Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 755-766

ตอนที่ 755

 

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะกล่าว “ข้าขอชื่อของผู้อาวุโสได้รึไม่?”


‘เปรี้ยง’ เส้นสายฟ้าส่องประกายขึ้นที่รูปปั้นหินก่อนจะโจมตีใส่หลิงฮัน


“เจ้าหนู ข้าขอสั่งสอนเจ้าเพื่อให้เจ้ารู้ตัวว่าควรจะมีความเคารพต่อผู้ที่อาวุโสกว่า!” เสียงนั้นกล่าว


‘พรึบ’ หลิงฮันโคจรทักษะอัสนีบาตรเก้าทิวาเพื่อต่อต้าน


‘ตูม’ ร่างของหลิงฮันโดนโจมตีกระเด็นไปกระแทกกำแพงอย่างรุนแรง สิ่งที่น่าตกตะลึงคือแม้จะเป็นการโจมตีที่รุนแรงเทียบได้กับการโจมตีของจอมยุทธระดับสวรรค์ บนกำแพงก็ไม่เกิดรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย


“อะไรกัน?” เสียงนั่นเกิดอาการตกตะลึง “เจ้าหนู เจ้าช่างแปลกประหลาด เป็นเพียงแค่ระดับก้าวสู่เทวาแท้ๆแต่กลับมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับจอมยุทธระดับสวรรค์ แถมยังกายหยาบที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้… หายาก เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง!”


หาได้ยากยิ่ง?


หลิงฮันประหลาดใจ คำว่าหายากนั้นหมายความว่ายังมีคนอื่นที่สามารถบ่มเพาะกายหยาบมาถึงระดับนี้ได้เช่นกัน


ตัวตนที่ลึกลับผู้นี้เป็นใครกันแน่ แม้แต่เจียหมิงที่เป็นอัจฉริยะในรอบพันปีของนิกายมังกรปฐพีที่ขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญด้านฝึกฝนกายหยาบและมีสายเสือดที่บริสุทธิ์ ยังมีกายหยาบที่เทียบกับหลิงฮันไม่ได้เลย


“แล้วก็เด็กสาวคนนั้น!” เสียงนั่นแผ่วเบาลงเล็กน้อย “แม้จะได้รับแรงกระแทกจากการโจมตีเมื่อครู่เจ้าก็ยังไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย! ช่างแปลกประหลาดนัก เป็นไปได้อย่างไรที่ดินแดนกระจ้อยร่อยราวกับแมลงเม่าเช่นนี้จะสร้างอัจฉริยะขนาดนี้ขึ้นมาได้?”


“ผู้อาวุโส ดินแดนแมลงเม่าที่ท่านว่าหมายถึงอะไร?” หลิงฮันถาม


“แน่นอน มันก็คือดินแดนอันกระจ้อยร่อยที่เจ้าอาศัยอยู่นี่ไงล่ะ” เสียงนั่นกล่าว “ตัวข้าผู้นี้คือจักรพรรดิเพลิงอัสนี จงจำชื่อของข้าไว้ ข้าคือจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!”


หลิงฮันกรอกตามองบน เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหนีมาหลบซ่อนที่นี่ ก็คงเป็นเพราะเจ้าถูกผนึกเอาไว้ที่นี่ แต่เจ้ากล่าวว่าอะไรนะ? แข็งแกร่งที่สุดในโลก? แต่หลิงฮันก็ไม่แสดงท่าทีดูถูกออกไปและกล่าว “ที่แท้ท่านก็คือผู้อาวุโสเพลิงอัสนีนี่เอง ข้าขอเสียมารยาทท่านได้รึไม่ว่าทำไมท่านถึงเรียกดินแดนนี้ว่าแมลงเม่า?”


“ดินแดนแห่งนี้ไม่มีทั้งดวงดาว ดวงอาทิตย์หรือพระจันทร์ที่แท้จริง ไม่ใช่ว่ามันต่ำต้อยราวกับแมลงเม่ารึไง?” จักรพรรดิเพลิงอัสนีเค้นเสียงดูถูก “เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว จงทำหน้าที่ตามหาสมบัติให้ข้าซะ สำหรับเด็กคนนั้น ข้าจะรับนางเป็นศิษย์เอง!”


“ฮึ หนิวไม่เห็นอยากเป็นเลย!” ฮูหนิวแลบลิ้น


“ข้าคือตัวตนที่แข็งแกร่ง! ไม่สิ ข้าคือจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก จงเคารพข้าเป็นอาจารย์เสีย แล้วเจ้าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีพูดจาดื้อด้านราวกับเด็ก


หลิงฮันรู้ว่าแม่น้ำอัสนีและแม่น้ำเพลิงนั้นเป็นสิ่งที่เกิดจากจักรพรรดิเพลิงอัสนี หากมองจากมุมนี้แล้วอีกฝ่ายเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างที่กล่าวจริงๆ เขาต้องเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติเป็นอย่างน้อย แต่จากที่เขากล่าว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนของทวีปฮงเทียนแห่งนี้


หรือจะเป็นตัวตนระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะอวดดีขนาดนั้น


“ถูกขังอยู่ในรูปปั้นหินผุพังแบบนี้ เจ้าจะทำอะไรได้?” ฮูหนิวกล่าวเหยียดหยาม


“เหอะ!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีไม่สบอารมณ์ สัมผัสสวรรค์ของเขาปลดปล่อยอำนาจออกมาอย่างเกรี้ยวกราดและต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะสงบจิตใจลงได้ “ซักวันจักรพรรดิผู้นี้จะฟื้นพลังกลับมา และเหยียบย้ำโลกล้าอีกครั้ง!”


หลิงฮันกล่าว “ข้าขอให้ผู้อาวุโสเล่าเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ฟังหน่อยได้รึไม่?”


“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ฮ่าๆๆๆ!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีหัวเราะลั่น “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย? เจ้าหนู ตามหาสมบัติให้ข้าแล้วข้าจะบอกทุกสิ่งที่เจ้าอยากรู้?”


“คำถามเล็กๆน้อยแต่ต้องแลกด้วยสมบัติ? ผู้อาวุโสช่างใจแคบยิ่งนัก ข้าคงต้องขอปฏิเสธ!” หลิงฮันปฏิเสธข้อเสนอก่อนที่จะกล่าวต่อ “แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว ข้าจะรับฟังหน่อยก็ได้ว่าสมบัติอะไรที่ผู้อาวุโสต้องการ?”


จักรพรรดิเพลิงอัสนีไม่พอใจอย่างยิ่ง รุ่นเยาว์ระดับก้าวสู่เทวากล้ามาต่อลองกับเขา? แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องการให้อีกฝ่ายทำภารกิจให้ เขาเค้นเสียงและกล่าว “ข้าต้องการสมบัติสี่อย่าง เขามังกรที่แท้จริง ขนนกอมตะสวรรค์ โลหิตสีชาด แร่ม่วงศักดิ์สิทธิ์!”


นี่เจ้าบ้ารึเปล่า?


ปากของหลิงฮันกระตุก ของสี่อย่างที่ว่ามานั้นสมควรจะเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่รึไง? และประเด็นก็คือที่ทวีปฮงเทียนนี้จะมีสมบัติเช่นนั้น?


“เหอะ ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปหามันมาให้ได้เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะหายังไงดินแดนเล็กๆเช่นนี้ก็ไม่มีทางหาเจออยู่แล้ว แต่ถ้าหากในอนาคตเจ้าขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะมีโอกาสหามันเจอแน่นอน จักรพรรดิผู้นี้จะรอคอยเจ้า” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าว


หลิงฮันแสยะยิ้มและกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานเช่นใดที่ผู้อาวุโสจะให้เป็นของตอบแทน?” ถ้าทักษะศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมจริง เมื่อเขาได้รับสมบัติที่ว่ามาแล้วเขาค่อยคิดถึงข้อเสนอของอีกฝ่ายอีกที


“ข้าจะแสดงอำนาจของทักษะศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าเห็นผ่านสัมผัสสวรรค์เดี๋ยวนี้” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าว ทันใดนั้นก้อนแสงขนาดเล็กก็ลอยออกมาจากรูปปั้นหินและมาหยุดอยู่ด้านหน้าหลิงฮัน


หลิงฮันไม่กล้าประมาท หลังจากยืนยันได้แล้วว่ามันคือก้อนความทรงจำจริงๆเขาจึงค่อยสัมผัสมันและภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ปรากฏขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเขา


ร่างที่ไม่อาจบอกได้ว่ามีรูปลักษณ์เช่นใดกำลังต่อสู้อยู่ ศัตรูของเขาคือจอมยุทธผู้ใช้ดาบ


แม้จะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้เพราะมีหมอกปิดบังใบหน้า แต่หลิงฮันก็รับรู้ได้ว่าชายที่กำลังเผชิญหน้ากับจอมยุทธดาบอยู่คือจักรพรรดิเพลิงอัสนี


จักรพรรดิเพลิงอันสนีต่อสู้อย่างองอาจ ร่างของเขามีแขนงอกเพิ่มออกมาสี่แขน แขนทั้งหกโคจรทักษะลับพร้อมกันหกทักษะราวกับเป็นคนสามคนที่กำลังต่อสู้อยู่ในร่างๆเดียว


หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก นั่นเพราะเขาเองก็ฝึกฝนทักษะศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายทักษะ ซึ่งทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารากับทักษะผนึกพลิกปฐพีนั้นไม่สามารถใช้พร้อมกันได้ แต่ถ้าเขามีแขนเพิ่มขึ้นมาสี่แขนล่ะก็ ปัญหานั้นก็จะต่างออกไป


ด้วยแขนหกแขนที่โจมตี ทักษะศักดิ์สิทธิ์ห้าทักษะก็ถูกใช้ออกพร้อมกัน


“ทักษะศักดิ์สิทธิ์ของข้าเป็นอย่างไร? นี่เป็นเพียงแต่ส่วนแรกเท่านั้น!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวยั่วยวน “ข้าใช้ความพยายามอย่างมากจนเกือบจะต้องทิ้งชีวิตเพื่อให้ได้ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้มา!”


“อยากจะเรียนรู้ทักษะรึไม่? ถ้าเจ้าต้องการก็นำสมบัติสี่ชิ้นมาให้ข้า แล้วข้าจะสอนเจ้า!”


ต้องการ… ข้าต้องการฝึกฝนมัน!


แม้จะเป็นแค่ส่วนแรก ร่างกายก็สามารถงอกแขนออกมาได้เป็นหกแขนแล้ว หากฝึกฝนมันและสามารถใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ได้พร้อมกันหลายทักษะ พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นมหาศาล!


หลิงฮันพยักหน้า “ตกลง ข้าจะค้นหาสมบัติสี่ชิ้นให้เจ้า! แต่ว่าท่านผู้อาวุโส ข้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป ท่านช่วยมอบอะไรบางเพื่อช่วยข้าได้รึไม่? ไม่เช่นนั้นหากข้าล้มเหลวผู้อาวุโสเองก็จะไม่บรรลุเป้าหมายเช่นกัน”


โอกาสที่จะได้พบเจอกับตัวตนทรงพลังเช่นนี้มีไม่มาก แน่นอนว่าเขาต้องหาประโยชน์เข้าตัวให้มาที่สุด

 

 

 


ตอนที่ 756

 

จักรพรรดิเพลิงอัสนีรู้สึกไม่พอใจและพูดว่า “เจ้ายังไม่ได้ทำอะไรให้ข้าเลย แต่ก็หวังที่จะใช้ประโยชน์จากข้าแล้ว?”


เขาไม่เคยเห็นชายคนไหนที่หน้าด้านแบบนี้มาก่อน!


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ข้าจะมาที่นี่! ผู้อาวุโสบนดินแดนแห่งนี้ข้าสามารถรับประกันได้เลยว่าคนที่สามารถมาที่นี่มีจำนวนไม่เกินห้านิ้วมือ และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า ผู้อาวุโสอาจจะต้องรอคอยอีกร้อยวันพันปี”


จักรพรรดิเพลิงอัสนีไม่ไหวติง แต่ที่หลิงฮันพูดเป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาพูดว่า “ย่อมได้ ข้าสามารถมอบทักษะที่ใกล้เคียงกับทักษะลับให้กับเจ้าได้ แต่ว่ามันสามารถส่งต่อได้แค่จากมือของข้าเท่านั้น และอาจเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะเข้าใจ”


“โปรดแนะนำข้าด้วยท่านผู้อาวุโส” หลิงฮันกล่าวด้วยความเคารพ


จักรพรรดิเพลิงอัสนีคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เจ้าอยากเรียนรู้ทักษะแบบไหน? ข้าเชี่ยวชาญทักษะลับทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น กระบี่ ดาบ กระบองและฝ่ามือ  แม้ว่าอาจจะมีบางอย่างที่ข้าไม่ได้เรียนรู้ แต่เพียงแค่ข้าเรียนรู้อยู่ในใจก็เพียงพอที่จะทำให้โลกสั่นสะเทือน”


หลิงฮันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจาโอ้อวดหรือไม่ เขาพูดว่า “ข้าอยากเรียน…รูปแบบอาคม!”


ในการต่อสู้ระยะประชิด เขามีทักษะผนึกพลิกปฐพีแล้ว ซึ่งเป็นทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ ในการต่อสู้ระยะปานกลางเขามีทักษะสามดาบเร้นลับ ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ไปจนถึงระดับทลายมิติ ส่วนในการต่อสู้ระยะไกล เขามีทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราแล้ว ซึ่งก็เป็นทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน


ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการเรียนรู้คือรูปแบบอาคม เพราะเขาไม่สามารถเรียนรู้จากที่ไหนได้และปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญรูปแบบอาคมก็มีน้อยมากจนน่าสงสาร


ประเด็นสำคัญคือรูปแบบอาคมสามารถจับคู่ได้กับทุกทักษะ เพียงแค่ติดตั้งมันและก็ไม่จำเป็นต้องกังวลที่จะควบคุมมันอีกต่อไป


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าว “ข้าจะมอบรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีให้กับเจ้า มันเป็นรูปแบบอาคมที่เก่าแก่ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรที่จะมอบให้เจ้า!” รูปปั้นหินส่องแสงและมีลูกบอลแสงลอยออกมา


หลิงฮันสังเกตอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะยื่นนิ้วออกไป


ปัง ในจิตใต้สำนึกของเขาภาพของรูปแบบอากาศหลั่งไหลเขามาอย่างต่อเรื่อง ด้วยกฎที่ยอดเยี่ยมและข้อมูลบางอย่างก็ปรากฏออกมา ซึ่งบอกเขาเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของรูปแบบอาคมนี้


รูปแบบอาคมนี้มีชื่อว่าข่ายอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี หลังจากที่สร้างรูปแบบอาคมเสร็จมัน รูปแบบอาคมจะสามารถควบแน่นพลังของสวรรค์และปฐพีก่อตัวเป็นมังกรน้ำแข็งที่มีพลังระดับทลายมิติ


นี่มันโกงเกินไปแล้ว!


จักรพรรดิเพลิงอัสนีสมควรที่จะเป็นจอมยุทธจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทักษะที่เขาเชี่ยวชาญน่าจะเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด


ด้วยรูปแบบอาคมนี้ไม่ว่าศัตรูจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติก็ตาม ด้วยรูปแบบอาคมนี่เขาก็จะสามารถจัดการศัตรูคนนั้นได้อย่างแน่นอน


แต่เดี๋ยวก่อน แม้ว่าเขาจะได้รับรูปแบบอาคมระดับศักดิ์สิทธิ์มา แต่เขาก็ไม่มีวัตถุดิบที่จะสร้างแก่นรูปแบบอาคม


ตอนนี้เขาไม่มีสมบัติระดับสิบที่จะนำออกมาใช้เป็นแก่นอาคมได้ ดังนั้นเขาทำได้แค่รวบรวมวัตถุดิบอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม เขาต้องเชี่ยวชาญสร้างรูปแบบอาคมระดับสิบให้ได้ก่อน แต่บางทีเขาอาจจะรวบรวมวัตถุดิบได้เพียงพอก่อนที่จะสร้างรูปแบบอาคมนี้ได้


ท้ายที่สุด ถ้าเขาต้องการที่จะรวมสี่ภูมิภาคให้กลายเป็นหนึ่ง เขาจะต้องหาสมบัติระดับสิบให้พบ บางทีเขาอาจขอให้เฟิงโป๋วหยุนช่วยเหลือ โดยการดึงดวงดาวลงมา และบางทีเขาอาจจะเก็บเกี่ยวแร่เหล็กระดับสิบได้


“ไร้สาระ ข้ามีชามพลิกสวรรค์อยู่ แร่เหล็กระดับสิบแล้วมันทำไม? ตราบใดที่ข้ามีวัตถุดิบมากพอ ข้าก็สามารถยกระดับพวกมันทีละขั้นตอนได้!” หลิงฮันพูดอยู่ในใจ


จักรพรรดิเพลิงอัสนีแสยะยิ้มอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะมอบรูปแบบอาคมระดับสิบของจริงให้กับหลิงฮันไปแล้วก็ตาม แต่อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กน้อยที่เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะมีความสามารถในการรวบรวมวัตถุดิบได้อย่างไร?


แม้ว่าจะรวบรวมได้ แต่ก็ต้องจารึกรูปแบบอาคมบนแร่เหล็กระดับสิบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยากเย็นมาก!


กล้าที่จะลองดีกับข้าผู้นี้ แม้เจ้าจะได้ของกินไป แต่เจ้าก็ไม่สามารถกินได้!


แต่เขาไม่รู้ว่าหลิงฮันมีชามพลิกสวรรค์ที่สามารถ “สร้าง” แร่เหล็กระดับสิบได้และเป็นการดำรงอยู่ที่ท้าทายสวรรค์เหมือนกับหอคอยทมิฬ ตราบใดที่เขามีวัตถุดิบ การลงจารึกรูปแบบอาคมจะยากแค่ไหนกัน?


ในทางตรงกันข้าม มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำความเข้าใจรูปแบบอาคมระดับศักดิ์สิทธิ์


“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม


“ฮ่าฮ่าฮ่า คนอย่างข้าไม่ใช่พวกขี้งก เนื่องจากเจ้ากำลังทำงานเพื่อข้าผู้นี้ ข้าก็จะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างเลวร้าย!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีส่งเสียงหัวเราะ


เขาหยุดและพูดว่า “ส่วนเด็กสาวตัวน้อยจะต้องอยู่กับข้าที่นี่ นางจะได้รับการสั่งสอนอย่างดีจากข้า และจะกลายเป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนือผู้ใด และกวาดสายตามองโลกเบื้องล่าง!”


“ใครอยากจะเป็นศิษย์ของเจ้ากัน!” ฮูหนิวพูดด้วยน้ำเสียงดุเดือด อีกฝ่ายต้องการให้นางเป็นศิษย์ของเขาอย่างนั้นรึ?


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส นางยังเด็กอยู่ เรื่องรับนางเป็นศิษย์เอาไว้พูดทีหลังดีกว่า เพราะยังไงสำหรับท่านเวลาแค่หนึ่งร้อยปีก็เหมือนแค่อึดใจเดียว”


จักรพรรดิเพลิงอัสนีรู้สึกไม่พอใจ แต่ตอนนี้เขาไม่ควรทำอะไรให้หลิงฮันไม่พอใจ ในความคิดเห็นของเขา หลังจากที่หลิงฮันหาสมบัติทั้งสี่ชิ้นให้เขาได้แล้ว เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าและสามารถที่จะจัดการหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย


ในเวลานั้น เด็กสาวตัวน้อยไม่มีทางที่จะหนีพ้นเอื้อมมือของเขาอย่างแน่นอน และนางก็จะตกลงเป็นศิษย์ของเขา


“ท่านผู้อาวุโสช่วยบอกเรื่องเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าฟังได้หรือไม่?” หลิงฮันพูดอีกครั้ง


“ฮึ่ม ข้าได้มอบสิ่งที่เจ้าต้องการไปแล้ว แต่เจ้ายังคิดจะใช้ประโยชน์จากข้าอีกทั้งที่เรื่องที่เจ้ารับปากยังทำไม่สำเร็จ? เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจ้าก็จะรับรู้เอง แล้วรู้ช้าหรือรู้เร็วมันจะแตกต่างกันยังไง?” จักรพรรดิเพลิงอัสนีพูดด้วยความหงุดหงิด “ไปได้แล้ว!”


ถ้ารูปปั้นเคลื่อนไหวได้ เขาคงถูกจับโยนออกไปแล้ว


หลิงฮันรู้ว่ารูปปั้นนี้ไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของจักรพรรดิเพลิงอัสนี และแม่น้ำเพลิงอัสนียังคงไหลอยู่ใต้กำแพงภูเขา หรือว่าร่างกายที่แท้จริงของเขาจะอยู่ก้นบึ้งของหุบเขา? น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะถูกจองจำหรือได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เขาก็คงไม่มีทางเปิดเผยความจริงให้กับหลิงฮันอย่างแน่นอน


“ถ้างั้นท่านผู้อาวุโส ข้าคงต้องขอตัวลา!” หลิงฮันกล่าว เขาจับมือฮูหนิวและหันหลังกลับไป


ฮูหนิวยังคงรู้สึกไม่พอใจ และเมื่อนางหันหลังกลับไปแล้ว นางก็ยังคงหันหน้ามาเยาะเย้ยรูปปั้นก่อนที่จะจากไป


และเหมือนกับก่อนหน้านี้ นางเป็นคนนำทางและพาหลิงฮันออกไป


หลังจากที่ทั้งสองคนหายไปแล้วมีสัมผัสสวรรค์อยู่ในบ้านหิน “แปลกมาก เด็กสาวคนนั้นเป็นใครกันถึงสามารถเพิกเฉยต่อพลังปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของข้าได้? เห็นได้ชัดว่าระดับพลังของนางต่ำมาก ถึงแม้ข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด และยังคงติดอยู่ในระดับจ้านเฉิน


“อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาไม่เข้ามา ข้าคงควบคุมพลังของตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป พลังปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่เพียงแค่จะปกป้องข้าเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นกุญแจมือที่กักขังตัวเอง แต่โชคดีที่ข้าได้พบกับเด็กสาวประหลาดคนนั้น ในที่สุดข้าก็เห็นแสงของความหวังอีกครั้ง”


“ห้ามตายเด็ดขาด เด็กสาวตัวน้อย!”


……


ในไม่ช้า หลิงฮันก็เดินออกมาจากถ้ำและประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขมาก


“ในทวีปฮงเทียนมีปีศาจเฒ่าน่ากลัวแบบนั้นซ่อนตัวอยู่กี่คนกันแน่?” หลิงฮันหันไปมองด้านหลังและพูดพึมพัม

 

 

 


ตอนที่ 757

 

จูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่ายและหนูทองคำถูกเรียกออกมาจากหอคอยทมิฬ จากนั้นกลุ่มของพวกเราก็เริ่มเดินทางกลับ


ในระหว่างที่เดินทางกลับ หลิงฮันก็พยายามทำความเข้าใจรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี


นี่คือรูปแบบอาคมระดับสิบไม่ผิดแน่ ตามหลักแล้วจากพลังบ่มเพาะของหลิงฮันในตอนนี้ไม่มีทางฝึกฝนมันได้ แต่หลิงฮันนั้นเคยศึกษารูปแบบอาคมของดาบสังหารมาก่อน ซึ่งรูปแบบอาคมของดาบสังหารนั้นทรงพลังกว่ารูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีเสียอีก


เขาเป็นคนที่ฉลาดและเป็นอัจฉริยะ ในชีวิตที่แล้วเขาเคยพบเจอและทำลายรูปแบบอาคมระดับเก้าตามโบราณสถานต่างๆมานับไม่ถ้วน ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบอาคมระดับสิบของเขาจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว


นอกจากนี้ตั้งแต่ที่เดินทางมาถึงภูมิภาคเหนือเขาก็รวบรวมแร่เหล็กหลากหลายชนิดอยู่เช่นกัน


เขากว้านซื้อแร่เหล็กทุกชนิดที่เขาพบเจอ


อย่าดูถูกทรัพยากรทางการเงินของเขาเชียว!


ในหอคอยทมิฬมีสมุนไพรปลูกเอาไว้มากมาย ถ้าเขานำโสมโลหิตราชามังกรทรราชออกมาขาย เกรงว่าแม้แต่นิกายใหญ่ของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณในภูมิภาคเหนือคงต้องขุดบ้านของตัวเองขึ้นมาขาย แต่แน่นอนว่าหลิงฮันไม่คิดจะขายโสมโลหิตราชามังกรทรราชที่เขามีอยู่


เขาหาเงินโดยการหลอมเม็ดยาขาย ถ้าหากไม่มีเวลาเขาก็นำสมุนไพรที่มีอยู่จำนวนมากออกมาขายแทน จากนั้นเงินที่ได้มาทั้งเขาเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นแร่เหล็ก


ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันนำชามพลิกสวรรค์ออกมาและหลอมแร่เหล็กให้บริสุทธิ์


ระดับหนึ่งเปลี่ยนเป็นระดับสอง ระดับสองเป็นระดับสาม ระดับสามเป็นระดับสี่… หลิงฮันใช้ชามพลิกสวรรค์หลอมแร่เหล็กจำนวนมากให้กลายเป็นแร่เหล็กที่มีระดับสูงขึ้น


เวลาผ่านไปไม่นาน นิกายตาข่ายพงไพรก็เลือกที่จะยอมจำนน จากนั้นก็ตามด้วยนิกายอสูรจักรพรรดิ ขุมอำนาจเดียวที่เหลืออยู่คือขุมอำนาจของหุบเขาโลหิตจรัสแสง


หลังจากใช้จ่ายไปเป็นเงินมหาศาล ในที่สุดหลิงฮันก็หลอมแร่เหล็กระดับสิบได้สำเร็จ เขาคาดการณ์คร่าวๆว่าแร่เหล็กทั่วทั้งภูมิภาคเหนือคงถูกเขากว้านซื้อมาเกือบครึ่งแล้ว การกระทำเช่นนี้แม้แต่นิกายใหญ่ของภูมิภาคเหนืออย่างนิกายจันทราครึ่งเสี้ยวและนิกายจันทราเหมันต์ก็ไม่อาจทำได้


หลิงฮันหลอมแร่เหล็กระดับสิบให้กลายเป็นดาบสั้นหนึ่งร้อยแปดเล่ม ที่จริงแล้วเขาก็อยากจะหลอมให้ดาบมีขนาดปกติ แต่แร่เหล็กระดับสิบมีปริมาณน้อยเกินไปจนเขาต้องลดขนาดของดาบลง


ที่ต้องเป็นหนึ่งร้อยแปดเล่มก็เพราะมันคือจำนวนที่ต้องใช้สำหรับรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี


ขั้นตอนต่อไปคือกุญแจสำคัญ เขาต้องสลักรูปแบบอาคมลงไปที่ดาบสั้นเหล่านั้น


หลิงฮันยังไม่เข้าใจหลักของรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี ถ้าเขาฝืนสลักมันลงไป รูปแบบอาคมที่ไม่สมบูรณ์จะไม่สามารถชักนำพลังจากสวรรค์และปฐพีได้ ดาบสั้นเหล่านั้นก็จะไม่ต่างอะไรกับฝักดาบที่ไร้วิญญาณดาบ ตอนนี้หลิงฮันทำได้แค่เพียงรอให้ตนเองเชี่ยวชาญรูปแบบอาคมก่อนถึงจะสลักมันได้


หลิงฮันมั่นใจในตัวเองมาก เขาเชื่อว่าเวลานั้นอีกไม่นานจะต้องมาถึง


กลุ่มของพวกเขามุ่งหน้าไปยังหุบเขาโลหิตจรัสแสง ผู้นำที่มีพลังบ่มเพาะเพียงตัวอ่อนวิญญาณไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะสยบ แต่กลับกันมันถือว่าเป็นอะไรที่เสียเวลาด้วยซ้ำ เพราะภูมิภาคเหนือก็ไม่ใช่เล็กๆแต่พวกเขาต้องเสียเวลาเดินทาง


ในระหว่างการเดินทางพวกเขาไม่ได้หยุดพักกินอาหารแม้แต่น้อย ฮูหนิวทนไม่ไหวและบอกให้หลิงฮันหยุดพักกินข้าว หลิงฮันคำนวณคร่าวๆว่าพวกเขาน่าจะเดินทางถึงหุบเขาโลหิตจรัสแสงในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นหากจะหยุดพักคืนนี้ก็ไม่เสียหายอะไร


‘ตูม!’


แต่ในตอนที่พวกเขากำลังพักผ่อนอยู่นั่นเอง คลื่นลมอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งจู่โจมใส่หลิงฮัน


จังหวะในการลอบโจมตีครั้งนี้เหมาะเหม็งเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่หลิงฮันกำลังกินอาหารอยู่ แต่เขายังอยู่ในช่วงอารมณ์ที่ผ่อนคลายที่สุดด้วย พลังทำลายล้างของการลอบโจมตีน่าสะพรึงกลัวมาก มันรุนแรงๆพอๆกับการโจมตีของระดับสวรรค์ขั้นปลาย


‘พรึบ’ ร่างของหลิงฮันกลายเป็นสายฟ้าและหลบหลีกการลอบโจมตี


‘ปัง ปัง ปัง’ เขาไม่สามารถหลบหลีกได้ทั้งหมด ซี่โครงซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บ เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมองเห็นรอยนิ้วสีดำเกิดจากการโจมตี ไม่เพียงแค่รอยนิ้วทั้งห้านี้จะมีสีดำแต่มันยังส่งกลิ่นแปลกๆออกมาราวกับมีพิษ


“ใครกัน!” ร่างเล็กๆของฮูหนิวพุ่งเข้าใส่พุ่มหญ้าพุ่มหนึ่ง


‘ฟุบ ฟุบ’ ร่างสองร่างกระโจนออกมา หนึ่งร่างคือร่างเล็กๆของฮูหนิว อีกร่างคือชายร่างสูงที่สวมชุดคลุมสีดำ ออร่าของเขานั้นราวกับว่าจะสามารถกลมกลืนและผสานเข้ากับความมืดได้


ชายชุดดำตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา ไม่เช่นนั้นด้วยสัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันและฮูหนิว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่ามีใครเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกเขาเช่นนี้ นอกเสียจากว่าชายตรงหน้าจะเป็นตัวตนระดับทลายมิติ แต่เห็นได้ชัดว่าชายตรงหน้านั้นไม่ได้มีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติ


จอมยุทธระดับทลายมิติไม่จำเป็นต้องลอบโจมตีพวกเขา ตัวตนเช่นนั้นสามารถจัดการพวกเขาได้เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ


หลิงฮันเรียกฮูหนิวให้กลับมาก่อนจะกล่าว “เจ้าดักรอพวกเรามานานแล้ว?”


“เก้าวันเต็ม” ชายชุดคลุมดำกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งและแหบแห้งอย่างที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาได้


“มีความอดทนเสียจริง!” หลิงฮันกล่าวชม แม้อีกฝ่ายจะหวังสังหารเขา แต่การที่อีกฝ่ายรอคอยจังหวะที่ดีที่สุดในการลงมือนั้นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความอดทนขนาดไหน “ไม่รู้ว่าข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไรดี?”


ชายชุดคลุมดำดึงผ้าคลุมหัวออกเผยให้เห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์ แต่หลิงฮันมีความรู้สึกแปลกๆ นั่นเพราะกลิ่นอายที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมานั้นดูเหมือนกับชายชราไม่ผิดเพี้ยน แถมแขนของอีกฝ่ายก็ยังเต็มไปด้วยรอยย่นอีก


“ชื่อของข้าคือศพที่สอง” ชายชุดคลุมดำกล่าว


ศพที่สอง? ชื่อประหลาดนั่นมันอะไรกัน?


“เจ้ามาจากนิกายพันศพ?” หลิงฮันถามอีกครั้ง


ศพที่สองยิ้มและกล่าว “ชื่อของข้าช่างเลวร้ายเสียจริง เมื่อพูดออกไปใครๆก็เดาได้ว่าข้าเป็นใคร”


“งั้นเจ้าก็เปลี่ยนซะสิ” หลิงฮันหัวเราะ


“ลืมไปเถอะ ไม่ว่าใครจะรู้ข้าก็ไม่สน” ศพที่สองกล่าวอย่างไม่สนใจ


จากการสนทนาของทั้งสอง ใครจะไปนึกว่าเมื่อครู่ศพที่สองคือคนที่ลอบโจมตีเพื่อหวังสังหารหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 758

 

“เสื้อคลุมที่เจ้าใส่คงไม่ใช่ของธรรมดาใช่หรือไม่?” หลิงฮันถาม


ศพที่สองพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว มันเป็นสมบัติลับ ภายในระยะที่กำหนด มันสามารถปกปิดสัมผัสสวรรค์และพรางตัวเพื่อย่องเข้าไปแล้วลอบสังหาร”


“ขอบคุณที่ช่วยอธิบาย” หลิงฮันส่งเสียงหัวเราะ


“ด้วยความยินดี ยังไงเสียเจ้าก็กำลังต้องตายอยู่แล้ว และข้ามักจะเคารพผู้ที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของข้า” ศพที่สองกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ถ้าเจ้าเป็นศพที่สอง ถ้างั้นมันก็มีศพที่หนึ่งด้วย?” หลิงฮันถามอีกครั้ง


ศพที่สองส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่มีศพที่หนึ่ง แต่เป็นศพที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ซึ่งเหนือกว่าข้าหนึ่งก้าวและได้เปิดสติปัญญาแล้ว”


หลิงฮันรู้สึกมึนงง เปิดสติปัญญามันหมายความว่าอะไร? ศพที่สองไม่ได้เกิดมา แต่เป็นเหมือนกับจิตวิญญาณศิลา ร่างกายดำรงอยู่มานับไม่ถ้วน และได้รับสติปัญญา หรือว่าเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ?


ศพที่สองยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาด เขาพูดว่า “เจ้าเดาได้ถูกต้อง แต่เดิมแล้วร่างกายของข้าเป็นซากศพ ข้าไม่รู้หรอกว่าใครเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตที่แล้วของข้า แต่ซากศพไม่เสียหายเป็นพันพันปี จนในที่สุดสวรรค์และปฐพีก็ทำให้ข้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง”


ช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของหลิงฮันจะเปลี่ยนไปดูเคร่งขรึม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขารู้สึกว่าคนคนนี้แก่มากและเด็กมากพร้อมกัน ซึ่งดูไม่สอดคล้องกัน มันกลายเป็นว่าดวงวิญญาณดวงใหม่ได้จุติในซากศพและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ที่สวรรค์มอบให้คือการรวมกันของชีวิตและความตาย คนแก่และเด็ก


“ถ้างั้นศพที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นเหมือนกับเจ้าอย่างนั้นรึ?”


ศพที่สองพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว ศพที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งกว่าข้าเพราะกระดูกของเขาดีกว่าข้า อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่สองทำให้ข้าสามารถบ่มเพาะพลังได้อีกครั้ง ในอนาคต ข้าไม่มีทางแพ้เขาอย่างแน่นอน”


นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก มันคือการฟื้นคืนชีพของศพที่ตายไปแล้ว าและไม่รู้ว่าพลังต่อสู้จะน่าทึ่งขนาดไหน และสามารถใช้ทักษะจากชีวิตที่แล้วได้หรือไม่? ต้องรู้ก่อนว่าเจ้าของศพนี่สามารถทำให้ศพไม่เน่าเปื่อยมานานพันพันปี เขาจะต้องเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแน่นอน และเจตจำนงแห่งเต๋าของเขาได้หลอมรวมเข้ากับเนื้อทุกส่วน กระดูกและโลหิต


ตอนนี้ร่างกายของมันไม่เลวเลย เจตจำนงแห่งเต๋าอาจใช้งานได้อีกครั้ง แล้วจะไม่น่าแปลกใจได้อย่างไร?


“นิกายพันศพให้ความสำคัญกับข้าเกินไปแล้ว ถึงส่งคนอย่างเจ้ามาสังหารข้า!” หลิงฮันกล่าว พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายอย่างน้อยอยู่ในระดับสวรรค์ห้าดาว เขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งแบบนั้นอาจถือได้ว่าเป็นตัวตนระดับสูงของนิกายพันศพและแน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าเขา


ศพที่สองหัวเราะและพูดว่า “ใครขอให้เจ้ารนหาที่ตายเองล่ะ เจ้าก่อตั้งจักรวรรดิ ซึ่งนิกายข้าไม่อาจยอมรับได้!”


“หรือว่านิกายพันศพวางแผนที่จะก่อตั้งแคว้น?” หลิงฮันถาม


“ฮ่าฮ่าฮ่า เป้าหมายของนิกายพันศพคือการสร้างแคว้นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยซากศพ ส่วนเหตุผลนั้นเป็นความลับ!” ศพที่สองกล่าว


หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นรึที่นิกายพันศพเองก็………” เขาไม่พูดคำว่าเปิดสวรรค์ “…สนใจ?”


ศพที่สองแสยะยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว แต่มันอาจแตกต่างจากที่เจ้าคิดอยู่เล็กน้อย”


การเปิดสวรรค์จะพาทั้งทวีปฮงเทียนขึ้นไปอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และจะทำให้ระดับโดยรวมของทวีปเทียนฮงถูกยกสูงขึ้นและกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เดี๋ยวก่อน หลิงฮันรู้สึกคาใจเรื่องบางอย่างอยู่ บางคนฝึกฝนบ่มเพาะพลังทำให้พวกเขาสามารถเข้าสู่โลกใต้พิภพได้ แล้วถ้าคนพวกนั้นเปิดสวรรค์…เขตแดนใดที่ทวีปฮงเทียนจะถูกยกขึ้นไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์?


โลกใต้พิภพ!


หึ่ม นิกายพันศพเองก็มี “ความฝัน” ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน!


อย่างไรก็ตาม ในแง่พลังของนิกายพันศพและประสิทธิภาพในปัจจุบัน พวกมันมีความสามารถที่จะทำแบบนั้น? ไม่ใช่ว่าหลิงฮันดูถูกพวกมัน แต่มันฟังดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแค่หนึ่งในห้าของนิกายโบราณก็เพียงพอที่จะกวาดล้างพวกมันแล้ว


ไม่เช่นนั้น ทำไมนิกายพันศพต้องหลบซ่อนตัวมานานหลายปีแบบนี้ด้วย?


ศพที่สองดูไม่รีบร้อนหรือเคร่งขรึม ราวกับว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าหลิงฮัน เขาพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพยายามถ่วงเวลา แต่หารู้ไม่ทำไมข้าถึงไม่ขัดขวางเจ้า? เจ้าติดพิษซากศพของข้าแล้ว และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำจัดมันออกไป ซึ่งมีแต่จะเลวร้ายลงเท่านั้น! ตามที่ข้าพูด ข้าจะให้ความเคารพคนที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของข้า”


หลิงฮันก้มลงไปมองและเห็นแผลสีดำที่อยู่ตรงเอวของเขากำลังขยายตัว มันเกือบจะทำให้ทั้งเอวของเขากลายเป็นสีดำ


จูเสวี่ยนเอ๋ออุทานออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ และไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์ เพราะเมื่อเขาตายจะกลายเป็นทหารซากศพ


หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นศพหมื่นปี กายาเพชรของข้ายังไม่สามารถกำจัดพิษได้อันตโนมัติ!” เขารีบโคจรพลังของคัมภีสวรรค์นิรันดร์ทันที พรึบ และทันใดนั้นได้มีแสงสีทองปรากฏออกมาและทำให้เขาดูเหมือนเป็นเทพแห่งสงคราม


ศพที่สองนำมือทั้งสองข้างไขว้ไว้ข้างหลังด้วยท่าทีผ่อนคลาย เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “เจ้าพูดถูก ข้าเป็นศพ และอย่างน้อยร่างกายนี้ก็เป็นซากศพที่มีอายุมากกว่าแสนปี!”


ศพที่สองพูดต่อว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าซากศพก็เปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีอายุขัยไม่จำกัด อย่างน้อยร่างกายของข้าเป็นศพที่มีอายุสามแสนปีก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า โทษทีที่ข้าจำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้”


ถ้านี่คืออายุของอีกฝ่าย มันถือว่าเก่าแก่กว่าทวีปฮงเทียนซะอีก


“เป็นเวลาสามแสนปีที่ร่างกายของข้าอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์และเงา ทำให้ก่อเกิดปราณซากศพขึ้นที่เกิดกว่าจินตนาการ มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าที่จะมีดวงวิญญาณดวงใหม่และกลายเป็นทหารซากศพ”


หลิงฮันที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องการพึ่งพานิกายพันศพทั้งที่เจ้าสามารถเดินไปมาระหว่างสวรรค์และโลกได้?”


“ผู้คนย่อมมีความฝัน และความฝันของข้านั้นเหมือนกับนิกายพันศพ แน่นอนว่าข้าเป็นคนใจกว้าง นอกจากนี้….” ศพที่สองยิ้ม “ข้าเป็นซากศพ แต่ยังต้องการปราณศพเพื่อที่จะยกระดับพลัง ไม่เช่นนั้นข้าจะเข้าร่วมนิกายพันศพไปทำไม?”


แสงสีทองเริ่มเลือนราง หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ศพโบราณทรงพลังอย่างแท้จริง แม้แต่ข้ายังไม่สามารถกำจัดพิษนี่ออกไปได้”


ไม่ใช่เพราะพลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นอ่อนด้อย แต่เป็นเพราะซากศพโบราณนี่ถูกฝั่งมานานกว่าสามแสนปีพิษของมันแน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ยังไม่อาจต้านทานได้ นอกจากนี้ระดับพลังของหลิงฮันยังต่ำเกินไป


ในขณะนั้นพิษเริ่มลามไปที่หน้าอกของหลิงฮัน


ศพที่สองรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยและพูดว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าถือว่าดี แต่เทคนิคบ่มเพาะพลังของเจ้านั้นดีกว่า ถึงทำให้การแพร่กระจายของพิษช้าลงได้”


“ตามจริงอัจฉริยะอย่างเจ้าข้ายังรู้สึกลังเลที่จะฆ่า แม้ว่าซากศพของเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีสติปัญญาและมีข้อจำกัด” เขาดูเศร้าเล็กน้อย


“เจ้าพูดแบบนั้นออกมา ข้าต้องรู้สึกผิดหวังหรือไม่?” หลิงฮันยิ้ม ร่างกายของเขากระพริบหายไป และปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ซึ่งเร็วกว่ากระพริบตาเสียอีก และพิษในร่างกายของเขาก็ถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์


ผิดของเขากลับมากระจ่างใส่อีกครั้ง และไม่มีรอยดำของพิษหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย


ช่วยไม่ได้ที่ศพที่สองจะแสดงสีหน้าตกตะลึง มันเป็นไปได้ยังไงกัน!

 

 

 


ตอนที่ 759

 

ศพที่สองขมวดคิ้วและกล่าว “เมื่อครู่ที่ร่างของเจ้าแวบหายไป เจตจำนงของข้าที่ฝังเอาไว้ในตัวเจ้าก็หายไปด้วย นั่นแสดงว่าเจ้าคลายพิษของข้าแล้ว”


หลิงฮันพยักหน้า “คาดเดาได้ไม่เลว”


“เจ้าใช้วิธีอันใด?” ศพที่สองถามอย่างสงสัย


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เพื่อตอบแทนที่เจ้าอธิบายหลายๆอย่างให้ข้าฟัง ข้าจะตอบคำถามของเจ้า ที่จริงข้ามีสมบัติที่สามารถขจัดพิษปราณซากศพได้ และนั่นคือวิธีที่ข้าใช้”


‘ไร้สาระ!’ ซากศพที่สองคิดในใจ เขารู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันไม่มีทางรักษาได้ด้วยพลังของตนเอง เพราะว่าต่อให้เป็นเม็ดยาถอนพิษที่ล้ำค่าที่สุดในโลกก็คงไม่สามารถถอนพิษของเขาได้! นั่นเพราะพิษของเขาคือปราณซากศพที่ควบแน่นมานานสามแสนปี


แต่ตอนนี้พิษของเขากลับถูกขจัดทิ้งง่ายๆ ซึ่งเขาทำใจยอมรับไม่ได้


เป็นไปได้อย่างไร?


สมบัติเช่นใดกันที่สามารถขจัดปราณซากศพที่ควบแน่นมาสามแสนปีได้?


หลิงฮันส่ายมือ “เจ้าไม่บอกข้าถึงความลับของนิกายพันศพ ข้าก็ไม่บอกความลับของข้าเช่นกัน”


ซากศพที่สองยิ้มและกล่าว “เมื่อข้าสังหารเจ้าและเปลี่ยนเจ้าเป็นทหารซากศพ ข้าจะทำให้เจ้าคาบความลับออกมาเอง เจ้ารู้รึไม่ว่าเมื่อเจ้ากลายเป็นทหารซากศพ ความทรงจำจะคงอยู่ไว้ชั่วขณะก่อนจะหายไป?”


นิสัยท่าทางของเขาดูสงบนิ่งไม่เหมือนกับทหารซากศพที่มีนิสัยป่าเถื่อนแม้แต่น้อย


หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น!”


เขามีไพ่ลับมากมายในมือ แม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีได้ แต่หอคอยทมิฬก็ยังสามารถใช้พรศักดิ์สิทธิ์เพิ่มระดับพลังบ่มเพาะของให้เป็นระดับสวรรค์ได้ เมื่อทำเช่นนั้นพลังต่อสู้ของเขาจะเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติ เพียงแต่ว่าเขาไม่ต้องการจะใช้พรศักดิ์สิทธิ์อย่างเสียเปล่าในตอนนี้ เขาจะใช้ก็ต้องเมื่อตกอยู่ในวิกฤตเท่านั้น


ศพที่สองกำหมัดและกล่าว “งั้นก็เจอกันอีกทีในภพหน้า!”


เมื่อสนทนากันเสร็จ หลิงฮันก็คำรามและเปิดโจมตีก่อน


ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายลอบโจมตีเขา ถ้าไม่ใช่เพราะหอคอยทมิฬเขาคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันโกรธเป็นอย่างมากและไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้


ซากศพที่สองไม่เกรงกลัวและเข้าปะทะ


พวกเขาต่อสู้กันอย่างระมัดระวัง ไม่มีฝ่ายใดกล้าผลีผบามลงมืออย่างบ้าระห่ำก่อนที่จะรู้พลังต่อสู้ที่แท้จริงของแต่ละฝ่าย ในขณะที่พวกเขาเข้าปะทะกัน ทั้งคู่ก็ค่อยๆเผยพลังต่อสู้ของตนเองออกมาเรื่อยๆ


หลิงฮันแบมือ ทันใดนั้นอักขระสีทองก็ปรากฏขึ้นและรวมตัวกันกลายเป็นทักษะผนึกพลิกปฐพี ด้วย ทักษะผนึกพลิกปฐพีและปราณก่อเกิดของเขาในตอนนี้ พลังต่อสู้ของเขาจึงเพิ่มขึ้นจนเทียบเท่าได้กันจอมยุทธระดับสวรรค์


“ทั้งๆที่เจ้ามีพลังบ่มเพาะเพียงระดับก้าวสู่เทวา แต่กลับมีพลังต่อสู้ที่สู้ข้ามระดับได้ถึงหนึ่งระดับใหญ่ ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มหัศจรรย์!” ถึงแม้การโจมตีของซากศพที่สองจะรุนแรงราวกับขุนเขา แต่สีหน้าของเขากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขายังไม่รู้วิธีการแสดงออกทางสีหน้าเพราะเพิ่งเกิดใหม่


“เจ้าอยากจะตายแบบใด?” หลิงฮันยิ้ม


“ข้าต้องการตายแบบใด?” ซากศพที่สองหัวเราะ “เจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน? ถ้าเช่นนั้นข้าจะแสดงพลังต่อสู้ที่แท้จริงให้เจ้าเห็น!” เขากล่าวก่อนที่หมัดของเขาจะมีข้อกระดูกจำนวนหนึ่งทิ่มออกมา


จิตใจของหลิงฮันหวั่นไหวเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ต้องเป็นเพราะข้อกระดูกเหล่านี้แน่ๆที่ทำให้เขาบาดเจ็บและได้รับปราณพาซากศพ


ประมาทไม่ได้!


เขาห่อหุ้มปราณก่อเกิดไว้รอบมือและโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพีก่อให้เกิดประกายแสงสีทองส่องสว่างไปทั่ว ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรใช้งานเนตรแห่งสัจธรรม ตอนนี้พลังต่อสู้ของเขากลายเป็นระดับสวรรค์สองดาวแล้ว การเพิ่มพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะของตัวเองเป็นสิ่งที่ยากลำบากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้จะเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาได้แค่หนึ่งดาวเท่านั้น


ซากศพที่สองเมินเฉยต่อพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นของหลิงฮันและกระหน่ำหมัดเข้าใส่ราวกับห่าฝน


ซากศพที่สองมั่นใจในพลังของตนเองเป็นอย่างมาก


นั่นเพราะกระดูกของเขาแม้จะถูกแสงอาทิตย์กัดกร่อนมาสามแสนปีก็ยังไม่เสื่อมสลาย ร่างกายของเขาจึงทนทานเป็นอย่างมาก


เมื่อหลิงฮันและอีกฝ่ายเข้าปะทะกันเป็นเวลานานพอสมควร ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจหลิงฮัน ดูเหมือนว่าพลังกายของอีกฝ่ายจะเหนือกว่าเขา


กายหยาบที่เทียบได้กับระดับทลายมิติ!


ซากศพที่สองขี้โกงกว่าหลิงฮันเสียอีก เขาบ่มเพาะร่างกายมาเป็นเวลานานหลายแสนปีในที่สุดก็เกิดสติปัญญาขึ้น แต่แน่นอนว่าการพัฒนาของเขาก็ต้องถูกจำกัดอยู่เท่านี้เช่นกัน


หลิงฮันค่อยๆควบแน่นอักขระในมือ ร่างของเจ้าทนทานนักรึ? งั้นข้าจะทำให้รู้เองว่ารสชาติของความเจ็บปวดมันเป็นยังไง


ตูม! ตูม! ตูม!


ทักษะผนึกพลิกปฐพีกระแทกเข้ากับหมัดของซากศพที่สองจนข้อกระดูกของอีกฝ่ายแตกหัก… แม้จะแค่ท่อนเดียวก็ตาม


“อะไรกัน?” ซากศพที่สองอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ข้อกระดูกของเขานั้นแข็งแกร่งและทนทานต่อการกัดกร่อน แต่ข้อกระดูกเขากลับถูกทำให้หักด้วยการโจมตีครั้งเดียว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้


เขามองไปยังมือซ้ายของหลิงฮันก่อนที่จะขมวดคิ้วและกล่าว “อำนาจแห่งกฎเกณฑ์? เป็นไปได้อย่างไร เจ้าเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวา เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะเข้าถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้?”


“เจ้ารู้เกี่ยวกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์?” หลิงฮันชะงักด้วยคำพูดของอีกฝ่าย หอคอยทมิฬจอมอวดดีเคยกล่าวถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มาก่อน แต่มันกลับไม่อธิบายให้หลิงฮันฟัง


ซากศพที่สองเค้นเสียงกล่าว “หลังจากบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้า เจ้าถึงจะสามารถสัมผัสถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์! หรือเจ้าจะเป็นร่างเกิดใหม่ของตัวตนระดับทลายมิติ?”


แม้จะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็ไม่ถือว่าผิด!


หลิงฮันกล่าวในใจก่อนที่จะยิ้มและกล่าว “เจ้าที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เกิดแต่กลับใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ไม่ได้?”


ซากศพที่สองรู้สึกตกต่ำ สิ่งเดียวที่เขาได้รับมาหลังเกิดใหม่คือพลังของร่างกายนี้เท่านั้น เขาไม่ได้รับเจตจำนงใดมาด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปแล้ว!


เขายังต้องบ่มเพาะพลังทีละขั้นเหมือนจอมยุทธทั่วไป และการที่เขาบรรลุระดับสวรรค์ภายในเวลายี่สิบปีนั้นไม่ใช่ปาฏิหาริย์แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องติดคอขวดในการบ่มเพาะเหมือนคนอื่น


อำนาจแห่งกฎเกณฑ์… เขาต้องบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าเสียก่อนถึงจะสามารถฝึกฝนได้ ร่างกายที่แข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเกฎแห่งสวรรค์และปฐพี


ดังนั้นเขาจึงคาดเขาว่าหลิงฮันคือร่างเกิดใหม่ของตัวตนระดับทลายมิติ ไม่เช่นนั้นแล้วหลิงฮันจะใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร?


“ที่แท้เจ้าก็ใช้ไม่ได้สินะ!” หลิงฮันหัวเราะลั่นก่อนจะลงมือโจมตี ที่แท้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็เป็นพลังที่มีแต่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าที่ใช้ได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองนั้นทรงพลังขนาดไหน

 

 

 


ตอนที่ 760

 

“ฮึ่ม อย่าคิดว่าเจ้ามีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แล้วจะสังหารข้าได้!” ศพที่สองแสยะยิ้มและแขนขวาเริ่มเคลื่อนไหว มีกระดูกสีขาวโผล่ออกมาจากมือของเขา มันมีความยาวเกือบสามฟุตและปกคลุมไปด้วยอักขระสีทอง และถ้าหากมองให้ดีจะเห็นว่ามีบางจุดเปลี่ยนเป็นสีดำ


หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและรีบกระโดดไปอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าถึงขั้นเอากระดูกต้นขามาใช้เป็นอาวุธ ข้าไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไงดี!”


เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกระดูกขาของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยพลังน่าหวาดกลัว แต่ด้วยพลังการฟื้นฟูของระดับทลายมิติทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ได้


ศพที่สองถือกระดูกขาอยู่ในมือ และพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว นี่คือกระดูกขาข้างหนึ่งของข้าที่ดึงออกมา เมื่อพูดถึงอาวุธวิญญาณแล้ว มันจะมีอะไรดีไปกว่าการใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย?”


คำพูดนั้นถูกต้อง แต่ทำไมมันฟังดูแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัว?


หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าเจ้าพูดแบบนั้น ข้าคงเถียงเจ้าไม่ได้ แต่ถ้าข้าพูดว่ามันน่าเบื่อคงจะทำลายความรู้สึกของเจ้า”


“ปากดีไม่น้อยเลยนิ!” ศพที่สองแกว่งกระดูกขาเพื่อที่จะสังหารหลิงฮัน นี่คือกระดูกของจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงแห่งเต๋าของจอมยุทธ ถ้าโดนเข้าจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน


หลิงฮันไม่ได้มีอำนาจพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง เขาใช้มันได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าศพที่สองจะใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่ากระดูกของมันจะไม่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์? นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายยังไงก็เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า ซึ่งความแข็งแกร่งนั้นไม่อาจจินตนาการได้


“เมื่อข้าปรับแต่งกระดูกนี่ได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ยังต้องตายถูกสังหาร!” ซากศพที่สองพูดอย่างเย็นชา


หลิงฮันมองไปที่อักขระสีดำบนกระดูก มันควรจะเป็นกระบวนการที่ศพที่สองกำลังพูดถึง ตอนนี้เขากำลังปรับแต่งมันด้วยปราณซากศพ และเมื่ออักขระสีทองกลายเป็นสีดำ มันจะมีพลังที่จะสังหารจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า


น…น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ตึ่ง!


หลิงฮันนำดาบออกมา และพูดว่า “อย่าอวดดีจนเกินไป เจ้าไม่ได้เป็นคนเดียวในโลกที่มีสมบัติล้ำค่า!”


แน่นอนดาบที่เขานำออกมาคือดาบสังหาร!


ตึ่ง!


บนกระดูกอักขระสีดำเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นเดียวกับดาบสังหาร ทันใดนั้น กลิ่นอายระดับทลายมิติหลั่งไหลออกมา ทำให้พื้นที่ไม่เถียรและอากาศที่ว่างเปล่าเกิดรอยปริแตก


หลิงฮันและศพที่สองต่างถอยร่นพร้อมกัน พวกเขาทั้งสองคนต่างมีอาวุธที่ไม่ธรรมดาอยู่ในมือและทรงพลังพอที่จะมีพลังเหนือกว่าระดับพลังของพวกเขา


“ดาบที่ผสานกับรูปแบบอาคม?” ดวงตาของศพที่สองเปล่งประกาย เขาจ้องมองไปที่ดาบสังหารอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก ถึงมีสมบัติล้ำค่ามากมายขนาดนี้”


“ไม่ใช่ มันเป็นเพราะโชคชะตาของข้าต่างหาก” หลิงฮันกล่าว


“ถ้างั้นข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!” ศพที่สองกล่าว


“มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสังหารข้าได้หรือไม่” หลิงฮันกล่าว “เข้ามา ข้ายินดีที่จะต่อสู้กับเจ้าสามร้อยรอบ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะขาอ่อนจนยืนไม่ไหว!”


ศพที่สองเริ่มกระโจนเข้าหาหลิงฮัน เขามีความมั่นใจเพราะยังไงร่างของเขาก็เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ และไม่ได้เผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับทลายมิติเสียหน่อย เขากระโจนออกไปพร้อมกับกระดูกขาวที่อยู่ในมือด้วยพลังที่สามารถบดขยี้ภูเขาและตัดผ่านมหาสมุทร


หลิงฮันพาจูเสวี่ยนเอ๋อและคนอื่นเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วเพื่อไม่ให้โดนลูกหลงจากการโจมตี มิฉะนั้นอาจเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น


เขาสามารถยืนยันต่อกรกับอีกฝ่ายได้เพราะดาบสังหารที่อยู่ในมือ และมันเองก็ระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาเพื่อป้องกันพลังทำลายล้างของกระดูกขาว


ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กันไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เป็นการควบคุมอาวุธที่อยู่ในมือของพวกเขา


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนพื้นดินสั่นสะเทือน นี่เป็นการต่อสู้ของจอมยุทธระดับทลายมิติ แม้จะไม่สามารถเขย่าดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าได้ แต่พลังทำลายล้างก็น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี


หลังจากต่อสู้กันได้ครึ่งวัน พลังของพวกเขาทั้งสองคนลดลงอย่างมาก และในเวลานี้เองพรสวรรค์ของหลิงฮันก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง


เขาคือจักรพรรดินักปรุงยา


เม็ดยาจำนวนหนึ่งไหลลงท้องของเขา และทำให้พลังปราณของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว


นี่ไม่ได้เป็นเพราะเม็ดยาอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความจริงที่ว่าเขากินยาบำรุงอยู่บ่อยครั้งด้วย


ช่วยไม่ได้ที่ศพที่สองสีหน้าจะเปลี่ยนสี นี่เป็นข้อเสียอย่างใหญ่หลวงของศพ เม็ดยาสีแดงนั่นมีเพียงแค่จอมยุทธเท่านั้นที่กินแล้วจะแสดงประสิทธิภาพออกมา ตอนนี้หลิงฮันอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด แต่เขาอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าและพลังต่อสู้ลดลงอย่างมาก แล้วเขาจะจัดการอีกฝ่ายได้อย่างไร?


แน่นอนว่าเขาไม่กังวลว่าจะถูกหลิงฮันจัดการ นั่นเป็นเพราะร่างของเขาเป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ ซึ่งเป็นตัวตนที่อยู่ยงคงกระพัน


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้เจ้ายังมีความมั่นใจที่จะสังหารข้าอยู่อีกหรือไม่?”


“หึ่ม เจ้าจะทำอะไรข้าได้? อย่าลืมว่าข้ามาเพื่อลอบสังหารเจ้า แม้จะทำไม่สำเร็จ แต่ข้าก็สามารถหลบหนีได้ และเจ้าทำได้แค่จ้องมองเท่านั้น” ซากศพที่สองต้องการทำให้หัวใจของหลิงฮันหวั่นไหว


หลิงฮันไม่สนใจและพูดว่า “ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด และเมื่อข้าทะลวงผ่านระดับทลายมิติ มันจะเป็นเวลาที่นิกายพันศพจะต้องถูกทำลาย!”


“ถ้าเจ้าอยากจะกลับไปบอก ข้าจะให้เจ้าไปและกลับไปบอกนิกายของเจ้า และถ้าเจ้ายังไม่อยากตายให้รีบออกจากนิกายพันศพและเป็นคนขี้ขลาดตลอดชีวิต!”


ช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของศพที่สองจะเปลี่ยนสี เจ้าเด็กนี่ช่างปากดียิ่งนัก แต่ดาบในมือของอีกฝ่ายมันก็ไม่ธรรมดาเลยและแปลกประหลาดมาก


“ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้” ศพที่สองพูดเสียงแผ่วเบา “ข้าเคยพูดไปแล้วว่ามีศพที่แข็งแกร่งกว่าข้า พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าข้ามาก ครั้งหน้าอาจเป็นเขาที่จะออกมาจัดการเจ้า”


“แล้วข้าจะรอ!” หลิงฮันพูดอย่างภาคภูมิใจ ตอนนี้ความก้าวหน้าของเขารวดเร็ว เมื่อศพร่างนั้นปรากฏออกมาบางทีเขาอาจอยู่จุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวาแล้วก็เป็นได้


ศพที่สองกลับมาสงบนิ่งอีกครั้งและพูดว่า “อย่ามั่นใจจนเกินไป ศพที่ยิ่งใหญ่ต่างอยู่ในบาดาลใต้พิภพ เมื่อเขาตื่นขึ้น…บางทีอาจเป็นระดับทลายมิติแล้ว!”


อีกฝ่ายคิดที่จะทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว?


หลิงฮันเค้นเสียง จอมยุทธระดับทลายมิติแล้วมันทำไม? ในเมื่อเขายังมีหอคอยทมิฬอยู่


“แล้วข้าจะรอ!”

 

 

 


ตอนที่ 761

 

ศพที่สองล่าถอยหายไป


หลิงฮันไม่ได้รั้งอีกฝ่ายไว้ นั่นเพราะกายหยาบของอีกฝ่ายเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ และเขาได้ใช้ดาบสังหารโจมตีอีกฝ่ายมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายร่างกายของอีกฝ่ายได้


เขารู้สึกว่าต้องเร่งรวมขุมอำนาจต่างๆให้เร็วที่สุดแล้ว ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดจักรวรรดิจันทราม่วง ห้านิกายโบราณ และนิกายพันศพคงกำลังก่อสงครามขึ้นที่ภูมิภาคกลาง พวกเขาไม่มีทางสนใจสถานที่เล็กๆอย่างภูมิภาคทั้งสี่ แต่ที่เขาคาดไม่ถึงคือนิกายพันศพจะส่งคนมาลอบสังหารเขา


โชคดีที่พวกนั้นส่งมาแค่จอมยุทธระดับสวรรค์


หลังจากมาถึงหุบเขาโลหิตจรัสแสง เขาก็ต้องลงมือสังหารพวกดื้อรั้นทิ้ง ด้วยการที่ต้องรีบลงมือเปิดสวรรค์ให้เร็วที่สุด หลิงฮันไม่สนใจการต่อต้านของคนกลุ่มน้อย


ตอนนี้เขายึดครองภูมิภาคเหนือเสร็จสิ้นแล้ว ขุมอำนาจทั้งหมดยอมยกธงขาวต่อเขา


นักปรุงยาระดับสวรรค์และพลังต่อสู้ระดับสวรรค์ ด้วยสองสิ่งนี้ไม่ว่าใครในภูมิภาคเหนือก็ต้องยอมศิโรราบ!


หลิงฮันเดินทางกลับ หลังจากพักผ่อนเล็กน้อยเขาคิดจะมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันตกต่อ จากนั้นค่อยไปภูมิภาคใต้และภูมิภาคตะวันออก เมื่อครอบครองภูมิภาคเหล่านี้ได้สำเร็จ พลังแห่งจักรภพของภูมิภาครอบนอกก็จะสมบูรณ์ การต่อสู้ในสงครามของภูมิภาคกลางเขาต้องพึ่งพลังอำนาจของจักรวรรดิจันทราม่วงและหม่าตั้วเปา


แม้แปดราชันจะแข็งแกร่ง แต่ห้านิกายโบราณในยุคสมัยนี้ก็ทรงพลังเช่นกัน ด้วยจำนวนแปดราชันอาจจะไม่ชนะก็เป็นได้ ราชีนีหยินผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่าราชันแปดคนของจักรวรรดิจันทราม่วงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหม่าตั้วเปาคนเดียว แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเจ้าอ้วนนั่นแข็งแกร่งขนาดไหน


ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้เดินทางไปยังเมืองเมืองวายุเหมันต์ในภูมิภาคเหนือเพื่อตั้งหลักปักฐาน เหตุผลที่เลือกที่นี่เป็นเพราะเมืองนี้มีภูมิประเทศที่หนาวเย็น เมืองนี้ตั้งอยู่ที่จุดศูนย์กลางของภูมิภาคเหนือและเป็นเมืองจักรพรรดิ


หลิงฮันเดินทางไปยังเมืองวายุเหมันต์


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก่อตั้งแคว้นขึ้นที่เมืองนี้ ผู้คนในเมืองต่างกำลังพูดคุยกันถึงจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิงด้วยความสรรเสริญ


ถ้าจักรพรรดิมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้ เป็นธรรมดาที่ผู้คนจะมอบความจริงใจเป็นการตอบแทน


หลิงฮันที่มีฐานะจักรพรรดิ ไม่ใช่แค่เขาเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่ยังเป็นจอมยุทธที่ทรงอำนาจ ความแข็งแกร่งของเขาฝังรากลึกเข้าไปในหัวใจของทุกคน


“เหอะ กล้าปล้นชิงสตรีของข้าเช่นนี้ เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าคือใคร?” ในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในเมือง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความยิ่งยโสดังขึ้นในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง


“หืม ทำไมเสียงถึงฟังดูคุ้นหูนัก?” หลิงฮันอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้


น้ำเสียงที่ยิ่งยโสเป็นเสียงของรุ่นเยาว์ แต่ทำไมหลิงฮันถึงรู้สึกคุ้นหู? นี่เขารู้จักคนที่นิสัยแบบด้วยหรือ?


ใบหน้าของจูเสวียนเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะกล่าว “นั่นเสียงน้องชายข้า!”


ใช่แล้ว จูหลงชิง!


“เข้าไปดูกันเถอะ” หลิงฮันยิ้มและส่ายหัว


โรงเตี๊ยมฤดูใบไม้ผลิเบ่งบาน ที่นี่คือสถานที่ที่เหล่าบุรุษจะมาผ่อนคลาย


“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน…” หนึ่งในพนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เขาสามารถมองออกทันทีว่ากลุ่มของหลิงฮันนั้นไม่ธรรมดา กลุ่มของพวกเขาประกอบไปด้วยชายหนุ่มที่ดูทรงพลัง สาวงามล่มเมือง เด็กสาวที่น่ารัก และกระต่ายตัวหนึ่ง


การร่วมกลุ่มนี่มันอะไรกัน?


หนูทองคำกระโจนออกมาและคิดจะใช้ขาหน้าฟาดไปที่ใบหน้าของพนักงานต้อนรับ เจ้าบังอาจเมินเฉยนายท่านหนู!


หลิงฮันคว้าหนูทองคำกลับมาและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”


พนักงานต้อนรับตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น “ขอตอบคำถามนายท่าน ตอนนี้มีแขกสองคนกำลังขัดแย้งกันอยู่”


หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือมีบุรุษสองคนกำลังแย่งโสเภณีคนเดียวกันอยู่


“ตัวข้า นายน้อยผู้นี้คือจูหลงชิง! เจ้ารู้ถึงความน่ากลัวของชื่อข้ารึไม่?” จูหลงชิงคำราม “พี่สาวของข้าคือสตรีที่งดงามที่สุดในภูมิภาคเหนือจูเสวียนเอ๋อ ส่วนพี่เขยของข้านั้นทรงอำนาจยิ่งกว่านั้น เขาคือจักรพรรดิของจักรวรรดิต้าหลิง นักปรุงยาระดับสวรรค์ หลิงฮัน!”


“ฮ่าๆๆ เจ้าจะกล่าวอะไรก็ได้ งั้นถ้าหากข้าบอกว่าข้าคือหลิงฮันล่ะ? เรียกข้าว่าพี่เขยเสียสิ!” รุ่นเยาว์อีกคนกล่าว


จูเสวียนเอ๋ออดที่จะรู้สึกโมโหไม่ได้


‘ตูม ตูม ตูม ปัง ปัง ปัง!’


จูหลงชิงและรุ่นเยาว์อีกคนเริ่มปะทะกัน จูหลงชิงคำรามออกมา “เจ้าคนบัดซบ เจ้าไม่มีคุณสมบัติเป็นพี่เขยของข้า! อย่าเผลอไปส่องกระจกหลังถูกข้าทุบตีเสียล่ะ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงจำไม่ได้แม้แต่ใบหน้าตนเอง”


“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้น!”


ทั้งสองคนปะทะกันรุนแรงจนร่างกระเด็นออกมาจากโรงเตี๊ยม


พวกหลิงฮันเห็นจูหลงชิงและรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งต่อสู้กันตามเส้นถนนอย่างไม่มีใครยอมกัน พวกเขาซัดหมัดออกไปใส่ใบหน้าของแค่ละฝ่ายจนเกิดรอยฟกช้ำและบาดแผลบนใบหน้า


เมื่อมีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ถนน องค์รักษ์ของเมืองจึงรีบเข้ามาจับตัวทั้งสองคน


“บังอาจเจ้ากุมข้า เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?” รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งก็ยิ่งสโยไม่แพ้กัน หลังจากถูกจับกุมแล้วไม่เพียงแค่เขาจะไม่หวาดกลัว แต่ยังแสดงท่าทีอวดดีออกมาอีกด้วย


“ข้าคือเฉียนเฟิง พี่ชายของข้าคือเฉียนหวูย่ง! พวกเจ้ารู้จึกหรือไม่? พี่ชายข้าคือสหายขององค์จักรพรรดิ!” รุ่นเยาว์คนนั้นตะโกนออกมา


คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน ชื่อที่รุ่นเยาว์ผู้นั้นกล่าวออกมาคือสหายเก่าของเขาที่สำนักฮูหยาง และตอนนี้เขาได้เข้าร่วมกองทัพของหลิงฮันแล้ว ถึงแม้พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะไม่สูงมาก แต่เขาก็เป็นคนที่หลิงฮันสามารถเชื่อใจได้


แต่นั่นแหละที่ทำให้เกิดปัญหา


ผู้คนที่มีภูมิหลังแข็งแกร่งจะมองว่าตนนั้นสูงส่ง นิสัยเช่นนี้เป็นอะไรที่แก้ไขได้ยากมาก ในขณะเดียวกัน พวกคนที่มาจากดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวที่มีสถานะสูงขึ้นก็เริ่มลำพองใจและไร้ความเกรงกลัว


สงสัยคงต้องรักษาเสียหน่อยแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 762

 

เมื่อเฉียนเฟิงพูดแบบนั้นออกมา องค์รักษ์ของเมืองดูเหมือนจะลังเล


เขาเป็นชายที่มีภูมิหลังยอดเยี่ยม มันจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ถ้าจะจับกุมเขา?


เฉียนหวูย่งคนนั้นคือสหายเก่าขององค์จักรพรรดิ ถ้าจับกุมเฉียนเฟิงเขาจะเคลื่อนไหวหรือไม่?


“เฉียนหวูย่งไม่เห็นจะรู้จัก!” จูหลิงชิงเริ่มหยิ่งผยองมากขึ้น “พี่สาวของข้าคือจูเสวี่ยนเอ๋อผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งจักรวรรดิต้าหลิงในอนาคต!”


ฮูหนิวรู้สึกโกรธ นางต่างหากที่จะเป็นราชินีของหลิงฮัน!


หลิงฮันยังคงนิ่งเงียบ เขาอยากดูว่าองค์รักษ์พวกนั้นจะจัดการกันยังไงกับเรื่องเล็กน้อยภายใต้จักรวรรดิต้าหลิงอันยิ่งใหญ่


“นายน้อยทั้งสองท่าน โปรดอย่าได้สร้างก่อปัญหากันที่นี่เลย และกรุณาตามพวกเรามาที่ค่ายทหารเพื่อเริ่มกระบวนการตัดสิน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าว


แม้ว่าตัวตนของพวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ที่นี่คือเมืองจักรพรรดิ จะมีสักกี่คนกันที่กล้าสร้างปัญหาที่นี่ สิ่งที่พวกเขาทำไม่ใช่ว่าเป็นการแสดงตัวตนของพวกเขาหรอกหรือ? ตัวตนของพวกเขาจะต้องได้รับการตรวจสอบและผู้ที่แอบอ้างมักจะไม่มีจุดจบที่ดี


ดังนั้น เจ้าหน้าที่คนนี้จึงระมัดระวังเป็นพิเศษ


อย่างไรก็ตามทั้งจูหลงชิงและเฉียนเฟิงต่างปฏิเสธที่จะยอมจำนน พวกเขากัดกันไม่หยุดและเรียกร้องให้จับกุมอีกฝ่ายแทนตนเอง


เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้นหลิงฮันส่ายหัว จักรวรรดิของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่คุณภาพของประชากรยังไม่พัฒนาตาม ไม่แปลกที่เขามักคิดถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือการขยายดินแดน เรื่องที่สองคือการเอาใจผู้คน แต่เขาไม่ได้คิดที่จะควบคุมจักรวรรดิอย่างเคร่งครัด


หลิงฮันลุกขึ้นยืนและพูดว่า “พาทั้งคู่ไปที่ประตูตะวันออกและเฆี่ยนตีหนึ่งร้อยครั้ง!”


“ห๊า เจ้าเป็นใครกันถึงจะเฆี่ยนตีข้า? เจ้ารู้หรือไม่พี่ชายของข้าเป็นใคร?” เฉียนเฟิงตะโกน เขารู้สึกโกรธมากแม้แต่ทหารพวกนี้ยังเคารพเขา แล้วอีกฝ่ายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?


“พี่…พี่เขย!” จูหลงชิงอุทานออกมาอย่างตกใจ


“องค์จักรพรรดิ!” เหล่าทหารเองก็คุกเข่าทำความเคารพเช่นกัน


องค์จักรพรรดิ?


เฉียนเฟิงรู้สึกตกตะลึง นี่คือจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่รู้จักไปทั่วภูมิภาคเหนือ นี่เขากล้าที่จะตำหนิอีกฝ่ายได้ยังไงกัน? ต้องรู้ก่อนว่าเหล่าตระกูลภายในแคว้นพิรุณไม่ได้ตามหลังหุบเขาจันทราร่วงหล่นอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะหลิงฮันทำให้พวกเขามีทุกวันนี้


หลิงฮันโบกมือและพูดว่า “พาพวกเขาไปและเฆี่ยนตี!”


“ขอรับ องค์จักรพรรดิ!” เหล่าทหารใจแกร่งกล้าเหมือนหมาป่าขึ้นมาทันที


“พี่เขย พี่เขย ข้าผิดไปแล้ว – พี่สาวช่วยข้าด้วย!” จูชิงหลงเห็นจูเสวี่ยนเอ๋อและกรีดร้องออกมาอย่างรวดเร็วและหวังว่าพี่สาวจะช่วยเหลือเขา


แต่จูเสวี่ยนเอ๋อเพียงแค่ส่ายหัว และไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว


ชายหนุ่มทั้งสองคนถูกลากออกไป ใครขอให้พวกเขาปากดีเองล่ะ?


เมื่อกลับไปที่พระราชวัง หลิงฮันจะเริ่มหาวิธีการแก้ปัญหาและกฎระเบียบทันที


ในความเป็นจริง อำนาจย่อมนำมาซึ่งสิทธิพิเศษ มิฉะนั้นจะมีอำนาจไปเพื่ออะไร? แต่หลิงฮันเองก็ไม่อยากให้ทุกตระกูลสะอาดใส่เหมือนกับน้ำ แต่มันก็ต้องมีเส้นที่ไม่อาจล้ำเกินไปได้


และในวันนั้นเอง จูหลงชิงและเฉียนเฟิงถูกลงโทษต่อหน้าสาธารณชน เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู


แม้ว่าทั้งสองคนจะถูกเฆี่ยนตีคนละหนึ่งร้อยครั้ง แต่ประมุทตระกูลเฉียนได้มาที่พระราชวังในยามดึกเพื่อขออภัยโทษ และคุกเข่าต่อหน้าหลิงฮันพร้อมกับน้ำตา


หลิงฮันพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด และบอกให้อีกฝ่ายเข้มงวดดูแลคนในตระกูลของตัวเองและขีดเส้นที่ไม่อาจล่วงเกินได้ ถ้าอีกฝ่ายล้ำเส้น เขาจะไม่สนอะไรทั้งนั้นนอกจากฆ่าทิ้ง


เฉียนเจียผู้นำของตระกูลเจียที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าหลิงฮันด้วยเนื้อตัวสั่นเทา เขาจะกล้าที่จะโกรธหลิงฮันได้อย่างไร? นอกจากนี้ ตระกูลเฉียนในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่แคว้นพิรุณเป็นร้อยเท่า แล้วเขาจะกล้าไม่เคารพนับถือหลิงฮันได้อย่างไร?


วันต่อมา จูชิงหลงมาหาหลิงฮันเพื่อประจบ


ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ที่จูเสวี่ยนเอ๋อออกจากเมืองจักรพรรดิไปพร้อมกับหลิงฮัน แม้ว่าเขาจะพูดว่าตัวเองเป็นน้องชายของจูเสวี่ยนเอ๋อ กมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อ และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ?


ดังนั้น ชีวิตของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายนัก และตอนนี้ในที่สุดพี่เขยของเขาก็กลับมาแล้ว เลยแสดงนิสัยเสียออกมา และใช้สถานะข่มขู่ผู้คนที่ไม่ชอบหน้า


“พี่เขย ข้าสามารถตายเพื่อท่านได้!” เขาร้องไห้ออกมาทันทีและพุ่งเข้าหาหลิงฮันแล้วกอดขาของเขา


“ฮ่าฮ่าฮ่า หลิงฮัน ข้าไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่าเจ้ามีลูกชายที่ตัวโตขนาดนี้!” เจ้ากระต่ายทำให้เรื่องดูสนุกขึ้น


“พี่สาว พี่เขย ดวงตาของข้าเป็นอะไรไม่รู้หรือว่าเจ้ากระต่ายกำลังพูดอยู่?” จูชิงหลงลืมเรื่องขอโทษและจ้องมองไปที่กระต่ายด้วยความตกใจ และแสดงสีหน้าประหลาดใจ


“มันแปลกหรือที่กระต่ายพูดได้? ในอดีตกาล บรรพบุรุษกระต่ายของข้าเป็นตัวตนอยู่ยงคงกระพันในโลก แค่พูดได้มันแปลกประหลาดขนาดนั้นเลยรึ?”  เจ้ากระต่ายพูดโอ้อวดตัวเอง


จูหลงชิงไม่สนเรื่องพวกนั้นและยังตกใจกับความจริงที่ว่ากระต่ายสามารถพูดได้ ทันใดนั้นเองเขาจ้องมองไปที่เจ้ากระต่ายและเริิ่มที่จะประจบ


แน่นอนว่าเจ้ากระต่ายรู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่ง และมองจูชิงหลงด้วยสีหน้าพึงพอใจ


ในเวลาเพียงแค่สองเดือน ภูมิภาคเหนือได้รวมกันเป็นหนึ่งและอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิต้าหลิง


แน่นอนว่าเป็นเพราะจอมยุทธของภูมิภาคเหนือนั้นมีระดับพลังต่ำเกินไป เพียงแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็สามารถสยบทั้งภูมิภาคได้แล้ว ยิ่งบวกกับตัวตนนักปรุงยาระดับสวรรค์ของหลิงฮัน ห้าขุมพลังต่างยอมจำนนอย่างเช่นนิกายจันทราครึ่งเสี้ยว และถ้าต่อต้านก็จะถูกทำลาย


ส่วนอีกสามภูมิภาคที่เหลือจอมยุทธที่มีระดับพลังต่ำสุดคือภูมิภาคตะวันตก แต่ก็ยังมีจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาอยู่บ้าง ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกและภูมิภาคใต้ต่างมีจอมยุทธระดับสวรรค์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการด้วย


หลังจากที่รวมภูมิภาคเหนือเสร็จแล้ว หลิงฮันไม่ผลีผลามที่จะบุกภูมิภาคตะวันตก แต่เริ่มที่จะคัดเลือกจอมยุทธที่มีระดับพลังเหนือกว่าระดับห้วงจิตวิญญาณเพื่อสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งอย่างจักรวรรดิจันทราม่วง


นั่นเป็นเพราะสามภูมิภาคที่เหนือต่างมีจอมยุทธระดับสูง ทหารธรรมดาไม่มีทางที่จะต่อกรด้วยได้ เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถสังหารพวกเขาได้แล้ว


หลิงฮันยังมีแผนที่สูงขึ้นไปอีก เขาได้เลียนแบบจักรวรรดิจันทราม่วง ซึ่งเป็นแผนที่ล่อตาล่อใจที่สุดสำหรับจอมยุทธ


ในภูมิภาคเหนือ จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับแข่งขันกันที่จะเข้าร่วมกองทัพ เพราะกลัวว่าจะถูกทิ้งไว้ด้านหลัง


ยิ่งไปกว่านั้น หลิงฮันยังเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ สมาคมนักปรุงยาต่างทำงานให้เขา เม็ดยาจะถูกเพิ่มเข้าไปในของรางวัล ซึ่งน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก


ในวันนี้เอง หลิงฮันกำลังหารือกับพวกระดับสูงเกี่ยวกับภูมิภาคตะวันตก ทว่ากลับมีใครบางคนบุกเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดทุกคนภายในห้อง


“มันผู้ใดที่มีอำนาจมากที่สุดในการตัดสินใจ?” ชายคนนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

 

 

 


ตอนที่ 763

 

คนคนนี้ช่างแปลกประหลาด


เขาเป็นชายร่างสูงที่มีใบหน้าธรรมดาๆ แต่บนใบหน้าของเขากลับมีลวดลายแปลกๆที่ดูเหมือนจะติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่แปลกกว่านั้นก็คือเขาขนาดเล็กเหมือนเขากวางสองอันที่อยู่บนหัวของพวกเขา


กลิ่นอายของจอมยุทธระดับสวรรค์คนนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก เขาน่าจะเป็นระดับสวรรค์ขั้นปลาย


“ลุงสี่ ทำไมจะต้องไปพูดสุภาพกับพวกมนุษย์เหล่านี้ด้วย?” รุ่นเยาว์คนหนึ่งเดินเข้ามาในปราสาท รุ่นเยาว์ผู้ในใช่สุดสีฉูดฉาดราวกับนกยูง


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเดินเข้ามาใกล้หลิงฮันและกล่าว “คนร่างสูงคือเซียนหยู่เฉิง ส่วนรุ่นเยาว์คนนั้นคือเซียนหยู่ตงหมิง อย่ายั่วยุพวกเขาและหาทางไล่พวกเขาออกไป”


หลิงฮันเข้าใจทันที สองคนนั้นคือเผ่าใต้สมุทร!


รุ่นเยาว์ผู้นั้นช่างหยิ่งยโส แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลของพวกเขาก็มีตัวตนระดับทลายมิติอยู่เกือบๆสามสิบคน ในสายตาของพวกเขาภูมิภาคเหนือแห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านนอก


หลิงฮันจ้องไปยังรุ่นเยาว์สวมชุดฉูดฉาดผู้นี้ นี่ล่ะรึคู่หมั้นของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน?


เขาฟังเรื่องราวจากเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมาแล้ว ดูเหมือนว่านางจะถูกไล่ตามโดยตระกูลเฮ่อเหลียนและตระกูลทรงอำนาจอีกสองตระกูล ทั้งสามตระกูลที่ว่าคือสามตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในมหาสมุทรฝั่งเหนือ


เพื่อที่จะมีอำนาจต่อต้านการกดขี่ของตระกูลราชวงศ์แห่งมหาสมุทรได้ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกัน


แต่วิธีไหนจะรับประกันได้ว่าแต่ละตระกูลจะไม่หันดาบใส่ด้านหลังต่อกัน?


วิธีนั่นคือการแต่งงาน!


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคือสตรีที่อัจฉริยะที่สุดรุ่นเยาว์ยุคนี้ของตระกูลเฮ่อเหลียน และเซียนหยู่ตงหมิงเองก็เป็นบุรุษรุ่นเยาว์ที่อัจฉริยะที่สุดในตระกูลเซียนหยู่เช่นกัน แม้เขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน แต่พรสวรรค์ของทั้งสองก็ไม่ต่างกันมาก เป็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองต่างหากที่โดดเด่นเกินไป


แต่หลังจากที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรับรู้เรื่องราวของการชำระร้าง นางก็ออกเดินทางมาตามหาขวดต้องสาปเพื่อใช้ต่อต้านตระกูลราชวงศ์


ในขณะที่กำลังตามหาขวดต้องสาปนางก็ถูกแมงมุมเงินยักษ์จู่โจมโดยไม่คาดฝันจนสูญเสีญความทรงจำ หลังจากนั้นเมื่อนางก็ติดตามหลิงฮันจนได้ความทรงจำกลับมานางก็กลับไปยังมหาสมุทรฝั่งเหนือ นางไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเซียนหยู่ตงหมิงอยู่แล้ว และเมื่อนางพบว่าตั้งท้องนางจึงได้หลบหนีออกมา


และตอนนี้… เผ่าทะเลได้ตามล่านางแล้ว


หลิงฮันละสายตาออกและยืนขึ้นจากบัลลังก์ เขาเดินลงมาและกล่าว “ข้าคือคนที่มีอำนาจที่สุดในที่นี้ มีอะไรให้ข้าช่วย?”


เขาไม่กลัวว่าตระกูลเซียนหยู่สองคนนี้จะรู้ถึงตัวตนของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน  นั่นเพราะเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่เพียงแค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของนางด้วยเม็ดยาแปลงโฉม แต่นางยังฝึกฝนทักษะโบราณที่เขามอบให้เพื่อเปลี่ยนกลิ่นอายของตนอีกด้วย


เซียนหยู่เฉิงหันมาจ้องหลิงฮันและปลดปล่อยแรงกดดันของจอมยุทธระดับสวรรค์ที่สามารถทำให้จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาสั่นสะท้านได้ออกมา เขาจงใจจะทำให้หลิงฮันหวาดกลัว แต่เขากลับต้องผิดหวังและตกตะลึงแทน นั่นเพราะท่าทีของหลิงฮันไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย


เผ่ามนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา!


เซียนหยู่ตงหมิงกล่าว “ข้าต้องการให้เจ้าค้นหาใครบางคน”


“โอ้ คนผู้นั้นคือใครกัน?” หลิงฮันเอ่ยถาม ถึงแม้เขาจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม


เซียนหยู่เฉิงโยนภาพวาดออกและกล่าว “ระดมกำลังทั้งหมดเพื่อตามหาผู้หญิงคนนี้ให้ข้า ถ้าหาข้าจะมอบรางวัลให้ แต่ถ้าหาไม่พบ… พวกเจ้าจงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี!”


“ลุงสี่ ข้าว่าบรรยากาศที่นี่ไม่เลวเลย” เซียนหยู่ตงหมิงนั่งลงบนบัลลังก์อย่างไม่แยแส “พวกเรารอค่อยการจับกุมอยู่ที่นี่กันไหม?


“เอาเช่นนั้นก็ได้!” เซียนหยู่เฉิงพยักหน้าหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ถึงแม้ว่าภูมิภาคเหนือจะมีขนาดเล็กกว่ามหาสมุทรทางเหนือ แต่มันก็ยังกว้างใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะหากันเองสองคนอยู่ดี การที่พวกเขาไม่ต้องเดินทางไปไหนและรอคอยอยู่ที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน


นอกจากนี้ถึงแม้เขาจะเป็นผู้อาวุโส แต่ต่ำแหน่งในตระกูลเซียนหยู่ของเซียนหยู่ตงหมิงก็เหนือกว่าเขา รุ่นเยาว์ผู้นี้มีสายเลือดที่บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ด้วยทรัพยากรบ่มเพาะจากตระกูล ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะต้องบรรลุระดับทลายมิติแน่นอน


ตราบใดที่เซียนหยู่ตงหมิงไม่เสียมารยาทต่อเขาเกินไปเขาก็จะยอมเชื่อฟัง


“สาวรับใช้ตรงนั้น นำของที่เจ้าถือไว้มาตรงนี้ซะ” เซียนหยู่ตงหมิงออกคำสั่งกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของปราสาท พวกนางถือผลไม้หลากหลายชนิดเอาไว้ สีสันและกลิ่นอันหอมหวานของพวกมันทำให้ไม่ว่าใครที่เห็นก็อยากลิ้มลอง


สาวใช้มองไปยังหลิงฮัน ตอนนี้ในแววตาของหลิงฮันเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ได้ห้ามปรามเขาเอาไว้และบอกให้สาวใช้เหล่านั้นทำตามเซียนหยู่ตงหมิง


เซียนหยู่ตงหมิงหยิบผลไม้ขึ้นมากิน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปิดกว้างทันที “ลุงสี่ ผลไม้เหล่านี้ช่างอร่อยยิ่งนัก ท่านก็ควรลองบ้าง!” เขานำผลไม้บางส่วนให้กับเซียนหยู่เฉิง


เซียนหยู่เฉิงตอบรับน้ำใจของอีกฝ่ายและหยิบผลไม้เข้าปาก


ทันใดนั้นเขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ผลไม้เหล่านี้ทั้งสดและอร่อยยิ่งนัก!


นอกจากนั้นผลไม้เหล่านี้ยังแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่สามารถดูดซับได้โดยตรงอีกด้วย ถึงแม้พลังวิญญาณที่แฝงอยู่จะน้อยนิดก็ตาม แต่มันก็มีประโยชน์ต่อจอมยุทธระดับต้นเป็นอย่างมาก ถ้าตระกูลเซียนหยู่สามารถปลูกผลไม้เหล่านี้ได้จำนวนมาก ภายในยี่สิบหรือสามสิบปี ตระกูลของพวกเขาจะก้าวหน้าอย่างมหาศาล!


เซียนหยู่ตงหมิงมองไปยังสาวใช้และกล่าว “ไม่คิดเลยว่าเผ่ามนุษย์จะมีของดีๆเช่นนี้ สาวใช้ตรงนั้น หลังจากนี้เตรียมผลไม้เหล่านี้ใส่ลังขนาดใหญ่ให้ข้า นอกจากนั้นก็ส่งสาวใช้งามๆมาให้ข้าสิบคนด้วย ถึงแม้เผ่ามนุษย์จะต่ำต้อย แต่ถ้าแค่เล่นๆด้วยก็คงไม่มีปัญหา”


หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าบุกเข้ามาที่ปราสาทข้า นั่งที่นั่งของข้าแล้วยังจะสั่งให้พวกข้าส่งสตรีให้เจ้าอีก?”


“อะไร หรือเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังข้า?” เซียนหยู่ตงหมิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม เขาคืออัจฉริยะของตระกูลเซียนหยู่แห่งมหาสมุทรฝั่งเหนือ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาตามหาคนที่นี่ เขาไม่มีทางยอมเหยียบเข้ามาในอาณาเขตของเผ่ามนุษย์ที่สกปรกเด็ดขาด!


“ข้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่ซักหนึ่งเดือน ในระหว่างหนึ่งเดือนนี้เจ้าต้องตามหาสตรีในภาพให้ข้า ถ้าเจ้าหาเจอข้าจะจากไป แต่อย่าลืมผลไม้ที่ข้าสั่งล่ะ และถ้าหากพวกเจ้าหาไม่เจอ พวกเจ้าต้องไปลงนรก!” เซียนหยู่ตงหมิงกล่าว


รอยยิ้มของหลิงฮันค่อยๆกว้างขึ้นและกล่าว “ข้าทนฟังเจ้ามานานแล้ว ถ้าเจ้าต้องการหาคน เกรงว่าพวกเจ้าคงต้องหากันเอง ไม่เช่นนั้นหากข้าลงมือแม้แต่สวรรค์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

 

 

 


ตอนที่ 764

 

เซียนหยู่เฉิงเพียงแค่หัวเราะ เผ่ามนุษย์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากล้าที่จะข่มขู่เขาต่อหน้า นี่เป็นเรื่องที่น่าขบขันยิ่งนัก


ในใจของเขา เซียนหยู่ตงหมิงอาจทำเกินไปบ้าง แต่แล้วมันจะทำไม?


เผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อยต้องการให้พวกเขาไว้หน้า?


ดูเหมือนกับว่าเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่รู้จักประเมินความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่ยังคงรักษาศักดิ์ศรี


“เผ่ามนุษย์ เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว?” เขาปลดปล่อยกลิ่นอายออกมา ราวกับน้ำเดือดกำลังเดือดอยู่ในพระราชวัง ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดและแรงกดดันของเขาหนักหน่วงเกินไป


แล้วใครจะสามารถยืดหยันได้?


หลิงฮันไร้ความหวาดกลัวและพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าเคารพเจ้าในฐานะแขก แต่เจ้ากลับไม่เคารพข้า ทั้งยังข่มขู่ข้า ซึ่งถือว่าเป็นการข่มขู่จักรวรรดิของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นใคร?”


“ข้าคือจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง และอำนาจของจักรพรรดินั้นไม่อาจล่วงเกินได้ และวันนี้จะเป็นจุดจบของเจ้า!


เขาคำรามและทำให้ทุกคนที่ล้มลงกับพื้นกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง


นี่คือองค์จักรพรรดิของพวกเขา!


“องค์จักรพรรดิทรงพระเจริญ!” ทุกคนกล่าวเทิดทูนหลิงฮัน


“องค์จักรพรรดิทรงพระเจิรญ!” เมื่อเหล่าทหารที่อยู่ในระยะไกลได้ยิน พวกเขารีบคุกเข่าลงทันที มันเป็นเหมือนกับระลอกคลื่นที่แผ่กระจายไปทั่วเมืองจักรพรรดิ แม้แต่คนธรรมดายังคุกเข่าลงและส่งเสียงทรงพระเจริญ


การกระทำของหลิงฮันในวันนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อจักรวรรดิและยังได้ใจผู้คน


ทั้งเมืองจักรพรรดิเต็มไปด้วยเสียงตะโกน และหัวใจของผู้คนก็เต็มไปด้วยความกระตือรืนร้น แล้วพลังแห่งจักรภพเริ่มแสดงผล และร่างกายของหลิงฮันก็มีแสงสีทองปรากฏออกมา ซึ่งเป็นพลังแห่งจักรภพ


เซียนหยู่อดที่จะแสยะยิ้มออกมาไม่ได้และพูดว่า “ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ถึงกล้าก่อตั้งจักรวรรดิ!” ไม่แปลกใจที่ว่าทำไมจักรวรรดิถึงเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน อย่างไรก็ตาม หลังจากก่อตั้งพลังแห่งจักรภพจะถูกหลอมรวม นี่คือเรื่องที่หลายขุมพลังใหญ่ไม่อนุญาตให้ก่อตั้ง


ในความเป็นจริงมีหลายขุมพลังใหญ่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงก่อตั้งไม่ได้ นี่คือกฎของธรรมชาติที่ถูกส่งต่อรุ่นต่อรุ่นและผู้ที่กระทำผิดจะต้องตาย!


ต้องพูดว่าการล้างสมองของห้านิกายโบราณค่อนข้างประสบความสำเร็จ เหมือนกับเผ่าใต้สมุทร


“ลุงสี่ ท่านจะมัวพูดเรื่องไร้สาระอะไรกับเขา ฆ่าเขาทิ้งเถอะและข้าจะได้เล่นเป็นจักรพรรดิอีกสักสองสามวัน!” เซียนหยู่ตงหมิงกล่าวขณะกินแตงโมและผลไม้ชนิดอื่น


เซียนหยู่เฉิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และพูดออกมาว่า “ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย เรื่องที่สำคัญกว่าคือหาตัวนังนั่น!”


เมื่อพูดถึงนังนั่น ดวงตาของเซียนหยู่ตงหมิงกลายเป็นสีแดง เขาเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลเซียนหยู่ ไม่ว่าเขาต้องการอะไรก็จะต้องได้ตามที่เขาต้องการ


แต่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกลับกล้าหนีไปจากเขา ซึ่งถือเป็นการตบหน้าเขาโดยตรง และทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในทะเลหนือ แม้แต่ตระกูลราชวงศ์แห่งอื่นยังรู้เรื่อง


ถ้าเขาไม่ได้ฆ่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่อหน้าสาธารณชน เขาจะยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมอีกหรือ?


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่งสายตาให้กับ่่หลิงฮันเพื่อที่จะสื่อว่าให้เขาอดทนไว้และไม่ลงมือทำอะไร ตระกูลราชวงศ์ของทะเลเหนือนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเขามีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าสามสิบคน ถ้าพวกเขาบุกมา แล้วจักรวรรดิต้าหลิงจะรับมือได้อย่างไร?


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “บางคนเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ก็จะยิ่งถูกกลั่นแกล้งมากขึ้นไปอีกและดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะบอกพวกข้าเป็นเช่นนั้น!วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคนจะต้องตายอยู่ที่นี่!”


พรึบ หลิงฮันกระโจนเข้าใส่เซียนหยู่ตงหมิงทันที


“นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่น ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าที่จะกระทำผิดอยู่อีกรึ?” เซียนหยู่เฉิงแสยะยิ้ม เขาเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับสวรรค์ซึ่งเป็นรองแค่ระดับทลายมิติเท่านั้น และเขาได้กระโจนออกไปเพื่อหยุดยั้งหลิงฮัน


ในขณะนั้นเองร่างกายของหลิงฮันกลายเป็นประกายสายฟ้าและเร่งความเร็วทำให้เขาหายตัวไปต่อหน้าเซียนหยู่เฉิงในพริบตา


เร็วมาก!


เซียนหยู่เฉิงอุทานอยู่ในใจ อีกฝ่ายรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน นี่เขาเป็นจอมยุทธระกับก้าวสู่เทวาจริงๆรึ? แย่แล้ว! เขาพูดอยู่ในใจ และเมื่อหันหลังกลับไปสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และแน่นอนว่าเซียนหยู่ตงหมิงจะต้องตกอยู่ในมือของหลิงฮัน


มันน่าทึ่งมาก เซียนหยู่ตงหมิงเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวา ระดับพลังของเขาเหนือกว่าหลิงฮัน แล้วมันเป็นไปได้ยังไงในแค่พริบตาเขาก็ตกอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ว?


เผ่าพันธุ์มนุษย์คนนี้…พิเศษเกินไป


“ไอสารเลว รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เซียนหยู่ตงหมิงดิ้นรนและตะโกนร้อง เขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยไม่ได้ระวังตัว อย่างแรกเขาไม่คิดว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ อย่างที่สอง เขาไม่คิดเลยว่าเซียนหยู่เฉิงจะปล่อยให้หลิงฮันหลุดมือมาถึงเขา


เขามีเวลาแค่ยกมือขึ้นมาเท่านั้น และหลิงฮันก็มาถึงตัวเขาแล้ว


แต่เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัว เขาเป็นถึงอัจฉริยะแห่งตระกูลเซียนหยู่ ไข่มุกที่อยู่บนมงกุฎ แล้วเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อยจะถึงขั้นกล้าสังหารเขาได้อย่างไร? ทั้งที่จอมยุทธเผ่าใต้สมุทรยังไม่กล้า


กลับกัน เขารู้สึกโกรธมากกว่า เมื่อใดที่เขาเป็นอิสระ เขาจะเหยียบหัวหลิงฮันและทำให้อีกฝ่ายได้รับความอัปยศ แล้วค่อยนำมาตัดหัวแล้วนำโลหิตใส่แก้วไวน์


“ปล่อยนายน้อยเดี๋ยวนี้!” เซียนหยู่เฉิงรีบตะโกน และกลัวว่าหลิงฮันจะทำอะไรนายน้อยของเขา


หลิงฮันหัวเราะเยาะ เขารวบรวมพลังปราณไปที่มือขวาและปล่อยเข้าไปในร่างกายของเซียนหยู่ตงหมิงแล้วพูดว่า “ข้าได้พูดไปแล้วว่าผู้ที่ล่วงเกินอำนาจของข้าไม่สำคัญว่าเป็นใครมันผู้นั้นจะต้องตาย!”


“อ๊ากกกก–” เซียนหยู่ตงหมิงกรีดร้อง เขาพบว่าเจตจำนงแห่งเต๋าของเขากำลังถูกกำจัด!


หรืออีกความหมายคือกลายเป็นคนไร้ค่า!


แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เห็นได้ชัดว่าระดับพลังของอีกฝ่ายด้อยกว่าเขา แต่ทำไมถึงลบเจตจำนงแห่งเต๋าของเขาได้?


“ตาย!” ดวงตาของเซียนหยู่เฉิงแดงก่ำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเซียนหยู่ตงหมิง เมื่อเขากลับตระกูลจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน ตายเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ เขาจะต้องทำให้ได้และพาทายาทที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเซียนหยู่ไปจากที่นี่


มือขวาของหลิงฮันสั่น แคร๊ก แคร๊ก แคร๊ก เสียงกระดูกของเซียนหยู่ตงหมิงแตกหัก กระดูกทั้งหมดถูกเขาทำลายและจะกลายเป็นคนไร้ค่า จากนั้นเขาโยนเซียนหยู่ตงหมิงออกไปและเผชิญหน้ากับเซียนหยู่เฉิง


“บัดซบ! บัดซบ!”  เซียนหยู่เฉิงปลดปล่อยจิตสังหารที่เดือดพล่านออกมา แม้ว่าเซียนหยู่ตงหมิงจะยังไม่ตาย แต่ร่างกายของเขาก็นุ่มเหมือนกับแป้งไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ากระดูกทั้งหมดของเขาถูกทำลายและเจตจำนงแห่งเต๋าของเขาเองก็เกือบจะหายไป แม้ว่าจะรักษาด้วยเม็ดยาที่ล้ำเลิศแค่ไหน แต่ก็ยังคงเป็นอาการบาดเจ็บที่หนักมาก และถึงแม้จะรักษาหาย แต่เขาก็จะกลายเป็นคนธรรมดา


เขาไม่อาจปัดความรับผิดชอบของตัวเองได้ และเมื่อคิดถึงบทลงโทษที่เขาจะต้องแบกรับ ทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่ง


ฆ่าเผ่ามนุษย์นี่! ฆ่า ฆ่า ฆ่า!


หลิงฮันและเซียนหยู่เฉิงปะทะกันอย่างดุเดือด ทำให้พระราชวังเสียหายอย่างหนัก หลิงฮันจึงพาเซียนหยู่เฉิงขึ้นไปบนท้องฟ้า อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องสนใจความเสียหาย แต่หลิงฮันไม่อาจมองข้ามได้


กายหยาบของเขาแข็งแกร่งมาก แม้อีกฝ่ายพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย


“เผ่ามนุษย์บัดซบ ไม่เพียงแค่เจ้าจะต้องตายในวันนี้ แต่ทั้งจักรวรรดิของเจ้าจะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า!” เซียนหยู่เฉิงตะโกน

 

 

 


ตอนที่ 765

 

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “คนที่ถูกฝังในวันนี้จะมีเพียงสองคน!”


“ช่างอวดดี!” เซียนหยู่เฉิงพยายามคว้าร่างของหลิงฮัน แต่เผ่ามนุษย์ผู้นี้ช่างเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีร่างกายที่แข็งแกร่ง การจะต่อกรด้วยเป็นอะไรที่ยากมาก


‘ตูม ตูม ตูม’ ทั้งสองคนปะทะกันกลางเวหา


พวกเขาปะทะกันด้วยการแลกหมัดโดยไม่มีฝ่ายใดยอมล่าถอย ผลลัพธ์ของการต่อสู้ก็ไม่สามารถคาดเดาได้


ร่างกายของหลิงฮันนั้นเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้า และเซียนหยู่เฉิงเองก็ไม่ได้อ่อนแอ เขาสามารถเข้าปะทะกับหลิงฮันได้อย่างสูสี


เผ่าพันธุ์ที่สืบทอดสายเลือดของมังกรที่แท้จริงช่างมีกายหยาบที่แข็งแกร่งยิ่งนัก


ตราบใดที่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริงไหลเวียนยอยู่ในร่างกาย ร่างกายของคนคนนั้นก็จะแข็งแกร่งจนถึงขั้นสามารถเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเดียวกับพลังบ่มเพาะ


ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมเผ่าใต้สมุทรถึงยิ่งยโสเช่นนี้ สายเลือดของพวกเขานับว่าเหนือกว่ามนุษย์จริงๆ


หลิงฮันแบมือกว้าง ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็เต็มไปด้วยอักขระและแสงสีทอง เขาโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพีและเนตรแห่งสัจธรรม เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะฝึกฝนร่างกายของตัวเองจนไร้เทียมทานไปทุกจุดและไม่มีจุดอ่อน


เซียนหยู่เฉิงเองก็สะบัดมือของตนเอง ทันใดนั้นสองมือของเขาก็กลายเป็นกรงเล็บสีฟ้าครามที่ส่องประกายแหลมคม


กรงเล็บมังกร!


สายเลือดของเขามีขีดจำกัด เขาสามารถเปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรได้แค่สองมือและไม่สามารถคงสภาพไว้ได้นาน แต่ถึงอย่างนั้นกรงเล็บของมังกรก็ยังนับว่าเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกอยู่ดี


ทั้งสองคนเริ่มเปิดเผยพลังต่อสู้ของตนเองและเข้าปะทะกันอีกครั้ง ไม่ว่าฝ่ายไหนก็หวังจะต้องสังหารอีกฝ่ายให้ได้


ตูม! ตูม! ตูม!


ทักษะผนึกพลิกปฐพีสีทองและกรงเล็บมังกรเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง การปะทะแต่ละครั้งก่อให้เกิดแสงสว่างส่องไปทั่วท้องฟ้า ประชากรของเมืองสามารถมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน


“ฮ่าๆๆๆ เผ่ามนุษย์ เจ้ามีร่างกายและพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่จุดอ่อนของเจ้าก็คือระดับพลังบ่มเพาะที่ยังอ่อนด้อย! เจ้าเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น!” เซียนหยู่เฉิงแสยะยิ้ม กรงเล็บมังกรของเขาสามารถต่อสู้กับทักษะผนึกพลิกปฐพีของหลิงฮันได้อย่างทัดเทียม บางทีอาจจะเหนือกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ


“งั้นรึ?” หลิงฮันสูดหายใจลึกและเริ่มใช้อำนาจแห่งจักรภพ ภายในพริบตาพลังต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล


ตอนนี้จักรวรรดิต้าหลิงได้ครอบครองทั้งภูมิภาคเหนือแล้ว ซึ่งพลังแห่งจักรภพสามารภช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของหลิงฮันได้ถึงห้าดาว


ด้วยพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นห้าดาวแม้หลิงฮันจะยังไม่สามารถอยู่เหนือจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นปลาย แต่เขาก็ยังสามารถใช้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาเปลี่ยนร่างตนเองให้เป็นสายฟ้าและเคลื่อนที่ให้รวดเร็วราวกับภูติพรายเพื่อเล็งโจมตีไปยังจุดอ่อนของเซียนหยู่เฉิงได้


เซียนหยู่เฉิงแค่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง เขาไม่ใช่มังกรที่แท้จริงเสียหน่อย และถึงแม้จะเป็นมังกรที่แท้จริงก็ตาม ไม่ว่ายังไมมันก็ต้องมีจุดอ่อนแน่นอน หลิงฮันคำรามและกระหน่ำโจมตีจุดอ่อนของเซียนหยู่เฉิง


หลังจากนั้นไม่นานเซียนหยู่เฉิงก็พบว่าตนเองได้รับบาดเจ็บหนักและร่างโชกเลือด


“เจ้าบังอาจยั่วยุให้ข้าโกรธ!” เซียนหยู่เฉิงจ้องอย่างโกรธเกรี้ยว เขาคือคนของตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรทางเหนือและเป็นผู้สืบเชื้อสายของมังกรที่แท้จริง แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาถูกเผ่ามนุษย์อันต่ำต้อยทุบตี… เขารับไม่ได้!


เซียนหยู่เฉิงคำรามและย่อตัวลง กล้ามเนื้อของเขาสั่นสะท้านจนเกิดเสียง เขาขนาดเล็กสองข้างบนหัวของเขาส่องประแสงเบาบางออกมา


หลิงฮันหัวเราะเยาะและกล่าว “นี่เจ้าท้องผูก?”


เซียนหยู่เฉิงเมินเฉยคำดูถูก ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ด้านหลังของเขาปรากฏเงาเสมือนจริงของมังกรที่แท้จริงซึ่งมีขนาดใหญ่โตหลายพันฟุต


เงานั่นราวกับเป็นมังกรมรกตมีชีวิตและกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ


หลิงฮันไม่กล้าประสาท เขานำดาบสังหารออกมาทันที


“ท่านบรรพบุรุษจ้าวมังกร ได้โปรดช่วยข้าบดขยี้เผ่ามนุษย์ผู้นั้น!” เซียนหยู่เฉิงคำรามและโจมตีใส่หลิงฮัน ร่างเงากรที่แท้จริงบนท้องฟ้าเองก็เคลื่อนที่พุ่งเข้าใส่หลิงฮันเช่นกัน


เงานั่นมีร่องรอยของพลังระดับทลายมิติ!


เขาควรใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬดีรึไม่?


หลิงฮันส่ายหัวทันที การจะใช้พรศักดิ์สิทธิ์กับจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นปลายเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองเกินไป


แต่การโจมตีของอีกฝ่ายก็มีอำนาจของระดับทลายมิติแฝงอยู่ การจะต้านทานเป็นเรื่องที่ยากมาก!


เขากำดาบในมือขวาแน่นและโคจรทักษะดาบหมื่นรวมเป็นหนึ่ง ส่วนในมือซ้ายเขาโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพี อักขระสีทองที่ถูกกระตุ้นก่อให้เกิดเป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์


“ช่างไม่สำเหนียกตนเอง!” เซียนหยู่เฉิงแสยะยิ้ม ร่างเงามังกรนี้คือมังกรต้นกำเนิดของสายเลือดของพวกเขา และทักษะที่เขาใช้เรียกเงาออกมาก็คือทักษะลับประจำตระกูลที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรลุระดับสวรรค์แล้ว


ร่างเงามังกรสามารถมีพลังได้มากถึงระดับทลายมิติขั้นเก้า น่าเสียดายที่มันไม่สามารถกลายเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ได้


แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่คือยังถือเป็นไพ่ลับของเผ่าใต้ทะเล


ระดับทลายมิติ… ระดับพลังที่สูงที่สุดในโลก!


‘ตูม!’


การโจมตีของหลิงฮันและเซียนหยู่เฉิงปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นระเบิดที่น่าสะพรึงกลัว แสงสว่างจากการปะทะทำให้เห็นเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กระเบิดขึ้นที่ท้องฟ้า


หลังจากแสงสว่างค่อยๆจางหาย ร่างของหลิงฮันก็กระเด็นถอยหลังอย่างน้อยหนึ่งพันฟุต ร่างของเขาชุ่มไปด้วยเลือด แขนทั้งสองข้างของเขาบิดงอเป็นรูปร่างประหลาด กระดูกในร่างของเขาแตกหัก


มังกรที่แท้จริงช่างน่าสะพรึงกลัว แค่การโจมตีเดียว ก็ทำให้ร่างของหลิงฮันที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้าสาหัสขนาดนี้!


“ฮ่าๆๆ เจ้าจบสิ้นแล้ว!” เซียนหยู่เฉิงกล่าว ในที่สุดเขาก็จะได้สังหารเผ่ามนุษย์บัดซบผู้นี้เสียที


“ก็งั้นๆ!” หลิงฮันกล่าวอย่างสงบนิ่ง แขนของเขาค่อยๆหมุนตรงกลับสภาพเดิม บาดแผลของเขาเองก็กำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า กระดูกที่แตกหักของเขาแทบจะฟื้นสภาพในพริบตา


กายาเพชร!


นี่คือความลับของคัมภัร์สวรรค์นิรันดร์ การที่ช่วยเสริมให้กายหยาบแข็งแกร่งก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมันก็คือ‘สุดยอดการฟื้นฟู’ ถ้าเจ้าสร้างบาดแผลให้ข้าหมื่นครั้ง ข้าก็จะฟื้นฟูบาดแผลหมื่นครั้ง


“อะไรกัน?” เซียนหยู่เฉิงชะงัก เผ่ามนุษย์ผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดรึไง? บาดแผลสาหัสเช่นนั้นกลับฟื้นฟูได้ภายในพริบตา เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์จริงๆรึเปล่า?


หลิงฮันกำดาบแน่นและกล่าว “การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!”


เซียนหยู่เฉิงพยายามสงบจิตใจและกล่าว “การที่ฟื้นฟูบาดแผลสาหัสเช่นนั้นภายในพริบตาได้ เจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนไปอย่างมหาศาลแน่นอน ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะทำเช่นนั้นได้อีกกี่ครั้ง!” เขาโจมตีอีกครั้งเพื่อที่จะทำให้หลิงฮันถึงขีดจำกัดในการฟื้นฟู

 

 

 


ตอนที่ 766

 

คำพูดของเซียนหยู่เฉิงฟังดูมีเหตุผล ความสามารถฟื้นฟูที่น่าทึ่งแบบนั้นจะไม่มีค่าตอบแทนได้อย่างไร


แต่เขารู้หรือไม่ แม้ความฉลาดหลักแหลมและสติปัญญาของหลิงฮันยังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งหมื่นปีในการทำความเข้าใจคัมภีสวรรค์นิรันดร์ส่วนแรก แล้วมันจะไม่เป็นการฟื้นฟูที่น่าทึ่งได้อย่างไร?


“ถ้าข้าพูดว่าวันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้าทั้งสองคน มันก็จะต้องเป็นเช่นนั้น!” หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยทักษะผนึกพลิกปฐพีอีกครั้ง ขณะใช้เนตรแห่งสัจธรรมเพื่อมองหาจุดอ่อนและทักษะอัสนีเก้าทิวา


ใช่แล้ว เขากำลังใช้ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาพร้อมกันสามทักษะ แต่ประสิทธิภาพของมันไม่ได้ด้อยกว่าการใช้ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ทักษะเดียว


“ตาย! ตาย! ตาย!”  เซียนหยู่เฉิงบังคับร่างเงามังกรที่แท้จริงเพื่อโจมตีใส่หลิงฮัน


ตู้ม


เกิดการปะทะอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลิงฮันถูกผลักกระเด็นไปด้านหลังหนึ่งพันฟุตและมีกระดูกหลายจุดที่แตกหัก


แต่ทว่าเขากลับยิ้มออกมาและพูดว่า “แม้ว่าร่างเงามังกรที่แท้จริงจะถูกเรียกออกมา แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่มังกรที่แท้จริง มันมีเพียงแค่เศษเสี้ยวของเจตจำนงแห่งเต๋าเท่านั้น มิฉะนั้นบาดแผลของข้าคงไม่สามารถฟื้นฟูได้ง่ายแบบนี้ ทว่ากายอัสนีของข้ายังได้รับผลกระทบส่วนหนึ่ง”


ตามทฤษฎีแล้ว หลังจากกลายเป็นสายฟ้า เขาสามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีทางกายภาพได้ทั้งหมด แต่อีกฝ่ายสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ


ดังนั้น แม้จะเป็นแค่ร่างเงาของมังกรที่แท้จริงก็สามารถคุกคามกายอัสนีของหลิงฮันได้ แต่ด้วยการป้องกันของกายาเพชร มันยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าหลิงฮัน


หากไม่สามารถฆ่าเขาได้ภายในพริบตา นั่นหมายความว่าพลังฟื้นฟูของกายาเพชรก็จะทำงาน


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเจ้าแล้ว? แค่นี้เองรึ!”


ใบหน้าของเซียนหยู่เฟิงกระตุก เขาอยากจะพูดพิสูจน์ว่าไม่ใช่ แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี


ร่างเงามังกรที่แท้จริงมีพลังของระดับทลายมิติ ตามทฤษฎีแล้ว หลิงฮันควรจะถูกฆ่าตายไปนับหมื่นครั้ง แต่ในความเป็นจริงล่ะ? แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะ แต่ความสามารถในการฟื้นฟูของเขานั้นมันรวดเร็วเกินไป


ไม่ใช่เพราะร่างเงามังกรที่แท้จริงนั้นไร้พลัง แต่มันเป็นเพราะความเร็วในการฟื้นฟูของอีกฝ่ายผิดปกติอย่างมากต่างหาก!


ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถฟื้นฟูบาดแผลได้รวดเร็วแบบนั้นได้ตลอด!


เซียนหยู่เฉิงตะโกนและร่างเงามังกรที่แท้จริงเองก็คำรามใส่หลิงฮัน


หลิงฮันไม่คิดที่จะหลบ อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์ การโจมตีของเขาเพียงพอที่จะคุกคามชีวิตอีกฝ่าย ยิ่งการโต้กลับของเขารุนแรงมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะจบชีวิตลงเร็วขึ้นเท่านั้น


ทั้งคู่ตัดสินใจแล้วว่ากลยุทธของอีกฝ่ายไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป และพวกเขาจะได้ปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาเพื่อปลิดชีพของอีกฝ่ายให้ได้ก่อน


อย่างไรก็ตาม หลิงฮันยังคงสุขุม


อย่างน้อยเขาก็ยังมีพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬที่ยังไม่ได้ใช้งาน ไม่เช่นนั้นด้วยพลังต่อสู้ระดับทลายมิติก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้อีกฝ่าย


ใบหน้าของเซียนหยู่เฉิงเริ่มบิดเบี้ยวมากยิ่งขึ้น ทำไมความสามารถในการฟื้นฟูของอีกฝ่ายถึงไม่ลดลงเลย? เป็นไปไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะใช้สมบัติแต่มันก็ต้องมีขัดจำกัดบ้าง


เกิดอะไรขึ้นกันแน่?


หลิงฮันเห็นการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของอีกฝ่าย เขาเลยหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ลูกเล่นของเจ้ามีแค่นี้เองรึ?”


“ปากดียิ่งนัก เผ่ามนุษย์อย่างเจ้าเป็นเพียงแค่มดปลวก แล้วข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ยังไงกัน?” เซียนหยู่เฉิงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และทำเป็นดูถูกอีกฝ่าย เขาเริ่มโจมตีออกไปด้วยกรงเล็บมังกรอีกครั้ง แต่ทว่าพลังของเขาในตอนนี้ลดลงไปอย่างมาก


ในการต่อสู้พลังของเซียนหยู่เฉิงลดลงไปอย่างมาก แม้ว่าหลิงฮันจะสิ้นเปลืองพลังปราณและพลังกายไปมาก แต่อย่าได้ลืมว่าเขายังคงเป็นจักรพรรดินักปรุงยา


ท้ายที่สุดเซียนหยู่เฉิงเริ่มที่จะถอนตัวจากการต่อสู้ ไม่มีทางที่เขาจะทิ้งชีวิตของตัวเองไว้ที่นี่


บนท้องฟ้า ร่างเงามังกรที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเขากระพริบอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะหายไปในพริบตา


พลังสายเลือดบรรพบุรุษของเขาหมดแล้ว และมันจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู


“ฮึ่ม วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าไปก่อน แต่ครั้งหน้าเมื่อข้ามาที่นี่มันจะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า!” เซียนหยู่เฉิงกล่าวและเริ่มที่จะล่าถอย


“ลุงสี่!” เซียนหยู่ตงหมิงรู้สึกตกใจมาก ทำไมเขาถึงทิ้งข้าไว้ที่นี่?


หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าพูดแล้วว่าวันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้าทั้งสองคน นี่เจ้าคิดจะหนีไปไหนรึ?” เขาเคลื่อนไหวด้วยทักษะอัสนีเก้าทิวา ทำให้ความเร็วของเขารวดเร็วกว่าเซียนหยู่เฉิงเสียอีก


แค่เร็วกว่าเล็กน้อยก็พอแล้ว


เซียนหยู่เฉิงพบว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้ สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ถ้าอีกฝ่ายไม่ปล่อยเขาไป คงไม่มีทางอื่นนอกจากต่อสู้ต่อ


หลิงฮันฟาดฟันดาบสังหารออกไป ถ้าอีกฝ่ายถูกฟัน แม้จะมีกายหยาบเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้าก็ยังคงได้รับบาดเจ็บอยู่ดี


เซียนหยู่เฉิงไม่กล้ารับการโจมตีจากดาบสังหารโดยตรง เขายกหมัดทั้งสองข้างขึ้นมาต่อยออกไปแล้วเกิดพายุที่รุนแรงขึ้นเพื่อต่อต้านการโจมตีของหลิงฮัน


ในขณะนั้นเซียนหยู่เฟิงรู้สึกแปลกใจ พลังต่อสู้ที่แท้จริงของหลิงฮันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยมีช่องว่างห่างกันถึงห้าดาว แต่อีกฝ่ายนั้นรวดเร็วกว่าเขาและมีความสามารถฟื้นฟูที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งแม้แต่จะหลบหนีเขายังทำไม่ได้เลย


นี่อีกฝ่ายคิดจะจับเขาจริงหรือ?


เซียนหยู่เฉิงเป็นวีรบุรุษของทะเลเหนือ ถ้าเขาถูกจับ เขายังจะมีหน้าพบคนอื่นในอนาคตอีกหรือไม่?


จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะกล้าที่จะฆ่าเขาและเซียนหยู่ตงหมิง ตระกูลราชวังศ์แห่งทะเลเหนือนั้นแข็งแกร่งและทรงพลังมากและมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากพอที่จะส่งมาถล่มที่นี่ แล้วอีกฝ่ายจะกล้าลงมือสังหารเขาได้อย่างไร?


ท่วาพลังต่อสู้ของเขาเริ่มอ่อนแอลงและอ่อนแอลง หลังจากต่อสู้กันได้สามวัน ในที่สุดพลังของเขาก็หมดลงและถูกหลิงฮันจับกุม


เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!


เซียนหยู่เฉิงกัดฟัน ถ้าความสามารถฟื้นฟูของอีกฝ่ายไม่น่าทึ่งเกินไป เขาไม่รู้ว่าหลิงฮันจะถูกเขาสังหารไปกี่ครั้งแล้ว แต่ตอนนี้เขาถูกจับกุมในฐานะนักโทษ แล้วเขาจะไกล่เกลี่ยกันได้อย่างไร?


“พาพวกมันไปที่ประตูตะวันออก ข้าจะลงมือสังหารพวกมันด้วยตัวเอง!” หลิงฮันตะโกนเสียงดัง และเสียงของเขาดังกังวาลไปทั่วเมืองจักรพรรดิ


“องค์จักรพรรดิทรงพระเจริญ!”


นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจว่า ใครจะไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คนที่เป็นศัตรูขององค์จักรพรรดิกลายเป็นมังกรที่แท้จริง! และองค์จักรพรรดิสามารถฆ่ามังกรได้ นี่หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ?


จักรวรรดิต้าหลิงไร้เทียมทาน!


“เจ้ากล้างั้นรึ!” ในขณะนั้นเซียนหยู่เฉิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง เผ่ามนุษย์กล้าที่จะสังหารเขา?


“ทำไมข้าจะไม่กล้า?” หลิงฮันแสยะยิ้มและโบกมือส่งสัญญาณให้พาพวกมันทั้งสองคนไปที่ประตูตะวันออก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)