Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 767-778
ตอนที่ 767
“หลิงฮัน เจ้าต้องคิดให้ดีเสียก่อน นี่เจ้าคิดจะสังหารพวกเขาจริงๆ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเข้ามาถามเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หลิงฮันมองไปที่นางและกล่าว “เผ่าใต้สมุทรที่ยิ่งยโสเช่นนี้ ถ้าหากครั้งนี้ข้ายอมให้ ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าข้าก็ต้องยอมพวกเขาอีกรึ?”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่ายหัว “แต่ตอนนี้พวกเรายังอ่อนแอเกินไป พวกเราต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะมีอำนาจต่อต้านพวกเขา”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าวตอบ “เจ้าไม่ได้ยินที่พวกเขาบอกว่าจะสังหารประชากรทั้งเมืองทิ้งรึไง? ถ้าข้ายอมปล่อยให้ใครมาทำอะไรกับคนในอาณาเขตของข้าตามอำเภอใจ ข้าจะยังเรียกได้ว่าเป็นจักรพรรดิอีกรึ?”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่ายเป็นไร้คำพูดและชะงักไปชั่วขณะ “ครั้งต่อไป ตระกูลเซียนหยู่จะต้องส่งจอมยุทธระดับทลายมิติมาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”
“ไม่ต้องกังวล” หลิงฮันยิ้ม
เขาไม่หวาดกลัวจอมยุทธระดับทลายมิติ ด้วยพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬ เขามีอากาสหนึ่งครั้งในการเพิ่มพลังต่อสู้ให้เท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติ ถ้าเขาสามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติที่พวกเขาส่งมา เผ่าใต้สมุทรจะต้องคิดหนักก่อนลงมือครั้งต่อไปแน่นอน
แถมเขาก็ยังเข้าใจรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว หากเขาใช้งานมันได้เขาจะมีพลังต่อสู้เทียบเท่าจอมยุทธระดับทลายมิติไปโดยปริยาย
เขามุ่งหน้าไปยังบริเวณทางทิศตะวันออกของเมือง เซียนหยู่เฉิงและหลานของเขาถูกจับตัวมาที่นี่ พวกเขาทั้งสองถูกมัดเอาไว้ด้วยโซ่และถูกบังคับให้นั่งอยู่ในท่าคุกเข่าบนแท่นสูง
นี่คือการลงโทษให้สาธารณะชนเห็น ก่อนหน้านี้จูหลงชิงและเฉียนเฟิงก็ถูกแซ่เฆี่ยนตีที่นี่
“เผ่ามนุษย์ การกระทำครั้งของเจ้าคือการแส่หาความตายใส่ตัว ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้!” เซียนหยู่ตงหมิงตะโกน “ข้าคือคนของตระกูลเซียนหยู่แห่งมหาสมุทรทางเหนือ ในอนาคตข้าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล ถ้าเจ้าสัมผัสแม้เพียงเส้นผมข้า ตระกูลของข้าที่มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าสามสิบคนจะบุกมาที่นี่และบดขยี้พวกเจ้าหเป็นผุยผง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ประชาชนมากมายก็รู้สึกหวาดกลัวทันที จอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าสามสิบคน? นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
“จะตายแล้วก็ยังไม่สำนึก!” หลิงฮันเดินเข้าไปและตบเข้าที่ใบหน้าของเซียนหยู่ตงหมิง
เซียนหยู่เฉิงเข้าใจสถานการณ์นี่ นี่ไม่ใช่การลงโทษเพียงเพื่อข่มขู่ “เผ่ามนุษย์ ก่อนหน้านี้พวกเราอาจจะเสียมารยาทไปบ้าง แต่พวกเราก็ไม่ได้มีเจตตาร้ายอันใด พวกเราแค่ต้องการตามหาสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น เอาแบบนี้เป็นไง? ถ้าเจ้าปล่อยพวกเราไปพวกเราจะจ่ายค่าชดใช้ให้เจ้าแน่นอน และถ้าเจ้าหาสตรีผู้นั้นให้พวกเราได้ พวกเราก็จะจ่ายค่าตอบแทนอีกครั้ง!”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “เจ้าโง่รึเปล่า? พูดจาข่มขู่ข้าไว้ขนาดนั้นแต่ตอนนี้กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ไม่มีเจตนาร้ายงั้นรึ? ข้าเองก็ไม่มีเจตนาร้ายเช่นกัน ข้าแค่จะสังหารพวกเจ้าเท่านั้น”
‘เพี๊ยะ!’
หลิงฮันตบไปที่ใบหน้าของเซียนหยู่ตงหมิงอีกครั้ง จนอีกฝ่ายถึงกับมึนงง นี่ข้ายังไม่พูดอะไรเสียหน่อย แล้วเจ้าตบหน้าข้าทำไมกัน?
หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา “ในปราสาทของข้า เจ้าแสดงท่าทียิ่งยโสและออกคำสั่งต่อคนของข้าโดยพลการ ความอวดดีเช่นนั้นช่างเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ”
“เผ่ามนุษย์ ทุกอย่างเป็นความผิดของเราเอง ช่วยเห็นแก่หน้าของตระกูลมหาอำนาจของมหาสมุทรทางเหนือและไว้ชีวิตพวกเราที!” คำพูดของเซียนหยู่เฉิงสุภาพขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่เขารักษาชีวิตเอาไว้ได้เขาก็จะมีโอกาสแก้แค้นอีกครั้ง
หลิงฮันหัวเราะและตบบ่าเซียนหยู่เฉิง “น้ำเสียงเจ้าฟังดูเข้าหูไม่น้อย ทำไมเจ้าไม่พูดแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกล่ะ? แต่น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่นำพาให้เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน นั่นเพราะสตรีที่เจ้ากำลังหาอยู่คือภรรยาของข้า!”
เซียนหยู่ตงหมิงชะงักไปซักพักก่อนจะตั้งสติได้ เจ้านี่เอง! ใครจะไปคิดว่าไม่ใช่แค่สตรีที่เขาตามหาจะอยู่ที่นี่ แต่ชู้ของนางก็ยังอยู่ตรงหน้าเขาด้วย!
“ประหาร!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชาและยกดาบสังหารขึ้น “จักรวรรดิต้าหลิงไม่อาจถูกล่วงเกิน ไม่ว่าผู้ลุกลามจะเป็นใครข้าก็จะสังหารมันให้สิ้น!”
‘ฟุบ’ ดาบเขาแทงทะลุเข้าหัวใจของทั้งสอง
“จักรพรรดิจงเจริญ!” เสี่ยงโห่ดังก้องกังวาลไปทั่วเมือง หลิงฮันได้แสดงเจตนารมณ์ในฐานะจักรพรรดิให้พวกเขาเห็นแล้ว จักรวรรดิต้าหลิงไม่เกรงกลัวต่อผู้บุกรุกใดๆ!
การประหารต่อหน้าสาธารณะชนทำให้ภาพลักษณ์ของหลิงฮันฝังลึกเข้าไปในจิตใจของผู้คน
เมื่อหลิงฮันกลับมายังปราสาทและกำลังจะพักผ่อน จู่ๆเขาก็ตื่นตัวและเอ่ยขึ้น “ใครกัน!”
“โอ้ ความรู้สึกไวจริงๆ ข้าแค่เผลอตัวชั่วครู่เข้าก็สัมผัสถึงร่องรอยของข้าได้แล้ว” ในขณะที่เสียงเอ่ยชมดังขึ้น หลิงฮันก็เห็นสตรีร่างงามผมแดงปรากฏตัวออกมา
นางคืออี้ชวงชวง ผมสีแดงของนางเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเหมือน
“เจ้า!” หลิงฮันแสดงสีหน้าเป็นกังวล อีกฝ่ายคือจอมยุทธระดับทลายมิติและมีความเป็นได้ได้สูงว่าจะเป็นตัวตนระดับสูง แม้เขาจะให้หอคอยทมิฬประเมินพลังของนาง หอคอยทมิฬก็ยังบอกว่าการจะต่อกรกับนางเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
“หืม ท่าทีแบบนั้นมันอะไร? เจ้าไม่ดีใจหรือไงที่ได้พบหน้าข้า?” อี้ชวงชวงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ข้าอุตส่าห์ลำบากลำบนเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือเจ้าแท้ๆ”
“โอ้?” หลิงฮันยิ้ม “ข้าไม่ยักกะรู้ว่าเจ้าเป็นคนดีเช่นนั้น!”
“เหอะ ถ้าข้าไม่ติดใจถึงความแปลกประหลาดของเจ้า ข้าก็ไม่คิดจะยุ่งกับเจ้าหรอก” อี้ชวงชวงแตะคางทำท่าทีครุ่นคิด “นอกจากนั้นก็ยังมีสาวน้อยคนนั้นอีก เด็กสาวคนนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ข้าอยากจะรับนางเป็นลูกศิษจริงๆ”
“ฮึ หนิวไม่ต้องการเสียหน่อย!” ฮูหนิวที่ไม่รู้ว่าจู่ๆโผล่มาจากไหนได้ทำท่าแลบลิ้นใส่อี้ชวงชวง
หลิงฮันโบกมือให้ฮูหนิวหยุดพูดก่อนที่จะกล่าว “แล้วเจ้าจะช่วยเหลือข้าอย่างไร?”
“ข้าจะช่วยเหลือเจ้าสองอย่าง อย่างแรกข้าจะยอมลดตัวเป็นจักรพรรดินีเพื่อช่วยเหลือเจ้า และอย่างที่สอง… สิ่งที่เจ้าเรียกว่าพลังแห่งจักรภพนั่น แค่ได้เห็นมันก็ทำให้ข้าหัวเราะแล้ว!” อี้ชวงชวงยิ้ม
“โอ้ งั้นช่วยแนะนำทีว่าพลังจักรพรรดิของอาณาจักรข้ามีอะไรผิดพลาด?” หลิงฮันกล่าวถาม
ตอนที่ 768
“เจ้าควรพูดว่าโปรดให้คำแนะนำแก่ข้าด้วย!” อี้ชวงชวงส่ายหน้าและแสดงสีหน้าดูถูก
หลิงฮันยอมรับอย่างสุภาพและพูดว่า “โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าด้วย”
อี้ชวงชวงยกมือขึ้นมาและพูดว่า “แล้วชาของข้าล่ะ? นี่เจ้ายังไม่เคารพข้าว่าอาจารย์อีก? เจ้าหนู หรือเจ้าคิดจะจับเสือมือเปล่า?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าน่ะหรือจะจับเสือมือเปล่า?” หลิงฮันหัวเราะ
“เจ้าหนู นี่เจ้าอยากตายใช่ไหม?” อี้ชวงชวงจ้องมองหลิงฮัน
หลิงฮันพยักหน้าส่งสัญญาณให้สาวใช้นำชาและผลไม้มาเสิร์ฟ แล้วพูดว่า “อาจารย์อี้ โปรดนั่งลงก่อนและช่วยแนะนำศิษย์ผู้นี้ด้วย”
“อืม!” อี้ชวงชวงนั่งลงและพูดว่า “เพื่อเห็นแก่ความสุภาพของเจ้า ข้าเป็นหญิงสาวที่ใจดีพอที่จะให้คำแนะนำแก่เจ้า!” นางกระแอมเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิจะถูกแบ่งเป็นสี่ระดับ ระดับสวรรค์ ระดับจักรพรรดิ ระดับราชันและระดับราชา ซึ่งระดับสวรรค์นั้นคือระดับสูงสุด ในขณะที่ระดับราชาคือระดับต่ำสุด แต่ละระดับจะแตกต่างกันอย่างมากโดยพิจารณาจากขนาดของจักรวรรดิ จำนวนและความแข็งแกร่งของจอมยุทธ”
“ตามทฤษฎีแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีจักรวรรดิระดับราชันเกิดขึ้นในโลกใบนี้ เพราะคุณสมบัติไม่เพียงพอ”
หลิงฮันพูดแทรกทันที “อ้วนหม่าเคยก่อตั้งราชวงศ์โบราณ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นจักรวรรดิจันทราม่วงแล้ว แล้วเจ้าคิดยังไงกับเรื่องของเจ้าอ้วนหม่า?”
อี้ชวงชวงพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าอ้วนนั่นถูกฝังมานานหลายปีและยังอ้วนขึ้น แต่ยังกล้าเรียกตัวเองว่าจักรวรรดิ? โชคดีที่เขาไม่ได้อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นคงจะถูกกำจัดไปแล้ว”
“แล้วทำยังไงถึงจะเรียกว่าจักรวรรดิได้?” หลิงฮันถาม
“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนั้นหรอก เมื่อใดที่เจ้าเปิดสวรรค์ได้ เจ้าจะรู้เรื่องพวกนั้นเอง”อี้ชวงชวงโบกมือและพูดว่า “อันที่จริงตอนนี้เจ้าก็อยู่ในนามของจักรวรรดิจันทราม่วงและเจ้าจำเป็นต้องมีตัวตนระดับทลายมิติคอยดูแล”
หลิงฮันยักไหล่และพูดว่า “พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมามันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว พวกเรามาพูดถึงเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้กันเถอะ”
อี้ชวงชวงจ้องเขม็งไปที่หลิงฮันและพูดว่า “ถ้าข้าไม่พูดแล้วเจ้าจะเข้าใจได้ครบถ้วนได้อย่างไร?”
“แต่เมื่อเจ้าพูดถึงเรื่องนั้น มันก็ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้ ข้าไม่เข้าใจจุดประสงค์แม้แต่น้อย” หลิงฮันถอนหายใจ
“ข้ากำลังจะพูดถึงจุดประสงค์ นี่เจ้าอดทนรอไม่เป็นหรือไง?” อี้ชวงชวงกล่าว “การก่อตั้งจักรวรรดินั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเจ้าต้องการดึงพลังแห่งจักรภพ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างจักรวรรดิเท่านั้น”
“สิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งจักรภพนั้นคือพลังของจักรวรรดิ เจ้าคิดว่าพลังนั่นมาจากไหน? มันขึ้นอยู่กับประชาชนของเจ้าศรัทธาในจักรวรรดิของเจ้าหรือไม่ และขึ้นอยู่กับความมั่งคั่งและความโชคร้ายกับความโชคดีของจักรวรรดิ และสถานการณ์ในปัจจุบันของจักรวรรดิ”
“อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนทั่วไปทุกคนที่จะพบเห็นเจ้าและการมีอยู่ของจักรวรรดิ เจ้าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนของเจ้าได้อย่างไร?” อี้ชวงชวงถาม
มันคืออะไร?
หลิงฮันก้มหน้าครุ่นคิดและพูดว่า “ถ้างั้นข้าควรทำยังไง?”
“เจ้าจำเป็นต้องมีตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิ จิตใจของผู้คนจะถูกรวมผ่านตราสัญลักษณ์และพลังของผู้คน นี่คือการใช้งานพลังแห่งจักรภพที่ถูกต้อง” อี้ชวงชวงกล่าว
หลิงฮันคิดอยู่พักหนึ่ง เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากและพูดว่า “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดี หรือว่าเจ้าจะมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้!” อี้ชวงชวงไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน
หลิงฮันไม่ถามต่อและพูดว่า “แล้วตราสัญลักษณ์จะต้องสร้างยังไง?”
“มันไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าเพียงแค่หาของบางอย่างออกมาวางไว้ในวิหาร แล้วกระจายภาพเหมือนไปทั่วจักรวรรดิ แล้วปล่อยให้ผู้คนสักการะบูชา เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อตราสัญลักษณ์รวบรวมพลังได้เพียงพอแล้วยังสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปกป้องจักรวรรดินี้ได้อีกด้วย” อี้ชวงชวงกล่าว
“ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเกิดมีสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองจักรวรรดิ แน่นอนว่าประชาชนภายในจักรวรรดิจะต้องเกิดความทุกข์ทรมานและมันจะทำให้ตราสัญลักษณ์อ่อนแอลง พวกเขาคือรากฐานของจักรวรรดิ!”
หลิงฮันคิดอย่างรอบคอบ เขาจะทำตราสัญลักษณ์อะไรดี? ที่เขาคิดไว้คือมังกรที่แท้จริง
มังกร บุตรแห่งสวรรค์ ระฆังแห่งสวรรค์
แต่เขาเพิ่งฆ่าเผ่าใต้สมุทรไปสองคนที่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง ถ้าเขาใช้มังกรที่แท้จริงเป็นตราสัญลักษณ์มันจะไม่แปลกหรือ? นอกจากนี้ หลิงฮันไม่คิดว่ามังกรที่แท้จริงนั้นทรงพลังแต่อย่างใด
เทคนิคเก้ามังกรทรราชย์ทำให้มีพลังของมังกรที่แท้จริงเก้าตัว ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารามีคำว่าฆ่ามังกรอยู่ เห็นได้ชัดว่ามังกรที่แท้จริงไม่ได้สูงส่งและต่อต้านไม่ได้
หรือจะใช้…หอคอยทมิฬ?
ความลับของหอคอยทมิฬไม่อาจเปิดเผยได้ ถ้าใช้หอคอยเป็นตราสัญลักษณ์ ใครจะคิดว่ามันเป็นหอคอยทมิฬ นั่นเป็นเพราะมันมีอาวุธวิญญาณที่มีรูปหอคอยกี่ชิ้นกันบนโลก และไม่มีชิ้นใดที่สามารถเทียบกับหอคอยทมิฬได้
เอาล่ะ ข้าตัดสินใจได้แล้ว!
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าสนใจที่จะพักอยู่ที่นี่ก่อนหรือไม่? หากมีตรงไหนที่ข้าไม่เข้าใจข้าจะได้สามารถถามเจ้าได้”
“แล้วข้าจะได้ประโยชน์อะไร?”
“เจ้าสามารถกินทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ได้!”
“…เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องกินหรือไม่?” อี้ชวงชวงไม่พอใจ
“การกินเป็นเรื่องดี ยิ่งกินเยอะยิ่งโตไว!” ฮูหนิวพูดจริงจังและจ้องมองไปที่หน้าอกของอี้ชวงชวงอย่างอิจฉา สัดส่วนของนางสามารถเทียบกับนางฟ้าอย่างจูเสวี่ยนเอ๋อได้เลย
อี้ชวงชวงหัวเราะและเดินเข้าไปกอดฮูหนิว แล้วพูดว่า “ช่างเป็นเด็กที่น่ารักและตลกอะไรเช่นนี้ ข้าอยากจะกอดนางทั้งวันเลย!”
“ปล่อยหนิวนะ หนิวไม่อยากให้เจ้ามากอดสักหน่อย!” ฮูหนิวพยายามดิ้นรน
หลิงฮันไม่สนใจพวกนาง แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้จักอี้ชวงชวงดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะไม่มีเจตนาร้ายเลยปล่อยให้นางเล่นกับฮูหนิว ส่วนเขาเริ่มทำการออกแบบหอคอยทมิฬและทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แม้ว่าจะยังดูเหมือนหอคอยทมิฬ แต่มันค่อนข้างแตกต่างจากที่อยู่ในตันเถียนของเขา
จากนั้นหลิงฮันออกคำสั่งในฐานะจักรพรรดิทันทีและให้แพร่กระจายตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิไปทั่วทุกซอกทุกมุมของภูมิภาคเหนือ
ตามที่อี้ชวงชวงบอก เมื่อสร้างตราสัญลักษณ์ ตราสัญลักษณ์ของจริงจะอยู่ด้านบนของพระราชวังและสามารถปกป้องเมืองหลวงของจักรวรรดิได้ ยิ่งจักรวรรดิมีอาณาเขตกว้างใหญ่ พลังแห่งจักรภพก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นและจิตใจของผู้คนก็จะแกร่งกล้าขึ้น ซึ่งจะทำให้ตราสัญลักษณ์แข็งแกร่งขึ้นตามมา
เขาจำได้ว่าไม่มีตราสัญลักษณ์ปรากฏขึ้นมาก่อนในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวนอกจากตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิจันทราม่วง มันเหมือนกับเขาเป็นเหมือนประมุขจักรวรรดิอื่นๆที่ไม่รู้อะไรเลย นอกจากการก่อตั้งจักรวรรดิเท่านั้น
แต่ด้วยความช่วยเหลือของอี้ชวงชวง หลิงฮันเริ่มเข้าใจเรื่องต่างๆมากขึ้นและในที่สุดเขาก็สร้างแก่นอาคมรูปแบบมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีหนึ่งร้อยแปดชิ้นเสร็จ
เขายื่นมือออกไป ดาบสั้นหนึ่งร้อยแปดเล่มลอยอยู่รอบตัวเขา เพราะแก่นรูปแบบอาคมเขาเป็นคนสร้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลที่จะควบคุมพวกมัน ดาบสั้นแต่ละเล่มลอยอยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกันอยู่ในอากาศ พวกมันเปล่งแสงออกมาเล็กน้อยและทันใดนั้นพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีได้รวมตัวกันและย่อกลายเป็นเสาสีขาว
ทันใดนั้น อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็วและพลังปราณที่ถูกรวบรวมเริ่มหนาแน่นขึ้น เสาสีขาวเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นมังกรเหมันต์!
ตอนที่ 769
มังกรเหมันต์ระดับทลายมิติ!
ตามหลักทฤษฎีแล้ว มังกรเหมันต์ตนนี้ถือว่าเป็นอมตะ นั่นเพราะมันถูกสร้างขึ้นโดยรูปแบบอาคม ตราบใดที่รูปแบบอาคมยังคงอยู่มันก็ไม่มีวันตาย มีเพียงแค่การที่รูปแบบอาคมพังทลายเท่านั้นมังกรเหมันต์จึงจะสลายไป
แล้วรูปแบบอาคมจะถูกทำลายง่ายๆ?
หลิงฮันขอให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโจมตีใส่แกนของรูปแบบอาคมในขณะที่เขาควบคุมไม่ให้มังกรเหมันต์จู่โจมเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
‘ตูม!’
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโจมตีอย่างรุนแรง
ตอนนี้นางบรรลุระดับสวรรค์ขั้นปลายแล้ว แต่การจะทะลวงผ่านระดับนั้นยากลำบากเกินไป นางจึงต้องติดคอขวดอยู่ที่ระดับพลังนี้ คอขวดนี้อาจจะทำให้จอมยุทธหลายคนติดอยู่เป็นเวลาสามถึงห้าปี หรือไม่ก็สามสิบปีถึงห้าสิบปี บางคนอาจจะสามร้อยปีหรืออาจจะทะลวงผ่านไม่ได้เลยตลอดช่วงชีวิต
ความต่างของระดับทลายมิติและระดับสวรรค์มีมากเกินไป การจะทะลวงผ่านไม่ใช่เรื่องง่าย
การโจมตีของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นรุนแรงจนทั่วปราสาทแทบจะพังทลาย จอมยุทธระดับทลายมิติสามารถบดขยี้ได้แม้แต่ดวงดาว แล้วจะแปลกอะไรหากจอมยุทธระดับสวรรค์เป่าปราสาทให้กระจุยได้?
‘ปัง ปัง ปัง’ การโจมตีปะทะเข้ากับแก่นรูปแบบอาคมจนทั่วทั้งรูปแบบอาคมถูกเป่ากระเด็นไปหลายร้อยฟุต แต่ว่าแก่นรูปแบบอาคมทั้งหนึ่งร้อยแปดเล่มยังอยู่ในสภาพเดิมไร้รอยขีดข่วน เบื้องหลังของหลิงฮันก็ยังคงปรากฏมังกรเหมันต์ที่ปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาอยู่
“ข้าโจมตีสุดกำลังแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำลายรูปแบบอาคมได้!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนตกตะลึง ด้วยทักษะกายาที่ทรงพลังและพรสวรรค์ของนาง ถึงแม้นางจะไม่มีพลังต่อสู้เทียบกับจอมยุทธระดับทลายมิติแต่มันก็ไม่ได้ห่างไกลกันมาก
หลิงฮันรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง รูปแบบอาคมระดับสิบไม่ว่ายังไงก็ยังคงเป็นระดับสิบ จอมยุทธระดับสวรรค์ไม่มีทางทำลายได้
“ให้ข้าลองบ้าง!” อี้ชวงชวงปรากฏตัว แววตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลอง
“เจ้าน่ะรึ?” หลิงฮันครึ่งคิดอยู่ชั่วขณะ “ไปบนฟ้าดีกว่า ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่สามารถควบคุมพลังได้และทำลายปราสาทของข้า เจ้าก็รู้ว่าตราสัญลักษณ์ของข้าเพิ่งสร้างเสร็จ!”
เหนือปราสาทของหลิงฮันมีเงาขอหอคอยส่องแสงสลัวๆลอยอยู่ มันคือเงาเสมือนจริงของตราสัญลักษณ์แห่งจักรวรรดิต้าหลิง แต่มันเป็นเพียงแค่ตราสัญลักษณ์ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมา จากที่อี้ชวงชวงกล่าว หลังจากที่ประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เงาเสมือนจริงจะค่อยๆเป็นรูปร่างมากขึ้นและจะกลายเป็นสิ่งที่คุ้มกันอาณาจักรไปตลอดกาล
เมื่อทั้งสองคนทะยานขึ้นไปบนฟ้า หลิงฮันก็ควบคุมมังกรเหมันต์เพื่อให้อี้ชวงชวงโจมตี ที่เขาต้องทำอะไรเช่นนี้ก็เพื่อทดสอบพลังป้องกันของรูปแบบอาคม
“การโจมตีแรก ระดับทลายมิติหนึ่งดาว” อี้ชวงชวงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางยกฝ่ามือขึ้นมาและโจมตีใส่รูปแบบอาคม
ตูม!
หลังจากถูกโจมตีรูปแบบอาคมก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง แต่มังกรเหมันต์ยังคงอยู่
“การโจมตีที่สอง ระดับทลายมิติสองดาว”
……
“การโจมตีที่สาม ระดับทลายมิติสามดาว”
……
จนถึงการโจมตีที่ห้า รูปแบบอาคมก็พังทลายเนื่องจากไม่สามารถทนพลังทำลายของระดับทลายมิติห้าดาวได้ แก่นอาคมทั้งหนึ่งร้อยแปดเล่มกระจัดกระไปทั่วบริเวณ
นี่คือขีดจำกัดของรูปแบบอาคม
หลิงฮันเก็บรวบรวมแก่นอาคมกลับมาจัดใหม่อีกครั้งก่อนจะกล่าว “ต่อไปข้าจะลองใช้มังกรเหมันต์โจมตีดู ข้าอยากจะรู้ว่ามันมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติกี่ดาว”
อี้ชวงชวงลดระดับพลังของตนเองลงและคอยรับการโจมตีของมังกรเหมันต์ จากนั้นก็ค่อยเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นเรื่อยๆทีละหนึ่งดาว
“ระดับทลายมิติเจ็ดดาว”
นี่คือขีดจำกัดของมังกรเหมันต์ นั่นเพราะเมื่ออี้ชวงชวงเพิ่มพลังต่อสู้ของตนเองเป็นแปดดาว มังกรเหมันต์ก็ไม่สามารถคุกคามนางได้อีกต่อไปและถูกจัดการอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันพึงพอใจอย่างยิ่ง ถึงแม้ในตอนนี้จะมีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ไม่น้อย แต่จะมีซักกี่คนเชียวที่มีพลังต่อสู้เกินเจ็ดดาว? จากที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน เล่า ในตระกูลเฮ่อเหลียนของนางมีเพียงสามคนเท่านั้น
คราวนี้ถ้าหากตระกูลเซียนหยู่ส่งจอมยุทธระดับทลายมิติมา หลิงฮันย่อมไม่หวั่นเกรงอีกต่อไป แค่รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีก็เพียงพอที่จะต่อต้านแล้ว
“ทำไมเจ้าถึงยอมช่วยเหลือข้าหลายๆอย่าง?” หลิงฮันเอ่ยถามอี้ชวงชวง
“เพราะข้าตกหลุมรักเจ้าไงล่ะ เหตุผลนี้เป็นไง?” อี้ชวงชวงพยายามเลี่ยงตอบคำถาม
“ฮ่าๆๆ!” หลิงฮันยิ้ม แม้อีกฝ่ายจะพูดหยอกล้อแต่เขาก็ยังตอบกลับ “นั่นก็ไม่แปลก เพราะข้าเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ หญิงสาวพันหมื่นคนหลงรักข้า”
“เหอะ!” อี้ชวงชวงเค้นเสียงเยาะเย้ยและกล่าว “เจ้าเป็นเพียงกบในกะลาที่ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ล้ำเลิศที่แท้จริงคืออะไร! ข้าจะบอกให้เจ้าฟังว่าบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจอมยุทธมากมายที่บรรลุระดับทลายมิติได้ในช่วงอายุยี่สิบปี อย่างข้าคนนี้ก็บรรลุระดับทลายมิติในตอนที่อายุยี่สิบเจ็ดปี!”
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมาก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังอีกฝ่าย “ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าเจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
อี้ชวงชวงเชิดหน้าสูงเผยให้เห็นลำคออันงดงามราวกับหงส์และกล่าว “แล้วจะทำไม? เจ้าจะกัดข้างั้นรึ?”
หลิงฮันถอนหายใจ ทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้? เขาถามกลับไปอย่างสงสัย “ทำไมเจ้าไม่กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เลือกที่อยู่ช่วยเหลือข้า? อย่าบอกเชียวว่าเพราะเจ้าเป็นคนดี ข้าไม่มีทางเชื่อแน่นอน!”
อี้ชวงชวงเบ๊ะปากและกล่าว “ทำไม? ข้าจะเป็นคนดีไม่ได้รึไง?”
“ตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงส่วนลึกข้างในร่างเจ้า ไม่มีส่วนใดบ่งบอกว่าเป็นคนดีแม้แน่นิดเดียว” หลิงฮันส่ายหัว
“เจ้ากล้าพูดอย่างไรว่าเห็นไปถึงภายในข้า? เจ้าแอบดูภายในข้าตั้งแต่เมื่อใด?” อี้ชวงชวงชูนิ้วขึ้นมาและยิ้มจะกล่าวต่อ “เจ้าเชื่อรึไม่ว่าสามนิ้วของข้าสามารถทำให้เจ้าหายไปได้”
“ถ้าเจ้าจะทำอะไรข้า เจ้าคงทำไปตั้งนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย?” หลิงฮันกล่าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องมีแผนการอะไรอยู่แน่นอน”
อี้ชวงชวงเชิดคางและกล่าว “สำหรับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาแล้ว ความกล้าหาญของเจ้านับว่ายิ่งใหญ่มาก เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครแต่กลับกล้าพูดจาเช่นนี้! ก็ได้ เห็นแก่ความกล้าของเจ้าข้าจะบอกให้ ที่ข้าช่วยเหลือเจ้าเพราะข้ารู้สึกว่าเจ้ามีความลับอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่และข้าต้องการจะทำให้เจ้าเปิดเผยมันออกมา!”
ตอนที่ 770
หลิงฮันจ้องมองไปที่อี้ชวงชวง
“มีอะไร หน้าของข้ามีอะไรติดอยู่อย่างนั้นรึ?” อี้ชวงชวงกล่าว
“ไม่มีอะไรติด ข้าแค่รู้สึกสงสัยบางอย่าง” หลิงฮันถาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าอยากจะถามข้า? ข้าไม่ทำอะไร เจ้าเลยคิดว่าข้าจะตอบทุกคำถามของเจ้า?” อี้ชวงชวง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลิงฮันโบกมือ “ข้าไม่ได้อยากมีปัญหากับเจ้า ข้าแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น อะไรถึงทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติเหมือนกับผูดมัดมือมัดเท้า?”
อี้ชวงชวงคิดอยู่ชั่วและพูดว่า “ก็ได้ข้าจะตอบคำถามเจ้า แม้ว่าข้าจะเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ แต่มันเป็นเรื่องของเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีของโลกใบเล็กนี่ ถ้าสิ่งที่เรียกสวรรค์และปฐพีนั้นมีตา ข้าคงถูกปฏิเสธโดยพลังของมัน”
“นั่นไม่ถูกต้อง เจ้าจะต้องมีวิธีกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน” หลิงฮันกล่าว
อี้ชวงชวงจ้องเขม็งใส่และพูดว่า “ถ้าข้าสามารถกลับได้ทำไมข้าจะไม่อยากกลับ? แต่ว่ามันถูกกีดกั้นด้วยพลังแห่งสวรรค์และปฐพี ถ้าข้าดึงดันที่จะฝ่าผ่านไป ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
“เจ้าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ยังหวาดกลัว!” หลิงฮันหัวเราะ
“เหลวไหล ข้าถูกจองจำมานานนับแสนปีและถูกดูดโลหิตจนเกลี้ยง หากข้ายังมีพลังเหมือนแต่ก่อน ข้ายังต้องกลัวอีกหรือไม่?” อี้ชวงชวงรู้สึกโกรธมาก
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน นี่เจ้ามีชีวิตอยู่มานานเหมือนปีศาจเฒ่าเลยหรือ?” หลิงฮันรู้สึกมึนงง นางยังดูสาว แต่ที่จริงแล้วนางมีอายุเยี่ยงปีศาจเฒ่า
“เจ้ากำลังมองอะไร? ข้ายังสาวอยู่และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป!” อี้ชวงชวงทุบโต๊ะและสีหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของหลิงฮัน
แน่นอนว่าอายุของผู้หญิงเป็นอะไรที่ไม่ควรถามและแตะต้อง
หลิงฮันเปลี่ยนเรื่องคุยและพูดว่า “เจ้าจะพูดว่าถ้าข้าดึงดันที่จะทะลวงผ่านสวรรค์จะทำให้พลังแห่งเต๋าของสวรรค์และปฐพีโกรธเกรี้ยว แล้วเจ้าถูกปฎิเสธและตกลงมาอยู่ที่นี่?”
“ใช่แล้ว มันไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใด” อี้ชวงชวงกล่าว
หลิงฮันรู้ว่านางไม่มีทางพูดความจริง และตั้งแต่เริ่มนางไม่คิดที่จะทำร้ายเขา เขาเลยเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นต่อว่า “เจ้ารู้จักจักรพรรดิจอมอสูรหรือไม่?”
“หึ่ม เจ้าพวกใต้พิภพ จักรพรรดิจอมอสูรอะไรกันถึงกล้าเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิ มันทำให้ข้ารู้สึกขำยิ่งนัก!” อี้ชวงชวงดูหมิ่น
จักรพรรดิจอมอสูรเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาก แต่นางกลับดูหมิ่นจักรพรรดิจอมอสูร? นางน่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายถูกแยกร่างออกเป็นเก้าส่วน และยังมีชีวิตอยู่นับพันพันปี มันเป็นสัตว์ประหลาดในหมู่สัตว์ประหลาด
เดี๋ยวก่อน!
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “จักรพรรดิจอมอสูรมาจากดินแดนใต้พิภพ?”
“ปราณอสูรกำเนิดมาจากดินแดนใต้พิภพ มันได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตมานานนับไม่ถ้วน และเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านกำแพงของดินแดนใต้พิภพ ข้าคิดว่ามันน่าจะถูกกำจัดไปแล้ว และถูกปิดผนึกไว้ที่นี่” อี้ชวงชวงกล่าว แต่นางก็เปลี่ยนท่าทีในทันที “ทำไมมันยังไม่ตาย?”
“บางทีจักรพรรดิจอมอสูรอาจหลบหนีมาที่นี่ และจอมยุทธจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเข้ามาได้?” หลิงฮันคาดเดา
ในตอนแรกอี้ชวงชวงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในไม่ช้านางก็ส่ายหัวและพูดว่า “โลกใบเล็กนี่ถูกแยกขาดออกจากโลกภายนอก มันยากที่จะเข้าและออก นี่เป็นความจริงของผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่จักรพรรดิจอมอสูรที่มาจากดินแดนใต้พิภพก็ไม่มีข้อยกเว้น นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก!”
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ ในความคิดเห็นของเขา จักรพรรดิจอมอสูรถูกไล่ล่าโดยจอมยุทธบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ท้ายที่สุด เขาได้หลบหนีมาที่โลกใบเล็กอย่างทวีปฮงเทียน นี่เป็นเรื่องธรรมดา แล้วมันแปลกตรงไหน?”
“นิกายพันศพ ข้าเคยได้ยินมาว่าแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีนิกายนี้อยู่ เจ้าพอจะรู้อะไรหรือไม่?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
“เจ้ามีคำถามคาใจมากมายขนาดนี้เลยรึ เจ้าไม่คิดว่าข้าจะรู้สึกเบื่อเลยหรือ?” อี้ชวงชวงเริ่มหมดความอดทน
“นำชาชั้นเลิศ แตงโมและผลไม้มาเสิร์ฟให้นางหน่อย” หลิงฮันโบกมือและสาวใช้หลายคนก็รีบนำผลไม้มาเสิร์ฟทันที ผลไม้ทั้งหมดมาจากหอคอยทมิฬ แต่เพื่อไม่ให้คนอื่น หลิงฮันจึงนำพวกมันออกมาเตรียมไว้ก่อนแล้วจำนวนมาก และให้นำออกมาจากที่นั่น
“เจ้าคิดว่าข้าเห็นแก่กิน?” อี้ชวงชวงกล่าวต่อว่าต่อขาน แต่ในไม่ช้านางก็เริ่มกินของที่ถูกนำมาเสิร์ฟอย่างมีความสุข ทุกอย่างที่ปลูกจากหอคอยทมิฬนั้นอร่อยมาก แม้แต่นางยังรู้สึกชื่นชม
“ก็ได้ ข้าจะบอกความลับบางอย่างให้เจ้า แต่ที่นี่มันมีกฎแห่งธรรมชาติอยู่ ข้าคงพูดมากไม่ได้ มิฉะนั้นอาจถูกจ้องมอง!”
นางชี้ไปที่ท้องฟ้า แน่นอนว่าหมายถึงเนตรสวรรค์
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “ตกลง”
อี้ชวงชวงยิ้มและพูดว่า “ทวีปฮงเทียนเป็นโลกขนาดเล็ก ที่มีกฎแห่งธรรมชาติและห้วงมิติที่ไม่สมบูรณ์ มันเป็นเหมือนกับบ่อน้ำ ท้องฟ้าและพื้นปฐพีที่เจ้าเห็นนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และไม่มีที่สิ้นสุด”
หลิงฮันพยักหน้า ดังนั้นจอมยุทธระดับทลายมิติจึงสามารถโจมตีดวงดาวบนท้องฟ้าได้ ถ้ามันเป็นโลกที่แท้จริง ดาวแต่ละดวงจะมีขนาดเท่ากับทวีปฮงเทียนได้อย่างไร?
“และดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจกล่าวได้ว่าเป็นแม่น้ำและทะเลที่เชื่อมต่อกัร เจ้าสามารถเข้าสู่ทะเลสาบจากแม่น้ำและเข้าสู่ทะเลจากทะเลสาบได้อย่างไร้ขอบเขต” อี้ชวงชวงกล่าว “นี่เป็นโลกที่ใหญ่มาก อย่างน้อยที่สุดข้าก็ไม่รู้ว่ามันกว้างใหญ่แค่ไหน และไม่มีใครรู้จุดสิ้นสุดของโลกนี้”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง แม้แต่นางยังไม่รู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่แค่ไหน
“อย่างไรก็ตาม ระหว่างสวรรค์และโลกจะต้องมีความขัดแย้งต่อกัน อย่างเช่นหยินและหยาง ความดีและความชั่ว” อี้ชวงชวงกล่าวเสริม “นอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีดินแดนใต้พิภพซึ่งเป็นดินแดนคู่ขนานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และสามารถนับได้ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนได้ แต่เจ้าจะไม่สามารถมองเห็นข้า และข้าจะไม่สามารถมองเห็นเจ้าได้เช่นกัน”
“ในความเป็นจริง โลกทั้งสองทับซ้อนกัน มันจะไม่มีผลกระทบได้อย่างไร? ในตอนนี้ปราณที่ชั่วร้ายกำลังแทรกซึมเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และทั้งสองโลกก็จะมีความขัดแย้งเช่นกัน ในสถานที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด กำแพงจะบอบบางมากและเหล่าจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพก็จะสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ตามใจนึก!”
“ส่วนนิกายพันศพในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเรียกว่านิกายใต้พิภพ มันถูกสร้างขึ้นโดยพลังบางอย่างจากใต้พิภพเพื่อเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นิกายพันศพเป็นเพียงแค่หนึ่งในสาขาของมัน จุดประสงค์ของพวกมันคือเปลี่ยนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นดินแดนใต้พิภพแห่งที่สอง”
“ถ้าหากทั้งสองโลกสามารถผสานกันได้ ระดับพลังของพวกมันจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง เขายังคงคิดเกี่ยวกับเปิดสวรรค์เพื่อขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย มันกำลังถูกดินแดนใต้พิภพเพ่งเล็ง บางทีมันอาจกลายเป็นโลกแห่งปีศาจและอสูร
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งเท่าดินแดนใต้พิภพหรือไม่?” เขาถามออกไปเนื่องจากทั้งสองโลกเป็นดินแดนคู่ขนาน ซึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะอ่อนแอ
อี้ชวงชวงกลอกตาและพูดว่า “อย่างน้อยตามที่ข้ารู้ แม้ว่าจะมีการต่อสู้มากมายนับไม่ถ้วนระหว่างสองดินแดนนับร้อยล้านปี แต่ตอนนี้ดินแดนใต้พิภพก็ยังคงอยู่ดินแดนใต้พิภพ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังอยู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีใครเหนือกว่าใคร”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่อยากครอบครองดินแดนใต้พิภพหรือ?”
“สุนัขสองตัวจะไม่กัดกันได้อย่างไร?”
ตอนที่ 771
อี้ชวงชวงใช้คำเรียกโลกทั้งสองว่าสุนัขอย่างไม่แยแส
อี้ชวงชวงเค้นเสียงและกล่าว “ถ้าเจ้าเปิดสวรรค์ได้สำเร็จจริงๆ ขุมอำนาจแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องบังคับให้เจ้าเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อเป็นกำลังในการรุกรานดินแดนใต้พิภพเป็นแน่”
หลิงฮันขมวดคิ้ว “แม้ข้าจะทำได้ แต่ในตอนนั้นพลังของข้าก็คงเทียบกับใครที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นไม่ได้ แล้วพวกเขาจะให้ข้าเข้าร่วมสงครามกับดินแดนใต้พิภพงั้นรึ?”
“ถูกต้อง!” อี้ชวงชวงกล่าว “พวกเขาจะเจ้าเป็นเพียงวัตถุทางสงคราม พวกเขาก็จะยึดครองอาณาจักรที่เจ้านำขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่ามีอาณาจักรไหนบ้างที่ไม่คิดจะขยายอาณาเขตของตนเอง? เมื่อเจ้าตายไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นของของเจ้าพวกเขาก็สามารถยึดครองได้”
หลิงฮันอดหัวเราะเยาะเย้ยไม่ได้ “ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็น่าไม่อายเหมือนกันสินะ”
“เหอะ เจ้าคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพียงพระเจ้าที่ดีรึไง?” อี้ชวงชวงแสยะยิ้ม “นอกจากทักษะบ่มเพาะกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับดินแดนใต้พิภพ”
หลิงฮันพยักหน้า ไม่ว่าที่ไหนๆก็ย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี
“งั้นข้าก็ต้องวางแผนให้ดี หลังจากเปิดสวรรค์ได้สำเร็จก็ยังมีปัญหาใหญ่อยู่” หลิงฮันพึมพำ “แต่ว่าปัญหานั่นก็ยังอีกนานกว่าจะมาถึง ที่ต้องทำก่อนคือการรวมภูมิภาคต่างๆ”
อี้ชวงชวงไม่สามารถเดินทางไปกับเขาได้ เพราะนางต้องเป็นผู้คุ้มกันอาณาจักรต้าหลิง นางเป็นถึงพระเจ้า แม้จะไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริง ณ โลกเบื้องล่างได้ แต่นางก็ยังต่อกรกับจอมยุทธทลายมิติระดับเก้าได้อยู่ดี
หลิงฮันเรียกรวมกำลังพล ครั้งนี้เขาจะเป็นคนนำทัพด้วยตนเอง
หลังจากเตรียมพร้อมเสร็จกองทัพก็เดินหน้ามุ่งไปยังกำแพงกั้นภูมิภาคตะวันตก
นอกจากเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน หลิวอู๋ตง หลี่ซื่อฉางและครอบครัวของเขาที่ยังอยู่ในปราสาทจักรพรรดินอกจากเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน หลิวอู๋ตง หลี่ซื่อฉางและครอบครัวของเขาที่ยังอยู่ในปราสาทจักรพรรดิ คนอื่นๆได้เข้าร่วมกองทัพทุกคน โดยเฉพาะกว่างหยวนและชูหวู่จิว พวกเขาทั้งสองบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว หนึ่งคนคือระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า ในขระที่อีกคนอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบายขั้นห้า ด้วยเม็ดยาจากหลิงฮัน ไม่ว่าจะเป็นหมูที่โง่เง่าขนาดไหนก็สามารถทะยานสู่สวรรค์ได้
กองทัพของเขามีจำนวนประมาณหนึ่งล้านคน หากพูดถึงจำนวนประชากรของภูมิภาคเหนือแล้ว จำนวนแค่นี้นับว่าน้อยมาก แต่สิ่งที่หลิงฮันต้องการไม่ใช่จำนวนแต่เป็นคุณภาพ โดยเฉพาะหากต้องต่อกรกับภูมิภาคตะวันตกที่มีระดับวรยุทธสูงกว่าภูมิภาคเหนือแล้ว แม้จะมีทหารที่อ่อนแอจำนวนมากก็ไม่ช่วยอะไร
ในจำนวนทหารนับล้าน มีหนึ่งแสนคนที่อยู่ในระดับห้วงจิตวิญญาณ ส่วนอีกเก้าแสนคนที่อยู่มีระดับพลังที่อ่อนแอกว่านั้น แต่ด้วยจำนวนคนและรูปแบบการรบเป็นหน่วยที่เขาได้เรียนรู้มาจากจักรวรรดิจันทราม่วง พลังต่อสู่ของกองทัพเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“ขอรายงาน!” เมื่อกองทัพอยู่ห่างจากกำแพงกั้นภูมิภาคไม่ไกลมาก สายลับที่เขาส่งไปก็ปรากฏตัวเพื่อแจ้งรายงาน
“พูดมา” หลิงฮันกล่าว
“ขอแจ้งองค์จักรพรรดิ ภูมิภาคตะวันได้ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว พวกเขาตั้งขบวนกันอยู่ที่บริเวณกำแพงภูมิภาค โดยคร่าวๆแล้วพวกเขามีกันอยู่ประมาณหนึ่งแสนคน และทุกคนล้วนแต่เป็นระดับหัวกะทิ” สายลับกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า สายลับนั้นมีความสามารถที่จำกัด สายลับไม่สามารถรับรู้พลังบ่มเพาะของจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขึ้นไปได้ แต่การที่ภูมิภาคตะวันตกส่งกองทัพมาเตรียมรับมือถึงกำแพงกั้นภูมิภาคได้เร็วขนาดนี้นั้น เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดเลยจริงๆ
“องค์จักรพรรดิ ข้ายินดีที่จะนำทัพเข้าบุก!” เหยียนเฮิงเหอเอ่ยกล่าว ในหลายวันมานี้เขาขัดเกลาระดับพลังบ่มเพาะของตนจนถึงขีดจำกัดและทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาแล้วเมื่อสิบวันก่อน ซึ่งนั่นทำให้ตัวเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
จากพลังบ่มเพาะเดิมของเขาแล้ว การจะทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาได้สมควรใช้เวลาอย่างน้อยห้าปี แต่หลังจากติดตามจักรพรรดิปรุงยา การพัฒนาของเขาก็ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้อีกต่อไป
“โฮกกก!” จิตวิญญาณศิลาคำรามและทุบอกตนเองราวกับจะบอกว่ามันพร้อมรบแล้ว
เทียบกับคนอื่นๆ จิตวิญญาณศิลาพัฒนาได้เร็วมาก นั่นเป็นเพราะมันไม่มีคอขวดเหมือนกับจอมยุทธทั่วไป ทุกๆเดือนมันจะได้รับแก่นศิลาจากหอคอยทมิฬ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้ระดับพลังของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มันบรรลุระดับสวรรค์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องยากหากมันต้องสู้ข้ามระดับกับจอมยุทธระดับทลายมิติ
เฉียนหวูย่งและหู่เฟิงเยว่เองก็เต็มไปด้วยความกะตือรือร้น ในเวลาหลายปีที่พวกเขาอยู่ในนิกายจันทราเหมันต์ พวกเขาก็ติดคอขวดอยู่ในระดับห้วงจิตวิญญาณเป็นเวลานาน แต่หลังจากเข้าร่วมกับกองทัพ พลังบ่มเพาะของพวกเขาก็บรรลุระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้ในระยะเวลาอันสั้น
เย่วไค่หยู่เองก็พัฒนาขึ้นมา เขาปรารถนาที่จะร่วมรบครั้งนี้ ตอนนี้เขาบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว พลังต่อสู้ของเขาเองก็เหนือกว่าจอมยุทธคนอื่นๆในระดับเดียวกัน
หลิงฮันยิ้มและโบกมือ “ไว้รอไปถึงที่กำแพงกั้นภูมิภาคแล้วดูสถานการณ์ก่อนว่าพวกเขาส่งจอมยุทธระดับสูงมากี่คน”
กองทัพของหลิงฮันมุ่งหน้าเดินทางต่อ สองวันต่อมาพวกเขาก็มาถึงกำแพงกั้นภูมิภาค ที่ด้านหน้าพวกเขามีแคมป์ที่พักมากมายตั้งอยู่ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มาจากกองทัพหรือขุมอำนาจเดียวกัน แต่พลังบ่มเพาะของพวกเขาก็คือระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเป็นอย่างน้อย
เมื่อเห็นกองทัพที่มีคนจำนวนมากมาถึง เหล่าจอมยุทธของภูมิภาคตะวันตกก็ตื่นตัวทันที ทุกคนเดินออกมาจากแคมป์ที่พักและยืนอย่างแข็งขัน แต่ละกลุ่มยืนเว้นระยะกันซึ่งสามารถเดาได้ไม่ยากว่ามีหลายขุมอำนาจที่ไม่คิดจะรวมพลังกัน
ในทางตรงกันข้าม กองทัพของอาณาจักรต้าหลิงได้รวมขุมอำนาจทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว พวกเขาสามารถร่วมมือกันได้อย่างสามัคคี
หลิงฮันเดินนำออกมาจากกองทัพโดยมีจูเสวียนเอ๋อ ฮูหนิวและจิตวิญญาณศิลาเดินตามหลังมา พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังเขตแดนของกำแพงกั้นภูมิภาค เมื่อใดที่เขาชักดาบสังหารและลงมือ สงครามก็จะเริ่มต้นทันที
แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นรุ่นเยาว์ห้าคนเดินออกมาจากแคมป์ที่พักของฝั่งภูมิภาคตะวันตก ออร่าของรุ่นเยาว์เหล่านั้นทั้งน่าเกรงขามและไร้เทียมทาน
สามในห้าคนคือ ฉือชิ่วเหริน เจี่ยหมิง ตงหลิงเอ๋อ!
ตอนที่ 772
กำแพงกั้นระหว่างภูมิภาคไม่สามารถมองเห็นได้ ถ้าไม่สัมผัสมันจะรู้สึกเหมือนอากาศ ดังนั้น วิสัยทัศน์ของหลิงฮันจึงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ฉือชิ่วเหริน ตงหลิงเอ๋อ เจี่ยหมิง พวกเขาคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งห้านิกายโบราณ ซึ่งแต่ละคนมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา และอีกฝ่ายมีทั้งหมดห้าคนกำลังยืนเผชิญหน้ากับพวกเขา นี่หมายความว่ายังไง?
ส่วนสองคนที่เหลือน่าจะเป็นราชันดาบน้อยจางโม๋และบุตรแห่งสายฟ้า
ทั้งสองคนเป็นที่รู้จักกันดี ราชันดาบน้อยจะพกดาบที่แปลกตา และบุตรแห่งสายฟ้าจะห้อมล้อมไปด้วยอัสนีสีคราม
ถึงแม้ว่าบุตรแห่งสายฟ้าจะแข็งแกร่งกว่า แต่หลิงฮันรู้สึกกังวลราชันดาบน้อยมากกว่า ว่ากันว่าอีกฝ่ายสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้แล้ว แม้ว่าจะถูกกำแพงขวางกั้น หลิงฮันก็สามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เจตจำนงแห่งดาบของเขาดูเหมือนจะฉีกกระชากได้แม้กระทั่งกำแพงกั้นภูมิภาค
หลิงฮันไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ภูมิภาคตะวันตกจะรวมตัวกันได้รวดเร็วขนาดนี้ ที่แท้เป็นฝีมือของห้านิกายโบราณนี่เอง
“หลิงฮัน เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนักถึงคิดก่อตั้งจักรวรรดิ!” ฉือชิ่วเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะจับกระบี่ไร้เทียมทานอยู่ในมือ และจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่แหลมคมเหมือนกระบี่ และดูเหมือนพลังปราณของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
หลิงฮันพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าข้าไม่ก่อตั้งจักรวรรดิ แล้วข้าจะหลบหนีเอื้อมมือของห้านิกายโบราณของเจ้าได้อย่างไร?” ตอนนี้เขาแสดงจุดยืนต่อต้านห้านิกายโบราณอย่างเปิดเผย
“ไร้สาระ!” ตงหลิงเอ๋อกล่าว ความงามของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ นางสวมกระโปรงยาวสีขาว ผิวของนางขาวเหมือนกับหิมะ และมีคิ้วที่โค้งสวยงาม
“ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เจ้าต่างหากที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!” หลิงฮันพูด
เจี่ยหมิงเดินไปข้างหน้าและพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าจะเลือกโจมตีภูมิภาคตะวันตกที่อ่อนแอที่สุดก่อน ดังนั้นพวกข้าทั้งห้าคนเลยนั่งรอเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะบอกอะไรให้ว่าภูมิภาคตะวันออกกำลังส่งกองทัพไปที่ภูมิภาคเหนือและโจมตีบ้านเกิดของเจ้า!”
เหล่าผู้คนของภูมิภาคตะวันตกที่ได้ยินช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะเผยสีหน้าไม่พอใจหลังจากที่ถูกเรียกว่าภูมิภาคที่อ่อนแอ! แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา ห้านิกายโบราณนั้นแข็งแกร่งเกินไป และรุ่นเยาว์ทั้งห้าคนนี้เป็นตัวแทนของห้านิกายโบราณทั้งห้า และความแข็งแกร่งของรุ่นเยาว์ทั้งห้าคนพวกเขาทำได้แค่ก้มหน้าเคารพเท่านั้น
หลิงฮันไม่กระวนกระวานแต่อย่างใด ที่เมืองจักรพรรดิยังมีอี้ชวงชวงคอยปกป้องอยู่
เขาพูดว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงมากันแค่ห้าคนล่ะ หรือว่าผู้นำของห้านิกายโบราณของพวกเจ้าตายไปแล้ว?”
เจี่ยหมิงอดที่จะโกรธเคืองไม่ได้และพูดว่า “พวกข้าห้าคนรวมมือกันก็เพียงพอที่จะฆ่าเจ้าแล้ว ทำไมจะต้องถึงมือจอมยุทธระดับทลายมิติด้วย?”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าเกรงว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจากห้านิกายโบราณคงไม่ว่าง ข้าคิดว่าราชันทั้งแปดคนแห่งจักรวรรดิจันทราม่วงคงจะถูกปลุกให้ตื่นหมดแล้ว และนั่นทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติของพวกเจ้าถูกตรึงไว้ที่นั่น”
ใบหน้าของพวกเขาทั้งห้าคนเปลี่ยนสี อย่างที่หลิงฮันพูด จักรวรรดิจันทราม่วงในตอนนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแปดคน แต่พวกเขาทุกคนต่างเป็นตัวตนระดับทลายมิติขั้นเก้า ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้
ตอนนี้อาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วงเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ขึ้นมากเท่าไหร่และมีประชากรเพิ่มขึ้นมากเท่าใดก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ราชันทั้งแปดมีพลังมากจนไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว
ไม่เช่นนั้น แค่ส่งจอมยุทธระดับทลายมิติไม่กี่คนมาการจะปราบจักวรรดิต้าหลิงก็เป็นเรื่องง่าย
“หึ่ม เจ้ายังมีหน้าห่วงคนอื่นอีกเรอะ?” บุตรแห่งสายฟ้ากล่าวขณะปลดปล่อยสายฟ้าสวรรค์ มันกลายเป็นก้อนเมฆสีดำที่มีสายฟ้าสีครามแลบอยู่ภายใน
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและพูดว่า “เอาล่ะ หากพูดคุยกันจบแล้วจะได้เริ่มสู้กันสักที!”
หลิงฮันเปิดกำแพงกั้นภูมิภาค
“ตาย!” กองทัพชั้นยอดของจักรวรรดิต้าหลิงแห่กันเข้ามาและส่งเสียงคำราม
โฮก อสูรศิลาพุ่งออกไปคนแรกและฮูหนิวกำลังขี่อยู่บนไหล่ของมันด้วยความตื่นเต้น การฆ่าฟันและโลหิตเป็นอะไรที่นางชื่นชอบที่สุด
ร่างของเด็กสาวตัวน้อยกระพริบและกลายเป็นสายฟ้า ปัง มีทหารจำนวนมากของกองทัพตะวันออกเริ่มล้มตายอย่างรวดเร็ว
พลังต่อสู้ของนางบรรลุถึงระดับสวรรค์แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นตัวตนไร้พ่ายในภูมิภาคตะวันตกที่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาคือระดับสูงสุด ร่างของเด็กสาวตัวน้อยถูกอาบไปด้วยโลหิต และปลดปล่อยสายฟ้าออกมาทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่และผู้คนที่อยู่ตรงนั้นกลายเป็นขี้เถ้าทันที
บุตรแห่งสายฟ้าไม่สนใจและพูดว่า “ข้าจะจัดการนางเอง!” เขาเองก็กลายเป็นสายฟ้าและกระโจนออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับฮูหนิว และมีดาบสองเล่มพุ่งตรงใส่ฮูหนิว
“เอาหมัดวายุอัคคีของหนิวไปกิน!” ฮูหนิวคำรามและเริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดกับบุตรแห่งสายฟ้า
หลิงฮันจับดาบสังหารและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสี่คนเข้ามาพร้อมกันได้เลย!” เขากำลังเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งสี่คนด้วยตัวเอง
ในความเป็นจริงไม่มีใครนอกจากเขาที่สามารถปะมือกับทั้งสี่คนได้
ฉือชิ่วเหรินแสยะยิ้มและพูดว่า “เพื่อที่จะฆ่าเจ้า ข้าจำเป็นต้องร่วมมือกันสี่คนเพื่อฆ่าเจ้าด้วย?”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้ามั่นใจและไม่ได้พูดไร้สาระ เข้ามาทั้งสี่คนเลย!”
ฉือชิ่วเหรินโจมตีออกไปด้วยกระบี่ แม้กระบี่ไร้เทียมทานยังฟื้นพลังได้ไม่เต็มที่ แต่ยังไงมันก็เป็นกระบี่ที่ทรงพลังอยู่ดี เมื่อกระบี่โจมตีโดนหลิงฮัน กายหยาบของหลิงฮันไม่มีทางต้านทานได้ กระบี่นี่เป็นอาวุธวิญญาณเหนือกว่าระดับสิบในแง่ของความแหลมคม
ความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ปกคลุมหลิงฮันทำให้เขารู้สึกว่าไม่สามารถฟาดฟันดาบออกไปได้
แก่นแท้แห่งกระบี่!
หลิงฮันและฉือชิ่วเหรินต่อสู้กันสองครั้ง ครั้งแรกคือการต่อสู้ของความแข็งแกร่ง แต่ในเวลานั้นความเข้าใจในแก่นแท้แห่งกระบี่ของอีกฝ่ายยังไม่แกร่งกล้า อย่างน้องก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเขาได้ ส่วนครั้งที่สองนั้นแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างกระบี่ไร้เทียมทานกับดาบสังหาร แต่แก่นแท้แห่งกระบี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด
แต่ครั้งนี้ความเข้าใจในแก่นแท้แห่งกระบี่ของอีกฝ่ายก้าวหน้าขึ้นมา ซึ่งทำให้เขาได้รับผลกระทบ
หลิงฮันเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจและโจมตีออกฝ่ายด้วยดาบสังหารที่อยู่ในมือขวา
ปัง ปัง ปัง ทั้งสองคนปะทะกันไม่หยุดและทำให้เกิดแสงสว่างไม่รู้จบ
ฉือชิ่วเหรินแข็งแกร่งขึ้นมากไม่เพียงแค่ความเข้าในใจแก่นแท้แห่งกระบี่เท่านั้น แต่ยังพัฒนาในทุกด้าน นี่จะต้องเป็นพลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงอย่างแน่นอน!
หลิงฮันไร้ความหวั่นเกรง มือขวาฟาดฟันดาบสังหารด้วยทักษะดาบสกัดแปดลมหายใจ ส่วนมือซ้ายใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพีและแสงสีทองแผ่กระจายออกไปทั่ว ทำให้ฉือชิ่วเหรินรู้สึกถูกคุกคามเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ฝึกฝนบ่มเพาะกายา
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันก็ยังไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ ฉือชิ่วเหรินก้าวเข้าสู่ระดับสวรรค์แล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นแรก แต่พลังต่อสู้ของเขานั้นมากถึงระดับสวรรค์สิบดาว มันเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมากที่มีพลังต่อสู้มากกว่าเก้าดาว
เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า ร่างกายของหลิงฮันก็มีบาดแผลมากมาย แต่ด้วยความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของร่างกาย นี่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด
ในขณะนั้นเอง ความหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วร่างของหลิงฮัน และเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่
ตอนที่ 773
หลิงฮันเพ่งจ้องมองและพบว่าตงหลิงเอ๋อมีม้วนคัมภีร์แปลกๆอยู่ในมือ มันคือต้นเหตุที่ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกและกดดัน
นั่นคือ… ม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติ?
ถ้าไม่ใช่ม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติ เขาก็คิดว่าไม่แล้วว่าจะมีอะไรอย่างอื่นที่สามารถสร้างแรงกดดันให้กับเขาได้
ระดับทลายมิติคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
“เดี๋ยวก่อน ให้ข้าจัดการเขาเอง!” ฉือชิ่วเหรินกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ
“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา ภารกิจสำหรับการเดินทางในครั้งนี้คือการสังหารชายคนนี้ให้ตาย!” ตงหลิงเอ๋อกล่าวอย่างเย็นชาและค่อยๆเปิดม้วนคำสั่ง ทันใดนั้นอำนาจที่ทรงพลังก็ปะทุออกจนผู้คนโดยรอบต้องรู้สึกอึดอัดกดดัน
เป็นม้วนคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติจริงด้วย!
หลิงฮันพยักหน้าในใจ ดูเหมือนห้านิกายโบราณคิดจะกำจัดเขาจริงๆถึงได้ยอมสิ้นเปลืองม้วนคำสั่งเช่นนี้
ฉือชิ่วเหรินชะงักกับคำพูดของตงหลิงเอ๋อแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ความแค้นส่วนตัวของเขาไม่สามารถนำมาเกี่ยวข้องกับภารกิจจากนิกายได้
‘ตูม’ เมื่อม้วนคำสั่งเปิดออกอย่างสมบูรณ์ เส้นแสงสว่างสีขาวก็พัวพันกันกลายเป็นรูปร่างของนกอมตะเมฆาปีกกว้าง อำนาจที่นกอมตะตัวนี้ปลดปล่อยออกมาน่าสะพรึงกลัวเกินบรรยาย
ระดับทลายมิติ!
ทันใดนั้นตงหลิงเอ๋อก็คำราม นกอมตะที่ราวกับรับรู้คำสั่งก็สยายปีกและพุ่งเข้าใส่หลิงฮันอย่างรวดเร็ว
เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับทลายมิติ จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะสามารถต่อต้านได้? ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเลย แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ทำไม่ได้
แต่ในตอนนั้นเอง อุณภูมิโดยรอบก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนในบริเวณนี้รู้สึกราวกับว่าตนเองหลุดเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง พวกเขาตัวสั่นสะท้านและหมดไฟสู้รบทันที สิ่งที่พวกเขาต้องการทำในตอนนี้มีเพียงใช้แขนกอดร่างตัวเองเอาไว้เพื่อลดความหนาว
มังกรสีขาวที่ร่างทั้งร่างประดับไว้ด้วยน้ำแข็งปรากฏออกมา
‘ปัง!’
สัตว์อสูรทั้งสองเข้าปะทะกัน
ตามเรื่องเล่าตำนานแล้ว นกอมตะกับมังกรที่แท้จริงนั้นมีพลังทัดเทียมกัน แต่สัตว์อสูรสองตัวที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ไม่มีฝ่ายไหนเลยที่เป็นสัตว์อสูรระดับพระเจ้าที่แท้จริง
ตัวหนึ่งถูกสร้างขึ้นจากรูปแบบอาคม อีกตัวถูกสร้างขึ้นจากม้วนคำสั่ง
‘ตูม ตูม ตูม’ หลังเข้าปะทะกัน ร่างของนกอมตะเมฆาก็ลอยกระเด็นถอยกลับไป มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรเหมันต์
หลิงฮันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว
การจะสร้างม้วนคำสั่งขึ้นมานั้น ผู้สร้างต้องใช้โลหิตของตนเองในการสร้าง ยิ่งสังเวยโลหิตมากเท่าไหร่ม้วนคำสั่งก็จะทรงพลังเท่านั้น แต่จอมยุทธระดับทลายมิติคนไหนจะยอมสูญเสียโลหิตจำนวนมากของตนเอง?
ดังนั้นหลิงฮันจึงคาดการณ์เอาไว้ว่าพลังของม้วนคำสั่งนี้จะต้องไม่เกินระดับทลายมิติห้าดาวแน่นอน และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด นกอมตะเมฆาถูกมังกรเหมันต์ซัดกระเด็นด้วยการโจมตีเดียว เป็นไปได้ว่านกอมตะเมฆาจะมีพลังต่อสู้เพียงระดับทลายมิติสองถึงสามดาวเท่านั้น
“อะไรกัน!” ฉือชิ่วเหรินและคนอื่นๆอุทานออกมา นั่นคือม้วนคำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมยุทธระดับทลายมิติเชียวนะ?
มังกรเหมันต์ตนนั้นมันอะไรกัน?
ทั้งห้าคนตกตะลึง ด้วยสายตาของพวกเขา พวกเขาสามารถบอกได้ว่ามังกรเหมันต์คือรูปแบบอาคม ซึ่งรูปแบบอาคมกับม้วนคำสั่งนั้นแตกต่างกัน ในส่วนของม้วนคำสั่งนั้น หลังจากโลหิตของจอมยุทธระดับทลายมิติเหือดแห้ง ม้วนคำสั่งก็จะไร้ค่าทันที แต่รูปแบบอาคมนั้นต่างออกไป ตราบใดที่ยังมีพลังจากสวรรค์และปฐพีอยู่ รูปแบบอาคมก็จะสามารถเรียกใช้งานได้เรื่อยๆ
ถ้าม้วนคำสั่งทรงพลัง พวกเขาก็ยังสามารถใช้ม้วนคำสั่งทำลายรูปแบบอาคมได้ แต่ปัญหาก็คือรูปแบบอาคมของหลิงฮันนั้นทรงพลังกว่าม้วนคำสั่ง!
แล้วทีนี้พวกเขาจะชนะได้อย่างไร?
ฉือชิ่วเหรินคว้ากระบี่ไร้เทียมทานไว้ในมือและกล่าว “หลิงฮัน เลิกใช้พลังของรูปแบบอาคมแล้วมาสู้กับข้าตัวต่อตัว!”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ต้องขอโทษด้วย เวลานี้คือการทำสงครามระหว่างสองกองทัพ ไม่ใช่เวลาที่จะมาประลองวัดฝีมือกัน!” เขาควบคุมรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีเพื่อโจมตีสังหารรุ่นเยาว์อีกสี่คน
“ช่างน่ารังเกียจ!” ฉือชิ่วเหรินคำราม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระตุ้นใช้งานกระบี่ไร้เทียมทานในมือ กระบี่ไร้เทียมทานลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าพร้อมกับส่องประกายแสงอันทรงพลังออกมา
เมื่อกระบี่ไร้เทียมทานถูกใช้งาน หลิงฮันก็นำดาบสังหารออกมาเพื่อต่อต้านอำนาจของกระบี่ไร้เทียมทาน
กระบี่ไร้เทียมทานกับดาบสังหารมีพลังทัดเทียมกัน การจะดูว่าฝ่ายไหนทรงพลังกว่าทำได้ยากมาก แต่มังกรเหมันต์นั้นแข็งแกร่งกว่านกอมตะเมฆาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อใดที่ม้วนคำสั่งถึงขีดจำกัด เหล่าจอมยุทธของภูมิภาคตะวันตกก็จะทำได้เพียงรอคอยถูกสังหาร
ฉือชิ่วเหรินและอัจฉริยะอีกสี่คนใบหน้าเปลี่ยนสี ใครจะไปคิดว่าด้วยเวลาที่ผ่านพ้นมาไม่นาน หลิงฮันจะพัฒนาจนมีพลังต่อสู้เทียบได้กับระดับทลายมิติ?
“ล่าถอย! แผนการของเราผิดพลาด ภารกิจนี้ต้องให้ตัวตนระดับทลายมิติเป็นคนมาลงมือเอง!”
“นอกจากนั้นตัวตนระดับทลายมิติที่จะมาก็ต้องมีพลังต่อสู้ห้าดาวเป็นอย่างน้อย”
เหล่ารุ่นเยาว์อัจฉริยะทั้งสี่คนล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้ต่อและหลบหนีไปพร้อมกับกระบี่ไร้เทียมทานและม้วนคำสั่งระดับทลายมิติ
หลิงฮันไม่ไล่ตาม ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือยึดครองภูมิภาคตะวันตก สำหรับความบาดหมางระหว่างเขากับฉือชิ่วเหรินและอัจฉริยะคนอื่นๆ หลิงฮันค่อยไปสะสางทีหลัง ตราบใดที่เขาทะลวงผ่านระดับสวรรค์ ทั้งห้าคนจะยังต่อกรกับเขาได้? และเมื่อเขาบรรลุระดับทลายมิติ เขาก็จะเป็นตัวตนที่ไร้พ่าย
เมื่อเขากลับมา เขาก็พบว่าบุตรแห่งสายฟ้าเองก็หลบหนีไปแล้วเหมือนกัน หนูหนิวไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นานสงครามก็สิ้นสุดลง ภูมิภาคตะวันตกพ่ายแพ้อย่างราบคาบ จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาหลายคนถูกสังหาร
หลังจากทิ้งให้จิตวิญญาณศิลาและกองทัพของเขาบุกยึดครอบภูมิภาคตะวันตกต่อ หลิงฮัน ฮูหนิว จูเสวียนเอ๋อและคนอื่นๆก็มุ่งหน้ากลับภูมิภาคเหนือ
พวกเขาเดินเท้ากลับ ในวันที่สามระหว่างเดินทาง พวกเขาก็พบกับชายคนหนึ่งนั่งอยู่กลางถนนที่พวกเขากำลังเดินอยู่ ด้านหน้าของเขามีโต๊ะตั้งเอาไว้โดยชายคนนั้นนั่งอยู่ที่เก้าอี้และกำลังดื่มชาอย่างใจเย็น
ตอนที่ 774
ถนนที่ว่างเปล่ามีชายคนกำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ มันจะดูเป็นเรื่องปกติได้อย่างไร?
พวกหลิงฮันหยุดเดินและมองไปที่ชายคนนั้น
ชายคนนี้อ่อนโยนเหมือนกับหยก เขาดูเหมือนจะมีอายุประมาณสามสิบปีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ และมีเส้นผมสีดำพาดอยู่บนไหล่
ชายคนนั้นหันมามองหลิงฮัน เขาวางถ้วยน้ำชาและพูดว่า “น้ำชาเป็นสิ่งที่ดี มันสามารถปลูกฝังความรู้สึกและชำระล้างจิตใจของเจ้าได้”
“ที่เจ้ากำลังนั่งดื่มชาอยู่กลางถนนเพื่อที่จะชวนข้าร่วมดื่มชาด้วย?” หลิงฮันยิ้มและเดินเข้าไปหา
ชายคนนั้นหยิบถ้วยชาจากถาดและเติมน้ำชาให้เต็มแก้วแล้วพูดว่า “ทำไมจะไม่ล่ะ?”
หลิงฮันดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงอยู่ด้านหน้าชายคนนั้น เขายกถ้วยชาขึ้นมาและสูดดมกลิ่นของมัน “มันชาที่หอมยิ่งนัก”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “นี่คือชาที่เกิดขึ้นจากฝนของมังกร ว่ากันว่ามีเพียงแค่ฝนของมังกรที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะทำให้ใบชานี้เติบโตขึ้นได้ และสามารถเก็บเกี่ยวได้แค่ครั้งเดียวในรอบหนึ่งร้อยปี ไม่มีใครรู้ว่าฝนของมังกรที่แท้จริงนั้นคืออะไร แต่ระดับความมีค่าของมันนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ และมันทำให้กลิ่นหอมของชาคงอยู่เป็นเวลานาน”
“ขอบคุณ!” หลิงฮันเริ่มจิบชา และในไม่ช้าคิ้วของเขาเริ่มผ่อนคลาย เขาควรปลูกต้นชาชั้นยอดแบบนี้ในหอคอยทมิฬ
“เชิญดื่มไม่ต้องเกรงใจ!” ชายคนนั้นยื่นมือออกมาและทำท่าเชิญชวน
หลิงฮันจิบน้ำชาได้สักพักก่อนที่จะวางถ้วยน้ำชาและพูดว่า “จะว่าไปข้ายังไม่ได้ถามชื่อของเจ้าเลย”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ข้าชื่อศพที่ยิ่งใหญ่”
พรวด!
หลิงฮันเกือบจะพ่นน้ำชาออกมา เขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องกับนิกายพันศพ
ไม่ว่าจะเป็นหลงไหเชวียนหรือผู้อาวุโสจิ่วต่างมีร่องรอยของปราณศพ แต่ชายคนนี้เป็นเหมือนกับนักกวีและดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับนิกายพันศพ
ตามที่ศพที่สองกล่าวมีศพที่แข็งแกร่งกว่าเขา…
แต่นี่ดูไม่เหมือนซากศพเลยแม้แต่น้อย มันไม่เหมือนกับศพที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง อย่างน้อยศพควรจะเห็นร่องรอยของวัยชรา แต่นี่เหมือนกับเขากลับมาเกิดใหม่
“ข้าคิดไม่ถึงเลย!” หลิงฮันพูดด้วยความจริงใจ
ศพที่ยิ่งใหญ่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “โดยปกติแล้วข้าจะไม่ค่อยฆ่าคน แต่คนที่ข้าต้องลงมือฆ่า ข้าจะชวนดื่มชาก่อนที่จะลงมือ”
“หรือว่านี่จะเป็นน้ำชาถ้วยสุดท้ายในชีวิตของข้า?” หลิงฮันกล่าว
“เจ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้” ศพที่ยิ่งใหญ่พยักหน้า
“ข้าขอดื่มมันให้หมดก่อนได้หรือไม่?”
“แน่นอน!”
“เชิญ!”
“เชิญ!”
พวกเขาทั้งสองคนไม่เหมือนเป็นศัตรูกันเลยแม้แต่น้อย พวกเขาพูดคุยกันและหัวเราะด้วยกัน ศพที่ยิ่งใหญ่เป็นคนที่รอบรู้มาก ไม่ว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร พวกเขาก็สามารถพูดคุยกันได้และหลิงฮันก็ไม่ยอมแพ้ เขามีชีวิตมากกว่าสองร้อยปีในชีวิตที่แล้ว ความรู้ที่เขามีติดตัวมีน้อยคนนักที่เขาสามารถพูดคุยด้วยได้
เมื่อพูดไปดื่มชาไป ในไม่ช้าน้ำชาก็เริ่มที่จะหมดถ้วย
หลังจากที่ทั้งสองคนดื่มชาหมดถ้วย พวกเขาก็หยุดพูดคุยกันทันที
ศพที่ยิ่งใหญ่เริ่มเก็บอุปกรณ์และข้าวของเข้าไปในแหวนมิติ ในขณะเดียวกันหลิงฮันก็ลุกขึ้นยืนเพื่อให้อีกฝ่ายเก็บโต๊ะและเก้าอี้
“ถ้าเจ้าสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้สิบกระบวนท่า ครั้งงนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ศพที่ยิ่งใหญ่กล่าว
หลิงฮันไม่กล้าที่จะประมาท เขามองไม่เห็นระดับพลังของอีกฝ่าย ตามที่ศพที่สองกล่าว ศพที่ยิ่งใหญ่นั้นฝึกฝนบ่มเพาะพลังในดินแดนใต้พิภพ และเป็นไปได้มากว่าเขาจะทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว
สิบกระบวนท่า ด้วยพลังของเขาในตอนนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะยืดหยันถึงกระบวนท่าสุดท้าย
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและรออีกฝ่าย
ศพที่ยิ่งใหญ่ดูผ่อนคลายและกระโจนใส่เข้าหาหลิงฮันทันที ตู้ม ท้องฟ้าและปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน ฝ่ามือยักษ์ปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน มันไม่มีอะไรที่น่าตกตะลึง มันเป็นเพียงแค่ฝ่ามือธรรมดาเท่านั้น
แต่พลังของฝ่ามือนี่เทียบได้กับจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับสวรรค์ และหลิงฮันฟันดาบออกไปเพื่อปะทะ ทว่าเมื่อปะทะกับฝ่ามือยักษ์ครั้งแรก มันทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านจนเลือดเกือบจะพุ่งออกมา
น่าทึ่งมาก กายหยาบของเขาที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้ายังได้รับบาดเจ็บจากการปะทะครั้งแรก
“กระบวนท่าที่สอง!” ศพที่ยิ่งใหญ่ใส่พลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่พลังทำลายล้างของมันเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะยังไม่ถีงระดับทลายมิติ แต่ก็ใกล้เคียง
ชายคนนี้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ!
เขาจะใส่พลังเข้าไปในการโจมตีทั้งสิบกระบวนท่าทีละนิด และคาดว่ากระบวนท่าที่สามเป็นต้นไปจะเป็นการโจมตีระดับทลายมิติ
หลิงฮันกระเด็นไปด้านหลังอีกครั้ง เขาเป็นเหมือนกับกระดาษที่ปลิวไปตามลม แต่แรงระเบิดที่น่าหวาดกลัวแบบนั้นครึ่งหนึ่งเขาสามารถบั่นทอนด้วยการโจมตีได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกายหยาบของเขายังคงรับไหว
“ความแข็งแกร่งและความอ่อนนุ่ม?” ศพที่ยิ่งใหญ่เผยให้เห็นว่าเขารู้สึกประหลาดใจมาก “ข้าไม่คิดเลยว่าระดับกายหยาบของเจ้าจะสูงขนาดนี้ แต่นี่เป็นเพียงแค่การโจมครั้งที่สองเท่านั้น” เขาเหวี่ยงมือขวาออกไปอีกครั้งและฝ่ามือที่สามก็พุ่งออกไป
คราวนี้มันเป็นการโจมตีระดับทลายมิติอย่างแน่นอน เพราะท้องฟ้าเริ่มสั่นสะเทือนและพื้นปฐพีเริ่มแตกแยก นี่คือพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ
หลิงฮันไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือขวาออกไปและดาบสั้นร้อยแปดเล่มถูกยิงออกไปก่อตัวเป็นรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี
ตู้ม!
ฝ่ามือยักษ์เหมือนจะปะทะกับอีกบางอย่าง และในไม่ช้ามังกรเหมันตร์ก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นและป้องกันฝ่ามือยักษ์
“หืม?” ศพที่ยิ่งใหญ่รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งยิ่งนัก หรือว่าเจ้าจะเป็นปรมาจารย์รูปแบบอาคมด้วย?” ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่ชายหนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบปี แต่ทว่าวิถียุทธของเขาไม่ได้น่าทึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ด้วย และตอนนี้ยังเกิดเรื่องที่น่าทึ่งขึ้นอีก อีกฝ่ายสามารถใช้รูปบบอาคมระดับสิบได้!
เขาประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
“ศพที่สองบอกว่าเจ้าอาจเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่กลับมาจุติใหม่ ว่ากันว่ามันมีดวงวิญญาณที่สามารถใช้พลังของชีวิตที่แล้วได้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง” ศพที่ยิ่งใหญ่กล่าว ถึงแม้ว่าหลิงฮันจะเริ่มเรียนรู้ทั้งสามศาสตร์ตั้งแต่เกิด แค่บรรลุจุดสูงสุดก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่นี่เขากลับเชี่ยวชาญทั้งสามศาสตร์
มันไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นนอกจากเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่กลับมาเกิดใหม่
กลับมาเกิดใหม่…เรื่องนี้ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน!
เช่นเดียวกับเขาและศพที่สอง แม้ว่าร่างกายจะมีอายุนับแสนปี แต่ดวงวิญญาณไม่มีความเกี่ยวข้องกับร่างกายนั้นเลย
มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่ดวงวิญญาณจะกลับมาเกิดใหม่ ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั้งโลกจะต้องตกตะลึง
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้ายังโจมตีได้อีกเจ็ดกระบวนท่า!”
ศพที่ยิ่งใหญ่เริ่มเคร่งขรึม และวางมือขวาที่หน้าอก และฝ่ามือของเขาเริ่มมีแสงสว่างถูกควบแน่นพร้อมกับอักขระมากมายที่ให้กลิ่นอายเก่าแก่
หรือว่านี่คือเจตจำนงแห่งเต๋าของเขา?
หลิงฮันรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังมากออกมา แต่เขาทำได้แค่จ้องมองเท่านั้น เมื่อคิดแบบนั้น เขาเลยตัดสินใจและนำคันศรตะวันยอแสงออกมา
ต้านทานการโจมตีสิบกระบวนท่าก็คือต้านทานการโจมตีสิบกระบวนท่า แต่ไม่ได้บอกให้รอตั้งรับอย่างเดียวสักหน่อย
หลิงฮันใส่ลูกศรและเริ่มใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมเพื่อมองหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย
ตอนที่ 775
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง เขาไม่พบจุดอ่อนใดๆบนร่างของศพที่ยิ่งใหญ่เลย!
เป็นไปได้อย่างไร
ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แม้แต่ทักษะระดับสูงที่สุดในโลกก็ยังมีข้อผิดพลาด
หลิงฮันเข้าใจทันที ไม่ใช่ว่าซากศพที่ยิ่งใหญ่ไม่มีจุดอ่อน แต่เป็นตัวเขาเองที่มีพลังบ่มต่ำเกินไป
จอมยุทธระดับทลายมิติคือตัวตนสุดแกร่ง พลังป้องกันของพวกเขานั้นคงกระพัน แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หลิงฮันเคยเป็นจอมยุทธระดับสูงมาก่อน แต่นั่นก็แค่ระดับสวรรค์ ส่วนระดับทลายมิตินั้นสำหรับหลิงฮันมันคือระดับพลังที่เขายังเอื้อมไม่ถึง และตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่ว่า
โชคดีที่เขายังมีรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี
แต่ถ้าหากแม้แต่รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพียังไม่สามารถทำอะไรศพที่ยิ่งใหญ่ได้ เขาก็จะรีบเผ่นเข้าไปซ่อนในหอคอยทมิฬทันที แม้มันจะน่าอับอาย แต่มันก็ยังดีกว่ามาจบสิ้นอยู่ที่นี่
ศพที่ยิ่งใหญ่ลงมือโจมตี เขาปล่อยฝ่ามือออกมา ทันใดนั้นเศษดวงดาวนับไม่ถ้วนก็ร่วงหล่นลงมาใส่หลิงฮันจากฟากฟ้าราวกับอุกาบาต
สิ่งที่ร่วงลงมาไม่ใช่ดวงดาวที่แท้จริง มันคือปราณก่อเกิดที่ถูกควบแน่นด้วยพลังวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีพลังทำลายที่เหนือกว่าดวงดาวเสียอีก
นี่คือกระบวนท่าที่ทรงพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ อำนาจของมันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
มังกรเหมันต์คำรามและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดระเบิดแสงสว่างจ้า คลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะแม้แต่หลิงฮันก็ยังต้องทรุดตัว
ตอนนี้เขาอยู่ในภายในรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีซึ่งมีพลังป้องกันเทียบเท่าระดับทลายมิติห้าดาว
ซากศพที่ยิ่งใหญ่กระหน่ำปล่อยฝ่ามืออย่าต่อเนื่อง ดวงดาวเองก็ร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แสงสว่างที่เกิดขึ้นแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังถูกบดบัง
มังกรเหมันต์พุ่งรับการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง มันมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเจ็ดดาวและเป็นอมตะ แม้ร่างของมันจะถูกทำลายมันก็ยังฟื้นสภาพกลับมาใหม่ได้ทันที
ศพที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งเกินไปกว่าระดับทลายมิติห้าดาว ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถทำลายรูปแบบอาคมได้ แต่เขายังถูกมังกรเกมันต์ไล่ต้อนอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่ทนทานของเขา ศพที่ยิ่งใหญ่คงจะตายไปแล้ว
ศพที่ยิ่งใหญ่หยุดมือและกล่าว “ยังเหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า”
ยังเหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า? หรือว่าศพที่ยิ่งใหญ่ยังมีกระบวนที่แข็งแกร่งกว่านี้ซ่อนอยู่อีก?
ศพที่ยิ่งใหญ่ยกมือขวาขึ้น ในมือของเขาปรากฏกระดูกมือที่ใสราวกับผลึกแก้ว
กระดูกนั้นควรจะปลดปล่อยความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวและมืดมนออกมา แต่กระดูกผลึกแก้วนี้กลับให้ความรู้สึกที่งดงามราวกับงานปฏิมากรรม และถ้ามองให้ดีก็จะพบว่าบนโครงกระดูกมีอักขระนับไม่ถ้วนสลักเอาไว้อยู่ อักขระนั้นมีมากมายจนไม่สามารถนับได้ด้วยตาเปล่า
หลิงฮันตกตะลึงและกล่าว “นั่นคงไม่ใช่กระดูกที่เจ้าตัดออกมาจากร่างเดิมของตัวเองหรอกนะ?”
ซากศพที่ยิ่งใหญ่ส่ายหัว “ไม่ใช่ กระดูกนี้ไม่ใช่กระดูกของข้า แต่จากการสืบค้นมาหลายปีข้าได้พบว่ามีความเป็นได้ที่กระดูกนี้จะเป็นกระดูกมือของพระเจ้า”
ว่าไงนะ!
หลิงฮันตกตะลึง… มือของพระเจ้า!
ไม่ใช่ว่าโลกนี้ถูกห้ามไม่ให้มีตัวตนระดับพระเจ้าปรากฏตัวหรอกรึ? ไม่สิ… นี่เป็นเพียงเศษกระดูกมือเท่านั้น มันสามารถนับได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณประเภทหนึ่ง เพราะแม้แต่หอคอยทมิฬ ชามพลิกสวรรค์ หรือขวดต้องสาปก็ยังปรากฏอยู่บนโลกนี้ได้เลย แล้วทำไมมือของพระเจ้าจะปรากฏที่นี่ไม่ได้?
ปัญหาก็คือมันมีพลังอำนาจขนาดไหน
“มันทรงอำนาจรึเปล่า?” หลิงฮันหัวเราะ
“ทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง!” ศพที่ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างมั่นใจ “กระดูกมือนี้สามารถใช้สังหารจอมยุทธระดับทลายมิติทั่วไปได้อย่างไม่ยากเย็น ถ้าไม่ใช่เพราะมันถูกสวรรค์และปฐพีของโลกนี้ระงับพลังเอาไว้ อำนาจของมันจะสูงยิ่งกว่านี้อีก”
“งั้นก็ขอข้าดูหน่อย!” หลิงฮันกล่าวและกำดาบสังหาร ในขณะเดียวกันเขาก็นำชามพลิกสวรรค์ออกมา จะเป็นไปได้รึไม่ที่เขาจะใช้ชามพลิกสวรรค์หลอมกระดูกของพระเจ้า?
ศพที่ยิ่งใหญ่ยังคงถือผลึกกระดูกมือเอาไว้ ‘พรึบ’ อักขระบนกระดูกส่องสว่าง ‘ตูม’ ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ลั่นไปทั่วท้องฟ้าราวกับสวรรค์และปฐพีกำลังเคลื่อนไหว เมฆสีดำทมิฬค่อยๆหมุนมารวมมาตัวอยู่บนท้องฟ้าเหนือศพที่ยิ่งใหญ่
เมฆสีดำนั้นคือเจตจำนงของสวรรค์และปฐพี เหตุผลที่มันปรากฏตัวก็เพราะผลึกกระดูกนั้นทรงอำนาจเกินไป ถ้าหากมันตรวจพบว่าผลึกกระดูกนี้มีอำนาจพอที่จะคุกคามโลกใบนี้ มันก็จะเปิดมิติและขับไล่ผลึกกระดูกออกไปจากโลกนี้
หลิงฮันเคยเห็นการปรากฏตัวของสวรรค์และปฐพีมาก่อนแล้วในผลึกความทรงจำของจื่อเสวี่ยนเซียน เมื่อมีพลังที่ไม่ใช่ของโลกใบนี้ปรากฏขึ้น สวรรค์และปฐพีจะปรากฏตัวและขับไล่สิ่งเหล่านั้นออกไป
แต่ถึงเมฆสีดำจะปรากฏ แต่มันก็ไม่มีร่องรอยว่าจะลงมืออะไร เห็นได้ชัดว่าแม้ผลึกกระดูกจะทรงอำนาจ แต่มันก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้สวรรค์และปฐพีขับไล่มันออกไป
หลิงฮันกระตุ้นใช้งานชามพลิกสวรรค์ ‘พรึบ’ ชามในมือของเขาส่องแสงสว่างและเริ่มดูดกลืนทุกสิ่งโดยรอบ แม้แต่ก้อนหินธรรมดาก็ไม่เว้น แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่สามารถดูดกลืนผลึกกระดูกมือได้
อาจจะเป็นเพราะสมับัติทั้งสองมีระดับเท่านั้น ดังนั้นชามพลิกสวรรค์จึงไม่สามารถดูดกลืนอีกฝ่ายได้
หลิงฮันเก็บชามพลิกสวรรค์และกระตุ้นใช้งานดาบสังหาร
แม้เขาจะสร้างรูปแบบอาคมระดับสิบได้สำเร็จ แต่การจะทำความเข้าใจในอักขระบนดาบสังหารก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี ตอนนี้เขาสามารถกระตุ้นใช้งานอักขระได้เพียงเจ็ดแบบเท่านั้น แต่จำนวนของอักขระบนใบดาบนั้นมีสูงถึงหลักหมื่น
แววตาอันเย็นชาของศพที่ยิ่งใหญ่เปิดกว้าง “ดาบของเจ้า…ไม่ธรรมดา! ดูเหมือนข้าจะเคยเห็นมันมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้!”
จอมยุทธระดับทลายมิติมีรึจะหลงลืม? ที่ศพที่ยิ่งใหญ่นึกไม่ออกก็เป็นเพราะความทรงจำที่ว่านั้นเป็นของบรรพบุรุษของร่างกายเขา ไม่ใช่ของวิญญาณดวงใหม่
การที่ดาบสังหารสามารถทำให้สัญชาตญาณในความทรงจำของศพที่ยิ่งใหญ่ตื่นตัวได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงมาก!
ความทรงจำทั่วไปจะถูกฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณเป็นเวลาหลายร้อยร้อยพันปีได้อย่างไร?
เกรงว่าที่ความทรงจำยังคงอยู่ก็เป็นเพราะมันฝังลึกเข้าไปถึงกระดูก!
ตอนที่ 776
หลิงฮันไม่รู้สึกแปลกใจ การที่สามารถปลูกฝังความทรงจำเข้าไปถึงไขกระดูกอีกฝ่ายได้ มันจะต้องน่าหวาดกลัวขนาดไหน? แล้วหม่าตั๋วเป๋าจะเป็นคนที่น่าหวาดกลัวแค่ไหนถึงสามารถสร้างรูปแบบอาคมนี้ได้?
เขาสมควรได้รับชื่อปรมาจารย์รูปแบบอาคมอันดับหนึ่งของโลก!
ไม่แปลกใจที่เขาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถสะลักชื่อของตัวเองลงแผ่นหินได้ อันดับหนึ่งของโลก นี่ไม่ใช่การพูดโอ้อวด แต่ความสามารถของเขาเป็นของจริง
อย่างไรก็ตาม รูปแบบอาคมนี่มันคืออะไร?
ตู้ม ผลึกกระดูกมือถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ แล้วมันกลายเป็นมือที่เรียวยาวและมีเลือดเนื้อ
ในขณะนั้นผลึกกระดูกมือปล่อยฝ่ามือขนาดเทียบเท่าภูเขาออกมาเพื่อบดขยี้หลิงฮัน
ไม่มีอะไรสามารถหยุดข้าได้!
ดาบสังหารระเบิดพลังออกมา อักขระอาคมมากกว่าหนึ่งหมื่นอักขระเปล่งประกาย ตูม ตูม มันหลุดออกมาจากมือของหลิงฮันและเผชิญหน้ากับผลึกมือด้วยตัวเอง
เมื่อดาบและฝ่ามือผลึกหยกปะทะกัน ทำให้แสงสว่างไปทั่วท้องฟ้า ถ้าผู้คนลืมตาขึ้นมองถึงขั้นอาจตาบอดได้
ท่ามกลางแสงพวกนั้น เขาเห็นดาบสังหารกำลังต่อสู้กับผลึกฝ่ามือไม่หยุดและทำให้เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง หลิงฮันรีบตะโกนเรียกให้ทุกคนมาอยู่ใกล้เขาภายใต้การป้องกันของรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี มิฉะนั้นเขาจะถูกบดขยี้ไปเศษเล็กเศษน้อยอย่างแน่นอน
ศพที่ยิ่งใหญ่ส่ายหัวและเริ่มหยุดโจมตี เขานำผลึกกระดูกกลับมาและพูดว่า “ครบสิบกระบวนท่าแล้ว ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พี่ชายศพ ข้าหวังว่าจะได้เล่นกับเจ้าในครั้งต่อไป และข้าจะจัดการเจ้าให้ได้เลย!”
ศพที่ยิ่งใหญ่ยิ้มอย่างอ่อนโยนอยู่บนใบหน้า และไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาแต่อย่างใด กลับกันเขารู้สึกดีใจ และพูดว่า “จากนี้ไปเจ้าจะต้องฝึกฝนบ่มเพาะพลังให้เร็วขึ้น ระดับทลายมิติเป็นเรื่องยากที่จะทะลวงผ่าน แต่เพราะเจ้าของร่างกายนี้เลยทำให้ข้าทะลวงผ่านได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆไม่เช่นนั้น…มันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ครั้งนี้พี่ชายศพได้เชิญข้าดื่มชาชั้นยอด ครั้งหน้าข้าจะเป็นคนเชิญเจ้าดื่มไวน์ชั้นยอดเอง”
ศพที่ยิ่งใหญ่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาพูดว่า “แม้ข้าจะไม่ดื่มของมึนเมา แต่ถ้าเจ้าเป็นคนเชื้อเชิญข้าก็ยินดีที่จะดื่มเพื่อเจ้า”
“เช่นนั้นข้าคงต้องของตัวลา!”
ศพที่ยิ่งใหญ่กระโดดไปด้านหลัง ในพริบตาเขาก็อยู่ห่างออกไปหลายไมล์
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลิงฮันที่ได้รับความสุภาพจากอีกฝ่ายหลังจากต่อสู้เป็นตาย อย่างไรก็ตาม ศพที่ยิ่งใหญ่คนนี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เขาทำให้เขารู้สึกดีและอยากจะเป็นสหายกับอีกฝ่าย
“ยังไงก็ตามเขาเป็นคนของนิกายพันศพ และในอนาคตข้าจะต้องต่อสู้กับนิกายพันศพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” หลิงฮันถอนหายใจ
ปัง!
ในระยะไกล เกิดความผันผวนของการต่อสู้ขึ้นและมีดวงดาวในท้องฟ้ายังคงพังทลาย แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ก็มีดวงดาวจำนวนมากกำลังตกลงมา และกลายเป็นอุกกาบาต
นี่คือการต่อสู้ของจอมยุทธระดับทลายมิติ และมันเป็นทิศทางที่ซากศพที่ยิ่งใหญ่จากลาเขาไป
เขาว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง?
หลิงฮันไม่ได้กังวล ความเร็วของเขาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับจอมยุทธระดับทลายมิติ ถ้าเขาต้องการหนี เขาก็สามารถหลบหนีได้หากเขาต้องการ
เว้นแต่ว่าทักษะอัสนีเก้าทิวาจะพัฒนาขึ้น และจะไม่มีใครสามารถไล่ตามหลังเขาได้ทัน นอกจากจอมยุทธระดับทลายมิติยินดีที่จะเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเอง และความเร็วจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
การต่อสู้ในระยะไกลเกิดขึ้นไม่นานนัก และกลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นชั่วครู่ แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นมาทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด
มีหญิงสาวผมแดงปรากฏตัวอยู่ในระยะไกลพร้อมกับปีกหนึ่งคู่ที่อยู่ด้านหลัง แต่มันก็หดตัวอย่างรวดเร็วเพียงแค่หนึ่งลมหายใจและปีกนั่นก็หายไปทันที
อี้ชวงชวง!
ในมือของนางกำลังถือผลึกที่คล้ายกับกระดูกและกำลังโยนมันเล่น
“อี้ชวงชวง!” หลิงฮันตะโกน
“โอ้ว ใครกันที่กล้าเรียกชื่อของข้า!” อี้ชวงชวงเก็บผลึกกระดูกอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อนางเห็นหลิงฮันช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกตกใจ “ข้ากำลังจะกลับพอดี แต่บังเอิญเจอคนที่น่าสนใจเข้า”
หลิงฮันชี้นิ้วออกไป “เจ้ากำลังมุ่งหน้าไปผิดทาง เมืองจักรพรรดิอยู่ที่ปลายทางอีกด้านหนึ่ง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณที่เตือนข้า แล้วเจอกันใหม่!” อี้ชวงชวงหันหลังและจากไป
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน!”
หลิงฮันรีบหยุดนาง “นี่เจ้าไม่ได้ปกป้องเมืองจักรพรรดิอยู่เรอะ? ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
อี้ชวงชวงยักไหล่และพูดว่า “เมื่อตอนอยู่เมืองจักรพรรดิข้ารู้สึกว่ามีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าจึงมุ่งหน้ามาดูด้วยความตื่นเต้น”
หลิงฮันกลอกตาและพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่ดูเพื่อความสนุก แต่ยังปล้นของของคนอื่นด้วย!” เห็นได้ชัดว่านางอยู่ที่นี่นานแล้ว แต่นางไม่เปิดเผยตัวตนออกมาและรอให้ศพที่ยิ่งใหญ่ปลีกตัวออกไปก่อน และเมื่อได้โอกาสนางก็ต่อสู้กับอีกฝ่ายและปล้นผลึกกระดูกมา
มันสามารถพูดได้ว่าหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งเกินไป แม้พลังของผลึกกระดูกจะน่าสะพรึงกลัว แต่นางก็ยังจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
ศพที่ยิ่งใหญ่คงจะรู้สึกหดหู่มากเป็นแน่? แต่ใครขอให้เขาโชคร้ายมาพบกับตัวตนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์กันล่ะ แม้ว่าความแข็งแกร่งของนางจะถูกสะกดไว้ แต่อย่างน้อยด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันก็ไม่สามารถต่อกรกับนางได้ บางทีอาจมีแค่ราชินีหยินหรือหม่าตั๋วเป่าเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับนางได้
อี้ชวงชวงยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่รู้อะไร เจ้ากระดูกมือนี่น่าจะมาจากตัวตนระดับดารา เมื่อสะกัดพลังของมันพลังของข้าอาจฟื้นคืนได้”
“ระดับดารา? จะว่าไปเมืองจักรพรรดิห่างไกลจากที่นี่มาก แต่เจ้ายังรู้สึกถึงมัน?” หลิงฮันถาม
“หึ่ม เพียงแค่ระยะทางแค่นี้ ถ้าข้าไม่รู้สึกคงจะเป็นเรื่องที่แปลก!” อี้ชวงชวงกล่าวด้วยสีหน้าดูถูก
“อาณาจักรดวงดาว หรือว่าจะเป็นระดับพลังของตัวตนระดับพระเจ้า?” หลิงฮันถาม เขาสามารถสรุปได้ว่าแม้ตัวตนระดับพระเจ้าก็มีระดับพลังเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขาแบ่งกันอย่างไร
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เจ้าจะสนใจเรื่องพวกนั้นไปทำไม เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากระจ้อยร่อยแต่กลับสนใจเรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายเสียจริง” อี้ชวงชวงพูดดูหมิ่น
หลิงฮันเค้นเสียงและพูด “เจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าสามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้ภายในสิบปี และจะขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับทวีปฮงเทียน”
อี้ชวงชวงรู้สึกตกตะลึงและพูดว่า “โอ้ว ถ้างั้นข้าจะบอกเรื่องทั่วไปให้เจ้าได้รับรู้ล่วงหน้า แต่เจ้าจะไม่อาจหันหลังกลับได้หลังจากที่เจ้ารู้!”
“หึ่ม เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนอ่อนแออย่างนั้นรึ?” หลิงฮันกล่าว
“ไม่เลย!” อี้ชวงชวงเริ่มพูดขณะเล่นผลึกกระดูก “ตัวตนระดับพระเจ้าแบ่งออกเป็นห้าระดับใหญ่ นั่นคือ ระดับภูผาวารี ระดับสุริยันจันทรา ระดับดารา ระดับวารีนิรันดร์ และระดับสร้างสรรพสิ่ง อย่างไรก็ตาม แต่ละระดับไม่ได้แบ่งเป็นเก้าขั้น แต่มีเพียงแค่สี่ขั้นเท่านั้น คือ ต่ำ กลาง สูง และสูงสุด”
“ช่องว่างเพียงแค่ขั้นเดียวนั้นแตกต่างกันมาก ตอนนี้เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แต่เจ้านั้นสามารถต่อสู้กับระดับสวรรค์ได้ เท่ากับหนึ่งระดับใหญ่ เจ้าสามารถเรียกได้ว่าอัจฉริยะในโลก แต่หลังจากที่เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะต่อสู้ข้ามหนึ่งระดับใหญ่หรือหนึ่งขั้นพลัง”
ตอนที่ 777
หลังจากได้ฟัง หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ในโลกนี้เขาที่เป็นอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดที่จะสามารถสู้ข้ามระดับใหญ่ได้ แต่เมื่อเขาขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ขั้นพลังเล็กๆก็ยังเป็นเรื่องยาก?
“แทงใจดำงั้นรึ?” อี้ชวงชวงแสยะยิ้ม “จากการพิจารณาของข้า เจ้าเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถพอจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้ แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้อัจฉริยะระดับเจ้าจะมีไม่เยอะ แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกัน”
จริงรึ? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างเป็นโลกที่แตกต่างอะไรเช่นนี้!
แต่เมื่อคิดให้ดี ทรัพยากรของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากกว่าโลกนี้หลายร้อยเท่า บางทีอาจจะแม้กระทั่งสมบัติฝืนสวรรค์บางอย่างที่สามารถทำให้พลังต่อสู้ของจอมยุทธเพิ่มขึ้นได้ อย่างเช่นโลกนี้เองก็มีหินชะตะสวรรค์ที่หลิงฮันเคยครอบครอง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีสมบัติที่ยอดเยี่ยมกว่าหลายเท่าแน่นอน
ในโลกเล็กๆแห่งนี้ที่ถูกดูแคลนว่าเป็นดินแห่งแมงเม่า หลิงฮันยังสามารถเป็นอัจฉริยะที่ทัดเทียมกับอัจฉริยะบางส่วนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าหากเขาขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่ใช่ว่าเขาจะเหนือกว่าอัจฉริยะเหล่านั้นหรอกรึ?
อัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ข้าจะเหนือกว่าให้ดู!
ความมั่นใจของหลิงฮันฟื้นฟูกลับมา มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุ่งมั่น
“เจ้าตัวร้าย!” อี้ชวงชวงเค้นเสียงเย็นชา “จู่ๆทำไมแววตาเจ้าถึงดูส่องประกายแบบนั้น? หรือว่าเจ้าเกิดสนใจในตัวข้าผู้นี้?”
“เจ้าน่ะรึ? ฮ่าๆๆ!” ปรบมือหัวเราะ
“หมายความว่าอย่างไร? รึเจ้าจะบอกว่าข้าไม่งดงามพอ?” อี้ชวงชวงรู้สึกไม่สบอารมณ์
หลิงฮันเมินเฉยสิ่งที่นางพูดและถามต่อ “แล้วเจ้าล่ะ เจ้ามีพลังบ่มเพาะและพลังต่อสู้อยู่ที่ระดับใด?”
อี้ชวงชวงท้าวเอวอย่างภาคภูมิใจและกล่าว “ข้าคือปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นกลางส่วนต้น! แต่การที่ข้าต้องถูกผนึกมาเป็นเวลากว่าแสนปีทำให้พลังบ่มเพาะของข้าตกมาอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นส่วนต้นเท่านั้น และพลังต่อสู้ของข้าก็ตกมาอยู่เพียงระดับภูผาวารีขั้นต้น”
ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถจัดการศพที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้พลังบ่มเพาะของนางจะถูกโลกนี้จำกัดเอาไว้ แต่นางก็ยังสามารถใช้งานพลังต่อสู้ของระดับทลายมิติขั้นเก้าออกมาได้
“ข้านั้นเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นกลางส่วนต้น ข้าสามารถต่อสู้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางส่วนปลายได้อย่างทัดเทียม ข้านับว่าเป็นอัจฉริยะสองดาว! ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หากสู้ข้ามขั้นพลังเล็กๆได้จะถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว”
“นอกจากนั้นระดับของอัจฉริยะก็ยังมี อัจฉริยะสองดาว อัจฉริยะสามดาวและอัจฉริยะสี่ดาว เท่าที่ข้ารู้ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีอัจฉริยะสี่ดาวอยู่น้อยมาก ส่วนอัจฉริยะห้าดาวนั้นมีเพียงในหน้าประวัติศาสตร์ของบันทึกโบราณเท่านั้น” อี้ชวงชวงกล่าว
หลิงฮันมั่นใจในตัวเอง ตอนนี้แค่เขาบ่มเพาะส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เขาก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นหินจัดอันดับวรยุทธ์แล้ว ถ้าเขาเรียนรู้ส่วนที่สองได้ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน?
เขาจ้องเขม็งไปยังอี้ชวงชวงและกล่าว “ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า”
“อะไร? เจ้าคิดจะช่วงชิงสมบัติสุดรักของข้างั้นรึ??” อี้ชวงชวงกล่าวและจับผลึกกระดูกมือเอาไว้แน่น
“ข้าดูเป็นคนเช่นนั้นรึ?”
หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูดก่อนจะกล่าว “แม้ข้าจะอยากได้มัน ข้าก็คงแย่งมันมาจากเจ้าไม่ได้”
อี้ชวงชวงแสร้งถอนหายใจโล่งอกและเอ่ยถาม “อะไรกันที่เจ้าอยากจะขอข้า?”
“ข้าไม่มีทักษะบ่มเพาะระดับสิบ(ระดับทลายมิติ) ข้าจึงอยากจะขอยืมทักษะจากเจ้าก่อน” หลิงฮันกล่าว ทักษะบ่มเพาะระดับสูงสุดที่เขาครอบครองคือระดับเก้า(ระดับสวรรค์) ดังนั้นหากเขาไม่หาทักษะบ่มเพาะระดับสิบในชีวิตนี้เขาก็จะบรรลุได้เพียงระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดเท่านั้น
ตามจริงแล้วเขาสามารถสร้างทักษะบ่มเพาะระดับสิบขึ้นมาแล้วค่อยทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้ แต่นั่นจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน? แม้จะเป็นเขาก็ต้องใช้เวลาถึงร้อยปี
เขาไม่อาจรอนานขนาดนั้นได้
“ว่าไงนะ?” อี้ชวงชวงหัวเราะทันทีและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่มีปัญหา แต่เจ้ามีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ? ถึงแม้จะเป็นแค่การ‘ยืม’ แต่ข้าก็คงให้เจ้าไปแบบเปล่าๆไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
“เห้อ เจ้าต้องการอะไร?” หลิงฮันเองก็เตรียมใจให้อะไรตอบแทนนางอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าเสียเวลาร้อยปีไปอย่างเสียเปล่า
“เจ้ามาจากแคว้นเล็กๆของดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียว บอกข้ามาว่าเจ้าครอบครองสมบัติลับอันใดอยู่?” อี้ชวงชวงถามด้วยความสงสัย
หลิงฮันกล่าว “ที่จริงข้าคือร่างเกิดใหม่ของจอมยุทธระดับทลายมิติ ดังนั้นข้าจึงบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็ว”
อี้ชวงชวงเค้นเสียงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “การเกิดใหม่โดยคงวิญญาณเอาไว้นั้นแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีโอกาศแทบจะเป็นศูนย์ แล้วจะให้ข้ายอมเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่งั้นรึ? ยิ่งกว่านั้นถ้าเจ้าเป็นร่างเกดใหม่ของจอมยุทธระดับทลายมิติ เจ้าจะต้องการทักษะบ่มเพาะระดับสิบไปเพื่ออะไร?”
สตรีผู้นี้ไม่โง่เลยจริงๆ
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าการเกิดใหม่โดยยังมีวิญญาณเดิมอยู่นั้นเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเช่นนั้นแล้วหอคอยทมิฬจะเป็นสมบัติระดับใดกันแน่ ไม่เพียงแค่มันจะทำให้วิญญาณของเขาเกิดในร่างใหม่ แต่มันยังคงสภาพวิญญาณของเขาเอาไว้เป็นเวลาหมื่นปีเพื่อให้เขาเรียนรู้ส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์
เขาดูถูกหอคอยทมิฬเกินไป
“เห้อ ข้าบอกความจริงกับเจ้าไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้” หลิงฮันยักไหล่ จะอย่างไรเขาก็ไม่สามารถบอกความลับของหอคอยทมิฬให้ผู้อื่นรู้ได้
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็คงไม่จำเป็นต้องยืมทักษะบ่มเพาะระดับสิบจากข้า!” อี้ชวงชวงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“งั้นก็กลับอาณาจักรกันเถอะ!”
โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เขาก็แค่ค่อยๆใช้เวลาหาทักษะบ่มเพาะต่อไป เพราะอย่างไรเขาก็ยังมีเวลาอีกซักพักก่อนจะบรรลุระดับสวรรค์ขั้นปลาย
เขาเรียกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมาพูดคุยปัญหาเกี่ยวกับภูมิภาคตะวันออก
ตอนที่ 778
ระดับของจอมยุทธของภูมิภาคตะวันออกเป็นรองแค่ภูมิภาคกลางเท่านั้น และอยู่ในระดับใกล้เคียงกับภูมิภาคใต้ที่มีจอมยุทธระดับสวรรค์
การบุกโจมตีภูมิภาคเหนือครั้งนี้ เดิมทีภูมิภาคตะวันออกปฏิเสธที่จะบุก แต่พวกเขาจะปฏิเสธคำสั่งของห้านิกายโบราณได้อย่างไร และได้ส่งจอมยุทธระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งออกไปจำนวนหนึ่ง และส่งจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและตัวอ่อนวิญญาณและจอมยุทธระดับบุปาผลิบานจำนวนมาก พวกเขาเปิดกำแพงกั้นภูมิภาคด้วยอาวุธวิญญาณระดับสิบที่ยืมมาจากห้านิกายโบราณ และเปิดฉากการโจมตีภูมิภาคเหนือ
โดยปกติแล้วกองกำลังดังกล่าวสมควรที่จะไร้พ่าย ตลอดเส้นทางการโจมตีเมืองและหมู่บ้านพวกเขาแทบจะไม่ขัดขืน และเลือกที่จะยอมจำนนอย่างไรก็ตาม จอมยุทธแห่งภูมิภาคตะวันออกไม่ได้สังเกตเห็นว่าแทบจะทุกครัวเรือนจะมีธงสัญลักษณ์หอคอยทมิฬ และยังคงเป็นศูนย์รวบรวมจิตใจของผู้คน
มีเพียงแค่สงครามระหว่างภูมิภาคเท่านั้นที่พลังแห่งจักรภพจะถูกกลืนกินและทำลายได้ ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มโจรที่สามารถครอบครองที่ดินได้อย่างเดียว แต่ไม่สามารถทำลายจิตใจของผู้คนได้
แน่นอนว่าถ้าเมืองจักรพรรดิถูกทำลายและจักรพรรดิถูกสังหาร รากฐานของจักรวรรดิก็จะหายไปและจักรวรรดิก็จะไม่เป็นจักรวรรดิอีกต่อไป
หลิงฮันกลับไปที่เมืองจักรพรรดิ เขามีแผนที่จะล่อลวงให้ศัตรูเข้ามาใกล้เมืองจักรพรรดิลึกขึ้นอยู่ในอาณาเขตของจักวรรดิต้าหลิงแล้วค่อยจัดการอีกฝ่ายในทีเดียว
อีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้าด้วยความรวดเร็ว โดยทิ้งจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอยู่ในเมืองที่ยึดมาได้ ส่วนจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่ายังคงมุ่งหน้าไปทางตะวันตกในทิศทางของเมืองจักรพรรดิ
“หลิงฮัน ข้าอยากจะพูดคุยเรื่องบางอย่างกับเจ้า” หลังจากที่หลิงฮันเพิ่งจะกลับมาถึงพระราชวัง เขาก็ถูกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนลากตัวไป
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ หรือว่านางคิดจะทำเรื่องแบบนั้นในตอนกลางวัน?
“นี่เจ้าคิดอะไรอยู่?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกไม่พอใจและพูดต่อว่า “เผ่าใต้สมุทรพวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว!”
โอ้ว?
หลิงฮันจ้องมองไปที่นางและพูดว่า “แล้วพวกมันอยู่ไหน?”
“พวกเขาถูกอี้ชวงชวงขับไล่ออกไปแล้ว” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว “ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตระกูลเซียนหยู่เท่านั้น แต่ร่วมถึงตระกูลของข้าด้วย เดิมที ข้าพยายามที่จะซ่อนตัวจากพวกเขา แต่หลังจากที่รู้ความจริงเรื่องการชำระล้าง ข้ารู้สึกว่าตระกูลของข้าอาจเห็นด้วย ดังนั้นข้าเลยเขียนจดหมายและให้คนของข้านำไปให้พ่อของข้า!”
“ถ้างั้นตระกูลเฮ่อเหลียนก็รู้แล้วว่าเจ้าอยู่กับข้าที่นี่?” หลิงฮันถาม
“ใช่!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า “เจ้าอาจคิดว่าข้าทำผิดพลาด ข้าสามารถจากไปได้ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเกี่ยวข้อง!”
หลิงฮันดึงนางเข้ามากอดและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่จะทอดทิ้งลูกและแม่ของลูกอย่างนั้นรึ? ข้าจะสู้!”
“แสดงได้ดีมาก! แสดงได้ดีมาก!” ฮูหนิวกระโดดออกมาจากด้านหลังเสาหินอย่างกะทันหันและเดินเข้ามาและพูดว่า “หลิงฮัน พวกเรามาฆ่านางและกินเนื้อมังกรตุ๋นกันได้ไหม?”
ใครที่ทำให้หลิงฮันของนางต้องลำบากจะกลายเป็นเป้าหมายของนางที่จะต้องถูกกำจัด แต่น่าเสียดายที่หลิงฮันไม่อนุญาต ทำให้ฮูหนิวรู้สึกหมดหนทาง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหันไปหาหลิงฮันและผลักเขาก่อนที่จะขึ้นคล่อน และฉีกเสื้อผ้าของหลิงฮัน แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า “เจ้าเป็นหนี้ข้ากี่ครั้งแล้ว?”
“น่าไม่อาย!” ฮูหนิวใช้มือปิดตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว สาวใต้สมุทรสกปรกมากที่ต้องการทำให้จิตใจบริสุทธิ์ของหนิวต้องแปดเปื้อน
“ฮูหนิวยังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่กลัวว่าจะสร้างมลทิลให้กับนางรึ!” หลิงฮันกล่าวและลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนแทน
“ฮิฮิฮิ หนิวอยากเล่นด้วย!” ฮูหนิวพุ่งเข้าไปหาหลิงฮัน นางคิดว่าพวกเขากำลังเล่นกันอยู่
เมื่อมีฮูหนิวเข้ามากวน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก อารมณ์ของนางในขณะนั้นค่อนข้างรุนแรง แต่โชคดีที่หลิงเจี้ยนเสวี่ยนตื่นขึ้นมาพอดี นางเลยรีบเข้าไปดูแลลูก
ฮูหนิวมองไปที่เด็กน้อยและพูดว่า “เสวี่ยนน้อยจะโตขึ้นมาเหมือนกับหลิงฮันหรือไม่?”
“เขายังเด็ก แน่นอนว่าไม่มีใครรู้” หลิวอู๋ตงกล่าว ในตอนนี้นางกับหลี่ซื่อฉางคอยช่วยดูแลหลิงเจี้ยนเสวี่ยนอยู่ ซึ่งเป็นทายาทตัวน้อยของตระกูลหลิง
“แอ๊ แอ๊ แอ๊!” เจ้าตัวน้อยส่งเสียงหัวเราะและยื่นมือเล็กๆออกไปเพื่อที่จะจับหน้าอกของหลิวอู๋ตง เขาคงคิดว่าหน้าอกที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยน้ำนมที่จะทำให้เขากินอิ่มมากขึ้นและอร่อยกว่า นี่ทำให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่พอใจอย่างมาก
สองสามวันต่อมา กองกำลังพันธมิตรของภูมิภาคตะวันออกได้ก้าวเข้าสู่เมืองจักรพรรดิ และเป้าหมายต่อไปคือทำลายศูนย์กลางของจักรวรรดิต้าหลิง
หลิงฮันเดินออกมาจากฝูงชนด้วยรอยยิ้ม
จอมยุทธแห่งภูมิภาคตะวันออกสามารถมาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนหยิ่งผยองและคิดว่าไม่มีใครในภูมิภาคเหนือมีพลังที่จะหยุดยั้งพวกเขาได้
พวกเขายังรู้สึกแปลกใจกับความแข็งแกร่งของภูมิภาคเหนือว่ามันจะมากขนาดไหนกันเชียวถึงต้องส่งกองกำลังชั้นยอดออกมาทั้งหมด เห็นหรือไม่ว่าพวกเขาสามารถมาที่เมืองจักรพรรดิได้อย่างง่ายดายแค่ไหน?
เมืองแห่งนี้ ทุกอย่างจะถูกตัดสินอยู่ที่นี่
หลิงฮันพาฮูหนิวออกมา
“ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง ผู้ใดที่กล้าต่อต้านข้า คนผู้นั้นจะต้องตาย! แต่ในเมื่อพวกเจ้าแค่ทำตามคำสั่ง ข้าจะมอบโอกาสให้พวกเจ้ายอมจำนน แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!” หลิงฮันกล่าว เสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุมของเมืองจักรพรรดิ แม้กระทั่งตราสัญลักษณ์ยังมีเสียงออกมาเช่นกัน
นี่คือความอัศจรรย์ของตราสัญลักษณ์ ซึ่งสามารถครอบคลุมจักวรรดิต้าหลิงได้ทั้งหมด
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หลังจากตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ช่วยไม่ได้ที่เขาจะส่งเสียงหัวเราะ เจ้าเด็กนี่น่ะหรือจักรพรรดิ? นี่เจ้าไม่ได้เล่นตลกกับข้าหรอกใช่ไหม? เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แต่กล้าที่จะพูดไว้ชีวิตพวกเขา ข้าจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ
“เจ้าหนู ข้าจะเข้าไปเด็ดหัวเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!” จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากระโจนออกไป เขาดูมีอายุมากกว่าสี่สิบปี แต่อายุที่แท้จริงของเขาอย่างน้อยสองร้อยปี ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากพลังปราณ
หลิงฮันเดินออกไปต้อนรับและพูดว่า “เจ้าจะหยุดตอนนี้ยังทัน และเจ้าจะได้รับการไว้ชีวิต!”
“ไร้สาระ ข้านี่แหละจะเป็นคนสังหารเจ้า!” ชายคนนั้นโกรธมากและโจมตีหลิงฮันด้วยกระบี่ กลิ่นอายที่เดือดดาลของเขาดูน่าตกใจและความแข็งแกร่งของเขาค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว เขาอาจถูกเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาอันดับต้นๆ
หลิงฮันยกมือขึ้น เมื่ออีกฝ่ายใกล้ถึงตัว เขาปรบมือทันที
ตู้ม ร่างของชายคนนั้นถูกฉีกกระชากในพริบตา
หลิงฮันลดมือลงและพูดเสียงแผ่วเบาว่า “โอกาสที่พวกเจ้าจะได้รับมีไม่มากนัก หรือพวกเจ้าคิดที่จะทิ้งโอกาสพวกนั้นไป?”
จอมยุทธแห่งภูมิภาคตะวันออกทุกคนต่างตกตะลึง จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาไม่ได้อ่อนแอ ในภูมิภาคตะวันออกถือเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งและเพียงพอที่จะติดในร้อยอันดับแรก แต่เขากลับตายในพริบตา นี่แสดงให้ว่าความแข็งแกร่งของหลิงฮันน่าอัศจรรย์แค่ไหน
พววกเขาประเมินภูมิภาคเหนือต่ำไป พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
จอมยุทธระดับสวรรค์ก้าวออกมาขณะแสยะยิ้ม “มันไม่ง่ายขนาดนั้น จอมยุทธระกับก้าวสู่เทวาที่มีพลังต่อสู้ระดับสวรรค์อย่างเจ้าถือว่าเป็นอัจฉริยะของโลก แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าการก่อตั้งจักรพรรดิถือเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แน่นอน แล้วตรงไหนกันล่ะที่มันชั่วร้าย?”
“กฎที่กำหนดโดยบรรพบุรุษ!” จอมยุทธระดับสวรรค์คนนั้นกล่าวอย่างเย็นชา
กลุ่มคนพวกนี้จะต้องถูกล้างสมองเป็นแน่ถึงไร้สาระขนาดนี้ และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดที่จะยอมจำนน
หลิงฮันโบกมือแล้วยิ้มและพูดว่า “ถ้าบรรพบุรุษของเจ้าบอกให้เจ้ากินอึ เจ้าจะกินหรือไม่?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น