Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 703-706
ตอนที่ 703
ในวันนี้ พวกเขาพยายามเดินทางแบบหลบซ่อน
แม้ในที่นี้จะมีสัตว์อสูรไม่มาก แต่สัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งในระดับก้าวสู่เทวาเป็นอย่างน้อย แม้แต่ระดับสวรรค์ก็ยังมี พวกมันแข็งแกร่งเกินไปจนพวกเขาต้องหลบๆซ่อนๆ
บางทีอาจจะมีแม้แต่สัตว์อสูรระดับทลายมิติ แต่เพียงแค่พวกมันไม่ปรากฏตัวออกมา
เนื่องจากพวกเขาเดินทางแบบหลบๆซ่อนๆ พวกเขาถึงไม่พบอันตรายใดๆเลยในระหว่างทาง เมื่อดวงอาทิตย์ตกดินและดวงจันทร์ปราฏขึ้นมา พวกเขาก็หยุดเดินทางเพื่อพักผ่อนอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ หนิวจับมันได้อีกแล้ว!” ฮูหนิวมีท่าทางตื่นเต้นในขณะที่กำหนูร่างอ้วนสีขาวไว้ในมือ
หนูขาวมองไปยังกลุ่มหลิงฮันด้วยความเขินอายราวกับว่ามันก็รู้ดีว่าที่มันถูกจับตัวได้อีกครั้งเป็นเพราะมันโลภเกินไป
หลิงฮันหัวเราะและคว้าหนูทองคำเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หนูทองคำวิ่งอย่างอิสระในหอคอยทมิฬ มันใช้จมูกสูดดมและมองไปยังสวนสมุนไพรที่มีขนาดกว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดในหอคอยทมิฬ โดยปกติแล้วหนูทองคำจะสนใจแค่เพียงแร่โลหะล้ำค่าที่ช่วยให้มันแข็งแกร่งขึ้น
แต่หนูทองคำตัวนี้นั้นต่างออกไป แม้มันจะชอบกินแร่โลหะเพื่อทำให้มันแข็งแกร่ง แต่มันก็มีนิสัยโลภมากอย่างเช่นการกินพืชสมุนไพรเช่นกัน อย่างเช่นก่อนหน้านี้มันโลภมากอยากกินเนื้อย่างและน้ำซุปจนถูกจับตัวได้
ด้วยสมุนไพรจำนวนมากตรงหน้า การกินของมันต้องเพลิดเพลินเป็นแน่
แต่ในขณะที่มันกำลังจะวิ่งเข้าไปในสวนสมุนไพร มันก็พบว่าอยู่ดีๆร่างของมันก็ไปปรากฏในกำมือของมนุษย์
“เจ้าหนูอ้วน เจ้าไม่อาจหลบหนีไปจากมือข้าได้” หลิงฮันยิ้มและปล่อยมืออีกครั้ง “ลองวิ่งหนีดูสิ”
หนูทองคำดื้อรั้นและรีบวิ่งหนีทันที มันตัดสินใจว่าจะกินสมุนไพรที่นี่ให้หมดเพื่อเยอะเย้ยมนุษย์คนนี้ แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของมันก็ไปปรากฏอยู่ในกำมือของหลิงฮันอีกครั้ง
งั้นก็หนีอีกรอบ!
รอบนี้มันเลือกที่จะขุดดินหนี และหลังจากที่ขุดไปได้ประมาณสิบกว่าไมล์ ใบหน้าของมนุษย์ก็มาปรากฏให้มันเห็นอีกครั้ง
คราวนี้มันรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง หางของมันตั้งตรงและล้มลงหงายท้องขึ้นฟ้า ราวกับจะสื่อว่าจำทำให้ข้าหวาดกลัวจนช็อกตายแล้ว
“ข้าดูเหมือนคนที่จะถูกหลอกง่ายๆ?” หลิงฮันหัวเราะและจับหางของหนูทองคำ “ไม่ต้องทำเป็นแกล้งตาย! มองดูซะ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย รวมไปถึงเนื้อสดๆที่แสนอร่อยของสัตว์อสูรด้วย”
เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวโน้มใจต่อ “เจ้ามาติดตามข้าเป็นอย่างไร? ถ้าทำเช่นนั้นเจ้าจะมีสมุนไพรและเนื้อให้กินอย่างไม่จำกัด!”
จี๊ด!
หนูอ้วนกลับมามีชีวิตและลุกขึ้นยืนสองขา มันส่งเสียงจี๊ดๆใส่หลิงฮันราวกับกำลังต่อรอง
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าแค่พยักหน้าตอบว่าเจ้าจะติดตามข้าหรือไม่ก็พอ” หลิงฮันทำเสียงเย็นชาราวกับปีศาจชั่วร้าย
สีหน้าของหนูอ้วนซีดขาวและรีบยอมจำนน
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว… หนูของข้า ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า ในเมื่อเจ้ามีรูปลักษณ์ที่อ้วนและชอบพกพาสมบัติล้ำค่าเหมือนกับใครบางคน งั้นข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าไป๋ตั้วเปา ส่วนชื่อเล่นของเจ้าคือเจ้าขาวน้อย”
หนุทองคำส่งเสียงร้องคัดค้าน มันไม่ได้อ้วนเสียหน่อย ที่เห็นกลมๆคือกล้ามเนื้อต่างหาก
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬพร้อมกับหนูทองคำและยิ้ม “เจ้าตัวเล็กนี่เป็นหนึ่งในสหายของเราแล้ว ชื่อของมันคือไป๋ตั้วเปา ชื่อเล่นคือเจ้าขาวน้อย”
จูเสวียนเอ๋อถอนหายใจให้กับนิสัยในการตั้งชื่อของหลิงฮัน นางไม่รู้ว่าถ้าหากในอนาคตหม่าตั้วเปามาเห็นหนู?องคำตัวนี้เขาจะทำหน้าอย่างไร
“น้องชายหลิงช่างยอดเยี่ยมนักที่สามารถทำให้หนูทองคำติดตามได้” เหวินเหรินเชียนเชียนถอนหายใจ เหยื่อที่ใช้ล่อคืออาหารของหลิงฮัน ส่วนหนูทองคำก็ถูกจับได้โดยฮูหนิวและมีหลิงฮันเป็นผู้ทำให้เชื่อง นางคงไม่มีสิทธิไปขอส่วนแบ่งผลประโยชน์ใดๆ
หนูทองคำไต่ขึ้นมานั่งบนไหล่ของหลิงฮัน ราวกับจะบอกว่าก่อนหน้านี้มันแค่ขโมยไปแต่ไม่ได้กิน และตอนนี้ถึงเวลาที่มันจะได้กินแล้ว
หลิงฮันนำอาหารออกมาป้อนเจ้าหนูอ้วน ฮูหนิวอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้และจ้องเขม็งไปยังหนูทองคำจนทำให้มันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง
“หนูตัวนี้น่าจะยังเด็กอยู่” เจ้ากระต่ายกล่าว
“ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น?” ทุกคนถาม
ฮูหนิวพูดแทรกขึ้นมา “นั่นสิ ตัวของมันอ้วนขนาดนั้นแท้ๆ มันจะยังเด็กอยู่ได้อย่างไร!”
“หนูทองคำเต็มวัยจะมีขนสีทอง ขนของมันจะเป็นสีขาวก็ต่อเมื่อมันยังเด็กอยู่” เจ้ากระต่ายอธิบาย “ความสามารถในการค้นหาแร่สมบัติของหนูทองคำจะขึ้นอยู่กับอายุของมัน ยิ่งมันมีอายุเยอะ สมบัติที่มันสามารถตรวจจับได้ก็จะยิ่งล้ำค่า”
ที่ท้ำหนูอ้วนนี่ก็ยังเป็นเด็กอยู่นี่เอง ถึงว่าทำไมมันถึงมีนิสัยโลภมากและไม่ระมัดระวังตัวจนถูกหลอกง่ายๆเช่นนี้
จูเสวียนเอ๋ออุ้มหนูทองขึ้นมาอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ข้าอยากรู้ว่าครอบครัวของเจ้าขาวน้อยไปอยู่ไหนกัน ทำไมถึงได้ทิ้งเด็กน้อยเช่นนี้เอาไว้ตัวเดียว”
ฮูหนิวน้ำลายไหล “ยังมีหนูอ้วนอยู่อีกตั้งสองตัว”
“ฮ่าๆ ครอบครัวของมันคงจะตายไปตั้งนานแล้ว” เจ้ากระต่ายกล่าว “หนูทองคำเป็นสิ่งมีชีวิตพิเสษที่หายากเป็นอย่างยิ่ง ถึงพวกมันจะออกไข่มาแต่ถ้าหากไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แม้จะผ่านไปแสนหรือล้านปีไข่ก็จะไม่มีวันฟัก”
เรื่องนี้ทำให้ฮูหนิวผิดหวังมาก ความหวังที่จะได้ลองรสชาติหนูทองคำของนางสลายไปเสียแล้ว
หลังจากกินดื่มเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนไม่ก็บล่มเพาะพลัง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะพบเจอในวันพรุ่งนี้
หนูทองคำนั้นเซ่อเป็นอย่างมาก เมื่อมันหลับ ขาทั้งสี่ของมันได้ชี้ตรงขึ้นฟ้าและโกรนเสียงดังออกมา หลิงฮันต้องจับมันโยนเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อที่บรรยากาศจะได้สงบเงียบ
เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงทุกคนก็ออกเดินทาง หลิงฮันนำหนูทองคำออกมาด้วย เผื่อว่ามันจะพบเจอแร่ล้ำค่าระหว่างทาง
ซึ่งเจ้าหนูอ้วนก็ไม่ทำให้หลิงฮันผิดหวัด เพียงแค่วันเดียวมันก็หาแร่โลหะให้เขาได้ถึงสามชิ้น หนึ่งคือแร่โลหะระดับสี่ สองอันคือแร่โลหะระดับห้า
เมื่อค่ำคืนมาถึงอีกวันหนี่งก็ผ่านไป นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องพร้อมกับเงาสีดำที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
เมื่อทุกคนแหงนหน้าขึ้นไป พวกเขาก็พบว่ามันไม่ใช่เงาของก้อนเมฆแต่เป็นเงาของนกอินทรีย์ขนาดมหึมา ทั่วร่างของมันเป็นสีเขียวเข้ม สิ่งปกคลุมร่างของมันไม่ใช่ขนแต่เป็นเกล็ดที่ราวกับชุดเกราะ กลิ่นอายอันหนาวเหน็บถูกปลดปล่อยออกมาจากนกอินทรีย์ยักษ์
ร่างของทุกคนสั่นสะท้าน นกอินทรีย์บนหัวพวกเขาคือสัตว์อสูรระดับทลายมิติที่แค่จ้องมองก็สามารถสังหารพวกเขาได้หลายร้อยรอบ
ตอนที่ 704
โชคดีที่นกอินทรียักษ์ไม่สนใจมดปลวกอย่างพวกเขาและบินจากไป ในระหว่างกรงเล็บที่เท้าสองข้างของมันมีสัตว์อสูรแรดทองคำขนาดทำภูเขาย่อมๆถูกจับเอาไว้อยู่ ร่างกายของแรดทองคำเต็มไปบาดแผลและมีโลหิตไหลร่วงลงมา
โลหิตเหล่านั้นคือสมบัติระดับแปด โลหิตของสัตว์อสูรระดับสวรรค์!
โลหิตของแรดทองคำได้สร้างความปั่นป่วนให้กับสิ่งมีชีวิตเบื้องร่าง โลหิตของสัตว์อสูรระดับสวรรค์นั้นหากสัมผัสเข้า แม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็ต้องตกตาย
โลหิตเช่นนี้เป็นสมบัติล้ำค่า เพียงแต่มันต้องใช้จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาหลายคนในการช่วยกันรวบรวม
ไม่ว่าจะเป็นย่าวหุยเยว่ เจียหมิงหรือฉือชิ่วเหริน เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าและเดินจากไป แต่หลิงฮันนั้นต่างออกไป เขามีชามพลิกสวรรค์
เพียงแต่ว่าสมบัติที่น่ากลัวเช่นนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เพื่อหยิบมันมา แม้แรดทองคำจะไม่ใช่สัตว์อสูรระดับทลายมิติ แต่มันก็เป็นถึงระดับสวรรค์ขั้นปลาย ด้วยระดับพลังของพวกเขาในตอนนี้ร่างของพวกเขาจะต้องระเบิดแน่นอน
“สัตว์อสูรระดับทลายมิติปรากฏตัวแล้ว” พวกเขาอุทานออกมา
“มันคือนกอินทรีย์เพศเมีย บางทีมันอาจจะสร้างรังอยู่แถวนี้ ถ้าเจ้าจับมาเลี้ยงได้สักตัว เจ้าจะใช้ประโยชน์จากมันได้มากมาย” เจ้ากระต่ายกล่าว
จิตใจของทุกคนหวั่นไหว ระดับพลังที่สัตว์อสูรจะพัฒนาไปถึงได้นั้นขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสายเลือด อย่างเช่นนกอินทรีย์เขียวระดับทลายมิติตัวนี้ ถ้าหากลูกหลานของมันได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง ในอนาคตมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับทลายมิติได้อย่างแน่นอน
นี่คือความแตกต่างอันใหญ่หลวงระว่างจอมยุทธกับสัตว์อสูร แต่ในทางกลับกัน สัตว์อสูรก็ถูกตั้งขีดจำกัดเอาไว้ที่สายเลือด อย่างมากลูกหลานของนกอินทรีย์เขียวก็สามารถบรรลุได้เพียงระดับทลายมิติ พวกมันไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านั้น
นอกเสียจากว่ามันจะได้รับสมุนไพรที่ล้ำค่าและทะลวงผ่านขีดจำกัดไปได้
“ขานกอินทรีย์ย่าง!” ฮูหนิวมีความคิดที่ต่างจากคนอื่น ดวงตาของนางลุกวาวทันที
หลิงฮันส่ายหัวและพูด “อย่าได้คิดเชียว รังของสัตว์อสูรระดับทลายมิตินั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอันรุนแรง ถ้าพวกเราเข้าไปใกล้ พวกเราคงไม่ทันได้เห็นไข่หรือตัวอ่อนของมันพวกเราก็คงตายก่อนแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฮัน ทุกคนก็ส่ายหัวล้มเลิกความคิดฟุ้งซ่าน อย่างที่หลิงฮันบอก นกอินทรีย์เขียวคือสัตว์อสูรระดับทลายมิติ ใครจะสามารถบุกรุกไปที่รังของมันได้?
“เดินหน้ากันต่อเถอะ!” พวกออกเดินทางต่อ ผ่านไปอีกสองวันศิลาน้อยก็ผสานแก่นแท้ศิลาได้สำเร็จและทะลวงผ่านกลายเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลาย
จิตวิญญาณที่เกิดจากสวรรค์และปฐพีนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง การจะหาคู่ต่อสู้ให้กับมันได้เป็นอะไรที่ยากมาก มันคือราชันในหมู่ราชัน พลังต่อสู้ของศิลาน้อยในตอนนี้นั้นสามารถเทียบได้กับอัจฉริยะไร้ที่เปรียบอย่างย่าวหุยเยว่
หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดศิลาน้อยก็มีความสามารถในการช่วยเหลือเขาได้เสียที นอกจากนี้หอคอยทมิฬยังสามารถสร้างศิลาวิญญาณได้หนึ่งก้อนในทุกๆเดือน ดังนั้นระดับพลังของศิลาน้อยอาจจะพัฒนาได้รวดเร็วกว่าเขาเสียอีก
ณ ตอนนี้ ในที่สุดผืนดินอันกว้างใหญ่ก็มาถึงจุดสิ้นสุด ด้านหน้าของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยแม่น้ำอันกว้างขวางแทน แม้หลิงฮันจะใช้เนตรแห่งสัจธรรมจ้องมอง เขาก็ไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของแม้น้ำแห่งนี้
ตรงระหว่างรอยต่อของแม่น้ำและผืนดิน มีสมุนไพรประหลาดงอกขึ้นมาอยู่ มันมีความสูงห้าฟุตและมีสีขาว ผลของมันมีรูปร่างเหมือนกับข้าวโพดแต่ขนาดใหญ่กว่า ผลของมันปลดปล่อยกลิ่นอันหอมหวานออกมา เพียงแค่ได้ดมก็ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย
เพียงแต่ว่าไม่ใช่แค่กลุ่มของหลิงฮันที่ค้นพบสมุนไพรนี้ ผู้คนมากมายก็พบเห็นเช่นเดียวกัน อย่างเช่นเจียหมิงที่ตอนนี้กำลังแสยะยิ้มราวกับสัตว์ร้าย
หลิงฮันมองเห็นย่าวหุยเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียว ส่วนจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงนั้นอยู่กับกลุ่มของตนเอง การเดินทางเช่นนี้การสร้างกลุ่มขึ้นมาเป็นเรื่องง่าย แต่การถูกหักหลังก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน
นอกจากนั้นแล้วเขาก็เห็นเหยียนเฮิงเหอด้วย อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลิงฮัน ดูเหมือนว่าเขาจะยึดมั่นคำสัญญาที่จะนับถือหลิงฮันเป็นหัวหน้าได้หนักแน่นทีเดียว
สมุนไพรสมบัตินี่คืออะไรกัน?
หลิงฮันเกิดความสงสัย ด้วยการที่เขาเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยาในชีวิตที่แล้ว หากพูดถึงความรู้เกีย่วกัลสมุนไพรล่ะก็ ถ้าเขากล่าวว่าตัวเองเป็นที่สองจะไม่มีใครกล้ากล่าวว่าตนเองเป็นที่หนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นสมุนไพรเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ทุกคนกำลังยืนเฝ้ามองนิ่งๆโดยไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น นอกจากนี้แล้วดูเหมือนว่าสมุนไพรตรงหน้าพวกเขานี้จะยังไม่สุกงอมเต็มที่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงยังไม่เปิดศึกกัน
หลิงฮันรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หากดูจากกลิ่นหอมที่สมุนไพรต้นนี้ปลดปล่อยออกมาแล้ว มันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน แต่ทำไมปรมาจารย์ของจักรวรรดิจันทราม่วงและห้านิกายโบราณถึงไม่เก็บเกี่ยวมันไป?
หลิงฮันแสดงสีหน้าครุ่นคิด เขาเคยสำรวจโบราณสถานมานับไม่ถ้วนในชีวิตที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเคยพบเจอกับภัยอันตรายในรูปแบบต่างๆมามากมาย เขาระลึกตัวเองอยู่เสมอว่าห้ามถูกหลอกล่อโดยสมบัติเด็ดขาด
สมบัติที่ล้ำค่ามักจะแฝงไปด้วยภัยอันตรายและกับดัก
ที่นี่มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่มากมาย ถ้าหากตรงนี้มีสมุนไพรที่ล้ำค่าปรากฏอยู่ ทำไมสัตว์อสูรเหล่านั้นถึงไม่สนใจ?
สมบัติจากสวรรค์และปฐพีนั้นเป็นสิ่งที่คู่กายของสัตว์อสูร
จากสภาพการณ์โดยรวมแล้ว มันทำให้หลิงฮันเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่สมุนไพรนี้จะเป็นกับดัก
เขาบอกข้อสงสัยนี้ให้กับจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงฟังและเรียกเหยียนเฮิงเหอมาคอยฟังคำสั่งจากเขา แม้เหยียนเฮิงเหอจะไม่ค่อยยินยอม แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ
ทุกคนยังคงเฝ้าคอย… เฝ้าคอยให้สมุนไพรงอกเงยเต็มที่ ซึ่งอาจจะใช้เวลาอีกสองหรือสามวัน เมื่อถึงตอนนั้นผู้คนที่จะปรากฏที่นี่คงเพิ่มขึ้นหลายเท่า ซึ่งรวมไปถึงตัวตนระดับสวรรค์
สามวันต่อมา ตัวตนระดับสวรรค์เจ็ดคนก็มาถึง ซึ่งในใจของหลิงฮันนั้นเริ่มมีรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเพราะในสามวันที่ผ่านมานี้ เขาไม่พบเห็นสัตว์อสูรในบริเวณใกล้ๆเลยแม้แต่ตัวเดียว
ต้องรู้ก่อนว่าสัตว์อสูรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่หวงอาณาเขตของตนมาก หากไม่มีการปรากฏตัวของสัตว์อสูรใดๆเลยก็คงมีอยู่เหตุผลเดียว สถานที่แห่งนี้ต้องเป็นอาณาเขตของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง เพราะงั้นสัตว์อสูรตนอื่นจึงไม่กล้าที่จะย่างกายเข้ามาที่นี่
ในที่สุดการต่อสู้แย่งชิงสมุนไพรก็เริ่มขึ้น มันคือการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธระดับสวรรค์เจ็ดคน การต่อสู้นั้นรุนแรงเกินไปจนทำให้ทุกคนต้องค่อยๆถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเอง พวกเขาได้เห็นว่าจู่ๆสมุนไพรก็หายไป
ทุกคนกลายเป็นมึนงง สมุนไพรต้นนี้มันมีขาด้วยรึไง? เพราะใครกันจะกล้าแอบไปขโมยมันมาในขณะที่ตัวตนระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดกำลังต่อสู้กันอยู่?
‘ครืนนน’ เสียงพื้นดินสั่นไหวดังก้องกังวาน ‘แกรก’ รอยร้าวรูปร่างเหมือนกับใยแมงมุมปรากฏขึ้นและลุกลามไปทั่วบริเวณ ราวกับว่าอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
ตอนที่ 705
ทันใดนั้น พื้นปฐพีแยกออกจากกันและมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่โผล่ออกมา มันมีรูปร่างคล้ายกับสิงโตที่มีความยาวสิบฟุตและสูงห้าฟุต ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ
แต่หางของมันนั้นแตกต่างกันมาก หางที่ยาวของมันตรงปลายเป็นเหมือนกับซังข้าวโพดที่ส่งกลิ่นหอมอันเลือนลางออกมาที่คล้ายคลึงกับสมุนไพร
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปอย่างมาก มันไม่ได้เป็นสมุนไพรล้ำค่าแต่อย่างใด แต่เป็นเหยื่อล่อของเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้
มันจงใจยื่นหางออกมาอย่างช้าๆเพื่อให้ทุกคนคิดว่าสมุนไพรต้นนี้กำลังจะงอกเงยเพื่อรวบรวมเหยื่อให้ได้มากที่สุดและจัดการในคราวเดียว นี่อาจอธิบายได้ว่าทำไมจอมยุทธระดับทลายมิติถึงไม่สนใจ “สมุนไพรล้ำค่า” นี้เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดคนหยุดการต่อสู้ เมื่อพวกเขาเห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาทุกคนต่างมีท่าทีที่เปลี่ยนไป สัตว์อสูรระดับทลายมิติกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ แล้วพวกเขาจะสามารถหนีรอดไปได้อย่างนั้นหรือ?
“โฮกกก!” สัตว์อสูรตัวนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวออกมาทำให้เกิดระลอกคลื่นเหมือนกับคลื่นยักษ์และเสียงดังเหมือนกับฟ้าร้อง และทำให้สภาพแวดล้อมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับมันต้องพังทลาย
โชคดีที่พวกเขาไม่เป็นอะไรมากนัก เพราะจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดคงต่างล่าถอยออกไปใกล้พอพ้นรัศมีของมัน แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
พลังของระดับทลายมิตินั้นทรงพลังมากและการโจมตีนั่นสามารถทำลายดวงดาวได้
โชคดีที่พวกหลิงฮันอยู่ไกลพอที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากมัน แต่การดำรงอยู่ของมันทำให้บางคนหน้าซีดขาวและหายใจได้ยากลำบาก
สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนสี พวกเขาจะหยุดมันได้อย่างไร? สัตว์อสูรระดับทลายมิติกำลังเพ่งสายตามามองที่พวกเขาและเห็นพวกเขาเป็นเหยื่อของมัน!
“วิ่ง!”
ทุกคนรีบวิ่งหนีทันที เมื่อสัตว์อสูรเคลื่อนไหว มันได้กลืนกินจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดคนเข้าไปในปากของมัน และเคี้ยวอยู่สักพักก่อนที่จะกลืนเข้าไปในท้อง
แม้ว่าทุกคนจะหนีไปในทุกทิศทุกทาง แต่จอมยุทธระดับทลายมิตินั้นรวดเร็วแค่ไหนกัน? หลังจากที่มันจัดการกินเหยื่อจากทั้งสามทิศทางเสร็จ เหลือเพียงแค่เหยื่อที่หนีไปทางทิศเหนือเท่านั้นที่หนีได้ไกลที่สุดกว่าหนึ่งร้อยไมล์
แน่นอนว่านั่นคือกลุ่มของหลิงฮัน
จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงอยู่ในกลุ่มของหลิงฮันเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสุดยอดอัจฉริยะอย่าง ย่าวหุยเยว่ และเจี่ยหมิงอยู่ด้วย พวกเขาต่างเลือกที่จะหนีมาในทิศทางนี้ เพราะถ้าพวกเขาหนีมาในทิศทางนี้ พวกเขามักจะพบกับกองหนุน
หลิงฮันถอนหายใจอยู่ในใจ มันเป็นเหมือนเรื่องเพ้อฝันที่จะเทียบความเร็วกับระดับทลายมิติ เขาเกรงว่าจะมีทางเลือกอย่างเดียวคือเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อช่วยชีวิตคนที่เขาห่วงใย
เจ้าหนูทองคำรู้สึกหวาดกลัวมากและแกล้งทำเป็นนอนตาย ร่างและหางของมันเหยียดตรง แต่ถูกฮูหนิวจับเอาไว้ นางหัวเราะขณะพูดว่า “เจ้าหนูนี่ตายแล้ว พวกเราจะกินมันได้แล้วหรือยัง?”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา เจ้าหนูทองคำลุกขึ้นมาดิ้นและส่งเสียงกรีดร้องคัดค้าน
เจ้ากระต่ายรู้สึกแบบเดียวกัน ขณะที่มันวิ่งมันพูดออกมาว่า “ตอนนี้เจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าแล้วหรือยัง?”
“หยุดพูดจาไร้สาระกันได้แล้ว รีบวิ่งให้ไวเพื่อชีวิตของเจ้า!” หลิงฮันกล่าว
นี่มันทำแบบนั้นได้เพราะเจ้ากระต่ายและฮูหนิวนั้นรวดเร็วอยู่แล้ว แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่ระดับทลายมิติ แต่สำหรับในสถานการณ์การหลบหนีมันขึ้นอยู่แค่ใครจะรวดเร็วกว่ากัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเป็นสิงโตที่เหมาะสมให้ข้าได้นั่งขี่ยิ่งนัก!” ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น หญิงสาวชุดม่วงปรากฏตัวออกมา และไม่มีใครสังเกตเห็นนางตอนปรากฏตัวออกมาแม้แต่คนเดียวราวกับว่านางอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
นางยืนอยู่บนท้องฟ้า สายลมพัดผ่านกระโปรงยาวของนางและเท้าที่เปื่อยเปล่าอย่างกับหยกทำให้นางดูงดงามมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่น่าตกตะลึงคือมีแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่รอบตัวนางราวกับเทพธิดาได้ลงมายังโลกเบื้องล่าง
“โฮกกกกก!” สัตว์อสูรตัวนั้นหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน และจ้องมองไปที่หญิงสาวคนนั้นด้วยความระมัดระวัง
การที่ทำให้สัตว์อสูรระดับทลายมิติหวาดระแวงได้ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความก็สามารถคาดเดาได้ว่าหญิงสาวคนนี้ก็เป็นตัวตนระดับทลายมิติเหมือนกัน
อย่างย่าวหุยเยว่และเจี่ยหมิงที่เป็นศิษย์ที่ภาคภูมิใจของห้านิกายโบราณ พวกเขามักจะเห็นจอมยุทธระดับทลายมิติบ่อยครั้ง แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับหญิงสาวคนนี้
หลิงฮันรู้สึกโล่งใจ นางคือราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่!
“เจ้าแมวน้อย จงสยบต่อข้าผู้นี้ซะ!” ราชินีหยินกระโจนออกไปและเริ่มโจมตีสัตว์อสูรตัวนั้น
พวกเขาได้ต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงจนทุกคนต้องถอยห่างอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาถูกลูกหลง มันเพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาให้ตายได้สักร้อยครั้ง
ในระยะไกลมีผู้คนร้อยคนกำลังมุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกับกองทัพ พวกเขาเคลื่อนที่ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ใบหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึม และถือหอกยาวอยู่ในมือ
ระดับพลังพื้นฐานของพวกเขาคือจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา นั่นเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นกองทัพของใครบางคน แถวหน้าสุดมีคนถือธงสงครามอยู่ มันเป็นรูปมือชูพระจันทร์เสี้ยว
พวกเขาหยุดอยู่ด้านหน้าพื้นที่การต่อสู้อยู่ใกล้กว่ากลุ่มของหลิงฮันเสียอีก พวกเขาอยู่ใกล้กับระยะการต่อสู้อันรุนแรงระหว่างราชินีหยินและสิงโต เมื่อเกิดคลื่นพลังแผ่กระจายออกมา พวกเขาจะแทงหอกออกไปด้านหน้าด้วยพลังของคนร้อยคนสามารถยับยั้งคลื่นพลังที่แพร่กระจายออกมาได้
หลิงฮันคิดในใจว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของราชินีหยิน และมีเพียงแค่จักรวรรดิจันทราม่วงเท่านั้นที่สามารถรวบรวมพลังของทุกคนให้กลายเป็นหนึ่งได้
ราชินีหยินเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก นางต่อสู้กับเจ้าสิงโตนั้นด้วยท่าทีผ่อนคลายและดูมีความสุขอย่างกับเล่นกับแมวน้อย
ภายในร่างกายของนาง หลิงฮันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับราชันดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเจ้าสิงโตนั้นก็ถูกราชินีหยินกำราบอยู่กับพื้น มันพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ประโยชน์
ราชินีหยินนั่งลงอยู่บนหลังของมันด้วยท่าทางสง่างาม และโบกมือให้หลิงฮันและพูดว่า “หนุ่มรูปงาม จงมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของข้าผู้นี้ซะ!” นางเหยียดขาเรียวยาวของนางและดึงกระโปรงขึ้นมาถึงต้นขา
ตอนที่ 706
หลายคนรู้สึกอิจฉาและคลั่งไคล้ หญิงสาวที่งดงามคนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความงามเท่านั้น แต่ยังมีความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเปรียบ แม้กระทั่งสิงโตระดับทลายมิติยังต้องยอมจำนน
การที่จะทำแบบนั้นได้ พวกเขายังต้องการอะไรอีกในชีวิตหรือไม่?
“น้องชาย จงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!”
“เคารพราชินีของพวกเราเสีย!”
แม้ว่าคนอื่นจะรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะปริปากพูดออกมา แค่บรรยากาศก็หายใจได้ยากลำบากแล้ว แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมากที่เหล่าทหารต่างส่งเสียงให้กำลังใจหลิงฮันทีละคนทีละคน
ตอนนี้พวกเขายังคงเป็นทหารอยู่ แต่พวกเขากลับแกล้งทำเป็นกลุ่มคนตาบอด!
หลิงฮันพูดไม่ออก คนพวกนี้เป็นอะไรกันแน่?
ราชินีหยินแกล้งทำเป็นไม่มีความสุขและพูดว่า “พวกเจ้าพยายามที่จะก่อกบฎ?”
“มิกล้า!”
“พวกข้าแค่หาชายที่เหมาะสมที่จะแต่งงานให้ท่านก็แค่นั้น!”
“ข้ารู้สึกร้อนใจแทนราชินีของข้า ดังนั้นข้าแค่หาคนนอกที่เหมาะสมให้กับท่าน!”
“ใช่แล้ว พวกเราเห็นน้องชายคนนี้ไม่ธรรมดา เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งมาก”
เหล่าทหารต่างส่งเสียงพูดออกมา พวกเขาแต่ละคนดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“หนิวไม่อนุญาตให้ใครแย่งหลิงฮันไปจากหนิวทั้งนั้น!” ฮูหนิวหยุดกินและรีบมายืนอยู่ด้านหน้าของหลิงฮันอย่างรวดเร็ว นางจ้องมองไปที่เหล่าทหารนับร้อยคนด้วยสีหน้าดุดัน
เหล่าทหารต่างส่งเสียงหัวเราะออกมา พวกเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อสีหน้าที่ดุดันของฮูหนิวเลยแม้แต่คนเดียว
“โอ้ว ราชินีของข้าพบศัตรูทางด้านความรักเสียแล้ว!”
“รักสามเศร้า!”
พวกเขาเริ่มเปิดปากพูดอีกครั้ง
ราชินีหยินเองก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน นางขี่สิงโตและพูดว่า “หยุดไร้สาระกันได้แล้ว สถานที่แห่งนี้สำคัญมากและไม่อาจตกอยู่ในมือของผู้ใดได้”
“ขอรับ!” เหล่าทหารนับร้อยส่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมเพรียงกัน แล้วกลับมามีท่าทีเคร่งขรึมอีกครั้ง
หลิงฮันรู้สึกว่าถ้าพวกเขากระจัดกระจายกัน เขามั่นใจว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้ทั้งหมด แต่ถ้าต้องต่อสู้กับพวกเขาพร้อมกัน มีเพียงแค่ความพ่ายแพ้เท่านั้นที่รออยู่
จากนั้นพวกเขาทะยานขึ้นไปในอากาศ และความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับสวรรค์ก็ถูกปลดปล่อยออกมา มันน่าสะพรึงกลัวมาก
ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า แม้แต่ดวงวิญญาณของพวกเขาก็ยังต้องสั่นไหว มันดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังถูกปลายหอกนับไม่ถ้วนชี้ใส่
ราชินีหยินขี่สิงโตมุ่งหน้าออกไปพร้อมกับคนของนาง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะข้ามทะเลไปด้วยกัน
“พี่ชายหลิง ท่านรู้จักนางหรือ?” เหวินเหรินเชียนเชียนถาม และยากที่จะปกปิดสีหน้าตกใจของตัวเอง
นั่นคือจอมยุทธระดับทลายมิติเชียวนะ
มุมปากของหลิงฮันกระตุกและพูดว่า “รู้จัก”
เมื่อเห็นหลิงฮันไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก คนอื่นก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“หลิงฮัน!” เจี่ยหมิงตะโกน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำและมีสีหน้าที่ดุดัน
“เสวี่ยนเอ๋อ!” ย่าวหุยเย่วเองก็หันไปมองดู และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในตอนนี้ ใบหน้าของจูเสวี่ยนเอ๋อนั้นกลับมาเป็นปกติแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะทำให้เขาตื่นเต้น นี่คือเสวี่ยนเอ๋อของเขา!
“หืม หลิงฮันรึ?” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งมุ่งเข้ามา เขาดูธรรมดามาก แต่ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่าดวงตาของเขานั้นลึกเหมือนกับมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หลิงฮันยักไหล่และพูดพึมพัมว่า “ทำไมมีแต่คนเพ่งเล็งมาที่ข้าล่ะเนี่ย?”
“เสวี่ยนเอ๋อ!” ย่าวหุยเย่วรีบกระโจนเข้าไปหาจูเสวี่ยนเอ๋ออย่างบ้าคลั่ง แต่นางก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
ย่าวหุยเย่วหันกลับไปมองที่หลิงฮันและพูดว่า “หลิงฮัน ข้าต้องการสู้กับเจ้า”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “พวกเราเคยต่อสู้กันแล้ว และมันก็คงไม่ได้เป็นเรื่องดีนักที่จะต่อสู้กันจนตาย ดังนั้นข้าจะให้คู่หูตัวน้อยของข้าเป็นฝ่ายสู้ ถ้าเจ้าชนะมันได้ แค่ยินดีที่จะต่อสู้กับเจ้าอีกครั้ง”
หลิงฮันเรียกอสูรศิลาออกมา ปัง เมื่ออสูรศิลาลงมาบนพื้น มันรีบวิ่งวนอยู่รอบหลิงฮันราวกับลูกสนัขตัวน้อย
ย่าวหุยเย่วเต็มไปด้วยความโกรธ หลิงฮันกล้ามากที่จะส่งมันมาเล่นกับเขา อีกฝ่ายดูถูกเขาขนาดไหนกัน? เขานับดาบออกมาและใช้ปลายดาบชี้ไปที่หลิงฮัน “ต่อสู้กับข้า!”
เมื่ออสูรศิลาเห็นเช่นนั้น มันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที อีกฝ่ายกล้ามากที่ใช้ปลายดาบชี้มาที่เจ้านายของมัน นี่หมายความว่าไง?
มันกระโดดขึ้นไปและเปิดปากคำรามใส่ย่าวหุยเย่ว
ปัง!
เสียงนั่นมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และกระแทกใส่ย่าวหุยเยว่
ตอนนี้อสูรศิลาก้าวเข้าสู่ระดับตัวอ่อนวิญญาณช่วงปลายแล้ว บวกกับจิตวิญญาณห้าธาตุของมันแล้วทำให้ความแข็งแกร่งของมันนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
“หืม?” เส้นผมของย่าวหุยเย่วปลิวอยู่ในอากาศอย่างกับพายุ เขาจ้องมองไปที่อสูรศิลาและเขาไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและดูเคร่งขรึม ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง
“ขึ้นไปบนฟ้า” หลิงฮันตะโกน
อสูรศิลาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที อย่างไรก็ตาม มันยังไม่บรรลุระดับก้าวสู่เทวา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดึงพลังของปฐพีเพื่อเสริมแกร่งให้กับตัวเอง เลยไม่แตกต่างกันที่จะต่อสู้บนท้องฟ้า
ย่าวหุยเย่วและอสูรศิลาต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า
จากนั้นหลิงฮันไม่ได้หันไปมองเจี่ยหมิง แต่เขากลับหันไปมองชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จัก เขาพูดว่า “ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไรดี?”
“ฉือชิ่วเหริน” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแผ่วเบา และยิ้มให้กับหลิงฮัน
ที่แท้เขาก็คือฉือชิ่วเหรินนี่เอง
หัวใจของหลิงฮันเตือนให้ถึงอันตราย เขาพูดว่า “เจ้ามากับเขา?” เขาชี้ไปที่เจี่ยหมิง
“ฮึ่ม!” เจี่ยหมิงหันหลังกลับและพูดว่า “ฉือชิ่วเหริน ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นคนจัดการหลิงฮัน ข้ารู้สึกได้ว่าจะพบโชคลาภในทะเลสาป ดังนั้นข้าไม่อาจเสียเวลาให้กับตัวตนเล็กๆอย่างเขา” เขาหยุดพูดและหันไปมองที่จูเสวี่ยนเอ๋อและเหวินเหรินเซียนเซียนด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับสัตว์ป่า “แต่นางทั้งสองคนจะต้องเป็นของข้า!”
พรึบ เจี่ยหมิงกระโดดขึ้นไปและดิ่งลงไปในทะเล ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
ฉือชิ่วเหรินยืนกอดอกและพูดว่า “หลิงฮัน เจ้าฆ่าศิษย์นิกายกระบี่ไร้เทียมทานของข้า ในฐานะที่ข้าเป็นประมุขนิกายกระบี่ไร้เทียมทานคนต่อไป ข้าต้องขอรับความยุติธรรมจากเจ้า”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น