือสลายปราณดาบได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นราชินีหยินก็เริ่มลงมือ นางปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ราชันดาบอย่างจังจนอีกฝ่ายไม่อยู่ในสภาพที่สามารถสู้ได้ต่อ
การต่อสู้แรก จักรวรรดิจันทราม่วงเป็นฝ่ายชนะ!
ครั้งนี้เป็นคราวของจักรวรรดิจันทราม่วงที่จะส่งคนออกไปสู้ก่อน
ซึ่งคนคนนั้นก็คือราชันเพลิงไพศาล ในขณะที่คู่ต่อสู้ก็คือจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์
จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์บรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าแล้ว พลังต่อสู้ของนางเองก็ขัดเกลามาจนถึงสิบเอ็ดดาว แต่ด้วยสายเลือดของนาง เมื่อเปิดใช้งานจะทำให้พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นสิบสามดาว
พลังต่อสู้เช่นนี้น่าสะพรึงกลัวมาก แค่นางคนเดียวก็สามารถกวาดล้างทุกตระกูลของมหาสมุทรทางเหนือได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชันเพลิงไพศาล พลังต่อสู้เช่นนี้ยังไม่เพียงพอ ผ่านไปไม่นานห้านิกายโบราณก็พ่ายแพ้เป็นครั้งที่สอง
ก่อนหน้านี้หลิงฮันคิดว่าในการต่อสู้รอบสองห้านิกายโบราณจะส่งตัวตนที่ยอดเยี่ยมมาอย่างเช่นจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้สิบห้าดาว แต่การกระทำของพวกเขาในตอนนี้ราวกับว่าพวกเขายอมแพ้แล้ว
มีอะไรบางอย่างแปลกๆ!
หลิงฮันพยายามครุ่นคิด หรือว่าห้านิกายโบราณจะพยายามถ่วงเวลาเพื่อใช้วิธีการบางอย่างสังหารพวกเขาทุกคนที่นี่
“พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือทำอะไรทั้งสิ้น” หม่าตั้วเปากล่าว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความสับสน
ตอนนี้หม่าตั้วเปาคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไม่ผิดแน่ ในเมื่อเขาเป้นคนเอ่ยออกมาเช่นนั้นก็แสดงว่าพวกห้านิกายโบราณยังไม่ได้ลงมือทำอะไรจริงๆ
ผ่านไปไม่นาน หลังจากการปะทะครั้งที่สองสิ้นสุด ราชันมหาดวงดารากับราชันมหาวารีก็คว้าชัยชนะมาให้กับจักรวรรดิจันทราม่วงได้สำเร็จ
หลังจากนี้ตราบใดที่ห้านิกายโบราณพ่ายแพ้อีกครั้งก็ไม่ต้องมีการต่อสู้อีกต่อไป เพราะพวกเขาได้แพ้ห้าครั้งแล้ว
มันจะง่ายเช่นนั้นเลยรึ?
“อะแฮ่ม การต่อสู้ครั้งที่ห้าจะเริ่มขึ้นแล้ว” ชายชรากระแอมและกล่าว “ฉัวชี่ฟง ครั้งนี้เป็นตาของเจ้า”
จอมยุทธโดดยรอบพร้อมใจกันเปิดทางให้รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งเดินออกมา
เขาเป็นรุ่นเยาว์จริงๆ ร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากรูปลักษณ์แล้วอายุของเขาต้องไม่เกินยี่สิบแน่นอน
รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติจริงๆ!
“ข้าคือฉัวชี่ฟง!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นกล่าวอย่างเรียบง่าย “ปีนี้ข้าอายุสิบเก้าปี”
คำพูดหลังเห็นได้ชัดว่าเขากล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องบอกอายุตนเองด้วย?
หลิงฮัน หม่าตั้วเปาและแปดราชันตกตะลึง จอมยุทธระดับทลายมิติที่มีอายุสิบเก้าปีนั้นดูเกินจริงเกินไป! แม้แต่หลิงฮันที่เคยผ่านเส้นทางการบ่มเพาะพลังมาแล้ว ปีนั้นเขาที่อายุเกือบจะยี่สิบเอ็ดก็ยังไม่สามารถกลับไปมีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์ได้
ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของหลิงฮันนับว่ารวดเร็วมากแล้ว
จอมยุทธระดับทลายมิติที่อายุสิบเก้าปีงั้นรึ? บ้าชัดๆ!
หม่าตั้วเปาจ้องไปยังฉัวชี่ฟงก่อนที่สีหน้าเขาจะกลายเป็นเคร่งเครียด “เขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าจริงๆ แถมยังยังแข็งแกร่งมากๆด้วย!”
แปดราชันตกตะลึงมากที่อีกฝ่ายบรรลุระดับทลายมิติได้ด้วยอายุเพียงสิบเก้าปี แม้จะเป็นไปได้ที่โลกนี้จะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้จอมยุทธเพิ่มระดับพลังยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่การที่จะเพิ่มจากระดับทลายมิติขั้นหนึ่งเป็นขั้นเก้านั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาถึงสิบปีเป็นอย่างน้อย
เช่นนี้แล้วใครจะสามารถทัดเทียมเขาได้?
เกรงว่าด้วยพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาดของฮูหนิว นางคงจะใช้เวลาไม่นานนักในการฝึกฝนจากระดับทลายมิติขั้นหนึ่งไปขั้นเก้า บางทีถ้าเป็นนางอาจจะบรรลุระดับพลังขั้นสูงสุดของโลกนี้ได้ในช่วงอายุสิบเก้าปี
ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้… ยังมีจอมยุทธที่มีพรสวรรค์เหมือนกับฮูหนิวอยู่อีกคนจริงๆรึ?
“ใครจะสู้กับข้า?” ฉัวชี่ฟงกล่าวท้าทาย “อย่าให้ข้าต้องรอนาน”
ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมรู้สึกไม่สบอารมณ์ เขากระโจนร่างอออกไปทันทีและกล่าว “ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าเอง!”
“ก็ดี ข้าจะช่วยชี้แนะเจ้าเอง” ฉัวชี่ฟงกล่าวอย่างองอาจ
ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมหัวเราะด้วยความเกรี้ยวกราด “งั้นก็มาสู้กัน!”
“ไม่สิ ข้าจะสยบเจ้าด้วยหนึ่งกระบวนท่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลา!” ฉัวชี่ฟงหัวเราะ
ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมกลายเป็นเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยประกายสายฟ้า ในมือของเขาปลดปล่อยแสงสว่างสีทองออกมา
ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาและทักษะผนึกพลิกปฐพี!
หลิงฮันพยักหน้าในใจ แปดราชันสามารถใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ของกันและกันได้จริงๆ ทุกๆคนล้วนแต่เชี่ยวชาญทักษะมากกว่าหนึ่ง
ฉัวชี่ฟงแสดงท่าทีตกตะลึงเล็กน้อยและกล่าว “ทักษะศักดิ์สิทธิ์?”
ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมคำราม ร่างของเขากลายเป็นสายฟ้าและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
‘ตูม!’
ทักษะผนึกพลิกปฐพีถูกใช้ออกไป ภายในพริบตาร่างของฉัวชี่ฟงก็แตกสลายเป็นส่วนๆทันที
สำหรับจอมยุทธระดับทลายมิติแล้ว การถูกทำให้ร่างแตกสลายนั้นยังไม่ถึงกับจะทำให้พวกเขาตกตาย พวกเขาสามารถนำร่างกลับมารวมกันใหม่ได้แต่นั่นก็เป็นเรื่องยากมากอยู่ดี
งั้นหรือว่าฉัวชี่ฟงจะพ่ายแพ้แล้ว ซึ่งหมายความว่าการพนันจะสินสุดลง?
“โอ้ นั่นนับว่าน่าสนใจไม่เลวเลย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ยังรวดเร็วไม่พอ!” เสียงของฉัวชี่ฟงดังขึ้น ร่างของเขานั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ร่างของเขาที่แตกสลายไปก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น!
ตอนที่ 829
สีหน้าของแปดราชันเปลี่ยนไปทันที
ฉัวชี่ฟยืนอย่างภาคภูมิใจ มือของเขายังคงอยู่ด้านหลังและพูดขณะหัวเราะว่า “หากเจ้าไม่รวดเร็วกว่านี้ เจ้าคงจะไม่มีทางจับข้าได้!”
ในขณะนั้น สีหน้าของราชันขุนเขาเที่ยงธรรมดูระมัดระวังอีกฝ่ายอย่างมาก จากการประเมินของหม่าตั๋วเป่า ฉัวชี่ฟงเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวออกมาให้เห็นเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อว่าพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มิฉะนั้นมันคงไม่เป็นเรื่องยากสำหรับหม่าตั๋วเป่าที่จะประเมิน
มือของราชันแห่งขุนเขาเที่ยงธรรมมีพลังจำนวนกำลังรวบตัวกัน
“อำนาจแห่งกฎเกณฑ์?” ฉัวชี่ฟงขมวดคิ้ว “นั่นเป็นปัญหาสำหรับข้าเลยทีเดียว ดูเหมือนกระบวนท่าเดียวจะไม่เพียงพอ”
ถ้าเขาพูดแบบนั้นออกมาก่อนหน้านี้ ทุกคนคงไม่มีทางเชื่อว่าเขาจะเอาชนะราชันทั้งแปดได้ เขาต้องการแค่สองกระบวนท่า? แต่หลังจากที่เห็นความเร็วที่น่าตกตะลึงของเขาแล้ว คำพูดของเขาเริ่มมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น และอาจไม่ได้ดีแต่คุย
บางทีเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าราชันทั้งแปดจริงๆก็ได้
นั่นเป็นเพราะ นอกเหนือจากพลังต่อสู้สิบห้าดาวแล้ว มันยังมีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวอยู่อีก แล้วคนที่จะมีพลังต่อสู้สิบหกดาว สิบเจ็ดดาว หรือแม้กระทั่งสิบเก้าดาวและยี่สิบดาวจะไม่มีได้อย่างไร?
ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมส่งเสียงคำรามและแสงของสายฟ้าเจิดจ้าไปทั่ว และกระโจนเข้าใส่ฉัวชี่ฟงอีกครั้ง และแสงสีทองก็สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า
ฉัวชี่ฟงเพียงแค่ขยับหลบเล็กน้อยและเดินอย่างอิสระในแสงสีทอง
อย่างไรก็ตาม ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ด้วย แสงของเขาเริ่มกลายเป็นเส้นและเป็นตาข่ายและจับกุมฉัวชี่ฟงอย่างช้าๆ
“ปิด!” ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมตะโกนและตาข่ายที่สร้างขึ้นจากพลังแห่งกฎเกณฑ์ก็ปิด เช่นเดียวกับการตกปลา ฉัวชี่ฟงไม่มีที่ว่างให้หนีออกไป
ฉัวชี่ฟงยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะชี้นิ้วออกไปและพูดว่า “เปิด!”
นิ้วของเขามีแสงเจิดจ้าพุ่งออกมาและทำลายพลังแห่งกฎเกณฑ์ของราชันขุนเขาเที่ยงธรรมได้ทันที เขาเดินออกมาอย่างสบายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แค่ของเด็กเล่น ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าของจริงมันเป็นเช่นไร!”
เขาชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง และทันใดนั้นนิ้วยักษ์สีเงินยาวหนึ่งพันฟุตก็ปรากฏบนท้องฟ้า และเมื่อฉัวชี่ฟงกระดิกนิ้ว นิ้วยักษ์สีเงินก็ตกลงมาจากท้องฟ้าทันทีและแผดเผาทุกอย่างในเส้นทางของมัน
“สิบแปดดาว!” ราชินีหยินและราชันอีกเจ็ดคนอุทานออกมาพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาดูไม่อาจทำใจเชื่อได้
พลังของการโจมตีครั้งนี้คือสิบแปดดาว!
ตู้ม!
เมื่อนิ้วยักษ์ตกลงมา พื้นดินเบื้องเกิดการถล่ม ดวงอาทิตย์ก็กลายเป็นมืดมนและดาวนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงจนหน้าศีรษะด้านช้า นี่เขาเป็นมนุษย์จริงๆอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ใช่พลังของพระเจ้าใช่หรือไม่?
ถึงกระนั้นเนตรแห่งสวรรค์ก็ยังไม่ปรากฏออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าระดับพลังของเขายังอยู่ในระดับของมนุษย์
จอมยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนกวาดสายตามองบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น แต่ที่ที่ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมยืนอยู่นั้นกลายเป็นว่างเปล่า และไม่มีร่องรอยหรือเศษซากของเขาเลย
“การต่อสู้ครั้งนี้ พวกข้าเป็นฝ่ายแพ้” หม่าตั๋วเป่ากล่าวขณะถือร่างของราชันขุนเขาเที่ยงธรรมอยู่ในมือ ถ้าเขาเข้าไปช่วยไม่ทัน ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมจะต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
พลังต่อสู้สิบห้าดาวและสิบแปดดาวนั้นแตกต่างกันเกินไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉัวชี่ฟงมองไปที่หม่าตั๋วเป่าและพูดว่า “พลังต่อสู้ของเจ้าน่าจะอยู่ที่ระดับยี่สิบดาวใช่หรือไม่?”
ราชันทั้งแปดกลายเป็นโกรธเกรี้ยว นี่คือองค์จักรพรรดิของพวกเขา แต่อีกฝ่ายพูดอย่างกับเป็นเรื่องตลกและไม่ให้เกียรติเขาแม้แต่น้อย
หม่าตั๋วเป่าไม่ตอบและถามว่า “เจ้าน่าจะเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์? การโจมตีเมื่อครู่เจ้าก็ใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์เช่นกัน แต่มันแตกต่างจากขีดจำกัดของโลกใบนี้มาก”
ว่าไงนะ!
ทุกคนประหลาดใจ เขามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็จะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าด้วยวัยแค่นี้ และมีพลังต่อสู้ถึงสิบแปดดาว
แต่คำถามคือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งคนลงมาในเวลานี้ได้อย่างไร?
ฉัวชี่ฟงหัวเราะและพูดว่า “ใช่แล้วข้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และข้าอยากจะสู้กับเจ้า แต่ว่าพลังต่อสู้ของเจ้านั้นอยู่ที่ยี่สิบดาว แม้แต่ข้ายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้หรือไม่”
เขายอมรับว่ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
หลิงฮันตระหนักได้ถึงบางอย่างว่าทำไมห้านิกายโบราณถึงต้องการเดิมพัน หากเป็นฝ่ายชนะห้าครั้งก็จะเป็นผู้ชนะ และตราบใดที่พวกเขาไม่ให้หม่าตั๋วเป่าร่วมสู้ การต่อสู้ที่เหลือพวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
ใครจะคิดล่ะว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งคนลงมา!
“มันใช้เวลามากทีเดียวถึงจะส่งคนลงมาเบื้องล่างได้ ดังนั้นจึงมีจอมยุทธระดับทลายมิติไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกส่งลงมา” ฉัวชี่ฟงกล่าวอธิบาย “แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วเพราะว่า…พวกข้าเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
ราชันเปิดตะวันก้าวออกมาและพูดว่า “การต่อสู้รอบต่อไปใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า?”
พรึบ หญิงสาวรุ่นเยาว์คนหนึ่งกระโจนออกมา นางยังเด็กมาก แต่ก็มีใบหน้าที่งดงาม รูปร่างผอมเพรียว และมีหน้าอกยื่นออกมาเล็กน้อยทำให้เกิดเป็นเส้นโค้งที่งดงาม
ระดับทลายมิติขั้นเก้า!
พวกเขาจะต้องเป็นอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอนที่ถูกห้านิกายโบราณบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลี้ยงดู!
ในทางตรงกันข้าม อัจฉริยะอย่างฉือชิวเหริน ราชันดาบน้อย ตงหลิงเอ๋อ กลายเป็นขยะไปเลย
แต่คำถามคือ พวกเขาทั้งสองคนเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้านิกายโบราณบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?
“เซียวเมี่ยวเหยียน” หญิงสาวคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและใบหน้านิ่งเฉย และยังสามารถเห็นแววตาที่เหยียดยามได้ในดวงตาของนาง
นางกำลังดูถูกทุกคนในโลกเบื้องล่าง
โลกเบื้องล่างในสายตาของนางแล้วไม่มีค่าอะไร นอกจากสวนสมุนไพรที่จะกลายเป็นเม็ดยาให้กับพวกนาง
ราชันเปิดตะวันไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย เขาคิดจะโจมตีออกไปครั้งเดียวด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด และเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ในมือของเขาและโจมตีไปที่เซียวเมี่ยวเหยียน
เปลวเพลิงของเขาร้อนแรงยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ และมีจอมยุทธระดับทลายมิติหลายคนที่ต้องถอยห่างจากมัน มิฉะนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเป็นอันตรายกับพวกเขา
เซียวเมี่ยวเหยียนไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย นางมีปีกสองข้างอยู่ด้านหลังที่ยาวกว่าหนึ่งร้อยฟุตและโอบล้อมตัวนาง และไม่เกรงที่จะถูกเปลวเพลิงกลืนกิน
นิกายวิหกอมตะ!
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ามันถูกเรียกว่าอะไรในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
พลังต่อสู้ของเซียวเมี่ยวเหยียนนั้นน่าตกตะลึงมาก หลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่านางก็สามารถสยบราชันเปิดตะวันได้แล้ว
การต่อสู้รอบถัดไป ห้านิกายโบราณได้ส่งสองอัจฉริยะรุ่นเยาว์ออกมาคือ เฉินเหวินสือและกวนหยาง พวกเขาทั้งสองคนมีพลังต่อสู้สิบแปดดาวเช่นกัน และเก็บชัยชนะมาได้อย่างง่ายดาย ทำให้พวกเขาชนะสี่ครั้งติด
เหลือชัยชนะอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หากหม่าตั๋วเป่าเข้าร่วมการต่อสู้ได้ เขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายได้ตั้งเงื่อนไขขึ้นมา เขาเลยไม่สามารถเข้าร่วมได้
“ข้าอู่เกาเหยียน ข้าไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนให้ความรู้แก่ข้า?” คนสุดท้ายของห้านิกายโบราณเป็นรุ่นเยาว์เหมือนเดิม เขากำลังสวมชุดสีขาวและมีใบหน้าที่หล่อเหลา
ช่วยไม่ได้ที่หม่าตั๋วเป่าและแปดราชันจะขมวดคิ้ว นี่พวกเขาจะต้องแพ้จริงๆหรือ? ความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะผูกมัดเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสักกี่ครั้ง ในตอนนั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจเปิดช่องทางและส่งตัวตนระดับพลังเจ้าที่แท้จริงลงมาก็ได้ และพวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
ไม่มีทาง!
“ข้าเอง!” หลิงฮันกล่าว
ตอนที่ 830
เจ้าจะเป็นคนสู้เอง?
ไม่ต้องคิดอะไรให้ยากเย็น เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น พลังของเขาอ่อนแอเกินไป ไม่ต้องพูดถึงการต้านทานหนึ่งกระบวนท่าเลย แค่ออร่าของศัตรูก็ทำให้เขาตกตายแล้ว
แต่หม่าตั้วเปาไม่มองที่พลังบ่มเพาะของหลิงฮัน เขาเชื่อในตัวหลิงฮัน หม่าตั้วเปาขมวดคิ้วและกล่าว “เจ้าแน่ใจ?”
“แน่นอน!” หลิงฮันพยักหน้า
“งั้นก็ดี!” หม่าตั้วเปาไม่ซักไซ้ เขาพยักหน้าและกล่าว “งั้นรอบสุดท้ายเจ้าเป็นคนไปสู้!”
“พี่ฮัน!” จูเสวียนเอ๋อคว้ามือของหลิงฮันเอาไว้ ใบหน้าอันงดงามของนางเป็นไปด้วยความกังวล
หลิงฮันพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เคยทำอะไรผลีผลามอยู่แล้ว”
“หลิงฮัน ลุยเลย!” ฮูหนิวสะบัดมือเล็กๆของนางเพื่อให้กำลังใจเขา
“จัดการมันให้อยู่หมัดเลย อย่าให้นายท่านกระต่ายต้องเสียหน้า!” เจ้ากระต่ายเอ่ยขึ้น
หลิงฮันก้าวออกไปและกล่าว “การต่อสู้นี้ข้าสู้เอง!”
พรวดด!
เหล่าห้านิกายโบราณหัวเราะลั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาตัวน้อยๆเช่นเจ้าต้องการเข้าร่วมการต่อสู้เดิมพันครั้งนี้งั้นรึ? ไม่ใช่ว่านั่นเท่ากับการแส่หาความตายรึไง?
หรือจักรวรรดิจันทราม่วงจะยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว?
ใบหน้าของราชันอสรพิษมารกระตุกเล็กน้อยและกล่าว “เจ้าหนูนั่นไม่อาจดูถูกได้ พลังป้องกันของเขานั้นแข็งแกร่งเกินจะบรรยาย!” ขนาดโดนผ่ามือของเขาเข้าไป หลิงฮันก็ยังไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
เพราะว่าเรื่องนั้นมันน่าอับอายเกินไปเขาเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟังและสั่งให้ฉือชิ่วเหรินปิดปากให้มิด ดังนั้นจึงไม่มีใครรับรู้ว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่ทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ
“เจ้าน่ะรึ?” อู่เกาเหยียนขมวดคิ้ว “ข้าที่มีพลังสุดแข็งแกร่ง แต่เป็นเจ้าที่จะมาสู้กับข้า?”
เขารู้สึกราวกับกำลังถูกดูหมิ่น!
จักรวรรดิจันทราม่วงรู้แล้วว่าจะต้องแพ้ เลยจงใจส่งจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามาหักหน้าเขา
“ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้วมาเริ่มกันเลย!” หลิงฮันกวักนิ้ว
อู่เกาเหยียนเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม มือของเขายกขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยเส้นแสงสีเงินนับพันออกมา เส้นแสงเหล่านั้นเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นดาบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันไม่เคลื่อนไหว เขาโคจรแก่นแท้แห่งดาบเพื่อสลายดาบนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาทันที และทำให้เขานั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่เส้นผม
“แก่นแท้แห่งดาบ?” อู่เกาเหยียนตะลึงเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ “ไม่เลวเลยที่เจ้าสามารถรู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งวิถีวรยุทธได้ แม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าจอมยุทธระดับทลายมิติที่รู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งวรยุทธได้ก็มีเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนจากจอมยุทธระดับทลายมิติทั้งหมด!”
น้อยเช่นนั้นเลย?
หลิงฮันคิดในใจ แต่หากคิดให้ดีนั่นก็ไม่นับว่าแปลก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นแม้จะมีทรัพยากรบ่มเพาะที่อุดมสมบูรณ์ทำให้จอมยุทธบรรลุระดับทลายมิติและระดับที่สูงกว่านี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่แก่นแท้แห่งวรยุทธนั้นต้องพึ่งพาเพียงแค่ความเข้าใจของตนเอง
“ข้าชักจะสนใจนิดหน่อยแล้ว!” จิตสังหารของอู่เกาเหยียนรุนแรงขึ้น “การสังหารอัจฉริยะเช่นเจ้านับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่เลว ที่โลกเบื้องล่างแห่งนี้คนที่รู้แจ้งแก่นแท้แห่งวรยุทธได้ในระดับก้าวสู่เทวาคงมีเจ้าเป็นคนแรกสินะ?”
หลิงฮันยื่นมือไปด้านหน้าและกวักนิ้วยั่วยุ “เจ้าเป็นตัวโง่งมเช่นใด ทำไมถึงได้เอาแต่พล่าม?”
เส้นเลือดบนหน้าผากของอู่เกาเหยียนปูดบวมขึ้นมาและกล่าว “ทำให้ข้าโกรธมีแต่จะทำให้ตัวเจ้าเองเสียเปรียบ!”
“นี่เจ้ายังจะพล่ามอยู่อีก?” หลิงฮันกล่าว
‘ตูม!’
อู่เกาเหยียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาดันฝ่ามือปลดปล่อยดาบนับพันออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ดาบแต่ละเล่มได้แฝงแก่นแท้แห่งดาบเอาไว้ด้วย พลังทำลายล้างของพวกมันย่อมมากกว่าเดิมและไม่มีทางที่จะถูกสลายได้ด้วยแก่นแท้แห่งดาบของหลิงฮัน
การโจมตีแบบเอาจริงของระดับทลายมิติสิบแปดดาว!
ไม่มีทางเลยที่จะป้องกันมันได้!
‘ปัง’ หลิงฮันถูกโจมตีใส่จนร่างกระเด็นราวกับว่าวที่เส้นด้ายขาด
อู่เกาเหยียนแสยะยิ้ม “เช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดจะสู้กับข้าอยู่อีกรึไม่?”
“แน่นอน!” หลิงฮันลุกขึ้นมาจากพื้นดิน เขาบิดร่างไปมาจนกระดูกเกิดเสียงเสียดสีกันก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
อะไรกัน!
ตาของทุกคนแทบจะถลนออกมา เจ้าหนูนั่นเป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
ก่อนหน้านี้ที่ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมถูกโจมตีจนแทบจะตกตาย หม่าตั้วเปายังต้องยื่นมือเข้าช่วย
จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
“กายหยาบที่ทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ!” จอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งอุทานออกมา
จอมยุทธของห้านิกายโบราณอดแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาไม่ได้ หลิงฮันมีพรสวรรค์มากเกินไป แค่ระดับก้าวสู่เทวาเขาก็มีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบแล้ว ไม่ใช่ว่านั้นคือพลังป้องกันที่สูงสุดของโลกนี้แล้วงั้นรึ?
ไม่แปลกเลยที่หลิงฮันกล้าเสนอตัวเข้าร่วมต่อสู้ ที่แท้เขาก็มีกายหยาบที่ฝืนสวรรค์เช่นนี้นี่เอง
“เหอะ แร่เหล็กระดับสิบงั้นรึ?” อู่เกาเหยียนแสยะยิ้ม “แล้วยังไง หากถูกกระหน่ำโจมตีแม้จะเป็นแร่เหล็กระดับสิบก็ต้องพังทลาย!”
หลิงฮันส่ายมือและกล่าว “เลิกพูดมากแล้วมาสู้ต่อได้แล้ว เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ถ้าเจ้าไม่สามารถชนะข้าได้ในสิบกระบวนท่า จะถือว่าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้!”
อู่เกาเหยียนเค้นเสียงดูถูก “ทำไมข้าต้องให้คำมั่นเช่นนั้นกับเจ้า?”
“เจ้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาว ส่วนข้าเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวา แค่สิบกระบวนท่าก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึ?” หลิงฮันยิ้ม
ใบหน้าของจอมยุทธจากห้านิกายโบราณบิดเบี้ยว เจ้ามีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ ในโลกนี้แทบจะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ แล้วใครจะไปชนะเจ้าภายในสิบกระบวนท่าได้?
อู่เกาเหยียนขี้เกียจจะพูดไร้สาระดับหลิงฮันอีกต่อไป เขาลงมือโจมตีหลิงฮันต่อทันที
‘พรึบ’ อู่เกาเหยียนนำดาบออกมา ดาบของเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเย็นยะเยือก
ดาบเล่มนี้คืออาวุธวิญญาณระดับสิบที่ถูกกระตุ้นพลังอย่างเต็มที่แล้ว การใช้มันในการต่อสู้ก็เหมือนกับมีจอมยุทธระดับทลายมิติอีกคนมาช่วยสู้
หลิงฮันไม่เกรงกลัว เขาไม่ต้องต้องการชนะศึกนี้ แต่แค่ต้องการทำให้การพนันจบลงด้วยการเสมอ แม้เจ้าจะมีจอมยุทธระดับทลายมิติมาช่วยสู้นับสิบก็เชิญโจมตีมาเลย
‘ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!’
อู่เกาเหยียนกวัดแกว่งอาวุธวิญญาณระดับสิบเข้าใส่หลิงฮัน ออร่าที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นราวกับเทพมาร
ตอนที่ 831
เขารู้หรือไม่ว่าเมื่ออาวุธวิญญาณระดับสิบปะทะกับอาวุธวิญญาณระดับสิบเป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งคู่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
หากปะทะกันสองสามครั้งอาจไม่เป็นไร แต่ถ้าปะทะกันหลายครั้งจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน และถ้าอาวุธวิญญาณทั้งสองทรงพลังพอกัน ความเสียหายที่จะได้รับก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
ดังนั้น แม้ว่าหลิงฮันจะมีกายหยาบเทียบเทียบเท่ากับแร่เหล็กระดับสิบ แต่อาวุธวิญญาณระดับสิบก็สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้!
พลังต่อสู้ของอู๋เกาเหยียนนั้นแข็งแกร่งเกินไป หลังจากที่ถูกโจมตีอยู่หลายครั้ง โลหิตของหลิงฮันก็เริ่มปรากฏออกมาให้เห็น แม้ว่ากายหยาบของเขาจะเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ แต่ก็ยังต้านทานการโจมตีของอู๋เกาเหยียนได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมเจ้าถึงเงียบไปล่ะ” อู๋เกาเหยียนหัวเราะเยาะ
“ข้าไม่ได้เงียบ แต่กำลังจดจ่อสมาธิอยู่” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย และโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และบาดแผลของเขาก็ถูกรักษาในพริบตา
ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากจอมยุทธระดับทลายมิติ กายาเพชรก็จะสามารถรักษาตัวเองได้ แต่การโจมตีนี้ยังมีเจตจำนงแห่งเต๋าด้วย ทำให้กายาเพชรไม่สามารถรักษาตัวเองได้ เขาจึงจำเป็นต้องโคจรพลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อขับไล่เจตจำนงแห่งเต๋าของอู๋เกาเหยียนออกไปและฟื้นฟูบาดแผล
ความเร็วในการรักษาของมันนั้นน่าทึ่งมาก ในชั่วพริบตาเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น!” เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
“หึ่ม ถึงเจ้าจะมีความสามารถรักษาบาดแผลได้รวดเร็วขนาดนั้น แต่เจ้าจะสามารถรักษาบาดแผลได้รวดเร็วขนาดนั้นได้ตลอดหรือไม่?” อู๋เกาเหยียนแสยะยิ้ม เขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะรักษาบาดแผลได้รวดเร็วแบบนั้นได้ตลอด แน่นอนมันจะต้องมีขีดจำกัดกันบ้าง
เขาจะกระหน่ำโจมตีใส่และบังคับให้หลิงฮันแสดงขีดจำกัดออกมา
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย เขาจะรักษาบาดแผลได้รวดเร็วแบบนั้นตลอดได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงขีดจำกัด เพราะว่าเมื่อใดที่ความเร็วในการรักษาช้ากว่าบาดแผลที่ได้รับ หลิงฮันจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้น หลิงฮันก็ยังคงลุกขึ้นยืนอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อซ้ำเดิมความประหลาดใจของทุกคน
เมื่อเห็นเช่นนั้น อู๋เกาเหยียนแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดอยู่ตลอดว่าขีดจำกัดของหลิงฮันจะต้องเป็นการโจมตีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน แต่มันก็ทำให้เขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า หลิงฮันยังคงลุกขึ้นยืนทุกครั้งที่เขาโจมตีออกไป
เป็นไปได้ยังไง!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ การที่จะบดขยี้เขาเป็นเรื่องที่ง่ายดาย อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะโจมตีสักกี่ครั้งเขาก็ไม่เห็นความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะถูกจัดการ
ในขณะเดียวกันราชันทั้งแปดต่างก็เผยสีหน้ามีความสุข พวกเขาคิดว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับห้านิกายโบราณซะแล้ว ด้วยบุคลิกของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวไปอีกหนึ่งร้อยปีตามเงื่อนไขการเดิมพัน
แม้ว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่การรักษาสัญญานั้นเหนือกว่าสิ่งอื่นใด
แม้ว่าหลิงฮันจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ตราบใดที่จบลงด้วยผลเสมอ ผลของการเดิมพันทั้งหมดก็จะเสมอ และพวกเขาก็จะไม่ต้องทำตามข้อตกลงที่ห้ามเคลื่อนไหวเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี
แม้แต่หม่าตั๋วเป่าก็ยังพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ว่าหลิงฮันไม่ธรรมดา
ในทางตรงกันข้าม เหล่าผู้คนของห้านิกายโบราณดูมืดมน
พวกเขาจงใจแสดงความอ่อนแอออกมาเพื่อล่อลวงหม่าตั๋วเป่า และก็ทำสำเร็จ แต่ใครจะคิดล่ะว่าจะมีสัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันปรากฏตัวออกมา?
หลังจากการต่อสู้เก้ารอบ ถ้าหม่าตั๋วเป่าเข้าร่วมไม่ได้ มันก็การันตรีว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะแล้วไม่ใช่หรอกรึ?
แต่ว่าเจ้าเด็กนี่!
ผู้คนของห้านิกายโบราณเกลียดแค้นหลิงฮํนมาก ถ้าการต่อสู้จบลง พวกเขาจะลงมือจัดการหลิงฮันทันที! ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา ภายใต้ท้องฟ้าเขาจะสามารถปกป้องเขาได้บ้าง?
อู๋เกาเหยียนรู้สึกโกรธ เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองมากและยังเป็นอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกส่งลงมาโลกเบื้องล่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์
แต่ตอนนี้ จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากำลังต่อต้านเขา ถ้าเขากลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาจะยังมีหน้าไปพบคนอื่นอีกหรือไม่?
เขาโจมตีใส่หลิงฮันไม่หยุดและคิดว่าจะต้องจัดการให้ได้ด้วยการโจมตีนี้
แต่มันก็ไร้ประโยชน์!
แม้หลิงฮันจะได้รับบาดเจ็บไม่หยุด แต่ความเร็วในการรักษาของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลย
อู๋เกาเหยียนใช้ทุกอย่างที่มีออกไปหมดแล้ว แม้กระทั่งแก่นแท้แห่งดาบก็ยังไม่อาจจัดการหลิงฮันได้
พวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กันไม่หยุด หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป และสามวันผ่านไป
หลิงฮันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาถูกโจมตีไปทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวของเขาคือเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปหลายชุด คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์รักษาบาดแผลได้ แต่ไม่อาจฟื้นฟูเสื้อผ้าได้ และนั่นทำให้เขาต้องนำชุดตัวใหม่ออกมา
“แม้ว่าจะไม่กำหนดเวลาต่อสู้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น” หม่าตั๋วเป่ากล่าว “พอได้แล้ว การต่อสู้จบลงแล้ว”
“การต่อสู้มันจะจบลงที่ผลเสมอได้ยังไง!” แน่นอนว่าห้านิกายโบราณไม่มีทางยอมรับ พวกเขากล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่าอู๋เกาเหยียนเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด!”
“ฝ่ายใดจะแพ้ชนะมันขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างนั้นรึ?” ราชินีหยินพูดเยาะเย้ย “ทำไมเจ้าไม่พูดล่ะว่าหลิงฮันเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น แต่มีความสามารถที่จะต่อกรกับจอมยุทธระดับทลายมิติเป็นเวลาสามวันสามคืน ข้าก็พูดได้เหมือนกันว่าหลิงฮันเป็นฝ่ายชนะ!”
หม่าตั๋วเป่าเดินออกไปข้างหน้าและพูดว่า “ข้าเสนอให้การต่อสู้จบลงด้วยผลเสมอ ใครมีความคิดเห็นอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ข้า!” คนของห้านิกายโบราณผู้หนึ่งกระโจนออกมา เขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติเช่นกัน แต่เป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสามเท่านั้น
หม่าตั๋วเป่ามองไปที่อีกฝ่าย เขาสะบัดมือขวาและจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดก็พุ่งออกไป ตู้ม จอมยุทธระดับทลายมิติคนนั้นถูกคลื่นแสงพัดผ่านไปและถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เขาตายแล้ว!
เพียงแค่สะบัดมือ จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสามก็ตายแล้ว
นี่รึความแข็งแกร่งของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิจันทราม่วง!
หม่าตั๋วเป่าไม่แยแสและพูดต่อว่า “ใครยังมีความคิดเห็นอื่นอีกหรือไม่?”
ไม่มีใครเสนอตัวออกมาอีก แม้แต่พวกของฉัวชี่ฟงทั้งสี่คนก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับหม่าตั๋วเป่า
“พลังต่อสู้ยี่สิบดาว?”
“ใช่แล้ว!”
“อีกฝ่ายเป็นแค่มนุษย์จะมีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวได้ยังไง? มีแค่ลูกหลานของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และลูกหลานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะมีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวได้!”
“หึ่ม ถ้าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นิกายพวกเราสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย!”
พวกฉัวชี่ฟงทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา พวกเขากำลังตัดสินใจ ถ้าพวกเขาห้าคนร่วมมือกันจะสามารถหยุดหม่าตั๋วเป่าได้หรือไม่ แต่ถึงจะทำได้ ใครจะเป็นคนต่อกรกับแปดราชัน?
“อู๋เกาเหยียนรับขวานไป!” ชายชราคนหนึ่งโยนขวานไปให้อู๋เกาเหยียน
ขวานภูผาวารี!
มันไม่ใช่ของลอกเลียนแบบ แต่เป็นความภูผาวารีของจริง!
หากเขาใช้ขวานนี่ อีกฝ่ายที่มีกายหยาบเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบจะยังสามารถต้านทานได้อีกหรือไม่?
ตอนที่ 832
อู่เกาเหยียนคว้าขวานภูผาวารีเอาไว้และหัวเราะลั่นทันที ถ้าอาวุธชิ้นนี้ถูกนำขึ้นไปใช้บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะกลายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่ไร้เทียมทานที่สุด แม้ระดับของมันจะไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่ในทวีปฮงเทียนแห่งนี้มันคืออาวุธวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดไม่ผิดแน่!
ด้วยอาวุธชิ้นนี้เขาจะยังไม่สามารถชนะได้?
“เหอะ ช่างไร้ยางอายนัก” หม่าตั้วเปาแสยะยิ้มดูถูก ก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังตำแหน่งของหลิงฮันและอู่เกาเหยียนพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาเพื่อทำให้การต่อสู้หยุดชะงัก
“องค์จักรพรรดิคิดจะทำอะไร? หรือเจ้าคิดจะทำลายการเดิมพันของพวกเรา?” คนของห้านิกายโบราณกล่าวด้วยท่าทียั่วยุ
หม่าตั้วเปากล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้ายื่นขวานภูผาวารีเข้าช่วย ข้าก็จะไม่ไว้หน้าพวกเจ้าอีกต่อไป” หม่าตั้วเปานิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวต่อ “หลิงฮัน ส่งดาบนั่นมา”
ดาบนั่น?
หลิงฮันรู้ตัวทันทีว่าดาบที่ว่าหมายถึงดาบสังหารที่เคยเป็นดาบของหม่าตั้วเปา เขาไม่ลังเลและนำดาบสังหารออกมาจากหอคอยทมิฬ จากนั้นก็โยนไปให้กับหม่าตั้วเปา
ที่เขาไม่นำดาบสังหารออกมาสู้ก็เพราะต่อหน้าจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาว ดาบสังหารย่อมไร้ประโยชน์ นอกเสียงจากว่ามันจะฟื้นสภาพกลับมาอย่างสมบูรณ์
หม่าตั้วเปาคว้าดาบและจ้องมองอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเองอักขระที่สลักเอาไว้บนตัวดาบก็ส่องสว่างออกมา ไม่เพียงแค่มันดาบได้ฟื้นกลับไปอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แต่มันยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วย หม่าตั้วเปายิ้มและโยนดาบสังหารคืนให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันคว้าดาบสังหารเอาไว้ เขารู้สึกได้ในใจว่าตัวเขาในตอนนี้นั้นไร้เทียมทานราวกับว่าแม้แต่พระเจ้าเขาก็สามารถสังหารได้
หม่าตั้วเปาสะบัดมือ ทันใดนั้นจิตสังหารของเขาก็สลายหายไป
อู่เกาเหยียนเค้นเสียงดูถูก เจ้าคิดรึว่าดาบนั้นจะช่วยให้เจ้าสู้ข้าได้? พลังต่อสู้ของเขาสูงกว่าหลิงฮันไม่รู้เท่าใด แถมตอนนี้เขายังมีขวานภูผาวารีอยู่ในมืออีก การทำลายกายหยาบของหลิงฮันย่อมไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็น
อู่เกาเหยียนสะบั้นขวานในมือโจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง
ดาบในมือของหลิงฮันสั่นไหว ‘พรึบ’ มันส่องประกายแสงออกมาพร้อมกับจิตสังหารที่รุนแรง
ดาบเล่มนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก อู่เกาเหยียนที่ไม่มีกายหยาบที่ทรงพลังเช่นหลิงฮันย่อมไม่กล้ารับการโจมตีจากดาบนี้ตรงๆ เขาตวัดขวานภูผาวารีขึ้นมาป้องกัน ‘ปัง’ เสียงปะทะดังขึ้นพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรงที่ปะทุออกมา ร่างของอู่เกาเหยียนหยุดชะงักกลางอากาศ
อะไรกัน!
ทุกคนอุทานออกมา ด้วยพลังอำนาจของขวานภูผาวารีกับพลังต่อสู้ของอู่เกาเหยียนแล้ว หลิงฮันสมควรที่จะไม่สามารถต้านทานได้ไม่ใช่รึไงกัน?
“ดาบนั่นมันอะไรกัน มันสามารถต้านทานการโจมตีของขวานภูผาวารีเอาไว้ได้!”
“อู่เกาเหยียนคือจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาว หากผสานเข้ากับอำนาจของขวานภูผาวารีแล้ว เขาควรจะมีพลังต่อสู้ถึงยี่สิบดาว แต่หลิงฮันกลับสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้ด้วยดาบเล่มเดียว เรื่องนี้มันเกินกว่าที่จะยอมรับได้!”
มีเพียงแค่แปดราชันเท่านั้นที่มีสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความทระนง นี่ล่ะคืออำนาจของจักรพรรดิของพวกเขา พลังของหม่าตั้วเปานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึกทั่วไป
“ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด!” อู่เกาเหยียนกัดฟัน เขาคืออัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าหลิงฮันสองระดับใหญ่แถมยังมีอาวุธอย่างขวานภูผาวารีอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถจัดการมดตัวปลวกกระดับก้าวสู่เทวาตัวเล็กๆได้?
หลิงฮันยิ้ม ที่จริงแล้วเป็นดาบสังหารต่างหากที่ลงมือเอง เขาแค่จับดาบเอาไว้เท่านั้น จะพูดให้ถูกคือไม่ใช่เขาที่ใช้งานดาบสังหาร แต่เป็นดาบสังหารที่ใช้งานเขา
หลังจากดาบกลับไปอยู่ในมือหม่าตั้วเปา ไม่ใช่แค่ดาบจะฟื้นสภาพอย่างสมบูรณ์แต่มันยังทรงพลังขึ้นนับสิบเท่า!
“โอ้ ช่างคึกคักอะไรเช่นนี้ จะรังเกียจรึไม่ถ้าพวกข้าจะขอร่วมสนุกด้วย?’ กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวจากตีนเขา ดูทุกล้วนแต่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาด
ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์เท่านั้นที่ประหลาด แต่กลิ่นอายของพวกเขาก็ไม่เหมือนคนทั่วไปด้วย ทุกคนมีกลิ่นอายน่ากลัวราวกับว่าพวกเขาเพิ่มคลานออกมาจากหลุมศพ
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพวกเขาคือนิกายพันศพ!
นอกจากจิ่วโหยวหวัง ก็ยังมีซากศพที่หนึ่ง ซากศพที่สอง และ… หลงไหเชวียน!
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้อยู่กับนิกายพันศพได้?
ทั้งหลิงฮันและอู่เกาเหยียนหยุดการปะทะชั่วขณะ
หม่าตั้วเปาส่ายหัวและกล่าว “แม้แต่นิกายพันศพก็รนหาที่ตาย?”
เหตุผลที่นิกายพันศพปรากฏตัวที่นี่ย่อมไม่ใช่เพราะพวกเขามาเดินเล่นเป็นแน่
หรือว่านิกายพันศพจะร่วมมือกับห้านิกายโบราณ?
จิ่วโหยวหวังหัวเราะและกล่าว “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุดในโลก?”
“แน่นอน” หม่าตั้วเปาตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้และข้าจะสังหารทุกคนที่ไม่ยอมเชื่อฟังข้า หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้?”
แม้คำพูดนั่นจะดูโอหัง แต่จิ่วโหยวหวังก็ไม่สามารถเถียงได้ หากวัดด้วยพลัง เขานั้นมีพลังทัดเทียมกับราชันดาบและราชันอสรพิษมารเท่านั้น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้แม้แต่กับแปดราชัน ไม่ต้องการถึงการเอาชนะหม่าตั้วเปาเลย
“เหอะเหอะ” จิ่วโหยวหวังแสยะยิ้มและโบกมือ ‘ครืน’ ทันในนั้นบางสิ่งบางอย่างก็ลอยออกไป
โลงศพสามชีวิต!
‘ปัง’ เมื่อฝาโลงศพเปิดออก ทหารซากศพก็กระโจนออกมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยดวงตาที่หากนับแล้วมีมากถึงสิบแปดดวง
ราชันซากศพสิบแปดตา!
เป็นไปได้อย่างไร!
ก่อนหน้านี้ แผนการนับพันปีที่นิกายพันศพวางเอาไว้นั้นสามารถสร้างได้แค่ทหารซากศพสิบห้าตาเท่านั้น แล้วตอนนี้มีทหารซากศพสิบแปดตาปรากฏขึ้นได้อย่างไร?
หลิงฮันอดมองไปยังหลงไหเชวียนไม่ได้ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับโลงศพสามชีวิตเป็นแน่ หรือว่านิกายพันศพกับหลงไหเชวียนจะมีข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้นโลงศพสามชีวิตถึงได้กลับไปอยู่ในมือของนิกายพันศพอีกครั้ง?
“เจ้าคิดว่าแค่นั้นจะหยุดข้าได้?” หม่าตั้วเปาหัวเราะและหรี่ตาลง แม้ท่าทางของเขาจะมีไม่มีพิษภัย แต่จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวที่เขาปลดปล่อยออกมาส่งผลให้ทุกคนรู้สึกขนลุก
จอมยุทธระดับทลายมิติยี่สิบดาวที่เป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในโลก ใครบ้างจะไม่หวาดกลัว?
“เจ้าลืมพวกเราไปแล้ว?” จอมยุทธของห้านิกายโบราณยืนขึ้น นอกจากในหมู่พวกเขาจะมีห้าคนที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาวแล้ว หนึ่งในพวกเขายังถือขวานภูผาวารีเอาไว้อีก
“พวกเจ้าน่ะรึ?” หม่าตั้วเปาเค้นเสียงเย็นชา “แค่ฝูงแกะที่จำนวนเยอะกว่าคิดจะเป็นคู่ต่อสู้กับราชสีห์?”
เมื่อได้ยินคำพูดเปรียบเทียบว่าพวกเขาเป็นแกะ ไม่ว่าจะเป็นห้านิกายโบราณหรือนิกายพันศพต่างก็ไม่สบอารมณ์ จริงอยู่ที่พวกเขาไม่ได้มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวเช่นเจ้า แต่ด้วยจำนวนของจอมยุทธระทลายมิติมากมายเช่นนี้เจ้าคิดว่าพวกข้าจะสังหารเจ้าไม่ได้?
“ถ้าเช่นนั้นจิ่วโหยวหวัง พวกเรามาร่วมมือกันตามข้อตกลงที่เคยคุยกันไว้แล้วกัน!” ผู้เฒ่าของห้านิกายโบราณกล่าว
“ก็ดี!” จิ่วโหยวหวังตกลงและพยักหน้าไปทางหลงไหเชวียน ทันใดนั้นโลงศพอีกโลงก็ปรากฎขึ้นพร้อมกับราชันซากศพสิบแปดดาวอีกตัวที่กระโจนออกมา
โลงศพสามชีวิตที่ทั้งสามโลง ซึ่งหนึ่งโลงอยู่ในมือของจิ่วโหยวหวัง ส่วนอีกสองโลงอยู่ในมือของหลงไหเชวียน โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาขัดเกลาราชันซากศพให้มีดวงตาสิบแปดดวงได้แค่สองตัวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรแค่นี้พลังของพวกเขาก็นับว่าน่าสะพรึงกลัวมากพอแล้ว
ตัวตนระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาวเจ็ดคนได้ร่วมมือกันเพื่อต่อต้านหม่าตั้วเปา!
ตอนที่ 833
หม่าตั๋วเป่าไม่เก็บมาสนใจและพูดว่า “เข้ามาพร้อมกันให้หมดนั้นแหละ!”
“เจ้าไม่ต้องพูดแบบนั้นออกมาหรอก ยังไงพวกข้าก็คิดที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว!” ฉัวชี่ฟง อู่เกาเหยียนและอิจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือ บวกกับราชันซากศพสิบแปดตาต่อแถวเรียงหน้ากระดาน
“ฮ่าฮ่าฮ่า การต่อสู้ของจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังหาได้ยากมาก ข้าอยากเห็นจริงๆ”
“แต่ยังไงซะหลังจากวันนี้ มันจะไม่มีจักรวรรดิจันทราม่วงอีกต่อไป!”
พวกของฉัวชี่ฟงทั้งสี่คนเย้ยหยัน
หลิงฮันส่ายหัว มันเป็นเพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีระดับพลังที่สูงขึ้นไปอีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องยกระดับพลังต่อสู้ให้ถึงขีดสูง
และที่ฉัวชี่ฟงพูดแบบนั้นออกมาเพราะพวกเขาไม่มีพลังต่อสู้ถึงยี่สิบดาวเหมือนกับหม่าตั๋วเป่า
แต่อย่าได้ดูถูกพวกเขาเชียว ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาว แต่ก็สามารถกวาดล้างทวีปฮงเทียนได้ แต่บางทีห้านิกายโบราณบนดินดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจไม่ใช่ขุมพลังอันดับต้นๆ ดังนั้นรุ่นเยาว์ที่พวกเขาสามารถปั้นได้จึงไม่มีพลังต่อสู้สูงสุด
อย่างไรก็ตาม แค่พลังต่อสู้สิบแปดดาวก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งแล้ว อย่างน้อยในทวีปฮงเทียนก็ไม่มีใครเหนือพวกเขานอกจากสัตว์ประหลาดอย่างหม่าตั๋วเป่าและเฮ่อเหลียนเทียนหยุน
หม่าตั๋วเป่ายกนิ้วขึ้นมายั่วยุและเดินเข้าไปหาฝั่งตรงข้ามทั้งเจ็ดคน
“หึ่ม!” อัจฉริยะทั้งห้ากระโจนออกไปพร้อมกัน แต่เมื่ออู่เกาเหยียนโจมตีออกไปด้วยขวานภูผาวารี บรรยากาศที่มันพาดผ่านถูกฉีกกระชากทันที และในขณะเดียวกันราชันซากศพสิบแปดตาสองตัวก็ไม่หวาดกลัวพลังของหม่าตั๋วเป่าแต่อย่างใด และพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง
ตู้ม ราชันซากศพสิบแปดตาสองตัวกระเด็นไปด้านหลังทันทีเมื่อปะทะ แต่แรงระเบิดดังกล่าวของหม่าตั๋วเป่าถูกลบล้างไปมากทำให้ฉัวชี่ฟงและคนอื่นไม่ได้รับผลกระทบ
เห็นได้ชัดว่าหม่าตั๋วเป่าแข็งแกร่งกว่ามาก แต่อีกฝ่ายนั้นเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาวเจ็ดคน
ในไม่ช้าพวกเขาก็กลับมารวมกลุ่มกันใหม่อีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใช้กลอุบายอะไรและเผชิญหน้ากับซึ่งๆหน้า พวกเขาต่อสู้กันตั้งแต่ตีนเขาขึ้นไปบนยอดเขาและบนท้องฟ้า และยังมีสะเก็ดดาวนับไม่ถ้วนตกลงมาไม่หยุด
แต่โชคดีที่ดาวพวกนั้นถูกควบแน่นโดยพลังของสวรรค์และปฐพี ไม่เช่นนั้นพวกมันลงจะตกลงมาหมดแล้ว
“หึ่ม แล้วพวกเจ้าล่ะล้างคอรอไว้แล้วหรือยัง?” ราชันมหาดวงดาราเย้ยหยัน
แม้ว่าพวกเขาจะมีกันแปดคนเท่านั้น แต่พวกเขาก็มีความมั่นใจมากที่จะเก็บกวาดจอมยุทธระดับทลายมิติทั่วไปห้าสิบกว่าคน
“ปากดี!” ชายชราผมขาวหลายคนปรากฏตัวออกมาและเริ่มเผาผลาญโลหิตของตัวเอง มันทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นในพริบตาและมีพลังต่อสู้อยู่ที่สิบสี่ดาว
อย่างที่คิด!
ปกติแล้วพวกเขาทั้งห้าจะปกปิดตัวเองจนกว่าจะเสร็จสิ้นการชำระล้าง เมื่อการชำระล้างจบลงพวกเขาจะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และฝึกฝนบ่มเพาะพลังต่อที่นั่นที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายคนที่จะไม่เผยตัวตนของตัวเองและยังคงผนึกร่างของตัวเองไว้ในผลึกหยุดเวลา
พวกเขาเหล่านั้นมีชื่อเรียกว่าราชันผู้พิทักษ์!
หากมีเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่เป็นภัยคุกคามต่อนิกายโบราณทั้งห้า – แม้จะไม่เกิดขึ้นจริง พวกเขาก็จะถูกปลุกให้ตื่นและกำจัดภัยคุกคามนั้น แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่าราชันทั้งแปดคน พวกเขาจึงต้องเผาผลาญโลหิตทุกวินาทีที่ต่อสู้ นี่คือค่าตอบแทนของที่จะได้มาซึ่งพลัง และมันจะทำให้อายุขัยของพวกเขาสั้นลง แม้พวกเขาจะได้ขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็อาจมีเวลาไม่พอที่จะทะลวงผ่านระดับต่อไป
การกระทำของพวกเขาจะต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก ดังนั้นราชันผู้พิทักษ์จึงเป็นที่เคารพนับถือจากทุกคน
มีราชันผู้พิทักษ์ทั้งหมดห้าคน สี่คนมีพลังต่อสู้สิบสี่ดาว ส่วนอีกคนหนึ่งมีพลังต่อสู้สิบห้าดาว แต่ถ้าพวกเขาร่วมมือกันความแข็งแกร่งของพวกเขาจะสูงขึ้นไปอีก
“ตาย!” แม้ว่าราชินีหยินจะเป็นผู้หญิง แต่จิตสังหารที่นางปล่อยออกมานั้นรุนแรงมาก และยังเป็นคนแรกที่กระโจนออกไป
“หยินแปดวิถี!”
เมื่อนางตะโกน มีฝ่ามือยักษ์สองข้างถูกบดขยี้ลงมาจากท้องฟ้าทันที
ในขณะเดียวกัน ราชันที่เหลืออีกเจ็ดคนก็ไม่ได้ยืนดูอย่างเดียว พวกเขาเองก็กระโจนออกไปร่วมต่อสู้ด้วย
ในทางกลับกัน หลิงฮันดูไม่มีอะไรทำ เขาลูบคางและพูดกับตัวเองว่า “นี่ข้าต้องเข้าไปช่วยพวกเขาหรือไม่?”
ดาบสังหารในมือมันไม่ส่องแสงอีกต่อไป แท้จริงแล้วเมื่อครู่มันอยู่ภายใต้การควบคุมของหม่าตั๋วเป่า และตอนนี้หม่าตั๋วเป่ากำลังต่อสู้กับศัตรูของเขาอยู่ เขาจึงไม่มีเวลามานั่งควบคุมดาบสังหารอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าหลิงฮันจะมีพลังป้องกันที่น่าตกตะลึง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่ต่างก็เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ มันไม่มีที่ว่างให้เขายื่นมือเข้าไปและเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“หลิงฮัน ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!” ฉือชิ่วเหรินกระโจนออกมาพร้อมกับกระบี่ไร้เทียมทาน
หลิงฮันโบกมือปฏิเสธและพูดว่า “ข้าขี้เกียจที่จะเล่นกับเจ้าตอนนี้ เจ้ามันอ่อนแอเกินไป!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉือชิ่วเหรินรู้สึกโกรธจนตัวสั่น ยังไงเขาก็ยังเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของโลกเบื้องล่าง ถึงแม้เขาจะขึ้นไปอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ การที่เขาเข้าใจแก่นแท้แห่งกระบี่ก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอยู่ดี แต่ไม่ใช่อัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากอีกต่อไปก็แค่นั้น
เจ้ากล้าดูถูกข้า!
“และถ้าข้าขอเข้าร่วมด้วยล่ะ?”
“ข้าด้วย!”
“ข้าด้วย!”
ตงหลิงเอ๋อ ราชันดาบน้อยและบุตรแห่งสายฟ้า พวกเขาทุกคนเดินออกมายืนข้างหน้าด้วยสายตาเย็นชา
หลิงฮันยกดาบสังหารขึ้นมาและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้คนบริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของพวกเจ้า!”
“พวกเขาก็เป็นแค่มดปลวกหรือไม่จริง?” บุตรแห่งสายฟ้ายิ้มเยาะและพร้อมที่จะโจมตีใส่หลิงฮันด้วยขวานภูเขาวารีของเลียนแบบ
หลิงฮันชี้ดาบไปที่บุตรแห่งสายฟ้าและพูดว่า “เจ้ากล้ามากที่พูดแบบนั้นออกมา ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
“มันขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า!” บุตรแห่งสายฟ้าหัวเราะและโจมตีออกไปด้วยขวานภูผาวารีที่ฟื้นสภาพกลับมาเป็นปกติแล้ว อนุภาพของมันน่ากลัวมาก
แต่น่าเสียดายที่ดาบสังหารไม่ตอบสนอง!
หรือว่าอีกฝ่ายจะอ่อนเกินไป มันเลยไม่ตอบสนองอย่างนั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้ ขวานภูผาวารีเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลก เมื่ออู่เกาเหยียนใช้มันน่าสะพรึงแค่ไหน? อย่างไรก็ตาม มันก็ยังถูกดาบสังหารปัดป้อง ถึงแม้ว่าหม่าตั๋วเป่าจะเป็นคนควบคุม แต่มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเลยทำให้ตอนนี้มันเลยไม่สามารถใช้งานได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อเห็นเช่นนั้น ช่วยไม่ได้ที่ฉือชิ่วเหรินจะหัวเราะออกมา ถ้าดาบใช้ไม่ได้อีกฝ่ายจะเป็นศัตรูของพวกเขาได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่ไร้เทียมทานของเขาเองก็ฟื้นสภาพกลับมาเป็นปกติแล้ว
อาวุธวิญญาณทั้งสองหลังจากที่ฟื้นสภาพแล้วทำให้มันมีพลังระดับทลายมิติอย่างน้อยสิบดาว ซึ่งเหนือกว่ารูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีซะอีก และยังเหนือกว่าระดับพลังของหลิงฮันหลายขุม!
ตอนที่ 834
หลิงฮันโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาทำให้ร่างของเขาเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วอันน่าตะลึง
จูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่าย และหนูทองคำนั้นหลิงฮันพาทั้งสามเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วเพราะเขาเกรงว่าทั้งสามจะได้รับบาดเจ็บที่ไม่คาดฝัน กองทัพนับพันที่ติดตามหม่าตั้วเปามานั้นไม่มีใครสนใจเขา พวกเขาต่างเข้าร่วมต่อสู้ข้างกายแปดราชันที่เป็นเจ้านายของตนเอง
กระบี่ไร้เทียมทานกับขวานภูผาวารีนั้นเป็นเพียงอาวุธวิญญาณทั่วไปที่ไม่มีความนึกคิดเป็นของตนเอง อาวุธทั้งสองนี้ไม่สามารถเล็งโจมตีเป้าหมายเองได้
หรือก็คือฉือชิ่วเหรินกับบุตรแห่งสายฟ้าต้องตามการเคลื่อนไหวของหลิงฮันให้ทันเสียก่อนถึงจะโจมตีได้ ตราบใดที่พวกเขาไล่ตามได้ทัน ด้วยพลังทำลายล้างของอาวุธวิญญาณสองชิ้นนี้ หลิงฮันย่อมไม่อาจต่อต้านพวกเขาได้
แต่อย่างแรกเลยคือพวกเขาต้องไล่ตามหลิงฮันให้ทันเสียก่อน!
หลิงฮันตอนนี้เคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดไหน? การเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งของหลิงฮันนั้นส่งผลให้สายตาของพวกเขาพร่ามัว การโจมตีอย่างน้อยเก้าในสิบครั้งของพวกเขานั้นไม่สัมผัสถูกเป้าหมายแม้แต่น้อย
นอกจากนั้นร่างกายของหลิงฮันยังเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ แม้เขาจะถูกโจมตีแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะอย่างไร? ร่างของเขาย่อมไม่มีทางถูกผ่าออกเป็นชิ้นๆหรือรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย บาดแผลที่เขาได้รับนั้นมีเพียงรอยขีดข่วนตื้นๆเท่านั้น
“หนิวจะช่วยเอง!” ฮูหนิวเองก็พร้อมจะลงมือสังหาร แม้ความแข็งแกร่งของกายหยาบนางจะยังห่างไกลกับหลิงฮัน แต่ความเร็วของนางนั้นเหนือชั้นกว่า นางพุ่งตัวจู่โจมด้วยกรงเล็บและหมัดเล็กๆของนางที่แฝงไปด้วยพลังทำลายอันน่ากลัว การโจมตีของนางนั้นได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกฉือชิ่วเหรินอย่างมาก
ไม่ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะเข้าร่วมสงครามนี้ก็ตาม แต่สิ่งที่จะสินชะตาของแต่ละฝ่ายคือการต่อสู้ระหว่างหม่าตั้วเปาและกลุ่มของอู่เกาเหยียน ใครก็ตามที่ชนะ ฝ่ายที่เป็นศัตรูของผู้ชนะก็จะถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น!
ดังขั้นถึงแม้จอมยุทธแต่ละคนจะต่อสู้กับศัตรูของตนเองอยู่ แต่พวกเขาก็แบ่งความสนใจบางส่วนไปยังการต่อสู้ของพวกหม่าตั้วเปาด้วย
“จักรพรรดิจอมอสูร เจ้ายังไม่ปรากฏตัวอีกรึ!” ในระหว่างที่ต่อสู้ ราชันอสรพิษมารก็ตะโกนออกมา
“จมูกสุนัขจริงๆ ขนาดข้าซ่อนตัวอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลยังสามารถดมกลิ่นเจอได้!” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัว เขายังคงยึดครองร่างของบุรุษร่างใหญ่คนเดิมและถูกปกคลุมไปด้วยปราณอสูร แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขานั้นแตกต่างกับจอมยุทธทั่วไป
“ยังมีอีกคนนึง เมื่อไหร่เจ้าจะเผยตัวออกมา?” ราชันดาบกล่าวและใช้ปราณดาบโมตีไปยังตำแหน่งที่ห่างไกล
“เหอะ!” ในบริเวณนั้นได้มีร่างชุดคลุมดำเผยตัวออกมา
รูปแบบอาคมสังหารที่สาม!
เขาคือตัวตนที่กำเนิดจากสวรรค์และปฐพี เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกโดยมีระดับพลังอยู่ที่ทลายมิติ
หลิงฮันกระพริบตาและรู้สึกประหลาดใจ เขาเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน ซึ่งในตอนนั้นถึงแม้เขาจะมีอำนาจที่ทรงพลัง หลิงฮันก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอและกลิ่นที่ไม่มั่นคงจากอีกฝ่าย
แต่ตอนนี้สัมผัสที่รู้สึกได้เมื่อตอนนั้นได้หายไปแล้ว
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเคยลงมือช่วยเหลือนิกายพันศพ เป็นไปได้ว่าพวกเขามีข้อตกลงกันบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเพื่อกำจัดจุดอ่อนของรูปแบบอาคมสังหารที่สาม
รูปแบบอาคมสังหารที่สามแข็งแกร่งขนาดไหน?
รูปแบบอาคมสังหารทั้งเก้าล้วนแต่มีพลังระดับทลายมิติ อย่างเช่นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ที่หลิงฮันดคยเห็นมาก่อน ซึ่งตอนนั้นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ยังไม่อยู่สภาพสมบูรณ์ได้ถูกเฟิงโปหยุนทำลายทิ้งอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ไร้จุดอ่อนแล้วรูปแบบอาคมสังหารที่สามจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ระดับทลายมิติสิบดาว หรืออาจจะสิบห้าดาว?
“ข้าจะลงมือช่วยสังหารแค่คนเดียวเท่านั้น” รูปแบบอาคมสังหารที่สามกล่าวและจ้องมองไปยังราชันทั้งแปด
ด้วยการที่มีจักรพรรดิจอมอสูรเข้ามาร่วมสู้ แปดราชันจึงไม่ได้ขึ้นเป็นฝ่ายเสียเปรียบเท่าใดนัก ดังนั้นรูปแบบอาคมสังหารที่สามจึงคิดจะสังหารพวกเขาคนหนึ่ง
เมื่อหนึ่งคนตกตาย ราชันอีกเจ็ดจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน ถ้าพวกเขาไม่ล่าถอยพวกเขาก็ต้องตกตาย
หลิงฮันมีความคิดจะช่วยต้านทานรูปแบบอาคมที่สาม เพราะถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาจะยังไม่แข็งแกร่งพอโค่นอีกฝ่าย แต่เขาก็มีพลังป้องกันมากพอจะปั่นหัวอีกฝ่ายได้
“เจ้าต้องอยู่ที่นี่!” ฉือชิ่วเหรินแสยะยิ้ม เขาร่วมมือกับบุตรแห่งสายฟ้าเพื่อหน่วงรั้งหลิงฮันเอาไว้
“ฮึ่ม! เสียงคำรามอันเย็นชาของหม่าตั้วเปาดังขึ้นกลางท้องฟ้า “เห็นว่าเป็นเจ้า… ข้าจะยอมไว้ชีวิตสักครา จงไสหัวไป!”
รูปแบบอาคมสังหารเค้นเสียงดูถูก ชายผู้นี้ช่างปากกล้านักที่สั่งให้เขาไสหัวไป! ในตอนแรกเขามองไปยังหม่าตั้วเปาด้วยความท่าทีไม่ยินยอม แต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที ถึงแม้ทุกคนจะมองไม่เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเขา แต่ทุกคนก็เห็นได้ชัดเจนว่าร่างกายของรูปแบบอาคมที่สามกำลังสั่นสะท้าน
“เจ้า… เจ้าคือ…” เขาอุทานออกมาและพูดติดอ่างราวกับตกอยู่ในวังวนแห่งความหวาดกลัว
“ยังไม่ไสหัวไปอีก?” หม่าตั้วเปากล่าว
“แน่นอน! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” รูปแบบอาคมสังหารไม่กล้ารีรอและหันหลังเผ่นหนีหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย
อะไรกัน?
รูปแบบอาคมสังหารที่สามคือตัวตนระดับทลายมิติที่เกิดจากสวรรค์และปฐพี เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะทำให้หวาดกลัวเพียงเพราะคำพูด?
หรือว่าหม่าตั้วเปายังมีสถานะอื่นอยู่อีก? เมื่อรูปแบบอาคมที่สามรู้ตัวจึงได้หวาดกลัวจนเผ่นหนีไป
“เหอะ ในขณะที่สู้กับข้าเจ้ายังมีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นอีก?” กลุ่มของอู่เกาเหยียนแสยะยิ้มและลงมือโจมตีพร้อมกัน
ตูม!
ร่างของหม่าตั้วเปาถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างจากการโจมตีนับไม่ถ้วน
อู่เกาเหยียนและพรรคพวกยิ้ม ถึงแม้รูปแบบอาคมที่สามจะหวาดกลัวและเผ่นหนีไป แต่เมื่อแลกมาด้วยสังหารหรือทำให้หม่าตั้วเปาบาดเจ็บหนักได้ก็นับว่าคุ้มค่า
หลังจากแสงที่เกิดจากการโจมตีสลายไปทุกคนก็พบกับหม่าตั้วเปาที่ยืนนิ่งโดยไร้รอยขีดข่วน ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือชุดของเขาเกิดรอยฉีดขาดหลายส่วน แต่ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“อะไรกัน!” อู่เกาเหยียนและพรรคพวกอุทานออกมา
พวกเขาต่างมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาวทุกคน ด้วยการกระหน่ำโจมตีเมื่อครู่ต่อให้หม่าตั้วเปาเป็นตัวตนระดับทลายมิติยี่สิบดาว เขาก็สมควรจะได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ตกตายไปแล้วด้วยซ้ำ
“เจ้า กายหยายของเจ้า…” ฉัวชี่ฟงรู้สึกตัว “กายหยาบของเจ้าเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ!”
พรวด!
ทุกคนสำลักออกมา ก่อนหน้านี้หลิงฮันที่มีกายหยาบเช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนปวดหัวแล้ว เพียงแต่ว่าหลิงฮันมีเพียงกายหยาบที่แข็งแกร่งอย่างเดียว พลังต่อสู้ของเขายังไม่นับว่าเป็นอันใดได้
แต่หม่าตั้วเปานั้นมีพลังต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน หากผสานเข้ากับพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ใครจะสามารถต่อกรเขาได้?
อู่เกาเหยียนและพรรคพวกกลืนน้ำลาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสิ้นเชิง หม่าตั้วเปาผู้นี้เป็นตัวตนไร้พ่ายไม่ผิดแน่ ด้วยพลังต่อสู้และพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน แม้แต่พระเจ้าลงมาก็ไม่อาจชนะเขาได้
โชคดีที่จอมยุทธระดับทลายมิติมีอายุขัยที่จัดกัด แม้ข้าจะจำกัดเจ้าไม่ได้ แต่ขอแค่ข้ากักขังเจ้าไว้ได้ก็พอแล้ว
หม่าตัวเปายิ้มบางๆและกล่าว “หากแค่พลังแค่นี้ยังไม่มี การเปิดสวรรค์จะทำได้งั้นรึ?”
‘พรึบ’ ร่างกายของหม่าตั้วเปาปลดปล่อยคลื่นพลังและจิตสังหารที่น่าสะพรึงออกมา แม้จะเป็นพวกอู่เกาเหยียนก็ยังขนลุกและหวาดกลัว พวกเขารู้สึกว่าขอแค่หม่าตั้วเปายกมือขึ้นมาก็สามารถสังหารพวกเขาได้แล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น