Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 779-782
ตอนที่ 779
“พูดจาไร้สาระ!” จอมยุทธระดับสวรรค์เอ่ยตอบ “กฎที่กำหนดโดยบรรพบุรุษคือสิ่งที่สืบทอดมาหลายยุคสมัย มันคือสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง!”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ช่างโง่เขลา กฎของบรรพบุรุษอันใด? กฎคือสิ่งที่กำหนดโดยผู้แข็งแกร่ง ตราบใดที่ข้าแข็งแกร่งพอข้าจะทำอะไรก็ได้ นั่นต่างหากคือสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
“ถ้าเช่นนั้นชายชราผู้นี้จะกำจัดเจ้าทิ้งซะ!” จอมยุทธระดับสวรรค์เดินเข้ามาอย่างองอาจ คลื่นพลังของเขาราวกับเตาที่กำลังร้อนระอุ
เขาเค้นเสียงเย็นชาและนำแส้ยาวสีครามออกมา แส้นั้นขึงตรึงเป็นเส้นตรงราวกับแท่งหอก
“เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนแต่กล้าล่วงเกินข้า ช่างแส่หาความตาย!”
เหล่าจอมยุทธของภูมิภาคตะวันออกเริ่มซุบซิบกัน แต่ละคนต่างเชื่อว่าหลิงฮันจะต้องตายแน่นอน
จอมยุทธระดับสวรรค์ผู้นี้แซ่ถันนามว่าจาง แต่ไม่มีใครกล้าเรียกแซ่ของเขาดังนั้นเขาจึงถูกเรียกเฒ่าจาง
เฒ่าจางคือหนึ่งในตัวตนระดับสูงสุดของภูมิภาคตะวันออก เขาคือราชันในหมู่ราชัน แน่นอนว่าในความคิดของจอมยุทธแห่งภูมิภาคตะวันออก ทุกคนล้วนแต่คิดว่าเฒ่าจางต้องเป็นฝ่ายชนะ
หลิงฮันชูมือขวาและกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าจะใช้หนึ่งมือจัดการเจ้า”
พรึบ!
เปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนศีรษะของเฒ่าจาง ด้วยการที่มีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์แม้เขาจะไม่ใช้งานทักษะใดๆเขาก็สามารถชักนำพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีมาเป็นเปลวเพลิงได้
ตอนนี้เขาเกรี้ยวกราดมากที่มีรุ่นเยาว์ระดับก้าวสู่เทวามาต่อต้านเขา ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหนก็ตาม
เขาตวัดแส้หอกเข้าจู่โจมหลิงฮัน
หลิงฮันไม่เคยเห็นอาวุธเช่นนี้มาก่อน ดังเขาจึงสงสัยและรอดูว่าอาวุธเช่นนี้จะใช้ออกได้ด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน
อาวุธวิญญาณเช่นนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก มันสามารถใช้ทิ่มแทงได้เหมือนกับหอก แต่เมื่อใช้ป้องกัน มันจะโค้งงอเหือนแส้และรับแรงกระแทกได้ดี นอกจากนั้นก็ยังมีอักขระที่สลักเอาไว้บนอาวุธอีก เมื่ออักจระถูกกระตุ้นใช้งาน อาวุธจะส่องแสงสลัวๆที่ทรงพลังออกมา
อีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธที่ถูกจัดให้อยู่บนจุดสูงสุดของภูมิภาคตะวันออก แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดา
แต่โชคร้ายที่เขาต้องมาเจอกับหลิงฮัน
กายหยาบของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่าแร่เหล็กระดับเก้า เจ้าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้อย่างไร? ถึงแม้เจ้าจะใช้เปลวเพลิงทีร้อนระอุ การจะหลอมละลายร่างกายข้าก็เจ้าก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายวันหลายคืน
ถึงแม้เฒ่าจางจะดูเหมือนเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะเขาสามารถจู่โจมหลิงฮันได้อย่างต่อเนื่อง แต่ที่จริงแล้วหลิงฮันไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคามแม้แต่น้อย เขาแค่ต้องการเห็นว่าแส้หอกชิ้นนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนจึงไม่ได้ตอบโต้
“เฒ่าจาง สังหารรุ่นเยาว์จอมอวดดีผู้นั้นเลย!”
“ใช่แล้ว สังหารเจ้าหนูนั่นซะแล้วพวกเราจะได้กลับภูมิภาคตะวันออกกันเสียที ที่แห่งนี้มีพลังวิญญาณเบาบางเกินไป แม้จะอีกวันเดียวข้าก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่อ”
ทุกคนตะโกนขึ้นมา พวกเขาหวังที่จะทำภารกิจให้เสร็จและกลับภูมิภาคตะวันออกให้เร็วที่สุด
ไม่ใช่ว่าเฒ่าจางไม่ต้องการจัดการหลิงฮัน แต่จากท่าทางสงบนิ่งของหลิงฮันเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายยังซ่อนอะไรเอาไว้อยู่และเขาไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ง่ายๆ เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไป “เจ้าหนู เจ้าซ่อนอะไรเอาไว้อยู่และคิดจะซ่อนไปถึงเมื่อใด?”
หลิงฮันแสร้งถอนหายใจและยิ้ม “เจ้าต้องการพ่ายแพ้ขนาดนั้นเชียว? ก็ได้ ข้าจะเติมเต็มความปรารถของเจ้าให้!”
หลิงฮันยืนมือขวาออกไป ทันใดนั้นมือของเขาก็เต็มไปด้วยแสงสว่างของอักขระ เขาโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพีและโจมตีออกไปจนเฒ่าจางต้องล่าถอย
“อะไรกัน!!”
“เฒ่าจางถูกโจมตีจนต้องล่าถอยงั้นรึ! เป็นไปได้อย่างไร!”
“พระเจ้า! นี่ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ!”
เหล่าจอมยุทธแห่งภูมิภาคตะวันออกส่งเสียงอุทาน เรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไป รุ่นเยาว์ระดับก้าวสู่เทวาสามารถกำราบจอมยุทธที่อยู่ในระดับสวรรค์มาอย่างยาวนานได้
จอมยุทธระดับสวรรค์อีกคนเค้นเสียงกล่าว “ไม่ต้องสู้ตัวต่อตัวอีกต่อไปแล้ว ภารกิจของเราคือการกำจัดจักรพรรดิของจักรวรรดิต้าหลิง ตอนนี้เป้าหมายก็อยู่ต่อหน้าเราแล้ว พี่ถู พี่หม่า พี่ชางและคนอื่นๆพวกเราร่วมมือกันสังหารเจ้าหนูนั่นให้เร็วที่สุด”
“ก็ดี!” จอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่นๆพยักหน้า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การประลองยุทธ พวกเขาไม่ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์ใดๆ
จอมยุทธระดับสวรรค์เจ็ดคนก้าวออกมาและยืนล้อมรอบหลิงฮัน
ฮูหนิวรีบกระโดดออกมาและกล่าว “หนิวจะเล่นกับพวกเจ้าเอง!”
หลิงฮันยิ้ม “ไม่ต้อง ข้าจะจัดการทั้งหมดเอง!” ในเมื่อคนเหล่านี้ลงมือพร้อมกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาที่จะใช้มือขวาข้างเดียวอีกต่อไปและนำดาบสังหารออกมา
หลิงฮันใช้งานอำนาจแห่งพลังจักรภพ เขาโจมตีทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มออกไป ทันใดนั้นประกายแสงแห่งดาบนับสามพันกว่าเล่มก็พุ่งโอบโล้มจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งแปด
“อะไรกัน!” เฒ่าจางและอื่นๆตกตะลึงจนตาแทบทะลัก ภายใต้สวรรค์แห่งนี้มีทักษะดาบที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งแปดต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่อาจต่อต้านกระบวนท่าดาบตรงหน้าได้แม้แต่น้อย?
การโจมตีของหลิงฮันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ประกายแสงแห่งดาบพุ่งโจมตีจนจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งแปดตกตายในทันที
ความเงียบตกลงสู่ท่ามกลางเหล่าจอมยุทธแห่งภูมิภาคตะวันออก
นี่มันบ้าไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่โลกนี้จะมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่? สังหารจอมยุทธระดับสววรรค์ได้ราวกับผักปลา นี่เจ้าคงไม่ใช่จอมยุทธระดับทลายมิติปลอมตัวมาหรอกนะ?
หลิงฮันชูดาบขึ้นและกล่าว “พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือจะหัวรั้นต่อต้านต่อ?”
จอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งหมดตกตายไปแล้ว จอมยุทธที่เหลืออยู่มีเพียงจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮันที่ราวกับเนพระเจ้า พวกเขาทุกคนล้วนสูญเสียกำลังสู้ไปหมดสิ้น บางคนเลือกที่จะยอมแพ้ทันที แต่บางคนก็เลือกที่จะหลบหนีเพราะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แบบทาสรับใช้
แต่ด้วยความเร็วของฮูหนิวในร่างสายฟ้า ใครจะหลบหนีไปจากเงื้อมมือของนางได้?
กองทัพจากภูมิภาคตะวันออกล่มสลายในทันที
หลิงฮันจับกุมทุกคนได้หมด ที่พวกเขาไม่ต่อต้านต่อก็เป็นเพราะหวั่นเกรงต่อความตาย แต่ถึงอย่างไรตั้งแต่แรกพวกเขาก็ถูกออกคำสั่งให้มาบุกโจมตีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้มีความเกลียดชังอะไรกับหลิงฮัน แม้จะพ่ายแพ้แต่ทำไมพวกเขาจะต้องไปสนใจด้วย?
พวกภูมิภาคกลางคิดจริงๆรึว่าพวกเขาจะยอมเสียสละชีวิตเพราะคำสั่งที่ได้รับ?
ตอนที่ 780
เมื่อจอมยุทธของภูมิภาคตะวันออกถูกตัดสิน พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้กลับ
นี่ทำให้ภูมิภาคตะวันออกรู้สึกหดหู่มาก พวกเขาวิ่งไปมาตามคำสั่งของคนอื่นอย่างกับวิ่งเล่น
หลังจากฟื้นฟูดินแดนที่ได้รับความเสียหายเสร็จ หลิงฮันปล่อยให้เหล่าจอมยุทธของภูมิภาคตะวันออกกลับไปและทำหน้าที่ตามเดิมของพวกเขาในภูมิภาคตะวันออก หลังจากที่เขากำราบภูมิภาคตะวันตกได้แล้ว เขาจะพิจารณาว่าบุกภูมิภาคใต้หรือตะวันออกต่อ
ไม่กี่วันต่อมา เผ่าใต้สมุทรก็เดินทางมาถึง
พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติจากตระกูลเฮ่อเหลียน พวกเขานำจดหมายส่วนตัวจากเฮ่อเหลียนหลงมามอบให้กับหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
——เฮ่อเหลียนหลงเป็นผู้นำตระกูลเฮ่อเหลียน ในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในนามราชาเฮ่อเหลียนและเป็นพ่อของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
ประเด็นหลักของจดหมายเขียนไว้ว่าเรื่องที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเขียนถึงเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงมาก แต่มันไม่อาจทำใจเชื่อได้เพียงแค่ข้อความไม่กี่คำและเขายังมีคำถามอีกมากมายที่จะถามหลิงฮันกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน เขาจึงขอให้ทั้งสองคนเดินทางมาที่ตระกูลเฮ่อเหลียนทะเลเหนือเพื่อมาพูดอธิบายด้วยตัวเอง
จดหมายฉบับนี้ยังกล่าวถึงหลิงเจี้ยนเสวี่ยนด้วย เขาต้องการที่จะเห็นหน้าหลานด้วยตนเอง
“เป็นไงบ้าง?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถามหลิงฮัน
หลิงฮันพูดว่า “ถ้าเราต้องการเอาชนะตระกูลเฮ่อเหลียนมีแต่จะต้องไป อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่อาจทิ้งการป้องกันที่นี่ได้”
“แล้วเจ้าจะทำยังไง?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว ถ้าเป็นไปได้นางก็ไม่อยากกลับไปหาครอบครัวของนาง
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ข้าจะไปถามอี้ชวงชวงก่อน ถ้านางยินดีที่จะเป็นผู้คุ้มกันให้พวกเราในการเดินทางครั้งนี้พวกเราก็จะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมืองจักรพรรดิจะไม่มีนางคอยป้องกัน และข้ากังวลว่าจะถูกลอบโจมตี นี่ค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวทีเดียว”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า ตอนนี้ห้านิกายโบราณและนิกายพันศพกำลังเพ่งเล็งจักรวรรดิต้าหลิง แม้ว่าส่วนใหญ่จะมุ่งเป้าไปที่จักรวรรดิจันทราม่วงก็ตาม
หลิงฮันใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่และส่ายหัว “อี้ชวงชวงจะต้องอยู่ที่นี่ ข้าจะนำรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีไปกับตัว ซึ่งสามารถใช้รับมือกับจอมยุทธระดับทลายมิติได้ บวกกับการคุ้มกันของหอคอยทมิฬ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพลิกลิ้นก็ตาม”
“เขาอยากให้พวกเราสองคนไปหาจริงหรือ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เขาไม่ได้ต้องการเห็นหน้าหลานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการตัวด้วย”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แล้วเจ้ารู้หรือไม่?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้เลย”
“งั้นเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหันไปมอง
หลิงฮันมองไปที่ร่างเพรียวบางของนางและพูดติดตลกว่า “เจ้า!”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเหลือบมองก่อนที่จะตอบสนอง และช่วยไม่ได้ที่นางจะบิดตัวปกปิดร่างกาย และคิดว่าเวลาแบบนี้เขายังจะมาพูดเล่นอีก
อี้ชวงชวงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เมืองจักรพรรดิไม่ได้เป็นแค่จุดศูนย์กลางของจักรวรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นฐานที่มั่นของตระกูลหลิงด้วย แล้วเขาจะสูญเสียมันไปได้อย่างไร? ถ้าไม่มีอี้ชวงชวงคอยปกป้อง หลิงฮันก็จะพาพ่อแม่ของเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและพาไปด้วย
หลังจากพูดคุยกัน หลิงฮันได้ตัดสินใจพาเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ฮูหนิวและลูกของเขาไปที่ทะเลเหนือ
แม้ว่าฮูหนิวจะยังไม่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ แต่นางก็มีความเร็วที่น่าทึ่งมาก แม้จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยังเป็นเรื่องยากเลยที่จะทำร้ายนาง
พวกเขากลับเข้ามาในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวอีกครั้งและไปดูเหมืองโบราณของแคว้นอัคคี พลังปราณสีดำที่แผ่ออกมาเริ่มหนาแน่นขึ้นและน่าหวาดกลัว หลิงฮันเริ่มเป็นกังวลมากยิ่งขึ้นว่าคนพวกนั้นจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
หลังจากแวะดูเสร็จ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ตระกูลเฮ่อเหลียน
หลังจากที่กายหยาบของมนุษย์ก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบาน ไม่สำคัญว่าจะหายใจและกินดื่มหรือไม่ มีเพียงแค่พลังปราณอย่างเดียวก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว และเมื่อบรรลุระดับสูงขึ้นไปอีก พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับพลังปราณก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้นานหลายสิบปีจากพลังปราณของตัวเอง
ดังนั้น พวกเขาสามารถกั้นหายใจและแหวกว่ายเหมือนปลาในทะเลได้่
ส่วนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นไม่แม้กระทั่งหายใจ นางมีสายเลือดมังกรที่แท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในน้ำหรือบนบกก็ไม่แตกต่างกัน แต่ถ้าอยู่ในน้ำความแข็งแกร่งของนางก็จะเพิ่มขึ้น
หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ พลังปราณที่อยู่ในทะเลไม่ได้แตกต่างจากบนบกมากนัก แต่ทะเลนั้นเป็นคุณสมบัติของธาตุน้ำ ดังนั้นเผ่าใต้สมุทรจึงมีความได้เปรียบอย่างมากในการบ่มเพาะพลัง
ทะเลเป็นแบ่งออกเป็นสามส่วน ปลาตัวเล็กตัวน้อยจะอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำตื้น อย่างไรก็ตาม ถ้าดำลึกลงไปอีกปลาตัวใหญ่จะปรากฏตัวออกมาให้เห็นทีละตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึกสิบไมล์จากพื้นผิวทะเลจะมีสัตว์ทะเลสายพันธุ์ยักษ์ปรากฏตัวออกมาให้เห็น
สิ่งมีชีวิตพวกนั้นมีขนาดเทียบเท่ากับภูเขา แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง เพียงแค่พละกำลังของมันอย่างเดียวก็น่าสะพรึงกลัวแล้ว เพียงแค่ชนก็สามารถทำให้ภูเขาพังทลายลงได้ และเมื่อฟังจากที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูด เหมือนว่ายังไม่ใช่ขนาดที่ใหญ่ที่สุดของพวกมัน
สามวันต่อมา พวกเขาเดินทางออกห่างจากดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวมาไกล จากคำบอกกล่าวของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน พวกเขาจะต้องเดินทางอีกเจ็ดวันกว่าจะถึงตระกูลเฮ่อเหลียน
โดยที่หลิงฮันไม่คาดคิด เขาคิดว่าอาณาเขตของตระกูลเฮ่อเหลียนจะอยู่ใต้ทะเลลึกสักอีก ทว่ามันกลับอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ ในความเป็นจริง เผ่าใต้สมุทรส่วนใหญ่จะอยู่บนบก เพราะมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อยู่ใต้ท้องทะเล พวกมันไม่ฉลาดและไม่ได้บ่มเพาะพลัง พวกมันเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยพละกำลัง หากพวกเขาอาศัยอยู่ใต้ท้องทะเล มันจะเป็นการเสี่ยงที่จะถูกสิ่งมีชีวิตพวกนั้นทำลาย
“ถ้างั้นเจ้าพาข้าไปที่ก้นทะเลทำไม?” หลิงฮันอดที่จะถามออกมาไม่ได้
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อเจ้ามาที่เผ่าใต้สมุทร ข้าเลยอยากพาเจ้าชื่นชมทิวทัศน์ของท้องทะเล”
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก
เจ็ดวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงดินแดนของตระกูลเฮ่อเหลียน เกาะฉงหยุน
“หยุด ที่นี่คือดินแดนของตระกูลเฮ่อเหลียนเจ้ามีธุระอันใดถึงมาที่นี่?” ทันทีที่พวกเขาย่างก้าวเข้ามา พวกเขาเห็นทหารยามที่คล้าย “คน” สองคนกระโจนเข้ามาหา ร่างกายของพวกเขาส่วนบนเป็นมนุษย์ แต่ส่วนล่างเป็นเหมือนกุ้งมังกร หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้เห็น
“จ…องค์หญิงลำดับเจ็ด!” เมื่อพวกเขาเห็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน พวกเขารีบโค้งคำนับทันที
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหลบหนีจากการแต่งงานและปล่อยให้สองตระกูลใหญ่ร่วมมือกันตามล่านาง แต่ตระกูลเฮ่อเหลียนไม่เคยพูดว่าจะไม่ให้นางย่างก้าวกลับเข้ามาบ้านเกิด ต้องรู้ก่อนว่าสายเลือดของนางสูงส่งแค่ไหน และเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดหางนาง
ด้วยเหตุนี้ทหารยามที่คล้ายกุ้งทั้งสองคนจะไม่กล้าเคารพนางได้อย่างไร?
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโบกมือและพูดว่า “ข้าต้องการพบพ่อของข้า”
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปรายงานให้ท่านประมุขทราบทันที!” ทหารยามกุ้งคนหนึ่งหันหลังและรีบไปรายงานอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 781
หลังจากนั้นไม่นานตัวตนที่ทรงอำนาจหลายคนก็ปรากฏตัวออกมา ถึงแม้พวกเขาจะตั้งใจกลบเกลื่อนกลิ่นอายอันทรงพลังของตนเอาไว้แค่ไหน แต่ภายในแววตาของพวกเขาก็ยังเต็มไปด้วยออร่าอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
มันคือออร่าอันทรงพลังของตัวตนระดับทลายมิติ
“สวินเสวี่ยน!” ชายในวัยกลางคเอ่ยขึ้น เขาสวมเสื้อคลุมห้าสีและมีร่างที่สูงใหญ่ บนหัวเขามีบริเวณที่นูนแหลมขึ้นมาเล็กน้อยราวกับเป็นเขาขนาดเล็ก มันคือหลักฐานว่าเขาคือผู้ที่สืบสายเลือดมาจากมังกร แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นนี้ อย่างเช่นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนที่สืบสายเลือดมังกรและมีสายเลือดที่บริสุทธิ์ก็ไม่มีเขางอกออกมา
“คารวะท่านพ่อ!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคำนับ อีกฝ่ายไม่ใช่แค่บิดาของนาง แต่ยังเป็นถึงผู้นำตระกูลเฮ่อเหลียนสวินและเป็นตัวตนระดับทลายมิติที่ทรงพลัง
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะกล่าว “ข้าคือหลิงฮัน ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฮ่อเหลียนแห่งมหาสมุทรทางเหนือ”
ตระกูลเฮ่อเหลียนยังไม่ได้แสดงท่าทีออกมาแน่ชัดว่าพวกเขายอมรับหรือปฏิเสธหลิงฮันเป็นลูกเขยรึยัง ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่คิดจะทำท่าทีเย็นชาใส่พวกเขา
“ฮึ่ม!” นอกจากเฮ่อเหลียนหลง ผู้อาวุโสคนอื่นอีกห้าคนแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ต่อหลิงฮันออกมา
หลิงฮันคือชายที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฮ่อเหลียนและตระกูลเซียนหยู่ พวกเขาอยากจะสังหารหลิงฮันให้ตายๆไปซะเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ!
เฮ่อเหลียนหลงพยักหน้าและกล่าว “เข้ามาข้างในก่อน”
ทั้งหกคนหันหลังเดินกลับเข้าไป เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองก็หันมาพยักหน้าให้หลิงฮันและเดินตามเข้าไปเช่นกัน
พวกเขาทุกคนเดินเข้าไปในห้องโถงห้องหนึ่งและพบกับผู้คนมากมายที่นั่งอยู่ในห้อง ผู้คนเหล่านี้มีทั้งผู้อาวุโสและรุ่นเยาว์ เหล่าผู้อาวุโสนั้นจะมีที่นั่งในขณะที่รุ่นเยาว์จะยืนอยู่รอบๆ แต่ก็มีรุ่นเยาว์บางคนที่เป็นข้อยกเว้นและมีที่ให้นั่งเช่นกัน
รุ่นเยาว์ที่ได้นั่งคงจะเป็นผู้นำแห่งรุ่นเยาว์ในยุคสมัยหน้าของตระกูลเฮ่อเหลียน
หลิงฮันชำเลืองมอง รุ่นเยาว์เหล่านั้นมีพลังบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวา แต่ก็มีสองคนที่บรรลุระดับสวรรค์แล้ว จากที่มองดูพวกเขาควรจะมีอายุอยู่ในช่วงสี่สิบถึงห้าสิบปี
“สวินเสวี่ยน เจ้าหลบหนีการแต่งงานกับตระกูลเซียนหยู่ เจ้ารู้ถึงความผิดนี้ดีใช่ไหม?” ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขากระแทกกระทั้นเต็มไปด้วยพลัง
หลิงฮันก้าวเดินไปด้านหน้าและยิ้ม “ครั้งนี้ที่พวกข้ายอมตอบรับคำเชิญมาที่เผ่าใต้สมุทรเป็นเพราะเรื่องของการชำระล้างที่จะเกิดขึ้น ทำไมจู่ๆถึงได้พาดพิงสวินเสวี่ยน? ถ้าหากเป็นเช่นนี้พวกเราคงต้องขอตัวกลับ”
“เผ่ามนุษย์จอมโอหัง เจ้ากล้าทำท่าทางอวดดีต่อหน้าข้างั้นรึ!” ชายชราก่อนหน้านี้คำราม เขาตัวตัวตนระดับทลายมิติที่ทรงพลัง การคำรามของเขาก่อให้เกิดคลื่นพลังที่ทำให้ทุกคนต้องรู้สึกแน่นหน้าอกราวกับร่างจะระเบิด
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง ตอนที่เขาและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมาถึงตระกูล พวกเขาได้รับการต้อนรับจากจอมยุทธระดับทลายมิติหกคน ถึงแม้เฮ่อเหลียนหลงจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่นั่นก็เห็นได้ชัดว่าเฮ่อเหลียนหลงต้องการเจรจาอย่างสันติ
หลิงฮันกล่าว “ถ้าตระกูลเฮ่อเหลียนไม่ต้อนรับพวกเรา เช่นนั้นพวกเราคงต้องขอตัว”
“มาถึงที่นี่แล้วเจ้าคิดว่าแค่พูดว่าจะกลับก็สามารถกลับได้?” จอมยุทธระดับทลายมิติอีกคนกล่าว รูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนชายอายุสี่สิบปีและมีร่างที่สูงกำยำ ความสูงของเขานั้ราวกับเป็นภูเขาขนาดย่อม แถมแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาก็ทรงพลังยิ่งนัก
หลิงฮันชำเลืองไปยังจอมยุทธคนนั้นและกล่าว “โอ้ เจ้าคิดจะหยุดรั้งพวกข้า? เอาสิ แสดงให้ข้าเห็นหน่อยว่าเผ่าใต้สมุทรแข็งแกร่งขนาดไหน!”
ถ้าเขาหลบหนีไปเฉยๆ ตระกูลเฮ่อเหลียนก็จะคิดว่าเขาเป็นคนที่รังแกได้ง่ายๆ ภายภาคหน้าเขาจะต้องถูกพวกเขาดูถูกเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องการประจันหน้ากับตระกูลเฮ่อเหลียนซึ่งๆหน้า
“ฮ่าๆ เจ้าคิดจะท้าประลองข้า?” จอมยุทธร่างใหญ่อดหัวเราะไม่ได้ นี่เป็นเรื่องขบขันที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา… จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาคิดจะท้าทายจอมยุทธณระดับทลายมิติ!
“เจ้าไม่กล้า? ถ้าเจ้าไม่กล้าเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดสั่งข้า!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา
รุ่นเยาว์ผู้นี้บ้าไปแล้ว!
จอมยุทธมากมายในห้องโถงตกตะลึง ในสายตาของพวกเขาเผ่ามนุษย์ตรงหน้านั้นเป็นตัวตนที่แสนอ่อนแอ และตอนนี้ตัวตนที่แสนอ่อนแอนั้นกำลังท้าประลองกับผู้ที่เหนือกว่า
แม้ที่จริงจอมยุทธร่างยักษ์นี้จะไม่ใช่คนของตระกูลเฮ่อเหลียน แต่เขาก็เป็นคนของหนึ่งในเจ็ดขุมอำนาจภายใต้ตระกูลเฮ่อเหลียน ชื่อแซ่ของเขาคือหยูเจี่ยนเชิน เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสาม
ตระกูลเฮ่อเหลียนมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าสามสิบคน ภายในจำนวนนี้มีจอมยุทธระดับทลายมิติที่เป็นคนของตระกูลเฮ่อเหลี่ยนโดยตรงประมาณสี่สิบคน นับว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก
ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเล่ารายละเอียดต่างๆของตระกูลเฮ่อเหลียนให้เขาฟังแล้ว ดังนั้นหลิงฮันจึงเข้าใจอำนาจของตระกูลเฮ่อเหลียนดี ที่ตระกูลเฮ่อมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากมายนั้น หนึ่งก็เป็นเพราะเขามีสายเลือดจากบรรพบุรุษที่ช่วยให้บรรลุถึงระดับนี้ได้ สองคือพวกเขาที่เป็นลูกหลานของมังกรที่แท้จริงนั้นย่อมมีอายุขัยที่ยาวนาน แต่ละระดับพลังพวกเขาจะได้รับอายุขัยมากกว่าเผ่ามนุษย์ถึงสามเท่า
ยิ่งอายุขัยยืนยาว โอกาสที่จะทะลวงผ่านระดับก็ยิ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอายุขัยสามเท่านั้นได้มอบโอกาสอันไม่รู้จบให้กับพวกเขา
จอมยุทธระดับทลายมิติเผ่ามนุษย์นั้นมีอายุขัยเพียงหนึ่งพันปี แต่เผ่าใต้สมุทรนั้นมีถึงสามถึงสี่พันปี และด้วยยุคสมัยที่ผ่านพ้นไป พวกเขาจะไม่มีจอมยุทธระดับทลายมิติจำนวนมากได้อย่างไร?
“ฮ่าๆๆ รุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ ถ้าเจ้าสามารถรับหนึ่งการโจมตีจากข้าได้ ข้าจะยอมให้เจ้าเปิดปากพูด!” หยูเจี่ยนเชินหัวเราะด้วยความโกรธ
คนอื่นๆในห้องโถงไม่มีใครพูดห้าม นั่นเพราะพวกเขาต้องการจะให้หยูเจี่ยนเชินสั่งสอนหลิงฮันเล็กๆน้อยๆ แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดจะให้หยูเจี่ยนเชินลงมือหนักเกินไป เพราะอย่างแรกพวกเขาต้องการข้อมูลการชำระล้างจากหลิงฮัน และอย่างที่สองคือพวกเขาเคยถูกอี้ชวงชวงทุบตีมาก่อนทำให้รู้สึกหวาดกลัว
“ผู้อาวุโสสาม ทำไมท่านถึงลงมือล่ะ? ให้ข้าเป็นคนจัดการเองดีกว่า!” รุ่นเยาว์ร่างใหญ่อีกคนเดินออกมาและชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน “ข้าคือหยูสื่อเหอ เป็นคนของตระกูลหยูเช่นกัน เจ้าเผ่ามนุษย์ จงยอมให้ข้าสังหารแต่โดยดีซะ!”
เมื่อเห็นหยูสื่อเหอเดินออกมา จอมยุทธบางคนของตระกูลเฮ่อเหลี่ยนก็ขมวดคิ้ว
มีเพียงจอมยุทธระดับทลายมิติของตระกูลเท่านั้นที่ตระหนักถึงการชำระล้าง พวกเขาต้องการข้อมูลเกี่ยวกับมันจึงได้เชิญหลิงฮันมาที่นี่ ซึ่งการชำระล้างเป็นภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาไม่อาจปล่อยให้ข่าวนี้หลุดไปถึงหูรุ่นเยาว์ได้
หยูสื่อเหอคือรุ่นเยาว์ที่ไม่รู้เกี่ยวกับการชำระล้างแม้แต่น้อย เขามีพลังบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวาขั้นเก้าและพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว เขาสามารถสู้ข้ามระดับได้ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นต้น ถ้าเขาเผลอลงมือสังหารหลิงฮันจริงคงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่
ตอนที่ 782
ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครในตระกูลเฮ่อเหลียนที่รู้ว่าทำไมหยูสื่อเหอชอบตามล่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอยู่ตลอดเวลา เพราะเขาอยากจะแต่งงานกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
แต่ตอนนี้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นได้ให้กำเนิดบุตรชายกับเผ่ามนุษย์ เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะแต่งงานกับตระกูลเซียนหยู่ได้อีกครั้ง – ยิ่งไปกว่านั้นเซียนหยู่ตงหมิงก็ได้ตายไปแล้ว เขาเลยมีโอกาสที่จะได้แต่งงานกับนาง
ถ้าเขาฆ่าหลิงฮัน ความเกลียดชังของเขาจะหายไปหรือไม่?
แต่ใครจะเดาความคิดของหยูสื่อเหอได้? ดังนั้นทุกคนเลยเห็นพ้องกัน พวกเขาเพียงแค่อยากสั่งสอนหลิงฮันเท่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นเอาชีวิต
“ปล่อยไป” เฮ่อเหลียนหลงโบกมือ ถ้าหลิงฮันพ่ายแพ้ เขาจะอยากรับอีกฝ่ายเป็นบุตรเขยหรือไม่? แล้วมันจะเป็นเรื่องน่าอายขนาดไหน?
หยูสื่อเหอรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที ถ้าราชากล่าวเช่นนั้นเท่ากับว่าเขาไม่ยอมรับอีกฝ่ายเป็นลูกเขยมิใช่หรือ? เขาก้าวออกไปและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ เพื่อไม่เป็นการกลั่นแกล้งเจ้า ข้าจะใช้แค่มือข้างเดียวเท่านั้นเพื่อสั่งสอนเจ้า”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวต่างยิ้มกริมที่อีกฝ่ายไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลิงฮัน อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเลย แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์เขาก็สามารถจัดการได้ในพริบตา ถ้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ ไม่ใช่ว่าเขามีรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีอยู่หรอกหรือ?
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและเดินออกไปสองก้าว เขาพูดว่า “เจ้าจะสั่งสอนข้าด้วยมือข้างเดียว?”
“ใช่แล้ว ข้าหยูสือเหอพูดคำไหนคำนั้น” หยูสื่อเหอพูดด้วยความมั่นใจ
“ถ้างั้นข้าคงต้องแสดงความขอบคุณเจ้าก่อน” หลิงฮัน “และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
หยูสื่อเหอแสยะยิ้ม เผ่ามนุษย์นี่ช่างใสซื่อยิ่งนัก ข้าจะแย่งภรรยาของเจ้า แต่เจ้ายังให้ความเคารพข้า! เขาตบหน้าอกตัวเองและพูดว่า “เชิญเจ้าแสดงพลังทั้งหมดออกมาได้เลย!”
“ก็ได้!” หลิงฮันนำดาบสังหารออกมา แล้วยกมันขึ้นที่หน้าอก
“หืม?” จอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนเกิดความรู้สึกตึงเครียด แม้ว่าพวกเขาพยายามจะไม่แสดงสีหน้าออกมา แต่ก็ยังมีคนอื่นที่ปกปิดสีหน้าไม่มิด ดาบนั่นมันอะไรกัน?
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากเริ่มหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นซีดขาว แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังแทบจะนั่งตกเก้าอี้
ส่วนหยูสื่อเหอเผลอเดินถอยหลังไปเจ็ดก้าว โชคดีที่หยูเจี่ยนเชินยืนอยู่ด้านหลังและจับเขาไว้ มิฉะนั้นเขาคงนั่งลงไปกองกับพื้นไปแล้ว
“เผ่ามนุษย์ ดาบเล่มนี้…มีชื่อหรือไม่?” จอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งถาม เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่จากมัน ราวกับว่าถ้าอาคมบนดาบถูกเปิดใช้งาน มันสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อาวุธวิญญาณ!
“ดาบสังหาร!” หลิงฮันลูบคมดาบและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าของเดิมตั้งชื่อของมันว่าดาบอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์ แต่ข้ารู้สึกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปลิดชีพ ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันใหม่ว่าดาบสังหาร”
“ดาบอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์!” จอมยุทธระดับมิติหลายคนส่งเสียงพึมพัม และคิดที่จะนำสมบัติทุกอย่างมาแลกกับดาบสังหาร ซึ่งเพียงพอที่จะยกระดับพลังต่อสู้ของพวกเขาสิบดาว!
สีหน้าของหยูเจี่ยนเชินเองก็เคร่งขรึมเช่นกัน เขาพูดว่า “สื่อเหอ อย่าประมาท ดาบเล่นนั้นไม่ธรรมดา!”
หยูสื่อเหอไม่ได้ใส่ใจ ประสิทธิภาพของอาวุธขึ้นอยู่กับผู้ใช้ แล้วอีกฝ่ายที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะแสดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร? อย่างมาก ก็เป็นแค่ดาบคมๆ แล้วเขาจะต้องกลัวอะไร?
แต่เขาไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของหยูเจี่ยนเชิน และตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ลุงสาม ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ นี่คือไพ่ตายของเจ้าอย่างนั้นรึ?”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี”
จอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนต่างประหลาดใจ เขาครอบครองดาบที่ไม่มีใครเหมือน แล้วพูดว่านี่คือทั้งหมดที่เขามี ถ้างั้นอาวุธที่พวกเขามีนับว่าเป็นอะไร? ต้องรู้ก่อนว่าแร่เหล็กระดับสิบนั้นหาได้ยากมาก ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติคนจะมีอาวุธวิญญาณระดับสิบ
ดังนั้น จอมยุทธระดับทลายมิติหลายคนจึงใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายเพื่อสร้างอาวุธวิญญาณ แน่นอนว่ามีบางคนใช้กระดูกของตัวเองสร้างอาวุธวิญญาณเช่นกันเพราะมันมีประสิทธิภาพมากกว่า
เหมือนกับศพที่สอง ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก และถึงแม้จะไม่มีแร่เหล็กระดับสิบ แต่เขาก็ยังใช้กระดูกขาตัวเองเป็นอาวุธวิญญาณ
“เข้ามา!” หยูสื่อเหอเต็มไปด้วยความมั่นใจ นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้จักความน่าสะพรึงกลัวของดาบสังหาร
นอกจากนี้ระดับพลังของเขาในปัจจุบันสูงกว่าอีกฝ่ายยิ่งเป็นเผ่ามนุษย์ด้วยแล้วทำไมเขาต้องกลัวด้วย
หลิงฮันยกดาบขึ้นมาและปลดปล่อยพลังของมันออกมา
เมื่อเจตจำนงแห่งดาบถูกปลดปล่อยออกมา หยูสื่อเหอขมวดคิ้วทันที และรู้สึกได้แค่ความหนาวเย็นทั้งยังหายใจได้ยากลำบาก หัวของเขาเริ่มว่างเปล่า มือของเขาเริ่มกำหมัดแน่นและมีเหงื่อไหลออกมา
จอมยุทธระดับทลายมิติเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แม้พวกเขาจะยังไม่เห็นพลังของมัน แต่พวกเขาไม่อาจตัดสินใจด้วยตาเปล่าได้ พลังทำลายล้างของดาบเล่มนี้อย่างน้อยจะต้องเป็นระดับสวรรค์เก้าดาว!
แน่นอนว่าหยูสื่อหยุนเป็นอัจฉริยะ แม้ว่าเขาจะมีพลังต่อสู้ระดับสวรรค์ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แต่พลังต่อสู้หนึ่งดาว มันแตกต่างกันมากเหมือนกับสวรรค์และปฐพี
“พอแค่นั้นแหละ!” หยูเจี่ยนเชินรีบเดินออกมา ถ้าหลิงฮันโจมตีด้วยดาบเล่มนี้หยูสื่อเหอจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน
หลิงฮันทำเป็นไม่พอใจและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเขาจะสั่งสอนข้าด้วยมือข้างเดียวหรอกหรือ? หรือว่าพวกเจ้าคิดจะรุมข้า?”
ใบหน้าของหยูเจี่ยนเชินกลายเป็นบิดเบี้ยว อีกฝ่ายตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น! อีกฝ่ายได้ไตร่ตรองไว้แล้วและรู้ความน่าสะพรึงกลัวดาบของตัวเองดี เขาถูกหลอกโดยหมูที่กินเนื้อเสือและทำให้เขาดูกลายเป็นลาที่โง่เขลา
เขาส่งเสียงกระแอ่มและพูดว่า “หยูสื่อเหอไม่ใช่คู่มือของเจ้าหรอก ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”
หลิงฮันส่ายหัว “ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเจ้าไม่เจียมตัวเอาเสียเลยถึงปล่อยให้เขามาสู้กับข้า!”
หยูเจี่ยนเชินเกือบจะกระโจนเข้าใส่หลิงฮันแต่ไม่ทำเช่นนั้น เขาส่งเสียงกระแอ่มอีกครั้งและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ เจ้าอย่าเลยเถิดจนเกินไป!”
“เลยเถิด?” หลิงฮันยิ้ม “ตั้งแต่แรกข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้ แต่เป็นฝั่งเจ้าเองมิใช่หรือ? ใครกันแน่ที่เลยเถิด?”
เหล่าจอมยุทธระดับทลายมิติแสดงสีหน้าตกตะลึง นี่พวกเขาลืมประเด็นสำคัญไปได้ยังไงกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น