Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 807-810
ตอนที่ 807
หลิงฮันพุ่งตัวไปยังทางขึ้นถ้ำชั้นสี่อย่างไม่ลังเล
ตราบใดที่เขาผ่านเข้าไปยังชั้นสี่ พวกฉือชิ่วเหรินก็จะไล่ตามเขาไม่ได้
ดาบสังดาบถูกกระตุ้นขึ้นมาเองภายใต้แรงกดดันของกระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารี ใบดาบส่องประกายแสงอักขระที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร หลิงฮันไม่ใช้งานรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีเนื่องจากเขาต้องการผ่านทั้งสี่คนไปเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะโค่นล้มหรือสังหารทั้งสี่
“จัดการ!” รุ่นเยาว์สี่คนร่วมมือกันโจมตีโดยใช้กระบวนสังหารที่รุนแรงออกมา แม้จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติก็ไม่กล้ารับการโจมตีผสานเหล่านี้ซึ่งๆหน้า
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง ดาบสังหารในมือระเบิดคลื่นแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาคลุมร่างของเขาเอาไว้
‘ตูม! ตูม! ตูม!’
หลิงอันกระอักโลหิตออกมาเนื่องจากคลื่นกระแทกอันรุนแรงที่เกิดจากการปะทะ การโจมตีผสานของทั้งสี่คนเป็นสิ่งที่ยากจะต่อกรมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็นำร่างของเขาพุ่งผ่านทางเข้าชั้นสี่ได้สำเร็จ
ทันทีที่เขาผ่านทางเข้าเข้ามา เขาก็นำดอกวิญญาณอมตะออกมา ‘พรึบ’ ดอกวิญญาณอมตะส่องแสงสลัวๆสีดำออกมาเพื่อต่อต้านเปลวเพลิงอันร้อนระอุโดยรอบ
เปลวเพลิงในชั้นสี่นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายแต่เป็นจิตวิญญาณแทน ซึ่งในขณะที่วิญญาณของเขาจะถูกเผาไหม้ ดอกวิญญาณอมตะยับยั้งเปลวเพลิงเอาไว้
เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นสีหน้าอันแปลกประหลาดของฉือชิ่วเหรินและคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีเจ็บใจที่ปล่อยให้เขาผ่านทางเข้ามาได้ แต่เป็นสีหน้าแสยะยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์
“หลิงฮัน พวกเรารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ การที่พวกข้าเผลอพูดเรื่องดอกวิญญาณอมตะออกไปให้เจ้าได้ยิน เจ้าคิดว่าพวกเราจะโง่ขนาดนั้น?” ฉือชิ่วเหรินแสยะยิ้ม
ตงหลิงเอ๋อกล่าวต่อ “เจ้าคิดผิดแล้ว พวกเราจงใจพูดให้เจ้าได้ยิน! ดอกวิญญาณอมตะเป็นกุญแจที่ใช้สำหรับการผ่านไปชั้นสี่จริงๆ แต่นั่นก็แค่หนึ่งในเงื่อนไขเท่านั้น กุญแจสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ… เจ้าต้องบรรลุแก่นแท้แห่งวิถียุทธเสียก่อน ไม่เช่นนั้นวิญญาณของเจ้าก็จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน!”
“หลังจากเจ้าตายพวกเราค่อยไปนำดอกวิญญาณอมตะกลับมา เพราะอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจเดินหน้าต่อไปไหนได้ไกลอยู่แล้ว!” ราชันดาบน้อยกล่าวอย่างเย็นชา
หลิงฮันหัวเราะ “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้ามีอุปกรณ์มิติ เจ้าไม่รู้รึว่าตราบใดถ้าข้ายังซ่อนอยู่ข้างในนั้น แม้สภาพแวดล้อมภายนอกจะแย่แค่ไหนมันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า?”
“เหอะ เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่เคยเห็นอุปกรณ์มิติมาก่อนเลยคิดว่าพวกข้าจะไม่รู้ความสามารถของมันงั้นรึ?” ตงหลิงเอ๋อแสยะยิ้ม “อุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็แค่ช่วยอำนวยความสะดวกในตอนเดินทาง มันไม่สามารถแยกสภาพแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์ แม้เจ้าจะเข้าไปหลบในนั้นก็ไม่อาจรอดชีวิต!”
หลิงฮันยิ้ม “เช่นนั้นถ้าข้าตายในนั้น พวกเจ้าก็คงไม่สามารถแย่งชิงแม้แต่อุปกรณ์มิติและดอกวิญญาณอมตะกลับไปได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้คิ้วของฉือชิ่วเหรินก็ขมวดเข้าหากัน เข้าใช้ความคิดชั่วขณะก่อนจะกล่าว “มอบดอกวิญญาณอมตะและอุปกรณ์มาแล้วพวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า!” เขายกมือขึ้นมาให้คำมั่น “ข้าขอสาบานในคำพูดข้า”
“พวกเราก็ขอสาบาน” ตงหลิงเอ๋อและคนอื่นๆกล่าว
เมื่อเทียบกับเขี้ยวมังกรที่แท้จริงและอุปกรณ์มิติแล้ว เรื่องจัดการกับหลิงฮันสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ เพราะอย่างไรในห้านิกายโบราณก็ยังมีจอมยุทธคนอื่นที่สามารถสังหารหลิงฮันได้อยู่
หลิงฮันหัวเราะ “พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่ที่เชื่อคนง่ายขนาดนั้น? ข้าไม่เสียเวลาเสวนากับพวกเจ้าแล้ว ลาก่อน!”
เขาหันหลังและเริ่มออกเดิน
ฉือชิ่วเหรินไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะเลือกทางเลือกที่ไม่ฉลาดเช่นนี้ หลิงฮันไม่คิดจะมอบดอกวิญญาณอมตะคืนให้พวกเขาและยอมทิ้งชีวิตตนเอง
“หรือว่า… เขาจะบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้ว?” ใบหน้าของฉือชิ่วเหรินเปลี่ยนสี เขาเป็นคนที่ปะทะกับหลิงฮันมานานที่สุดและรู้ถึงนิสัยของหลิงฮันดี
ใบหน้าของตงหลิงเอ๋อก็บูดบึ้งเช่นกัน ก่อนหน้านี้หลิงฮันสามารถสัมผัสถึงแก่นแท้แห่งดาบได้อย่างเรือนรางแล้ว เพราะงั้นเขาถึงสามารถสังหารเจียหมิงได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากออร่าของฉือชิ่วเหรินและราชันดาบน้อย
แม้คนอื่นจะไม่สามารถบรรลุแก่นแท้แห่งวิถียุทธได้ในเวลาสั้นๆ แต่หลิงฮันเป็นคนธรรมดารึ?
“ไม่ได้การแล้ว!”
“พวกเราต้องคุ้มกันทางเข้าเอาไว้ ถ้าหากสุดท้ายยังไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้ ข้าจะกลับไปภูมิภาคกลางเพื่อให้นิกายเคลื่อนไหวทันที!”
“ถูกแล้ว ทั้งเขี้ยวมังกรที่แท้จริงและอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เป็นสมบัติล้ำค่า นิกายจะต้องลงมือแน่นอน!”
ทั้งสี่คนนั่งลงที่หน้าทางเข้าและรอคอยด้วยความอดทน ในความคิดของพวกเขา ถ้ำมังกรผีแห่งนี้มีเพียงเขี้ยวมังกรที่แท้จริงเท่านั้นที่คุ้มค่าแก่การค้นหา สำหรับสมบัติอื่นๆพวกเขาไม่สนใจที่จะเสียเวลาหาแม้แต่น้อย
……
หลิงฮันถือดอกวิญญาณอมตะเดินอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง
นอกจากการเผาไหม้วิญญาณแล้วเปลวเพลิงนี้ไม่ส่งต่อร่างกายแม้แต่น้อย ด้วยการคุ้มกันจากดอกวิญญาณอมตะและแก่นแท้แห่งดาบเขาจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้
หลิงฮันเดิงหน้าตรงไปเรื่อยๆ โครงสร้างของชั้นสี่นั้นเป็นเส้นทางที่ง่ายดายมาก นั่นคือแค่เดินตรงไปอย่างเดียวก็สามารถเดินไปถึงปลายทางได้
แม้ระยะทางจะค่อนข้างไหล แต่ผ่านไปสักพักหลิงฮันก็มองเห็นจุดสิ้นสุดของทางเดิน ด้านหน้าเขามีแท่นบูชาขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหินตั้งอยู่ รอบๆด้านของแท่นบูชานั้นถูกห้อมลอบไปด้วยแสงสลัวสีม่วง
ตรงกลางของแท่นบิชามีเขี้ยวขนาดใหญ่สีขาวอยู่ แม้ระยะทางระหว่างเขากับแท่บูชาจะยังห่างไกล แต่หลิงฮันก็สามารถสัมผัสถึงอำนาจที่ทรงพลังของเขี้ยวนั่นได้
เขี้ยวมังกรที่แท้จริง!
ตอนที่ 808
แขนมังกรนั้นไม่ไกลจากหลิงฮันมากนัก
ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว มีแต่จะต้องลองดูเท่านั้น แม้จะต้องใช้ดาบสังหารหรือร้องขอความช่วยเหลือจากหอคอยน้อยก็ตาม เขาก็จะต้องลองดู
เมื่อหลิงฮันเดินไปอยู่ด้านหน้าแสงสีม่วง แสงสีม่วงพุ่งเข้ามาหาเข้าเหมือนกับคลื่นและโอบล้อมเขาไว้ เมื่อเขาก้มหน้ามองลงไป เขาเห็นดอกวิญญาณอมตะเปล่งแสงเลือนลางออกมา และดูเหมือนมันจะมีเป็นหนึ่งกับแสงสีม่วงนี่
ทันใดนั้น หลิงฮันรู้สึกว่ามันแปลก ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเคยมาถึงที่นี่มาก่อน – แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว ทำไมถึงไม่พูดว่าต้องนำดอกวิญญาณอมตะมาใช้กับเขี้ยวมังกร?
เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะมาที่นี่ แต่เป็นดอกวิญญาณอมตะตั้งหากที่มีบทบาทสำคัญในการเดินผ่านแสงสีม่วง
แปลกมาก!
คิ้วของหลิงฮันเหี่ยวย่น และเกิดความสับสนอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากเกินไป และเขาก็เดินมาถึงแท่นบูชาแล้ว
หึ่ง ในขณะที่หลิงฮันเดินขึ้นไปบนแท่นบูชา ก้อนหินส่องแสงกระพริบแปลกๆไปมา
เขาหยุดเดินทันทีและเพิ่มความระมัดระวัง หากมีอัตรายที่ไม่อาจต่อต้านได้ เขาก็จะเข้าไปในหอคอยทมิฬอย่างไม่ลังเล
นั่นเป็นเพราะมังกรที่ทรงพลังที่สุดในโลกถูกฝังอยู่ที่นี่
ทว่าแม้หลิงฮันจะหยุดเดิน แต่ก้อนหินยังคงส่องแสงกระพริบอย่างต่อเนื่อง และมีสายลมประหลาดโถมเข้าหา
หรือว่านี่คือสิ่งที่มังกรทิ้งไว้เบื้องหลัง?
หลิงฮันสังเกตอยู่สักพัก และพบว่าก้อนหินพวกนั้นส่องแสงกระพริบไปมาเพียงอย่างเดียว และไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร ดังนั้นเขาจึงเดินหน้าต่อในเมื่อเขี้ยวมังกรอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอมแพ้
ในที่สุด เขาก็เดินมาถึงด้านหน้าเขี้ยวมังกร และค่อยๆยื่นมือออกไปเก็บเขี้ยวมังกร แล้วห่อหุ้มมันด้วยสัมผัสสวรรค์ของเขาเพื่อเก็บมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หึ่ง!
ดอกวิญญาณอมตะในมือเปล่งแสงสว่างไสว ทว่ามันกลับเลือนลางหายไปอย่างรวดเร็ว กลีบของมันเริ่มเหี่ยวเฉาและร่วงโรย ราวกับว่าพวกมันถูกดูดซับพลังไปจนหมดและเริ่มสลาย
ในขณะนั้น เขี้ยวมังกรเองก็ส่องแสงสว่างไสว แม้แต่หลิงฮันยังไม่อาจมองมันได้โดยตรง เขารีบหันหน้าหนีและหลับตาลงอย่างรวดเร็ว
มันจะต้องเป็นของข้า!
ช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของหลิงฮันจะเปลี่ยนไป เพราะเขาพบว่าไม่สามารถนำเขี้ยวมังกรเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
เป็นไปได้ยังไงกัน!
มีเพียงอย่างเดียวที่เขาไม่สามารถนำเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ นั้นคือผู้คนที่ไม่เต็มใจเข้าไปซึ่งต่อต้านสัมผัสสวรรค์ของเขา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเขี้ยวมังกร แล้วทำไมเขาถึงไม่สามารถนำมันเข้าไปได้?
หรือว่าเขี้ยวมังกรจะมีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง? หรืออาจเป็นเพราะเขี้ยวมังกรเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์เลยไม่สามารถนำเข้าไปในหอคอยทมิฬได้?
หลิงฮันรู้สึกมึนงง แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถลืมตาได้ และมองไม่เห็นว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขี้ยวมังกร ทั้งที่มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี แต่ทำไมเขามาถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่อธิบายไม่ได้?
ดอกวิญญาณอมตะ!
ทันใดนั้น หลิงฮันตระหนักว่าแม้จะมีผู้คนเคยมาที่นี่หลายคน แต่ไม่มีพวกเขาคนใดพกดอกวิญญาณอมตะมาด้วยเลยทำให้เขี้ยวมังกรไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่นี่คือการเปลี่ยนแปลงอะไร?
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดแสงที่เปล่งออกมาจากเขี้ยวมังกรก็จางลง หลิงฮันลืมตาขึ้นมาและเห็นดอกวิญญาณอมตะที่อยู่ในมือเหี่ยวเฉาไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ลำต้นที่เปลือยเปล่า
และเมื่อเขาหันสายตาไปมองเขี้ยวมังกร เขาพบว่ามันกลายเป็นผลึกโปร่งใส่ไปแล้ว แม้ว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยอักขระซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขี้ยวมังกร และดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
มันน่าอัศจรรย์มาก แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันอยู่ที่นี่มานานกี่ปี แต่มันยังมีชีวิตอยู่ มันมีจิตสำนึกเป็นของตัวเองและต่อต้านอำนาจของหอคอยทมิฬ
ความรู้สึกไม่สบายใจภายในใจของหลิงฮันเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น มันเหมือนกับว่าเขาตกหลุมพรางดังนั้นเขาจึงเริ่มใช้เนตรแห่งสัจธรรมและตรวจสอบมันอย่างละเอียด
นี่มัน!
หลิงฮันใช้เนตรแห่งสัจธรรมมองเข้าไปในเขี้ยวมังกรและพบเด็กผู้ชายอยู่ในนั้น!
เด็กที่เขาเห็นน่าจะมีอายุหกหรือเจ็ดปีที่ค่อนข้างดูหล่อเหลาทีเดียว แต่เขากลับไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าเป็นทายาทของมังกรเลย
หรือว่าเวลาจะผ่านไปนานเกินไป ทำให้มันบ่มเพาะพลังและมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง?
เป็นไปไม่ได้!
แม้แต่ศพที่สองที่เป็นวิญญาณเกิดใหม่ อย่างน้อยยังต้องใช้กายหยาบที่สมบูรณ์ แล้วเขี้ยวมังกรจะให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้อย่างไร?
แคร๊ก! แคร๊ก! แคร๊ก!
ในขณะที่หลิงฮันกำลังครุ่นคิด เขี้ยวมังกรเริ่มเกิดรอยแตก ราวกับมีใยแมงมุมปกคลุมไปทั่วเขี้ยวมังกรและพื้นดินเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ปัง เมื่อเขี้ยวมังกรแตก มีเด็กชายคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าผู้นี้ก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!” เด็กชายตัวเล็กส่งเสียงเหมือนเด็ก แต่พลังปราณของเขามันเก่าแก่มาก เขาจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้าหนู ในเมื่อเจ้าเห็นบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว นิเจ้ายังไม่คุกเข่าเคารพอีกรึ?”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง เจ้าปีศาจเฒ่านี่ปรากฏตัวออกมาจากไหน? แต่เขาก็พบว่าเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าอยู่แค่ระดับหลอมกายาเท่านั้น จึงไม่มีอะไรต้องกลัว
“เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้ากล้าทำตัวหยาบคายต่อบรรพบุรุษของเจ้าอย่างนั้นรึ แล้วเจ้าจะได้เห็นดีว่าข้าจะสั่งสอนเจ้ายังไง!” เด็กชายตัวเล็กไม่พอใจ ตู้ม เขาปลดปล่อยแรงกดดันของมังกรที่น่าสะพรึงกลัวออกมา นี่ไม่เกี่ยวกับระดับบ่มเพาะพลังแต่อย่างใด แต่เป็นพลังของสายเลือดล้วนๆ
แต่แรงกดดันของมังกรจะมีผลต่อหลิงฮันได้อย่างไร? เขาไม่ใช่ลูกหลานมังกรเสียหน่อย
หลิงฮันยื่นมือออกไปและจับเด็กนั่นขึ้นมา แล้วปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนที่จะตีก้นสั่งสอน เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เด็กชายตัวเล็กส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่หยุดและใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
นี่มันน่าอับอายเกินไปแล้ว ตัวตนของเขาเป็นใครกัน แต่กลับถูกรุ่นเยาว์จับตีก้น
“เจ้าเด็กเหลือขอ หยุดตีข้าได้แล้ว! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าผู้นี้เป็นใคร!” เด็กชายตัวเล็กตะโกนและพยายามดิ้นรน
หลิงฮันยังคงตีก้นเด็กชายตัวเล็กไม่หยุด ขณะพูดว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าคือครึ่งมังกรที่แท้จริง!”
ตอนที่ 809
เด็กน้อยแสดงท่าทีประหลาดใจและกล่าว “ทำไมเจ้าถึงคาดเดาเช่นนั้น”
“เห้อ ถ้าเจ้าไม่ใช่เผ่ามังกร เจ้าจะสามารถดูดซับแก่นพลังของเขี้ยวมังกรที่แท้จริงได้อย่างไร? แถมยังมีท่าทียิ่งยโสและอวดดีเช่นนั้นอีก!” หลิงฮันกล่าว เขาโยนร่างของเด็กน้อยลงพื้นพร้อมกับนำเสื้อผ้าออกมาให้อีกฝ่าย
เด็กชายสวมใส่ชุดที่หลิงฮันให้ แต่เนื่องจากมันเป็นชุดของหลิงฮันขนาดของมันจึงใหญ่ไปเสียหน่อย ชุดที่สวมใส่นั้นทำให้ไม่สามารถมองเห็นเท้าของเด็กน้อยและชุดก็ถูกลากไปตามพื้น เด็กน้อยอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างหดหู่ “ไม่มีชุดที่เล็กกว่านี้รึไง?”
“แน่นอนว่ามี แต่นั่นเป็นชุดของเด็กผู้หญิง เจ้าต้องการรึ?” หลิงฮันกล่าว
เด็กน้อยลังเลและส่ายหัว “ข้าใส่ชุดนี้ล่ะดีแล้ว” เด็กน้อยพับแขนเสื้อและขากางเกงขึ้นสูง แต่ชุดก็ยังมีขนาดใหญ่เกินไปอยู่ดีจนหลิงฮันอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ในเมื่อเจ้ารู้ถึงตัวตนของข้าผู้นี้แล้ว เจ้ายังกล้าหัวเราะข้าอีก?” เด็กน้อยกล่าวอย่างหงุดหงิด
“ทำไมเจ้าถึงไม่ได้รับผลกระทบจากออร่ามังกรของข้า? ตัวข้าถึงแม้จะสูญเสียพลังบ่มเพาะไปและต้องเริ่มบ่มเพาะใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ออร่ามังกรของข้าผู้นี้นั้นแข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ ไม่ว่าทายาทเผ่ามังกรเผ่าใดก็ต้องได้รับผลกระทบจากออร่าของข้า!”
หลิงฮันกล่าวออกไปอย่างเฉยเมย “ใช้ตาของเจ้ามองให้ดี ส่วนไหนของร่างกายข้าที่เหมือนกับทายาทของเผ่ามังกร?”
“อะไรกัน เจ้าไม่ใช่ทายาทเผ่ามังกร?” เด็กน้อยแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา “แต่ข้าสัมผัสออร่ามังกรจากตัวเจ้าได้อย่างชัดเจน!”
นั่นก็ไม่นับว่าแปลก ภรรยาของเขาเป็นเผ่ามังกร บุตรของเขาเองก็เป็นเผ่ามังกร และที่สำคัญเขาฝึกฝนทักษะเก้ามังกรทรราชด้วย การที่เขาจะมีออร่ามังกรอยู่ในร่างจะเป็นเรื่องแปลกอันใด?
เด็กน้อยกอดอกแน่นและกล่าวออกมาด้วยท่าทีโมโห “ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่ทายาทมังกร แต่ข้านั้นเป็นผู้อาวุโสที่ไม่รู้แก่กว่าเจ้ากี่ร้อยกี่พันปี เจ้าควรจะมีความเคารพต่อข้าบ้าง นอกจากนั้นแล้วดินแดนแห่งนี้ก็ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากข้า!”
จิตใจของหลิงฮันหวั่นไหว ครึ่งมังกรที่แท้จริงตนนี้มีอำนาจที่ทรงพลังที่แม้แต่พระเจ้าจากโลกเบื้องบนลงมาก็ยังไม่อาจสังหารเขาได้ เผ่ามังกรตนนี้จะต้องรู้ถึงภัยพิบัติของการชำระล้างเป็นแน่
ที่เขากล่าวว่าช่วยเหลือหรือว่าจะหมายถึงการเปิดสวรรค์?
เขาไม่ได้ถามสิ่งที่คิดออกไปแต่กล่าวถึงเรื่องอื่นแทน “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าที่สถานที่แห่งนี้จำเป็นต้องใช้ดอกวิญญาณอมตะในการผ่านเข้ามานั้นเป็นเพราะดอกวิญญาณอมตะจำเป็นต่อการฟื้นคืนชีพของเจ้า! เจ้าควรรู้ว่าดอกวิญญาณอมตะเป็นสิ่งที่ข้านำมา ซึ่งนั่นหมายถึงข้าเป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้า ในฐานะผู้อาวุโสแล้วเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร?”
ถึงแม้ที่จริงดอกวิญญาณอมตะจะเป็นสิ่งที่ฉือชิ่วเหรินนำมา แต่เขาจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายรู้ด้วยรึ?
เด็กน้อยไม่มีพูดตอบโต้ เป็นความจริงที่กุญแจในการเกิดใหม่ของเขาคือดอกวิญญาณอมตะเพราะงั้นหากมองจากมุมนี้หลิงฮันก็คือผู้ช่วยชีวิตของเขา
เขาเค้นเสียงและกล่าว “เหอะ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ถึงชื่อแซ่ที่แท้จริงของข้า! แซ่ของข้าคือเฮ่อเหลียน และมีนามว่าเทียนหยุน ข้าคือเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปฮงเทียน!” เขากล่าวให้หลิงฮันฟังอย่างภาคภูมิใจ
แซ่เฮ่อเหลียน? หรือว่าเด็กน้อยผู้นี้จะเป็นบรรพบุรุษของเฮ่อเหลียนหลง? แต่เขาจะบอกอีกฝ่ายไม่ได้ว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นภรรยาของเขา ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กนี่จะต้องแสดงท่าทีเป็นผู้อาวุโสของเขาแน่นอน
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เจ้าที่ตายไปแล้วหลายพันปี ทำไมถึงกลับมามีชีวิตอีกได้?”
“ฮึ เจ้าคิดว่าข้าเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งขนาดไหน? การที่ข้าสามารถฟื้นกลับมามีชีวิตที่สองได้ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอันใด” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าว
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ย่อมไม่เชื่อคำพูดนั่น เขารู้ว่าการฟื้นคืนชีพโดยยังมีวิญญาณเดิมนั้นแม้แต่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่กับคนที่เพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรกแล้ว มีรึที่เฮ่อเหลียนเทียนหยุนจะเปิดเผยความลับออกมาง่ายๆ?
ถ้าต้องการจะรู้ความลับของอีกฝ่าย ตนเองก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดเผยความลับของตัวเองก่อนเพื่อซื่อใจ
หลิงฮันกล่าว “ที่เจ้ากล่าวว่าจะช่วยเหลือทวีปแห่งนี้ หรือจะหมายถึงการเปิดสวรรค์?”
‘เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!’
แม้ที่นี่จะเป็นถ้ำมังกรผี แต่การที่หลิงฮันกล่าวคำพูดที่ล่วงเกินสวรรค์และปฐพีอย่างเช่นการเปิดสวรรค์ก็ยังทำให้ปรากฏเสียงฟ้าผ่า
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนตกตะลึง “เจ้าสัตว์ประหลาด เจ้าทำให้สวรรค์และปฐพีเคลื่อนไหวได้! เจ้าคือคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะสั่นคลอนสวรรค์และปฐพี ดังนั้นสวรรค์และปฐพีจึงต้องใช้อัสนีบาตผ่าเจ้าให้ตาย!”
หลิงฮันรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ตอนนี้เขากำลังถูกมังกรเฒ่าที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตมาแล้วกี่พันปีชี้หน้าด่าว่าสัตว์ประหลาด
“นี่ข้าหลับใหลไปนานเท่าใดกัน? ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่สั่นคลอนสวรรค์ได้เช่นเจ้าปรากฏตัว!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนนำมือกุมหัว “เฮ้อ ทั้งๆที่ข้าคิดจะช่วยเหลือโลกนี้และเป็นผู้กอบกู้แท้ๆ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปจะมีคนมาแย่งหน้าที่ของข้า! ให้ตายเถอะ ข้าควรจะตื่นให้ไวกล้านี้!”
“แถมถ้าข้าฟื้นคืนชีพให้เร็วกว่านี้ ตระกูลของข้าก็คงไม่มีใครตาย ช่างน่าเศร้านัก” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าวอย่างเศร้าโศก
หลิงฮันกล่ายเป็นไร้คำพูด ถึงแม้ว่าครึ่งมังกรที่แท้จริงตนนี้จะหลับไปเป็นเวลานานและฟื้นกลับมามีชีวิตที่สอง นิสัยของเขาในตอนนี้ก็คงไม่ได้ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่
“ในเมื่อเจ้ากล่าวถึงการเปิดสวรรค์ งั้นเจ้าก็คงรู้ถึงความจริงของการชำระล้างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์สินะ” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ที่เจ้าไม่ได้ทะลวงผ่านมิติขึ้นไป เป็นเพราะเจ้าพบว่าบนชั้นสวรรค์มีอะไรบางอย่างปิดกั้นเอาไว้?”
“ถูกต้อง แต่เดิมแล้วข้านั้นบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับสูงสุดแล้ว เพราะงั้นการบดขยี้ชั้นมิติคงไม่ใช่ปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่อาจทะลวงผ่านชั้นมิติไปได้” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนถอนหายใจ “โชคดีที่ข้าเตรียมแผนการรองรับเอาไว้แล้ว แม้ในตอนนั้นข้าจะได้รับบาดเจ็บหนักแต่ข้าก็ยังสามารถหลบหนีมาที่นี่ได้และผนึกความคิดความทรงจำต่างๆเข้าไปในเขี้ยวมังกรเพื่อให้มีชีวิตรอด”
“เมื่อตอนเยาว์วัยข้าเคยกินสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้สามารถเคลื่อนย้ายวิญญาณได้เข้าไป ดังนั้นข้าจึงยอดสละร่างเดิมและสร้างร่างกายขึ้นใหม่ภายในเขี้ยวมังกร”
“ข้าฟูมฟักเขี้ยวมังกรจนทำให้มันบรรลุเป็นเขี้ยวมังกรที่แท้จริง แม้แต่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่า และเวลาที่ผ่านพ้นมาหลายพันปีในที่สุดพลังอำนาจของเขี้ยวมังกรก็ควบแน่นกันจนกลายเป็นร่างกายใหม่ของข้า และในตอนนี้เมื่อวิญญาณของข้าได้รับพลังงานจากดอกวิญญาณอมตะ ข้าก็กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งอย่างสมบูรณ์”
“แม้ร่างกายเดิมของข้าจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานอำนาจของสวรรค์ได้ แต่ครั้งนี้แหละข้าต้องทำได้แน่นอน!”
ตอนที่ 810
ในอดีต เฮ่อเหลียนเทียนหยุนคิดที่จะเปิดสวรรค์ แต่การเปิดสวรรค์จำเป็นต้องก่อตั้งจักรวรรดิ นั่นเป็นเพราะทวีปฮงเทียนถูกจำกัด หากไร้ซึ่งพลังแห่งจักรภพ จะไม่มีใครมีพลังมากพอที่จะเปิดสวรรค์
แม้แต่ตัวตนระดับพลังเจ้าก็ไม่สามารถทำได้ พลังของพวกเขาจะถูกสวรรค์และปฐพีปฏิเสธและยับยั้งเอาไว้
แต่ถ้าได้รับการสนับสนุนจากพลังแห่งจักรภพ สถานการณ์จะต่างกันไปเลย เพราะพลังแห่งจักรภพจะไม่ถูกจำกัดและได้รับการยอมรับจากกฎแห่งสวรรค์และปฐพี
แต่การที่จะได้รับการสนับสนุนจากพลังแห่งจักรภพก็เป็นภาระอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าร่างกายไม่แข็งแกร่งพอ? แม้กระทั่งความแข็งแกร่งของหยาหลงในปีนั้น ยังไม่กล้าที่จะเปิดสวรรค์ นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแบกรับพลังแห่งจักรภพของผู้คนบนโลก
ในโลกนี้ เฮ่อเหลียนเทียนหยุนได้เปลี่ยนรูปร่างของเขาด้วยเขี้ยวมังกร ถ้าเขากลับไปเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติอีกครั้ง แน่นอนว่าร่างกายของเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น และบางทีอาจแบกรับพลังแห่งจักรภพของผู้คนบนโลกได้
“ตอนนี้เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าข้าซะอีก นี่ทำให้ข้าสามารถผ่อนคลายได้โดยไม่จำต้องแบกรับความรับผิดชอบที่จะเปิดสวรรค์อีกต่อไป” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพูดพร้อมกับหัวเราะ “สวรรค์และปฐพีล้วนแต่เคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะทำสำเร็จ”
“แล้วท่านจะช่วยเหลือข้าหรือไม่?” หลิงฮันถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าว
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ตอนนี้ท่านเป็นแค่จอมยุทธระดับหลอมกายา แล้วท่านจะช่วยเหลืออะไรข้าได้?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า กายหยาบของข้าเป็นกายหยาบของมังกรที่แท้จริง และเคยอยู่บนจุดสูงสุดของมนุษย์ในช่วงชีวิตที่แล้ว การจะบ่มเพาะพลังอีกครั้งสำหรับข้าก็เปรียบเสมือนกับการเดินตามรอยเท้าเดิม และไม่มีอุปสรรคคอขวด เพียงแค่ขอเวลาข้าสักสองสามปี และถ้ามีทรัพยากรที่เพียงพอ มันจะเป็นเรื่องยากอันใดที่ข้าจะกลับไปอยู่บนจุดสูงสุดอีกครั้ง? ยิ่งไปกว่านั้น แรงกดดันมังกรของข้าแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน และทุกคนที่เป็นทายาทมังกรจะต้องโค้งคำนับให้ข้าผู้นี้” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
ตัวตนของเขามีประโยชน์มาก ถ้าเฮ่อเหลียนเทียนหยุนสามารถยึดครองมหาสมุทรได้ทั้งหมด และหม่าตั๋วเป๋ายึดครองดินแดนบนพื้นดินได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถยึดครองทวีปฮงเทียนได้อย่างสมบูรณ์หรอกหรือ?
หลิงฮันคิดย้อนกลับไปและพูดว่า “ยังไงก็ตาม ดอกวิญญาณอมตะถูกท่านดูดกลืนไปหมดแล้ว แล้วพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?”
“เจ้าโง่ ในเมื่อข้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เจ้ายังเป็นต้องใช้มันอยู่อีกรึ?” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกล่าว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะอ่อนแอมากก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่เขาเคยเป็นมังกรที่แท้จริง
หลิงฮันลังเลอยู่สักพักและพูดว่า “ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักใครบางคน”
“อ่า!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว แต่เจ้ากลับพูดว่าจะแนะนำให้ข้ารู้จักใครบางคน? แต่ทว่าเขายังคิดไม่ทันจบก็เห็นคนปรากฏตัวออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า
นี่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากและพูดว่า “อุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์! มันเป็นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกที่อยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นเรอะ ถึงมีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ!”
เขากวาดสายตามองและช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “พวกเจ้าเป็นลูกหลานมังกรของข้าอย่างนั้นรึ ข้าจำกลิ่นอายของพวกเจ้าได้!” เขาชี้นิ้วไปที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและหลิงเจี้ยนเสวี่ยน
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมองไปที่หลิงฮันด้วยสีหน้ามึนงงและพูดว่า “เด็กนี่เป็นใคร?”
“ข้าเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเจ้า!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพูดขณะปลดปล่อยกลิ่นอายที่เก่าแก่ออกมา
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่เชื่อคำพูดของเด็กที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าเมื่อเขาปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรที่น่าเกรงขามออกมา มันทำให้ร่างกายของนางสั่นเทาและขาอ่อนแล้วทรุดตัวไปด้านหลัง
หลิงฮันเดินเข้ามาพยุงนางเอาไว้
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงเจี้ยนเสวี่ยนรู้สึกโกรธมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กที่มีอายุครึ่งปี แต่มีความฉลาดมากกว่าคนธรรมดา เขารีบกระโดดออกไปจากอ้อมแขนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนทันทีและนั่งลงบนพื้นหันไปเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเทียนหยุน
“นี่มัน!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกตะลึง “เด็กน้อยนี่มีสายเลือดมังกรที่บริสุทธิ์มาก ถึงขั้นสามารถเทียบได้กับข้าผู้นี้ได้! อ๊าก!” เขากรีดร้องออกมา เพราะหลิงเจี้ยนเสวี่ยนกระโดดเข้ามาต่อยหน้าเขา และทำให้ร่างของเขากระแทกกับพื้น
แม้ว่าเขาจะเคยเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ และมีกลิ่นอายมังกรที่น่าสะพรึงกลัว แต่ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้อยู่แค่ระดับหลอมกายา แล้วหลิงเจี้ยนเสวี่ยนล่ะ? เขาทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุแล้ว แน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าเฮ่อเหลียนเทียนหยุน
เจ้าตัวน้อยทุบตีอีกฝ่าย และเฮ่อเหลียนเทียนหยุนทำได้แค่กรีดร้องเท่านั้น
ใครขอให้เจ้ารังแกแม่ของข้ากันล่ะ?
แต่เฮ่อเหลียนเทียนหยุนกลับรู้สึกมีความสุขและพูดว่า “เจ้าเด็กนี่ยอดเยี่ยมมาก ข้าต้องการเขามาเป็นศิษย์ของข้า!”
ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกอย่างแปลกประหลาดและพูดว่า “ท่านแน่ใจแล้วหรือที่จะรับลูกของข้าเป็นศิษย์?”
“ลูกชายของเจ้า?” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนรู้สึกตกใจและพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่เขามีสายเลือดบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ และสามารถต่อกรกับกลิ่นอายมังกรของข้าได้! ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ายอมรับเจ้าเด็กนี่เป็นศิษย์ของข้า!”
แม้จะถูกหลิงเจี้ยนเสวี่ยนทุบตี แต่เขาก็ยังคงพูดตะโกนออกมา
หลิงฮันพูดกระซิบกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน และทำให้สีหน้าของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนดูดีขึ้นมาทันตาเห็น เขาเป็นบรรพบุรุษของนางจริงๆ! แต่ถ้าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยอมให้หลิงเจี้ยนเสวี่ยนเป็นศิษย์ของเขา ไม่ใช่นางและหลิงฮันต้องเคารพเขาเป็นอาจารย์ด้วยหรอกหรือ?
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ด้วยคุณสมบัติและประสบการณ์ของท่านแล้ว ข้าจะให้ลูกชายของข้าเป็นศิษย์ของท่าน!”
หลิงฮันเดินเข้าไปอุ้มหลิงเจี้ยนเสวี่ยนและพูดว่า “ในเมื่อข้ายอมให้ลูกของข้าเป็นศิษย์ของท่านแล้ว แต่ด้วยสภาพของท่านในตอนนี้ข้าเกรงว่าจะมีแต่คนดูถูกท่าน!”
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนหัวเราะ เขาอยู่ถ้ำมังกรผีมานานจนไม่รู้กี่ปี มีผู้คนมากมายไหลเวียนผลัดกันเข้ามาและทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วเขาจะได้รับสมบัติอะไรมาบ้าง? เขารีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะมอบทุกอย่างในชีวิตของข้าให้กับเจ้าเด็กนี่ ซึ่งมีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด!”
“ช่างไปเถอะ แต่สภาพของท่านในตอนนี้ดูน่าสงสารมาก!” หลิงฮันนำสมุนไพรจำนวนมากออกมาและพูดว่า “รับสมุนไพรพวกนี้ไป มันจะทำให้ท่านแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะได้ไม่อ่อนแอไปกว่าศิษย์ของท่าน”
เฮ่อเหลียนเทียนหยุนหัวเราะ เขาไม่รู้สึกอาย และรับสมุนไพรที่หลิงฮันมอบให้ หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นอายของเขาก็ก้าวเข้าสู่ระดับก่อเกิดธาตุ
แน่นอนเขาไม่มีปัญหาคอขวด และไม่จำเป็นต้องสะสมพลัง การทะลวงผ่านระดับของเขาเหมือนกับการดื่มน้ำเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น