Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 727-730
ตอนที่ 727
เมื่อการโจมตีถูกปล่อยออกไป คลื่นกระแทกที่เย็นยะเยือกก็ระเบิดออก
ปากของเจียหมิงยิ้มอย่างโหดเหี้ยมในขณะที่จูเสวียนเอ๋อและคนอื่นๆอุทานออกมาด้วยความกังวล
‘ฟุบ’ แต่ทันใดนั้นเองพวกเขาก็เห็นร่างของหลิงฮันที่กระโดดออกมาจากฝุ่นควันที่เกิดจากแรงระเบิด
เป็นไปได้อย่างไร!
รอยยิ้มของเจียหมิงแข็งค้างทันที แต่ยังไม่ทันทีเขาจะเรียกสติกลับมาได้ทัน รัศมีดาบที่เย็นชาก็กระแทกเข้าในหน้าอกของเขา
เจียหมิงไม่เคยคิดว่าหลิงฮันจะรอดชีวิตจากกระบวนท่าสุดยอดของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ระวังตัวเอาไว้ก่อนและไม่สามารถหลบดาบที่พุ่งเข้ามาได้พ้น
‘ฉัวะ!’
หน้าอกของเขาถูกดาบทิ่มแทงใส่ภายในพริบตา ร่างของเขากระเด็นถอยหลังพร้อมกับโลหิตตรงหน้าอกที่สาดกระจายไปทั่ว
“ทำไมวิญญาณของเจ้าถึงไม่แหลกสลาย!” เจียหมิงนำมือมากุมหน้าอกตนเองและเอ่ยถาม สิ่งที่เขาเป็นกังวลมากกว่าบาดแผลของตัวเองก็คือทำไหลิงฮันถึงยังรอดชีวิตอยู่
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่มังกรพุ่งเข้าใส่เขา วิญญาณของเขาได้รับผลกระทบจริงๆ แต่เมื่อหอคอยทมิฬสั่นไหว ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมังกรปฐพีก็ถูกทำให้สลายไปหมดสิ้น
เจียหมิงเกรี้ยวกราดจนอยากจะกลืนกินหลิงฮัน แต่ทักษะที่เขาใช้ออกไปเมื่อครู่ก็คือทักษะที่เขาให้เขาติดรายชื่ออันดับที่ห้าสิบเอ็ดบนแผ่นหินประเมินยุทธ แต่ทักษะนั่นก็ทำอะไรหลิงฮันไม่ได้ซึ่งทันทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่ง
นี่นะหรือความแตกต่างของอันดับหนึ่งกับห้าสิบเอ็ด?
“อั่ก!” เจียหมิงกระอักเลือด สาเหตุหนึ่งคือเนื่องมาจากผลกระทบจากการใช้กระบวนท่า ส่วนอีกสาเหตุหรือพลังอันรุนแรงของดาบที่โจมตีใส่หน้าอก พลังที่ดาบปลดปล่อยออกมาได้เปลี่ยนเป็นปราณดาบขนาดเล็กเจาะเข้าไปในร่างกายของเขา ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนและมีโลหิตไหลออกมาจากดวงตา
เขาเชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพราะผลกระทบจากการใช้ทักษะเมื่อครู่ เขาคงไม่ถูกหลิงฮันทำให้บาดเจ็บได้ง่ายๆ เพราะในแง่ของพลังต่อสู้ เขาเชื่อว่าเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลิงฮัน จะอย่างไรเขาก็เป็นถึงอัจฉริยะไร้พ่ายคนหนึ่ง แถมยังพลังบ่มเพาะที่สูงกว่า
แต่ตอนนี้เขาต้องมาถูกทำให้พ่ายแพ้ต่อหน้าคนอื่น จะให้เขาไม่โกรธแค้นได้อย่างไร?
หลิงฮันโจมตีอีกครั้ง เขาคิดจะกำจัดชายตรงหน้านี้ให้สิ้นซากไปเสียที
เจียหมิงล่าถอย เขาไม่ต้องการตกตายด้วยน้ำมือของหลิงฮัน ตราบใดที่เขารักษาบาดแผลจนหายเขาก็ยังมีโอกาสที่จะล้างแค้นได้!
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ร่างกายของเขาก็บาดเจ็บสาหัสมาก แต่การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆก็ทำให้เขากระอักเลือดออกมาจนเกือบจะลงไปนอนหมดแรกอยู่ที่พื้น ใบหน้าของเขาค่อยๆซีดขาวลงเรื่อยๆ
หลิงฮันไม่ลังเล เขาสะบั้นดาบเข้าใส่ลำคอของอีกฝ่ายเพื่อที่จะจบศึกครั้งนี้
ดวงตาของเจียหมิงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขามั่นใจในตนเองมากเกินไปจึงไม่ได้สวมใส่สมบัติสำหรับช่วยชีวิตในยามคับขันเอาไว้ นั่นเพราะเพราะเขาเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครกล้าลงมือหรือสามารถสังหารเขาได้ และหากเขาพึ่งพาอำนาจของสมบัติเช่นนั้นมากเกินไป มันก็จะเป็นการถ่วงศักยะภาพในการเติบโตของเขา
แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
เขายังไม่อยากจะตาย เขาต้องการมีชีวิตอยู่! เขาต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นหลิงฮัน!
ใบดาบฟันลงมาอย่างไร้ความลังเล
‘ฉึบ’ มืออันผอมบางข้างหนึ่งยื่นออกมา สองนิ้วหนีบเข้าด้วยกับและคว้าปลายดาบเอาไว้ ทำให้ดาบไม่สัมผัสโดนกับคอของเจียหมิง
ชายชราชุดคลุมดำคนหนึ่งปรากฏตัว ออร่าของเขารุนแรงราวกับภูเขาไฟที่สามารถระเบิดออกและเผาปฐพีได้ทุกเมื่อ เขามองมายังหลิงฮันด้วยรอยยิ้มและกล่าว “ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่อำมหิตยิ่งนัก!”
หลิงฮันชักดาบกลับมา ชายชราคนนั้นก็ไม่ลีลอที่จะดึงมือกลับและคว้าร่างของเจียหมิงเอาไว้
“อาวุโสผู้ทรงเกียรติตง!” เจียหมิงแสดงสีหน้าตกตะลึง นี่คือโอกาสรอดชีวิตของเขา เพราะงั้นหัวใจของเขาจึงอดที่จะเต้นแรงไม่ได้
ชายชราผู้นี้แซ่ตง นามว่าหยางเหวิน เขาคือตัวตนระดับสูงของนิกายมังกรปฐพี… จอมยุทธระดับสวรรค์!
“คราวหลังก็อย่าลืมสวมใส่สมบัติที่ผู้นำนิกายมอบกับเจ้าล่ะ จงอย่าคิดมั่นใจในตนเองเกินไปและไม่มีที่จะวันล่วงหล่น!” ตงหยางเหวินยิ้ม
“อืม!” เจียหมิงรีบพยักหน้า ด้วยการที่ถูกอีกฝ่ายช่วยชีวิตไว้ เขาจึงไม่มีความอวดดีใดๆหลงเหลืออยู่
ตงหยางเหวินมองไปยังหลิงฮัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง “พี่น้องสำนักสวรรค์ด้วยแต่กลับไม่ลังเลที่จะสังหารพี่น้องของตนเอง จิตใจของเจ้าช่างเลือดเย็นนัก!”
“แต่จะอย่างไรสำนักก็มีหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนนิสัยของลูกศิษย์ ดังนั้นอย่างแรก ข้าจะเป็นคนรักษาความอวดดีของเจ้าเอง!”
ชายชราลงมือ ‘ตูม’ ปราณก่อเกิดควบแน่นกลายเป็นมือขนาดยักษ์สีดำที่แฝงไปด้วยอำนาจทุบลงมาใส่หลิงฮัน
หลิงฮันกลายสภาพเป็นสายฟ้าและพุ่งหลับไปด้านหลัง “อสูรเฒ่า เจ้ายังมีความละอายใจอยู่รึไม่? นี่เป็นการประลองระหว่างรุ่นเยาว์ ในเมื่อตัดสินใจสู้เป็นตายแล้ว การเสียชีวิตก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้! ก่อนหน้านี้ที่ข้าอยู่ในอันตราย ทำไมเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมาช่วย? เหอะ ช่างน่ารังเกียจ!”
ตงหยางเหวินเกรี้ยวกราดทันที มดปลวกระดับตัวอ่อนวิญญาณกล้าสบประมาทเขา? เขาคือตัวตนระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดที่อีกก้าวเดียวก็บรรลุระดับทลายมิติได้แล้ว ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็มีแต่คนเคารพ แต่ตอนนี้เขากลับถูกรุ่นเยาว์ตรงหน้าพูดจาเหยียดหยาม นั่นจึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกโกรธ
“เจ้าหนู บังอาจมากที่กล้าสบประมาทข้าคนนี้!” ตงหยางเหวินคำราม ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
ที่ตอนแรกเขาไม่คิดจะสังหารหลิงฮันก็เพราะหลิงฮันคือรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ และเหมาะที่จะเป็นทาสชั้นยอดที่จะส่งไปให้กับดินแดนสวรรค์ แต่ในเมื่อหลิงฮันกล้าพูดจาดูถูกเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปรานี
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อสูรเฒ่า เจ้าคิดจะสังหารข้างั้นรึ? ข้าคือนักปรุงยาระดับสวรรค์ สถานะของข้าทัดเทียมกับเจ้า!”
ตงหยางเหวินแสยะยิ้ม ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนเขาอาจจะไม่กล้าล่วงเกินนักปรุงยาระดับสวรรค์ เพราะไม่อยากจะมีเรื่องยุ่งยากกับสมาคมนักปรุงยาและจอมยุทธทั่วทวีปฮงเทียน
แต่ตอนนี้ล่ะ? การเปลี่ยนโลกนี้ให้กลายเป็นเม็ดยากำลังเริ่มขึ้นแล้ว นักปรุงยาระดับสวรรค์งั้นรึ? อย่างมากเมื่อเจ้าไปอยู่บนสวรรค์ ไม่ว่าจะฝึกฝนอย่างไรเจ้าก็ยังคงเป็นทาส
“เจ้าช่างแส่หาความตาย!” จิตสังหารของตงหยางเหวินระเบิดออก “เจ้าบังอาจล่วงเกินผู้อาวุโสของสำนัก! ข้าจะเป็นคนลงโทษเจ้าในฐานะตัวแทนของสำนักสวรรค์!”
หลิงฮันแสยะยิ้มและกล่าว “คิดจะใช้ความอาวุโสกับข้างั้นรึ? เจ้าช่างไร้ยางอายจริงๆอสูรเฒ่า! ข้าล่ะนับถือในความไร้ยางอายของเจ้าจริงๆ!”
“บัดซบ!” ตงหยางเหวินทนไม่ไหวอีกต่อไปและปล่อยฝ่ามือโจมตี ครั้งนี้เขาโจมตีออกไปโดยหวังที่จะสังหารเอาชีวิต ฝ่ามือจึงแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว มันคือฝ่ามือที่สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันกระโดดไปคว้าตัวจูเสวียนเอ๋อและตะโกนลั่น “ฮูหนิว เจ้ากระต่าย เผ่นเร็ว!”
จะให้สู้กับตัวตนระดับสวรรค์ซึ่งๆหน้า? มีแต่คนบ้าเท่านั่นล่ะที่จะทำ
ตอนที่ 728
หลิงฮันคว้าตัวจูเสวี่ยนเอ๋อ และไม่สนใจคนอื่น
เหยียนเฮิงเหอ หลี่เฟิงหยู่และน้องสาวของเขาต่างเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์ โชคดีที่ตงหยางเหวินไม่ได้มีความบาดหมางและเพ่งเล็งไปที่พวกเขา ส่วนความเร็วของฮูหนิวและเจ้ากระต่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาจึงไม่จำเป็นต้องห่วง
ประเด็นคือยิ่งมีคนน้อยเท่าไหร่ ความเร็วของหลิงฮันก็จะเร็วขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่เขาพุ่งออกไปอย่างกับสายฟ้า ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่น่าทึ่ง แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับจอมยุทธระดับสวรรค์
“เจ้าคิดจะวิ่งหนีงั้นรึ?” ตงหยางเหวินแสยะยิ้ม
เขารวดเร็วมาก แต่หลิงฮันก็ไม่ได้เชื่องช้าหลังจากที่ใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจ ทำให้ร่างของเขาเคลื่อนไหวเหมือนกับภูติผี และในเวลาเดียวกันเขาหันหลังกลับแล้วโจมตีออกไป
ตงหยางเหวินไม่กล้าที่จะรับการโจมตีโดยตรง เขาโคจรพลังปราณไปที่มือขวาเพื่อยับยั้งการโจมตีของหลิงฮัน
หลิงฮันเลยถือโอกาสนี้พุ่งไปข้างหน้าเพื่อหลบหนี ในขณะที่มีจูเสวี่ยนเอ๋อเอนตัวอยู่ด้านหลังเกาะเขาแน่น เขาใช้คันศรตะวันยอแสงควบแน่นพลังปราณเป็นลูกศรและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกศรของจริง แต่พลังของทักษะศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามทักษะก็ยังคงน่าทึ่งอยู่ดี ทำให้ตงหยางเหวินถูกบังคับให้ใช้มือปัดป้องอย่างต่อเนื่องและกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
มันเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง ทั้งที่ความแข็งแกร่งของเขาสามารถบดขยี้หลิงฮันได้อย่างราบคาบ แต่แท้จริงแล้วเขากลับถูกอีกฝ่ายปั้นหัวและทำได้แค่จ้องมองอีกฝ่ายทิ้งระยะห่างออกไปเรื่อยๆ
แต่ทว่าความโกรธเกรี้ยวทำให้โลหิตของเขาเดือดพล่านและเพิกเฉยต่อการโจมตีของหลิงฮันอย่างสมบูรณ์ และไล่ตามหลิงฮันอย่างบ้าคลั่ง ฉึก ฉึก ฉึก แม้ว่าเขาจะถูกลูกศรพลังปราณยิงใส่ แต่มันแค่ทะลุเสื้อของเขาเท่านั้น และเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งเหมือนกับแร่เหล็ก
ทุกคนในนิกายมังกรปฐพีต่างฝึกฝนบ่มเพาะกายา!
พรสวรรค์ของตงหยางเหวินนั้นไม่ได้ดีเท่าเจี่ยหมิง แต่เขาก็ไม่ได้ด้อยกว่ามิฉะนั้นเขาคงไม่ทะลวงผ่านระดับสวรรค์ และด้วยระดับพลังที่สูงกว่าเลยทำให้ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่ง
จอมยุทธระดับสวรรค์…ช่างน่าปวดหัวเสียจริง!
หลิงฮันถอนหายใจ แต่เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเท่านั้นกลับสามารถต่อต้านจอมยุทธระดับสวรรค์ได้ขนาดนี้มันก็น่าทึ่งแล้ว หลิงฮันเลยตัดสินในนำลูกศรของจริงออกมาและยิงใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังทั้งหมด
พลังทำลายล้างของลูกศรของจริงนั้นรุนแรงมาก แม้แต่ตงหยางเหวินยังกลัวที่จะถูกยิงและปล่อยฝ่ามือออกไปเพื่อป้องกันลูกศร
ในเวลานั้นเองหลิงฮันใช้โอกาสนี้หลบนี้อีกครั้ง และอยู่ห่างไกลจากอีกฝ่ายมาก
“สุนัขเฒ่าไร้ยางอาย เมื่อข้าทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวา ข้าจะตัดหัวสุนัขอย่างเจ้า!” หลิงฮันพูดทิ้งท้ายและหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
ฮูหนิวเองก็แสดงสีหน้าบูดบึ้งและพูดว่า “สุนัขเฒ่า ครั้งหน้าหนิวจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง!”
เจ้ากระต่ายรู้สึกว่ามันบริสุทธิ์ มันไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย แล้วทำไมมันต้องวิ่งหนีด้วย? มันพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไมข้าต้องหนีไปกับเจ้าด้วย? นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”
“เจ้าขโมยสมุนไพรมามากมาย แม้จะทำผิดหนึ่งครั้งหรือสองครั้งมันก็เป็นความผิดเหมือนกัน” หลิงฮันหัวเราะ
ตงหยางเหวินไล่ตามหลิงฮันอีกครั้ง แต่เป็นเพราะระยะห่างระหว่างพวกเขามันไกลเกินไป ทำให้เขาสูญเสียร่องรอยที่จะตามหลิงฮันไป
หลังจากที่หลิงฮันวิ่งหนีมาเป็นเวลานาน เขาจึงเริ่มชะลอความเร็วลง จากแผนที่พวกเขาน่าจะอยู่ใกล้สวนสมุนไพรแล้ว
“เจ้ากระต่าย เบื้องหน้ามีสวนสมุนไพรอยู่ เจ้ารู้สึกตื่นเต้นหรือไม่?” หลิงฮันถาม
เจ้ากระต่ายกลืนน้ำลาย แต่มันก็ยังคงทำเป็นเค้นเสียงออกมาและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเห็นสวนสมุนไพรมาก่อนหรือไง ทำไมข้าจะต้องตื่นเต้นด้วย?”
ในขณะเดียวกัน หนูทองคำปีนขึ้นมาอยู่บนหน้าอกของหลิงฮัน ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าจะเจอสมุนไพรอะไรอย่างกับเด็ก
“หนิวอยากเห็นสวนสมุนไพร!” ฮูหนิวกล่าว
เมื่อได้ยินหลิงฮันเหงื่อเย็นเริ่มท่วมตัว มีคนสี่คนอยู่รอบตัวเขา แต่มีสามคนที่กินจุก
พวกเขามุ่งไปข้างหน้าจนกระทั่งทะเลทรายหายไปและมีป่าไม้เขียวชอุ่มกับทุ่งหญ้าปรากฏอยู่เบื้องหน้า และมีกำแพงล้อมรอบที่พังทลายอยู่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
“นี่…ยังเป็นสวนสมุนไพรอยู่อีกหรือ?” หลิงฮันพูดพึมพัม
แม้ว่าสมุนไพรจะเป็นที่รักของสวรรค์และปฐพี แต่ก็มีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการเจริญเติบโตดังนั้น สวนสมุนไพรจะแบ่งออกเป็นพื้นที่นับไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีรูปแบบอาคมเฉพาะอยู่ที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสมุนไพร
อย่างไรก็ตาม ที่นี่มันได้รับความเสียหายรุนแรงเกินไป รูปแบบอาคมส่วนใหญ่คงจะถูกทำลายไปแล้ว หากเป็นแบบนั้นสมุนไพรเองก็จะต้องถูกทำลายไปด้วย และเมื่อมองไปจะเห็นว่ามันมีแค่ต้นไม้และดอกไม้ธรรมดาเท่านั้น
แต่บางทีอาจจะมีสมุนไพรบางอย่างหลงเหลืออยู่ แต่ถ้าต้องการหามันให้เจอโอกาสคงจะมีน้อยมากกว่าครึ่ง
“เจ้ากระต่าย ถึงตาเจ้าออกโรงแล้ว” หลิงฮันกล่าว
“ออกโรงบ้านป้าเจ้าสิ ข้าไม่ใช่สุนัข!” เจ้ากระต่ายรีบพูดโต้กลับทันที
“ออกไปหามัน!” ฮูหนิวพูดด้วยสีหน้าดุเดือดและจ้องไปที่เจ้ากระต่าย “หรือจะให้ข้ากินเจ้า!”
เจ้ากระต่ายไม่ได้หวาดกลัว แต่ก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับฮูหนิว และเมื่อได้ยินคำพูดของนาง มันรีบใช้จมูกดมกินหาสมุนไพรทันที
อย่างไรก็ตามที่แห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป แม้เจ้ากระต่ายจะมีจมูกสุนัข แต่ก็ไม่สามารถหาสมุนไพรเจอได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินวนไปวนมาไม่หยุด และเจ้ากระต่ายก็ส่ายหัวอยู่ตลอดเวลาบ่งบอกว่าไม่ได้กลิ่นสมุนไพรเลยแม้แต่น้อย
หลังจากผ่านไปสามวัน พวกเขาก็ยังไม่เจอสมุนไพรแม้แต่ต้นเดียว พวกเขาเลยตัดสินใจที่จะออกไปจากที่นี่และไปที่ตำหนักตำรา
พวกเขาหันหน้าไปในทิศที่ตำหนักตำราตั้งอยู่และเดินหน้าต่อไป หลังจากผ่านไปครึ่งวัน มีพระราชวังอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ซึ่งแต่ก่อนมันน่าจะงดงามมากทีเดียว แต่ตอนนี้มันถูกทำลายแทบจะราบคาบและห่างออกไปพวกเขาเห็นร่องรอยของสัตว์อสูร
พวกเขาเลยตัดสินใจเดินไปที่พระราชวังด้วยความระมัดระวังอย่างมาก สัตว์อสูรที่ปรากฏที่นี่ไม่ธรรมดาและแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ประมาท
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร ซึ่งสัตว์อสูรระดับสวรรค์เป็นตัวตนที่หลิงฮันไม่สามารถต่อกรด้วยได้ในตอนนี้
“ทิศของตำหนักตำรา…อยู่ตรงนั้น!” หลิงฮันมีแผนที่ที่ได้รับมาจากราชินีหยิน และเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินไปทิศทางไหน เขาจะเป็นคนเดินนำ
ตำหนักมีขนาดใหญ่มาก แต่ไม่สำคัญว่ามันมีขนาดใหญ่แค่ไหน ในไม่ช้าพวกเขาทั้งสามคน เจ้ากระต่ายและเจ้าหนูก็อยู่ด้านหน้าตำหนัก
มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงแค่สามชั้นเท่านั้นมันไม่ได้ใหญ่เกินไป แต่ดู “เล็ก” ไปเลยเมื่ออยู่ในพระราชวัง แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหาย
แต่เนื่องจากคุณลักษณะของมันทำให้มีผู้คนมากมายถูกดึงดูดให้มาที่นี่ และมีผู้คนมากมายรวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว
หลิงฮันมองไปที่ตำหนักตรงที่มีแผ่นป้ายแขวนอยู่ มันเขียนไว้ว่า “ตำหนักตำราหลางหยา”
ตอนที่ 729
หรือว่าข้าจะมาช้า?
หลิงฮันกวาดสายตามอง มีผู้คนอยู่ที่นี่แล้วอย่างน้องหนึ่งร้อยคน และพวกเขากำลังยืนอยู่ด้านนอกตำหนัก และไม่แน่ใจว่ามีคนอยู่ข้างในกี่คน
“พี่ชาย ข้าขอถามอะไรหน่อย สถานการณ์ที่นี่เป็นยังไงบ้าง?” หลิงฮันเดินถามใครบางคน
หลิงฮันโชคดีที่ถามถูกคน อีกฝ่ายเริ่มเปิดปากพูดทันทีและบอกเรื่องที่เขาอยากจะรู้
นี่คือตำหนักตำราซึ่งมีทักษะลับและเทคนิคบ่มเพาะพลังมากมาย ตำราลับเหล่านั้นจะถูกห่อหุ้มด้วยลูกบอลแสงอยู่บนท้องฟ้า วิธีการที่จะได้มันมาคือจะต้องคว้ามันมาและทำลายลูกบอลแสง แล้วตำราลับก็จะตกเป็นของคนผู้นั้น
ทุกคนสามารถเข้าไปข้างในได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และอยู่ได้นานที่สุดคือหนึ่งวัน แต่หากได้รับตำราลับมาแล้วจะถูกส่งออกมาทันทีแม้จะไม่ถึงเวลาก็ตาม
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “ไม่ใช่ว่ามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ที่นี่หรอกหรือ? มันจะไม่ง่ายกว่าหรือที่จะทำลายตำหนักตำราแล้วเก็บทีเดียว?”
ชายคนนั้นหัวเราะและพูดว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้าโชคดีแล้วที่มาถามข้าคนนี้ มิฉะนั้นคงไม่มีใครตอบคำถามของเจ้าได้!” เขาลดระดับเสียงลงทำให้มันดูลึกลับแล้วพูดว่า “ข้าจะบอกอะไรให้ ตำหนักนี่มีรูปแบบอาคมอยู่และเมื่อใดที่รูปแบบอาคมถูกทำลาย ตำราลับที่อยู่ข้างในก็จะถูกทำลายไปด้วย”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง ถ้าใช้กำลังก็จะไม่ได้รับอะไรเลย และทำได้แค่ทำตามกฎ ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติไม่สามารถทำลายรูปแบบอาคมนี้ได้ แต่เป็นเพราะว่าถ้าทำลายรูปแบบอาคมทักษะและเทคนิคลับก็จะถูกทำลายไปด้วย ดังนั้นจอมยุทธระดับทลายมิติจึงไม่มีทางเลือกอื่น
“ขอบคุณมากพี่ชาย” หลิงฮันพยักหน้าให้กับชายคนนั้นและหันหน้าไปหาจูเสวี่ยนเอ๋อกับคนอื่นแล้วพูดว่า “พวกเราเองก็เข้าไปลองเสี่ยงโชคกันเถอะ”
พวกเขาเดินเข้าไปอยู่ในกลุ่มฝูงชนและได้เข้าไปในตำหนัก
นี่มันอะไรกัน!
ทันใดนั้น หลังจากที่พวกเขาก้าวเข้ามาในตำหนัก พวกเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดวงดาวอยู่บนท้องฟ้า ในสภาพแวดล้อมที่มืดทำให้แสงที่อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกับดวงตาที่เปล่งประกาย
เมื่อจับตามองอย่างใกล้ชิดมันจะมีตำราลับถูกห่อหุ้มด้วยลูกบอลแสงอยู่ด้านในเหมือนกับที่ชายคนนั้นพูดไว้ก่อนหน้านี้
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ท้องฟ้าของจริง ถ้ามองแวบแรกจะรู้สึกว่ามันมีขนาดใหญ่มาก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ใหญ่มากนักและมีความสูงประมาณห้าสิบฟุต สำหรับจอมยุทธแล้วขนาดและความสูงดังกล่าวไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงฮันพยายามที่จะกระโจนขึ้นไป เขาพบว่ามีพลังบางอย่างผลักดันเขาลงมาและความเร็วของเขาเองก็ลดลงอย่างมาก
หรือว่านี่จะเป็นความยากลำบากที่จะได้รับตำราทักษะและเทคนิคลับ
เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างตำหนักตำรานี่ แต่มันค่อนข้างน่าอัศจรรย์ทีเดียว
– ความเป็นไปได้ที่อ้วนหม่าเป็นคนสร้างนั้นสูงมากและคนคนนี้มีความลับที่ปกปิดไว้อยู่อีกมากมาย
เมื่ออยู่ที่นี่ความเร็วของทุกคนจะลดลงเท่ากับความเร็วของคนทั่วไป และกระโดดได้ไม่สูง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะโดดไปถึงลูกบอลแสงที่อยู่บนท้องฟ้า อย่างไรก็ตามจะมีลูกบอลแสงจะมีลูกบอลแสงตกลงมาบนพื้นเป็นครั้งคราว ซึ่งยังพอมีโอกาสที่จะจับมันได้
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับโชคด้วย เพราะสถานที่แห่งนี้ยังคงกว้างใหญ่อยู่ดี ถ้าไม่อยู่จุดที่มันจะตกก็จะไม่สามารถคว้ามันมาได้
หลิงฮันกวาดสายตามองลูกบอลแสงในอากาศ เนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกมันรวดเร็วเกินไปและมีจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะมองดูสิ่งที่อยู่ในลูกบอลแสง ด้านในมีเพียงแค่คำไม่กี่คำเท่านั้นที่อยู่ด้านใน ซึ่งเขาเชื่อว่ามันน่าจะเป็นชื่อของทักษะลับพวกนั้น
หลิงฮันจึงเริ่มใช้เนตรแห่งสัจธรรมและค้นหาลูกบอลแสงเหล่านั้นจริงจัง
“เจอแล้ว!” หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลิงฮันก็เพ่งเล็งไปที่ลูกบอลแสงลูกหนึ่งและชื่อที่ปรากฏของมันคือผนึกพลิกปฐพี
แม้ว่าเขาจะใช้เนตรแห่งสัจธรรม แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่กว่าจะหามันเจอ ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่สามารถแยกความแตกต่างลูกบอลแสงแต่ละลูกได้ หากลูกบอลแสงพุ่งเข้ามาหา พวกเขาก็แค่รับมันไว้ ซึ่งไม่มีทางรู้เลยว่าได้รับทักษะลับอะไรมา
ตอนนี้ลูกบอลแสงนั่นลอยอยู่สูงมาก หลิงฮันเลยลองใช้ทองคำก่อเกิดผลาญโลหิตดู แต่ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วเกินไปที่จะจับทัน
ไม่ มันจะต้องมีวิธีที่จะได้รับมันมา
หลิงฮันจับตามองด้วยความระมัดระวังและไม่เร่งรีบ เขากลับว่าจะไปโดนลูกบอลแสงลูกอื่นเข้าโดยบังเอิญและนั่นจะทำให้เขาถูกส่งออกไปจากตำหนักตำรา
“เย้ หนิวจับได้แล้ว!” ฮูหนิวพูดออกมาอย่างมีความสุข นางเป็นคนที่โชคดีมาก ลูกบอลแสงมันตกลงมาหานางเอง และแน่นอนว่านางจะต้องหยิบมันขึ้นมา
พรึบ ฮูหนิวถูกส่งออกไปจากตำหนักตำราทันที
หลิงฮันเพ่งสายตาไปที่ลูกบอลแสงที่ห่อหุ้มทักษะผนึกพลิกปฐพีอีกครั้ง
หลังจากที่สังเกตดูมันอยู่ครึ่งมัน เขาพบว่ารูปแบบการเคลื่อนที่ของมันมีความซับซ้อนมากและเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาการเคลื่อนที่ของมัน
“จุดที่มันจะตกต่อไปคือ….ตรงนั้น!” หลิงฮันรีบวิ่งไปที่ที่เขาคำนวณเอาไว้ทันที แต่เมื่อเขาวิ่งไปได้ครึ่งทางมีคนผู้หนึ่งยืนขวางทางเขาอยู่
“โปรดหลีกทางให้ข้าด้วย!” หลิงฮันเปิดปากพูด เขาโค้งคำนับและเดินผ่านอีกฝ่ายไป
เมื่อเขาเดินผ่านไป ด้านหน้าเขาลูกบอลแสงกำลังตกลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งไมล์
ถ้าเป็นความเร็วปกติหลิงฮันจะใช้เวลาเพียงแค่ชั่วขณะเดียว แต่ตอนนี้หลิงฮันต้องเดินสามก้าว
“ฮึ่ม เจ้ากล้า!” ชายคนนั้นโกรธเกรี้ยวและโจมตีออกไปด้วยรัศมีกระบี่ใส่หลิงฮัน
เขาโค้งคำนับและพูดสุภาพด้วยแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคิดที่จะฆ่าเขาอีก?
หลิงฮันไม่คิดที่จะเสียเวลารับมือกับอีกฝ่าย เขาเลยใช้ร่างกายรับการโจมตีของอีกฝ่ายโดยตรง
ตู้ม รัศมีกระบี่กระแทกใส่ร่างของเขา และมีโลหิตไหลออกมาจากแผ่นหลังของเขา แต่โชคดีที่เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นและกายาเพชรของเขาก็รักษาบาดแผลอัตโนมัติ
หลิงฮันยื่นมืออกไปและคว้าลูกบอลแสงที่ตกลงมา ฟิ้ว ทว่าลูกบอลกลับหลุดออกมาจากนิ้วมือของเขาและกระเด้งลงกับพื้นก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
อะไรกัน!
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก มันเป็นเพราะการโจมตีของอีกฝ่ายทำให้แขนขาของเขาเป็นอัมพาตและทำให้ลูกบอลแสงหลุดมือไป
บัดซบ!
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนู นี่คือบทเรียนสำหรับเจ้า ในอนาคตอย่างได้ทำตัวหุนหันแบบนี้อีก!” ชายที่โจมตีใส่หลิงฮันพูดอยู่ด้านหลังและดูมีความสุข
อีกฝ่ายเป็นแค่รุ่นเยาว์ที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เกรงกลัว นั่นเป็นเพราะเขาเป็นถึงจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวาและมีพลังต่อสู้มากกว่าเก้าดาว!
อีกฝ่ายเป็นแค่รุ่นเยาว์กลับกล้าที่จะเมินเฉยเขาอย่างนั้นหรือ?
หลิงฮันอยากจะฆ่าอีกฝ่าย แต่เมื่อเขาจ้องมองลูกบอลแสงที่อยู่บนท้องฟ้า ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนั้นไป เขาจะต้องค้นหาและจับตาดูลูกบอลแสงลูกนั้นอีกครั้ง และคำนวณเวลาและจุดที่จะตกต่อไป
เขามีเวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้นตามกฎ และนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขา
ตอนที่ 730
จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามองไปยังหลิงฮันด้วยความสะใจ นั่นเป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว เป็นเพียงระดับตัวอ่อนวิญญาณแต่กลับกล้าขัดขืนเขางั้นรึ?
“เหอะ สมน้ำหน้า!” รุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ข้างๆจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามองไปยังหลิงฮันอย่างเหยียดหยาม
แน่นอนว่ารุ่นเยาว์ในที่นี้ล้วนแต่มีอายุใกล้เคียงกัน แม้เขาจะดูมีอายุเยอะกว่าหลิงฮันห้าถึงหกปี เขาก็ยังเพิ่งจะทะลวงผ่านมาได้เพียงระดับบุปผาผลิบาน แต่ทางด้านหลิงฮันกลับบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว พลังบ่มเพาะของหลิงฮันสูงกว่าเขาถึงหนึ่งระดับใหญ่ ถ้าจะให้เทียบแล้วพัฒนาการของเขาถือว่าช้ากว่าหลิงฮันอย่างน้อยสิบปี!
หลิงฮันชำเลืองไปยังอีกฝ่ายและจำใบหน้าของทั้งสองคนเอาไว้
แค่ข้าไม่ตอบโต้ เจ้าก็คิดว่าข้าเป็นลูกแมวแสนเชื่อง?
“มองอะไรของเจ้า? ควักลูกตาเจ้าออกมาซะ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นดวงตาเปิดกว้างและจ้องมองหลิงฮันด้วยอย่างโหดเหี้ยม
ชื่อของเขาคือโจวหยู่เฉิง ครั้งนี้เขาเข้าเขตแดนลี้ลับมาพร้อมกับผู้อาวุโสที่สามของตระกูล โจวเต่อหยวน และเพราะเขาชื่อรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลโจวในรุ่นนี้ เขาจึงสามารถทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้ในตอนที่อายุยี่สิบสี่ปี ความสำเร็จในอนาคตของเขานั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นระดับก้าวสู่เทวาเป็นอย่างน้อย
ตระกูลโจวคือตระกูลของตัวตนระดับก้าวสู่เทวา ในตระกูลมีผู้อาวุโสระดับก้าวสู่เทวาอยู่สี่คน และผู้อาวุโสโจวคือผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุด ระดับพลังบ่มเพาะของเขารู้ก้าวสู่เทวาขั้นสูงสุด
ในตระกูลโจวนั้น โจวหยู่เฉิงคืออัจฉริยะไร้ที่เปรียบอย่างแท้จริง ในอาณาเขตพันไมล์ของตระกูลโจว มีอัจฉริยะเพียงหยิบมือที่สามารถต่อกรกับเขาได้
แต่เมื่อเขามายังภูมิภาคกลาง เขากลับเป็นได้เพียงอัจฉริยะทั่วไป เขายังห่างไกลกับรุ่นเยาว์ของภูมิภาคกลางที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ยกตัวอย่างเช่น การที่เขาไม่สามารถเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ได้
เพราะงั้นหลังจากที่ไม่ผ่านการทดสอบของสำนักสวรรค์ เขาจึงรู้สึกรังเกียจเหล่าคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าตัวเขาเอง เมื่อใดที่เขาเห็นอัจฉริยะเช่นนั้น เขาก็อดที่จะรู้สึกอยากทำลายให้สิ้นซากไม่ได้
หลิงฮันละสายตาออกจากทั้งสองคนและเพ่งเล็งไปยังลูกบอลแสงอีกครั้ง
ผนึกพลิกปฐพี… ทักษะศักดิ์สิทธิ์!
.
สำหรับหลิงฮันแล้ว คำพูดของมดปลวกเหล่านั้นไม่นับเป็นอันใดแม้แต่น้อย การที่เขาจะพลาดโอกาสครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
โจวหยู่เฉิงอดไม่ได้ทมี่จะทำท่าทีหยิงยโส เจ้าเป็นอัจฉริยะแล้วอย่างไร? เจ้าเทียบกับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาได้รึไม่?
โจวหยู่เฉิงเลิกสนใจหลิงฮันและหันมาหาวิธีคว้าลูกบอลแสง ถ้าเขาสามารถครอบครองทักษะบ่มเพาะชั้นยอดได้ บางทีเขาอาจจะค้นพบกุญแจที่จะก้าวขึ้นไปเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ได้ก็เป็นได้
จูเสวียนเอ๋อและเจ้ากระได้เองก็เกี่ยวเกี่ยวผลประโยชน์ของตนเองได้สำเร็จ หลังจากได้รับลูกบอลแสงแล้วพวกนางก็ถูกส่งตัวออกไป
หนึ่งวันหนึ่งคืนเกือบจะผ่านพ้นไป ในที่สุดลูกบอลแสงที่หลิงฮันจ้องเอาไว้ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นทันที
แต่ในตอนนั้นเอง มืออีกมือหนึ่งก็เอื้อมขึ้นไปจนเกือบจะคว้าลูกบอลแสงเอาไว้ได้
คนคนนั้นเพียงแค่เดินไปรอบๆโดยที่ไม่รู้ถึงเส้นโคจรที่บอลแสงลูกนั้นจะตก และในตอนที่ลูกบอลแสงตกเขาก็บังเอิญยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ราวกับว่าบอลแสงลูกนี้คือของขวัญที่ฟ้าประทานให้เขา
ชายคนนั้นเอื้อมมือขึ้นสูงเพื่อหวังจะคว้าบอลแสงเอาไว้ แต่หลิงฮันก็พุ่งเข้าไปคว้าบอลแสงแทบจะในเวลาเดียวกัน
ชายคนนั้นคือซวนหยวนจือกวง!
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าชายคนนี้มีดวงชะตาที่แสนโชคดีแต่ไม่นึกว่าจะโชคดีขนาดนี้
“หลิงฮัน!” ซวนหยวนจือกวงเองก็จำหลิงฮันได้และคำรามออกมา เขารังเกียจหลิงฮันเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่หลิงฮันจะโค่นล้มเขาได้หลายต่อหลายครา แต่ทำให้เป็นที่ทำให้ความมั่นใจของเขาพังทลายอีกด้วย
แล้วตอนนี้หลิงฮันยังคิดจะมาแย่งชิงทักษะลับของเขาไปอีก?
ร่างของเขาส่องประกายแสงเจิดจ้าราวกับบุตรแห่งพระเจ้า มันคืออำนาจที่เกิดขึ้นจากเกราะเบาที่เขาสวมใส่อยู่ บนเกราะมีอักขระนับร้อยที่กำลังส่องแสง
มันคืออาวุธวิญญาณระดับสูง บางทีอาจจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับแปด
ซวนหยวนจือกวงไม่เคยใช้สมบัติชิ้นนี้มาก่อน กลิ่นอายของเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก
หลิงฮันไม่เกรงกลัว กายหยาบของเขาก็แข็งแกร่งเทียบได้กับสมบัติระดับสูงเช่นกัน
เจ้าที่พึ่งพาอำนาจของอาวุธวิญญาณกับข้าที่พึ่งพาพลังของตนเอง ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
‘ตูมมม’ ประกายแสงจากเกราะสมบัติจู่โจมใส่ร่างของหลิงฮันอย่างต่อเนื่อง เสื้อผ้าของเขาถูกตัดขาดจนมีสภาพพะรุงพะรัง
แต่การโจมตีของอาวุธวิญญาณก็ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
‘ปัง!’
หลิงฮันชกหมัดออกไป ซวนหยวนจือกวงนั้นไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย ร่างของเขาก้าวถอยหลังไปเจ็ดก้าว สีหน้าของเขาซีดขาวและเกือบหมดสติ
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียด เขาคุ้นเคยกับการถูกหลิงฮันชกต่อยแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังยอมรับไม่ได้อยู่ดี ขนาดว่าใช้อาวุธวิญญาณเข้าช่วยแล้ว ทำไมความห่างของเขากับหลิงฮันถึงยังกว้างขึ้นเรื่อยๆ?
เขาคือลูกรักของสวรรค์และปฐพีไม่ใช่รึไงกัน!
หลิงฮันยิ้ม ในที่สุดเขาก็ได้บอลแสงมาครอบครอง ‘เปรี๊ยะ’ เขาบดขยี้บอลแสงในมือแหลกละเอียด อีกขระบนลูกบอลหายไปทันทีก่อนที่จะปรากฏหยกขนาดเท่าลูกปัดที่อยู่ภายใน
การสืบทอดทักษะศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่การสืบทอดผ่านคำพูดหรือภาษา
“ผนึกพลิกปฐพี ทักษะศักดิ์สิทธิ์!” ซวยหยวนจือกวงตะโกนออกมาและชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน “คืนทักษะนั่นมาให้ข้า!”
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเอง ดวงตาเกือบจะสองในสามส่วนของคนที่อยู่ในห้องก็จ้องมองมายังหลิงฮันด้วยความโลภ
ทักษะศักดิ์สิทธิ์… ถึงแม้จะไม่รูว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์นั้นมีกี่ระดับ แต่จากที่กล่าวไว้มันต้องเป็ฯทักษะที่เหนือกว่าทักษะระดับสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย มันคือทักษะลับของพระเจ้าที่ร่วงหล่นมายังโลกมนุษย์
ใครกันจะไม่ต้องการ?
‘ฟุบ’ ร่างของหลิงฮันเปล่งประกายและหายออกไปจากห้องตำรา เขาได้รับทักษะลับมาแล้วเพราะงั้นจึงถูกห้องตำราส่งกลับไปด้านนอก
“หลิงฮัน!” ฮูหนิวและคนอื่นๆเข้ามาทักเขา
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“พวกเราจะออกเดินทางกันอีกแล้ว?” ฮูหนิวยิ้วและลูบมือเล็กของนาง “งั้นมาแข่งกันเถอะว่าใครเร็วที่สุด!”
“เหอะ เจ้าคิดจะไปไหนกัน?” ผู้คนจำนวนมากไล่ตามออกมาจากห้องตำรา พวกเขาไม่ได้ถูกส่งออกมาแต่ออกมาด้วยตัวเอง
โจวเต่อหยวนมองไปยังหลิงฮันและกล่าวอย่างเย็นชา “มอบทักษะศักดิ์สิทธิ์มาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
จิตสังหารแวบผ่านแววตาหลิงฮัน ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายขัดขวางการคว้าทักษะผนึกพลิกปฐพีของเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายริเริ่มมายั่วยุเขาอีกครั้งเอง หลิงฮันตอบกลับไปอย่างเย็นชา “โอ้ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย?”
เมื่อเห็นแบบนั้นโจวเต่อหยวนก็เกิดความยิ่งยโสและพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลัง “ปัญญาของเจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องทิ้งทักษะศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ที่นี่ นั่นคือหาทางเดียวที่เจ้าจะรอดชีวิตกลับไป”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น