Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 783-786
ตอนที่ 783
“เจ้าต้องการอะไร?” หยูเจี่ยนเชินระงับอารมณ์โกรธและเอ่ยถามหลิงฮันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
หลิงฮันยิ้มและตอบ “ถ้าเจ้ามีอะไรชดเชยให้จิตใจที่เจ็บปวดของข้าดีขึ้น ข้าก็จะปล่อยไป”
ทุกคนในห้องโถงอ้าปากค้าง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาได้พบเห็นคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้
ถ้ามีแค่หลิงฮันคนเดียว หยูเจี่ยนเชินคงจะจับหลิงฮันทุบตีไปแล้ว แต่มารไร้ยางอายคนนี้ดันเป็นบุตรเขยของตระกูลเฮ่อเหลียน ถ้าเขาลงมือรุนแรงกับอีกฝ่าย ตระกูลเฮ่อเหลียนคงไม่ยอมแน่
หยูเจี่ยนเชินกลืนความคับแค้นใจลงไปและสะบัดมือด้วยความโกรธ ทันใดนั้นสมบัติบางอย่างก็ปรากฏอยู่ที่พื้น มันคือปะการังที่มีสีแดงเข้มราวกับโลหิต มันมีขนาดพอๆกับกำปั้นและส่องแสงสว่างเจิดจ้า มีจอมยุทธระดับทลายมิติไม่น้อยที่แววตาส่องประกายขึ้นมาด้วยความโลภชั่วขณะ
“พอใจรึยัง?” หยูเจี่ยนเชินกล่าว
หลิงฮันยิ้ม เขาเก็บสมบัติขึ้นมาและพึมพำ “ปะกะรังโลหิต มันมีประสิทธิ์สูงมากหากใช้คู่กับการบ่มเพาะกายา เทียบกับไข่มุกพันปีแล้วแม้จะด้อยกว่าอยู่บ้างแต่ก็ยังนับว่ายอดเยี่ยมอยู่ดี ไม่เลวๆ”
หลิงฮันเก็บสมบัติและกล่าวกับหยูเจี่ยนเชิน “ขอบคุณมาก! แต่ผู้อาวุโสคงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องเสียสมบัติไปแบบเปล่าๆ ถ้างั้นพวกเรามาพนันกันเป็นอย่างไร?”
“เจ้าต้องการพนันอะไร?” หยูเจี่ยนเชินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่รู้ว่ารุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ตรงหน้านั้นกล้าหาญหรือโง่เขลากันแน่
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกว่าจะสั่งสอนข้าไม่ใช่รึ? เรามาพนันกันเรือ่งนั้นเป็นอย่างไร ถ้าผู้อาวุโสชนะข้า ข้าจะคืนสมบัติให้ท่าน”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดหลิงฮัน พวกเขาต่างรู้สึกไปในทางเดียวกันเลยว่าหลิงฮันช่างบ้ายิ่งนัก นี่เขาเบื่อจนไม่มีอะไรจะทำแล้วรึไง?
ใครจะไปเชื่อกันล่ะว่าจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะสามารถสู้กับจอมยุทธระดับทลายมิติได้?
แม้แต่หยูเจี่ยนเชินยังคิดเลยว่าที่หลิงฮันเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากปรับความเข้าใจกัน เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้และกล่าวออกไป “ตกลง!” ถึงอย่างไรหลิงฮันก็เป็นบุตรเขยของตระกูลเฮอเหลียน เพราะงั้นเขาจะไม่ลงมือหนักจนเกินไป
“เผ่ามนุษย์ เข้ามา! ข้าจะให้เจ้าโจมตีก่อนสิบกระบวนท่า” เขายอมให้หลิงฮันเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ซึ่งแค่นี้ก็นับว่าเขายอมไว้หน้าหลิงฮันแล้ว ไม่เช่นนั้นถ้าหากปะทะกันตรงๆจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะมีโอกาสจู่โจมจอมยุทธระดับทลายมิติได้ถึงสิบกระบวนท่ารึ?
หลิงฮันกล่าว “แล้วถ้าผู้อาวุโสหยูแพ้ล่ะ?” เขาคร้านที่จะเรียกชื่อเต็มของอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสหยูเจี่ยนเชิน จึงเปลี่ยนไปเรียกชื่อตำแหน่งของอีกฝ่ายแทน
‘เจ้าคิดว่าจะชนะ? สมองของเจ้ามีส่วนไหนผิดปกติรึเปล่า?’ หยูเจี่ยนเชินครุ่นคิด แต่บางทีที่หลิงฮันกล่าวออกมาเช่นนั้นก็เพราะอยากให้ตนเองเหลือศักดิ์ศรีเอาไว้บ้างก็ได้ “ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะมอบสมบัติที่มีค่าทัดเทียมกับปะการังโลหิตให้เจ้า”
“งั้นก็ขอขอบคุณผู้อาวุโสหยูมาก” หลิงฮันกล่าว
หยูเจี่ยนเชินไม่เก็บสิ่งที่หลิงฮันกล่าวมาใส่ใจ เขาคิดว่าหลิงฮันแค่พูดออกมาตามมารยาทเท่านั้น“เริ่มได้!”
“ผู้อาวุโสหยูโปรดแนะนำด้วย!” มือของหลิงฮันเคลื่อนไหวและนำดาบสั้นหนึ่งร้อยแปดเล่มออกมาวาง ‘พรึบ’ ทันใดนั้นปราณจากสวรรค์และปฐพีก็ถูกชี้นำให้มารวมตัวกันจนอุณภูมิของอากาศโดยรอบลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
“หืม รูปแบบอาคมนั่นมันอะไรกัน ทำไมถึงได้ดูทรงพลังขนาดนี้!”
“หรือมนุษย์ผู้นี้จะเป็นปรมาจารย์รูปแบบอาคม?”
“ไม่ใช่เจ้าบอกว่าเขาเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์หรอกรึ? เป็นได้ทั้งปรมาจารย์นักปรุงยาและรูปแบบอาคมเช่นนี้ ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศยิ่งนัก นี้เขาเป็นสัตว์ประหลาดรึเปล่า?”
ทุกคนกระซิบพูดคุยกัน เมื่ออุณภูมิโดยรอบลดลงเรื่อยๆ พลังวิญญาณก็ควบแน่นกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาว จอมยุทธระทลายมิติมากมายที่มองไปที่มันต่างหน้าเปลี่ยนสี
แข็งแกร่ง!
หยูเจี่ยนเชินเหงื่อท่วมหน้าผากและอยากจะสาปแช่งหลิงฮันให้ตายไปซะตอนนี้เลย
ข้าติดกับเผ่ามนุษย์คนนี้แล้ว!
รูปแบบอาคมนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป!
หยูเจี่ยนเชินตระหนักได้ทันที ทั้งๆที่เผ่ามนุษย์ผู้นี้สามารถเรียกใช้รูปแบบอาคมได้ตั้งแต่แรกแท้ๆ แต่เขากลับลีลาและจงใจหลอกล่อเขา! ปัญหาก็เขากล่าวออกไปแล้วว่าจะยอมให้หลิงฮันโจมตีก่อนสิบกระบวนท่า!
หยูเจี่ยนเชินรู้สึกเจ็บปวดใจด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนกล่าวว่าใครที่ติดกับดักเดิมๆสองครั้งคือคนโง่ และภายในเวลาที่ผ่านไปชั่วพริบตา เขาก็ถูกหลิงฮันหลอกให้ติดกับอีกครั้ง
เผ่ามนุษย์ผู้นี้ทั้งชั่วร้าย อันตรายและเลวทรามยิ่ง!
ในขณะที่หยูเจี่ยนเชินกำลังสาปแช่ง หลิงฮันก็เรียกใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีเสร็จสิ้น
เมื่อมังกรเหมันต์ปรากฏตัว หิมะก็ตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับบรรยากาศโดยรอยได้ถูกเปลี่ยนเป็นฤดูหนาว อุณหภูมิในตอนนี้หนาวเย็นเป็นอย่างมาก
“ลุย!” หลิงฮันชี้นิ้วออกคำสั่ง มังกรเหมันต์ก็พุ่งเข้าใส่หยูเจี่ยนเชินทันที
บรรพบุรุษต้นตระกูลของเผ่าใต้สมุทรคือมังกรที่แท้จริง การที่หลิงฮันอัญเชิญมังกรออกมาและออกคำสั่งนั้นทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติของตระกูลเฮ่อเหลียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ แม้มังกรนั่นจะเป็นเพียงรูปแบบอาคมก็ตามที
มังกรเหมันต์มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเจ็ดดาว แต่หยูเจี่ยนเชินเป็นเพียงอจมยุทธระดับทลายมิติขั้นสามเท่านั้น พลังต่อสู้ของเขาเองก็แค่สามดาว แล้วเขาจะสู้มังกรเหมันต์ได้อย่างไร?
ในระดับพลังทลายมิติ แม้พลังต่อสู้จะต่างกันแค่หนึ่งดาว แต่ความแตกต่างนั้นกลับห่างกันเหมือนสวรรค์และปฐพี ยิ่งมังกรเหมันต์ที่มีพลังต่อสู้สูงกว่าหยูเจี่ยนเชินสี่ดาว หยูเจี่ยนเชินต้องถูกบดขยี้ย่อยยับแน่นอน
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น หยูเจี่ยนเชินสามารถต้านทานการโจมตีของมังกรเหมันต์ได้เพียงเจ็ดกระบวนท่าและยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าเขายังฝืนสู้ต่อและถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เขาคงจะเสียหน้ายิ่งกว่ายอมแพ้เสียอีก
หยูเจี่ยนเชินสะบัดมือวางสมบัติทิ้งเอาไว้และรีบคว้าร่างพาหยูสื่อเหอออกไปจากห้องโถง เขาไม่มีหน้าเหลือพอจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ 784
ใครจะคาดเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้?
จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาสามารถมอบความพ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธระดับทลายมิติได้ แม้ว่าหลิงฮันจะใช้พลังของรูปแบบอาคม ซึ่งไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสามารถของหลิงฮันมิใช่หรือ?
ช่วยไม่ได้ที่เฮ่อเหลียนหลงจะแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาโบกมือและพูดว่า “เซียนซู เจ้าจงไปปลอบหยูเจี่ยนเชิน นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนวรยุทธกันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ขอรับ!” จอมยุทธระดับทลายมิติที่ดูเหมือนชายวัยกลางคนพยักหน้าและร่างของเขาก็หายไป
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงไม่เคลื่อนไหวอะไร เฮ่อเหลียนหลงได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว และดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนวรยุทธกัน และ “จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความพ่ายแพ้ของหยูเจี่ยนเชินต่อหลิงฮัน ห้ามทุกคนพูดถึงเด็ดขาด
เฮ่อเหลียนหลงยิ้มและมองไปที่หลิงฮันราวกับมองสมบัติ เขาพูดว่า “ไม่เลว เจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งและกล้าหาญยิ่งนัก ตอนแรกข้าคิดว่าจะใช้อำนาจข่มเจ้า แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้”
หลิงฮันเก็บของที่ได้มาทั้งหมดและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อตาพูดกับข้าสุภาพแบบนั้นคงไม่คิดจะให้ข้าแบ่งสมบัติให้หรอกใช่ไหม?”
พรวด รุ่นเยาว์หลายคนแทบสำลัก
เผ่ามนุษย์นี่คิดว่าเฮ่อเหลียนหลงจะใช้ประโยชน์จากเขาอย่างนั้นรึ? พวกเขาเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของมหาสมุทรเหนือ ความมั่งคั่งของตระกูลเฮ่อเหลียนไม่จำเป็นต้องพูดถึง ซึ่งมากกว่าตระกูลเซียนหยู่ไม่รู้กี่เท่า
เฮ่อเหลียนหลงพูดว่า “ทำไมจะไม่ ข้าแค่จะเก็บสินสอดจากเจ้า”
“มันคงไม่ดีถ้าพ่อตาพูดแบบนั้น ทั้งที่ท่านเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรเหนือ หรือว่าท่านกำลังขาดแคลนสมบัติ?” หลิงฮันถาม
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลข้าไม่ได้มีทรัพย์สมบัติเหลือมากนัก ในเมื่อมีโอกาสใครจะไม่คว้า?” เฮ่อเหลียนหลงไม่ยอมแพ้
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ก็ได้ เพื่อประโยชน์ของสวินเสวี่ยน ลูกเขยอย่างข้ายินดีที่จะพูดอย่างเปิดเผยและจริงใจ”
เฮ่อเหลียนหลงจ้องมองหลิงฮันอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “นอกเหนือจากจอมยุทธระดับทลายมิติ ทุกคนออกไปให้หมด!”
ทุกคนรู้สึกงงงวย พวกเขาคุยกันจบแล้ว? เผ่ามนุษย์ทำตัวอวดดีขนาดนั้นแต่กลับไม่ถูกลงโทษ? แต่ในเมื่อราชาได้ออกคำสั่งแล้วใครจะไม่กล้าปฏิบัติตาม? ทันใดนั้น เหล่ารุ่นเยาว์ทุกคนเดินออกมากห้องโถงด้วยความรวดเร็ว และเหลือแค่จอมยุทธระดับทลายมิติสิบเจ็ดคน
แน่นอนว่าหลิงฮัน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวยังอยู่ที่นี่ ซึ่งฮูหนิวไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนนอกอยู่แล้ว เมื่อเห็นเก้าอี้ว่าง นางรีบลงไปนั่งและหยิบเม็ดแตงโมออกมากิน
“เกี่ยวกับการชำระล้าง ข้าอยากฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ” เฮ่อเหลียนหลงกล่าว
หลิงฮันไม่อยากพูดเรื่องการชำระล้างโจ่งแจ้ง สวรรค์นั้นมีหู บางทีพวกเขาอาจกำลังดักฟังคำที่ถูกกำหนดขึ้นอยู่ก็เป็นได้
แต่ว่าเขายังไม่ไว้ใจเฮ่อเหลียนหลงและเปิดเผยความลับของหอคอยทมิฬ ดังนั้นเขาจึงชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้และตัดสินใจที่จะพูดที่นี่ อย่างไรก็ตาม เขาได้เลือกเดินหน้าเพื่อต่อต้านห้านิกายโบราณแล้ว และเชื่อว่าพวกเขาอาจจับใจความได้ไม่มากก็น้อย
หลิงฮันเริ่มพูดข้อความของจื่อเสวี่ยนเซียนอีกรอบ รวมถึงเรื่องของจักรวรรดิจันทราม่วงที่เป็นราชวงศ์ปกครองยุคโบราณมากกว่าสองแสนปีและเป็นผู้ริเริ่มการเปิดสวรรค์ในครั้งนี้
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องของหลิงฮัน จอมยุทธเผ่าใต้สมุทรต่างแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา
จากคำพูดของหลิงฮัน มันฟังดูสมเหตุสมผลและมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นความจริง แต่นี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก แท้จริงแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเป้าหมายที่จะหลอมสิ่งมีชีวิตทั้งทวีปฮงเทียนให้กลายเป็นเม็ดยา!
“ไม่แปลกใจเลย หลังจากที่ข้าก้าวเข้าสู่ระดับทลายมิติมากกว่าสองพันปีที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าเมื่อใดที่จะขึ้นไปด้านบนจะรู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง เขาคิดอยู่เสมอว่าตัวเองมีพลังไม่เพียงพอและไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ แต่ถ้าความจริงเป็นอย่างที่หลิงฮันพูด เช่นนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ถ้าเป็นแบบนั้นผู้คนรุ่นก่อนที่ฝ่าขึ้นไปพวกเขาทุกคนตายไปแล้ว?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะต้องเป็นรูปแบบอาคมที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังมาก!”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบกับความจริง จอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายได้เมื่อพวกเขาพยายามฝ่าขึ้นไป แต่ก่อนพวกเขาคิดว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอ แต่ก็มีบางคนสามารถฝ่าขึ้นไปได้ ทว่าคนเหล่านั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
“มีเพียงแค่เปิดสวรรค์เท่านั้นที่เป็นทางออก?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถามหลิงฮัน
“ถ้าพ่อตามีความมั่นใจว่าจะทะลวงฝ่าขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ท่านจะลองดูได้ แต่ตามที่ข้ารู้ แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารียังไม่อาจทะลวงฝ่าขึ้นไปได้เลย” หลิงฮันกล่าว
แม้แต่อี้ชวงชวงยังไม่อาจบุกฝ่าเข้าไปได้ แล้วคนอื่นจะไปเหลืออะไร
“ระดับภูผาวารี? นั่นคือระดับพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์รึ?” ทุกคนรู้สึกสงสัย
หลิงฮันเพียงแค่ถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดจากอี้ชวงชวงให้พวกเขาฟัง แน่นอนว่าเกี่ยวกับระดับพลังในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เขายังไม่พูดเรื่องที่ดินแดนใต้พิภพกำลังต่อสู้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และไม่รู้ว่าพวกเขาต่อสู้กันมากี่ล้านปีแล้ว
ตั้งแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าขึ้นไปและทำได้แค่เป็นหมูรอโดนเชือด ในฐานะจอมยุทธระดับทลายมิติที่เป็นตัวตนที่สูงที่สุดบนโลก แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางนั่งรอความตาย อย่างน้อยการเปิดสวรรค์ก็ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ
พวกเขาเห็นพ้องกันว่าแค่กำลังของตระกูลเฮ่อเหลียนอย่างเดียวคงทำไม่สำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจะต้องรวมทุกขุมพลังให้กลายเป็นหนึ่ง
ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะต้องแก้ไขปัญหาความเกลียดชังระหว่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะเป็นผู้นำถ้าพวกเขาร่วมมือกันและเปิดสวรรค์สำเร็จ? แน่นอนว่าคนผู้นั้นจะได้อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล!
– พวกเขาไม่รู้ผลประโยชน์อย่างอื่นจากการเปิดสวรรค์ นอกจากประโยชน์ของพลังแห่งจักรภพที่สามารถยกระดับพลังต่อสู้และความเร็วในการบ่มเพาะพลัง ผลประโยชน์นี่ก็เพียงพอที่จะทำห้คนอื่นรู้สึกอิจฉาแล้ว
หลังจากนั้น เฮ่อเหลียนหลงได้ให้คนในตระกูลที่ไว้ใจได้คนหนึ่งส่งจดหมายส่วนตัวไปที่ตระกูลเซียนหยู่ และพูดถึงความจริงเกี่ยวกับการชำระล้างคร่าวๆ
ตระกูลเซียนหยู่ตอบกลับจดหมายของเขาอย่างรวดเร็วและยินดีที่จะนั่งพูดคุยกัน แต่ขอให้พาหลิงฮันมาด้วย
ตอนที่ 785
หลิงฮันลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตกลง
ที่เขายอมตกลงเดินทางไปด้วยก็เพราะจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้ต่ำกว่าเจ็ดดาวไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ และจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้เหนือกว่านั้นก็มีอยู่น้อยนิดราวกับขนของนกอมตะ ซึ่งถ้าหากเขาถูกจอมยุทธระดับนั้นโจมตี มีรึที่เฮ่อเหลียนหลงจะยอมอยู่เฉย?
ที่พักของตระกูลเซียนหยู่นั้นตั้งอยู่เกาะขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเกาะดาราสันติ ซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างไกลกับเกาะของตระกูลเฮ่อเหลียน แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน
เฮ่อเหลียนหลงนำจอมยุทธระดับทลายมิติเก้าคนติดตามไปด้วย เขานำพาจอมยุทธเหล่านั้น หลิงฮัน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวไปยังเกาะดาราสันติ
ตอนแรกพวกเขาไม่คิดแวะพักแม้แต่วินาทีเดียว แต่หลังจากเดินทางได้สามวันพวกเขาก็ต้องหยุดเท้าลงที่เกาะทะเลทรายแห่งหนึ่งเพราะคำเรียกร้องของฮูหนิว
เฮ่อเหลียนหลงและคนอื่นๆชื่นชอบอาหารจากหอคอยทมิฬเป็นอย่างมาก รสชาติของอาหารนั้นราวกับเป็นรสชาติแห่งสวรรค์ โดยเฉพาะสมุนไพรอายุหลายร้อยหลายพันปีที่หลิงฮันนำออกมา ในทวีปฮงเทียนแห่งนี้จะมีสมุนไพรเช่นนี้อยู่เท่าไหร่กันเชียว?
ที่สมุนไพรในทวีปแห่งนี้มีมีอายุไม่ยืนยาวก็เพราะการชำระล้างที่เกิดขึ้นทุกๆหมื่นปี มันคือภัยพิบัติที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต ถ้าไม่ใช่สมุนไพรที่อยู่ในเขตแดนลี้ลับ ในทวีปแห่งนี้จำนวนของพวกมันจะมีอยู่ซักเท่าไหร่กัน?
“เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!” เฮ่อเหลียนหลงขมวดคิ้วและกล่าวในขณะที่อุ้มหลิงเจี้ยนเสวี่ยน
หลิงฮันเปิดเผยไพ่ลับอีกอย่างหนึ่งของเขาออกมา นั่นก็คืออุปกรณ์วิญญาณประเภทมิติที่สามารถนำสิ่งมีชีวิตเข้าไปอยู่ได้ แม้อุปกรณ์เช่นนี้จะหายากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มี เขากล้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้คนที่เขาเชื่อใจรู้เท่านั้น แต่เขาไม่ได้อธิบายว่าหอคอยทมิฬไม่ใช่อุปกรณ์มิติธรรมดา
หลิงเจี้ยนเสวี่ยนมีอายุครึ่งปีแต่กลับมีพลังถึงระดับรวมธาตุแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก เมื่อใดที่ลูกของเขามีอายุพอที่จะสร้างรากฐานวิญญาณขึ้นมาได้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ลูกของเขาจะมีพลังถึงระดับบุปผาผลิบาน ด้วยจุดเริ่มต้นเช่นนี้ อนาคตของลูกเขาจะต้องน่าอัศจรรย์เป็นแน่
ซึ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสายเลือดอันบริสุทธิ์ของลูกชายเขาที่แม้แต่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็เทียบไม่ติด เผ่าใต้สมุทรนั้นให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ของสายเลือดเป็นอย่างมาก ดังนั้นเฮ่อเหลียนหลงจึงเกิดความคิดที่จะให้หลิงเจี้ยนเสวี่ยนเป็นผู้นำตระกูลเฮ่อเหลี่ยนรุ่นต่อไป
แน่นอนว่าที่ลูกเขามีศักยภาพเช่นนี้ก็เพราะทรัพยากรล้ำค่าที่หลิงฮันทุ่มเท โดยเพราะหยดแร่เหล็กระดับสิบที่เขาให้เด็กคนนี้อาบทุกวัน แม้ลูกของเขาจะไม่อยากแต่ก็ไม่มีทางเลี่ยงการมีร่างกายที่ทรงพลังได้
“หลิงฮัน สวินเสวี่ยนคือไข่มุกล้ำค่าที่สุดในตระกูลข้า ดังนั้นบุตรคนแรกของเจ้ากับนางจะต้องอยู่กับตระกูลเฮ่อเหลียนและใช้แซ่เฮ่อเหลียน!” เฮ่อเหลียนหลงตัดสินใจเด็ดขาด ศักยะภาพของเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไป
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “นี่คือบุตรคนแรกของข้า เป็นธรรมดาที่เขาจะใช้แซ่หลิง!”
“ข้ามอบไข่มุกล้ำค่าที่สุดในตระกูลให้กับเจ้าแล้ว เจ้าจะมอบหลานให้ข้าไม่ได้รึ?” เฮ่อเหลียนหลงเถียงอย่างไร้เหตุผล ทารกตรงหน้าเขาคือสุดยอดอัจฉริยะที่ความสำเร็จในอนาคตจะต้องเหนือกว่าบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆที่ผ่านมาแน่นอน
เช่นนั้นแล้วเขาจะยอมปล่อยเด็กคนนี้ไปได้อย่างไร?
“ตระกูลเฮ่อเหลียนของท่านมีสมาชิดตระกูลมากมายนับพัน แต่ตระกูลหลิงของข้านั้นแทบไม่เหลือใครเลย เห็นอย่างนี้ท่านยังคิดจะแย่งบุตรของข้าไปอีกรึ? ไม่มีวัน!” หลิงฮันชำเลือมองส่งสัญญาณให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนำบุตรกลับมาจากเฮ่อเหลียนหลง
เฮ่อเหลียนหลงรู้สึกเศร้าโศก ไม่เพียงแค่บุตรสาวของเขาจะทิ้งตระกูลหนีไปแต่งงานกับคนอื่น แต่ยังเปลี่ยนมามีนิสัยแข็งข้อกับเขาอีกด้วย เฮ่อเหลียนหลงไม่คิดจะยอมแพ้และกล่าวออกไป “ก่อนที่เด็กคนนี้จะอายุห้าขวบ เขาจะต้องอาศัยอยู่กับตระกูลเฮ่อเหลียน เพราะตระกูลของข้ามีทรัพยากรมากมายที่เหมาะสมกับการพัฒนาของเด็กคนนี้ นอกจากนั้นข้าก็กังวลด้วยว่าสวินเสวี่ยนจะมีนมให้เด็กกินไม่”
แววตาของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเปลี่ยนเป็นขึงขัง นี่ท่านยังเป็นบิดาของข้าอยู่รึเปล่า? เพื่อที่จะแย่งบุตรชายของลูกสาวตัวเองไป ท่านถึงกลับพูดจาร้ายๆกับข้าเช่นนี้? แม้หน้าอกของข้าจะเล็ก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีน้ำนมให้ลูกเสียหน่อยไม่ใช่รึไง?
หลิงฮันหัวเราะและนำสมบัติล้ำค่าออกมาจากหอคอยทมิฬ ทุกอย่างที่เขานำออกมานั้นทำให้ใบหน้าของเฮ่อเหลียนหลงกระตุกไม่หยุด แม้สมบัติบางอย่างตระกูลเฮ่อเหลียนเองก็มี แต่จำนวนที่มีก็ไม่มากมายเช่นนี้
อย่างเช่นโสมพันปีที่อยู่ในตะกร้านั่น จำนวนของพวกมันมีเท่าใดกันแน่? ไหนจะหยดโลหะระดับสิบนั่นอีก แม้แต่ตระกูลเฮ่อหลินก็ไม่อาจหามาได้จำนวนมากขนาดนี้
พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง!
เฮ่อเหลียนหลงกลายเป็นไร้คำพูด ทรัพยากรของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งไม่สามารถเทียบกับของคนคนเดียวได้
เขากล่าวกับหลิงฮันว่าถ้าหากมีลูกคนที่สองกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน หลิงฮันจะต้องส่งเด็กคนนั้นให้กับตระกูลเฮ่อเหลียน! ชายชราผู้นี้กระตือรือร้นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะกินอาหารกันเสร็จเขาได้พาหลิงฮันและไปพักผ่อนกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและบอกให้ทั้งสองคน‘พยายาม’เข้า
ห้าวันต่อมาในที่สุดเกาะดาราสันติก็ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเองก็มีร่างหนึ่งลอยขึ้นมาขวางทางพวกเขา ร่างนั้นคือจอมยุทธที่มีปักเหมือนกับนกงอกออกมาจากด้านหลังและมีเท้าเหมือนกับเป็ด ปากของเขาแบนและยื่นออกมาทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูตลกเป็นอย่างมาก
แต่เฮ่อเหลียนหลงกับคนอื่นไม่หัวเราะเยาะเย้ยอีกฝ่ายแม้แต่น้อย สำหรับพวกเขาที่มีสายเลือดของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมีรูปลักษณ์เหมือนกับบรรพบุรุษมากเท่าใดก็เท่ากับว่าคนคนนั้นมีสายเลือดที่บริสุทธิ์เท่านั้น
“ฮ่าๆๆๆ!” ฮูหนิวไม่กลั้นขำและหัวเราะออกมา “หลิงฮัน หลิงฮัน เจ้าเป็ดตลกตัวนี้เราจะตุ๋นหรือย่างมันดี?”
เฮ่อเหลียนหลงและคนอื่นๆกรีดร้องในใจทันที ชายตรงหน้าไม่ใช่เผ่าใต้สมุทรทั่วไปแต่เป็นสมาชิกของตระกูลเซียนหยู่ ชื่อของเขาคือโอวปู้ลั่ว จอมยุทธระดับทลายมิติ!
ในตอนนี้ความแค้นระหว่างตระกูลเซียนหยู่ยังไม่ถูกสะสาง แต่เจ้ากลับหัวเราะใส่อีกฝ่ายเพื่อทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น?
แน่นอนว่าโอวปู้ลั่วแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “เหอะ เหล่าคนเฒ่าคนแก่ของตระกูลเฮ่อเหลียนมาแล้วสินะ!”
“โอ้ว ไม่ว่าใช่ว่าผู้อาวุโสเป็นจอมยุทธที่อยู่ภายใต้ตระกูลเซียนหยู่รึไง? กับข้าที่เป็นผู้นำตระกูลที่มีสถานะทัดเทียมกับผู้นำตระกูลเซียนหยู่ เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้า?” เฮ่อเหลียนหลงใช้ตำแหน่งของเขาที่สูงกว่าอีกฝ่ายข่มขู่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายลงมือผลีผลามเพราะคำพูดของฮูหนิว
แน่นอนว่าโอวปู้ลั่วย่อมไม่สนใจคำพูดไร้สาระของเด็กน้อย หากหัวเสียเพียงเพราะคำพูดของเด็กสาวก็มีแต่จะทำให้เขาเสียหน้าเท่านั้น เขากำหมัดแน่นและกล่าว “ข้ามารอพวกเจ้าหลายวันแล้ว เชิญทางนี้!” แววตาของเขาชำเลืองมองหลิงฮันด้วยความเย็นชา
ตอนที่ 786
หลิงฮันสังหารเซียนหยู่เฉิงและเซียนหยู่ตงหมิงต่อหน้าสาธารณะชน สำหรับตระกูลเซียนหยู่แล้วนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าอับอายอย่างมาก ทุกคนในตระกูลต่างเกลียดหลิงฮันราวกับศัตรูคู่ชีวิต
และตอนนี้ศัตรูที่ว่าก็ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว โอวปู้ลั่วจึงมีท่าทีเช่นนี้
กลุ่มของพวกเขาลอยจากฟากฟ้าลงสู่เกาะ เกาะแห่งนี้เป็นอาณาเขตของทั้งตระกูลเซียนหยู่และขุมอำนาจภายใต้อาณัติ กองกำลังของพวกเขาในเกาะนี้จึงน่าตกตะลึงกลัวอย่างยิ่ง
แต่ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือแม้จะอยู่ต่อหน้าตัวตนระดับทลายมิติที่จอมยุทธทั่วไปไม่อาจทำได้แม้แต่หายใจ หลิงฮันกลับสามารถเดินได้อย่างเฉยเมย
ภายใต้การนำทางของโอวปู้ลั่ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตำหนักของตระกูลเซียนหยู่
“เหล่าอาวุโสแห่งตระกูลเฮ่อเหลียน!” ผู้นำของตระกูลเซียนหยู่กล่าวทักทาย เขาเป็นชายที่มีร่างผอมบางแต่บนหัวไม่ได้มีเขาขนาดเล็กเหมือนกับเฮ่อเหลียนหลง กลับกันที่บริเวณแขนของเขาได้ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด มือของเขาก็แตกต่างกับคนปกติทั่วไปตรงที่มือเขามีรูปร่างเหมือนกรงเล็บมังกร
ตระกูลใหญ่ของเผ่ามหาสมุทรต่างมีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง สิ่งที่แตกต่างก็คือความบริสุทธิของสายเลือด แต่โดยส่วนใหญ่ไม่ว่าตระกูลไหนก็มักจะมีเขาเป็นรูปลักษณ์ของสายเลือด การที่จะมีกรงเล็บงอกออกมาแบบชายผู้นี้นันหาได้ยากมาก
เหตุผลที่เซียนหยู่ตงได้เป็นผู้นำตระกูลเซียนหยู่ก็เพราะกรงเล็บมังกรของเขา ด้วยสายเลือดที่บริสุทธิ์ของเขาทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรทางเหนือเหมือนกับเฮ่อเหลียนหลง
“ผู้นำเซียนหยู่!” เฮ่อเหลียนหลงทักทายกลับ
“เป็นเผ่ามนุษย์ผู้นั้นสินะที่สังหารบุตรของข้า?” เซียนหยู่ตงมองไปยังหลิงฮัน สายตาของเขาไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย
“ผู้นำเซียนหยู่ ไม่ใช่ว่าเหตุผลที่พวกเรามาที่นี่คือเรื่องอื่นหรอกรึ?” เฮ่อเหลียนหลงกล่าวอย่างเย็นชา
เซียนหยู่ตงกระซิบ “หวังว่าเรื่องที่เจ้าบอกจะไม่ใช่ความเท็จ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าหนูที่สังหารบุตรชายข้าในทันที!”
“เรื่องใหญ่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะล้อเล่น?” เฮ่อเหลียนหลงหัวเราะ
“งั้นก็เชิญทางนี้!” เซียนหยู่ตงทำท่าทางต้อนรับ แต่น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา
ทุกคนเดินเข้าไปในห้องโถง เนื่องจากภัยพิบัติแห่งการชำระล้างเป็นปัญหาใหญ่เกินไป จอมยุทธที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมสนทนาครั้งนี้จึงมีเพียงจอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น นอกจากนั้นห้องโถงนี้ก็ยังติดตั้งค่ายอาคมป้องกันเอาไว้ด้วย
หลิงฮันกล่าวเกี่ยวกับแผนการของนิกายโบราณทั้งห้าอีกครั้งและตอบข้อสงสัยของตระกูลเซียนหยู่ ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาไม่ได้ต่างไปกับของตระกูลเฮ่อเหลียนก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว
ภัยพิบัตินี้เป็นเหตุการณ์ที่แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ไม่อาจสงบจิตใจไหว
พวกเขาทุกคนเชื่อคำพูดของหลิงฮันทุกคน
นั่นเพราะสิ่งที่หลิงฮันกล่าวสามารถใช้อธิบายประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยวได้ทันที แล้วยังสามารถอธิบายได้อีกว่าทำไมพวกเขาถึงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเมื่อพวกเขาคิดจะบดขยี้มิติเพื่อก้าวผ่านไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เซียนหยู่ตงเรียกความสนใจโดยการทุบโต๊ะและกล่าว “ผู้นำเฮ่อเหลียน การก่อตั้งพันธมิตรครั้งนี้ข้ามีเงื่อนไขเล็กน้อย”
“เงื่อนไขอันใด?” เฮ่อเหลียนหลงกล่าว
“ข้าต้องการหัวของเผ่ามนุษย์ผู้นั้น!” เซียนหยู่ตงชี้ไปยังหลิงฮัน
“ไม่!” เฮ่อเหลียนหลงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่แค่ตัวของหลิงฮันเองที่มีศักยภาพอันล้ำเลิศ แต่เขายังหวังให้หลิงฮันกับเฮ๋อเหลียนสวินเสวี่ยนให้กำเนิดทายาทของตระกูลอีกด้วย ยิ่งทายาทมีสายเลือดบริสุทธิ์ ทายาทผู้นั้นก็จะนำพาตระกูลเฮ่อเหลียนไปได้สูงยิ่งขึ้นและจะเหนือกว่าตระกูลอื่นๆ
“ก็แค่เผ่ามนุษย์คนหนึ่ง!” เซียนหยู่ตงกล่าวอย่างเย็นชา “ผู้นำเฮ่อเหลียน เจ้าจงไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี เจ้าคิดจะทำลายพันธมิตรระหว่างเราเพียงเพื่อเผ่ามนุษย์งั้นรึ?”
“โอ้ ดูเหมือนว่าถ้าเจ้าไม่ได้ลงมือทำข้าเลยเจ้าจะไม่พอใจสินะ?” หลิงฮันพูดแทรก
เฮ่อเหลียนหลงยิ้มและกล่าว “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ตระกูลเซียนหยู่ของเจ้าจะส่งปรมาจารย์ออกมาประลองกับเผ่ามนุษย์ผู้นี้ด้วยจำนวนกระบวนท่าที่กำหนดเอาไว้โดยที่ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง แต่เมื่อการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าผ่านไป ความบาดหมางของแต่ละฝ่ายจะต้องไม่มีอีกต่อไป!”
“ท่านพ่อ…” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบกล่าวแย้ง
แต่ก่อนที่นางจะพูดเสร็จเฮ่อเหลียนหลงก็โบกมือส่งสัญญาณให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหยุดพูด
เซียนหยู่ประหลาดใจ เผ่ามนุษย์ผู้นี้ดูอย่างไรก็มีพลังบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวาขั้นห้าเท่านั้น แม้เขาจะมีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับสวรรค์แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับทลายมิติ แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่แท้จริงก็ยังถูกบดขยี้ได้ง่ายดาย นี่เฮ่อเหลียนหลงคิดอะไรอยู่กันแน่?
หรือนี่จะเป็นแผนของเฮ่อเหลียนหลงที่จงใจมอบเผ่ามนุษย์ผู้นี้ให้พวกเขากำจัดเพื่อก่อตั้งพันธมิตรระหว่างตระกูล?
เซียนหยู่ตงยังรู้สึกไม่พอใจ แม้จะสังหารหลิงฮันที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตได้ แต่ตระกูลเซียนหยู่จะกู้หน้าเรื่องที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหลบหนีงานแต่งกับตระกูลเขาได้รึไม่?
แน่นอนว่าไม่มีทาง
“ตกลง งั้นก็ประลองด้วยสิบกระบวนท่า!” เซียนหยู่ตงพยักหน้า ไม่ว่ายังไงก็ต้องสังหารเผ่ามนุษย์ผู้นี้ก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องที่ตระกูลเซียนหยู่เสียหน้านั้นเขาค่อยเจรจากับเฮ่อเหลียนหลงทีหลัง
หากตัวตนระดับทลายมิติเป็นคนลงมือ แค่กระบวนท่าเดียวก็ตัดสินแล้ว แต่ทำไมเขาถึงกล่าวออกไปว่าสิบกระบวนท่าน่ะรึ? แน่นอนนั่นก็เพราะเขาจะทำให้หลิงฮันทรมานในเก้ากระบวนท่าแรกและลงมือสังหารในกระบวนท่าสุดท้าย
เขาส่งคนไปกระจายข่าวทั่วเกาะเพื่อให้ไปรวมตัวกันที่สังเวียนโลหิตเหล็กทันที เผ่ามนุษย์ผู้นี้กล้าสังหารคนของตระกูลเซียนหยู่ ถ้าหลิงฮันไม่ถูกสังหารท่ามกลางผู้คนแล้วความโกรธแค้นของเขาจะหายไปได้อย่างไร?
สังเวียนโลหิตเหล็กนั้นใช้สำหรับประลองต่อสู้ ไม่ใช่แค่วัสดุที่ใช้สร้างจะแข็งแกร่งแต่มันยังถูกติดค่ายอาคมป้องกันที่สามารถทนทานต่อการโจมตีของจอมยุทธระดับทลายมิติห้าดาวเอาไว้อีกด้วย
หลิงฮัน เซียนหยู่ตง เฮ่อเหลียนหลงและคนอื่นๆมุ่งหน้าไปยังสังเวียนโลหิตเหล็ก
เฮ่อเหลียนหลงรู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไร เขารู้ว่าเซียนหยู่ตงไม่มีทางลงมือด้วยตนเองแน่นอน และนอกจากเซียนหยู่ตงแล้วจะมีสักกี่คนเชียวที่สามารถคุกคามหลิงฮันได้? ไม่มีใครคาดคิดเอาไว้แน่นอนว่าหลิงฮันจะเป็นสุดยอดปรมาจารย์ด้านรูปแบบอาคม
เซียนหยู่ตงพยักหน้าให้กับคนคนหนึ่งและกล่าว “สื่อเหยียน เจ้าเป็นคนไปประลองและจงลงมือสังหารมนุษย์ผู้นั้นในกระบวนท่าที่สิบ!”
ชายคนนั้นพยักหน้าและกล่าว “เข้าใจแล้ว!”
คนคนนี้คือซียนหยู่สื่อเหยียน เขาเป็นน้องชายของเซียนหยู่ตงและเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นห้า พลังต่อสู้ของเขาคือห้าดาว
“พร้อมรึยัง?” เซียนหยู่ตงแสยะยิ้มไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “สิ่งที่ข้าต้องทำคือรับการโจมตีสิบกระบวนท่าเท่านั้น?”
เหอะ… แค่สิบกระบวนท่างั้นรึ? เจ้าคิดว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวเจ้าจะต้านทานไหวรึไง?
ผู้คนรอบด้านแสยะยิ้ม เจ้าจะปากเก่งได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น หลังจากนี้ล่ะเจ้าจะครวญครางร้องหาความเมตตา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น