Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 731-734
ตอนที่ 731
“ผู้อาวุโสสาม ท่านยังจะพูดเรื่องไร้สาระกับมันอีกไปทำไม? ถ้าท่านฆ่ามันได้ ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ก็จะตกเป็นของพวกเรา!” โจวหยู่เฉิงตะโกนอยู่ด้านข้าง
“ใช่แล้ว!” โจวเต่อหยวนพยักหน้าและเดินเข้าหาหลิงฮัน กลิ่นอายของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาไม่ได้ทำให้หลิงฮันรู้สึกกดดันแค่คนเดียวเท่านั้น แต่คนอื่นก็ได้รับผลกระทบด้วย มันหมายความว่าเจ้าเด็กนี่เป็นอาหารของเขา คนอื่นจะต้องผ่านเขาไปก่อนถ้าคิดจะแย่งอาหารของเขา
หลิงฮันจ้องมองไปที่คนของตระกูลโจวทั้งสองคนและช่วยไม่ได้ที่เขาจะปล่อยจิตสังหารออกมา เพราะการโจมตีของโจวเต่อหยวน ทำให้เขาพลาดท่าที่จะครอบครองทักษะผนึกพลิกปฐพี ถ้าเขาไม่มีโอกาสอื่นและได้รับมันมาแล้ว เขาคงจะฆ่าโจวเต่อหยวนให้ส่าแก่ใจ
ก่อนหน้านี้เขาไม่สนที่จะคิดบัญชีกับพวกมัน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเป็นคนเดินเข้ามาหาเอาเอง แล้วหลิงฮันจำเป็นต้องแสดงความเมตตาให้กับพวกมันหรือไม่?
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “นี่เรียกว่านกที่โผล่หัวออกมาย่อมโดนยิง คนอื่นไม่เคลื่อนไหว แต่มีนกโง่เขลาสองตัวที่โผล่หัวออกมา นี่ไม่ใช่ว่าแส่หาความตายหรอกหรือ?”
“บังอาจ ต่อหน้าผู้อาวุโสสามของข้า เจ้าไปเอาความหยิ่งยโสนั่นมาจากไหน?” โจวหยู่เฉิงชี้หน้าใส่หลิงฮัน ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเขาอ่อนแอกว่า เขาคงจะพุ่งเข้าไปฉีกกระชากหลิงฮันด้วยตัวเองแล้ว
ดวงตาของโจวเต่อหยวนดูมืดมน และโคจรพลังไปที่มือขวา เขายื่นมือออกไปเพื่อคว้าตัวหลิงฮัน พลังปราณถูกควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าพุ่งตรงเข้าหาหลิงฮัน
เป้าหมายของเขาคือหมายที่จะเอาชีวิตของหลิงฮัน
หลิงฮันยังคงยืนนิ่งและรอจนกระทั่งฝ่ามือขนาดตกลงมา แล้วปลดปล่อยรัศมีดาบออกไป ตู้ม ฝ่ามือขนาดใหญ่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนก่อนที่จะหายไป
“อะไรกัน!” โจวเต่อหยวนเผลออุทานออกมาและใช้มือซ้ายจับไปที่มือขวาของเขา เขาเห็นว่ามือขวาของเขาปรากฏรอยหลุดเลือดขนาดใหญ่ และมีโลหิตไหลทะลักออกมา เมื่อโลหิตตกลงสู่พื้นดิน พื้นปฐพีก็เริ่มสั่นไหว
โลหิตของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง และมันสามารถนำมาใช้ปรุงยาได้ด้วย
โจวเต่อหยวนรีบลงมือหยุดเลือดด้วยพลังปราณอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็พบว่ามีเจตจำนงแห่งดาบที่น่าหวาดกลัวอยู่ในบาดแผล และพลังปราณก่อเกิดของเขาก็ถูกกำจัดทันทีเมื่อโคจรเข้าไปเพื่อหยุดเลือด
โลหิตของเขายังคงหยดไหล
นี่เป็นไปได้ยังไงกันที่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หนำซ้ำสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักด้วยดาบเดียวเนี่ยนะ?
โจวเต่อหยวนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่รุ่นเยาว์ที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ เหตุใดถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
“ผู้อาวุโสสาม!” โจวหยู่เฉิงตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย ในความคิดของเขา ผู้อาวุโสทั้งสี่คนของตระกูลสมควรที่จะเป็นตัวตนกวาดล้างโลกได้ แล้วพวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กได้อย่างไร?
แม้โจวเต่อหยวนจะเป็นคนหยิ่งยโส แต่ก็เป็นคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตอนนี้ผู้อาวุโสสามได้รับบาดเจ็บจากดาบของอีกฝ่าย เขาจึงรีบล่าถอยทันที และกลัวว่าจะตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
“สุนัขเฒ่า เจ้าเป็นฝ่ายรนหาที่ตายเองและข้าจะสนองความต้องการของเจ้าให้เอง!” หลิงฮันไม่ได้ใช้ทั้งดาบสังหารหรือดาบกำเนิดมาร ในขณะนั้นเขาเพียงแค่ชี้นิ้วและสะบัด ด้วยพลังของทักษะศักดิ์สิทธิ์อสนีเก้าทิวาทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถรักษาบาดแผลได้ง่าย
“ข้าจะต้องสังหารเจ้าให้จงได้!” โจวเต่อหยวนตะโกนและโจมตีหลิงฮันด้วยกระบี่
พรึบ แสงกระบี่ถูกวาดขึ้นมาและมันมีความยาวมากกว่าสิบฟุต แล้วกลายเป็นมังกรที่บ้าคลั่ง
หลิงฮันเองก็เริ่มตอบโต้ด้วยดาบ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวา แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาสามารถพูดได้ว่าเล่นกับอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจประมาทได้ แล้วเขานำดาบกำเนิดมารออกมา สำหรับคนอย่างโจวเต่อหยวนแค่ดาบเกิดปีศาจก็เพียงพอแล้ว
พรึบ รัศมีดาบถูกปลดปล่อยออกมา
พลังของมันขึ้นอยู่กับความยาวและความหนา ยิ่งยาวและหนาเท่าไหร่พลังของมันก็จะน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายเห็นรัศมีดาบของหลิงฮันมีความยาวแค่สิบเมตร โจวเต่อหยวนใจเย็นขึ้นมาทันที และโจวหยู่เฉิงก็รู้สึกมีความหวังอีกครั้ง นี่เขาสงสัยในความสามารถของผู้อาวุโสสามได้อย่างไร สงสัยเขาประเมินเจ้าเด็กนี่สูงเกินไปแล้ว
ตู้ม!
รัศมีดาบและรัศมีกระบี่ปะทะซึ่งกันและกัน ตู้ม รัศมีกระบี่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน!
รัศมีกระบี่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนและเบนไปอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของหลิงฮัน แต่รัศมีดาบเปรียบเสมือนกับทหารไร้พ่าย และยังคงพุ่งเข้าหาโจวเต่อหยวนไม่หยุด
โจวเต่อหยวนรู้สึกตกตะลึง และรีบหลบอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว
มันเป็นไปได้ยังไงที่รัศมีกระบี่ของเขาจะด้อยกว่ารัศมีดาบของหลิงฮันถึงเพียงนี้ มันดูเหมือนกับดาบไม้ที่เน่าเปื่อยปะทะกับดาบเหล็กและถูกทำลายทันทีเพียงแค่สัมผัส
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหวั่นไหว รัศมีดาบยิ่งหนาและยาวเท่าใดก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น แต่รัศมีดาบขึ้นอยู่กับสองสิ่ง นั่นคือความเข้าใจในวิถียุทธและระดับอาวุธ
ดาบนั่นมัน!
โจวเต่อหยวนไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าความเข้าใจเต๋าแห่งดาบของหลิงฮันนั้นจะไกลกว่าความเข้าใจกระบี่ของเขา ดังนั้นจึงมีเพียงแค่คำอธิบายเดียวเท่านั้น นั่นคืออาวุธวิญญาณที่อีกฝ่ายใช้อยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งทำให้รัศมีดาบทรงพลังได้ถึงเพียงนี้ มันทำให้ช่องว่างระหว่างระดับพลังของพวกเขาแคบลงเท่านั้น แต่ยังบดขยี้เขาได้ด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ไม่ใช่พลังของเจ้า!” เขาตัดสินใจว่าหลิงฮันเพียงแค่พึ่งพาอาวุธวิญญาณ มันไม่ได้เป็นความแข็งแกร่งของตัวเอง แม้ว่าอาวุธวิญญาณจะเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งก็ตาม
เขากระโจนเข้าโจมตีหลิงฮันอีกครั้งด้วยความเร็ว แต่หลิงฮันยังคงยืนนิ่ง ราวกับว่าเขาไม่สามารถตามความเร็วของอีกฝ่ายได้ทัน
ช่วยไม่ได้ที่โจวเต่อหยวนจะรู้สึกมีความสุข และเมื่อเขาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของหลิงฮัน เขาก็ลงมือใช้กระบี่ตัดไปที่คอของหลิงฮันทันที
ตาย!
ฉึก เขาสะบั้นกระบี่ออกไป ทว่าทันใดนั้นเองสีหน้าของโจวเต่อหยวนก็ดูตกตะลึง เบื้องหน้าเขาไม่มีแม้แต่เงาของหลิงฮัน!
เกิดความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา มันมีเสียงดังมาจากด้านหลังและพูดว่า “เจ้ากำลังมองหาข้าอยู่หรือ?” เขารู้สึกหวาดกลัวมากจนเม็ดเหงื่อไหลพรากราวกับน้ำตก เขาหันหลังกลับไปและสะบั้นดาบใส่หลิงฮันทันที
ตู้ม!
อย่างไรก็ตาม มันกลับว่างเปล่าอีกครั้ง!
มันเป็นไปได้ยังไง?
หัวใจของโจวเต่อหยวนกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง มีเสียงดังมาจากด้านหลังของเขา “ข้าไม่อยากเล่นกับเจ้าอีกแล้ว”
ไม่!
โจวเต่อหยวนกรีดร้อง ฉึก เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอันไร้ที่สิ้นสุด และเห็นปลายดาบโผล่ออกมาจากหน้าอกของเขา ซึ่งมันได้แทงทะลุผ่านหัวใจของเขามา เขารู้สึกโกรธแค้นและหวาดกลัวมาก ที่แท้หลิงฮันเป็นฝ่ายที่เล่นกับเขาเหมือนกับแมวเล่นกับหนู และแสยะยิ้มเยาะเย้ย
แต่เขาที่เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะตายง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง? เขาถูกแทงหัวใจแล้วมันทำไม? เขายังสามารถโคจรพลังปราณและยังใช้เม็ดยาเพื่อที่จะยื้อชีวิตได้!
แต่ถ้าจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและจอมยุทธระดับหลอมกายาไร้ซึ่งพลังปราณ ตัวตนทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างไร?
ตอนที่ 732
โจวเต่อหยวนหันไปจ้องหลิงฮันอย่างหวาดผวาและเอ่ยถาม “นี่มัน…อะไรกัน?” เขายังไม่เข้าใจเลยว่าเขาตายได้อย่างไร แต่ที่รู้ๆก็คือหัวใจของเขาถูกทำลาย
นี่เป็นผลลัพธ์จากดาบกำเนิดมารที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบ ถึงแม้หลิงฮันจะไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของมันออกมาได้ แต่หากถูกดาบนี้แทงเข้าไปในร่างกายโดยตรง มันจะสร้างพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังต้องสิ้นหวัง
หากแค่นี้ยังทำไมได้ มันจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบได้อย่างไร
หลิงฮันไม่คิดจะตอบคำถามกับคนตาย โดยเฉพาะกับคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้แล้วเขาจำเป็นต้องตอบคำถามให้อีกฝ่ายหายสงสัยด้วย? เขาชักดาบกลับมาและหันไปมองโจวหยู่เฉิง
“ไม่!!” โจวหยู่เฉิงรีบเผ่นหนี
ฉัวะ!
เขาวิ่งไปได้แค่สามก้าวก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างที่ปะทะกับร่างกาย ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่บริเวณหน้าอกของเขา เมื่อมองลงไปเขาเห็นลูกศรที่ควบแน่นไปด้วยปราณก่อเกิดปักอยู่ ขณะที่เขากำลังจะขยับมือไปดึงลูกศรออก ร่างของเขาก็ล้มลงและหมดลมหายไป
‘แปะแปะแปะ’ ชายชราชุดเทาผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน เขาปรบมือพร้อมกับกล่าว “สมกับเป็นสุดยอดอัจฉริยะจากสำนักสวรรค์ เจ้าสามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธที่มีพลังบ่มเพราะสูงกว่าเจ้าหนึ่งระดับใหญ่”
“แล้วเจ้าเป็นใคร?” หลิงฮันถามอย่างไม่แยแส
“เจ้ากล้าไร้มารยาทต่อผู้อาวุโสของเจ้า?” ชายชราชุดเทาแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ข้าคือเหมาจุนแห่งนิกายอัสนีบาตสีคราม รวมถึงเป็นอาจารย์ของสำนักสวรรค์ เมื่อเห็นข้าแล้วเจ้ายังไม่รีบคารวะข้าอีก?”
หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “คิดจะใช้กฎเกณฑ์กับข้า? เอางั้นก็ได้ ข้าคือนักปรุงยาระดับสวรรค์ที่มีสถานะทัดเทียมกับขอมยุทธระดับสวรรค์ จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเช่นเจ้าเห็นข้าแล้วยังไม่รีบคารวะอีก?”
เป็นอย่างที่หลิงฮันกล่าว นักปรุงยาระดับสวรรค์มีสถานะเทียบเท่าจอมยุทธระดับสวรรค์ แต่เพราะว่าแม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ยังต้องพึ่งพาเม็ดยา ดังนั้นสถานะของนักปรุงยาระดับสวรรค์จึงถือว่าสูงกว่าจอมยุทธระดับสวรรค์ แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติก็ยังต้องไว้หน้า
เหมาจุนรู้สึกคิดหนัก ไม่ว่าใครที่มองไปยังหลิงฮันก็ต้องเผลอเมินเฉยต่อสถานะนักปรุงยาของอีกฝ่ายเพราะอายุที่ยังน้อย
หากจะเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ได้ ไม่ใช่ว่านั่นต้องเป็นอสูรเฒ่าที่มีอายุสามถึงสี่ร้อยปีรึไง? ขนาดหลิงฮันในชีวิตที่แล้วยังต้องใช้เวลาเกือบสองร้อยปีกว่าจะไปถึงระดับนั้น
“ยังไม่รีบคารวะอีก!” หลิงฮันตะคอกเสียงราวกับสายฟ้าฟาดเข้าไปยังจิตวิญญาณ “หรือคนของห้านิกายโบราณจะเมินเฉยต่อกฎเกณฑ์ของโลกและล่วงเกินนักปรุงยาระดับสวรรค์?”
“เหอะ เจ้าหนู เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์สินะ?” ชายชราอีกคนหนึ่งเดินออกมา เขาสวมชุดคลุมเทาเช่นกันแต่ร่างของเขาสูงกว่าเหมาจุนครึ่งหัว “งั้นถ้าข้าบอกว่าข้าคือนักปรุงยาระดับเซียน เจ้าจะคารวะข้ารึเปล่า?”
“ชะ… ใช่แล้ว!” เหมาจุนเริ่มสงบลง “นำหลักฐานว่าเจ้าเป็นนักปรุงยามาให้ข้าดูซะ! หรือเจ้าจะจงใจหลอกลวงห้านิกายโบราณว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์?”
ทุกคนรู้ว่าสมาคมนักปรุงยาไม่ได้ประกาศว่าหลิงฮันคือนักปรุงยาระดับสวรรค์คนที่สามของทวีปฮงเทียน ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่สามารถยืนยันสถานะของตนเองได้
ชายชราชุดเขาอีกคนหนึ่งสะบัดมือและกล่าว “ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์ หลิงฮัน! เจ้าทำได้ดีมากที่ได้ทักษะศักดิ์สิทธิ์มาครอง จงมอบมันให้กับสำนักซะ แล้วเจ้าจะได้ความดีความชอบมหาศาล!”
“ทักษะลับเช่นนั้นเหมาะสมที่จะอยู่ในสำนักและส่งต่อให้ผู้ที่เหมาะสมในการบ่มเพาะมัน!” เหมาจุนกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว
“เจ้าก็คิดเช่นเดียวกันสินะ?” ชายชราชุดคลุมเทาเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านหลังเขา
“ถูกแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะอยู่ในมือของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเช่นเจ้า!”
“ทักษะลับสมควรได้รับการประเมินโดบสำนักว่าใครคือที่มีเหมาะสมกับมัน”
ผู้คนเหล่านี้ชี้นิ้วมายังหลิงฮันและตะโกนเสียงดังด้วยความไม่พอใจราวกับหลิงฮันไปขโมยทักษะลับของพวกเขามา
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าอยากรู้จริงๆว่าพวกเจ้าจะหน้าด้านได้มากกว่านี้อีกรึไม่?”
“หลิงฮัน เจ้าจะไม่คิดถึงผลประโยชน์สูงสุดของมันรึไง?” เหมาจุนกล่าว “ภัยพิบัติครั้งใหญ่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากมอบทักษะศักดิ์สิทธิ์ให้กับผู้ฝึกตนที่ทรงพลังของห้านิกายใหญ่ มันจะเป็นตัวแปรสำคัญในการต่อต้านภัยพิบัติที่จะมาถึงได้ การที่เจ้าคิดจะกับมันไว้กับตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนเห็นแก่ตัว!”
ให้ตายเถอะ หมอนี่จำเป็นต้องหน้าด้านถึงขนาดนี้เชียวรึ?
หลิงฮันไม่ได้หัวเราะออกไปและตอบกลับ “ข้าคิดว่าเสมอว่าความหน้าด้านของคนเราจะมีขีดจำกัด แต่การที่เจ้าทำลายขีดจำกัดนั้นได้ ข้าล่ะนับถือจริงๆ”
“หลิงฮัน มันยังไม่สายเกินไปหากเจ้าจะกลับมา!” ชายชราชุดคลุมเทาอีกคนปรากฏตัว ชื่อของเขาคือฉีหลีกั่ว ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความอ่อนโยน “อย่าทำผิดพลาดเลย การยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามพวกเราและกลายเป็นทาสนั้นจุดจบคงจะไม่ดีเท่าไหร่”
ดวงตาของหลิงฮันขึงขังและกล่าว “เจ้ารู้ว่าโลกเบื้องล่างนี้จะต้องเป็นทาสกลายเป็นหากต่อต้านพวกเจ้า?”
ร่างของเหมาจุนและฉีหลีกั่วสั่นสะท้านพร้อมกัน จากคำพูดที่เจ้าหนูนี่กล่าวออกมาหรือว่าเขาจะรู้เรื่องหลอมโลกเบื้องล่างให้กลายเป็นเม็ดยา? เป็นไปไม่ได้! หลักฐานทุกอย่างล้วนแต่ถูกกำจัดทิ้งไปเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว การล้างสมองเองก็ทำให้สมบูรณ์แบบแล้วด้วย และไม่ว่าใครที่พูดถึงเรื่องหลอมโลกให้เป็นเม็ดยาออกมาก็จะต้องถูกสังหารในทันที!
กล้าข่มขู่ให้ห้านิกายโบราณเสื่อมเสียชื่อเสียงงั้นรึ? นั่นไม่ต่างอะไรกับการแส่หาความตาย
“เหอะ มอบทักษะศักดิ์สิทธิ์มาได้แล้ว!” ใบหน้าของเหมาจุนเปลี่ยนเป็นมืดมน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ที่เจ้าทำได้มีเพียงตะคอกใส่ข้าโดยไม่กล้าลงมืองั้นรึ?”
“ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่อวดดี!” ทั้งเหมาจุนและฉีหลีกั่วมองหน้ากัน พวกเขาทั้งสองเป็นถึงจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากลับถูกรุ่นเยาว์ระดับตัวอ่อนวิญญาณดูหมิ่น แต่หลังจากที่เห็นพลังต่อสู้ของหลิงฮันเมื่อครู่แล้ว ใครกันจะกล้าลงมือผลีผลาม?
การจะต่อกรกับหลิงฮันนั้น นอกจากตัวตนระดับสวรรค์และระดับทลายมิติแล้ว มีเพียงแค่รุ่นเยาว์แห่งยุคอย่างฉือชิ่วเหริน ตงหลิงเอ๋อและเจียหมิงเท่านั้นที่จะทำได้ แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือเจียหมิงนั้นได้เกือบถูกสังหารโดยหลิงฮันแล้ว
“พวกเจ้าทำให้ข้าไม่สบอารมณ์ ข้าจะเป็นฝ่ายลงมือสังหารพวกเจ้าเอง!” ร่างของหลิงฮันพุ่งออกไป เขาไม่ลังเลที่จะนำดาบสังหารออกมาใช้เพื่อเอาชีวิตเหมาจุนและฉีหลีกั่ว
“ฮึ่ม!” ทั้งเหมาจุนและฉีหลีกั่วเค้นเสียงเย็นชา รุ่นเยาว์ระดับตัวอ่อนวิญญาณกล้าเป็นฝ่ายลงมือสังหารพวกเขาก่อนราวกับไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
ตอนที่ 733
หลิงฮันเป็นฝ่ายเคลื่อนที่ก่อน ที่นี่มีจอมยุทธที่แข็งแกร่งอยู่มากเกินไป บางทีอาจมีจอมยุทธระดับสวรรค์และระดับทลายมิติปรากฏตัวออกมา ดังนั้นเขาจะต้องปิดฉากให้รวดเร็วที่สุด
การสังหารอาจารย์ของสำนักถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่หลิงฮันจำเป็นต้องสนใจเรื่องนั้นหรือไม่?
ฆ่าก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องพวกนั้นทีหลัง!
แสงดาบลุกโชติอย่างกับเปลวไฟ แม้ว่าดาบสังหารจะไม่แสดงพลังทั้งหมดออกมา แต่ความแข็งแกร่งของหลิงฮันก็ยังสามารถกระตุ้นให้มันปลดปล่อยพลังทำลายล้างระดับก้าวสู่เทวาออกมาได้ และพุ่งเข้าหาพวกมันทั้งสองคน
“นี่มันไม่ใช่แสงดาบธรรมดา!”
“ดาบอาคม!”
ทั้งสองคนรู้สึกหวาดผวา มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เพียงแค่แสงดาบก็สามารถทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรง และมีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในหัวนั่นคือหนี!
ในความเป็นจริงพลังทำลายล้างของมันก็น่ากลัวอย่างแท้จริง
เมื่อหลิงฮันใช้ดาบสังหาร เขาสามารถบดขยี้จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาขั้นสูงได้ แล้วมันจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน?
เพียงแค่กี่ไม่กระบวนท่า พวกมันทั้งสองคนก็ได้รับบาดเจ็บและหลั่งโลหิตออกมา
ทุกคนที่กำลังจับตาดูต่างตกตะลึง นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้วและยังสามารถต่อกรกับจอมยุทธที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้หนึ่งระดับใหญ่ ไม่ใช่ว่านั่นหมายความว่าตราบใดที่หลิงฮันทะลวงผ่านระดับสวรรค์เขาจะต่อกรกับจอมยุทธระดับทลายมิติได้หรอกหรือ?
“พี่เหมา พวกเรามาลงมือพร้อมกันเถอะ ตราบใดที่พวกเขาถ่วงเวลาไว้ได้จะต้องมีกำลังเสริมมาอย่างแน่นอน!” ฉีหลีกั่วกล่าว
“เป็นความคิดที่ไม่เลว!” สีหน้าของเหมาจุนดูมั่นใจ และทันใดนั้นก็มีสายฟ้าปรากฏอยู่รอบตัวเขา และดวงตาของเขาเปล่งแสงสว่างไสวราวกับว่ากลายเป็นเนตรสายฟ้า
การโจมตีของหลิงฮันและดาบอาคม ก่อนหน้านี้ทำให้เขาต้องรับทุกการโจมตี ร่างของเขาเขลอะไปด้วยเลือดและต้องการรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ มันเกือบจะเหมือนกับการรนหาที่ตาย
ดังนั้น เขาจะต้องโจมตีครั้งใหญ่แม้จะต้องจ่ายราคาที่ใช้มันก็ตาม
ตู้ม ร่างของเขากลายเป็นสายฟ้าและมีความสูงสามฟุต เหมือนกับคนยักษ์และพุ่งเข้าหาหลิงฮัน
นี่ไม่ใช่ทักษะอสนีเก้าทิวา แต่เป็นทักษะของนิกายอัสนีบาตสีครามซึ่งเป็นทักษะสายฟ้าเหมือนกัน แต่ทักษะอสนีเก้าทิวานั้นจะเป็นสายฟ้าสีขาวที่ทรงพลังกว่าและพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวกว่ามาก
“พี่ฉี นี่เจ้าคิดจะไปไหน – กลับมาเดี๋ยวนี้!” เหมาจุนกำลังจะโจมตีทักทายหลิงฮัน แต่เขากลับไม่คิดเลยว่าฉีหลีกั่วจะหลบหนีไปแล้ว
“ฉีหลีกั่ว เจ้าตัวบัดซบ!” เหมาจุนตะโกนเสียงดัง นี่มันคิดจะให้เขาต่อสู้กับหลิงฮันเพียงลำพัง อย่างนั้นรึ?
“พี่เหมา ข้าจะนำคนกลับมาแก้แค้นให้ท่านเอง!” ในระยะไกลเสียงของฉีหลีกั่วดังเข้ามา
ไร้ยางอายอะไรขนาดนี้!
หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชา เขาเก็บดาบสังหารเข้าไปในหอคอยทมิฬและนำคันศรตะวันยอแสงออกมาพร้อมกับลูกศรและใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์สามทักษะออกไปพร้อมกันขณะเล็งเป้าไปที่ฉีหลีกั่ว
“หืม!” เมื่อเหมาจุนเห็นเขาเลือกที่จะยืนดู
ลูกศรนี้มัน!
ฉีหลีกั่ว เจ้าสุนัขไร้ยางอาย!
เขาคิดว่าเหมาจุนคอยรั้งหลิงฮันเอาไว้และวิ่งออกไประยะไกลขึ้นอีกเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย แต่ในขณะนั้นก่อนที่เขาจะผ่อนคลาย การโจมตีที่รวดเร็ว แม่นยำและทรงพลังก็พุ่งเข้ามาหาเขา!
ฟิ้ว ลูกศรทะลวงผ่านหัวใจของเขา
ลูกศรนี้เป็นที่รู้จักกันว่า ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา และด้วยทักษะอสนีเก้าทิวากับเนตรแห่งสัจธรรมที่ทำให้เห็นจุดอ่อน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกศรนี้จะน่าสะพรึงกลัว!
ฉีหลีกั่วดิ้นรนก้าวเดินไปข้างหน้าก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองหลิงฮันและเหมาจุนอย่างช้าๆด้วยความสับสน แต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเหมาจุน เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
ถ้าเขาเลือกที่จะต่อสู้เคียงข้ามเหมาจุน บางทีอาจรับมือกับหลิงฮันและรอให้กำลังเสริมมาถึงได้ แต่เขาไม่อยากตายเลยปล่อยให้เหมาจุนรับมือคนเดียว ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเขาที่ถูกฆ่าเป็นคนแรก
เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาด!
ร่างกายของเขากระแทกกับพื้นและโลหิตเริ่มไหลทะลักออกมาจากหัวใจของเขาและซึมลงไปในพื้นดิน
พรึบ ร่างของเหมาจุนแวบหายไป ตอนนี้เขากลายเป็นสายฟ้าแม้ว่าจะไม่ใช่ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่ความเร็วของมันก็ยังคงน่าทึ่งอยู่ดี
หลิงฮันโบกทองคำก่อเกิดผลาญโลหิตเพื่อนำลูกศรอันมีค่าที่ยิงออกไปกลับคืนมา และไล่ตามเหมาจุน ร่างกายของเขาเองก็กลายเป็นสายฟ้าเช่นกัน ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าความเร็วของเขารวดเร็วกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
จูเสวี่ยนเอ๋อ ฮูหนิวและเจ้ากระต่ายเองก็รีบตามหลิงฮันไปอย่างรวดเร็ว
เหมาจุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคิดหาวิธี แต่เขามีความคิดเดียวเท่านั้นนั่นคือการหลบหนี รุ่นเยาว์ที่อยู่ด้านหลังเขาเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวมากและไม่ใช่คนที่เขาสามารถต่อกรด้วยได้
ความเร็วของเขาไม่ได้เชื่องช้า และมีชายคนหนึ่งมุ่งหน้ามาทางเขา เขาเป็นชายรูปร่างผอมเพรียวที่ดูธรรมดา แต่หากจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาจะรู้สึกเหมือนกับมองจักรวาลที่ไร้ก้นบึ้ง
ฉือชิ่วเหริน!
“หลานฉือช่วยข้าด้วย!” เขารู้สึกดีใจมากและตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ฉือชิ่วเหรินแสดงสีหน้ารีบร้อนและเอื้อมมืออกไปขณะตะโกนว่า “ระวัง!”
ระวังอะไร?
เหมาจุนรู้สึกประหลาดใจ ฉึก และเห็นดาบแทงทะลุออกมาจากร่างกายของเขา ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงกระแทกกับพื้น
หลิงฮันดึงดาบกลับมาและจ้องมองไปที่ฉือชิ่วเหรินด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่กังวลที่จะฆ่าอัจฉริยะของนิกายกระบี่ไร้เทียนทาน
การเข่นฆ่าจอมยุทธทุกคนจากห้านิกายโบราณคือการกำจัดสิ่งกีดขวางสำหรับการเปิดสวรรค์ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัจฉริยะอย่างฉือชิ่วเหรินและเจี่ยวหมิง ในอนาคตพวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะต่อกร
“นั่นคือเหมาจุนแห่งนิกายอสนีบาตสีคราม” ฉือชิ่วเหรินเดินตรงเข้ามา
“แล้วมันทำไมหรือ?” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“เจ้าได้ฆ่าราชันกระบี่น้อยและเหมาจุน ถ้าเรื่องนี้ถึงหูสำนักสวรรค์เจ้าคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?” ฉือชิ่วเหรินถามด้วยเสียงเรียบเฉย
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ที่จริงมันยังมีอีกคนอยู่ตรงโน้นรู้สึกชื่อของมันคือฉีหลีกั่ว และข้าเป็นคนสังหารเอง”
“คนของนิกายดาบสวรรค์” ฉือชิ่วเหรินไม่รู้สึกโกรธและดูเฉยเมย “หลิงฮัน ข้าต้องการปฏิบัติกับเจ้าในฐานะคู่แข่ง แต่เจ้าเอาแต่ทำตัวรนหาที่ตายของตัวเอง มันคงไม่มีโอกาสต่อสู้สำหรับข้าที่จะได้ต่อสู้กับเจ้าในอนาคต”
ตอนที่ 734
“เจ้าหมายความว่า ข้าตายแล้ว?” หลิงฮันรู้สึกสงสัย
“เจ้าตายไปแล้ว” ฉือชิ่วเหรินพยักหน้า “เจ้าเป็นแค่ศพที่สามารถหายใจได้เท่านั้น”
ห้านิกายโบราณปกครองทวีปฮงเทียนมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นปี นี่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก สถานะของผู้ปกครองนั้นไม่อาจถูกทำให้สั่นคลอนได้โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ และจำนวนของจอมยุทธระดับทลายมิติของพวกเขามีมากมายหลายคนที่สามารถทำให้ทุกขุมพลังต้องสิ้นหวัง
แล้วถ้าเขากำลังจะสังหารเด็กน้อยที่อยู่ระดับตัวอ่อนวิญญาณ จะสามารถนับเป็นอุบัติเหตุได้หรือไม่?
หลิงฮันเพียงแค่หัวเราะและพูดว่า “ถ้างั้นศพที่หายใจได้อย่างข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง!”
“เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้ด้วยรึ?” ฉือชิ่วเหรินนำกระบี่ไร้เทียมทานออกมา “ตอนนี้ความเข้าในวิถีกระบี่ของข้ายกระดับสูงขึ้น มันทำให้พลังของกระบี่ไร้เทียมทานเพิ่มขึ้นสองเท่า แล้ววันนี้เจ้าจะเอาอะไรมาหยุดข้า?”
เขารู้สึกภาคภูมิใจตัวเองมาก ก่อนที่พลังของดาบกำเนิดมารจะฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ พลังของมันเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของกระบี่ไร้เทียมทานเท่านั้น และตอนนี้พลังของกระบี่ไร้เทียมทานได้เพิ่มขึ้นสองเท่า มันจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
“โอ้ว แล้วมันยังไงรึ?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย เขาไม่หวาดกลัวเพราะตอนนี้เขาไม่คิดที่จะใช้ดาบกำเนิดมาร
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ล่าถอยไปหนึ่งหมื่นก้าว เขาก็ยังมีหอคอยทมิฬอยู่
ฉือชิ่วเหรินหยุดพูดคุยเพียงแค่จ้องมองไปที่หลิงฮัน และปราณกระบี่ก็เอ่อล้นออกมาจากตัวเขา ซึ่งกลายเป็นเงาของกระบี่อยู่ดาบหลังของเขามันดูน่าหวาดกลัวมาก เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากกระบี่นภานั้นเทียบได้กับจอมยุทธระดับสวรรค์
สุดยอดอัจฉริยะที่สามารถต่อสู้ข้ามได้หนึ่งระดับใหญ่!
กระบี่นภาของเขามีความยาวร้อยกว่าฟุต ดังนั้นรัศมีการโจมตีของมันเลยน่าทึ่งมาก
หลิงฮันเพียงแค่ยกกำปั้นขึ้นมา อีกฝ่ายเพียงแค่เล่นกับเขาเท่านั้นยังไม่ได้ใช้พลังของกระบี่ไร้เทียมทาน ซึ่งเขาเองก็อยากเห็นความแตกต่างระหว่างเขากับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของนิกายกระบี่ไร้เทียมทานเท่านั้น
เขาไม่กล้าที่จะดูแคลนฉือชิ่วเหรินและรวบรวมพลังทั้งหมดไปที่กำปั้น
ตู้ม แม้ว่าเขาจะปล่อยกำปั้นออกมา แต่ก็แฝงด้วยรัศมีดาบและปะทะกับกระบี่นภา
เมื่อกระบี่นภาตกลงมา มันได้ทำลายรัศมีดาบของหลิงฮันทันทีและปะทะไปที่หมัดของหลิงฮันโดยตรง
ฉวัะ แขนของหลิงฮันสั่นสะท้านเหมือนกับคลื่น เมื่อกระบี่ตัดผ่านแขนของหลิงฮันไป เขาถูกผลักให้ล่าถอยเจ็ดฟุต และมีบาดแผลอยู่ที่หลังแขนและย้อมแขนของเขาไปด้วยเลือด
แต่มันก็แค่นั้น
ช่วยไม่ได้ที่ฉือชิ่วเหรินจะรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “ความแข็งแกร่งและอ่อนนุ่ม?”
หลิงฮันเลียแขนของเขา คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เริ่มรักษาบาดแผลด้วยตัวมันเอง และบาดแผลของเขาหายไปในพริบตา ทำให้ผิวของเขาเรียบเนียนเหมือนกับหยกและเปล่งปลั่ง
ฉือชิ่วเหรินดูเย็นชา แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาจะสามารถบดขยี้หลิงฮันได้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เขามุ่งเน้นไปที่สถานการณ์โดยรวมมากกว่า พรสวรรค์ที่น่ากลัวแบบนั้นจะต้องถูกกำจัดให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นจะมีปัญหาในอนาคต
ดังนั้น เขาจะใช้กระบี่ไร้เทียมทานเพื่อกำจัดอีกฝ่ายให้ได้รวดเร็วที่สุด
พรึบ กระบี่ไร้เทียมทานส่องแสงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันได้รับความเสียหาย บนกระบี่มีรอยด่างดำ แต่มันก็ยังคงปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เจตจำนงกระบี่ที่แผ่ออกมา ราวกับว่ากระบี่เล่มนี้มี “ชีวิต” และเหมือนกับว่ามันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของฉือชิ่วเหริน
ผู้แข็งแกร่งแน่นอนว่าย่อมหยิ่งยโส แล้วใครจะสามารถควบคุมได้?
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมา พรึบ มันดูเหมือนกับว่าดาบเล่มนี้สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามและอักขระอาคมบนดาบก็ส่องแสงออกมาทันทีพร้อมกับจิตสังหาร
ตู้ม กระบี่ไร้เทียมทานเปล่งแสงสว่างอันน่าอัศจรรย์พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าที่แม้แต่แสงของดวงอาทิตย์ยังถูกบดบัง
ในทางกลับกัน ดาบสังหารยังคงมีสภาพเหมือนเดิมราวกับว่ามันไม่ต้องการแสดงอำนาจพลังอะไรออกมาให้เห็น
สุนัขที่กัดคนจะไม่ส่งเสียงเห่า และดาบสังหารที่แข็งแกร่งอย่างมันจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่แสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา
มันคือดาบสังหาร ทุกสิ่งทุกอย่างของมันคือสังหาร
ฉือชิ่วเหรินเผยสีหน้าประหลาดใจ เขารู้สึกว่านั่นไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับสิบที่หลิงฮันเคยใช้ หลิงฮันน่าจะรู้ความแข็งแกร่งของกระบี่ไร้เทียมทานดี แต่ทำไมเขาถึงใช้ดาบเล่มนั้น นี่หมายความว่ายังไง?
หรือว่าดาบเล่มนี้จะเป็นอาวุธที่ทรงพลังกว่า?
เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้ อาวุธวิญญาณระดับสิบมันได้รับมาง่ายๆอย่างนั้นหรือ? แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติบางคนอาจไม่มีอาวุธวิญญาณระดับสิบแม้แต่ชิ้นเดียวอยู่ในมือ
มันยากที่จะเชื่อ!
ตู้ม กระบี่ไร้เทียมทานเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน
ดาบสังหารเองก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของหลิงฮัน มันบินออกไปเองโดยอัตโนมัติ และสร้างดาบนับไม่ถ้วนขึ้นมาและหันหน้าเข้าห้ำหั่นกระบี่ไร้เทียมทาน
ปัง!
อาวุธทั้งสองทำให้เกิดการปะทะที่รุนแรง ผลของการปะทะกันทำให้พื้นดินแยกเป็นสองส่วน และดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเกิดการสั่นไหว นี่คือลูกบอลไฟขนาดยักษ์ แต่มันจะต้านทานแรงปะทะที่รุนแรงแบบนั้นได้อย่างไร?
หลังจากปะทะกัน กระบี่ไร้เทียมทานและดาบสังหารต่างกระเด็นไปด้านหลัง กระบี่ไร้เทียมทานเปล่งแสงสีดำและเงามืดออกมา และดาบสังหารปลดปล่อยแสงสีขาวอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา พวกมันทำให้โลกกลายเป็นสีดำและสีขาว ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกันอย่างแน่นอน
ในที่สุดใบหน้าของฉือชิ่วเหรินก็เปลี่ยนไปดูซีดขาว กระบี่ไร้เทียมทานของเขาไม่ได้เหนือกว่าดาบของหลิงฮัน!
มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ในบรรดาอาวุธวิญญาณระดับสิบ มันสมควรที่จะอยู่ในสิบอันดับแรก หรือแม้แต่สามอันดับแรก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กระบี่ไร้เทียมทานกลับถูกดาบของหลิงฮันต้านทานไว้ได้
ดาบนั่นมันอะไรกัน? ถึงสามารถต่อกรกับกระบี่ไร้เทียมทานของเขาได้ด้วย!
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะไม่สามารถใช้อาวุธวิญญาณได้” ตอนนี้อาวุธวิญญาณทั้งสองถูกเปิดใช้งานอย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นหลิงฮันหรือฉือชิ่วเหรินก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันยังมีอาวุธวิญญาณอย่างอื่นอยู่อีกอยู่กับตัว
เขานำดาบกำเนิดมารออกมาและพูดว่า “เข้ามา มาเล่นกันเถอะ!”
ช่วยไม่ได้ที่ฉือชิ่วเหรินจะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา อีกฝ่ายยังมีอาวุธวิญญาณระดับสิบอีกชิ้น!
แต่โชคดีที่อาวุธวิญญาณระดับสิบของหลิงฮันยังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะต้านทานได้
เขาใช้ฝ่ามือของตัวเองเป็นกระบี่ กระบี่ของเขาและดาบของหลิงฮันกำลังห้ำหั่นกันอยู่เขาจะเรียกมันกลับมาได้อย่างไร? ตอนนี้เขาต้องสู้กับหลิงฮันด้วยมือเปล่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น