Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 795-806

ตอนที่ 795

 

“หนอนโลหิต!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและเซียนหยู่ช่ายอุทานพร้อมกัน


ถึงแม้พวกนางจะไม่เคยเข้ามาในถ้ำมังกรผีมาก่อน แต่พวกนางก็ศึกษาข้อมูลของถ้ำแห่งนี้มาอย่างถี่ถ้วนเพราะซักวันหนึ่งพวกนางต้องมีโอกาสเข้ามในที่แห่งนี้แน่นอน


หนอนโลหิตคือสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เกิดขึ้นจากโลหิตของจอมยุทธเผ่ามังกร


สิ่งมีชีวิตนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก มันใช้ชีวิตอยู่ในแม่น้ำโลหิตและดูดซับโลหิตมังกรบางส่วนจากแม่น้ำ


หนอนโลหิตอ้าปากกว้างและโจมตีกัดไปทางหลิงฮัน


หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ภายในแม่น้ำโลหิตข้าเผลอตัวและถูกเจ้าโจมตีสามครา แต่ตอนนี้เจ้าอยู่นอกแม่น้ำแล้ว เจ้ายังคิดว่าจะรังแกข้าได้?” เขาตวัดดาบไปด้านหน้าและผ่าร่างของหนอนโลหิตขาดครึ่งตั้งแต่หัวจรดปลาย โลหิตของมันสาดกระจายพร้อมกับเครื่องในที่กระเด็นไปทั่ว


แข็งแกร่ง!


เซียนหยู่ช่ายอุทานในใจ ที่จริงแล้วหลิงฮันแข็งแกร่งจริงๆหรือว่าข้อมูลที่บอกว่าหนอนโลหิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังไม่ใช่ความจริง?


หลิงฮันทรงตัวลอยลงมาสู่ริมขอบแม่น้ำ


“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเอ่ยถาม


หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ไม่มีปัญหา ในแม่น้ำแห่งนี้มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แฝงอยู่ พลังกัดกร่อนของแม่น้ำโลหิตจะรุนแรงเท่ากับระดับพลังของแต่ละคน แต่เจ้าก็รู้ว่าข้านั้นมีกายหยาบที่ระดับสูงกว่าพลังบ่มเพาะหนึ่งระดับ”


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนชะงักทันที ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมร่างของทุกคนที่ลงไปในแม่น้ำโลหิตถึงถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนแต่มีสายเลือดมังกรที่แท้จริง โดยมีกายหยาบที่ทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเดียวกันเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถต้านทานการกัดกร่อนได้


แต่กายหยาบของหลิงฮันนั้นสูงกว่าพลังบ่มเพาะของตัวเองหนึ่งระดับ แน่นอนว่าถึงแม้ร่างเขาจะถูกกัดกร่อนแต่ความเร็วที่ถูกกัดกร่อนก็ย่อมช้ากว่าจอมยุทธจากเผ่าใต้สมุทร


“เจ้าเจอหญ้าโลหิตมังกรรึเปล่า?” เสียงของเซียนหยู่ช่ายดังขึ้นจากระยะที่ห่างออกไป


“ถ้าเจอแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนชำเลืองมองไปยังอีกฝ่ายในขณะที่ฮูหนิวแสดงท่าทีโหดเหี้ยมออกมาราวกับต้องการจะกินเนื้อมังกรต้ม


หลิงฮันเมินเฉยคุณหนูจอมยิ่งยโส เขาส่งหญ้าโลหิตมังกรไปให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนตรวจสอบก่อนจะนำเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬอย่างรวดเร็ว


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนตกตะลึง นี่เป็นหญ้าโลหิตมังกรจริงๆ!


เท่านี้ก็รู้แล้วว่าด้านล่างแม่น้ำมีหญ้าโลหิตมังกรอยู่จริงๆ และจากสถานการณ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีเพียงแค่หลิงฮันคนเดียวที่สามารถลงไปเก็บเกี่ยวมันขึ้นมาได้ นั่นหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าหญ้าโลหิตมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรอคอยให้พวกเขาไปเก็บเกี่ยว! หากพวกเขาเก็บเกี่ยวได้จำนวนมหาศาล ไม่ใช่แค่มันจะเพียงพอต่อการช่วยเสริมสร้างรากฐานให้กับบุตรของนาง แต่ทั้งหลิงฮันกับนางก็ยังสามารถใช้ได้ด้วย


เรื่องนี้เป็นผลกอบโกยที่มหาศาลและไม่จำเป็นต้องบอกให้เซียนหยู่ช่ายรู้


เมื่อเห็นหลิงฮันไม่มีหญ้าโลหิตมังกรในมือ เซียนหยู่ช่ายก็แสดงท่าทีดูถูกหลิงฮันทันที นางเชื่อว่าหลิงฮันจะต้องกำลังหลอกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอยู่แน่นอนว่าในแม่น้ำโลหิตมีหญ้ามังกรโลหิตอยู่


หลิงฮันสื่อสารถามหอคอยน้อยว่าเขาสามารถปลูกหญ้าโลหิตมังกรในหอคอยทมิฬได้หรือไม่ และหลังจากได้รับคำตอบเขาก็ต้องรู้สึกผิดหวัง คอหอยทมิฬสามารถเร่งการเจริญเติบโตของหญ้าโลหิตมังกรได้เท่านั้น มันไม่สามารถสร้างเมล็ดเพื่อนำมาปลูกใหม่ได้


เหตุผลก็เพราะหญ้าโลหิตมังกรไม่ได้เกิดจากเมล็ดพันธุ์ แต่เกิดจากโลหิตของจอมยุทธเผ่ามังกร มันสามารถงอกเงยขึ้นได้จากถ้ำแห่งนี้เท่านั้น


ขณะเดินทาง หลิงฮันใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมค้นหาหญ้าโลหิตมังกรใต้แม่น้ำตลอดทาง


ที่ไหนที่เขาพบหญ้าโลหิตมังกร ที่นั่นต้องมีหนอนโลหิตรออยู่ตลอดและต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้น หนอนโลหิตเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับสวรรค์ บางตัวถึงขนาดมีพลังต่อสู้ถึงระดับสวรรค์สิบดาว แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็มีพลังต่อสู้เพียงพอที่จะสังหารพวกมันอย่างไม่ยากเย็น


ในเวลาสามวัน พวกเขาเก็บเกี่ยวหญ้าโลหิตมังกรได้นับหนึ่งร้อยต้นซึ่งมันทำให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนตื่นเต้นมาก ต้องรู้ก่อนว่าแม้ตระกูลของนางจะค้นหาหญ้าโลหิตมาครอบครองมาหลายปี จำนวนของหญ้ามังกรโลหิตของตระกูลนางก็ยังไม่มากมายเช่นนี้


เซียนหยู่ช่ายกลายเป็นไร้คำพูด เผ่ามนุษย์ผู้นี้ลงไปในแม่น้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทุกๆครั้งเขาก็กลับขึ้นมามือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ยังมีท่าทีเชื่อมั่นในตัวหลิงฮัน


ถ้ำมังกรผีชั้นแรกมีขนาดกว้างใหญ่ เมื่อเดินทางมาสี่วันในที่สุดแม่นำโลหิตแต่ละสายของถ้ำก็มาบรรจบกันกลายเป็นทะเลสาปความใหญ่ราวกับมหาสมุทร


ตรงกลางทะเลสาบมีเกาะขนาดเล็กและบางสิ่งที่เหมือนกับหอคอยสีขาวตั้งอยู่ สิ่งที่เหมือนหอคอยนั่นคือทางขึ้นไปสู่ชั้นที่สอง


เมื่อมาถึงที่นี่ ทุกคนต้องหาทางข้ามทะเลสาปไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะผ่านไปยังชั้นสองได้อย่างไร?


มีบางคนสามารถข้ามทะเลสาบไปได้แล้ว เพราะเวลาหลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมา ตระกูลใหญ่ทั้งสามได้ค้นหาวิธีข้ามทะเลสาปได้แล้ว นั่นคือการใช้กระดูกของเผ่าใต้สมุทรระดับทลายมิติที่มีความสามารถป้องกันการกัดกร่อนสร้างเป็นพาหนะลอยข้ามทะเลสาป


กระดูกที่ว่านั้นเป็นของเผ่าใต้สมุทรที่เสียชีวิตไปแล้ว ด้วยอำนาจที่ทรงพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ กระดูกของพวกเขาไม่ใช่แค่สร้างเป็นพาหนะต้านทานการกัดกร่อนได้เท่านั้น แต่ยังใช้สร้างเป็นอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังได้อีกด้วย


หลิงฮันมองเห็นฉือชิ่วเหรินและรุ่นเยาว์จากห้านิกายโบราณคนอื่นๆกำลังนั่งเรือกระดูกข้ามทะเลสาป


ในระหว่างการข้ามทะเลสาบ เรือกระดูดได้ถูกกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้ที่เมื่อไปถึงเกาะเรือกระดูกจะถูกกัดกร่อนจนเกือบย่อยสลายหายไป


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองก็นำเรือกระดูกออกมาจากแหวนมิติ ก่อนเข้ามาที่นี่นางจะไม่เตรียมตัวมาให้พร้อมได้อย่างไร เรือกระดูกที่นางนำออกมานั้นมีขนาดให้คนห้าคนนั่งได้พอดีไม่คับแคบเกินไป


เซียนหยู่ช่ายเค้นเสียงและนำเรือกระดูกออกมา ด้วยสถานะเช่นนาง นางย่อมชื่นชอบเรือที่นั่งคนเดียวไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่นั่งกันเป็นกลุ่ม นางแล่นเรือตามหลังหลิงฮันไปอย่างใกล้ชิดเพื่อจะดูว่าเมื่อไหร่หลิงฮันจะถูกคนอื่นโจมตีจนพ่ายแพ้อย่างอนาจ


ในขณะที่หลิงฮันกำลังภายเรือ เขามองไปยังก้นทะเลสาบและอุทานออกมา “ด้านล่างนี้ก็มี!”


“ที่นี่ก็มีหญ้าโลหิตมังกร?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนตกตะลึง


“ไม่ใช่หญ้าโลหิตมังกรธรรมดา แต่มันมีถึงสี่ใบ!” หลิงฮันยิ้ม


เมื่อได้ยินแบบนั้นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป แม้จะแตกต่างกันแค่หนึ่งใบ แต่ผลลัพธ์ของมันนั้นต่างกันมหาศาล


หลิงฮันไม่ลงไปในทะเลสาบทันที เขาจ้องไปยังก้นทะเลสาบและกล่าว “เพียงแต่ว่าหญ้าโลหิตมังกรต้นนี้มีเจ้าตัวใหญ่คอยคุ้มกันอยู่”


ตรงมุมหนึ่งของหญ้าโลหิตมังกรมีหนอนโลหิตขนาดยาวกว่าสิบฟุตอยู่ แม้จะมองผ่านชั้นระดับน้ำแต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหนอนยักษ์ตนนี้


ระดับทลายมิติ… มันคือหนอนโลหิตระดับทลายมิติไม่ผิดแน่ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีแรงกดดันที่ทรงพลังเช่นนี้


“ถ้าอันตรายเกินไปเจ้าก็ไม่ควรเสี่ยง” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว แม้สมุนไพรจะยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่มันจะสำคัญไปกว่าชีวิตได้อย่างไร?


หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ข้าจะลองดูก่อน!”


‘ตูม’ หลิงฮันกระโดดลงไปในทะเลสาบและเตรียมพร้อมใช้งานรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี แต่หลิงฮันกลับรู้สึกตัวทันทีว่าฤทธิ์ในการกัดกร่อนของทะเลสาปแห่งนี้นั้นรุนแรงกว่าแม่น้ำโลหิตหลายเท่า แม้เขาจะมีกายหยาบที่แข็งแกร่งกว่าพลังบ่มเพาะหนึ่งระดับเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าผิวหนังของเขากำลังเริ่มเน่าเปื่อย

 

 

 


ตอนที่ 796

 

หลิงฮันรีบโคจรพลังคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ทันที และกลิ่นอายโบราณก็แผ่ออกมาเล็กน้อย ซึ่งทำให้การกัดกร่อนชะลอช้าลงขึ้นมาทันตาเห็น


แม้กายหยาบของเขายังคงถูกกัดกร่อน แต่ความเร็วของมันช้าลงกว่าเดิมหลายสิบเท่า นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ต้องรู้ก่อนว่าภายในแม่น้ำโลหิตมีอำนาจพลังแห่งกฎเกณฑ์ และจอมยุทธเผ่ามังกรยังเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาว แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติด้วยกันยังไม่กล้าลงไป


หลิงฮันรีบว่ายน้ำเข้าไปใกล้หญ้าโลหิตมังกร แต่ในขณะเดียวกันหนอนโลหิตยังเองก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเปิดปากอันใหญ่โตและเผยให้เห็นชุดฟันที่แหลมคมออกมาให้เห็น


“คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นเรอะ!” หลิงฮันยิ้ม และชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นมังกรเหมันตร์กระโจนเข้าใส่หนอนโลหิตยักษ์พร้อมกับกรงเล็บมังกรของมันทันที


หนอนโลหิตยักษ์ตัวนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นราชาในหมู่หนอนโลหิต และยังมีวงกลมสีทองหลายวงอยู่บนร่างสีแดงของมัน มีกลิ่นอายที่สูงส่งราวกับจะเปลี่ยนหนอนให้กลายเป็นมังกร


หนึ่งมังกร หนึ่งอสรพิษ ราชาหนอนโลหิตค่อนข้างพิเศษมาก พลังต่อสู้ของมันจะต้องไม่ต่ำกว่าเจ็ดดาวอย่างแน่นอน แต่ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะต่อกรกับมังกรเหมันตร์ได้ แม้มันจะมีข้อได้เปรียบเล็กน้อย


แข็งแกร่งมาก มันคือราชาหนอนโลหิต!


อย่างไรก็ตาม สติปัญญาของราชาหนอนโลหิตนั้นมีจำกัด และมันไม่รู้ว่ามังกรเหมันตร์เป็นเพียงแค่การก่อตัวของรูปแบบอาคม แม้ว่ามันจะถูกฆ่าตายนับร้อยครั้ง มันก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้นับร้อยครั้งเช่นเดียวกัน มันเพียงแค่ต่อสู้กับมังกรเหมันตร์เพื่อพิสูจน์ว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด


แน่นอนว่าสติปัญญาของมันไม่มีทางเทียบกับหลิงฮันได้ เขาเพียงแค่ปล่อยให้พวกมันต่อสู้กัน และว่ายเข้าไปหาหญ้าโลหิตมังกรสี่ใบ แล้วเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ


จากนั้นก็…หนี


มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฆ่าหนอนโลหิต ภายในตัวมันไม่มีอะไรที่มีค่า ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นถึงราชาหนอนโลหิตที่จัดการได้ด้วยยาก แล้วเขาจะต่อสู้กับมันให้เสียเวลาไปทำไม?


ในขณะที่เขาหนี มังกรเหมันตร์ก็จะติดตามเขามาด้วย มันไม่สามารถอยู่ห่างจากแก่นรูปแบบอาคมได้ ถ้าหากเกินระยะ มังกรเหมันตร์จะหายไปทันที แล้วกลับมารวมตัวกันใหม่อยู่ใกล้แก่นรูปแบบอาคม


ราชาหนอนโลหิตโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากและไล่ตามหลิงฮันทันที อีกฝ่ายกล้าที่จะช่วงชิงสมบัติของมันไป มันไม่อาจยอมรับได้!


หลิงฮันไม่คิดที่จะสู้กับมัน เมื่อมันเข้ามาใกล้เขาก็ปล่อยให้มังกรเหมันตร์จัดการและรีบเผ่นหนี ส่วนราชาหนอนโลหิตนั้นก็ช่างโง่เขลา เมื่อมันเห็นมังกรเหมัตร์พุ่งเข้ามา มันก็รีบพุ่งเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายทันที โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นแผนของหลิงฮันที่ทำให้มันพัวพันการต่อสู้และเคลื่อนไหวช้าลง


ชั่วครู่ต่อมา หลิงฮันขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำและเห็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไปถึงฝั่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบว่ายน้ำไปหาอย่างรวดเร็ว


ตู้ม!


ราชาหนอนโลหิตโผล่ขึ้นมาจากน้ำและก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ ตู้ม สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไปทันที และช่วยไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา โลหิตนี่เต็มไปด้วยอำนาจในการกัดกร่อน แม้ว่ามันจะไม่ถึงตาย แต่ก็สามารถทำให้พวกเขาทุกข์ทรมานได้


เมื่อพวกเขาเห็นหนอนโลหิตยักษ์ ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะรีบเร่งพายเรือ ส่วนผู้คนที่ยังไม่ข้ามแม่น้ำ พวกเขาเพียงแค่นั่งรอและให้คลื่นสงบลง


—— ผู้คนที่อยู่ในน้ำอยากจะไปให้ถึงฝั่ง แต่มีเรือกระดูกเพียงแค่สองลำ และตอนนี้ถ้าพวกเขาหันหัวเรือกลับไปมันจะเป็นการสูญเสียเรือกระดูกไป แล้วพวกเขาจะข้ามแม่น้ำโลหิตได้อย่างไร?


หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง แม่น้ำก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ทุกคนต่างร้อนรนที่จะไปให้ถึงฝั่งให้เร็วที่สุด


หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงแม้เขาจะไม่ได้รับอันตราย อย่างไรก็ตาม มังกรเหมันตร์ยังคงพัวพันกับราชาหนอนโลหิตอยู่ เขาจึงรีบขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้มันมาแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ!”


“อืม!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า


หอคอยที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาทำมาจากกระดูก ส่วนข้างในนั้นว่างเปล่าเป็นหอคอยที่สามารถพาขึ้นไปถึงชั้นที่สองได้ หลิงฮัน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน และฮูหนิวไม่ลังเลและกระโดดเข้าไปทันที


เมื่อราชาหนอนโลหิตเห็นว่าเป้าหมายของมันหายไป ช่วยไม่ได้ที่มันจะรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก และกลับลงไปในแม่น้ำ เมื่อเห็นเช่นนั้นหลายคนเลือกที่จะถอยห่างออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงราชาหนอนโลหิตที่กำลังโกรธเกรี้ยวตัวนี้


เมื่อแม่น้ำกลับมาสงบอีกครั้ง หลายคนเริ่มพายเรืออีกครั้งและไม่คิดที่จะหยุดอยู่ที่นี่


เซียนหยู่ช่ายรีบกระโดดเข้าไปในเรือกระดูกอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกตกใจมาก หลิงฮันเป็นคนที่กล้าหาญยิ่งนัก แม้แต่ราชาหนอนโลหิตเขายังกล้าที่จะยั่วยุ แม้ว่านางจะยังคงรู้สึกเกลียดหลิงฮัน แต่นางก็ต้องยอมรับว่าไม่มีใครสามารถทำแบบนั้นได้


ทางเดินไปชั้นสองนั้นยาวมาก แต่ในขณะนั้นหลิงฮันตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาจึงพาเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน และฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ


พวกของฉือชิ่วเหรินมาถึงที่นี่แล้ว และก่อนหน้านี้พวกมันเห็นหลิงฮัน เส้นทางนี้ยาวจนน่าตกตะลึง และไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบที่ใด หากใครคิดที่จะซุ่มโจมตีอยู่ตรงทางออก มีโอกาสสูงมากที่จะทำสำเร็จ


การที่จะขึ้นไปชั้นสองนั้นจะต้องมีหัวใจที่แน่วแน่ด้วย


ดังที่หลิงฮันคาดการณ์ ชั้นสองของถ้ำมังกรผี ฉือชิ่วเหรินกำลังดักรอเขาอยู่ พวกเขารู้ว่าตรงนี้เป็นจุดซุ่มโจมตีที่ดีที่สุด


แม้ว่าพวกมันทั้งห้าคนจะเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของห้านิกายโบราณ แต่ก็ยังร่วมมือกันเพื่อกำจัดเขา หลิงฮันมีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัวอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเขามีเวลาพัฒนาตัวเองจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะจัดการเขาได้ และอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อแผนระยะยาวของห้านิกายโบราณ


ดังนั้นปัจจัยที่ไม่แน่นอนนี้จะต้องถูกกำจัดให้เร็วที่สุด


พวกเขากำลังรอคอยหลิงฮันอย่างอดทน เมื่อเห็นผู้คนเผ่าใต้สมุทรพวกเขาก็ปล่อยให้เดินผ่านไป และยังคงดักซุ่มอย่างเงียบๆ


เมื่อเซียนหยู่ช่ายปรากฏตัวออกมา นางมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ ทั้งที่นางเดินตามหลังหลิงฮันมา แต่ทำไมนางกลับไม่พบร่องรอยของพวกเขาทั้งสามคนเลย? นางเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทางและมองไปรอบๆ


ในหอคอยทมิฬ หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมาและพูดว่า “พวกมันทั้งห้าคนกำลังดักรอข้าอยู่ด้านนอกจริงๆด้วย”


“ถ้างั้นก็ฆ่าพวกมันให้หมดเลย!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว นางเองก็เป็นอัจฉริยะของเผ่าใต้สมุทรเหมือนกัน และยังบรรลุระดับสวรรค์แล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่จอมยุทธระดับทลายมิติ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางจัดการกับนางได้เลย


“ใช่แล้ว ฆ่าพวกมันเลย!” ฮูหนิวรู้สึกตื่นเต้นมาก นี่คือเรื่องที่น่าโปรดปรานมากที่สุด


“อืม ถ้างั้นฆ่าพวกมันสักคนละกัน” หลิงฮันยิ้มและครุ่นคิด


สามต่อห้า แม้ว่าหลิงฮันจะโจมตีทีเผลอได้ แต่พวกฉือชิ่วเหรินมีกันห้าคน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า และแต่ละคนไม่ได้อ่อนแอ


ดังนั้น เขาจะมุ่งเป้าไปที่คนคนเดียวเท่านั้น!


“ฆ่าเจี่ยหมิง!”

 

 

 


ตอนที่ 797

 

สังหารเจียหมิง!


ในหมู่รุ่นเยาว์ทั้งห้า ฉือชิ่วเหรินคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด แม้อีกฝ่ายจะถูกพวกเขาทั้งสามลอบโจมตีก็ยังมีโอกาสที่จะตอบโต้ได้ทัน และถ้าหากทั้งห้าคนนั้นร่วมมือกัน การจะสังหารเจียหมิงจะเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก


แม้หลิงฮันจะมีรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี แล้วครั้งนี้รุ่นเยาว์ทั้งห้าจะไม่เตรียมไพ่ลับใดๆมารึ?


แต่ถึงพวกเขาจะมีไพ่ลับการจะใช้ออกมาก็ยังต้องใช้เวลาในการเตรียมการ ดังนั้นพวกเขาถึงได้มารอดักซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าหลิงฮันมีสมบัติอย่างหอคอยทมิฬที่สามารถนำสิ่งมีชีวิตเข้ามาอาศัยอยู่ได้ แถมยังมีขนาดเท่ากันไรฝุ่น ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่พบ


“ลงมือ!” หลิงฮันและหญิงสาวทั้งสองปรากฏตัวออกมานอกหอคอยทมิฬและโจมตีใส่เจียหมิง


“อะไรกัน!”


พวกฉือชิ่วเหรินทั้งห้าคนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆพวกหลิงฮันถึงได้ปรากฏตัวออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าเช่นนี้แถมยังลอบโจมตีเพื่อสังหารเจียหมิงด้วย


หลิงฮันโจมตีด้วยดาบ ฮูหนิวโจมตีด้วยกรงเล็บ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโจมตีด้วยหมัดที่ควบแน่นด้วยปราณแห่งสายเลือดมังกร


“คิดจะสังหารข้า? พวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ!” เจียหมิงตอบโต้ทันที ในเวลาสั้นๆแค่นี้เข้าไม่อาจใช้งานสมบัติลับได้ทัน เขาไคว้หมัดมาด้านหน้าเพื่อป้องกันและโคจรปราณก่อเกิดเพื่อเสริมแกร่งให้กับร่างกายจนถึงขีดสุด


‘ตูม’ การโจมตีของฮูหนิวรวดเร็วที่สุด บนร่างของเจี่ยหมิงปรากฏรอยเลือดขนาดลึกทันที ถึงแม้เจียหมิงจะมีกายหยาบที่ทนทานเทียบเท่าแร่เหล็กระดับเก้าก็ไร้ความหมาย การโจมตีของฮูหนิวสร้างบาดแผลที่สาหัสให้กับเขา


จากนั้นก็เป็นการโจมตีของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน นางเรียนรู้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาและมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮัน ดังนั้นนางจึงรวดเร็วกว่า ‘ตูม’ เมื่อถูกหมัดโจมตีใส่ เจียหมิงก็กระอัดเลือดออกมาคำใหญ่


แม้จะถูกโจมตีสองครั้งร่างของเจียหมิงยังคงยืนหยัดอยู่กับที่ แสดงให้เห็นว่ากายหยาบของเขาทรงพลังขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด


ในที่สุดก็ถึงคราวการโจมตีของหลิงฮัน ดาบของเขาแทงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่าย


“หลิงฮัน เจ้าไม่อาจสังหารข้าได้!” เจียหมิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขารับการโจมตีมาได้สองครั้งแล้ว ตราบใดที่เขารับการโจมตีของหลิงฮันได้อีกครั้ง เขาก็จะรีบไปร่วมมือกับพวกฉือชิ่วเหรินเพื่อจัดการพวกหลิงฮันทั้งสามคนทันที


เจียหมิงยื่นมือออกมาหวังคว้าหยุดดาบของหลิงฮันเอาไว้


มีเพียงแค่เขาที่ฝึกฝนกายหยาบมาถึงระดับนี้เท่านั้นที่จะกล้าทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วผู้ใดกันจะกล้าใช้มือเปล่าคว้าจับดาบสังหาร? หากเป็นจอมยุทธคนอื่น แม้ยังไม่ได้สัมผัสกับใบดาบแค่คลื่นพลังที่คมกริบจากดาบก็สามารถเฉือนนิ้วทั้งสิบให้หลุดออกจากมือได้แล้ว


‘ฉัวะ!’


เจียหมิงคว้าใบดาบเอาไว้ แต่ยังไม่ทันทีจะได้ออกแรงหยุดดาบนิ้วทั้งสิบของเขาก็ถูกตัดขาดอย่างง่ายดายราวกับเป็นเต้าหู้และปลายดาบสังหารก็แทงเข้ามาที่หัวใจของเขา ดาบสังหารขึ้นชื่อว่าเป็นดาบที่ทรงพลังอันดับหนึ่งภายใต้สวรรค์ ผู้ที่ถูกแทงจะยังมีชีวิตรอดได้อย่างไร?


เจียหมิงสำรอกโลหิตออกมาและมองไปยังหลิงฮันด้วยความหวาดกลัว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพลังป้องกันของกายหยาบเขาจะไม่สามารถหยุดดาบของหลิงฮันได้!


หลังจากถูกอำนาจแห่งการทำลายล้างของดาบสังหารทิ่มแทง ร่างของเขาก็กะโผลกกะเผลกและล้มลงที่พื้นทันที


หลิงฮันเอื้อมไปคว้าร่างของเจียหมิงเข้ามาในหอคอยทมิฬ รุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องมีอุปกรณ์มิติติดตัวแน่นอน เขาไม่อาจปล่อยให้สมบัติภายในนั้นสูญเปล่า


‘ตูม’ ฉือชิ่วเหรินและรุ่นเยาว์ที่เหลือโจมตีตอบโต้


หลิงฮันหัวเราะและกวัดแกว่งดาบไปด้านหน้าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวเพื่อป้องกัน


‘ปัง’ ทันใดนั้นการโจมตีของหลิงฮันก็ปะทะเข้ากับการโจมตีของทั้งสี่คน เมื่อการแรงปะทะสิ้นสุดทั้งสองฝ่ายก็ล่าถอนกลับไปยืนจุดเดิม รุ่นเยาว์แต่ละคนในกลุ่มสี่คนของฉือชิ่วเหรินถือว่าเป็นอัจฉริยะทุกคน พวกเขามีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับสวรรค์ด้วยกัน


“เจ้าบังอาจสังหารเจียหมิง!” ตงหลิงเอ๋อคำราม แววตาอันงดงามของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ


หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนซุ่มโจมตีข้าก่อนรึ?”


บุตรแห่งสายฟ้าขมวดคิ้ว “พวกเจ้าหลบหนีสัมผัสสวรรค์ของพวกข้าได้อย่างไร?”


เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ถ้าหากแค่คนเดียวก็คงจะไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่นี่มีถึงสามคนที่หลบหนีจากสัมผัสสวรรค์ของพวกเขาได้จนเจียหมิงต้องถูกลอบสังหารและเสียชีวิต


ถ้าพวกเขาไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ถ้าหากหลิงฮันลอบสังหารพวกเขาอีกรอบพวกเขาจะทำอย่างไร?


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?”


บุตรแห่งสายฟ้าเค้นเสียงไม่สบอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันย่อมไปบอกความลับของตนเองแน่


“เจ้าบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้ว?” ฉือชิ่วเหรินถาม “เมื่อครู่ข้าใช้แก่นแท้แห่งกระบี่กดดันเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่บรรลุแก่นแท้แห่งดาบเจ้าคงได้รับผลกระทบจากมันไปแล้ว!”


หลิงฮันอดยิ้มไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าแก่นแท้แก่งกระบี่ของเจ้าอ่อนแอเกินไปจนไม่ได้ผลหรอกรึ?”


ใบหน้าของฉือชิ่วเหรินเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆและลงความเห็นในใจว่าหลิงฮันต้องบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้วแน่นอน ในขณะเดียวกันเขาก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน ต้องรู้ก่อนว่าที่เขาสามารถบรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่ได้ในช่วงอายุยี่สิบปีนั้นเป็นเพราะเขาได้สัมผัสกับดาบไร้เทียมทานที่เป็นสมบัติตกทอดขของนิกายทุกวันมาตั้งแต่จำความได้


แต่หลิงฮันไม่มีตัวช่วยเช่นนั้นแต่กลับสามารถบรรลุแก่นแท้แห่งดาบได้ในช่วงอายุใกล้ๆกับเขา แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของหลิงฮันนั้นน่ากลัวขนาดไหน


แววตาของราชันดาบน้อยกลายเป็นคมคริบก่อนที่จะกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าครอบครองสมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์!”


“ว่าไงนะ!” ฉือชิ่วเหรินและคนอื่นๆอุทานออกมาพร้อมกัน


สมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังหาได้ยาก อุปกรณ์มิติที่สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตได้นั้นมีเพียงตัวตนระดับสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ สมบัติเช่นนั้นทุกชิ้นที่ปรากฏย่อมก่อให้เกิดสงครามเพื่อแย่งชิง


แม้แต่นิกายโบราณทั้งห้าที่อยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีสมบัติเช่นนั้น ถ้างั้นแล้วมันมาปรากฏขึ้นที่โลกใบเล็กแห่งนี้ได้อย่างไร?


“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!” รุ่นเยาว์คนอื่นก็เชื่อเช่นนั้นอุปกรณ์มิติอย่างอื่นเช่นแหวนมิตินั้นไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้ ดังนั้นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นคำตอบเดียวที่จะอธิบายสถานการณ์ได้


แววตาของทั้งสี่คนกลายเป็นเร่าร้อนทันที พวกเขาจ้องมายังหลิงฮันราวกับกำลังจ้องมองสมบัติล้ำค่า

 

 

 


ตอนที่ 798

 

แม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นสมบัติที่น่าทึ่ง ถ้าพวกเขาเอามันมาจากหลิงฮันได้ เมื่อพวกเขาเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรบ่มเพาะพลัง แค่นี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นแล้ว


ต้องเอามันมาให้ได้!


สายตาของพวกฉือชิ่วเหรินทั้งสี่คนเริ่มแสดงความดุร้ายออกมา แม้พวกเขาจะไม่มีสมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยหลิงฮันไปได้


“ฆ่ามันให้ได้ด้วยพลังทั้งหมดของพวกเจ้า!” ทั้งสี่คนมองหน้ากันและพยักหน้า


ส่วนวิธีการว่าจะแบ่งกันยังไงพวกเขาค่อยคิดกันทีหลัง อย่างแรกต้องฆ่าหลิงฮันก่อน มิฉะนั้นเรื่องที่คิดไว้จะไม่มีทางเกิดขึ้น


ฉือชิ่วเหรินนำกระบี่ไร้เทียมทานออกมา และบุตรแห่งสายฟ้านำขวานยักษ์ออกมาที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาหลายเท่า และจับด้วยมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นปราณที่น่าสะพรึงกลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา


ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกหวั่นไหว ขวานนี่ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบี่ไร้เทียมทานเลย


ห้านิกายโบราณช่างมั่งคั่งยิ่งนัก แค่กระบี่ไร้เทียมทานก็มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบดาวแล้ว และตอนนี้ยังมีขวานที่ทัดเทียมกับกระบี่ไร้เทียมทานของฉือชิ่วเหรินอีก


เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดสองอย่างพร้อมกันค่อนข้างเป็นปัญหาทีเดียว


ดาบสังหารในมือของหลิงฮันกำลังส่องแสงออกมาด้วยตัวเอง และอักขระอาคมเผยออกมาให้เห็น ถึงเป็นภัยคุกคามต่อกระบี่ไร้เทียมทานและขวาน เขายิ้มและพูดว่า “ขวานนั่นดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะเล่นด้วย”


“แน่นอน!” บุตรแห่งสายฟ้ากล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่คืออาวุธลองเลียนแบบของขวานภูผาวารี”


อาวุธลอกเลียนแบบ?


หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง ทั้งที่เป็นอาวุธวิญญาณทรงพลังแบบนั้นที่แท้เป็นอาวุธลอกเลียนแบบ? แล้วถ้าเป็นขวานภูผาวารีของจริงจะทรงพลังขนาดไหน?


“ฮ่าฮ่าฮ่า หลิงฮันเจ้าต้องการเปิดสวรรค์ใช่หรือไม่?” บุตรสายฟ้าหัวเราะ “ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่าการเปิดสวรรค์จะต้องใช้ขวานภูผาวารีเท่านั้น จะมีสมบัติประเภทใดอีกที่สามารถทะลวงผ่านสวรรค์และปฐพีได้?”


“โอ้ว ข้าอยากจะฟังรายละเอียดซะแล้วสิ!” หลิงฮันยิ้ม


“หึ่ม ขวานภูผาวารีควบแน่นพลังต้นกำเนิดของทวีปฮงเทียนเอาไว้ รู้ไหมทำไมข้าถึงบอกเรื่องนี้กับเจ้า?” ฉือชิ่วเหรินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าบอกเพราะวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”


ตงหลิงเอ๋อและราชันดาบน้อยเองก็ถือม้วนคำสั่งอยู่ในมือ มันน่าจะเป็นม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ถ้ากระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารีสามารถฆ่าหลิงฮันได้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ม้วนคำสั่งให้สิ้นเปลือง


นั่นเป็นเพราะ พวกเขายังมีจุดประสงค์อื่นอีกในการเดินทางครั้งนี้ มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่ได้รับสมบัติมากมายขนาดนี้มาจากผู้อาวุโสของพวกเขาต้องทราบก่อนว่าการทำสงครามกับจักรวรรดิจันทราม่วงนั้นมาถึงระดับที่ตึงเครียดแล้ว การเสียสละสมบัติล้ำค่าไปอาจส่งผลต่อสงคราม


– เขี้ยวมังกร พวกเขาจะต้องเอามันมาให้ได้


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “มีสมบัติแบบนั้นอยู่ด้วยหรือเนี่ยที่เกิดขึ้นจากการควบแน่นจากพลังต้นกำเนิดของปฐพี ข้าอยากจะเห็นขวานภูผาวารีของจริงซะแล้วสิ”


“เจ้าไม่มีวันได้เห็น!”


ในขณะนั้น กระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารีฟื้นฟูพลังของมันเสร็จแล้ว และกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา


สมบัติทั้งสองที่พวกมันถือเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบที่โดดเด่นที่สุดในระดับเดียวกัน แม้กระทั่งจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสูงก็ยังสามารถสังหารได้


เมื่อต่อสู้กับฉือชิ่วเหรินครั้งแรก ดาบกำเนิดมารได้รับความเสียหายหนักมาก ถ้าฝืนสู้ต่อไป ดาบก็ถูกทำลาย จากนั้นเจตจำนงแห่งเต๋าของมันก็จะหายไป แล้วมันก็จะไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับสิบอีกต่อไป แต่จะเป็นได้แค่อาวุธระดับสิบธรรมดา


ดาบสังหารเองก็ถูกกระตุ้นใช้งานโดยอัตโนมัติ พร้อมกับจิตสังหารที่รุนแรงจนน่าทึ่ง นี่เป็นดาบอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์ ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใด


แต่ดาบสังหารมีเพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น แต่อีกด้านมีอาวุธวิญญาณระดับสิบถึงสองชิ้น


หลิงฮันเรียกใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี แม้จะต้านทานไม่อยู่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้ล่าถอย เขาแค่อยากเห็นว่าขวานภูผาวารีนั้นทรงพลังแค่ไหน เพื่อคาดเดาว่าถ้าเป็นขวานภูผาวารีของจริงจะทรงพลังแค่ไหน


“ข้าจะรับมือดาบเล่มนั้นเอง ส่วนเจ้าจัดการเจ้ามังกรตัวนั้น!” ฉือชิ่วเหรินกล่าวขณะเพ่งความสนใจไปที่ดาบสังหาร


“ตกลง!” บุตรแห่งสายฟ้ากล่าวและโจมตีออกไปด้วยขวานภูผาวารีเพื่อสังหารมัน


ปัง!


กระบี่ไร้เทียมทานปะทะกับดาบสังหาร การปะทะกันครั้งแรกทำให้เกิดเสียงแหลมคมก่อนที่จะเกิดประกายแสงอันไร้ที่สิ้นสุดกระพริบอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เกิดคลื่นมากมายราวกับว่ามิติกำลังจะถูกฉีกขาด


หลังจากนั้นเอง บุตรแห่งสายฟ้าก็ใช้ขวานภูผาวารีโจมตีใส่มังกรเหมันตร์


มังกรเหมันตร์เข้าไปปะทะและส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดังราวกับฟ้าร้อง


ตู้ม ขวานภูผาวารีทำลายมังกรเหมันตร์กลายเป็นน้ำแข็งขนาดใหญ่สองก่อน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อมังกรเหมัตนร์ถูกทำลาย หมอกสีขาวเริ่มรวมตัวกันและก่อตัวเป็นมังกรเหมันตร์ตัวใหม่ แต่มันก็ต้องใช้เวลา


ขวานภูผาวารีนั่นทรงพลังมาก มังกรเหมันตร์มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติถึงเจ็ดดาว แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานขวานนั้นได้ นี่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ได้เป็นเพราะบุตรแห่งสายฟ้าแข็งแกร่งเกินไป แต่เป็นเพราะพลังของขวานภูผาวารีเองต่างหาก


บุตรแห่งสายฟ้าส่งเสียงหัวเราะ เขาดึงขวานกลับมาและเดินไปหาหลิงฮันเพื่อฆ่า


ไปลงนรกซะ!


หลิงฮันถอนหายใจอยู่ในใจ แม้ว่าขวานภูเขาวารีนี่จะเป็นแค่ของลอกเลียนแบบ แต่มันก็มีพลังต่อสู้อย่างน้อยระดับทลายมิติสิบดาว มิฉะนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้ที่มันจะทำลายมังกรเหมันตร์ได้ง่ายขนาดนั้น ดังนั้น ถ้าเป็นขวานภูผาวารีของจริงจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน?


สิบห้าดาว? หรือยี่สิบดาว?


หลิงฮันคิดอยู่ในใจและล้มเลิกความคิดที่จะใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬ


ถ้าเขาใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬ มันง่ายที่จะจัดการฉือชิ่วเหริน – ในกรณีที่พวกมันไม่มีสมบัติอย่างกระบี่ไร้เทียมทาน และขวานภูผาวารี ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่คิดที่จะใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬ


“ข้าไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว!” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและเอื้อมมือไปคว้าตัวฮูหนิว เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ดาบสังหารและเข้าไปในหอคอยทมิฬ แน่นอนว่าเขาเข้าไปซ่อนตัว


ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ที่นี่


“ระวังตัวด้วย!” พวกฉือชิ่วเหรินทั้งสี่คนดูตื่นตระหนก มันอาจเกิดการลอบโจมตีขึ้นเหมือนก่อนหน้านี้ การโจมตีผสานของพวกหลิงฮันทั้งสามคนทำให้เจี่ยหมิงต้องตาย ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ประมาทอีกเป็นอันขาด


“จับตาดูให้ดี ในเมื่อมันเป็นสมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์มันจะต้องมีรูปธรรม”


“โจมตีใส่พื้นที่บริเวณนี้ให้หมดทุกตารางนิ้ว!”


ทั้งสี่คนโจมตีอย่างบ้าคลั่ง กระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารีกระโจมตีใส่พื้นดิน จนเป็นหลุมที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ แม้แต่เถ้าถ่านก็ไม่หลุดพ้นสายตาของพวกเขา


แต่สมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายง่ายๆได้อย่างไร? ถึงแม้จะเจอมันพวกเขาก็ทำได้แค่นำมันกลับไปที่ห้านิกายโบราณ แน่นอนว่าจะต้องใช้สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันเพื่อดึงหลิงฮันออกมา


แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง พวกเขาจะหาสมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์นั่นพบได้อย่างไร?

 

 

 


ตอนที่ 799

 

“แย่แล้ว!” จู่ๆราชันดาบน้อยก็เปลี่ยนสีหน้า “ร่างของเจียหมิงยังอยู่กับหลิงฮัน!”


“ดอกวิญญาณอมตะ!” ฉือชิ่วเหรินเองก็อุทานออกมาพร้อมๆกัน


“มีเพียงแค่การถือดอกวิญญาณอมตะถึงจะสามารถเข้าไปยังชั้นที่สี่”


“หากไม่มีดอกวิญญาณอมตะก็ไม่สามารถไปนำเขี้ยวของมังกรมาได้!”


“เพื่อเขี้ยวมังกรที่แท้จริง ไม่ว่าต้องทำยังไงก็ต้องนำดอกวิญญาณอมตะกลับมา”


“บัดซบ ทำไมเจียหมิงถึงต้องเป็นคนเก็บดอกวิญญาณอมตะเอาไว้ด้วย!”


รุ่นเยาว์ทั้งสี่คนกัดฟันแค้น ถ้าพวกเขาทำภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ เมื่อกลับนิกายไปแม้จะด้วยสถานะของพวกเขาก็ต้องได้รับโทษอยู่ดี ถึงแม้พวกเขาจะเป็นผู้นำรุ่นเยาว์แห่งยุคของทวีปฮงเทียน แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนจะไม่มีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์เช่นพวกเขา?


ถ้าต้องการขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องได้รับทรัพยากรบ่มเพาะจากนิกาย ถ้าหากถูกนิกายทอดทิ้ง พวกเขาก็จะถูกลบล้างไปพร้อมกับโลกใบนี้


“มุ่งหน้าไปยังชั้นสี่กันก่อน ถ้าหากหลิงฮันต้องการครอบครองเขี้ยวมังกรที่แท้จริง เขาจะไปมุ่งหน้าไปที่นั่นแน่!” พวกเขาลงความเห็นกันอย่างรวดเร็วและรีบมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของชั้นสอง


หลังจากพวกเขาจากไป ร่างของพวกหลิงฮันสามคนก็ปรากฏตัว


“โอ้ ที่แท้เจียหมิงก็ถือครอบสมบัติเช่นนั้นอยู่นี่เอง” หลิงฮันพูดกล่าว ในมือของเขาถือดอกไม้ที่มีใบสีขาวราวกับหิมะเอาไว้ ตรงแกนกลางของดอกไม้นั้นเป็นสีดำสลัว ใบของมันนั้นเมื่อผ่านไปสักพักมันจะสลับไปมาเป็นสีม่วง


“ดอกวิญญาณอมตะ! ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีดอกไม้เช่นนี้อยู่จริงๆ!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอุทานออกมา


“หืม เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับดอกไม้นี่มาก่อน?” หลิงฮันถาม


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า “ตามตำนาน ดอกไม้วิเศษนี้คือสิ่งที่มาจากโลกแห่งความตาย จากที่ได้ยินมามันมีสรรพคุณช่วยให้วิญญาณของมนุษย์นั้นราวกับมีเก้าชีวิต มันคือดอกไม้ที่ฝืนลิขิตความเป็นและความตาย ในชั้นที่สี่ของถ้ำมังกรผีนั้นจะมีคลื่นพลังที่ส่งผลของจิตวิญญาณ แม้จะเป็นตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่สามารถต่อต้านคลื่นพลังเช่นนั้นได้”


“แล้วดอกวิญญาณอมตะสามารถแก้ปัญหานั้นได้?” หลิงฮันถาม


“ย่อมเป็นเช่นนั้น ดอกวิญญาณอมตะจะช่วยห่อหุ้มจิตวิญญาณทำให้วิญญาณของคนผู้นั้นไม่ได้รับผลกระทบ” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว


หลิงฮันเก็บดอกวิญญาณอมตะกลับไปและยิ้ม “งั้นพวกเราก็เข้าใกล้เขี้ยวมังกรที่แท้จริงมากขึ้นแล้ว”


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถ้าหากนางสามารถได้เขี้ยวมังกรที่แท้จริงมาครอบครองและหลอมมันได้สำเร็จ ความบริสุทธิ์ของโลหิตของบุตรนางจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัวแน่


ทำไมชิ้นส่วนอื่นๆของเผ่ามังกรถึงแหลกสลายและมีเพียงเขี้ยวมังกรที่ยังคงสภาพอยู่ได่น่ะ? นั่นเพราะเขี้ยวมังกรได้พัฒนาจนกลายเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง มันคือเขี้ยวของมังกรที่แท้จริง!


“แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสี่คนนั่นคอยเฝ้าอยู่ที่ชั้นสี่อยู่ดี พวกเราอาจจะไม่สามารถบุกผ่านการป้องกันของพวกเขาไปได้!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนขมวดคิ้ว “ถ้ำมังกรผีมีเวลาเปิดที่จำกัด หากพวกเรามัวแต่สนใจเขี้ยวมังกรและไม่สามารถกลับออกไปจากที่นี่ได้พวกเราจะถูกขังไปอีกห้าร้อยปี ถึงแม้เจ้าจะมีหอคอยทมิฬที่พวกเราสามารถเข้าไปอยู่ได้ในช่วงเวลานั้นก็ตาม แต่ข้าเกรงว่าเมื่อถึงตอนนี้ทวีปฮงเทียนคงกลายเป็นเถ้าถ่านและเปลี่ยนเป็นอีกยุคสมัยแล้ว”


อีกห้าร้อยปีต่อมา ไม่ว่าหม่าตั้วเปาจะปิดสวรรค์สำเร็จหรือโลกนี้จะถูกหลอมเป็นเม็ดยา เมื่อตอนนั้นครอบครัวของเขาก็กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว หลิงฮันไม่มีทางยอมรับเรื่องเช่นนั้นได้แน่นอน


“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกนั้น ข้าจะจัดการเอง” หลิงฮันกล่าว เขามีทั้งดาบสังการและพรศักดิ์สิทธิ์จากหอคอยทมิฬ เมื่อใช้ทั้งสองด้วยกันพลังต่อสู้และความเร็วของเขาจะเทียบเท่าจอมยุทธระดับทลายมิติทันที


“หนิวจะช่วยเอง!” ฮูหนิวตบหน้าอกตัวเอง


หลิงฮันยิ้มและลูบหัวฮูหนิว “หากฮูหนิวช่วย พวกเราจะต้องทำได้สำเร็จแน่นอน!”


“ฮี่ๆ!” ฮูหนิวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ


ทั้งสามคนออกเดินทางอีกครั้งและหลิงฮันก็เริ่มครุ่นคิด “ดอกวิญญาณอมตะคือสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งความตายหรือก็คือดินแดนใต้พิภพ? ห้านิกายโบราณไม่สามารถไปยังดินแดนใต้พิภพได้แน่ๆ ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเขามีดอกวิญญาณอมตะได้อย่างไร?”


ดวงตาของเขาหรี่ลง “นิกายพันศพ!”


รากฐานของนิกายพันศพไม่ใช่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นดินแดนใต้พิภพ เพราะงั้นหากห้านิกายโบราณได้ทำข้อตกลงบางอย่างกับนิกายพันศพก็ใช่ว่าจะไม่สามารถครอบครองดอกวิญญาณอมตะได้


“ดูเหมือนการร่วมมือกันของพวกเขาจะลึกว่าที่ข้าคาดเอาไว้เสียแล้ว!” หลิงฮันพึมพำ


หลังจากทั้งสามคนเดินไปสักพัก พวกเขาก็เห็นเซียนหยู่ช่ายกำลังยืนรออยู่ เมื่อนางเห็นพวกเขาคุณหนูผู้แสนเอาแต่ใจก็แสยะยิ้มด้วยท่าทียิ่งยโสและกล่าว “เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก!”


ช่างน่าปวดหัวยิ่งนัก!


หลิงฮันมองไปยังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและยิ้ม “พวกเราสังหารนางได้รึไม่?”


“เอาเลยๆ หนิวอยากกินเนื้อมังกรต้ม!” ฮูหนิวนำลายสอและมองไปยังเซียนหยู่ช่ายด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่ายหัว “ลืมเรื่องนั้นไปเลย จะอย่างไรนางก็เป็นคนของตระกูลเซียนหยู่ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในเงื่อนไขรวมกองกำลังกัน หากสังหารนางคงไม่ก่อให้เกิดผลดี”


เซียนหยู่ช่ายถอนหายใจโล่งอก นางรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นหลิงฮันหรือเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็มีพลังต่อสู้ที่สามารถสังหารนางได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฮันเมื่อครู่นางจึงรู้สึกหวาดกลัวจนใจสั่น


“แต่ในถ้ำมังกรผีแห่งนี้ แม้เราจะสังหารใครคนอื่นก็ไม่มีทางรับรู้”


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมองไปยังเซียนหยู่ช่ายและหัวเราะ “เจ้ากำลังทำให้นางกลัวอยู่นะ”


หลิงฮันชำเลืองมองและกล่าว “อย่าตามพวกเรามาอีก ไม่เช่นนั้นคนที่จะเสียใจก็คือเจ้า!”


ใจของเซียนหยู่ช่ายสั่นสะท้าน “สังหารข้า? เจ้ากล้าสังหารข้างั้นรึ?” ? ที่นี่คือชั้นสองของถ้ำซึ่งผู้คนสามารถเดินผ่านมาได้ไม่ยากเย็น นางไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะกล้าสังหารนาง


“ช่างไร้เดียงสา!” หลิงฮันส่ายหัว คุณหนูผู้นี้ถูกตามใจเกินไปจนมีนิสัยเอาแต่ใจ โชคดีที่คนที่นางมีปัญหาด้วยคือเขา ไม่เช่นนั้นนางจะสูญเสียชีวิตของนางไปแล้ว


พวกเขาเดินทางต่อ สภาพแวดล้อมของชั้นสองแตกต่างกับชั้นแรก พื้นที่โดยรอบนั้นเต็มไปด้วยป่าไม้สีแดงเพลิงที่ต้นไม้แต่ละต้นสูงเกินกว่าร้อยฟุต ต้นไม้ทุกต้นตั้งเป็นเสาค้ำฟ้าราวกับยักษ์ขนาดมหึมา


“ต้นไม้เหล่านี้คือต้นไม้โลหิตที่เกิดขึ้นจากโลหิตและเลือดเนื้อของจอมยุทธเผ่ามังกร ต้นไม้โลหิตบางต้นสามารถบ่มเพาะพลังและเคลื่อนที่เพื่อสังหารผู้คนได้ ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าต้นไม้อสูรโลหิต!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว


แต่ในขณะเดียวต้นไม้อสูรโลหิตก็นับว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง พวกมันมีแก่นพงไพรที่เกิดจากการควบแน่นของพลังงานแห่งมังกร ผลลัพธ์ของแก่นพงไพรนั้นเหมือนกับหญ้ามังกรโลหิต ดังนั้นเมื่อพบกับสมบัติเช่นนี้ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าอสูรต้นไม้โลหิตอันตราย พวกเขาก็ยังเลือกที่จะเดินผ่านป่าไม้เพื่อล่อให้อสูรต้นไม้โลหิตโจมตีและสังหารมันเพื่อแย่งชิงแก่นพงไพร


นั่นคือสิ่งที่หลิงฮันจะทำเช่นกัน เพราะอย่างไรทั้งสามคนก็เป็นพวกบ้าลุย สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงการระมัดระวังไม่ให้ไปพบเจอกับราชันต้นไม้อสูรโลหิตเท่านั้น หากเป็นเพียงต้นไม้อสูรโลหิตทั่วไปย่อมไม่เป็นอันตรายกับพวกเขา

 

 

 


ตอนที่ 800

 

คลื้นนนน!


ทันใดนั้น มีกิ่งไม้ปรากฏออกมาและล้อมรอบเซียนหยู่ช่าย ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึง


ถึงแม้ว่าเซียนหยู่ช่ายจะระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็ยังถูกโจมตี เพราะกิ่งไม้นี่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อย มันก็สามารถพันรอบเท้าและจับนางกลับหัวได้แล้ว


ในขณะนั้น มีกิ่งไม้อย่างน้อยสิบกิ่งที่กำลังล้อมรอบนางและรัดนางแน่นราวกับปลาหมึก


“เกิดอะไรขึ้น!” ช่วยไม่ได้ที่เซียนหยู่ช่ายจะตกใจและกรีดร้องออกมา


หลิงฮันหันหลังกลับและอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ข้าเดิมพันข้างต้นไม้อสูรโลหิต!”


ฉากที่เกิดขึ้นราวกับเป็นงานศิลปะ กิ่งก้านที่รัดเซียนหยู่ช่ายแน่น ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งร่างกายของนางได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะหน้าอกที่ถูกรัดแน่นราวกับเป็นยอดเขา


แต่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่รู้สึกขบขัน กลับกันนางรู้สึกโกรธมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนโชว์หน้าอกต่อหน้านาง นางพูดว่า “เจ้ายังไม่รีบเข้าไปช่วยนางอีกรึ?”


“ปล่อยไว้นี่แหละ นางจะได้ไม่รบกวนพวกเราอีก!” หลิงฮันหัวเราะ


ในขณะนั้นมีกิ่งก้านของต้นไม้อีกต้นพุ่งออกมาและเล็งไปที่หัวใจของเซียนหยู่ช่าย ครั้งนี้มันจะไม่หยุดยั้งการเคลื่อนไหวของนาง แต่จะแทงทะลุหัวใจและดูดซับพลังชีวิต


“หึ่ม!” หลิงฮันกระดิกนิ้ว ฉึก ฉึก กิ่งก้านพวกนั้นกระเด็นไปด้านหลังทันที


แต่ทว่ากิ่งก้านยังคงพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องและเล็งไปที่เซียนหยู่ช่าย


“เจ้ายังไม่ยอมแพ้?” หลิงฮันโจมตีใส่กิ่งก้านพวกนั้นด้วยทักษะผนึกพลิกปฐพี ตู้ม กิ่งก้านพวกนั้นถูกทำลายทันที และหากมองดูให้ดีจะเห็นของเหลวสีเขียวพุ่งออกมาเหมือนกับโลหิต


“อ๊าก!” เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น และมีต้นไม้ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน รากที่ใหญ่โตของมันกลายเป็นเท้าสองข้าง และเซียนหยู่ช่ายถูกแขวนอยู่บนลำต้นของมัน


ต้นไม้อสูรโลหิต!


“ช่วยด้วย! ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”  เซียนหยู่ช่ายรู้สึกหวาดกลัวมาก นางตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากหลิงฮันด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน


หลิงฮันไม่รีบที่จะเข้าไปช่วยเหลือนาง และปล่อยให้นางได้รับบทเรียนสักเล็กน้อยเผื่อพฤติกรรมจะดีขึ้น เขามองไปที่ต้นไม้อสูรโลหิตและพูดพร้อมกับหัวเราะว่า “การต่อสู้ไม่ใช่การส่งเสียงคำราม”


ตู้ม!


ต้นไม้อสูรโลหิตม้วนกิ่งก้านของมันเป็นแขนและโจมตีใส่หลิงฮัน การโจมตีของมันเข้าถึงตัวหลิงฮันก่อนที่เสียงจะตามมาซะอีก นี่แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วของการโจมตีครั้งนี้ของมัน


“พลังต่อสู้ของมันน่าจะอยู่ที่ระดับสวรรค์เจ็ดดาว” หลิงฮันตัดสินอยู่ในใจ


เขายังคงโจมตีออกไปด้วยทักษะผนึกพลิกปฐพีขณะพุ่งเข้าใส่ต้นไม้อสูรโลหิต


ตู้ม!


แรงระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ต้นไม้อสูรโลหิตถูกบดขยี้


ฮูหนิวกระโจนออกไปและรีบขุดหาผลึกที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นที่อยู่ในลำต้นของมันอย่างรวดเร็ว นางพูดอย่างร่าเริงว่า “หลิงฮัน หลิงฮัน หนิวเจอแก่นของมันแล้ว!”


เซียนหยู่ช่ายปัดก้นขณะลุกขึ้นยืนและรู้สึกผิดหวังมาก แม้นางจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขาทั้งสามคนปฏิบัติกับนางอย่างกับอากาศ ทำให้นางรู้สึกเสียใจมากที่ถูกเมิน


หลิงฮันเก็บแก่นของมัน และไม่รีบที่จะสะกัดพลังของมัน เวลาของเขาในตอนนี้มีจำกัด เขาจะต้องรีบไปเอาเขี้ยวมังกรที่แท้จริงก่อน


พวกเขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การค้นหาต้นไม้อสูรโลหิต พวกเขาเพียงแค่เดินตรงไปตามทางเท่านั้น และถ้าถูกพวกมันโจมตี พวกเขาก็จะแค่ตอบโต้และเก็บเกี่ยวแก่นแท้ของพวกมัน


ที่นี่มีต้นไม้อสูรโลหิตอยู่มาก และตลอดทางพวกเขาเก็บเกี่ยวพวกมันได้เกือบสามสิบต้นแล้ว แต่นี่ยังไม่รวมอาวุธ เสื้อผ้า สิ่งของต่างๆที่ถูกทิ้งไว้ตามทางของผู้คนที่ถูกต้นไม้อสูรโลหิตดูดกลืนพลัง


วันต่อมา พวกเขาได้ยินเสียงคำรามขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และเห็นต้นไม้อสูรโลหิตขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ กิ่งก้านของมันกลายเป็นแขนและเห็นมันกำลังโจมตีใส่พื้นไม่หยุด


“ต้นไม้อสูรโลหิตยักษ์นี่พลังของมันเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติเลยรึ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกแปลกใจที่จะพูดออกมา แม้แต่นางก็คงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมันได้


หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “มันแข็งแกร่งมาก พลังต่อสู้ของมันจะต้องอยู่ในระดับทลายมิติอย่างแน่นอน” แม้แต่หลิงฮันก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ และเขาคงไม่สามารถทำอะไรได้หากไม่ใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี


แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัว ถ้าพวกเขาไม่สามารถกำจัดมันได้ พวกเขาก็สามารถล่าถอยได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นหลิงฮันยังมีรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งปฐพีคอยรั้งมันไว้


พวกเขาเข้าใกล้มันขึ้นเรื่อยๆและเห็นว่าต้นไม้อสูรโลหิตกำลังต่อสู้กับผู้คนมากกว่ายี่สิบคน


“ตระกูลเซียนหยู่!” หลิงฮันกล่าว เขาจำได้หลายคนและเห็นหมางซินอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นด้วย


แม้ว่าพวกเขาจะมีมากกว่ายี่สิบคน แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการต้นไม้อสูรโลหิตยักษ์นี่ ผู้คนส่วนใหญ่ทำได้แค่สะกิดมันเท่านั้น มีเพียงแค่หมางซินเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับมันได้ เมื่อถูกมันโจมตี เขาจะใช้กระดองเต่ารับการโจมตี ทำให้เขาได้รับความเสียหายไม่มากนัก


การป้องกันของเขาค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว


แต่เต่าไม่ใช่


หมางซินรับผิดชอบในการรั้งมันไว้ ในขณะที่คนอื่นรับผิดชอบในการโจมตี แต่การป้องกันของต้นไม้อสูรโลหิตยักษ์ก็ไม่ได้อ่อนแอ กระบี่และดาบฟันมันเข้าได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น และเป็นเรื่องยากที่จะโจมตีมันเข้า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีพลังฟื้นฟูที่น่าทึ่ง บาดแผลที่มันถูกฟันถูกปิดในไม่ช้า


“ช่วยพวกเขา!” เซียนหยู่ช่ายกระโจนออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ และเข้าร่วมการต่อสู้


แม้ว่านางจะค่อนข้างหยิ่งยโส แต่นางก็เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาที่มีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกับระดับสวรรค์


“คุณหนูช่าย!” หมางซินและคนอื่นตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ


หลิงฮันไม่เข้าไปแทรกแซงและพูดว่า “คนพวกนั้นน่าจะมีสมบัติที่รักษาชีวิตของตัวเองอยู่กับตัว และพวกเราจะไม่หยุดอยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นในที่สุดข้าก็สลัดนางหลุดสักที”


หลิงฮันหัวเราะและรีบมุ่งหน้าไปต่อ


เป้าหมายของพวกเขาคือต้นไม้ยักษ์ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของชั้นที่สองก็ตาม และถ้าพวกเขาต้องการไปชั้นที่สาม พวกเขาต้องมาที่ต้นไม้ยักษ์และปีนขึ้นไป


พื้นที่ของที่นี่ค่อนข้างสับสน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะยังไงที่นี่ก็คือด้านในของจอมยุทธเผ่ามังกร เขาเคยเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก แม้แต่ตัวตนต่ำสุดของพระเจ้าก็ไม่มีทางพ่ายแพ้


ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปที่ต้นไม้ยักษ์ พวกเขากำจัดต้นไม้อสูรโลหิตไปหลายต้นเลยทำให้ความเร็วของพวกเขาช้าลงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็มาถึงด้านล่างต้นไม้ยักษ์หลังจากใช้เวลาครึ่งวัน


“นี่มันเป็นต้นไม้จริงๆรึ?” เมื่อมองอย่างใกล้ชิดจะพบว่าต้นไม้ยักษ์นี่มีขนาดใหญ่จริงและดูเหมือนจะเป็นภูเขากระดูกเสียมากกว่า

 

 

 


ตอนที่ 801

 

“จากการสำรวจในหลายร้อยปีที่ผ่านมา ต้นไม้ยักษ์นี้คงจะเป็นกระดูกสันหลังของเผ่ามังกร” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว


กระดูกสันหลังคือส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับเผ่ามนุษย์และสัตว์อสูร มันสำคัญยิ่งกว่าหัวกระโหลกเสียอีก ถ้าต้นไม้ต้นนี้เป็นกระดูกสันหลังของเผ่ามังกรจริงๆก็ไม่น่าแปลกใจที่มันจะมีความสูงเสียดฟ้าขนาดนี้


“มันไม่หลงเหลืออำนาจของมังกรแล้ว” หลิงฮันใช้มือสัมผัสกับต้นไม้ยักษ์ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าต้นไม้ต้นนี้อยู่มากี่ร้อยกี่พันปีแล้ว แต่มันก็ไม่มีกลิ่นอายของจอมยุทธที่ทรงพลังเหลืออีกต่อไป


ไม่เช่นนั้นถ้าหากส่วนสำคัญอย่างกระดูกสันหลังมีอำนาจหลงเหลืออยู่จริงๆ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าก็ต้องเข่าอ่อน


“อย่าประมาท ถึงแม้มันจะไม่มีอำนาจของมังกรเหลือแล้ว แต่การที่มันสามารถมีชีวิตมาจนถึงขั้นนี้ได้ แรงกดดันที่มันสามารถปลดปล่อยออกมาได้จะต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวเตือน


ดูเหมือนว่าคำพูดของนางจะศักดิ์สิทธิ์ ‘ตุบ’ ทันทีที่นางพูดจบก็มีร่างของคนผู้หนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า ร่างนั้นคือเผ่าใต้สมุทร แม้จะไม่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง แต่เขาก็เป็นอัจฉริยะของตระกูลหลิวจางที่มีชื่อเสียงด้านพลังป้องกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องมาเสียชีวิตที่นี่


“อ้ากก!” ใครบางคนตกลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้คนผู้นี้ไม่ตายแต่กระดูกของเขาก็แตกหักไปกว่าครึ่งร่าง โลหิตของเขาไหลทะลักออกมาจนร่างถูกย้อมเป็นสีแดง


เขาพยายมลุกขึ้นยืนโดยใช้ปราณก่อเกิดฝืนขยับกระดูกที่แตกหักและนำเม็ดยาออกมากิน จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูบาดแผล


ต้นไม้ขนาดมหึมาต้นๆนี้ในทุกๆชั่วขณะจะมีผู้คนร่วงลงมา


“เจ้าต้องการเข้าไปในหอคอยทมิฬรึไม่?” หลิงฮันถามเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


“ฮึ เจ้าดูถูกข้า?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวอย่างไม่พอใจ นางคือสุดยอดอัจฉริยะของมหาสมุทรทางเหนือ แถมพลังบ่มเพาะของนางในตอนนี้ก็เหนือกว่าหลิงฮันด้วย


หลิงฮันยกมือปฏิเสธและยิ้ม “ข้าจะไปคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าแค่ต้องการให้เจ้าพักผ่อนเท่านั้น”


“ไม่จำเป็น!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเริ่มปีนต้นไม้ทันที แถมความเร็วในการปีนของนางยังรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางปีนไปได้หนึ่งร้อยฟุต ความเร็วของนางก็เริ่มลดลง


“ฮูหนิว พวกเราก็ปีนกันเถอะ”


“อืม!” ฮูหนิวพยักหน้าและเริ่มปีนกับหลิงฮัน


เมื่อผ่านพ้นช่วงหนึ่งร้อยฟุตไป ต้นไม้ยักษ์ก็เริ่มปลดปล่อยแรงกดดันออกมา เนื่องจากทุกคนไม่สามารถลอยตัวที่นี่ได้การปีนจึงเป็นหนทางเดียว พวกเขาต้องจับต้นไม้เอาไว้ให้แน่นและต่อสู้กับแรงกดดันตลอดเวลา


หลิงฮันและฮูหนิวไม่แยแสแสต่อแรงกดดันที่กดดันเข้าใส่ ร่างของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและปีนขึ้นต้นไม้ด้วยความเร็วสูงราวกับฟ้าผ่า


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองก็ไม่เชื่องช้าไปกว่ากัน ไม่ใช่แค่นางได้เรียนรู้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา แต่นางยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉือชิ่วเหรินอีกด้วย


หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ปีนผ่านผู้คนมากมาย แต่ความเร็วพวกหลิงฮันสามคนเริ่มค่อยๆช้าลง ตอนนี้พวกเขาปีนขึ้นมาได้สองในสามส่วนของต้นไม้ยักษ์แล้ว แรงกดดันจากเผ่ามังกรที่พวกเขาได้รับนั้นเริ่มรุนแรงขึ้นจนทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่างก็เหงื่อออก


มีแค่ฮูหนิวเท่านั้นที่เหมือนไม่รู้สึกอะไร นางปีนขึ้นสูงขึ้นๆและเร่งหลิงฮันให้ปีนไวๆ


ความเร็วของหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยังคงลดลงเรื่อยๆ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็ปีนมาถึงยอดของต้นไม้ยักษ์และเข้าไปยังชั้นสามของถ้ำมังกรผี


สภาพแวดล้อมที่นี่แตกต่างออกไป พื้นที่โดยรอบในชั้นนี้ถูกล้อมรอบโดยภูเขาและก้อนหิน เพียงแต่ก้อนหินแต่ละก้อนนั้นเป็นสีแดงโลหิต ทำไมชั้นสามแห่งนี้ดูเหมือนกับทะเลหินเพลิง


สีแดงคือสีเดียวที่มองเห็นในชั้นนี้


“หญ้ามังกรโลหิตนั้นสามารถเกิดขึ้นที่บริเวณรอยแยกของหินได้เช่นกัน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว ถึงแม้พวกเขาจะเก็บเกี่ยวได้มากกว่าหนึ่งร้อยต้นแล้ว และมีแก่นต้นไม้โลหิตมากมาย พวกเขาก็ยังต้องการสมบัติเพิ่มขึ้นอีก


หลิงฮันพยักหน้าและทั้งสามคนก็ออกเดินทางต่อ แต่ครั้งนี้พวกเขาให้ความสนใจไปยังเขี้ยวมังกรที่แท้จริงเป็นหลัก เขี้ยวมังกรที่แท้จริงคือสมบัติที่ล้ำค่าทีท่สุดในถ้ำแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการเสียเวลาโดยสูญเปล่า ไม่เช่นนั้นหากถ้ำมังกรผีถึงเวลาปิดตัวลง พวกเขาจะต้องรออีกเป็นเวลาถึงห้าร้อยปี


ในขณะเดินทางพวกเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะหลิงฮันใช้งานเนตรแห่งสัจธรรม เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆได้อย่างชัดเจนทำให้การเก็บเกี่ยวของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่น


แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องเร่งความเร็วในการเดินทาง ทุกๆครั้งที่ถ้ำมังกรผีเปิดออกจะมีเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถ้ำมาห้าวันแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเวลาเพียงประมาณสิบวันเท่านั้น


“ด้านหน้ามีเจ้าตัวใหญ่อยู่!” หลิงฮันจ้องมองด้วยสายตาที่หรี่ลง เขาใช้เนตรแห่งสัจธรรมมานานหลายวันแล้วตั้งแต่เข้าถ้ำมา ทำให้ตอนนี้ตาของเขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย


“หรือนั่นจะเป็นมารวานร?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของหลิงฮันนางก็เริ่มอธิบาย “ชั้นสามแห่งนี้จะถูกปกครองโดยสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างเหมือนลิง จากการตรวจสอบดูเหมือนว่ามันจะเป็นปรสิตจำพวกเห็บที่อยู่ตามร่างของเผ่ามังกร และพัฒนาตนเองโดยการดูดเลือดของมังกร”


หลิงฮันตกตะลึงและกล่าว “มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังถึงขนาดดูดเลือดของมังกรได้ด้วย?”


“แน่นอน ในช่วงหลายร้อยปีมานี้โลหิตของเผ่ามังกรเริ่มเสื่อมโทรม การที่ปรสิตเช่นนั้นจะดูดกลืนได้ก็เป็นเรื่องปกติ” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว


“เห็บที่สามารถดูดซับโลหิตของมังกรจนร่างของมันขยายใหญ่ถึงขนาดสิบฟุตนั้นช่างแปลกประหลาดจริงๆ” หลิงฮันยิ้ม “แต่เจ้าเห็บยักษ์นั่นกำลังนั่งอยู่นิ่งๆโดยไม่เคลื่อนที่เลย ราวกับว่ามันกำลังคุ้มครองสมบัติบางอย่างอยู่ บางที่นั่นอาจจะเป็นหญ้าโลหิตมังกรอีกต้นก็ได้”


“ไปดูกันเถอะ”


พวกเขาเดินหน้าตรงไป ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มองเห็นอสูรร่างแดงขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า แม้มันจะเหมือนลิงแต่แขนของมันกลับมีหกข้างและมีรูปร่างเหมือนเห็บอยู่บ้าง ด้านล่างของสัตว์อสูรตนนี้มีหินสีแดนขนาดใหญ่วางอยู่ สีของมันนั้นเข้มข้นกว่าก้อนอื่นๆมาก


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น “นั่นมันศิลาโลหิตมังกร?”

 

 

 


ตอนที่ 802

 

ศิลาโลหิตมังกรเกิดขึ้นจากโลหิตมังกร ศิลาโลหิตมังกรที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นนั้นสามารถเทียบได้กับหญ้าโลหิตมังกรสามใบ นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก


ดังนั้นทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ


อย่างไรก็ตาม เห็บยักษ์ที่เฝ้าอยู่เป็นระดับทลายมิติ แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากมันนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ทำให้ผิวของหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปริแตกเมื่อเข้าใกล้มัน


การที่มันสามารถทำให้กายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้าได้ได้รับความเสียหายได้ แสดงให้เห็นว่าเจ้าเห็บยักษ์นี่แข็งแกร่งแค่ไหน


บางทีมันอาจมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบดาว สิบสองดาว หรือแม้กระทั่งสิบสามดาว


หลิงฮันมีความรู้สึกว่าเจ้าเห็บยักษ์ตัวนี้อาจมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันซากศพสิบห้าตา หรือแม้แต่แมงมุมยักษ์สีเงินในพื้นที่เหมืองโบราณของแคว้นอัคคี แม้เขาจะใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีต่อกรกับมัน แต่มันก็ไร้ประโยชน์และคงอยู่ได้ไม่กี่วินาทีเท่านั้น


แล้วเขาจะจัดการมันได้อย่างไร?


ทั้งที่มีสมบัติอยู่วางตรงหน้า แต่เขาทำได้แค่จ้องมองอย่างนั้นหรือ?


“จัดการมันเลย!” ฮูหนิวดึงแขนของหลิงฮันและเดินไปข้างหน้า นางเป็นเหมือนกับลูกวัวแรกเกิดที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความหวาดกลัว


หลิงฮันหยุดฮูหนิวและพูดว่า “ไม่ มันแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่สามารถจัดการมันได้ หากผลีผลามเข้าไปจะมีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่”


“แต่หนิวไม่กลัวนิ!” ฮูหนิวกล่าว


เด็กสาวตัวน้อยคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว และไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดัน แม้กระทั่งพิษ ไฟ น้ำแข็ง ทุกอย่างล้วนไม่มีผลต่อนาง แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ฮูหนิวไม่มีหอคอยทมิฬ แล้วจะเก็บศิลาโลหิตมังกรที่มีขนาดใหญ่แบบนั้นได้อย่างไร?


“ถ้างั้นหนิวจะไปเอามันมาให้เอง!” ฮูหนิวกล่าวอาสา


หลิงฮันส่ายหัว “ไม่ได้ อย่างน้อยมันก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันซากศพสิบห้าตา และอาจเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในถ้ำมังกรผีแห่งนี้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่ให้เจ้าเข้าไปเอาศิลาโลหิตมังกร”


“หลิงฮันอย่ามาดูถูกหนิวนะ!” ฮูหนิวไม่เชื่อฟังและเคลื่อนที่ไปมา “ความเร็วของหนิวนั้นรวดเร็วที่สุดแล้ว!”


เปรี๊ยง ฮูหนิวกลายเป็นสายฟ้า และในพริบตาก็ปรากฏตัวอยู่ในระยะไกล และอีกแวบหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ในที่ที่ไกลออกไปอีก


ทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ความเร็วนั้นมันเหนือกว่าพวกเขามาก และช่วยไม่ได้ที่มุมปากของพวกเขาจะกระตุก แม้จะเรียนรู้ทักษะอัสนีเก้าทิวาเหมือนกัน แต่ทำไมความเร็วของพวกเขากลับช้ากว่าฮูหนิวมาก?


“หนิวเป็นอัจฉริยะ!” ฮูหนิวหันหน้ากลับมาและพูดด้วยความภาคภูมิใจ


หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “เจ้ารวดเร็วกกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติมาก!”


“ถ้างั้นหนิวไปละนะ!” ฮูหนิวไม่หวาดกลัวและพุ่งเข้าหาราชันเห็บยักษ์


หลิงฮันขบคิดอีกครั้งและพูดว่า “เมื่อเจ้าอยู่ใกล้เจ้าตัวใหญ่จะเจอศิลาโลหิตมังกรอยู่ด้านหน้ามัน เจ้าจงล่อมันออกมา”


“อืม!” ฮูหนิวพยักหน้าและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและหยุดอยู่ตรงหน้าราชันเห็บยักษ์ แล้วพูดประกาศเสียงดังว่า “เจ้าตัวเหม็น แน่จริงก็จับหนิวให้ได้สิ!”


ราชันเห็บยักษ์หันไปเหลือบมองอย่างเฉยเมยก่อนที่จะหันหน้าหนี ราวกับว่ามันกำลังนอนหลับอยู่และขี้เกียจเกินไปที่จะให้ความสนใจมดปลวกตัวนี้


เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮูหนิวรู้สึกโกรธที่มันกล้าเมินหนิวผู้ที่น่ารักคนนี้ นางเลยยกหินสีแดงก้อนใหญ่ขึ้นมา ทำให้ร่างของนางถูกบังมิด และโยนเข้าหามัน เปรี๊ยง หินสีแดงก้อนใหญ่เป็นเหมือนกับเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่และยิงใส่ราชันเห็บยักษ์


ตู้ม!


โดยที่หินยังไม่ถึงตัวมัน แต่แรงกดดันของราชันเห็บยักษ์ก็ทำให้ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ


ในที่สุดดวงตาของมันก็เผยให้เห็นความหงุดหงิด ช่วยไม่ได้ที่มันจะยกตัวขึ้นมาและดูผลงาน แต่ในไม่ช้ามันก็รู้สึกผิดหวังที่เห็นว่าแรงกดดันของมันไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้


แต่ว่ามันขี้เกียจอย่างแท้จริงและหลับไปอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นแค่มดที่มันขี้เกียจเกินไปที่จะให้ความสนใจ


อีกครั้ง ฮูหนิวยกก้อนหินขึ้นมาและโยนใส่มันอีกครั้ง แต่อย่าได้ดูถูกแรงกดดันของราชันเห็บยักษ์ที่ทำให้ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆได้เชียว ทว่าการโจมตีครั้งนี้แฝงด้วยพลังของอัสนีเก้าทิวา แม้แต่ราชันเห็บยักษ์ยังรู้สึกคันเล็กน้อย


แม้จะห่างไกลที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก


ในที่สุดหลังจากที่มันถูกฮูหนิวโจมตีหลายสิบครั้ง ราชันเห็บยักษ์ก็รู้สึกโกรธ


มันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาและคลื่นเสียงก็แผ่กระจายไปเป็นวงกว้างในทุกทิศทุกทาง ตู้ม ก้อนหินรอบตัวมันแตกเป็นเสี่ยงๆทันที


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่มีทางทำร้ายหนิวได้หรอก เจ้าแมลงตัวใหญ่!” ฮูหนิวทำหน้าล้อเลียนและรีบเผ่นหนีทันที


ในที่สุดราชันเห็บยักษ์ก็ลุกขึ้นยืนและไล่ตามฮูหนิวไป


หลิงฮันรีบใช้โอกาสนี้เข้าไปเก็บศิลาโลหิตมังกรทันที ซึ่งเขาไม่รู้ว่าราชันเห็บยักษ์อยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ กลิ่นอายของมันทำให้อากาศที่นี่เป็นเหมือนกับมีด และฉีกผิวหนังของเขา


“หลิงฮัน!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบเข้าไปหาหลิงฮันและพยายามดึงตัวเขาออกไป


หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬก่อน ข้าจะไปคนเดียว”


“แต่ว่า-” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกไม่สบายใจ


“ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องให้นมลูกแล้ว” หลิงฮันคว้าตัวเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและส่งนางเข้าไปในหอคอยทมิฬ


หลิงฮันเรียกใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สามารถต่อกรกับราชันเห็บยักษ์ได้ แต่มันไม่น่าใช่ปัญหาที่มันจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่หลงเหลืออยู่ของราชันเห็บยักษ์


มังกรเหมันตร์ปรากฏตัวออกมาอยู่ เขาให้มันเดินนำหน้าเพื่อต้านทานแรงกดดัน แต่แล้วเขาก็พบว่ามันไม่สามารถบั่นทอดแรงกดดันได้


บัดซบ!


หลิงฮันหยุดพึ่งพามันและเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง แคร๊ก ผิวหน้าของเขาปริแตกและมีโลหิตพุ่งออกมาภายใต้แรงกดดัน เขาจึงรีบโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ทันที


หลิงฮันยังคงเดินไปข้างหน้า แต่แรงกดดันเบื้องหน้ามันรุนแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หลังจากที่เดินไปได้สักพัก กระดูกของเขาเริ่มส่งเสียงแตกหัก ราวกับว่าพวกมันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


นี่ถือเป็นการทดสอบที่ดี!


หลิงฮันพูดอยู่ในใจ เขาเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส – ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ เขาอาจจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบมากยิ่งขึ้น


แก่นแท้แห่งดาบเทียบได้กับระดับทลายมิติ และตราบใดที่เขาสามารถสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้การต่อกรกับแรงกดดันของระดับทลายมิติก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที


เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว และกระอักโลหิตออกมาทุกก้าว แต่ดวงตาของเขายังคงเปล่งประกาย ราวกับว่าจะมีบางอย่างภายในร่างกายของเขากำลังตื่นขึ้นมา

 

 

 


ตอนที่ 803

 

หลิงฮันเคยปะทะกับเซียนหยู่สื่อเหยียนมาก่อน


ซึ่งเจตจำนงของอีกฝ่ายได้ส่งผลกระทบทำให้เขาสัมผัสถึงแก่นแท้แห่งดาบได้อย่างเรือนราง แต่การที่เท้าของเขาจะข้ามไปให้ถึงแก่นแท้แห่งดาบได้นั้นบงาทีอาจจะเป็นอีกไม่กี่วัน ไม่กี่ปี บางทีอาจจะเป็นร้อยปีหรือไม่อาจจะสามารถก้าวไปถึงได้ในช่วงชีวิตนี้เลย


กลิ่นอายของราชันเห็บน่าสะพรึงกลัวมาก มันอาจเทียบได้กับกลิ่นอายของราชันซากศพสิบห้าตา ถ้าปะทะกันซึ่งๆหน้าหลิงฮันคงจะถูกมันสังหารนับร้อยครั้ง แต่นี่เป็นเพียงกลิ่นอายที่หลงเหลือไว้ของระดับทลายมิติเท่านั้น


‘ต้องก้าวผ่านขีดจำกัดและบรรลุแก่นแท้แห่งดาบ!’ หลิงฮันกล่าวในใจ


‘อั่ก’ ปากของเขาสำลักโลหิตออกมา ภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับทลายมิติเขาจะมีสภาพปกติได้อย่างไร?


แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่อาจต้านทานกลิ่นอายของตัวตนระดับทลายมิติได้เป็นเวลานาน


‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กระดูกในร่างของหลิงฮันแตกหักและร่างกายเริ่มบิดเบี้ยวเป็นรูปทรงที่แปลกประหลาด


เขากำลังจะตาย!


หลิงฮันสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย เขารีบใช้งานหยดวารีอมตะทันที ภายในพริบตาร่างของเขาก็คืนสภาพกลับมาเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ากลิ่นอายของตัวตนระดับทลายมิติรอบด้านก็ยังไม่หายไป


ผ่านไปไม่นานอำนาจของหยดวารีอมตะก็สิ้นสุดลง ร่างของเขาจึงเริ่มแหลกสลายอีกครั้ง


นี่เขายังไม่สามารถรู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งดาบได้อีก?


หลิงฮันเริ่มทำใจให้สงบ เมื่อครู่เขารีบร้อนเกินไป! วิถีแห่งวรยุทธไม่มีสิ่งใดสามารถเร่งเร้าได้ โดยเฉพาะภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับทลายมิติเช่นนี้


หลิงฮันสงบจิตและเลิกคิดถึงแก่นแท้แห่งดาบ เขามุ่งมั่นไปยังการต่อต้านแรงกดดันของตัวตนระดับทลายมิติเท่านั้น


‘แกรก แกรก’ บาดแผลมากมายบนร่างของเขาปริแตกจนโลหิตไหลทะลัก


‘ตุบ ตุบ ตุบ’ หลิงฮันเดินหน้าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง


โลหิตและเหงื่อของเขาไหลไม่หยุด แต่แววตาและจิตใจของเขายังคงร้อนแรงและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถก้าวสู่แก่นแท้แห่งดาบได้รึไม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการต่อต้านแรงกดดันของกลิ่นอายระดับทลายมิติ


หลิงฮันเดินไปด้านหน้า เขาเริ่มเข้าใกล้ศิลาโลหิตมังกรขึ้นเรื่อยๆ


‘แปะ’ ในที่สุดเขาก็เดินเข้าใกล้จนสัมผัสศิลาได้แล้ว


ความรู้สึกยินดีเกิดขึ้นในจิตใจของเขา แต่ในตอนนั้นเอง หลิงฮันก็รู้สึกราวกับว่าตัวเขาได้ปลดโซ่บ่วงที่รัดขีดจำกัดของเขาเอาไว้ ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้และเจตจำนพแห่งดาบนับไม่ถ้วนทะลักผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา


แก่นแท้แห่งดาบ!


เขาชะงักไปชั่วขณะก่อนจะกลับมามีสติอีกครั้ง


ในก้าวสุดท้ายของการต่อต้านแรงกดดัน เขาสามารถบรรลุถึงแก่งแท้แห่งดาบได้


เมื่อรู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งดาบแล้ว การเคลื่อนไหวในแรงกดดันของเขาก็ไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป จิตใจและวิญญาณของเขานั้นรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ราวกับปลาที่หลุดออกจากแห เขายื่นมือออกไปคว้าศิลาโลหิตมังกรและเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ


ได้มาแล้ว!


เขาหันหลังและเริ่มเดินออกจากพื้นที่ที่มีแรงกดดัน


ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความยากลำบากในการเดินอีกต่อไป เมื่อมีแก่นแท้แห่งดาบเป็นสิ่งคุ้มกัน จิตวิญญาณของเขาก็มั่นคงยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นอายของตัวตนระดับทลายมิติก็ยังทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี เพราะอย่างไรหลิงฮันก็เพิ่งบรรลุเพียงแก่นแท้แห่งดาบขั้นต้น


ผ่านไปไม่นานเขาก็เดินออกมาจากพื้นที่แรงกดดัน กายาเพชรทำงานทันที ทั้งกระดูกและผิวหนังที่ปริแตกของเขาถูกฟื้นฟูในพริบตา เขานำชุดใหม่จากหอคอยทมิฬมาเปลี่ยนทำให้ดูราวกับว่าไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นกับเขาแม้แต่น้อย


“มอบศิลาโลหิตมังกรมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นชายหนุ่มห้าคนและสตรีเดินออกมาจากซอกหินสีแดงและมองมาที่เขาด้วยสายตากระหาย


ไม่น่าเชื่อว่าหลิงฮันจะไม่รู้สึกตัว!


หลิงฮันชะงักในใจ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการรู้แจ้งแก่งแท้แห่งดาบ ดังนั้นเขาจึงเมินเฉยต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบไปโดยสิ้นเชิงและไม่รู้สึกถึงตัวตนของคนห้าคน


ถ้าเกิดทั้งห้าคนนี้ดันเป็นฉือชิ่วเหรินล่ะก็ เขาจะไม่ถูกลอบโจมตีไปแล้วรึ?


เมื่อเห็นว่าหลิงฮันไม่สนใจ คนทั้งห้าคนก็กลายเป็นโกรธเกรี้ยว


ชายหนุ่มสวมชุดคลุมเดินออกมาและคำราม “เผ่ามนุษย์ ข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้านะ!”


หลิงฮันเลิกครุ่นคิดและกล่าว “ศิลาโลหิตมันกรคือผลเก็บเกี่ยวของข้า ทำไมข้าต้องมอบให้เจ้าด้วย? ถ้าพวกเจ้าต้องการก็ไปหาเอง ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ดี เจ้าอย่ามาทำลายบรรยากาศของข้าดีกว่า”


“ฮ่าๆๆๆ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นหัวเราะ “ช่างน่าขัน ข้าไม่นึกเลยว่าเผ่ามนุษย์จะกล้าพูดอะไรเช่นนี้ออกมา! เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?”


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แน่นอนว่าข้ารู้”


หลิงฮันชี้ไปที่พวกเขาแต่ละคน “เจ้าคือแมว เจ้าคือสุนัข เจ้าคือวัว เจ้าคือหมู ส่วนเขาคือแกะ”


รุ่นเยาว์ผู้นั้นทนไม่ไหวและคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าคือโม่หยวนหมิง อัจฉริยะของตระกูลโม่แห่งมหาสมุทรตะวันตก!”


“โอ้ เจ้าชื่อโม่หยวนหมิงนี่เอง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นสุนัขเสียอีก” หลิงฮันพยักหน้า


รุ่นเยาว์ชุดม่วงอีกคนเค้นเสียงเย็นชาและกล่าว “ไม่ต้องมัวเสียเวลาพูดแล้ว สังหารเขาและนำศิลาโลหิตมังกรมา”


“ขอรับพี่ใหญ่เชิ่งซิน!” รุ่นเยาว์อีกสี่คนกล่าวตอบอย่างเชื่อฟัง


ถึงแม้รุ่นเยาว์ทั้งห้าจะเป็นอัจริยะแห่งยุคของตระกูลโม่ แต่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมกับโม่เชิ่งซินได้ เพราะโม่เชิ่งซินคืออัจฉริยะในรอบพันปีหรือบางทีอาจจะหมื่นปีด้วยซ้ำของตระกูลโม่ สายเลือดของเขาบริสุทธเป็นอย่างมาก มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะบรรลุระดับทลายมิติก่อนช่วงอายุห้าสิบปี


โม่หยวนหมิงและอีกสามคนลงมือเขยิบมาโอบล้อมหลิงฮันรอบด้าน มีเพียงโม่เชิ่งซินเท่านั้นที่พาดมือยืนอย่างนิ่งเฉย


สำหรับเผ่าใต้สมุทรที่มีความยภาคภูมิใจในเกียรติสูง การจัดการเผ่ามนุษย์คนเดียวพร้อมกับสี่คนนั้นถือเป็นเรื่องที่นับว่าเกินไปแล้ว เพราะอย่างไรกลิ่นอายของหลิงฮันก็เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น ซึ่งรุ่นเยาว์สี่คนมีคนหนึ่งที่เป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นต่ำ


“นี่คือโอกาสสุดท้าย มอบศิลาโลหิตมังกรมาไม่เช่นนั้น…”


“ตาย!”

 

 

 


ตอนที่ 804

 

“ข้าเบื่อที่จะคุยไร้สาระกับเจ้าแล้ว!” หลิงฮันกำหมัดและต่อยออกไปด้วยมือขวาใส่ฝ่ายตรงข้ามทั้งสี่คน ทันใดนั้นแสงสีทองเปล่งประกายไปทุกที่ นี่คือทักษะผนึกพลิกปฐพี ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์!


เจ้าเห็บยักษ์อาจกลับมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจะต้องไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป


นั่นเป็นเพราะ แม้เขาจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบแล้ว ซึ่งสามารถเผชิญหน้ากับแรงกดดันระดับทลายมิติได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีอยู่ของราชันเห็บยักษ์ที่บางทีแม้กระทั่งราชินีหยินก็อาจรับมือกับมันไม่ได้


“เจ้ากล้า!” โม่หยวนหมิงและคนอื่นกลายเป็นเย็นชา เผ่ามนุษย์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากล้าที่จะโจมตีพวกเขา?


พวกเขาระดมอาวุธทั้งหมดและโจมตีใส่หลิงฮัน


ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะถอนหายใจออกมา ผู้ที่บรรลุแก่นแท้แห่งดาบสามารถกลายเป็นตัวตนที่ปกครองโลกได้ ดังนั้นผู้คนที่ถูกเรียกว่า ราชันดาบ ราชันกระบี่และราชันนักสู้ต่างเข้าใจแก่นแท้ของตัวเอง


เขาเหยียดมือซ้ายออกไปและกำมือ ทันใดนั้น อาวุธของพวกโม่หยวนมิ่งสองคนสั่นไหวไปมา ราวกับว่าพวกมันหลุดการควบคุมและบินเข้าไปหาหลิงฮัน


พวกของโม่หยวนหมิงทั้งหมดต่างตกตะลึง มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาก้าวถอยหลังและจับอาวุธของพวกเขาแน่นเกรงว่ามันจะหลุดจากมือ


หลิงฮันอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขาเพิ่งจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ มันเลยยังไม่แข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นอาวุธของพวกมันทั้งหมดคงจะลอยเข้ามาหาเขาหมดแล้ว


“นี่มันแก่นแท้แห่งดาบ!” โม่เชิ่งซินพูดเสียงแผ่วเบา แต่สีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความระมัดระวัง


“อะไรนะ แก่นแท้แห่งดาบอย่างนั้นรึ?”


“เป็นไปไม่ได้ เผ่ามนุษย์นี่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แล้วเขาจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบได้ยังไงกัน?”


“อำนาจพลังนั่นแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติยังไม่เข้าใจ แล้วเผ่ามนุษย์นี่จะเข้าใจยังไง!”


พวกของโม่หยวนหมิงสองคนไม่อาจทำใจเชื่อได้ ในความคิดของพวกเขา แก่นแท้แห่งวิถียุทธเป็นอำนาจพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ แม้กระทั่งจอมยุทธระดับทลายมิติบางคนยังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้


สีหน้าของโม่เชิ่งซินเต็มไปด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “พวกเจ้ายังจำฉือชิ่วเหรินและจางโม๋ได้หรือไม่?”


“แน่นอนข้าจำได้” พวกเขาโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนพยักหน้า พวกเขาเป็นแขกส่วนตัวของจักรพรรดิ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูก


“ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่ และอยู่ในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเผ่ามนุษย์คนนี้” โม่เชิ่งซินกล่าว


“ว..ว่าไงนะ!” พวกโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนรู้สึกตะตึลง


เผ่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยจริงๆหรือ? ทั้งสามคนยังไม่มีใครบรรลุระดับทลายมิติเลย แต่พวกเขากลับเข้าใจอำนาจพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติที่แม้แต่บางคนก็ยังทำความเข้าใจไม่ได้


โม่เชิ่งซินถอนหายใจอยู่ด้านใน เผ่าใต้สมุทรมีความสามารถในการฝึกฝนบ่มเพาะพลังเหนือกว่าเผ่ามนุษย์ ด้วยสายเลือดมังกร ทำให้มีกายหยาบที่แข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์ อาจกล่าวได้ว่าความเข้าใจในวิถียุทธประสบความสำเร็จมากกว่ามนุษย์อย่างเห็นได้ชัด


แต่ทว่าเขาทิ้งความรู้สึกพวกนั้นออกไปทันทีและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไง ฆ่าเผ่ามนุษย์คนนี้ซะและเอาศิลาโลหิตมังกรมาให้ได้!”


“ขอรับ!” พวกโม่หยวนหมิงตะโกนพร้อมเพรียงกันและหลิงฮันถูกล้อมรอบอีกครั้ง


หลิงฮันยกมือซ้ายขึ้นมา ตอนนี้เขาสนใจอำนาจพลังของแก่นแท้แห่งดาบมาก ทำให้เขาอยากจะฝึกฝนมันดูเพื่อเข้าใจอำนาจพลังแก่นแท้แห่งดาบให้ได้มากยิ่งขึ้น


“ถึงแม้เจ้าจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่ยังไงเจ้าก็ยังเป็นแค่เผ่ามนุษย์และจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา” โม่หยวนหมิงเริ่มเปิดฉากโจมตีใส่หลิงฮันเป็นครั้งที่สอง


หลิงฮันใช้อำนาจพลังแก่นแท้แห่งดาบอีกครั้ง ครั้งนี้มันทรงอำนาจกว่าครั้งก่อน ทำให้อาวุธของพวกโม่หยวนหมิงที่อยู่ในมือราวกับเป็นกบฎและไม่มีอำนาจที่จะต่อต้าน


พวกของโม่หยวนหมิงต่างก็รู้สึกตกตะลึง


ถ้าหลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติก็ว่าไปอย่าง แต่อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น ทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศที่ไม่อายต่อกรด้วยได้


“ย๊าก!” พวกเขาเริ่มบ้าคลั่ง ทั้งที่อีกฝ่ายปล่อยให้พวกเขาโจมตี แต่พวกเขากลับไม่สามารถสัมผัสอีกฝ่ายได้เลย นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายแค่ไหน?


แก่นแท้แห่งดาบทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ?


หลิงฮันเริ่มหมดความสนใจ คนพวกนี้อ่อนแอเกินไป เพื่อที่จะทำให้เขาพัฒนาแก่นแท้แห่งดาบได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นใช้คนพวกนี้เป็นหินลับคมคงจะไร้ประโยชน์ หากเผชิญหน้ากับฉือชิ่วเหรินและจักรพรรดิกระบี่น้อยผู้ที่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและกระบี่มาลับคมแก่นแท้แห่งดาบของข้ามันน่าจะพัฒนาได้ไวกว่า


หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยมือขวาด้วยทักษะผนึกพลิกปฐพีทำให้เกิดแสงสีทองสาดส่องไปทั่ว ตู้ม พวกของโม่หยวนหมิงปลิวออกไปเพราะการโจมตีของเขา


“แฮ่ก!” พวกของโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนต่างกระอักเลือดออกมา พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการโจมตีของหลิงฮํน


“ไร้ประโยชน์!” โม่เชิ่งซินกล่าวอย่างเย็นชาและแสดงสีหน้าเหยียดหยาม


แม้แต่เผ่ามนุษย์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็ยังไม่สามารถจัดการได้ ถ้าไม่เรียกว่าไร้ประโยชน์ แล้วจะเรียกว่าอะไรได้?


หลิงฮันเหลือบมองโม่เชิ่งซินและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะไม่ใช่คนไร้ประโยชน์เหมือนพวกเขาสินะ”


“แน่นอนข้าไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์!” โม่เชิ่งซินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง


“เช่นนั้นหรือ? แต่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินได้ด้วยคำพูด” หลิงฮันกระดิกนิ้ว “เข้ามา ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเองว่าแท้จริงแล้วเจ้าก็เป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนกัน”


“โอ้ว เจ้าคิดว่าจะสั่งสอนข้าได้อย่างนั้นรึ?” มือของโม่เชิ่งซินกำลังสั่นไปมา และกลายเป็นกรงเล็บมังกร “แม้เจ้าจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและสามารถปกครองโลกได้ แต่อาวุธของข้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงร่างกายของข้า เจ้าสามารถทำให้มันหลุดการควบคุมไปจากข้าได้ไหมล่ะ?”


หลิงฮันมองไปที่ฝ่ายตรงข้ามและพูดว่า “เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?”


“แน่นอน ข้าเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลโม่แห่งทะเลตะวันตก ตอนนี้ข้าอายุแค่ยี่สิบเจ็ดปีเท่านั้น และบรรลุระดับสวรรค์ขั้นเก้าแล้ว และอีกเพียงแค่ก้าวเดียวข้าก็จะบรรลุระดับทลายมิติ” โม่เชิ่งซินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ


หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็แค่พึ่งพาสายโลหิตของเจ้า และมันจะทำให้เจ้าถูกจัดการด้วยสายโลหิต เส้นทางของเจ้าจะถูกผูกมัดและไม่อาจบรรลุความสำเร็จของตัวเองได้”


“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” โม่เชิงซินกระโจนออกไปและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน แล้วโจมตีออกไปด้วยกรงเล็บมังกรมือขวา


ด้วยกรงเล็บมังกรที่แหลมคม แม้กายหยาบของหลิงฮันจะแข็งแกร่ง แต่เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน


หลิงฮันเอื้อมมือออกไปและจับกรงเล็บมังกร


“อวดดี!”


“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”


นี่เขาคิดว่ากรงเล็บมังกรคืออะไรกัน ถึงกล้ารับมันโดยตรง นี่เขาสะกดคำว่าตายไม่เป็นหรือยังไง!


ตู้ม!


หลิงฮันคว้ากรงเล็บมังกร และแขนข้างซ้ายเปล่งแสงสีทองเลือนลาง ซึ่งเป็นกายาเพชร


ดึงไม่ออก มันแน่นมาก!


เป็นไปได้ยังไงกัน!


ดวงตาของพวกโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนแทบจะหลุดออกจากเบ้า นี่เป็นไปได้ยังไงกัน? เผ่ามนุษย์สามารถรับกรงเล็บมังกรได้ด้วยมือเปล่า มันเป็นไปได้ยังไงกัน!

 

 

 


ตอนที่ 805

 

แม้แต่โมเชิ่งซินก็ต้องใบหน้ากระตุก เขารู้สึกว่ามือของอีกฝ่ายนั้นแข็งราวกับหินทองคำที่แม้แต่กรงเล็บมังกรก็ไม่สามารถทำอะไรได้


นี่เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์จริงๆรึเปล่า ทำไมเจ้าถึงได้มีร่างกายที่เหนือวกว่าเผ่าใต้สมุทรกัน?


แต่ถึงอย่างนั้นการต่อสู้ระยะปะชิดก็ไม่ได้ตัดสินด้วยพลังกายอย่างเดียว เจ้าต้องใช้เวลาเท่าใดในการออกกระบวนท่า?


โมเชิ่งซินเค้นเสียงเย็นชาและปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน


การโจมตีของเขารวดเร็วและแม่นยำมาก


ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ หลิงฮันจะสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้?


แต่ตราบใดที่เจ้าล่าถอยเว้นระห่างจากข้า กรงเล็บของข้าก็จะเป็นอิสระและจะสามารถตัดคอเจ้าได้ในทันที


รอยยิ้มเหี้ยมโหดปรากฏขึ้นที่มุมปากของโมเชิ่งซิน ด้วยการโจมตีนี้เผ่ามนุษย์ตรงหน้าจะต้องตายแน่นอน


‘หมับ!’


แต่ในทันทีเขาก็พบว่าหลิงฮันเอื้อมมือขวาออกมาคว้ากรงเล็บของเขาไว้ได้ทันอีกครั้ง


เป็นไปได้อย่างไร?


ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายลงมือโจมตีใส่หลิงฮันก่อนด้วยความเร็วสูง แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันกลับสามารถโต้ตอบได้ในช่วงเวลาเท่าๆกัน


หรือวมนุษย์ผู้นี้จะไม่ได้มีพลังกายที่ยอดเยี่ยมอย่างเดียว แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ก็ยังรวดเร็วอีกด้วย?


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “ตอนนี้ข้ายังพอมีความคิดที่จะเมตตาเจ้าอยู่ แต่ถ้าเจ้ายังคงแส่หาความตาย ข้าก็จะสนองให้”


“เหอะ ข้ายอมรับว่าข้าดูถูกเจ้าไปหน่อย แต่คิดจะสังหารข้านะรึ? ฝันไปเถอะ!” โมเชิ่งซินแสยะยิ้มและใช้เท้าโจมตีใส่หลิงฮัน


หลิงฮันเตะเท้าออกไป ‘ตูม ตูม ตูม’ เท้าของทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง


เผ่าใต้สมุทรมีข้อได้เปรียบด้านพลังกาย ซึ่งพลังกายของโมเชิ่งซินก็สามารถเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้า แต่ว่าหลิงฮันเองก็ไม่อ่อนแอ พลังกายของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายแม้จะมีพลังบ่มเพาะที่น้อยกว่าพลังกายของเขาก็สามารถต่อกรกับโมเชิ่งซินได้อย่างสูสี ด้วยพลังกายที่ทัดเทียมกันทำให้ขาของพวกเขาแต่ละคนเริ่มโค้งงอผิดรูป


เมื่อมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าแต่ละฝ่ายจะมีอาวุธวิญญาณ ม้วนคำสั่งพวกเขาก็ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เนื่องจากแขนของทั้งสองคนคว้าจับกันอยู่


โมเชิ่งซินที่เป็นทายาทของตระกูลโมมีรึที่จะไม่มีสมบัติที่ทรงพลังคอยคุ้มกาย? สมบัติบางชิ้นนั้นเขาคิดว่าสามารถสังหารหลิงฮันได้อย่างแน่นอน แต่ว่าเขาไม่สามารถนำมันออกมาใช้งานได้ เช่นนั้นแล้วไม่ให้เขารู้สึกสลดใจได้อย่างไร?


หลิงฮันยิ้ม “เจ้ารู้สึกสลด?”


“เหอะ ทำไมข้าต้องสลดด้วย? เจ้าคิดว่าสภาพเจ้าดีไปกว่าข้ารึไง?” โมเชิ่งซินกล่าว


“แน่นอนว่าต้องดีกว่าเจ้าอยู่แล้ว!” หลิงฮันโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ทันใดนั้นขาที่โค้งงอของเขาก็กลับสู่สภาพเดิมทันที


อะไรกัน!


โมเชิ่งซินตกตะลึง นี่เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์จริงๆรึเปล่า? เจ้าแน่ใจนะว่าแท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่สัตว์ประหลาด?


“ทีนี้ล่ะว่ายังไง?” หลิงฮันเตะออกไปอีกครั้ง


“อ้ากก!” โมเชิ่งซินกรีดร้อง ถึงแม้พลังของลูกเตะจะไม่ได้ทรงพลังไปกว่าเดิม แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากท่อนขาที่โค้งงอ


‘ปัก ปัก ปัก ปัก’ เมื่อโมเชิ่งซินเริ่มได้รับบาดเจ็บจากลูกเตะของหลิงฮัน เขาก็ไม่สามารถใช้มือของตนเองคว้าจับมือของหลิงฮันได้อีกต่อไป ‘ตูม’ ร่างของเขาถูกหลิงฮันเตะจนกระเด็น


ปากของเขากระอักโลหิตออกมา ใน๘ระที่ท้องด้านล่างปรากฏรอยเว้าลึกลงไปเพราะลูกเตะ


โมเชิ่งซินพยายามลุกขึ้นยืน เขาทำใจให้สงบและนำม้วนคำสั่งออกมา


ม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติ!


“แม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องเจอกับสิ่งนี้ล่ะ!” โมเชิ่งซินแสยะยิ้ม “ต่อหน้าพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ เจ้าก็เป็นได้แค่มดปลวก! จงตายไปซะ!” เขาใช้งานม้วนคำสั่งทันที ภายในพริบตาแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดก็ถูกปลดปล่อยออกมา แม้แต่โม่หยวนหมิงและสามคนที่เหลือก็ยังได้รับผลกระทบจนต้องล้มลงนั่งคุกเข้า


หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและสะบัดมือโยนดาบสั้นหนึ่งร้อยแปดอันออกไป เมื่อรูปแบบอาคมถูกเปิดใช้งาน มังกรเหมันต์ก็ปรากฏตัวและส่งเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า


“ลุย!” หลิงฮันชี้นิ้วสั่งให้มังกรเหมันต์ลงมือโจมตีใส่โมเชิ่งซิน


‘ตูม’ ม้วนคำสั่งและมังกรเหมันต์เข้าปะทะกัน พลังต่อสู้ระดับทลายมิติทำให้ก้อนหินในพื้นที่โดยรอบแหลกสลายทันที


ถ้าที่นี่ไม่ใช่ถ้ำมังกรผี ดวงดาวนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าจะต้องพังทลายและร่วงหล่นลงมาแน่นอน


“อะไรกัน!” พวกโมเชิ่งซินห้าคนแสดงท่าทีไม่อยากจะเชื่อออกมา ม้วนคำสั่งนี้คือไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา ในถ้ำมังกรผีที่จอมยุทธระดับทลายมิติไม่สามารถเข้ามาได้ ม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติไม่ใช่ว่าเพียงพอในการสยบทุกคนงั้นรึ?


แต่ตอนนี้ล่ะ? ม้วนคำสั่งกำลังถูกกำราบ


หลิงฮันรู้ดีว่าขีดจำกัดของพลังโจมตีที่สามารถสร้างเป็นม้วนคำสั่งได้นั้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ห้าดาว


สำหรับระดับทลายมิติแล้ว พลังต่อสู้ที่ห่างกันหนึ่งดาวก็เหมือนกับความต่างกันของสวรรค์และปฐพี ไม่ต้องพูดถึงมังกรเหมันต์ที่มีพลังต่อสู้มากกว่าม้วนคำสั่งถึงสองดาวเลย เมื่อการโจมตีสิ้นสุดม้วนคำสั่งก็ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ


“ไม่!!” โมเชิ่งซินกรีดร้อง เขาไม่อาจหนีพ้นจากการถูกมังกรเหมันต์สังหารแน่นอน


หลิงฮันกำลังจะลงมือสังหารโมเชิ่งซินและรุ่นเยาว์อีกสี่คน แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง เขามองเห็นราชันเห็บกำลังบินมาจากตำแหน่งที่ห่างไกล


เมื่อเจ้าตัวใหญ่นั่นรู้สึกได้ว่าศิลาโลหิตมังกรหายไป มันจึงเป็นกังวลและรีบกลับมา!


หลิงฮันเลิกสนใจโมเชิ่งซินและรุ่นเยาว์อีกสี่คน เพราะอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ร่างของเขายืดตรงและพุ่งตัวหายไปทันที

 

 

 


ตอนที่ 806

 

หลิงฮันรีบวิ่งไปสถานที่นัดพบและเห็นเด็กสาวตัวน้อยมาถึงก่อนนานแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนหินด้วยท่าทางเบื่อหน่ายและบุ้ยปากไม่พอใจ


เมื่อเห็นหลิงฮันกำลังมุ่งหน้ามาหา นางรีบพูดบ่นว่า “หลิงฮันช้าเกินไปแล้ว ปล่อยให้หนิวรอตั้งนาน!”


“ขอโทษขอโทษ!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้หนิวช่วยข้าได้มากเลย”


สีหน้าของฮูหนิวกลายเป็นมีความสุขและปรบมือพูดอย่างร่าเริง “หนิวเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว!”


“แน่นอน!” หลิงฮันลูบหัวฮูหนิว เด็กสาวตัวน้อยคนนี้พิเศษเกินไป


“ไปดูของที่พวกเราเก็บเกี่ยวมาได้กันเถอะ!” หลิงฮันและฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬและเรียกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมา ซึ่งนางกำลังอุ้มหลิงเจี้ยนเสวี่ยนอยู่ และมารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าศิลาโลหิตมังกรขนาดใหญ่


“แอ๊ แอ๊!” หลิงเจี้ยนเสวี่ยนส่งเสียงร้องและพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


“หืม?” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ “หรือว่าเจ้าตัวน้อยของพวกเราจะรู้สึกได้ถึงพลังของศิลาโลหิตมังกร?” เขาหยุดพูดและพูดต่อว่า “สวินเสวี่ยนปล่อยเขาลง” แน่นอนถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาสามารถควบคุมได้หมดเพราะอยู่ภายในหอคอยทมิฬ


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนวางลูกของนางลงบนพื้น และเจ้าตัวน้อยก็ใช้มือและเท้ารีบคลานไปที่ศิลาโลหิตมังกร


แม้ว่าลูกของพวกเขาจะมีอายุไม่ถึงหนึ่งปี แต่ก็สามารถคลานได้อย่างรวดเร็ว และไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าศิลาโลหิตมังกร แล้วใช้มือทั้งสองข้างปีนขึ้นไป หลังจากที่อยู่ด้านบนสุดแล้ว เจ้าตัวน้อยก็หลับสบายเหมือนกับราชันเห็บยักษ์ก่อนหน้านี้


หลิงฮันสังเกตเห็นได้ทันทีว่ามีลวดลายมังกรส่องแสงกระพริบอยู่บนร่างของลูกเขาและพลังของมันไหลเวียนเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง


ยิ่งดูซับโลหิตมังกรมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น


สำหรับลูกหลานของมังกร โลหิตมังกรถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากและหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง


หลิงฮันเดินเข้าไปดูและวางมือลงบนศิลาโลหิตมังกร ทันใดนั้น กายาเก้ามังกรทรราชของเขาถูกกระตุ้นทันที และดูดซับพลังของศิลาโลหิตมังกรเข้ามาในร่างกายของเขาไม่หยุด ทำให้กายหยาบของเขายกระดับขึ้นเล็กน้อย แต่พลังกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก


ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปเขาอาจจะทะลวงผ่านระดับสวรรค์ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีถ้าเขาแข็งแกร่งเร็วเกินไป เขาจำเป็นต้องควบคุมพลัง นั่นเป็นเพราะในชีวิตที่แล้วเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่มีพลังต่อสู้ไม่แข็งแกร่งนัก


อาจกล่าวได้ว่าการทะลวงผ่านระดับสวรรค์เหมือนเขาวกกลับมาจุดเริ่มต้นเดิม และเหนือกว่าตัวเองในชีวิตที่แล้ว ซึ่งเขาใช้เวลาแค่ห้าปีเท่านั้นที่จะมาถึงจุดนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับฝัน


หลังจากที่ไปถึงจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวา เขาจำเป็นต้องสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งก่อนที่จะทะลวงผ่าน ไม่เช่นนั้นมันอาจจะมีผลกระทบอย่างมาก


หลิงฮันดึงมือกลับมาและพูดว่า “หอคอยน้อย ลูกของข้ากำลังดูดซับพลังของศิลาโลหิตมังกรใช่หรือไม่?”


หอคอยน้อยตัวออกมาและพูดเสียงแผ่วเบาว่า “กายหยาบของเขาดีมาก ดีกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าน่าจะตายไปซะจะดีกว่า ลูกของเจ้าจะได้เป็นผู้สืบทอดหอคอยทมิฬและจะต้องเหนือกว่าเจ้าอย่างแน่นอน”


ปากเสีย!


ปากของหลิงฮันกระตุก เจ้าจะชมลูกข้าทั้งทีทำไมต้องดูหมิ่นข้าด้วย? คอยดูเถอะสักวันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าลงต่อหน้าข้า


แต่ไม่มีปัญหา ลูกของเขานอนหงายและกำลังดูดซับพลังของศิลาโลหิตมังกร และไม่มีใครรู้ว่าเมื่อรากฐานวิญญาณเขาตื่นขึ้นมาจะอยู่ในระดับใด…ระดับบุปผาผลิบาน? หรือว่าจะเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณ?


พวกหลิงฮันทั้งสามคนออกมาจากหอคอยทมิฬ แน่นอนว่าสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจะต้องเป็นเขี้ยวมังกร ในทางตรงกันข้าม แค่เขาได้ศิลาโลหิตมังกรมาก็คุ้มค่าแล้ว


“โฮกกกกกกกกก!” ทันทีที่พวกเขาออกมาจากหอคอยทมิฬ พวกเขาได้ยินเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมาและกระทบกับผิวของพวกเขาอย่างกับคลื่นน้ำ


มันเป็นเสียงของราชันเห็บยักษ์ เมื่อมันกลับมา มันก็พบว่าศิลาโลหิตมังกรนั้นหายไปแล้ว แน่นอนมันต้องโกรธจนบ้าคลั่งและอาละวาดอย่างรุนแรงอย่างกับจะทำลายสวรรค์และปฐพี


“ไป!” พวกหลิงฮันทั้งสามคนรีบจากไปอย่างรวดเร็ว การดำรงอยู่ของมันเทียบได้กับราชันซากศพสิบห้าตายหากเข้าไปยุ่งกับมันเป็นเหมือนกับการรนหาที่ตาย และเป็นเรื่องโง่มากที่จะทำเช่นนั้น หลังจากที่วิ่งหนีมาได้ร้อยไมล์ แม้ว่าจะได้ยินเสียงคำรามของมันอยู่ แต่คลื่นเสียงของมันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป


มันคือสัตว์อสูรระดับทลายมิติ แค่เสียงคำรามของมันก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับจอมยุทธระดับสวรรค์ได้แล้ว


หลังจากที่พวกเขาวิ่งหนีมาอีกหลายร้อยไมล์ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงคำรามของมันอีกต่อไป โชคดีที่มันไม่อาลาวาดไปทั่ว ไม่เช่นนั้นแม้แต่ดาบสังหารจะสามารถต่อกรกับมันได้หรือไม่?


ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจหญ้าโลหิตมังกรหรือศิลาโลหิตมังกรอีกต่อไปแล้ว และตั้งเป้าไปที่เขี้ยวมังกรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้วในชั้นนี้


สองวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุดของชั้นที่สาม มันไม่มีทางขึ้นที่ก่อตัวมาจากกระดูกอีกต่อไปมีแค่ทางเชื่อมที่อยู่ด้านหน้า นั่นคือมหาสมุทรเปลวเพลิง


“โอ้ว ในที่สุดเจ้าก็มาถึงพวกข้ากำลังรอคอยเจ้าอยู่เลย!” ฉือชิ่วเหรินเดินมาพร้อมกับแสยะยิ้มและยืนขวางทาง


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นข้าคงต้องพูดขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าต้องรอ!”


“ไม่จำเป็น เพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้ามาไถ่โทษก็เพียงพอแล้ว” ราชันดาบน้อยกล่าวอย่างเย็นชา


“นั่นคงจะมากเกินไป ข้าให้ความสำคัญชีวิตของข้าเป็นอย่างมาก และไม่คิดที่จะมอบให้กับพวกเจ้า” หลิงฮันมองพวกมันทั้งสี่คนด้วยสายตาเย็นชา


ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน เขาไม่เกรงกลัวพวกมันทั้งสี่คน แม้ว่าพลังต่อสู้จะไม่เพียงพอ กายหยาบจะฟื้นฟูไม่ทัน แต่เขาจะเป็นคนที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย ทว่าพวกมันทุกคนมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระบี่ไร้เทียมทาน ขวานภูผาวารี ซึ่งอาจเทียบได้กับราชันเห็บยักษ์


หลิงฮันรีบจัดลำดับความสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขี้ยวมังกร ส่วนพวกมันสี่คนค่อยจัดการทีหลังก็ได้


“ตายซะ!” ฉือชิ่วเหรินไม่รีรอและเปิดฉากโจมตีใส่หลิงฮันทันทีด้วยกระบี่ไร้เทียมทาน ขณะเดียวกันบุตรแห่งสายฟ้าก็โจมตีใส่หลิงฮันด้วยขวานภูผาวารี


หลิงฮันพาเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายรู้ถึงการดำรงอยู่อุปกรณ์มิติระดับสวรรค์แล้ว และไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปถ้าเขาจะใช้ต่อหน้าพวกมัน


“คิดจะหนีเรอะ? เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว!”  จักรพรรดิดาบน้อยแสยะยิ้ม และโจมตีหลิงฮันด้วยเจตจำนงแห่งดาบ


ตงหลิงเอ๋อเองก็โจมตีหลิงฮันด้วยดาบ แม้นางจะยังไม่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่นางมีพลังแห่งสายเลือด และมีปีกของวิหคเพลิงงอกออกมาจากด้านหลังของนาง


ทั้งสี่คนปิดล้อมทางหนีของเขาพร้อมกัน บวกกับกระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารีด้วยแล้ว อาจพูดได้ว่าเขาไม่อาจต้านทานได้ คงจะมีแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถทะลวงผ่านพวกเขาไปได้


หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็น!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)