Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 679-682

ตอนที่ 679

 

ราชันกระบี่น้อยตกตะลึง หุ่นเชิดเพชรมีพลังกายภาพที่น่าสะพรึงกลัว มือของมันปกคลุมไปด้วยอักขระทำลายล้างที่มองไม่เห็น ซึ่งสามารถทำลายการป้องกันของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาได้อย่างง่ายดาย


แต่หลิงฮันกลับสามารถคว้าหมัดของหุ่นเชิดเพชรได้ด้วยมือเปล่าอย่างไม่สะทกสะท้าน


หุ่นเชิดเพชรไร้ความหวาดกลัว มันโจมตีใส่หลิงฮันเพื่อหวังสังหารทันที


ราชันกระบี่น้อยไม่หยุดนิ่งเฉย เขาใช้กระบี่โจมตีออกไปพร้อมกับหุ่นเชิดเพชร การโจมตีของเขาเป็นภัยคุกคามต่อหลิงฮันมากกว่าหุ่นเชิดเพชรเสียอีก เขามีทั้งอาวุธวิญญาณระดับเก้า รัศมีกระบี่ และพลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาขั้นปลาย แม้จะเป็นร่างกายที่ทนทานของหลิงฮันก็ยังถูกทำให้บาดเจ็บได้


หลิงฮันจำต้องยอมล่าถอย ร่างของเขาพุ่งหลบออกมาไกลร้อยฟุต ด้วยความเร็วของอัสนีบาตเก้าทิวา จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะไล่ตามเขาทันได้อย่างไร?


“เหอะ!” ราชันกระบี่น้อยแสยะยิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน การที่เขาจำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดเพชรเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์เสียเปรียบนั้นทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะต่อสู้กับใครเขาจะเป็นฝ่ายเหยียบย่ำศัตรูอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด ซึ่งการต่อสู้กับหลิงฮันครั้งที่ผ่านๆมาเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอมาเช่นกัน


แต่เวลาเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน หลิงฮันกลับมีพลังเพิ่มขึ้นจนสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสี


ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา!


ราชันกระบี่น้อยรู้สึกโกรธจนตาลุกเป็นไฟ ถ้าเขาได้ทักษะนั่นมา พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จะเพิ่มขึ้นอีกห้าดาวและพลังของหลิงฮันก็จะลดลงมาห้าดาว! สถานการณ์ต่อสู้จะพลิกผลันทันที แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงสาปแช่งหลิงฮันเท่านั้น


ราชันกระบี่น้อยสาปแช่งในใจและตั้งกระบี่ไขว้หน้าอกเตรียมพร้อมจะใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง


ก่อนหน้านี้พวกเขาปะทะกันในระยะประชิดทำให้ออกกระบวนท่าได้ไม่มาก แต่เมื่อพวกเขาเว้นระยะห่างกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงมีเวลาและพื้นที่ให้เตรียมใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง


หุ่นเชิดเพชรหลบซ่อนร่างของมันอีกครั้ง แม้มันจะมีร่างกายที่ทรงพลัง แต่ตั้งแต่แรกมันก็ถูกสร้างมาเพื่อทำหน้าที่ลอบสังหารอยู่แล้ว


หลิงฮันแสยะยิ้มและนำชามพลิกสวรรค์ออกมา “หุ่นเชิดเพชรเป็นสมบัติที่ล้ำค่ารึเปล่า?”


เขากระตุ้นใช้งานมันและโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า ชามพลิกสวรรค์แผ่ลำแสงออกมาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าทันที


สิ่งนี้ไม่ใช่อาวุธวิญญาณทั่วไป มันคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์!


“หืม ทำไมอาวุธของข้าถึงลอยขึ้นไปเอง!”


“อะไรกัน สร้อยคอของข้า!”


“เครื่องรางวิญญาณของข้า!”


ชามพลิกสวรรค์ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นว่าจะเป็นสมบัติประเภทใด ตราบใดที่สมบัติชิ้นนั้นมีค่าพอให้หลอมกลั่น มันก็จะดูดเข้ามาทั้งหมด ภายในพริบตา สมบัติของผู้คนมากมายเบื้องล่างก็ถูกดูดเข้ามาทันที


ดูเผินๆมันก็เหมือนเป็นสมบัติที่ใช้ชิงทรัพย์


ร่างของหุ่นเชิดเพชรถูกบังคับให้แสดงตัวออกมาพร้อมกับถูกดูดเข้าไปในชามพลิกสวรรค์


“บัดซบ แม้แต่แครอทของนายท่านกระต่ายก็ถูกดูดไปด้วย!” เจ้ากระต่ายกระโดดโลดเต้นด้วยความกระวนกระวาย มันกำลังเคี้ยวแครอทอยู่เพลินๆ ไม่คาดคิดเลยว่าจู่ๆแครอทของมันจะถูกชามพลิกสวรรค์ดูดขึ้นไป


ราชันกระบี่น้อยตกตะลึง นั่นมันเป็นสมบัติแบบไหนกัน ถึงได้สามารถดูดซับสมบัติชิ้นอื่นเข้าไปได้ แม้แต่อาวุธวิญญาณระดับเก้าในมือของเขาเองก็สั่นไหวราวกับกำลังถูกดึงดูดโดยชามพลิกสวรรค์ของหลิงฮัน


มุมปากของหลิงฮันชักกระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะลงมือเกินไปหน่อย


อำนาจของชามพลิกสวรรค์นั้นเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เขาเพียงแค่ต้องการกำจัดหุ่นเชิดเพชรให้หายๆไปเท่านั้น ไม่เคยคาดฝันเลยว่าแม้แต่สมบัติของผู้คนที่อยู่ในระยะห่างไกลจะถูกดูดเข้ามาด้วย


“ตายซะ!” ราชชันกระบี่น้อยเตรียมกระบวนท่าจู่โจมเรียบร้อย กระบี่ของเขาตัดผ่านไปด้านหน้า เกิดเป็นคลื่นกระบี่อันเกรี้ยวกราดราวกับคลื่นสึนามิ


นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา มีคลื่นกระบี่สึนามิปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจริงๆ เพียงแต่คลื่นที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอำนาจกระบี่ที่หมุนพันกันอย่างรวดเร็วจนมองเห็นเป็นคลื่น


ในชั่วขณะหนึ่ง บนท้องฟ้าราวกับไร้วี่แววของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างของกระบี่อันเกรี้ยวกราดแทน


“แม้พลังบ่มเพาะของราชันกระบี่น้อยจะยังไม่ถึงจุดสูงสุด แต่ในด้านวิถีกระบี่นั้นเขาเกือบจะเทียบเท่ากับผู้สืบทอดที่แท้จริงของกระบี่ทลายสวรรค์ได้เลย”


“ใช่แล้ว ปราณกระบี่สามสิบเล่มที่ควบแน่นกันเป็นรัศมีนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ”


“แต่ถึงนั้น หากยังไม่เข้าใจถึงแก่นแท้แห่งกระบี่ เขาก็ยังไม่นับว่าเป็นผู้ใช้กระบี่ที่แท้จริง”


“ข้าได้ยินมาว่าฉือชิ่วเหรินบรรลุแก่นแท้กระบี่ครึ่งก้าวแล้ว?”


“ฉือชิ่วเหรินคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของกระบี่ทลายสวรรค์ ในหมู่รุ่นเยาว์อายุเท่ากันแล้ว เขาสามารถเทียบได้แม้แต่รุ่นเยาว์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์


“ข้าอยากเห็นหน้าของรุ่นเยาว์ผู้นี้จริงๆ”


“ยังพอมีโอกาสอยู่ เขาจะปรากฏตัวให้โลกได้เห็นก็คงเป็นตอนที่เขาสร้างแก่นแท้กระบี่ได้สำเร็จแล้ว และเมื่อถึงเวลาอันสมควร เขาก็จะขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเชิดฉาย”


“เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะได้กลับบ้านเกิดข้าเสียที!”


“ข้าที่เป็นถึงคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับต้องมาอาศัยอยู่กับมดปลวกบนโลกเบื้องล่างนี้ แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว!”


เหล่าผู้อาวุโสสื่อสารกันทางจิตโดยไม่มีเสียงใดๆดังออกมา พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครได้ยินความลับของพวกเขา


หลิงฮันหัวเราะและพูด “สมองของเจ้าช่างกลวงโบ๋เสียจริง กล้าลงมือกับข้าในระยะไกลเช่นนี้ ช่างแส่หาความตายจริงๆ!”


ใบหน้าของทุกคนกระตุก เมื่อตอนที่ราชันกระบี่น้อยปะทะกับเจ้าระยะใกล้ เจ้าก็บอกว่าเขาแส่หาความตาย ตอนนี้พอราชันกระบี่น้อยสู้โดยเว้นระยะห่าง เจ้าก็ยังบอกว่าเขาแส่หาความตายอีก จะต้องทำยังไงถึงจะไม่เรียกว่าแส่หาความตายกัน?


หลิงฮันนำคันศรตะวันยอแสงออกมาพร้อมกับลูกศรที่ทำจากแร่เหล็กระดับแปด เนตรแห่งสัจธรรมของเขาเปิดใช้งานเต็มที่เพื่อเล็งเป้าหมาย หลิงฮันโคจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและอัตสีบาตเก้าทิวาเข้าไปในลูกศร


การใช้งานทักษะศักดิ์สิทธิ์สามทักษะพร้อมกันคือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของหลิงฮัน พลังทำลายล้างของมันเหนือกว่าหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งเสียอีก


อะไรคือทักษะศักดิ์สิทธิ์?


หลิงฮันคาดเดาว่ามันสมควรเป็นทักษะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์


เมื่อเป็นทักษะของพระเจ้า แน่นอนว่ามันต้องน่าสะพรึงกลัว


‘ฟุบ’ ลูกศรพุ่งออกไปราวกับลำแสง มันพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ภายในพริบตามันก็ทะลวงผ่านคลื่นกระบี่ของราชันกระบี่น้อยไปได้ คันศรได้ไปปรากฏอยู่ด้านหน้าราชันกระบี่น้อยและทะลวงเข้าไปตรงบริเวณหน้าผากของอีกฝ่าย


‘ตูม!’


ร่างของราชันกระบี่น้อยส่องแสงสีม่วงออกมา ซึ่งแสงเหล่านั้นได้ทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันลูกศรเอาไว้


‘เพล้ง’ โล่แสงแตกสลาย แต่ลูกศรก็ตกจากท้องฟ้าลงมาสู่พื้นดินเช่นกัน


ราชันกระบี่น้อยแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา


เขาได้รับสมบัติลับมาจากห้องสมบัติของจักรวรรดิโบราณ มันคือสิ่งที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้เมื่อครู่ มันคือแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีขีดสี่ขีดสลักเอาไว้ ก่อนหน้านี้ที่เขาพบเจอกับอันตรายจนถึงชีวิต แสงสว่างจากกระดาษแผ่นนี้ก็ช่วยเขาไว้ และขีดบนกระดาษก็กลายเป็นเหลือเพียงสามขีด


นั่นทำให้เขารู้ว่ากระดาษแผ่นนี้สามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกสามครั้ง แต่ตอนนี้… มันเหลืออีกเพียงสองครั้งเท่านั้น


เหงื่อของเขาไหล่ท่วมตัวจากการที่พบเจอกับเหตุการณ์เฉียดตาย ถ้าเกิดหลิงฮันยังมีลูกศรอยู่อีกสามดอก เขาคงไม่สามารถยับยั้งลูกศรลูกสุดท้ายได้…


รวดเร็วเกินไป!


ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน แต่ด้วยความเร็วของลูกศรที่พุ่งมา อำนาจของมันจึงไม่ลดทอนลงไปแม้แต่น้อย


ทุกคนด้านล่างกลายเป็นไร้คำพูด ไม่แปลกใจเลยที่หลิงฮันกล่าวว่าราชันกระบี่น้อยกำลังแส่หาความตาย ที่แท้เขาก็มีทักษะยิงธนูที่น่าสะพรึงเช่นนี้อยู่นี่เอง ลูกศรที่หลิงฮันยิงออกไปนั้นรวดเร็วดั่งแสง แต่หนักแน่นราวกับขุนเขา


หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ ราชันกระบี่น้อยก็ตัดสินใจที่จะสู้ให้ถึงที่สุด


ถ้าเขาไม่สังหารหลิงฮันในวันนี้ ความแตกต่างของระดับพลังระหว่างพวกเขาก็จะค่อยๆเล็กลง แต่ความแตกต่างของพลังต่อสู้จะยิ่งกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาจะต้องถูกบดขยี้โดยหลิงฮันอย่างไม่มีวันตอบโต้ได้

 

 

 


ตอนที่ 680

 

ราชันกระบี่น้อยสรุปเองในใจว่าถ้าหากเขาสู้กับหลิงฮันระยะไกล เขาจะกลายเป็นเป้ามนุษย์ให้กับหลิงฮัน และหากสู้ระยะไกลพลังโจมตีของเขาก็จะถูกลดทอนลงไปด้วย แต่ถ้าหากสู้ระยะประชิด เขาก็ไม่ใช่คู่มือของหลิงฮันที่มีร่างกายราวกับสัตว์ประหลาดเช่นกัน


สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงเว้นระยะห่างให้พอดี ต้องไม่เว้นระยะไกลเกินไปจนเปิดโอกาสให้หลิงฮันรวบรวมพลังใช้ทักษะยิงธนู


ราชันกระบี่น้อยกวัดแกว่งกระบี่ไปด้านหน้าและจู่โจมใส่หลิงฮันด้วยรัศมีกระบี่


หลิงฮันไร้ความเกรงกลัว เขากำดาบในมือตอบโต้ราชันกระบี่น้อยอย่างไม่สะทกสะท้าน


ในความเป็นจริง แม้จะเป็นระยะห่างแค่นี้ แต่ด้วยความเร็วของเขาที่ราชันกระบี่น้อยไม่สามารถไล่ทัน เขาก็สามารถพุ่งเข้าใกล้อีกฝ่ายเพื่อสู้ระยะประชิดได้ แต่เขาเลือกที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนเลือกวิธีสู้เองและจะเหยียบย่ำอีกฝ่ายให้จมดิน


โชคร้ายที่ราชันดาบก็อยู่ที่นี่เพื่อสอดส่องสถานการณ์ ทำให้หลิงฮันไม่กล้าใช้ทักษะสามดาบลึกลับออกมา ไม่เช่นนั้นราชันกระบี่น้อยจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่านี้หลายเท่า


นิกายกระบี่ไร้เทียมทานนั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่านิกายดาบสวรรค์ ในเมื่อนิกายดาบสวรรค์มีทักษะสามดาบลึกลับ แล้วนิกายกระบี่ไร้เทียมทานจะไม่มีทักษะที่เหมือนๆกัน?


ราชันกระบี่น้อยคำราม กระบี่ในมือของเขาราวกับกลายเป็นมังกรแห่งความเกรี้ยวกราดและสะบั้นจู่โจมใส่หลิงฮัน


พลังปราณอันไร้ที่สิ้นสุดผสานเข้าด้วยกัน พลังทำลายล้างของการโจมตีนี้ได้บรรลุถึงขีดจำกัดสูงสุดที่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะใช้ออกมาได้!


หลิงฮันไม่กล้ารับการโจมตีนี้โดยตรง ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่พุ่งเข้ามา


ในขณะเดียวกัน หุ่นเชิดเพชรกำลังดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรมันก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากแรงดูดของชามพลิกสวรรค์ได้ แม้ร่างของมันจะใหญ่กว่าชามพลิกสวรรค์หลายเท่า แต่เพื่อถูกชามพลิกสวรรค์ดูดอย่างต่อเนื่อง ร่างของมันก็ค่อยๆหดเล็กลงจนถูกดูดเข้าไปอย่างไม่ยากเย็น


หลิงฮันเอื้อมมือออกไป ‘ฟุบ’ ชามพลิกสวรรค์ลอยกลับเข้ามาอยู่ในมือของเขา อักขระมากมายบนชามได้ส่องสว่างออกมาเพื่อหลอมกลั่นสมับัติต่างๆที่มันดูดกลืนเข้าไป


ราชันกระบี่น้อยพยายามสุดความสามารถเพื่อโจมตีให้โดนหลิงฮันและจับหลิงฮันมาถามถึงความลับของสมบัติ ในความคิดของเขา หลิงฮันก็ไม่ต่างอะไรกับโกดังสมบัติเคลื่อนที่


ทักษะกระบี่เจ็ดอรุณของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน สามารถตัดได้แม้แต่สวรรค์ ปฐพีและดวงดาว


เพียงแต่ว่าหลิงฮันนั้นรวดเร็วเกินไป กระบี่ที่โจมตีออกไปไม่สามารถสัมผัสตัวเขาได้


หลังจากโจมตีไปสิบกว่าครั้ง ราชันกระบี่น้อยก็หยุดมือ เขารู้แล้วว่าหากเป็นเชช่นนี้ต่อไปคงไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้


“ไม่สู้แล้ว?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “ลืมแล้วรึไงว่านี่คือการประลองเป็นตาย!”


ราชันกระบี่น้อยนิ่งเงียบ ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและยกมือขวาขึ้นฟ้า หอกสีแดงเข้มราวกับโลหิตปรากฏออกมา กลิ่นอายแห่งความกระหายเลือดอบอวลไปทั่วท้องฟ้า


‘ปัง ปัง ปัง’ เมื่อหอกโลหิตถูกสังเวยขึ้นฟ้าพร้อมกับเมฆสีดำที่หมุนมารวมตัวกัน อัสนีบาตอันเกรี้ยวกราดผ่าลงมาราวกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์


ทุกคนตกตะลึง นี่เป็นครั้งที่สามของวันแล้วที่มีเมฆสายฟ้าปรากฏออกมา


แต่เมฆสายฟ้าครั้งนี้นั้นต่างออกไป มันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งลางร้าย


ตัวตนระดับอาวุโสหลายคนแสดงสีหน้าตกตะลึง


“นี่มัน…”


“ยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้าม หอกกำเนิดความพินาศ!”


“ยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้าม!”


หลิงฮันขมวดคิ้วและมองไปยังหอกโลหิต จากนั้นก็เบี่ยงสายตาหันไปมองเมฆสายฟ้าบนท้องฟ้าและพึมพำออกมา “ยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้าม?”


ยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้าม… มันคืออาวุธที่แม้แต่สวรรค์ยังไม่ยินยอมให้มีอยู่ ดังนั้นเมื่อราชันกระบี่น้อยสังเวยหอกโลหิตขึ้นฟ้า สวรรค์และปฐพีจึงเคลื่อนไหวเพื่อมาทำลายมัน


เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ในชีวิตที่แล้วแต่ไม่เคยเห็นด้วยตาแม้แต่ครั้งเดียว ก็เหมือนกับอาวุธวิญญาณระดับสิบที่หลิงฮันเพิ่งเคยพบเห็นในชีวิตนี้ อาวุธวิญญาณระดับสิบเป็นสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในโลก เพียงแต่ว่าถ้าอยากจะใช้พลังของมันให้ได้อย่างเต็มที่ ผู้ใช้ต้องบรรลุระดับทลายมิติเสียก่อน


แต่ยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้ามนั้นต่างออกไป มันไม่จำเป็นต้องใช้พลังบ่มเพาะหรือความเข้าใจในศาสตร์แห่งวรยุทธในการกระตุ้นใช้งาน สิ่งที่จำเป็นต้องใช้มีเพียงการสังเวยโลหิต


แม้จะง่าย แต่ก็ต้องแลกด้วยพลังชีวิต


ราชันกระบี่น้อยมีของแบบนี้อยู่ในครอบครองด้วย?


นี่เป็นสิ่งพบเจอจากคลังสมบัติของจักรวรรดิโบราณหรือโบราณสถานอื่นกันแน่?


“สังเวยอายุขัยของข้าห้าสิบปี!” ราชชันกระบี่น้อยคว้าหอกเอาไว้และมองไปยังหลิงฮัน


‘พรึบ’ หอกโลหิตส่องแสงสว่างออกมา ปราณโลหิตมากมายผสานตัวกันเป็นอสรพิษขนาดเล็กหมุนพันรอบหอก อสรพิษนี้ราวกับมีชีวิต มันปลดปล่อยอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา


ผมของราชันกระบี่น้อยเปลี่ยนเป็นสีขาว ผิวพรรณที่เคยเรียบเนียนราวกับหยกก็ปรากฏริ้วรอย ตอนนี้เขาดูเหมือนชายอายุเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี


พลังอำนาจที่หอกโลหิตปลดปล่อยออกมานั้น มันเทียบได้กับระดับสวรรค์!


การสังเวยอายุขัยห้าสิบปีของราชันกระบี่น้อยทำให้หอกเล่มนี้มีพลังอำนาจเท่ากับระดับสวรรค์ ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะสังหารหลิงฮัน


ผมและผิวของราชันกระบี่น้อยค่อยๆกลับสู่สภาพปกติอย่างช้าๆ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธที่มีอายุขัยมากกว่าหนึ่งร้อยปี เหตุผลที่สภาพของเขาแก่ชราไปชั่วขณะเป็นเพราะเมื่อครู่เขาถูกดูดพลังชีวิตและอายุขัยออกไปอย่างกระทันหัน


“ด้วยอำนาจของยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้าม แม้เจ้าจะเป็นเทพมารเจ้าก็หนีความตายไม่พ้น!”


ราชันกระบี่น้อยคำรามและควงหอกยาวในมือ จากนั้นก็เขวี้ยงหอกโลหิตที่ส่องประกายใส่หลิงฮัน


ร่างของหลิงฮันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงหอกโลหิจ แต่หอกโลหิตราวกับมีชีวิตและดวงตา มันเปลี่ยนทิศทางที่พุ่งและไล่ตามเขามาติดๆ


สมกับเป็นยุทธภัณฑ์ต้องห้าม ช่างลึกล้ำยิ่งนัก!


ในเมื่อหลบไม่ได้ก็ต้อง…


เขายื่นชามพลิกสวรรค์ออกไปยังทิศทางของหอกโลหิต


สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น หอกโลหิตถูกชามพลิกสวรรค์ดูดเข้าไปในทันที


ยุทธภัณฑ์สวรรค์ต้องห้ามที่แม้แต่สวรรค์ยังไม่อาจยินยอมให้คงอยู่… กลับถูกชามดูดเข้าไปง่ายๆเช่นนั้น?


จิตใจของทุกคนสั่นไหวทันที แม้แต่ตัวตนระดับผู้อาวุโสก็ยังแสดงท่าทีละโมบออกมา


ราชันกระบี่น้อยไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง เขาต้องเสียสละอายุขัยตนเองไปถึงห้าสิบปี แต่นั่นกลับไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว จะให้เขายอมรับความเป็นจริงนี้ได้อย่างไร?


หลิงฮันกำดาบกำเนิดมารเอาไว้ในมือและยิ้ม “มีลูกเล่นอะไรอีกไหม?”


จิตสังหารของเขาปะทุออกมา คราวนี้เขาจะจำกัดราชันกระบี่น้อยออกไปให้พ้นๆเสียที


ราชันกระบี่น้อยยังคงไม่ยินยอม เขายังมีไพ่ลับมากมายที่เก็บซ่อนเอาไว้อยู่ เขานำเครื่องรางวิญญาณและกาน้ำสีดำออกมา


แม้มันจะไม่ใช่สมบัติที่ยอดเยี่ยมมากนักแต่หลิงฮันก็รู้สึกไม่ดีหากจะต้องทำลายพวกมันเพราะเขาตั้งใจจะนำทรัพย์สมบัติทุกอย่างของอีกฝ่ายมาเป็นของตนเอง


คงจะน่าเสียดายหากต้องทำลายมันทิ้งอย่างเสียเปล่า!


หลิงฮันรีบสร้างระยะห่างกับราชันกระบี่น้อยและโคจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 681

 

‘ตูม’ ลูกศรถูกยิงออกไป


การต่อสู้ครั้งอดีตราชันกระบี่น้อยยังสามารถรอดจากคันศรไปได้ แต่ตอนนี้พลังของทั้งสองแทบจะไม่แตกต่างกัน แล้วราชันกระบี่น้อยจะหยุดยั้งทักษะศักดิ์สิทธิ์สามทักษะที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งการโจมตีได้อย่างไร?


ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์คือทักษะที่สังหารได้แม้แต่พระเจ้า!


เพียงแต่พลังบ่มเพาะของหลิงฮันในตอนนี้ยังต่ำเกินไป เขายังไม่สามารถสังหารพระเจ้าได้ แต่กับราชันกระบี่น้อยนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย


ร่างของราชันกระบี่น้อยส่องแสงสว่างออกมาสร้างเป็นโล่สองชั้นเพื่อป้องกันคันศรทั้งสองดอกของหลิงฮัน ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด กระดาษสมบัติที่คอยคุ้มของเขาตอนนี้สลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว มันไม่สามารถป้องกันการโจมตีครั้งต่อไปให้เขาได้


ลูกศรดอกต่อไป คือสิ่งที่กำหนดชะตาความตายของเขา


การประลองครั้งนี้คือการประลองเป็นตาย มันจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายนึงตกตายอย่างสมบูรณ์ แม้จะเป็นสำนักสวรรค์ก็ไม่มีอำนาจในการคัดค้าน ดังนั้นจึงไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเพื่อแทรกแซงพวกเขา


กฎก็ต้องเป็นกฎ ถ้าหากเรื่องแค่นี้ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ สำนักจะยังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่อีกรึ?


ราชันกระบี่น้อยยังคงมีสภาวะจิตใจมั่นคงดั่งกระบี่ ในตอนนี้เขาไม่หวั่นเกรงความตายแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นตรงกันข้าม จิตวิญญาณนักสู้ของเขาก็ปะทุออกมาและสะบั้นกระบี่ไปยังหลิงฮันอย่างอ่อนแรง


‘ตูม’ กระบี่ของเขาส่องแสงสว่างอันรุ่งโรจน์ กลิ่นอายแห่งอำนาจอันลึกลับถูกปลดปล่อยออกมา


“กะ…แก่นแท้กระบี่!” หนึ่งในผู้อาวุโสอุทานออกมา


“ไม่ใช่แก่นแท้กระบี่ที่สมบูรณ์ แต่มือข้างหนึ่งของเขาได้สัมผัสถึงแก่นแท้กระบี่แล้ว!” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งส่ายหัว


“การที่สามารถเข้าถึงหลักวิถีแห่งเต๋าของแก่นแท้กระบี่ เขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่อาจประเมินค่าได้!” ผู้อาวุโสคนที่สามกล่าว


“จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้!” ผู้อาวุโสคนที่สี่พูดอย่างหนักแน่น


‘พรึบ!’


หลิงฮันถือธนูตั้งตรงและยิงลูกศรออกไป ลูกศรแปรสภาพกลายเป็นเส้นแสงแห่งการทำลายล้าง ภายในพริบตามันก็ไปปรากฏที่หน้าผากของราชชันกระบี่น้อยและพุ่งทะลุหัวผ่านไป ลูกศรนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แม้จะพุ่งทะลุหัวของราชันกระบี่น้อยไปแล้ว มันก็ยังคงพุ่งทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มีท่าทีว่าพลังจะเหือดหายไป


‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ ปีศาจเฒ่าสามคนปรากฏตัว พวกเขาทุกล้วนมีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์ทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ลงมือช้าเกินไป ร่างของราชันกระบี่น้อยร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า พลังชีวิตของเขาสลายหายไปจากร่างอย่างรวดเร็ว


ชายชราคว้าร่างของราชันกระบี่น้อยเอาไว้และเดินจากไป เขาคงคิดว่าบางทีอาจจะมีหนทางชช่วยชีวิตเขาได้


แต่ทว่า ด้วยการที่หลิงฮันเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยาในชีวิตที่แล้ว เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าลูกศรได้ทำลายจิตวิญญาณของราชันกระบี่น้อยจนสลายหายไปสิ้น ถึงจะมีเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีสภาพเต็มร้อยได้ แต่มันก็ทำได้แค่ฟื้นฟูร่างกาย


จิตวิญญาณได้ตายได้แล้ว แม้จะฟื้นขึ้นมาราชันกระบี่น้อยจะยังคงเป็นราชันกระบี่น้อยอยู่อีกรึ? แม้จะสามารถทำให้ร่างฟื้นกลับมีชีวิตได้ แต่ราชันกระบี่น้อยก็คงไม่ต่างอะไรกับคบบ้า


ปีศาจเฒ่าอีกสองคนจ้องมองหลิงฮันอย่างเย็นชา พวกเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในตอนแรกที่ทั้งสองคนตกลงประลองเป็นตายกัน พวกเขาก็ไม่ได้มาห้ามปราม แล้วตอนนี้พวกเขาจะทำอะไรได้?


“แยกย้ายกันไปได้แล้ว!” ชายชราจ้องมองหลิงฮันอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะสะบั้นแขนเสื้อกล่าวกับศิษย์ของสำนักรอบด้านด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


ทุกคนหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรและรีบสลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว ยังมีวิหารระดับปฐพีและระดับดำอีกมากมายที่ว่างอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาต้องรีบไปจับจองให้ทัน ราชันกระบี่น้อยตกตายไปแล้วมันอย่างไร? เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเขาเสียหน่อย


ไม่ใช่ว่าวิหารของราชันกระบี่น้อยว่างแล้วหรอกรึ? แต่ถึงอย่างนั้นใครกันจะมีความคิดกล้ายึดครองวิหารแห่งนี้เพราะกลัวว่าจะถูกหลิงฮันสังหาร


หลิงฮันจ้องมองไปยังปีศาจเฒ่าที่เดินจากไป ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ได้ก่อเกิดขึ้นในใจของเขา


สินสงครามของเขาถูกแย่งชิงไปแล้ว


แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าเขาตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า เขาจะทำอะไรได้? หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งปีศาจเฒ่าในใจ… พวกเจ้าอย่าทำเส้นผมหล่นแม้แต่เส้นเดียวล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสาปแช่งพวกเจ้าสามวันสามคืน


เขาทำใจให้สงบและกล่าว “เอาล่ะ ไปวิหารของราชันกระบี่น้อยกันเถอะ บางทีที่นั่นอาจจะมีอะไรบางอยางเหลือทิ้งเอาไว้”


ราชันกระบี่น้อยค้นพบคลังสมบัติของจักรวรรดิโบราณ สมบัติบางชนิดอาจจะใหญ่จนไม่สามารถใส่เข้าไปในแหวนมิติได้จึงต้องหาที่วางมันเอาไว้


พวกหลิงฮันไปตามคนรับใช้ถึงตำแหน่งวิหารของราชันกระบี่น้อยก่อนที่จะมุ่งหน้าไป


“หืม วิหารถูกติดตั้งรูปแบบอาคมรวมพลังวิญญาณเอาไว้”


“เป็นเช่นนี้เอง พลังวิญญาณในที่แห่งนี้เข้มข้นมากกว่าด้านนอกถึงสิบเท่า”


ทุกคนบอกเล่ากันว่าหากบ่มเพาะพลังที่นี่จะช่วยย่นเวลากว่าปกติครึ่งนึง หลิงฮันหายสงสัยแล้วว่าทำไมราชันกระบี่น้อยถึงได้ทะลวงผ่านระดับระดับก้าวสู่เทวาได้รวดเร็วเช่นนี้ เหล่าศิษย์ที่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมกับสำนักโดยตรงคงจะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้เมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว ด้วยการที่ได้บ่มเพาะพลังที่นี่มานานกว่าศิษย์คนอื่น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาและศิษย์คนอื่นๆจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


วิหารแห่งนี้เพียงพอให้จอมยุทธบ่มเพาะพลังได้สามถึงสี่คน หากมากกว่านี้พลังวิญญารจะไม่เพียงพอ เพราะประสิทธิภาพของข่ายอาคมรวบรวมวิญญาณเองก็มีขีดจำกัด


“ที่นี่มีวิหารอยู่ประมาณห้าร้อยวิหาร แต่ศิษย์ที่ผ่านการทดสอบมาได้เกรงว่าจะมีราวๆสองพันคน”


ตามการคาดหวังของสำนักสวรรค์แล้ว พวกเขาตั้งใจจะรับศิษย์เข้าร่วมประมาณหนึ่งพันคน แต่เพราะหลิงฮันทำลายธงอาคมในการทดสอบแรก จอมยุทธที่ผ่านการทดสอบได้จึงเพิ่มขึ้นเท่าตัว


“วิหารมีน้อย การแข่งขันก็จะดุเดือดขึ้น”


“ถูกแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องการอาศัยอยู่ในวิหารที่มีพลังวิญญาณหนาแน่น และจากที่ได้ยินมา มีเพียงศิษย์ที่อาศัยอยู่ในวิหารเท่านั้นถึงจะมีสิทธิได้รับทรัพยากรบ่มเพาะ”


“งั้นพวกเราก็คงต้องพยายามหน่อยแล้ว”


ทุกคนต่างมีคสามทะเยอทะยาน แม้จะไม่สามารถครอบครองวิหารระดับสวรรค์หรือวิหารระดับปฐพีได้ แต่พวกเขาจะครอบครองวิหารระดับดำหรือเหลืองไม่ได้เชียวหรือ?


หลี่เฟิงหยู่และฉินหยีเย่วกล่าวลา พวกเขาต้องรีบไปครอบครองวิหารที่เหมาะสม แม้จะต้องท้าประลองก็คงไม่อาจเลี่ยงได้ สำหรับอัจฉริยะอย่างพวกเขา ระยะเวลาสามเดือนนั้นเพียงพอที่จะพัฒนาพลังให้เพิ่มขึ้นมหาศาล


จูเสวียนเอ๋อและฮูหนิวไม่ได้ออกไปจากวิหาร พลังวิญญาณในวิหารแห่งนี้เพียงพอให้บ่มเพาะพลังได้สามคน หากพูดถึงทรัพยากรบ่มเพาะแล้ว หลิงฮันที่มีหอคอยทมิฬจะด้อยกว่าใครรึ?


“หลิงฮัน หนิวหิวแล้ว!” ฮูหนิวออดอ้อนหลิงฮัน


“งั้นก็มากินกันก่อนแล้วกัน!” หลิงฮันยิ้มและนำวัตถุดิบต่างๆออกมาเตรียม เขาไม่คิดจะไปหาจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงซักระยะ พวกเขาทั้งสามคนจะก่อตั้งกองกำลังของตนเองแล้วค่อยมารวมเป็นกองทัพกันทีหลัง


สำนักสวรรค์แบ่งระดับศิษย์ออกเป็นสี่ระดับ ซึ่งสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าศิษย์คนไหนคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด มันจึงเป็นโอกาศดีที่หลิงฮันจะรับผู้ติดตามที่นี่

 

 

 


ตอนที่ 682

 

ณ วันแรกของการเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ เพื่อที่จะได้ครอบครองวิหารพำนัก มีศิษย์ไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตการการแย่งชิงอันโหดเหี้ยม


เส้นทางแห่งการฝึกยุทธก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องการจะปีนป่ายให้สูงขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีใครตกตะลึงและยอมรับสิ่งที่เกิดได้อย่างสงบนิ่ง


ที่จริงสำนักโบราณทั้งห้าก็ไม่ได้อย่างฝึกฝนให้เจ้าศิษย์เหล่านี้มากนัก ศิษย์ที่รับเข้ามาเป็นเพียงหินลับคมให้กับลูกศิษย์ของห้านิกายเท่านั้น บางคนที่มีหากมีพรสวรรค์ซ่อนเร้นเอาไว้ก็จะถูกนำขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นข้ารับใช้


แล้วศิษย์ที่รับมาครั้งนี้ยังเยอะกว่าที่คาดเอาไว้อีกด้วย หากมีศิษย์อ่อนแอที่ตกตายไปแล้วจะทำไม?


หลังจากพวกหลิงฮันกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็เริ่มสำรวจวิหารของตน แต่ดูเหมือนว่าราชันกระบี่น้อยจะไม่ได้ทิ้งสมบัติเอาไว้มากนัก สิ่งเดียวที่ทำให้หลิงฮันพึงพอใจได้ก็คือเรือรบทองคำ


ก่อนหน้านี้เขาก็เคยชิงมาได้ลำนึง แต่มันถูกหุ่นเชิดเพชรทำลายไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาได้เรือรบทองคำมาอีกลำหนึ่งซึ่งมันช่วยทดแทนความรู้สึกเจ็บปวดใจที่เสียลำก่อนหน้านี้ไปได้


ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เรือรบทองคำคงไม่มีประโยชน์อะไรในด้านต่อสู้ แต่เขาก็สามารถใช้มันเพื่อประหยัดเวลาและแรงในการเดินทางได้


เมื่อคำคืนแรกผ่านไป วันรุ่งขึ้นหลิงฮันก็ตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก


เขาเปิดประตูออกไปและเห็นรุ่นเยาว์สี่คนยื่นอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าวิหาร ท่าทางของพวกเขาทั้งสี่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด


หลิงฮันจ้องไปยังทั้งสี่คนและกล่าว “มีธุระอันใด? พวกเจ้าต้องการท้าประลองกับข้า? ถ้าเช่นนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเวลา พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันสี่คนเลย”


“เหอะ พวกเราไม่ได้มาท้าประลองเจ้า!” รุ่นเยาว์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา


“แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลิงฮันกรอกตา


“พวกเราคือศิษย์ของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน!” รุ่นเยาว์คนที่สองกล่าว “อย่าคิดว่าเจ้าจัดการราชันกระบี่น้อยสำเร็จแล้วเจ้าจะเหิมเกริมได้ จงรู้เอาไว้ว่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายกระบี่ไร้เทียมทานไม่ใช่ราชันกระบี่น้อย!”


“ใช่แล้ว รอให้ศิษย์พี่ฉือออกมาจากการเก็บตัวก่อนเถอะ เขาจะสังเจ้าได้อย่างไม่ยากเย็น!”


“เตรียมใจไว้ให้ดี!”


ทั้งสี่คนตะคอกเสียงดังราวกับต้องการกินเลือดกินเนื้อหลิงฮัน


หลิงฮันถอนหายใจและกล่าว “โอ้ ”ข้าเกลียดคนที่รบกวนเวลานอนของข้าที่สุด ดูเหมือนข้าคงจะปล่อยให้พวกเจ้ากลับไปไม่ได้หากยังไม่ได้ทุบตี


“หยุดก่อน พวกเราไม่ได้มาท้าประลองกับเจ้า!” ทั้งสี่คนที่โบกมือปฏิเสธ พวกเขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้อย่างไร?


หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “พวกเจ้าบุกมาสาปแช่งข้า แต่กลับพูดว่าไม่คิดจะท้าประลอง?” หลิงฮันก้าวไปด้านหน้าและปล่อยหมัดใส่ทั้งสี่คนคนละหมัด ทันใดนั้นทั้งสี่คนก็ถูกซัดจนปลิวลอยกระเด็น


เขาคงยังมีความปรานี เขาแค่ต่อยพวกมันจนน่วมแต่ไม่ได้ลงมือสังหาร


“ฉือชิ่วเหริน?” หลิงฮันพึมพำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้ ย่าวหุยเยว่เคยกล่าวไว้ว่าฉือชิ่วเหรินคืออัจริยะอันดับหนึ่งของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน แต่เขาเป็นพวกทำตัวไม่โดดเด่นจึงไม่ค่อยมีชื่อเสียง เกรงว่าคงจะมีแค่เหล่าศิษย์ของห้านิกายโบราณเท่านั้นที่รู้จักเขา


“ข้าจะรอก็แล้วกัน”


หลิงฮันเดินเรื่อยเปื่อยไปรอบบริเวณภูเขาเก้ามังกร เขาไม่ได้ปิดความความคิดที่ว่าเขากำลังต้องการผู้ติดตาม


เพียงแต่ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะการก่อนสู้กับราชันกระบี่น้อยก่อนหน้านี้ แต่ศิษย์ทุกคนที่นี่ก็ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่หยิ่งทะนงในตนเอง เพราะงั้นจะให้พวกเขายอมรับใช้ผู้อื่นง่ายๆได้อย่างไร?


ตอนนี้ความคิดของทุกคนคือถ้าพวกเขาได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่เหมาะสม พวกเขาจะต้องไล่ตามหลิงฮันได้ทันแน่นอน


ด้วยการที่ทุกคนมีความคิดแบบนั้น แล้วขาจะโน้มน้าวพวกเขาได้อย่างไร?


จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงเองก็เริ่มเส้นทางของแต่ละคนแล้ว ทั้งสองคนได้ครอบครองวิหารระดับปฐพีและท้าประลองกันว่าใครจะเป็นฝ่ายได้ครอบครองวิหารระดับสวรรค์ก่อนกัน


อุปกรณ์สื่อสารของสำนักสะดวกสบายเป้นอย่างมาก ด้วยหินสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างนิกายโบราณทั้งห้าและเมืองใหญ่มากมาย ลูกศิษย์ของสำนักจะสามารถติดต่อกับตระกูลและอาจารย์ของตนได้ รวมถึงการส่งข่าวสารด้วย


ข่าวที่น่าสนใจที่สุดในวันนี้คือข่าวของจักรวรรดิจันทราม่วง


โดยปกติแล้วจะไม่มีใครเก็บขุมอำนาจนี้มาใส่ใจ พวกเขากล้าที่จะก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาในภูมิภาคกลางแห่งนี้? ไม่ใช่ว่านั่นคือการแส่หาความตายหรอกรึ? ก่อนหน้านี้ได้มีมีกองทัพจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามากมายบุกไปล้อมจู่โจมขุมอำนาจนี้ แต่พวกเขากลับต้องคว้าน้ำเหลวกลับมา ปรมาจารย์มากมายถูกจับตัวไปและต้องยอมยกธงขาวพ่ายแพ้ พวกเขาไม่ถูกปล่อยตัวกลับมาแต่ถูกนำไปเสริมเป็นกองกำลังให้กับจักรวรรดิจันทราม่วงแทน


ตอนนี้อำนาจของจักรวรรดิกำลังขยายใหญ่ขึ้น อาณาเขตของพวกเขาขยายกว้างขึ้นสิบเท่าในระเวลาอันสั้น


เพราะเป็นเช่นนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นที่เพ่งเล็งของห้านิกายโบราณในที่สุด ห้านิกายโบราณได้ส่งกองกำลังจอมยุทธระดับสวรรค์ไปบุกโจมตีพวกเขา


นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาสามเดือนแล้ว ในตอนนี้ผลลัพธ์ของสงครามยังไม่ถูกส่งกลับมา บางทีพวกเขาอาจจะกำลังทำสงครามอันยืดยาวกันอยู่


หลิงฮันพยักหน้าหลังจากได้ยินข่าวนี้


หม่าตั้วเป่า… ชายคนนี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่ในเมื่อเขาตั้งใจจะเปิดสวรรค์ การก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาจึงไม่ใช่เรื่องบ้าบิ่นอะไร แต่ที่หลิงฮันสงสัยก็คือจู่ๆกองกำลังที่ทรงพลังของหม่าตั้วเป่าปรากฎขึ้นมาได้อย่างไร?


บางทีหม่าตั้วเป่าอาจจะไม่ใช่คนที่ลงมือต่อสู้เอง… แต่ผู้นำของเขาหรือเหล่ากองทัพล่ะโผล่มาจากไหน? มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรวบรวมจอมยุทธที่แข็งแกร่งให้มารวมตัวกันโดยมีจุดประสงเดียวกับเขา


ยกตัวอย่างเช่นหลิงฮัน ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เขาพยายามรวบรวมผู้ติดตามแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับย่ำแย่อย่างมาก การจะรวบรวมผู้ติดตามได้เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก ไม่ต้องพูดถึงการชักชวนคนให้เข้าร่วมการเปิดสวรรค์ซึ่งเป็นการกลายเป็นกบฏของทวีปฮงเทียนเลย


“หมอนั่นเป็นคนที่มีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย ในความคิดของเขาหม่าตั้วเป่าคือจอมอ้วนที่แสนเจ้าเล่ห์ คนเช่นนั้นจะชื่อชอบและดูมีเสน่ห์ในสายตาคนอื่นได้อย่างไร?


“ที่ข้าเกิดใหม่ในยุคสมัยนี้ มันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่?”


“ถ้าหม่าตั้วเป่ามีความสามารถพอที่จะปะทะกับห้านิกายโบราณจริงๆ งั้นข้าก็คงจะช่วยเขาอีกแรงดีกว่า ยังไงข้าก็ไม่มีความสนใจที่จะเป็นจักรพรรดิอยู่แล้ว เป้าหมายของข้าก็แค่ไม่อยากให้ทวีปแห่งนี้ล้มสลายก็เท่านั้น”


“ถ้าหม่าตั้วเป่ามีความสามารถเช่นนั้นจริงๆก็ให้เขาเป็นผู้นำแล้วกัน เมื่อข้าขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จข้าค่อยถอนตัวและไปตามหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์”


เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น ข่าวใหญ่ก็ถูกเผยแพร่ออกมา


กองกำลังที่ห้านิกายโบราณส่งไปโจมตีจักรวรรดิจันทราม่วงถูกทำลายจนพินาศย่อยยับ กองกำลังที่ส่งไปทั้งหมดคือกองกำลังที่นำโดยตัวตนระดับสวรรค์ถึงเจ็ดคน แต่หกคนกลับถูกกบดขยี้อย่างราบคาบหรือไม่ก็ถูกบังคับให้ยอมแพ้ มีเพียงหนึ่งคนที่หนีกลับมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเจียนตาย


ในที่สุดอำนาจของห้าโบราณก็เริ่มสั่นคลอน พวกเขาตัดสินใจส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป


สิ่งที่โชคร้ายคือเหล่าศิษย์ของสำนักสวรรค์ก็ถูกสั่งให้เข้าร่วมกับกองทัพด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)