Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 707-710
ตอนที่ 707
“ไร้สาระ!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา “ตั้งแต่ยุคโบราณ นิกายกระบี่ไร้เทียมทานสังหารผู้คนไปเท่าไหร่แล้ว? ทำไมเจ้าถึงไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนเหล่านั้นบ้างล่ะ? โลกนี้คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ทุกสิ่งล้วนตัดสินด้วยพลัง!”
ฉือชิ่วเหรินยิ้มและตอบกลับ “เจ้ากล้าพูดว่าจะตัดสินด้วยกำลังต่อหน้าข้า?”
“ต่อเจ้าแล้วจะทำไม?” หลิงฮันยอกย้อน
ฉือชิ่วเหรินชูนิ้วขึ้นมา ‘พรึบ’ ทันใดนั้นรัศมีกระบี่ก็พุ่งใส่หลิงฮัน
รัศมีกระบี่เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาด มันเจิดจ้าจนทำให้ดวงตารู้สึกเจ็บปวด
หลิงฮันยกหมัดและชกเข้าใส่รัศมีกระบี่อย่างแม่นยำ
ตูม!
รัศมีกระบี่แตกสลาย แต่หลิงฮันก็ถูกพลักให้ถอยหลังไปกว่าสิบฟุต
จูเสวียนเอ๋อแลพคนอื่นๆเป็นกังวล ฉือชิ่วเหรินแข็งแกร่งเกินไป!
ฉือชิ่วเหรินยิ้มและกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าเอาแต่ฝึกฝนเพื่อให้บรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่ ดังนั้นระดับพลังของข้าถึงพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหลังจากที่ข้าสร้างแก่นแท้กระบี่ได้สำเร็จ ในที่สุดข้าก็สามารถตั้งสมาธิไปกับการบ่มเพาะพลังและพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากระดับตัวอ่อนวิญญาณมายังระดับก้าวสู่เทวา”
ว่าไงนะ? ระดับพลังสามารถเลื่อนระดับได้เพียงแต่ตั้งสมาธิ?
หลิงฮันชักหมัดกลับมา โลหิตจากมือของเขาไหลหยดลงพื้นหญ้าทำให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า นี่เป็นเพราะเขาบ่มเพาะทักษะกายา โลหิตทุกหยดของเขาจึงหนักหน่วงราวกับขุนเขา
ร่างของเขาในตอนนี้คือกายาเพชร กายหยาบของเขาสามารถเทียบได้กับแร่เหล็กระดับแปด แต่รัศมีกระบี่ของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาบาดเจ็บได้ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ที่น่าทึ่งขนาดไหน
ด้วยระดับพลังที่สูงกว่าที่ผสานรวมกับความเข้าใจในแก่นแท้กระบี่ มันทำให้รัศมีกระบี่ของฉือชิ่วเหรินไร้พ่ายอย่างแท้จริง
นี่เป็นเพียงแต่การโจมตีผ่านนิ้วเท่านั้น แล้วถ้าหากเขาใช้อาวุธวิญญาณระดับสิบล่ะ?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อายุของข้ายังไม่ถึงบรรลุแม้แต่ยี่สิบปี สำหรับข้าการจะบรรลุระดับก้าวสู่เทวาก่อนอายุยี่สิบปีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น การสร้างแก่นแท้แห่งดาบไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า เจ้าคิดว่าเจ้ามีพรสวรรค์มากกว่าข้างั้นรึ? เจ้าไม่รู้สึกอับอายบ้างหรืออย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
ก่อนหน้านี้พวกเขามองแค่พลังต่อสู้และทักษะกระบี่ฉือชิ่วเหริน แต่ลืมคิดถึงอายุและพลังต่อสู้ในตอนนี้ของหลิงฮัน
พรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดของของหลิงฮันนั้นไม่อ่อนด้อยไปกว่าใคร!
ฉือชิ่วเหรินยิ้ม “เจ้าคิดว่าแก่นแท้แห่งวรยุทธสามารถบรรลุได้ง่ายๆ? ข้าฝึกฝนทักษะกระบี่มาตั้งแต่อายุห้าขวบ แม้แต่ตอนนอนข้าก็กอดกระบี่ไม่ห่างกาย ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อในที่สุดข้าก็ใช้เวลาเพียงสิบหกปีในการบรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่”
“นั่นเป็นเพราะเจ้าโง่งมเกินไป อัจฉริยะเช่นข้าเพียงแค่ห้าหรือหกปีก็พอแล้ว!” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ
ฉือชิ่วเหรินขยับมือ ‘พรึบ พรึบ’ หญ้าบนพื้นลอยขึ้นมาอยู่ในกำมือของเขา “งั้นข้าจะใช้หญ้าก้านนี้แทนกระบี่และตัดหัวเจ้าซะ”
คิดจะใช้ก้านหญ้าแทนกระบี่? ช่างมั่นใจในตัวเองอะไรเช่นนี้
หลิงฮันไม่หวาดกลัว เขาชักนำให้หญ้าบนพื้นมาอยู่ในมือและกล่าว “งั้นข้าก็ขอดูพลังของเจ้าหน่อยแล้วกัน”
ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเขาก็ยิ่งได้รับแรงกดดันมากขึ้น นี่คือสิ่งที่จะช่วยให้เขาเข้าใจในวิถีแห่งแก่นแท้ดาบ
แก่นแท้แห่งดาบ… ขั้นที่สามของวิถีแห่งดาบซึ่งเป็นขั้นที่สูงที่สุด มันไม่เหมือนกับรัศมีดาบที่ต้องใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับปราณดาบเป็นรากฐาน
หลิงฮันสร้างรัศมีดาบได้สำเร็จแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะบรรลุระดับพลังที่สูงมากแค่ไหนหรือมีพัฒนารัศมีดาบให้แข็งแกร่งึข้นเท่าใด มันก็ไม่ช่วยให้เขาบรรลุแก่นแท้ดาบได้
หรือก็คือแก่นแท้ดาบนั้น ต้องใช้ความเข้าใจในรูปแบบใหม่
หลิงฮันมั่นใจอย่างมาก เขาได้รับเจตจำนงดาบของเฟิงโปยุนมาแล้วครั้งนึง ซึ่งมันคือเจตจำนงแก่นแท้แห่งทางที่เปิดทางสว่างให้กับเขา
แต่แทนที่จะเดินตามแก่นแท้แห่งดาบของเฟิงโปหยุน หลิงฮันเลือกที่จะเดินไปยังวิถีแห่งดาบของตนเอง
เอาล่ะ จงมอบแรงกดดันให้ข้า!
หลิงฮันยิ้มและเปิดฉากจู่โจมก่อน หญ้าในมือของเขาถูกใช้แทงออกไปและปลดปล่อยอำนาจของรัศมีดาบอันเจิดจ้าออกมา
ฉือชิ่วเหรินไม่หวั่นเกรง เขาตอบโต้โดยการใช้รัศมีกระบี่โจมตีไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันทะยานขึ้นท้องฟ้าและกล่าว “มาสู้กันบนท้องฟ้า!”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็น แต่เป็นการสู้เพื่อตัดหัวเจ้า!” ฉือชิ่วเหริน ทะยานขึ้นฟ้าตามไป หญ้าในมือของเขาสั่นไหวพร้อมกับรัศมีกระบี่ที่เต้นรำไปทั่วท้องฟ้า
หลิงฮันโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา ความเร็วของเขาว่องไวราวกับภูตผี
แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือความเร็วของฉือชิ่วเหรินนั้นไม่ได้เชื่องช้าไปกว่าเขาเลย
ถึงแม้ฉือชิ่วเหรินจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา แต่เขาก็มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้เขาเคลื่อนไหวได้รวดจนเทียบเท่าจอมยุทธระดับสวรรค์
เพราะงั้นความเร็วของเขาจึงไม่ได้ช้าไปกว่าหลิงฮัน
ทั้งสองคนเคลื่อนที่ว่องไวจนแทบจะเหนือกว่าขีดจำกัดของจอมยุทธระดับสวรรค์ พวกเขารวดเร็วจนผู้คนเบื้องล่างไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า
หลิงฮันตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่หนักแน่นและสถานการณ์ที่อันตราบ
อะไรคือแกนแท้กระบี่?
มันคือแก่นแท้แห่งวิถีวรยุทธที่ทำให้ประสาทสัมผัสของจอมยุทธพัฒนาไปถึงระดับที่เรียกว่าน่าสะพรึงกลัว ไม่ว่าศัตรูจะโจมตีมาในทิศทางใด ผู้ที่บรรลุแก่นแท้แห่งวรยุทธก็จะสามารถตอบสนองไปยังจุดอ่อนของการโจมตีที่พุ่งเข้ามาได้อย่างแม่นยำ
หรือกล่าวคือ ไม่ว่าหลิงฮันจะโจมตีแบบใด ฉือชิ่วเหรินก็จะตอบสนองกลับได้อย่างว่องไว นอกจากนั้นแล้วฉือชิ่วเหรินก็ยังมีระดับพลังที่สูงกว่าเขาด้วย ดังนั้นการโจมตีด้วยกระบี่ของฉือชิ่วเหรินจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบหลิงฮัน
สิ่งที่หลิงฮันได้เปรียบก็คือร่างกายที่แข็งแกร่ง แม้เขาจะถูกโจมตีบ้างเป็นบางครั้ง แต่รัศมีดาบของอีกฝ่ายก็สร้างความเสียหายได้เพียงแค่ผิวหนังของเขา เมื่อโคจรคัมภีร์สวรรค์ ผิวหนังของเขาก็กลับสู่สภาพเดิม
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหนิวไม่ได้ทำท่าทีกระโดดโลดเต้น ใบหน้าเล็กๆของนางแสดงออกถึงความตึงเครียด
หลิงฮันไม่อ่อนด้อยไปกว่าฉือชิ่วเหรินแน่นอน แต่สิ่งที่เขาเสียเปรียบก็คือระดับพลังที่ต่างกันหนึ่งระดับใหญ่!
“หลิงฮัน! จัดการมันเลย! บดขยี้หมอนั่นให้ตายไปเลย!” จู่ฮูหนิวก็ยกหมัดขึ้นและส่งเสียงให้กำลังใจหลิงฮัน
ตอนที่ 708
หลิงฮันและฉือชิ่วเหรินต่อสู้กันอยู่บนท้องฟ้า รัศมีดาบและกระบี่ของพวกเขาที่แสดงออกมานั้นน่าทึ่งมาก ราวกับท้องฟ้าจะพังทลาย
ในทางตรงกันข้ามทำให้การต่อสู้ระหว่างย่าวหุยเย่วกับอสูรศิลานั้นจืดจางไปในทันที แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ยังด้อยกว่าหลิงฮันกับฉือชิ่วเหริน ถึงขั้นทุกคนไม่สามารถจับตามองการต่อสู้ของหลิงฮันกับฉือชิ่วเหรินได้ทัน
อย่างน้อยพวกเขาก็ยังได้เห็นแสงที่กระทบกันของรัศมีดาบและกระบี่ที่ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า
ฉือชิ่วเหรินหยุดโจมตีกะทันหันและพูดว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกเสียดายเล็กน้อย หลิงฮัน ถ้าเจ้าสนใจที่จะเป็นศิษย์นิกายของข้า จงยอมรับข้าในฐานะอาจารย์แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
หลิงฮันส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “ข้าใช้ดาบ แต่เจ้ากำลังจะให้ข้าเข้าร่วมกับนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน นี่เจ้าคิดจะเปลี่ยนชื่อนิกายเพื่อสอนวิชาดาบให้กับข้าอย่างนั้นรึ?”
ฉือชิ่วเหรินพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “โลกของจอมยุทธอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน แล้วดาบกับกระบี่จะมีความแตกต่างกันอย่างไร?”
“ถ้างั้นต่อไปนี้เจ้าก็ใช้ดาบซะสิ” หลิงฮันหัวเราะ
ฉือชิ่วเหรินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “วันนี้ข้าจะจัดการเจ้า!”
“เจ้าพูดแบบนั้นออกมาแล้ว และตอนนี้ดูเหมือนคำพูดของเจ้าจะมีค่าไม่ได้มากไปกว่าตด” หลิงฮันกล่าว
ฉือชิ่วเหรินไม่แยแสคำพูดของหลิงฮัน แต่เตรียมพร้อมที่จะปะทะต่อ
ฮ่าฮ่าฮ่า ในขณะนั้นใครบางคนหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
ถ้าฉือชิ่วเหรินใช้อาวุธวิญญาณระดับสิบ ่เขาคงไม่แปลกใจ ในฐานะผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน หรือประมุขนิกายคนถัดไป ถ้าเขาไม่มีอาวุธที่เทียบกับอาวุธวิญญาณระดับสิบมันจะแปลกประหลาดแค่ไหน?
แต่ตอนนี้กระบี่ที่เขาใช้ไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับสิบ แต่เป็นกระบี่ที่เขรอะไปด้วยสนิม
หลิงฮันจ้องมองไปที่กระบี่เล่มนั้นและพูดว่า “หรือว่ามันจะเป็นกระบี่โบราณ?”
“กระบี่โบราณ” ฉือชิ่วเหรินพยักหน้าและใช้นิ้วมือลูบกระบี่ “ข้าใช้กระบี่เล่มนี้ตั้งแต่ตอนที่ข้าอายุห้าปี แต่ตอนนั้นข้ายังไม่ได้รับการยอมรับจากมันอย่างเต็มที่”
ยอมรับ?
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “จิตวิญญาณในอาวุธยังไม่ตายอย่างนั้นรึ?”
ฉือชิ่วเหรินส่ายหัวและพูดว่า “จิตวิญญาณอาวุธนั้นหายได้หายแล้ว แต่คนที่ใช้กระบี่เล่มนี้นั้นแข็งแกร่งมาก แม้เวลาจะผ่านไปนับไม่ถ้วน เจตจำนงของเขาก็ยังคงอยู่ในกระบี่ ถ้าข้ายังไม่ได้รับการยอมรับจากกระบี่ เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะใช้พลังของมันได้อย่างเต็มที่”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นน่าจะเป็นการเรียนรู้ซะมากกว่า”
“ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้รู้ กระบี่เล่มนี้มีชื่อว่า…กระบี่ไร้เทียมทาน!” ฉือชิ่วเหรินกล่าว
กระบี่ไร้เทียมทาน!
นั่นคือชื่อของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน? ไม่ ไม่ ไม่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีพระราชวังอย่างพระราชวังกระบี่ไร้เทียมทานอยู่ อย่างไรก็ตาม มันก็มีชื่อกระบี่ไร้เทียมทานอยู่เหมือนกัน หรือว่ามันจะเป็นเพราะกระบี่เล่มนี้ด้วย?”
คนที่ใช้กระบี่เล่มนี้ได้จะต้องเป็นคนแบบไหน? ทายาทของนิกายกระบี่ไร้เทียมทานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
สีหน้าของหลิงฮันดูแปลกใจมากยิ่งขึ้น เป็นไปได้มากว่ามันอาจเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ – อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความเสียหาย
เขานำดาบกำเนิดมารออกมาและถือดาบไว้ในมือซ้ายพร้อมที่จะกระโจนออกไป
ตู้ม ฉือชิ่วเหรินจ้องมองไปที่หลิงฮัน สีหน้าของเขาดูดุดันมากยิ่งขึ้นและสนิมบนกระบี่เริ่มเปล่งประกาย ราวกับตัวตนระดับสูงกำลังจะออกมาจากกระบี่ ทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจได้ยากลำบาก
หลิงฮันใช้พลังของดาบกำเนิดมาร แต่เรื่องที่เขาประหลาดใจคืออักขณะสีแถวบนดาบส่องแสงกว่าที่เคยเป็น
อาวุธวิญญาณระดับสิบ…เปิดใช้งานด้วยตัวเอง!
แน่นอนว่ากระบี่โบราณของอีกฝ่ายนั้นน่าสะพรึงกลัวมากเลยกระตุ้นดาบกำเนิดมาร เพราะอาวุธวิญญาณชิ้นนี้รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่ ถ้ามันไม่สำแดงพลังออกมาเพื่อต่อต้าน มันจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
อาวุธวิญญาณระดับสิบที่ตื่นขึ้นจะทรงพลังแค่ไหนกัน? มันเทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ!
ซึ่งหมายความว่าฉือชิ่วเหรินที่จับกระบี่ไร้เทียนทานมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ มันทำให้ผู้คนรู้สึกมึนงง กระบี่ของเขามันอะไรกันแน่ มันไม่ใช่อาวุธวิญญาณ แม้แต่อักขระบนตัวกระบี่ที่เปล่งประกายยังไม่มี มีเพียงแค่ร่องรอยของเจตจำนงดั้งเดิมของผู้ใช้
แล้วจะเป็นยังไงถ้าระดับพลังของฉือชิ่วเหรินสูงกว่านี้?
หลิงฮันสื่อสารกับหอคอยทมิฬว่า “หอคอยน้อย เจ้าคิดยังไงกับกระบี่เล่มนั้น?”
“มันทรงพลังพอที่จะสังหารเจ้า” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ
“เจ้าจะพูดอะไรที่มันน่าฟังกว่านี้ไม่ได้หรือไง?”
“ถ้าเป็นข้า ข้าสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง” หอคอยน้อยพูดออกมาอีกครั้ง
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก มันคิดจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง! เขาถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าสามารถพูดอะไรที่่เป็นจริงหน่อยมิได้หรือ?”
หอคอยน้อยหยุดพูดชั่วครู่และพูดว่า “ถ้าเจ้าใช้พลังก่อเกิดควบคู่กับดาบกำเนิดมารอาจจะรับมือกับมันได้”
หลิงฮันรู้สึกไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก เขาทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว และสามารถใช้พลังของหอคอยทมิฬได้ แต่ใช้มันในสถานที่แห่งนี้ทำให้เขารู้สึกไร้ค่า แต่ถ้าเขาต้องการหลบหนี มันจะน่าอึดอัดยิ่งกว่า
“ตกลง ถ้างั้นมอบพลังให้กับข้า!” หลิงฮันตัดสินใจแล้ว
ฉือชิ่วเหรินใช้กระบี่ไร้เทียนทานมันดูขี้โกงเกินไป มีเพียงแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถต่อกรด้วยได้ แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังรับมือไม่ไหว
ตู้ม!
พลังปราณก่อเกิดที่เอ่อล้นออกมาทำให้กลิ่นอายของหลิงฮันน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณก้าวเข้าสู่ระดับก้าวสู่เทวา และหยุดอยู่ที่ระดับก้าวสู่เทวาขั้นสาม
หลิงฮันยังไม่ยอมแพ้ เขานำเม็ดยาเม็ดยาห้าหยกพลิกผันเม็ดสุดท้ายออกมากิน ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นแปดดาว
เมื่อมาถึงจุดนี้ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติแล้ว
“เข้ามา!” หลิงฮันกำดาบกำเนิดมารแน่นและชี้ไปที่ฉือชิ่วเหริน
แน่นอนว่าฉือชิ่วเหรินไม่หวาดกลัวแต่อย่างใดและพุ่งออกไปพร้อมกับกระบี่ในมือ
ปัง!
ท่ามกลางการต่อสู้ ฉือชิ่วเหรินถูกผลักกระเด็นไปด้านหลัง แต่แก้มของหลิงฮันมีเลือดหยดไหลออกมา
ทุกคนรู้สึกตกใจและมึนงง
ก่อนหน้านี้ฉือชิ่วเหรินมีพลังเหนือกว่าหลิงฮันมาก แต่ตอนนี้มันกลับเป็นแบบนี้ได้ยังไง? แม้หลิงฮันจะถูกโจมตี แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายนัก
หลิงฮันจับไปที่ใบหน้าของตัวเอง มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด และถึงแม้ว่าเขาจะโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ แต่เลือดก็ยังคงหยดไหลออกมาอยู่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้
– กระบี่ไร้เทียนทานทรงพลังยิ่งนัก แม้แต่พลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ยังไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้
ถ้าหลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬ ด้วยพลังของหอคอยทมิฬเขาคงลบผลกระทบของกระบี่ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม หลิงฮันไม่คิดที่จะทำแบบนั้น เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมานานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากที่จะยกระดับความเข้าใจของเขา ด้วยแรงกดดันระหว่างความเป็นและความตาย
เขาส่งเสียงคำรามออกมาและกระโจนเข้าใส่ฉือชิ่วเหรินอีกครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง!
อัจฉริยะทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ตอนที่ 709
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นทั้งพลังของหลิงฮันหรือฉือชิ่วเหริน แต่เป็นดาบกำเนิดมารกับกระบี่ไร้เทียมทาน
เจตจำนงในดาบกำเนิดมารถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ไร้เทียมทาน มิฉะนั้นอาจเป็นดาบกำเนิดมารที่จะถูกกระบี่ไร้เทียมทานผ่าเป็นสองส่วน และทำให้พวกเขาทั้งสองคนมีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่พรสวรรค์ของหลิงฮันกับฉือชิ่วเหรินแต่อย่างใด
แต่บทบาทของพวกเขาไม่สามารถเพิกเฉยได้ ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งต้องตกตายไป ดาบกำเนิดมารและกระบี่ไร้เทียมทานก็จะไม่มีวันได้เฉิดฉายอีกต่อไปและจะจบลงอยู่ที่นี่
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด ดาบกำเนิดมาร
ความเสียหายดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อาวุธวิญญาณระดับสิบสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ เหมือนกับจอมยุทธที่มีความสามารถในการฟื้นฟู – ตราบใดที่อักขระบนดาบไม่ถูกทำลายมันก็จะยังคงเป็นอาวุธวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันของอาวุธวิญญาณนั้นกระบี่ไร้เทียมทานเหนือกว่าดาบกำเนิดมาร แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลิงฮันนั้นเหนือกว่าฉือชิ่วเหรินเลยทำให้เขาลบข้อด้อยดังกล่าวออกไป ดังนั้นพลังต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนจึงอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่พึงพอใจอย่างยิ่งสำหรับหลิงฮัน เขาเพิ่งใช้พลังของหอคอยทมิฬเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาในปัจจุบัน แต่เมื่อใดที่พลังของเขาลดลง นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
หลิงฮันไม่ได้เป็นคนควบคุมดาบกำเนิดมาร มันสามารถต่อสู้เองได้อย่างอิสระ เขาจึงนำคันศรตะวันยอแสงออกมาแทนที่จะใช้ทักษะดาบลึกลับสามพันเล่ม นี่แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ทักษะธนูของเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด
ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์สามทักษะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งและหลิงฮันยิงลูกศรออกไป
พรึบ ลูกศรของเขากลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าหาฉือชิ่วเหริน
ฉือชิ่วเหรินใช้กระบี่ขึ้นมาปัดป้อง ตู้ม กระบี่ไร้เทียมทานผ่าลูกศรที่เป็นถึงแร่เหล็กระดับแปดเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย
จากนั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างตกตะลึง
หลิงฮันรู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาของฉือชิ่วเหริน อีกฝ่ายสามารถป้องกันศรฆ่ามังกรทะลวงดาราของเขาได้
ส่วนฉือชิ่วเหรินนั้นรู้สึกตกใจยิ่งกว่า เพราะเขาไม่ได้ฟาดฟันกระบี่ออกไป แต่เป็นกระบี่ไร้เทียมทานที่หยุดศรนั่น
พวกเขาทั้งสองคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจประมาทได้แม้แต่น้อย
หลังจากการโจมตีของหลิงฮัน ทั้งสองคนไม่ได้เข้าปะทะห่ำหั่นกันอีก
“ข้ากลับคำพูด เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่งนัก” ฉือชิ่วเหรินยิ้ม “ตอนนี้ข้ายังไม่อาจสังหารเจ้าได้”
เขาค่อนข้างเป็นคนที่ซื่อตรงทีเดียว
หลิงฮันแสดงรอยยิ้มออกมาเช่นกันและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้”
“ถ้างั้นพวกเรามาพักรบกันชั่วคราว” ฉือชิ่วเหรินเก็บกระบี่ไร้เทียมทาน “เมื่อข้าเจอเจ้าครั้งหน้า ถ้าความแข็งแกร่งของเจ้าไล่ตามข้าไม่ทัน เจ้าจะต้องเสร็จข้าอย่างแน่นอน”
“เจ้าก็เหมือนกัน!” หลิงฮันกล่าว
ฉือชิ่วเหรินไม่หันไปมองผู้คน และทยานขึ้นไปในอากาศแล้วจากไป
หลิงฮันจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขา ก่อนที่จะลับหายไปจากสายตา
พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเพราะพลังของหอคอยทมิฬและเม็ดยา หรือว่านั่นจะเป็นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของฉือชิ่วเหริน? ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้สำหรับเขาที่พึ่งพากระบี่ไร้เทียนทานตั้งแต่ต้นจนจบ
ถ้าพวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กันต่ออีกครั้ง นั่นหมายความว่าถ้าลูกเล่นของใครหมดก่อน ประตูแห่งชีวิตและความตายจะเปิดออกมาให้เห็น ซึ่งนั่นไม่ใช่อะไรที่พวกเขาทั้งสองคนอยากจะเห็น
ดังนั้นฉือชิ่วเหรินจึงหยุดต่อสู้ และหลิงฮันก็ไม่ได้พูดปฏิเสธแต่อย่างใด
“น้องเขย…น้องเขยของข้า!” หลี่เฟิงหยู่กระโจนเข้ามาหา การต่อสู้นั่นทำให้เขาแทบบ้าคลั่ง จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณและจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากับมีพลังต่อสู้เทียบเท่าจอมยุทธระดับทลายมิติ
หลิงฮันเก็บดาบกำเนิดมาร อาวุธวิญญาณนี่จะต้องได้รับการซ่อมแซมอยู่สักระยะ แต่ด้วยพลังของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณของเขานั้นไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นหอคอยทมิฬล่ะก็สามารถทำได้
“ขอแสดงความยินดีด้วยพี่ชายหลิง!” เหวินเหรินเชียนเชียนกล่าวด้วยความจริงใจ
ถ้าหลิงฮันชนะราชันกระบี่น้อย มันแค่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะเขา แต่การต่อสู้เมื่อครู่เพียงพอที่จะทำให้อัจฉริยะทุกคนรู้สึกสิ้นหวัง
หลิงฮันและฉือชิ่วเหรินนั้นไกลเกินกว่าที่จะเรียกว่าอัจริยะแล้ว พวกเขาเหนือกว่าคำว่าอัจฉริยะและยังคงเหนือขึ้นไปอีก
บนท้องฟ้า การต่อสู้ระหว่างอสูรศิลาและย่าวหุยเย่วได้จบลงแล้ว ผลของการต่อสู้ย่าวหุยเย่าวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สีหน้าของเขาดูซีดขาว เขาหันหลังและจากไปและไม่มีหน้าจะพูดคุยอีกจูเสวี่ยนเอ๋ออีก
– แม้แต่หุ่นเชิดของหลิงฮันยังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะมีหน้าเผชิญหน้ากับหลิงฮันได้อย่างไร?
“ไปกันเถอะ!”
หลิงฮันมุ่งหน้าต่อไปตามเส้นทาง แต่เขาไม่ได้ไปหาจักรพรรดิพิรุณและมู่ชิงหลง แต่พาเหยียนเฮิงเหอไปด้วย ผู้คนจำนวนมากกำลังเดินทางไปในทะเล และด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงแค่ใช้พลังเล็กน้อยก็สามารถเดินบนน้ำได้แล้ว
แม้ว่าการต่อสู้จะผ่านไปได้ไม่นาน แต่ทุกคนยังคงตราตรึงการต่อสู้ของหลิงฮันกับฉือชิ่วเหรินไว้ในใจ มันน่าทึ่งมาก และไม่อาจทำให้พวกเขาหยุดความตื่นเต้นนี้ได้
พื้นที่ทะเลมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษและไม่มีเกาะ ทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะหยุดพักเพื่อกินอาหาร แต่โชคดีที่หลังจากทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน อาหารไม่จำเป็นอีกต่อไป แม้จะมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เพราะพวกเขาเดินทางออกมาไกลแล้ว ทำให้ทัศนียภาพรอบตัวเปลี่ยนไป ทุกคนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายมากยิ่งขึ้น พวกเขาไม่พูดคุยกันอีกต่อไปเพียงแค่อยากบินให้พ้นไปจากทะเลนี่เสีย
ครื้น!
ทันใดนั้น เกิดคลื่นยักษ์ซัดเข้าใส่พวกเขาและมีหนวดปรากฏออกมาพุ่งเข้าใส่พวกหลิงฮัน
หลิงฮันปล่อยหมัดออกไป แต่ก็ไร้ประโยชน์และถูกหนวดของมันดูด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาถูกโจมตีตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงทะเล แต่นี่เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุด
“สัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวา!” หลิงฮันล่าถอย เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นมีเพียงแค่หนวดของมันเท่านั้นที่โผล่ออกมา
“หรือว่ามันจะเป็นอสูรหมึกยักษ์?” ทุกคนกำลังคาดเดา พวกเขาทุกคนอาศัยอยู่บนบกและไม่ค่อยได้สัมผัสกับทะเล ซึ่งเป็นดินแดนของเผ่าใต้ทะเล
ครื้น หนวดเริ่มขยับอีกครั้งและทำให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้น
ไม่มีใครกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับมัน แม้แต่อสูรศิลาก็ยังไม่กล้า มีเพียงแค่หลิงฮันเท่านั้นที่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
“หมึกย่าง! หมึกย่าง!” ฮูหนิวส่งเสียงเชียร์และกระโจนเข้าหาหนวดยักษ์เพื่อตัดมัน
ตอนที่ 710
ทุกคนร่วมมือกันต่อสู้
แน่นอนว่าหลิงฮันเป็นกำลังหลัก ไม่มีใครนอกจากเขาที่สามารถต้านทานการโจมตีของเจ้าสัตว์อสูรร้ายตัวนี้ได้ หลังจากที่เขาป้องกันการโจมตีหนวดของมัน ฮูหนิวจึงใช้โอกาสโจมตีออกไปเพื่อตัดหนวดของเจ้าสัตว์อสูรร้ายตัวนี้
แต่ทว่าพลังป้องกันของเจ้าสัตว์อสูรตัวใหญ่ยักษ์นั้นน่าตกตะลึงมาก ดาบและกระบี่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง บนผิวของมันลื่นราวกับมีชั้นน้ำมันอยู่ และมีความยืดหยุ่นที่น่าทึ่ง
ดังนั้นจึงมีแค่สองคนเท่านั้นที่สามารถคุกคามมันได้ นั่นคือหลิงฮันและฮูหนิว
หลิงฮันมีดาบกำเนิดมารที่มีความแหลมคมมาก ในขณะที่ฮูหนิวมีกรงเล็บที่แหลมคม ซึ่งสามารถฉีกกระชากหนวดของมันให้หลุดออกมาได้
หนูทองคำซุกอยู่ในอ้อมแขนของจูเสวี่ยนเอ๋อ มันกำลังใช้อุ้งเท้าเล็กๆทั้งสองข้างปิดตา ราวกับมันไม่กล้ามอง เด็กสาวตัวน้อยคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป และไม่ลืมที่จะกินเนื้อของมัน ดังนั้นเมื่อมันคิดถึงเรื่องนั้น ทำให้มันหวาดกลัวมาก
เจ้าสัตว์อสูรยักษ์เริ่มโกรธ หนวดของมันเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและระดมโจมตีไปที่หลิงฮัน อย่างไรก็ตาม หนวดของมันมีแค่แปดเส้นเท่านั้น เมื่อมันสะบัดไปมาทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงหลายสิบฟุต
เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มีขนาดใหญ่มากจริงๆ แค่หนวดของมันที่โผล่ออกมาจากทะเลก็มีความยาวมากกว่าหนึ่งร้อยฟุตแล้ว ส่วนที่อยู่ในน้ำนั้นจะต้องใหญ่กว่ามากอย่างแน่นอน
หลิงฮันอยากจะดำลงไปในทะเลเพื่อฆ่ามัน แต่เขาพบว่าทะเลมีบางอย่างผิดปกติ แรงกดดันใต้น้ำนั้นรุนแรงมากจนกระดูกของเขาส่งเสียงแตกหักออกมา ถ้าเขาดำลงไปทั้งตัวกระดูกทั้งร่างของเขาคงจะถูกบดขยี้จนไม่เหลือ
หลังจากต่อสู้กันได้ครึ่งวัน หนวดของมันถูกตัดออกไปหลายเส้น มันถูกตัดโดยหลิงฮันและฮูหนิวด้วยดาบและกรงเล็บ
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าสัตว์อสูรนี่คงไม่หลบหนีไป
หลิงฮันเก็บหนวดเข้าไปในหอคอยทมิฬ เมื่อเห็นเข้าเก็บหนวดเข้าไปทำให้หลี่เฟิงหยู่และน้องของเขา เหยียนเฮิงเหอรู้สึกประหลาดใจ แหวนมิติของเขามีขนาดใหญ่แค่ไหนกัน? ใหญ่ถึงขั้นสามารถเก็บหนวดของมันเข้าไปได้?
“หมึกย่าง!” ฮูหนิวยิ้มอย่างมีความสุข
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ได้พักกินอาหารกันที่นี่ พวกเขาออกเดินทางกันต่อ มันไม่เหมาะที่จะพักกินอาหารที่นี่ ค่อยถึงพื้นดินก่อนค่อยกิน
แต่ในวันถัดไป พวกเขาก็ถูกหนวดโจมตีทีเผลอ มันเป็นตัวเดียวกับตัวเมื่อวานที่หลบหนีไป หนวดที่งอกมาใหม่นั้นสั้นกว่าและมีสีที่อ่อนกว่าส่วนอื่น
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น หลิงฮันคงจะคิดว่ามันเป็นสัตว์อสูรตัวอื่น
ผลของการต่อสู้ หนวดของมันถูกตัดอีกครั้ง และหลิงฮันก็เก็บรวบรวมมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ในวันที่สาม มันปรากฏตัวออกมาอีกครั้งและหลบหนีไปพร้อมกับหนวดที่ถูกตัด
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก นี่มันมาเพื่อตามล้างแค้นหรือมาให้ของขวัญพวกเขากันแน่?
ในวันที่สี่ เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นก็ปรากฏตัวออกมาอย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้
ครั้งนี้ หลิงฮันคิดแผนกำจัดมันไว้ล่วงหน้าแล้ว หลังจากที่มันปรากฏตัวออกมา เขาใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา อสูรศิลา และฮูหนิวร่วมมือกันเพื่อลากมันขึ้นมาจากก้นทะเล
อย่างที่คิดมันมีขนาดใหญ่มาก มากกว่าห้าร้อยฟุตเสียอีก
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าเป็นปลาหมึกยักษ์ แต่ที่ไหนได้ร่างของมันหดตัวอยู่ในเปลืองหอย เปลืองหอยนี่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กันราวกับวังใต้ทะเล
มันถูกลากขึ้นมาในอากาศและหนวดของมันก็หดตัวลงอย่างมาก พวกมันถูกล้อมรอบด้วยฝูงชน ในท้ายที่สุดหนวดทั้งแปดเส้นของมันก็ถูกตัดจนหมดและสายเกินไปที่จะงอกขึ้นมาใหม่ จากนั้นเปลือกหอยก็แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“หืม?” ทุกคนอุทาน มันมีไข่มุกขนาดใหญ่อยู่ภายในเปลือกหอย แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ออกมาจากไข่มุกมันทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นและดูเหมือนจะเข้าใจความจริงของวิถียุทธ
“มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยพันปีถึงจะล่อเลี้ยงให้ไข่มุกมีขนาดใหญ่แบบนั้นได้” หลี่เฟิงหยู่คาดเดา
เหวินเหรินเชียนเชียนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่แค่นั้น แน่นอนว่าข้าเคยเห็นไข่มุกพันปีมาก่อน แต่มันมีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น แต่ไข่มุกนี่…มันมีขนาดใหญ่เกินไป”
หลิงฮันพยักหน้า ในชีวิตที่แล้วเขาก็เคยเห็นไข่มุกพันปีเหมือนกัน อย่างมากมันมีขนาดเท่ากับปั้น ซึ่งยังเล็กกว่าไข่มุกที่ตรงเขาอย่างมาก
“ยิ่งมีชีวิตอยู่ยาวนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งหายากขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันมีอายุกี่ปี บางทีอาจมีอายุนับพันพันปี” เขากล่าว “จากการคาดเดาของข้า เจ้าไข่มุกนี่น่าจะถูกหมึกยักษ์จับ และมันกำลังค่อยๆดูดซับพลังของไข่มุก”
“เหตุผลที่ทำไมมันถึงงอกหนวดได้อย่างรวดเร็ว อย่างแรกน่าคือคุณสมบัติของตัวมันเอง และประโยชน์ของไข่มุกนี่”
จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ “ถ้างั้นก่อนหน้านี้มันมีขนาดใหญ่กว่านี้หรือ?”
“น่าจะเป็นแบบนั้น” หลิงฮันพยักหน้า
“ล…แล้วไข่มุกที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ มันจะขายเป็นผลึกก่อเกิดได้เท่าไหร่!” ดวงตาของหลี่เฟิงหยู่เริ่มเปล่งประกาย
“เจ้าจะใช้สมบัติอย่างมันแลกเปลี่ยนกับผลึกก่อเกิดงั้นรึ?” เหยียนเฮิงเหอเค้นเสียงดูถูก
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “พวกเราควรจะขอบคุณเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ ไม่เพียงแต่จะมอบเนื้อของมันให้กับพวกเราจำนวนมากแล้วเท่านั้น แต่ยังมอบไข่มุกหมื่นปีนี่ให้อีก”
หลิงฮันกระโจนเข้าไปเก็บไข่มุก ไข่มุกนี่มีค่ามากเกินไป ถ้ามันแตกหัก พลังของมันจะสูญหายไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
เมื่อหลิงฮันเก็บไข่มุกได้แล้ว เขามอบหยดวิญญาณให้กับหลี่เฟิงหยู่และน้องสาวของเขาเป็นการชดเชย ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขมาก อย่างไรก็ตามคนที่ฆ่าเจ้าปลาหมึกนั้นส่วนใหญ่เป็นฝีมือของหลิงฮันและฮูหนิว
หยวนเฉินเหอไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเลย แต่เขาก็ไม่ได้ไม่พอใจ นี่เป็นเพราะหลิงฮันมองว่าเขาเป็นคนของตัวเองและเขาให้บางอย่างแก่เขาแล้วก่อนที่จะถูกเรียก
ความคิดของเขาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน จากตอนแรกที่ต่อต้านตอนนี้จะเห็นว่าช่องว่างระหว่างเขากับหลิงฮันเริ่มหดแคบลง
ในขณะนั้น พวกเขาเห็นคนสามคนกำลังบินตรงมาจากระยะไกลเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้ามาที่พวกเขาอยู่
ทั้งสามคนเป็นชายชราสองคนและชายหนุ่มหนึ่งคน ชายชราสองคนนั้นเป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา ส่วนชายหนุ่มเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แต่เขากลับบินนำหน้า ซึ่งจอมยุทธส่วนใหญ่นั้นจะให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีมากที่สุด
“ส่งไข่มุกนั่นมาให้ข้า และข้าจะปล่อยเจ้าไป!” ชายหนุ่มพูดออกคำสั่ง แต่เมื่อเขากวาดสายตาไปมองและเห็นจูเสวี่ยนเอ๋อ ช่วนไม่ได้ที่เขาจะจ้องมองไปที่นางและพูดว่า “ส่วนนางต้องอยู่ที่นี่!”
“ยอดเยี่ยมเลย หนิวจะปล่อยนางไว้กับเจ้า!” ฮูหนิวปรบมืออย่างมีความสุขและเห็นด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น