Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 723-726
ตอนที่ 723
“เจ้าคิดจะหาเรื่องสู้?” หลิงฮันหัวเราะ ตอนนี้ระดับพลังต่อเขาขัดเกลามาจนถึงจุดสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้เจียหมิงจะมีระดับพลังที่สูงกว่าเขา เขาก็ไม่หวาดกลัว
“ไม่ใช่ต่อสู้ แต่เป็นสังหาร!” เจียหมิงพูดอย่างหยิ่งยโส ถึงแม้ทักษะต่างๆของหลิงฮันจะเหนือกว่าเขา แต่ถึงอย่างไรหลิงฮันก็มีระดับพลังที่น้อยกว่า ถ้าทักษะของอีกฝ่ายไม่ลึกล้ำมากจริงๆ เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการหลิงฮันได้
“งั้นก็คงต้องมีการลงมือ!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่หวั่นเกรง
“น้องชายสุดหล่อ จะลงมืออะไรงั้นรึ?” ทันใดนั้นเองเสียงที่เบาบางแต่แฝงไปด้วยจิตสังหารก็ดังขึ้น ทุกคนที่ได้ยินล้วนแต่รู้สึกถึงแรงกดดันที่หน้าอกและกระอักโลหิตออกมา
ฝูงชนค่อยๆแยกเปิดทาง ทันใดนั้นก็สามารถมองเห็นสตรีงามที่นั่งอยู่บนหลังสิงโตร่างสูง สิงโตที่นางนั่งอยู่นั้นปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร สตรีผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับว่านางสามารถสั่นคลอนได้แม้แต่ดวงดาวและผืนปฐพี
แต่นั่นก็ไม่ใช่คำคล่าวที่เกินจริง นางสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆเพราะนางคือตัวตนระดับทลายมิติ
ผู้ที่มาคือราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่
“นะ… นางคือใครกัน พลังของนางช่างน่ากลัวยิ่งนัก หัวใจของข้าแทบจะระเบิดออกมาแล้ว!”
“ยิ่งกว่านั้นนางยังงดงามมากอีกด้วย ดูหน้าอกนั่นสิข้าไม่อาจจับมันได้ด้วยมือข้างเดียว ถ้าข้าได้ลองสัมผัสมันก็คงจะดี”
โผล๊ะ!
ใครบางคนที่มองไปยังราชินีหยินด้วยความหลงใหลและพลั้งปากพูดพล่อยๆออกมา หัวของเขาได้ระเบิดกระจุยทันที ร่างที่ไร้หัวเอนไปมาสองสามครั้งก่อนที่จะล้มลงเสียชีวิตย่างสมบูรณ์
เมื่อคนอื่นๆเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เปลี่ยนเป็นมองราชินีหยินด้วยความหวาดกลัว
นั่นเพราะคนที่ยื่นมือชี้ไปยังชายที่ตายเมื่อครู่ก็คือนาง หรือก็คือนางเป็นผู้ที่ลงมือสังหารนั่นเอง
แต่ปัญหาก็คือถึงแม้พลังของเหล่าคนที่อยู่ที่นี่จะไม่ได้แข็งแกร่งทุกคน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็มาจากภูมิหลังที่แข็งแกร่ง การที่นางลงมืออย่างเปิดเผยเช่นนี้นางไม่กลัวปัญหาที่จะตามมารึไง?
มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าราชินีหยินคือตัวตนระดับทลายมิติ ซึ่งภายใต้สวรรค์นี้นางไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร! กล้าพูดจาสกปรกต่อตัวตนระดับทลายมิติ? ช่างสมควรตาย
แม้ว่าคนที่ตายจะมาจากนิกายดาบสวรรค์ หรือผู้สืบทอดที่แท้จริงนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน เขาก็ต้องตาย
ราชินีหยินขี่ราชสีเดินใกล้เข้ามา เจียหมิงต้องเดินล่าถอยไปด้านหลังแพราะไม่สามารถต้านทานอำนาจของราชินีหยินได้
ไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะบรรลุระดับพลังที่เหนือกว่านางไหม แต่ในตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชินีหยินอย่างแน่นอน
“อย่าแม้แต่จะคิดเข้ามารุ่มร่ามกับหลิงฮันของหนิว!” ฮูหนิวชูกรรไกรเขี้ยวมังกรขึ้นมาและคำรามใส่ราชินีหยิน
ราชินีหยินอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ “เจ้าได้รับกรรไกรเขี้ยวมังกรจริงๆรึ? มันเป็นสมบัติที่หายากเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ราชินีผู้นี้ในตอนนั้นก็ไม่อาจไขว่คว้ามันมาได้… ”
ดวงตาอันงดงามของนางมองกวาดผ่านและกล่าว “เจ้าเข้าทดสอบแผ่นหินประเมินยุทธสินะ? ฮ่าๆๆ จะบอกอะไรให้ ราชินีผู้นี้สามารถทิ้งชื่อเอาไว้บนแผ่นศิลาได้ ชื่อของข้าอยู่ที่อันดับที่เก้าสิบเก้าของประวัติศาสตร์ทวีปฮงเทียน!”
หลิงฮันและผู้คนมากมายรู้สึกขบขัน ตอนนี้ชื่อของนางได้ถูกแทนที่แล้ว คนที่โผล่ขึ้นมาใหม่ก็คือหลิงฮัน ฮูหนิว และเจียหมิง
ราชินีหยินไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของทุกคน นางก็พูดออกมา “พวกเจ้าไม่เชื่อ? เจ้าแมวน้อยเดินไปต่อซิ ข้าจะให้พวกมันได้เห็นชื่อของราชินีผู้นี้!”
ราชสีทำตัวเชื่องราวกับแมวน้อย มันพาราชินีหยินไปยังแผ่นหินประเมินยุทธต่อหน้าจอมยุทธทุกคน จากนั้นราชินีหยินก็ชี้ไปยังแผ่นหินอย่างภาคภูมิใจ “คนที่ทิ้งรายชื่อไว้ได้มีเพียงราชีนี้ผู้นี้และองค์จักรพรรดิ ส่วนราชันคนอื่นๆนั้นแม้จะก่อให้เกิดแสงสีแดงได้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับราชินีผู้นี้ได้… หืม แผ่นรายชื่อนี่มีปัญหารึเปล่า?”
นางมองไปยังแผ่นหินประเมินยุทธ ซึ่งไม่มีชื่อของนางอยู่ทั้งอันดับที่เก้าสิบเก้าและหนึ่งร้อย
“หลังจากผ่านพ้นไปหลายยุคสมัย หรือว่าแผ่นหินนี่จะพังเสียแล้ว?” นางพึมพำ
“เปล่า ก็แค่ถูกดันดันลงจนรายชื่อหายไปก็เท่านั้น” หลิงฮันกล่าว “ในตอนแรก ข้าเห็นแล้วว่าราชีนีหยินผู้ยิ่งใหญ่อยู่อันดับที่เก้าสิบเก้า”
“ว่าไงนะ ใครกล้าดันอันดับของราชินีผู้นี้?” ราชินีหยินเกรี้ยวกราดและมองขึ้นไปบนรายชื่อ ทันทีที่สายตาของนางหยุดอยู่ที่ชื่อของเจียหมิง นางก็กล่าวคำพูดออกมาพร้อมกันจิตสังหาร “ใครกันที่ชื่อเจียหมิง?”
‘ฟึบ’ สายตาทุกคู่จ้องไปยังเจียหมิงทันที
สีหน้าของราชินีหยินกลายเป็นเหี้ยมโหดและดีดนิ้ว “เจ้าหนู บังอาจมากที่มาดันอันดับของข้า ราชินีผู้นี้อยากรู้จริงๆว่าเจ้าต้องการให้ร่างของตนเองถูกแบกออกเป็นสามหรือห้าส่วน? ”
ใบหน้าของเจียหมิงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง เขาในตอนนี้ไม่อาจเอาชนะตัวตนระดับทลายมิติได้ ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นถึงจอมยุทธติดอันดับที่บรรลุถึงระดับทลายมิติแล้วด้วย แน่นอนว่าพลังต่อสู้ของนางจะต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างคาดไม่ถึง
เจียหมิงตอบกลับ “ผู้อาวุโส ท่านบ่มเพาะพลังมานานกว่าข้าหลายปี ท่านไม่คิดบ้างรึว่าการรังแกรุ่นเยาว์จะทำให้ชื่อเสียงของท่านมัวหมอง?”
ใบหน้าของราชินีหน้ากลายเป็นมืดมนและกล่าว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าราชินีผู้นี้แก่ชราขนาดนั้นเชียวรึ?”
“เดี๋ยว…”
“เดี๋ยวน้องสาวเจ้าน่ะสิ!” ราชินีหยินกระโดดลงจากราชสีและพุ่งเข้าใส่เจียหมิงเพื่อโจมตี แต่นอนว่าเจียหมิงย่อมถูกนางทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว
หลิงฮันหัวเราะลั่น ราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่อ่อนไหวต่อเรื่องอายุเป็นอย่างมาก แม้แต่หม่าตั้วเปาที่เป็นจักรพรรดิของนางนางยังไม่ไว้หน้า การที่เจียหมิงที่เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสและแสดงถึงความต่างระหว่างอายุของเขากับนางย่อมต้องทำให้นางเกรี้ยวกราด
เจียหมิงรู้สึกอาบอายอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อาจพูดโต้เถียงอะไรได้และทำได้เพียงกลืนน้ำลายยอมให้ราชินีหยินทุบตีเป็นกระสอบทราย
ยังไม่ทันทีราชินีหยินจะทุบตีจนสาสมใจ เจียหมิงก็เค้นเสียงพยายามพูดออกมา “ผู้อาวุโส ไม่ใช่แค่ข้าที่อยู่บนรายชื่อ แต่หลิงฮันกับเด็กสาวคนนั้นก็ติดอันดับด้วย!”
“ผู้อาวุโส?” ไฟโกรธของราชินีหยินก็กำลังจะหมองถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนไหนของนางกันที่ดูเหมือนผู้อาวุโส?
หลังจากที่ทุบตีจนพอใจ ราชินีหยินก็ปัดมือและฮึดเสียงอย่างเย็นชาและมองไปยังแผ่นหินประเมินยุทธอีกครั้ง “พวกเจ้าทั้งสองคนสามารถติดอันดับหนึ่งและสองได้!”
นางมองเห็นชื่อหลิงฮันและฮูหนิวอยู่บนสองอันดับแรก!
แววตาของเจียหมิงส่องประกายอาฆาต มุมปากของเขายกขึ้นแสยะยิ้ม ขนาดเขาได้อันดับที่ห้าสิบยังถูกทุบตีจนมีสภาพแบบนี้ แล้วพวกเจ้าที่ได้อันดับหนึ่งกับสองล่ะ?
“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าทำให้เจ้าอ้วนจอมอวดดีนั่นร่วงลงมาอันดับสามได้?” หลังจากชำเลืองมอง ราชินีหยินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “น่าสมเพชเจ้าอ้วนนั่นมั่นใจในตัวเองว่าไร้พ่ายและสลักชื่อว่า ‘หนึ่ง’ เอาไว้ คงไม่คาดคิดล่ะสิว่าจะมีวันที่ตนเองจะร่วงลงมาเป็น ‘สาม’ ฮ่าๆๆ ราชินีผู้นี้อยากจะกลับไปเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของเจ้าอ้วนนั่นซะแล้ว”
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก!”
ตอนที่ 724
ในขณะนั้นความมืดภายในจิตใจของเจี่ยหมิงเริ่มแผ่ขยายกว้างขึ้น
–พวกมันทั้งสองคนมีชื่ออยู่บนแผ่นหินเหมือนกัน แต่ทำไมเขาถึงถูกทุบตีคนเดียว แต่หลิงฮันกับฮูหนิวกลับทำให้นางรู้สึกพึงพอใจ?
นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงและพูดว่า “หรือว่าอันดับหนึ่งที่จริงแล้วคืออ้วนหม่า?”
ราชินีหยินพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้วมันเป็นเจ้าอ้วนหม่า! อย่างไรก็ตาม เมื่อก่อนจักรพรรดิของข้าไม่เคยเป็นชายอ้วนแบบนี้มาก่อน แต่เขาเป็นคนที่หล่อเหลาและหล่อเหลามาก ถึงทำให้หัวข้าต้องหวั่นไหว”
หลิงฮันไม่อาจจิตนาการรูปร่างของอ้วนหม่าตอนผอมและหล่อเหลาได้เลยแม้แต่น้อย
“เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งยิ่งนัก ถึงทำให้อันดับของเขาตกลงมาได้ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าอ้วนหม่านั่นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ว่าพวกเราแปดราชาจะร่วมมือกันก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้” ราชินีหยินกล่าว “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดิของข้าถึงเห็นคุณค่าในตัวเจ้า แม้แต่ราชินีผู้นี้ยังต้องอับอาย”
อ้วนหม่าเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์!
หลิงฮันไม่อาจคาดเดาเรื่องของอ้วนหม่าได้เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นจอมยุทธรที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีต แม้แต่ปัจจุบัน? ไม่ มันไม่ถูกต้อง อ้วนหม่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แล้วทำไมเขาถึงปิดผนึกตัวเอง? ด้วยความแข็งแกร่งของเขายังไม่พอที่จะเปิดสวรรค์?
มันจะไม่มีความก้าวหน้าถ้าปิดผนึก แม้ว่าผนึกจะคงอยู่หนึ่งแสนปี แต่ระดับบ่มเพาะพลังก็ยังคงหยุดอยู่กับที่เหมือนกับเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน แม้จะมีการไหลเวียนของกระแสเวลา แต่ก็จะทำให้แก่ขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่เข้าใจเลย!
หลิงฮันลดเสียงของเขาลงและพูดว่า “แล้วท่านมีความสัมพันธ์กับจักรวรรดิที่ปกครองยุคโบราณอย่างไร?”
“ฮึ่ม นี่เจ้าไม่รู้หรือรึว่าจักรวรรดิโบราณเรียกว่าจักรวรรดิจันทราม่วง?” ราชินีหยินหัวเราะ
หลิงฮันตัวสั่นและพูดว่า “จักรวรรดิโบราณนี้ถูกก่อตั้งโดยพวกท่าน?”
“แน่นอนอยู่แล้ว จักรพรรดิได้รวบรวมแผ่นดินใหญ่ที่มีแปดราชาปกครองอยู่ให้กลายเป็นหนึ่ง แล้วห้านิกายโบราณจะนับเป็นอะไรได้? การต่อสู้ที่ผ่านมาพวกเราต่อสู้กันอย่างดุเดือดและยังปล้นความมั่งคั่งของพวกมันไป ไม่ปล่อยให้พวกมันปิดผนึกจอมยุทธที่แข็งแกร่งและทำลายมรดกของพวกมัน!” ราชินีหยินหัวเราะ “อย่างไรก็ตาม มีใครบางคนให้การสนับสนุนพวกมันอยู่ เมื่อพวกข้าตื่นขึ้นมา ความพ่ายแพ้ในอดีตของอีกฝ่ายกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ข้าไม่อยากรู้เลยว่าจะพูดยังไงดี!”
นางพูดไม่เบาเสียงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินเรื่องที่น่าพูดอย่างชัดเจน และช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกตกตะลึง
มันกลับกลายเป็นว่าจักรวรรดินั้นแข็งแกร่งมากจนครั้งหนึ่งรวมทวีปเทียนฮงให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ และแม้แต่ห้านิกายโบราณยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกำลังกลับมาแล้ว ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะมีพลังน่าสะพรึงกลัว เพียงแค่ไม่กี่เดือน พวกเขาก็สามารถยึดดินแดนในภูมิกลางได้เกือบจะครึ่งหนึ่งแล้ว
ราชินีหยินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกข้าปิดผนึกตัวเอง จำนวนของจอมยุทธที่แข็งแกร่งของห้านิกายโบราณนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นมากจากแต่ก่อนอย่างน้อยสองเท่า และนี่กใ้ล้จะครบหนึ่งหมื่นปีแล้ว ซึ่งพวกข้ายังมีราชาอีกสี่คนที่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นก่อนที่พวกมันจะเริ่มกวาดล้างพวกเรา”
นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แค่ราชาสี่คนที่ถูกปลุกขึ้นให้ตื่นขึ้นมายังแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าแปดราชากลับมารวมตัวกันอีกครั้งโลกคงจะต้องสยบต่อพวกเขาอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น หม่าตั๋วเปายังไม่ได้เป็นคนลงมือเอง
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “แล้วทำไมพวกเจ้าถึงปรากฏตัวออกมาชาขนาดนี้?”
“กาลเวลาเป็นฝ่ายผิด” ราชินีหยินส่ายหัว “ในตอนนั้นสภาพแวดล้อมของสวรรค์และปฐพีเลวร้ายมาก วิถียุทธยังห่างไกลจากจุดสูงสุด ดังนั้น-” นางชี้ไปที่สวรรค์ “แม้ว่าความแข็งแกร่งของจักรพรรดิของข้าจะน่าทึ่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้ ดังนั้นพวกข้าจึงต้องปิดผนึกตัวเองและรอคอยเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง”
และตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด สภาพแวดล้อมของโลกอุดมสมบูรณ์มากและความแข็งแกร่งโดยรวมของทวีปฮงเทียนอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบหลายหมื่นปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าจักรวรรดิสามารถหยิบยืมพลังแห่งจักรภพได้
“ถ้างั้นสถานที่แห่งนี้เป็นของท่านอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว แล้วเจ้าคิดว่าราชินีอย่างข้าจะไล่ตามตำหนักโอสถนั่นไปเพื่ออะไร?” ราชินีหยินกล่าว
“ตำหนักที่มีขานั่นคือตำหนักโอสถ?” ปากของหลิงฮันกระตุก นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นตำหนักนั่นบินผ่านอยู่บนท้องฟ้ามาก่อน
“ตำหนักโอสถถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของแร่เหล็กระดับพระเจ้า ที่จริงแล้วมันคือเตาหลอมเม็ดยา แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปอย่างเนิ่นนาน ทำให้มันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” ราชินีหยินกล่าว “ยังไงก็ตาม เพราะพวกข้าหลับไหลนานเกินไป แม้แต่แร่เหล็กระดับพระเจ้ายังมีความก้าวหน้าและมีสติปัญญาเป็นของตนเอง และหลงลืมข้าผู้นี้ไปแล้ว!”
หลิงฮันพูดว่า “ถ้าท่านจับมันได้แล้วหรือยัง?”
“ยัง!” ราชินีหยินรู้สึกโกรธมาก “เจ้าตำหนักโอสถนั่นค่อนข้างแข็งแกร่งขึ้นมามากทีเดียวหลังจากที่เวลาผ่านมานานหลายปี และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในโลกจับมันได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากจักรพรรดิของข้า”
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกสงสัย “แล้วมันมีโอสถอะไรอย่างนั้นรึ?” เขาเป็นจักรพรรดินักปรุงยาจึงเป็นธรรมดาที่จะให้ความสนใจมันเป็นพิเศษ
“เม็ดยาดารานิรันดร์” ราชินีหยินกล่าว
ใบหน้าของหลิงฮันกระตุกทันทีและพูดว่า “นั่นมันเป็นยาระดับศักดิ์สิทธิ์!” เม็ดยาที่มีระดับสูงกว่าระดับสวรรค์คือเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ จอมยุทธระดับทลายมิติที่กินมันและไม่สามารถดูดซับมันได้ร่างกายของพวกเขาจะระเบิด เม็ดยาดารานิรันดร์เป็นหนึ่งในเม็ดยาที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถทำให้ตัวตนระดับพระเจ้ายังแข็งแกร่งขึ้น
หลิงฮันไม่รู้ว่ามันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เพราะเขาไม่รู้จักระดับของเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์
“ใช่แล้ว ถ้าพวกข้าได้รับมันมาแผนการต่อไปก็จะง่ายเหมือนตัดเค้ก แต่ข้าไม่คิดเลยว่าตำหนักโอสถจะกล้าเมินราชินีอย่างข้า!” ราชินีหยินรู้สึกโกรธยิ่งกว่าเก่า
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องรีบ พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ”
แม้ว่าห้านิกายโบราณจะถูกกำจัดออกไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเปิดสวรรค์ได้สำเร็จสักหน่อย
“จริงสิ ในเมื่อเจ้าได้เข้าไปในตำหนักยุทธภัณฑ์แล้ว เจ้าได้รับสมบัติอะไรมา?” ราชินีหยินถาม
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและพูดว่า “ข้าได้ดาบเล่มนี้มา”
ราชินีหยินรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “ดาบอันดับในใต้หล้าที่แท้ตกอยู่ในมือของเจ้านี่เอง อ้วนหม่าเคยพูดว่าไม่มีใครในโลกสามารถนำมันออกมาได้นอกจากเขา”
“เจ้าช่างเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก นี่เป็นเพียงสมบัติชิ้นเดียวที่จักรพรรดิของข้าสร้างมันขึ้นมากับมือ และพลังของมัน…แม้แต่ข้ายังไม่อาจจินตนาการได้!”
ตอนที่ 725
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกขบขัน อ้วนหม่าไม่ได้ทิ้งชื่อตัวเองว่าอันดับหนึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นคนสร้างดาบอันดับหนึ่งในใต้หล้า เขาแกว่งดาบไปมาและพูดว่า “ดาบเล่มนี้ใช้ได้ทีเดียว”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ราชิหนีหยินกล่าว
หลิงฮันรู้สึกสงสัย เขาถามว่า “แล้วบนดาบมันเป็นรูปแบบอาคมอะไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าควรจะไปถามเจ้าอ้วนนั่นด้วยตัวเอง” ราชินีหยินโบกมือปฏิเสธ
หลิงฮันคิดอยู่ในใจว่าอ้วนหม่าน่าจะเป็นปรมาจารย์รูปแบบอาคม และใช้มันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เหนือกว่าอัจฉริยะทุกคนตั้งแต่อดีต
“เนื่องจากข้าไม่สามารถจับตำหนักโอสถนั่นได้ ข้าไม่สนใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว” ราชินีหยินกล่าว “ข้าเกลียดนักที่ปล่อยให้เวลาต้องสูญเปล่า ข้าจะต้องขุดราชาอีกสี่คนให้เร็วที่สุด และเมื่อแปดราชากลับมารวบตัวกันอีกครั้ง เพียงแค่คิดก็ทำให้ราชินีอย่างข้าตื่นเต้นแล้ว”
“ไป!” นางขี่สิงโตและทะยานออกไป
สมบัติที่น่าอัศจรรย์ขนาดนั้นนางยังไม่สนใจมันแม้แต่น้อยและตัดใจจากมันได้อย่างง่ายดาย แต่นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนาง แม้ว่ามันจะตกอยู่ในมือของคนอื่น นางก็ไม่ได้สนใจ
“เจ้าหนุ่ม นี่สำหรับเจ้า!” ราชินีหยินโยนบางอย่างให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันคว้ารับมันไว้และพบว่ามันเป็นผลึก เขาจึงส่งสัมผัสสวรรค์เข้าไป พรึบ แผนที่ปรากฏอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาทันที รูปภาพสามมิติที่สามารถขยายได้อย่างไม่จำกัด ทำให้เขาสามารถเห็นี่ยละเอียดต่างๆของทุกพื้นที่
นี่คือแผนที่เขตแดนลี้ลับแห่งนี้!
หลิงฮันจำได้ทันที ตอนแรกมันเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ จากนั้นก็เป็นทะเล แล้วก็เป็นที่ราบอีกครั้งก่อนที่จะเป็นทะเลทราย ซึ่งตรงกับสถานที่ที่เขาเคยเดินทางมาก่อนหน้านี้
บนแผนที่ยังแสดงเครื่องหมายให้เห็นว่าด้านหน้าเป็นพื้นที่ของสัตว์อสูร ซึ่งเขารู้อยู่แล้ว และตอนนี้ที่ที่เขาอยู่แต่เดิมมันไม่ได้เป็นทะเลทราย แต่ด้วยการล่มสลายของจักรวรรดิจันทราม่วงทำให้เปลวเพลิงเผาผลาญทุกสิ่งทุกกอย่าง แม้กระทั่งพื้นดินยังกลายเป็นทะเลทราย
จากนั้นก็มีสวนสมุนไพร ซึ่งมีสมุนไพรล้ำค่ามากมายหลายชนิด และด้านหลังสวนสมุนไพรคือพระราชวังจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิจันทราม่วง ซึ่งมี “ตำหนักตำรา” อยู่ ซึ่งมีทักษะลับและเทคนิคมากมายที่ถูกรวบรวมโดยจักรวรรดิจันทราม่วงอยู่ในนั้น
ราชินีหยินยังทำเครื่องหมายเขียนไว้ว่า ‘ผนึกพลิกปฐพี’
นี่เป็นทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์!
หลิงฮันรู้สึกตื่นเต้น แม้เขาจะมีทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์สามทักษะแล้ว แต่ถ้าจะฝึกฝนทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์เพิ้มอีกหนึ่งทักษะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แม้มันจะตรงกับสำนวนที่ว่ากัดคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวลงไปได้ก็ตาม
ถ้ามันไม่เหมาะกับเขา เขาก็จะไม่เสียเวลากับมันและพลังมากเกินไปที่จะเข้าถึง
หลิงฮันดึงสติของตัวเองกลับมาและพูดว่า “ไปกันเถอะ” เขากำลังจะไปที่สวนสมุนไพรว่าหลังจากที่ผ่านมาอย่างน้อยสองแสนปีมันจะอุดมสมบูรณ์มากน้อยเพียงแค่ไหนกัน?
“เจ้าคิดยังคิดที่จะไปไหนอีกรึ?” เจี่ยหมิงเค้นเสียงพูดและจ้องเขม็งไปที่หลิงฮันอย่างเยือกเย็นไร้จิตสังหาร
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจชั่วครู่และหัวเราะ “ข้าลืมไปเลยว่าเจ้ายังอยู่ที่นี่!”
“นี่เจ้า!” เจี่ยหมิงจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้ากล้าที่จะสู้กับข้าอีกหรือไม่?”
“ฮึ่ม เจ้าบรรลุระดับก้าวสู่เทวาแล้วแต่กลับถามข้าว่ากล้าสู้หรือไม่ นี่เจ้าไม่รู้สึกอายเลยหรือไง?” หลิงฮันหัวเราะเยาะ
เจี่ยหมิงแสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าอายุใกล้เคียงกับเจ้า แต่ระดับพลังของเจ้ากลับด้อยกว่าข้าเอง หรือมันไม่จริง?”
หลิงฮันยิ้มเยาะ ในความเป็นจริงถ้าต่อสู้กับคนอายุเท่ากันหรือในระดับพลังเดียวกันถึงจะเรียกว่ายุติธรรม เช่นเดียวกับอายุของพวกเขา อัจฉริยะนั้นอายุห่างกันแค่ปีหรือสองปีมีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างเช่นหลิงฮัน เขามั่นใจว่าจะทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาได้ก่อนอายุยี่สิบปี และเมื่อเขาอายุเท่าเจี่ยหมิง เขาอาจทะลวงผ่านระดับสวรรค์แล้ว…
มันไม่มีความยุติธรรมอย่างแท้จริงในโลกใบนี้
“ถ้าข้าไม่สู้กับเจ้าก็ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ ถ้างั้นมาสู้กัน!” หลิงฮันเดินไปที่ทะเลทรายและหันมามองเจี่ยหมิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะออกมาจากตำหนักก่อนเขา แต่มันกลับรอให้เขาออกมา นี่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมันว่าจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะฆ่าเขาได้
เจี่ยหมิงแสยะยิ้มและนำมีดโค้งออกมาซึ่งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ใบมีดสั้นมาก หากจับไว้ในมือมันจะเหมือนกับมีมีดแหลมคมโผล่ออกมาจากหมัด
หรือว่านี่จะเป็นอาวุธวิญญาณที่เขาได้รับมาจากตำหนักยุทธภัณฑ์?
เจี่ยหมิงเองก็มีชื่ออยู่บนแผ่นหิน แม้ว่าจะไม่น่าตกตะลึงเท่าหลิงฮันกับฮูหนิว แต่สมบัติที่เขาได้รับจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
หลิงฮันไม่ได้นำดาบสังหารออกมา เขาอยากจะลองสร้างการป้องกันจากการผสานกันระหว่างความแข็งแกร่งและอ่อนนุ่ม และวิธีแสดงความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับระดับก้าวสู่เทวา
“เป็นแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่กล้าที่จะท้าทายข้า!” เจี่ยหมิงกระโจนเข้าใส่หลิงฮันทันทีพร้อมกับกำปั้น เจตจำนงที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หมัดของเขาเปล่งประกาย
หลิงฮันกำหมัดและห่อหุ้มกำปั้นของเขาด้วยพลังปราณ และปล่อยหมัดทั้งสองข้างออกไปปะทะซึ่งกันและกัน
พวกเขาทั้งสองคนต่างฝึกฝนบ่มเพาะกายาด้วยกันทั้งคู่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินกันด้วยการต่อสู้ระยะประชิด
ความสำเร็จในการบ่มเพาะกายาของเจี่ยหมิงค่อนข้างดีทีเดียว และแต่เขายังมีระดับพลังที่สูงกว่าหลิงฮัน ดังนั้นกายหยาบของพวกเขาทั้งสองคนจึงอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
และด้านอ่อนนุ่มล่ะ?
หมัดที่ปะทะซึ่งกันและกันทำให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นมาและกระจายออกไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง ถ้าคนทั่วไปปะทะกันกระดูกของพวกเขาคนแตกหักไปแล้ว
“หืม?” เจี่ยหมิงรู้สึกแปลกใจที่ตระหนักได้ถึงการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและอ่อนนุ่มจากหลิงฮัน ซึ่งก่อนหน้านี้หลิงฮันมีแค่ความแข็งเพียงอย่างเดียว
กายหยาบของเขายกระดับขึ้นอีกระดับแล้วด้วยการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนนุ่ม ทำให้เขามั่นใจว่าจะสยบหลิงฮันได้ แต่เขากลับไม่คาดคิดเลยว่าหลิงฮันจะก้าวหน้าขึ้นและเขาใจถึงความหมายของคำว่าอ่อนนุ่มและทำให้ระดับพลังป้องกันของพวกเขาทั้งคู่กลับมาอยู่ในระดับเดียวกัน
หากพลังป้องกันใกล้เคียงกัน เช่นนั้นมาดูที่พลังโจมตี
เจี่ยหมิงยิ้มกว้างและเผยสีหน้าที่โหดร้ายออกมา อาวุธในมือของเขาเริ่มเปล่งแสงที่เยือกเย็นออกมา ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกน่าขนลึกและพุ่งใส่หลิงฮัน
ฉึก หลิงฮันยกศอกขึ้นมาป้องกันและทันใดนั้นโลหิตก็พุ่งออกมาแล้วทิ้งรอยแผลไว้ที่ข้อศอกของเขา
หลิงฮันจ้องมองไปที่อาวุธของเจี่ยหมิง มันน่าจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง แม้จะไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกมา แต่ก็ยังทำให้เขาได้รับบาดแผล
นั่นเป็นเพราะพลังของอีกฝ่ายสูงกว่าเขามาก หลังจากที่ใช้อาวุธวิญญาณจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อีกฝ่ายจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่อย่างไรก็ตาม พลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ได้ทำให้เขามีกายหยาบที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังรักษาบาดแผลได้ด้วย!
บาดแผลของหลิงฮันหายไปในทันที ซึ่งสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ถ้าไม่จ้องมองไปที่บาดแผลของเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่าเขาได้รับบาดเจ็บมาก่อน!
เมื่อเห็นบาดแผลของหลิงฮันหายไปอย่างรวดเร็วช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของเจี่ยหมิงจะเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนที่ 726
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ้าก็ยังมีแต่ความคิดที่จะบาดหมางกับข้า!”
ดวงตาของหลิงฮันปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เขาถูกเจียหมิงตามตอแยมาหลายคราแล้ว ถ้าหากต้องลงมือสังหารจริงๆเขาก็จะไม่ลังเล
เจียหมิงเค้นเสียง เขารู้แล้วว่าแม้จะด้วยระดับพลังบ่มเพาะที่มากกว่าถึงหนึ่งระดับใหญ่ก็ไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้ เจียหมิงคำรามและเปล่งเสียงประหลาดออกมาจากลำคอ เส้นโลหิตทั่วร่างของเขาโป่งพองราวกับมีอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจะออกมาจากร่าง
หลิงฮันไม่กล้าประมาท พลังของอีกฝ่ายนั้นได้รับการยอมรับจากแผ่นหินประเมินยุทธโดยให้อยู่ถึงอันดับที่ห้าสิบห้า ถึงแม้ตอนนี้เจียหมิงจะยังไม่ได้พัฒนาพลังต่อสู้ของตัวเองไปถึงจุดสุดยอด แต่เขาก็ไม่กล้าจะเมินเฉย
“สี่มารอสรพิษ!” เจียหมิงคำรามและใช้กระบี่โจมตีใส่ท้องของหลิงฮัน
หลิงฮันคิดจะปัดป้องข้อมือของอีกฝ่าย แต่ข้อมือของเจียหมิงนั้นราวกับเป็นแป้งทำขนม ข้อมือของเขาบิดหมุนเป็นวงกลมก่อนที่จะอ้อมจู่โจมใส่หน้าอกของเขา
หลิงฮันตกตะลึง นี่เจ้าหมอนี่มีกระดูกรึเปล่า? ทำไมถึงสามารถบิดข้อมือของตนเองให้เป็นเช่นนี้ได้?
นี่ไม่ใช่ความอ่อนนุ่ม แต่ต้องเป็นทักษะลับอะไรบางอย่าง
ราวกับว่าข้อมือของเจียหมิงเป็นเหมือนกับกระดูกของงูที่เลื้อยไปมาได้อย่างอิสระ!
ร่างของหลิงฮันพุ่งถอยหลัง การโจมตีเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมยุทธทั่วไปจะใช้ออกได้ด้วยปราณก่อเกิด มีเพียงร่างกายที่ฝึกฝนมาด้วยวิธีพิเศษเท่านั้นถึงจะทำได้
เจียหมิงปล่อยหมัดออกมาอีกครั้ง คราวนี้แขนของเขาได้เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นอสรพิษยักษ์ หัวของอสรพิษอ้าปากกว้างและพุ่งเข้ากัดหลิงฮัน
หมัดนี้รวดเร็วจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงฮันจะหลบหลีกได้ทัน ‘ฟุบ’ หมัดอสรพิษพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงฮัน
“หืม?” เจียหมิงขมวดคิ้ว หมัดของเขาโจมตีไม่โดนหลิงฮัน
‘ฟุบ’ ร่างของหลิงฮันกลายเป็นเส้นสายฟ้า เขาปรากฏตัวอีกครั้งในตำแหน่งที่ห่างออกไปสามฟุตและหัวเราะออกมา “เมื่อครู่เกือบไปเหมือนกัน! ทักษะของเจ้าไม่เลวเลย ถือว่าพอจะใช้ได้อยู่บ้าง”
ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา เขาฝึกฝนมันจนบรรลุระดับต้นแล้ว แน่นอนว่าความเร็วของเขาจะต้องเพิ่มขึ้น
“เพื่อสังหารเจ้า แค่ทักษะ ‘พอใช้ได้’ ก็เพียงพอแล้ว!” เจียหมิงเพิ่มพลังต่อสู้ของตนเองให้สูงขึ้นเพื่อสังหารหลิงฮัน
เขาคือสุดยอดอัจฉริยะของนิกายมังกรปฐพี แต่ทั้งๆที่เขามีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮัน เขากลับมีพลังต่อสู้ที่ไม่ได้เปรียบหลิงฮัน แถมทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาของหลิงฮันยังช่วยให้สามารถหลบการโจมตีของเขาได้อีก
“ยังไงวันนี้ก็ต้องเป็นวันตายของเจ้า!” เจียหมิงคำรามและหวังที่จะสังหารหลิงฮันให้ตายทันที
“พูดกับลงมือทำความยากมันต่างกัน” หลิงฮันกล่าวอย่างใจเย็น ก่อนหน้านี้เขาแค่ต้องการทดสอบพลังป้องกันของร่างกายตนเองเท่านั้น เขายังไม่ได้ใช้พลังต่อสู้ที่แท้จริงออกมา
“ประโยคนั่น ข้าจะนำมันไปสลักไว้บนหลุมศพของเจ้า! เมื่อเจ้าตายโลกจะได้รับรู้ว่ามีคนโง่ที่อวดดีเช่นเจ้าอยู่!” เจียหมิงหัวเราะ กระบี่ในมือของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายอันเย็นชา
กระบี่ในมือของเจียหมิงเป็นสิ่งที่สามารถคุกคามพลังป้องกันของหลิงฮันได้ เพราะอย่างไรมันก็เป็นถึงอาวุธวิญญาณระดับสูงสุด หากถูกใช้ด้วยพลังของเจียหมิง แม้แต่แร่เหล็กระดับแปดก็ยังสามารถถูกตัดขาด
หลิงฮันไม่คิดจะเป็นฝ่ายรับการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป เขานำดาบสังหารออกมาและชี้ไปยังเจียหมิง “จงดูดาบของข้าเอาไว้!”
เจียหมิงมองไปยังดาบในมือหลิงฮันและอดที่จะแสดงสีน่าตกตะลึงออกมาไม่ได้ “รูปแบบอักขระของดาบนั่น!”
แม้อาวุธวิญญาณจะเป็นรูปแบบของดาบ แต่มันถูกสลักเอาไว้ด้วยรูปแบบอักขระนับไม่ถ้วน และรูปแบบอักขระเหล่านั้นก็ลึกลับเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
“การที่ได้ตายด้วยดาบเล่มนี้ นับว่าเจ้าไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจอีกแล้ว!” หลิงฮันสะบั้นดาบออกไป แม้ก่อนหน้านี้เขาจะไม่สามารถใช้อำนาจของรัศมีดาบได้อย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้ต่างออกไปแล้ว ดาบสังหารนั้นถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับพระเจ้า แถมมันยังมีอักขระที่ทรงพลังสลักเอาไว้อีก รัศมีดาบที่ใช้ออกด้วยดาบเล่มนี้จึงมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
‘ครืนน’ เมื่อดาบถูกกวัดแกว่ง พลังมหาศาลของมันนั้นราวกับว่าจะสามารถทำลายได้แม้แต่ปฐพี
“เหอะ ข้าคือจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา เกรงว่าเจ้าจะไม่มีทางทำเช่นนั้นได้!” เจียหมิงกำหมัดแน่นเพื่อสร้างอสรพิษและโจมตีใส่หลิงฮัน
‘พรึบ’ รูปแบบอักขระบนดาบสังหารส่องประกายเพียงเจ็ดเส้น แต่เพียงแค่นั้นอำนาจของมันก็น่ากลัวจนบดขยี้อสรพิษยักษ์แหลกเป็นเสี่ยงๆ
แบบหน้าของเจียหมิงเปลี่ยนเป็นมืดมน เขารู้ว่าดาบของหลิงฮันนั้นทรงพลัง แต่ไม่เคยคิดว่าจะขนาดนี้ พลังทำลายล้างของมันสามารถเปรียบได้ด้วยคำเพียงคำเดียวคือ ‘น่ากลัว’
เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสมบัติเช่นนั้นอยู่บนโลก?
เจียหมิงคำรามอีกครั้งและปลดปล่อยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา เงาเหมือนจริงรูปงูด้านหลังของเขาสลายหายไปและแทนที่ด้วยมังกรปฐพีที่แท้จริง การใช้ออกทักษะนี้ทำให้เขาต้องรับกับความเจ็บปวดมหาศาล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเส้นโลหิตที่ปวดบวมที่ราวกับว่าใกล้จะระเบิด
เมื่อคำรามเสร็จสิ้น เงามังกรด้านหลังของเขาก็มั่นคงพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมา
มังกรนั้นแหงนหน้าของมันขึ้น บนใบหน้าของมันไม่มีอวัยวะใดๆให้เห็นนอกจากส่วนปาก ทั่วทั้งร่างและแขนขาของมันเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยม
“ตาย!” เจียงหมิงชี้ไปยังหลิงฮัน หลังจากนั้นมังกรก็พุ่งเข้าใส่หลิงฮันทันที
เร็วมาก!
เจีมหมิงหัวเราะและกล่าว “หลิงฮัน ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!”
ใบหน้าของเขาซีดขาวเล็กน้อย แต่ก็ยังประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด
นี่คือไพ่ลับที่แท้จริงของเขาซึ่งมีความต้องใช้สายเลือดในการกระตุ้นใช้งาน ถึงแม้ว่าตอนนี้สายเลือดของเขาจะยังไม่บรรลุถึงจุดสุดยอดซึ่งทำให้เขาใช้กระบวนท่านี้ได้อย่างยากลำบากและต้องแบกรับผลกระทบที่สาหัส
แต่นั่นก็ช่างมันปะไร ถึงแม้มังกรตัวนี้จะเป็นเพียงเงาเสมือนจริงที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อกายหยาบได้ แต่มันก็ยังสร้างความเสียหายต่อสิ่งอื่นได้!
วิญญาณของหลิงฮันจะต้องถูกมังกรปฐพีกลืนกิน ถึงแม้จิตวิญญาณจะยังไม่สลายหายไป แต่ก็คงจะเหลือแค่เป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ด้วยวิญญาณเช่นนั้นเจ้าจะแสดงพลังต่อสู้ออกมาได้เท่าไหร่กันเชียว?
ภายใต้อำนาจอันทรงพลังของมังกรปฐพี เจียหมิงพุ่งออกไปราวกับคนบ้าเพื่อหวังสังหารหลิงฮันที่อยู่ตรงหน้า กระบี่ในมือของเขาพุ่งเล็กไปยังคอของหลิงฮัน
‘ตายไปซะ!’
มุมปากของเขาแสยะยิ้ม ในที่สุดเขาก็จะได้สังหารมารในจิตใจตรงหน้าเสียที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น