Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 675-678
ตอนที่ 675
ราชันซากศพลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่มันก็ล้มลงอีกครั้งเพราะขาอีกข้างของมันเน่าเปื่อยไปแล้ว
มันเหยียดแขนของมันออกมาเพื่อคลาน แต่แขนทั้งสองข้างของมันก็เริ่มเน่าเปื่อยหลงเหลือเพียงแค่ลำตัวและหัวของมันเท่านั้น แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานลำตัวของมันเริ่มเน่าเปื่อยและลุกลามไปที่หน้าอกจนกระทั่งร่างกายของมันเน่าเปื่อยหายไปอย่างสมูบรณ์
“ไม่—” จิ่วโหยวหวังและหลงไหเชวียนกรีดร้องออกมาพร้อมกัน ราชันซากศพที่แข็งแกร่งอย่างมากมีจุดจบที่ง่ายดายเพียงนี้?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ราชันดาบและจอมยุทธระดับทลายมิติที่เหลือรู้สึกตกตะลึงอยู่ชั่วครู่และช่วยไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา
หรือว่าราชันซากศพแสดงหาความตายของตัวเอง? ก่อนที่มันจะพัฒนามีดวงตาที่สิบหก สิบเจ็ด และสิบแปด มันดูดซับพลังมาเกินขีดจำกัดเลยทำให้มันมีจุดจบเช่นนี้?
ร่างกายที่ไม่สามารถรองรับพลังอันยิ่งใหญ่ได้ ร่างกายของมันเลยเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “หลงไหเชวียนมาเริ่มกันต่อสู้กันเถอะ!”
ในการต่อสู้ระดับพลังเดียวกัน ถ้าหลงไหเชวียนต่อสู้กับหลิงฮัน มันเหมือนกับการแสวงหาความตายของตัวเอง หากผู้คนของนิกายพันศพไม่มีทหารซากศพคอยสนับสนุนพลังต่อสู้ของพวกเขาจะย่ำแย่มาก
หลงไหเชวียนเพียงแค่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าเขาจะรู้สึกเศร้าที่ต้องเสียราชันซากศพไป แต่ก็เศร้าใจได้ไม่นาน เพราะแรกเริ่มมันไม่ได้เป็นของของเขาอยู่แล้ว
แต่สำหรับจิ่วโหยวหวังนั้นเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
แผนการนับพันปีของนิกายพันศพจบลงแล้ว เขาลงทุนใช้น้ำบาดาลใต้พิภพไปจนหมด แล้วจะให้เขาสงบใจลงได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ผู้คนจะทำใจเชื่อได้อย่างไรว่าราชันซากศพจะมีจุดจบแบบนี้?
มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่เกิดขึ้นจริง
แต่ก็ไม่มีใครสงสัยหลิงฮัน
เนื่องจากจิ่วโหยวหวังเเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ ในที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ ราชันซากศพหายไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เขาจ้องมองไปที่หลงไหเชวียนขณะแสยะยิ้มอยู่ที่มุมปาก
ถ้างั้นข้าจะไปช่วงชิงโลงศพสามชีวิตมา อย่างน้อยความสูญเสียราชันซากศพไปก็จะไม่สูญเปล่าไปทั้งหมด
“จิ่วโหยวหวัง เจ้าคิดจะไปไหน?” ราชันอสรพิษมารหยุดเขาและยิ้มอยู่ที่มุมปาก
ราชันดาบกระโจนออกไป และโคจรพลังก่อเกิดเป็นมือขนาดใหญ่และคว้าไปที่โลงศพสามชีวิต
โลงศพสามชีวิตนั้นไร้ประโยชน์สำหรับห้านิกายโบราณ แต่การกำจัดมันออกไปจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากสำหรับนิกายพันศพ มิฉะนั้น นิกายพันศพที่ครอบครองสมบัติสามอย่างจะน่าสะพรึงเกินไป
เพียงแค่นิกายพันศพครอบครองบาดาลใต้พิภพก็บ่มเพาะราชันซากศพสิบห้าตาได้แล้ว ถ้าราชันซากศพไม่ได้ดูดซับพลังจนเกินตัว มันคงจะมีดวงตาสิบแปดดวงแล้วใครจะรับมือกับมันได้?
โลงศพสามชีวิตบวกกับบาดาลใต้พิภพจะทำให้ราชันซากศพวิวัฒนาการได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แม้ว่าห้านิกายโบราณจะลงทุนไปจำนวนมากเพื่อทำลายนิกายพันศพ แต่ก็ไม่อาจหาสมบัติที่แท้จริงของนิกายพันศพพบ ดังนั้นมันจึงนำไปสู่การฟื้นคืนชีพของนิกายพันศพ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ราชันดาบจะต้องเอาโลงศพสามชีวิตมาให้ได้เพื่อห้านิกายโบราณ
“ไม่มีทาง!” จิ่วโหยวหวังคำรามและสะบั้นกระบี่เสียงปีศาจออกไปทำให้เกิดเสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่งออกมาและรัศมีกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าหาราชันอสรพิษมาร
ครั้งนี้เขาเอาจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เขาสู้กับจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์หรือราชันอสรพิษมาร จุดประสงค์ของเขาเพียงแค่ถ่วงเวลาเท่านั้น
เมื่อกระบี่เสียงปีศาจของจิ่วโหยวหวังส่งเสียงอันน่าหวาดกลัวออกมา ทำให้ดาบยาวของราชันอสรพิษมารสั่นสะเทือนอยู่ในมือราวกับว่ามันอยู่นอกเหนือการควบคุม
“แก่นแท้แห่งกระบี่!” ราชันอสรพิษมารขมวดคิ้ว
เมื่อฝึกฝนไปถึงแก่นแท้จะส่งผลกระทบต่ออาวุธของผู้อื่น ดังนั้นคู่ต่อสู้จะต้องเก็บอาวุธ มิฉะนั้นอาวุธจอยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งไม่ใช่เรื่องตลก
เขาเก็บดาบยาวออกไป ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้เป็นนักดาบอยู่แล้ว มือของเขากลายเป็นกรงเล็บและกระโจนเข้าใส่จิ่วโหยวหวัง ซึ่งมือของเขานั้นส่องแสงแวววาวของโลหะและสามารถทะลวงผ่านเสียงของกระบี่เสียงปีศาจได้
เมื่อเห็นเรื่องที่เกิดขึ้น หลงไหเชวียนรู้สึกตกใจและรีบหนีเข้าไปในโลงศพสามชีวิตแล้วมุดดินหนีหายไปทันที ในไม่ช้าก็ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า
“จับมัน!” จิ่วโหยวหวังคำราม
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ เขาตะโกนบอกใคร?
น่าแปลกใจ ในระยะไกลมีควันดำลอยมาและหายเข้าไปในสถานที่ที่โลงศพสามชีวิตหายไป ราชันดาบแสยะยิ้มและหันดาบไปในทิศทางเดียวกัน
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะเคลื่อนไหว นั่นมัน…จักรพรรดิจอมอสูร!
ความรู้สึกนั่นเขาคุ้นเคยมาก มันเป็นปราณอสูร! อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมือนกับปราณอสูรของจักรพรรดิจอมอสูรในสิบสองเขตแดนลี้ลับอสูรฟ้า
ในตอนแรกจักรพรรดิจอมอสูรนั้นแข็งแกร่งมากจนถูกแยกออกเป็นเก้าส่วน แต่ตอนนี้แม้จะเป็นแค่พลังหนึ่งในเก้าส่วน มันก็น่าสะพรึงกลัวมาก
บางทีมันอาจจะใช้ราชันซากศพเป็นภาชนะสำหรับจิตวิญญาณของจักรพรรดิจอมอสูร นั่นเป็นเพราะมันอาจรองรับพลังของจักรพรรดิจอมอสูรได้
ราชันดาบกับจักรพรรดิจอมอสูรใครจะแข็งแกร่งกัน?
แต่หลังจากนั้นได้ไม่นาน ราชันดาบส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าถูกขัดขวางโดยชายลึกลับ และไม่สามารถหยุดโลงศพสามชีวิตเอาไว้ได้”
แม้จิ่วโหยวหวังจะค่อนข้างผิดหวัง แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจ
การนำโลงศพสามชีวิตกลับมาจากห้านิกายโบราณกับหลงไหเชวียนนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นพวกเราค่อยพบเจอกันใหม่ในอนาคต!” เขาเก็บกระบี่เสียงปีศาจและกระโจนจากไป
ราชันดาบและคนที่เหลือไม่ได้เข้าไปห้าม
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถร่วมมือกันเพื่อฆ่าจิ่วโหยววังได้ แต่อาจมีการสูญเสียเกิดขึ้น ดังนั้น หากไม่จำเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติจะไม่ริเริ่มการต่อสู้เป็นตาย
“ภายใต้สรวงสวรรค์…กำลังจะเกิดความโกลาหล!” ราชันดาบกล่าวอย่างไม่แยแส
แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์และราชันอสรพิษมาร แต่พวกเขาก็แสดงสีหน้าระมัดระวังออกมาให้เห็น
นิกายพันศพปรากฏขึ้นอีกครั้ง รูปแบบอาคมสังหารที่สามเองก็ปรากฏตัวออกมาเช่นเดียวกัน และตอนนี้มีชายลึกลับอีกคนปรากฏตัวออกมาอีก
ตอนที่ 676
“ทุกคนที่ผ่านการทดสอบแรกให้ไปรายงานตัวที่สำนักสวรรค์” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์กล่าวกับผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง จากนั้นนางก็กระโจนและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ราชันดาบและราชันอสรพิษมารเองก็ติดตามนางไป ในที่สุดแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็หายไป ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างรู้สึกหายใจได้สะดวกสบายขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่มีจอมยุทธระดับทลายมิติปรากฏตัวอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ แต่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของพวกเขายังคงทำให้พวกเขาทุกคนตัวแข็งทื่อเหมือนหิน และหายใจได้ยากลำบาก
“ไปที่สำนักกันเถอะ” หลิงฮันกลับมารวมกลุ่มของเขาแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
เขาไม่ต้องการให้ใครรู้การมีอยู่ของขวดหยกต้องสาป แม้แต่ราชันซากศพสิบห้าตายังโดนคำสาป แล้วจอมยุทธระดับทลายมิติจะไม่รู้สึกอิจฉาเขาได้อย่างไร?
แม้ว่าขวดหยกต้องสาปจะทรงพลัง แต่มีข้อจำกัดในการใช้งานหลายอย่าง
ทุกคนเริ่มแห่กันไปที่สำนักสวรรค์ เนื่องจากนิกายพันศพทำให้เกิดเรื่องขึ้น การทดสอบรอบที่สองเลยถูกยกเลิก ทุกคนสามารถไปที่สำนักสวรรค์ด้วยกันได้
พวกเขากลับไปที่ภูเขาเก้ามังกรและเดินผ่านไปตู ซึ่งมีรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ครอบคลุมภูเขาเก้ามังกรไว้และทำให้มันกลายเป็นทะเลเมฆ เฉพาะผู้ที่มีเหรียญตราของสำนักเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปมาได้อย่างอิสระ
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นมาก เห็นได้ชัดว่าห้านิกายโบราณให้ความสำคัญกับพวกเขาแค่ไหน และพวกเขาใช้เวลามากในการสร้างสำนักสวรรค์ขึ้นมา ส่วนหลิงฮันแสยะยิ้มอยู่ในใจ รูปแบบอาคมขนาดใหญ่ยักษ์นี่จะต้องมีมานานแล้วมากกว่าหมื่นปีหรืออาจจะมากกว่านั้น
ว่ากันว่าประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเช่นนั้น ห้านิกายโบราณเห็นได้ชัดว่าเป็นนิกายชั่วร้ายที่สุดในทวีปเทียนฮง แต่ด้วยการล้างสมองมาเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้นำของทวีป
หลิงฮันไม่ได้คนอื่นเกี่ยวกับโฉมหน้าที่แท้จริงของห้านิกายโบราณ เขากลัวว่าบางคนอาจเก็บความลับไม่ได้และห้านิกายโบราณล่วงรู้เข้า
มีเพียงแค่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะสามารถโค่นภูเขาทั้งห้าลูกลงมาได้
หลิงฮันเดินนำหน้าและเมื่อเดินผ่านประตู เขาเห็นวิหารลอยฟ้าหลายแห่ง มันเหมือนกับพระราชวังลอยฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“พลังปราณที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก!”
“ยอดเยี่ยมเลย อย่างน้อยมันต้องแข็งแกร่งกว่าโลกภายนอกสิบเท่า!”
“พระเจ้า ถ้าข้าฝึกฝนอยู่ที่นี่ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการใช้ผลึกก่อเกิดเลย!”
“และยิ่งไปอยู่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ พลังปราณยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น!”
ในไม่ช้าฝูงชนก็ค้นพบความลึกลับมากยิ่งขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข เมื่อพวกเขาหันไปมองที่วิหารอีกครั้ง สีหน้าของพวกเขาแสดงออกแตกต่างกัน
ความสูงของวิหารแตกต่างกัน ความหนาแน่นของพลังปราณก็จะแตกต่างกัน ถ้าหากอาศัยอยู่ในสถานที่สูงและต่ำ อาจมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของความเร็วในการฝึกฝน
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างศิษย์ระดับสูงและศิษย์ทั่วไป?
ในเวลานั้นเอง หัวใจของผู้คนเริ่มรู้สึกได้ถึงการแข่งขันอันดุเดือด บนที่สูงมีวิหารอยู่แค่สิบกว่าแห่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าจะมีเพียงแค่คนสิบกว่าคนเท่านั้นที่จะได้ครอบครองวิหารเหล่านั้น
พรึบ ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากอากาศ และปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาออกมา ทำให้ทุกคนหยุดสิ่งที่กระทำอยู่ทันที
“จากนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทุกคนคือศิษย์ของสำนักสวรรค์” ชายชราสวมชุดคลุมสีเขียวกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด
เขาจ้องมองไปที่ฝูงชนและพูดต่อว่า “พวกเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าพลังปราณในสถานที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์อย่างมาก และยิ่งสูงเท่าไหร่พลังปราณจะยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำนักสวรรค์มีกฎของสำนักสวรรค์ ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ระดับไหน พวกเจ้าจะสามารถฝึกฝนได้ทุกที่”
เขาหยุดพูดอีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนมีเวลาคิดแล้วพูดต่อว่า “สำนักสวรรค์จะมีการแบ่งศิษยืออกเป็นสี่ระดับ ศิษย์ระดับสวรรค์คือระดับสูงสุด ส่วนศิษย์ระดับเหลืองคือระดับต่ำสุด”
“ศิษย์ระดับสวรรค์สามารถอาศัยอยู่ในที่สูงสุดได้ ขณะที่ศิษย์ระดับเหลืองจะอาศัยอยู่ได้แค่ตีนเขาเท่านั้น”
“มันคุ้มค่าที่จะบอกพวกเจ้าว่าความหนาแน่นของกระแสพลังปราณที่ด้านบนนั้นมากกว่าตีนเขาถึงสิบเท่า!”
สิบเท่า!
ทุกคนรู้สึกตกใจ แม้ว่าความหนาแน่นของพลังปราณจะไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาเพิ่มขึ้นสิบเท่าก็ตาม
“โอ้ว จริงสิ เดิมทีพวกเจ้าจะถูกแบ่งระดับโดยการอ้างอิงจากการทดสอบรอบที่สอง แต่ว่าตอนนี้…ทุกคนคือระดับเหลือง!”
“ไม่ต้องกังวล!”
ชายชรายกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าอยากเป็นศิษย์ระดับดำ ระดับปฐพี และระดับปฐพี พวกเจ้าจะต้องพิสูจน์ตัวเอง พวกเจ้าเห็นวิหารพวกนั้นหรือไม่? ถ้ามีคนอาศัยอยู่ พวกเจ้าสามารถท้าทายคนคนนั้นได้ ถ้าเป็นฝ่ายชนะ มันจะเป็นของพวกเจ้าแทน ศิษย์ทั้งสี่ระดับไม่เพียงแต่จะอาศัยอยู่ที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง”
“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเป็นศิษย์ระดับสวรรค์อาจมีอาจารย์ที่เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติเป็นคนสั่งสอนพวกเจ้า!”
ประโยคสุดท้ายทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง การมีจอมยุทธระดับทลายมิติเป็นอาจารย์เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก
“ล…แล้วถ้าท้าทายคนอื่นแล้วเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ล่ะ?” ใครบางคนถาม
“พ่ายแพ้?” ชายชราชุดคลุมสีเขียวยิ้มออกมาและพูดว่า “แน่นอนว่าจะต้องมีผลตามมา!”
ทุกคนขบคิดอยู่ในใจ สิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจในตัวเองอาจทำให้เป็นฝ่ายถูกทุบตีหรือแม้แต่อาจถูกฆ่าและไม่มีใครรับผิดชอบ!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจท้าทายคนอื่นมั่วๆซั่วๆได้
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้พวกเจ้ายังทำการทดสอบรอบที่สองไม่เสร็จ ดังนั้นจึงมีวิหารระดับปฐพี ระดับดำหลายแห่งว่างอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องท้าทายผู้คนอื่นเพื่อครอบครอง” ชายชราชุดคลุมเขียวพูดอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ทุกคนสามารถยอมรับคำท้าสู้ได้มากสุดแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ถ้าพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บ พวกเขาสามารถปฏิเสธคำท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เวลานานสุดคือสามเดือน แต่พวกเจ้าสามารถปฏิเสธคำท้าได้แค่สองครั้งต่อปีเท่านั้น” ชายชราชุดคลุมเขียวยังคงพูดต่อ
ทุกคนพยักหน้า มิฉะนั้นมันคงจะไร้ความหมายถ้าถูกคนอื่นท้าสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เอาล่ะ เริ่มกันได้แล้ว” ชายชราชุดเขียวสะบัดมือ และร่างของเขาลอยเข้าไปในภูเขา
ทุกคนหันไปมองหน้ากันไปมา และรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่สามารถบินได้เพราะก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในที่แห่งนี้ สำนักไม่อนุญาตให้บิน ยกเว้นในระหว่างการต่อสู้
พวกเขาทุกคนต่างต้องการวิหารระดับปฐพีและระดับดำที่เหลือไม่กี่แห่งมาครอบครอง
เมื่อพวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดของถนน พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้าง ดวงตาของเขาปิดอยู่ราวกับกำลังนั่งสมาธิ
“ราชากระบี่น้อย!” บางคนอุทานออกมาอย่างกะทันหัน
ตอนที่ 677
ราชันกระบี่น้อยเป็นตัวตนที่พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึง
เขาเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆของโลกและเป็นผู้นำของรุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนนี้เขาบรรลุระดับก้าวสู่เทวาแล้ว!
ถึงทุกคนในที่นี้จะเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อเจอกับตัวตนระดับก้าวสู่เทวา พวกเขาก็ยังรู้สึกกดดันจนหวาดหวั่นไปถึงก้นบึ้งหัวใจอยู่ดี
แน่นอนว่าก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับคนอย่างหลิงฮัน ฮูหนิว เจ้ากระต่าย จักรพรรดิพิรุณ มู่หลงชิงและเหวินเหรินเชียนเชียน ไม่รู้ว่าหากพวกเขาสู้กับราชันกระบี่น้อยแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้
แววตาของราชันกระบี่น้อยคมกริบราวกับกระบี่ เมื่อเขากระพริบตา ปรพกายแสงบางอย่างก็พุ่งออกไปจนก้อนหินที่อยู่ห่างไกลเกินรอยบิ่น
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึก นี่เป็นเพียงพลังที่มาจากการกระพริบตาของเขาเท่านั้น!
สิ่งนี้น่ากลัวมากกว่านั้นคือก้อนหินที่นี่ล้วนแต่ถูกปกคลุมไว้ด้วยค่ายอาคม ถึงแม้พวกเขาจะรุมกระหน่ำโจมตีใส่ก้อนหินในบริเวณนี้พวกมันก็คงไม่เกิดรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว แต่ราชันกระบี่น้อยกลับสามารถทำได้เพียงกระพริบตา ความแตกต่างของพวกเราและราชันกระบี่น้อยนั้นกว้างใหญ่ราวกับสวรรค์และปฐพี
“หลิงฮัน!” ราชันกระบี่น้อยเอ่ยปากพูดเบาๆ “ข้ารอคอยเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว”
‘พรึบ’ สายตาทุกคู่หันมามองที่หลิงฮัน
ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของหลิงฮันยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เพราะอย่างไรชื่อเสียงของเขาก็กำเนิดขึ้นที่ภูมิภาคเหนืออันห่างไกล มีเพียงไม่กี่คนที่รู้สถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ของเขา แถมสมาคมนักปรุงยายังไม่ได้ประกาศชื่อเสียงของหลิงฮันให้โลกรู้ด้วย พวกเขาบอกเพียงแค่ว่ามีนักปรุงยาระดับสวรรค์คนที่สามเกิดขึ้นแล้ว
แถมหลิงฮันยังอ่อนเยาว์เกินไปด้วย หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับชายหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีที่บรรลุระดับสวรรค์แล้ว ไม่ใช่ว่าเรื่องเช่นนี้มันดูเกินจริงไปหน่อยรึไงกัน?
แต่หลังจากที่หลงไหเชวียนและราชันกระบี่น้อยประกาศชื่อของหลิงฮันออกมา ด้วยชื่อเสียงของทั้งสองคน ชื่อของหลิงฮันจึงประทับอยู่ในจิตใจของเหล่ารุ่นเยาว์ทันที
“รอข้า?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “มันก็สมควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่รึไง ข้าเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ที่ทรงเกียร์ติ บางคนแม้จะนั่งรอข้าเป็นเวลานานก็ไม่อาจพบข้าได้! นับว่าวันนี้เจ้าโชคดียิ่งนัก”
‘พรวด!’
ผู้คนมากมายสำลักออกมา หลิงฮันช่างปากกล้าจริงๆ เขากล้าพูดว่าการที่ราชันกระบี่น้อยเป็นฝ่ายรอคือเรื่องที่สมควรแล้ว… เจ้ารู้รึเปล่าว่าราชันกระบี่น้อยคือใคร? เขาคือผู้นำรุ่นเยาว์แห่งยุค!
แต่มันก็คงสมเหตุสมผลถ้าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์จริงๆ หากนั่นเป็นเรื่องจริงราชันกระบี่น้อยก็คงไม่มีคุณสมบัติที่จะพบหน้าหลิงฮันแม้จะคุกเข่าขอร้องก็ตามที
นักปรุงยาระดับสวรรค์ ใต้หล้านี้มีเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนหลิงฮันซึ่งเป็นคนที่สามนั้น ขอเท็จจริงนี้ผู้คนรอบข้างยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
ราชันกระบี่น้อยลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับกระบี่ที่แหลมคม เขาชักกระบี่เล่มหนึ่งออกมา ‘ฟุบ’ รูปแบบอักขระบรกระบี่ค่อยๆส่องสว่างขึ้นทีละตัวและปลดปล่อยพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
มันคืออาวุธวิญญาณระดับเก้าที่แม้แต่ราชันกระบี่น้อยในตอนนี้ก็ยังใช้พลังของมันได้ไม่เต็มที่
“เจ้าสังหารบิดาข้า ความเกลียดชังนี้ไม่อาจชำระล้างได้!” ราชันกระบี่น้อยกล่าวอย่างเย็นชาและสะบัดกระบี่ในมือ รัศมีกระบี่ถูกปลดปล่อยออกมาและสร้างรอยฟันลึกทิ้งไว้บนก้อนหิน
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง ถ้ากระบี่นี้ถูกฟันมาที่พวกเขา แม้พวกเขาจะเตรียมตัวป้องกันเอาไว้เต็มที่แล้ว พวกเขาก็คงถูกกระบี่นี้สังหารอยู่ดี
หลิงฮันหัวเราะและพูด “สำนักสวรรค์ในตอนนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับชำระความบาดหมางแล้ว?”
ราชันกระบี่น้อยที่ได้ยินเริ่มเกิดความรู้สึกลังเลและไม่กล้าตอบโต้อย่างผลีผลาม เขาเป็นเพียงผู้นำรุ่นเยาว์ของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน เขาไม่มีอำนาจถึงขนาดเป็นตัวแทนของทั้งนิกายกระบี่ไร้เทียมทานได้ เพราะอย่างไรนิกายกระบี่ไร้เทียมทานได้ก็เป็นถึงหนึ่งในห้านิกายโบราณ
เขาครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกมา “ถ้าเช่นนั้นข้าขอท้าประลองเจ้า”
หลิงฮันแสยะยิ้ม “ตรรกะนั่นมันอะไรกัน? ศิษย์ที่มีพลังบ่มเพาะระดับสูงกว่าคิดจะท้าประลองศิษย์ที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่า… แบบนั้นแล้วมันจะเรียกว่าการฝึกฝนได้อย่างไร?”
ทุกคนพยักหน้า
ระดับท้าประลองมีไว้เพื่อกระตุ้นให้ศิษย์ที่อ่อนแอของสำนักใต้เต้าขึ้นไปให้สูงขึ้น ถ้าหากศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่ามาท้าประลองศิษย์ที่อ่อนแอกว่า ไม่ใช่ว่านั่จะทำให้ศิษย์ทุกคนที่พลังบ่มเพาะยังไม่สูงตกอยู่ในอันตรายหรอกรึ?
ราชันกระบี่น้อยรู้สึกหดหู่ เขาภูมิใจในระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าคนอื่นของตนเองมาก แต่ทำไมตอนนี้มันกลับทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมากัน? “พวกเรามีอายุใกล้เคียงกัน เจ้าหวาดกลัวที่จะต่อสู้กับคนที่อายุเท่ากันรึไง?”
“ใกล้เคียงกันกับน้องสาวเจ้าน่ะสิ!” หลิงฮันมีท่าทีรังเกียจ “เจ้าเป็นตาลุงที่มีอายุมากกว่าข้าถึงสองเท่า เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าอายุใกล้เคียงกับข้าอีกรึ? ช่างไร้ยางอายจริงๆ”
‘พรูดด!’
ผู้คนมากมายหลุดหัวเราะออกมาทันที แต่พวกเขาก็รีบนำมือมาปิดปากตนเองอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะไปกระตุ้นความโกรธของราชันกระบี่น้อย
ราชันกระบี่น้อยกลายเป็นโกรธเกรี้ยว ตามหลักแล้วเขากับหลิงฮันนั้นนับว่าอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน ไม่ว่าใครในยุคนี้ที่มีอายุต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีก็นับว่าเป็นรุ่นเยาว์ทั้งนั้น เพราะหากเทียบแล้วจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณอายุหนึ่งร้อยปีก็ไม่ต่างอะไรกับจอมยุทธทั่วไปที่มีอายุยี่สิบปี
ในโลกของการฝึกตน จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาที่อายุน้อยกว่าร้อยสี่สิบปีจะนับว่ายังเป็นรุ่นเยาว์ ส่วนจอมยุทธระดับสวรรค์นั้นต้องมีอายุน้อยกว่าร้อยแปดสิบปี ส่วนจอมยุทธระดับทลายมิติต้องมีอายุน้อยกว่าสองร้อยปี
ในอดีต หลิงฮันบรรลุระดับสวรรค์ในช่วงอายุขัยสองร้อยปี ดังนั้นเขาจึงเกินกว่าจะถูกเรียกว่ารุ่นเยาว์แล้ว แม้ในตอนนั้นเขาจะเป็นจอมยุทธคนแรกที่บรรลุระดับสวรรค์ด้วยอายุที่น้อยที่สุด แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี สถิติที่เขาทำเอาไว้ก็ถูกทำลายลง
หลังจากที่เขาตกตาย ศาสตร์แห่งวรยุทธก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนเป็นอย่างในวันนี้
หลิงฮันหันไปรอบๆและกล่าว “ราชันกระบี่น้อย ไม่ว่าอย่างไรความบาดหมางระหว่างข้ากับเจ้าก็ต้องถูกชำระให้หมดสิ้น ข้ายอมรับการท้าประลองของเจ้า เพียงแต่มันต้องไม่ใช่การประลองธรรมดาทั่วไป… มันต้องเป็นการประลองเอาชีวิต!”
“เจ้ากล้างั้นรึ?”
ราชันกระบี่น้อยชื่นชมในจิตวิญญาณของหลิงฮัน เด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งจะก้าวผ่านมายังระดับตัวอ่อนวิญญาณ เขาจะมีคุณสมบัติอะไรมาสู้กับเขา?
หรือว่า… จะใช้เม็ดยาช่วย?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แล้วอย่ามาหาว่าข้ารังแกเจ้าล่ะ แล้วก็ข้าจะไม่ใช้เม็ดยาด้วย!”
ราชันกระบี่น้อยตกตะลึงอีกครั้ง เจ้าจะสู้กับข้าได้อย่างไรหากไม่ใช้เม็ดยา? เจ้ากับข้ามีพลังต่างกันถึงหนึ่งระดับใหญ่ แถมข้ายังเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคที่มีพลังต่อสู้ถึงสิบดาว!
ถ้าหากเขาปฏิเสธการประลองเป็นตายกับหลิงฮัน ในใจของเขาจะมีเสี้ยนหนามหลงเหลืออยู่ หากปล่อยไว้นานๆ มันจะส่งผลกระทบต่อวิถีวรยุทธของเขาอย่างไม่อาจกลับไปแก้ไข
เพราะงั้นเขาจะต้องยอมรับการประลองครั้งนี้!
แต่จะให้พูดแล้ว ไม่ใช่เขารึไงที่เป็นคนเสนอการประลองก่อน?
“ตกลง ข้ายอมรับ!” ราชันกระบี่น้อยตอบอย่างหนักแน่น
ตอนที่ 678
ที่จริงหลิงฮันก็ไม่ได้อยากจะยุ่มย่ามกับราชันกระบี่น้อยเท่าไหร่
แต่อีกฝ่ายกลับไล่ล่าเขานับครั้งไม่ถ้วน แล้วจะยังให้เขาเก็บอารมณ์เอาไว้อีกรึ?
“มาสู้กันบนท้องฟ้า!” ร่างของหลิงฮันทะยานขึ้นฟ้า
“เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสชนะ!” ราชันกระบี่น้อยโลดแล่นขึ้นท้องฟ้าเช่นกัน
ทั้งสองคนคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัย พวกเขายืนแยกกันอยู่บนท้องฟ้า ต่างคนต่างระเบิดออร่าอันทรงพลังออกมาด้วยความมั่นใจ
หนึ่งคนเป็นดั่งดาบในขณะที่อีกคนเป็นดั่งกระบี่
นี่คือการประลองระหว่างสองสุดยอดอัจฉริยะ และเป็นการปะทะกันของวิถีแห่งดาบและวิถีกระบี่
ทุกคนต่างจ้องมองตาไม่กระพริบ คนมากมายที่อยู่ในที่พักต่างอออกมาและจ้องมองไปบนท้องฟ้า
ย่าวหุยเยว่ หลางหยาเทียน ตงหลิงเอ๋อ รุ่นเยาว์เกือบจะทุกคนล้วนปรากฏตัวออกมา ตัวตนของราชันกระบี่น้อยเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของสุดยอดอัจฉริยะ ใครกันที่จะกล้าดูถูกเขา?
ถ้าหลิงฮันโค่นล้มเขาได้ ชื่อเสียงรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยจะถูกตัดสินทันที
แน่นอนว่ายังคงมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดอยู่อีกไม่กี่คน ยกตัวอย่างเช่น อัจฉริยะแห่งวิถีดาบของนิกายดาบสวรรค์ เทียนเจี่ยนฉือ นิกายกระบี่ไร้เทียมทานก็ยังมีสุดยอดอัจฉริยะอย่างฉือชิ่วเหรินอยู่อีกคน เขามีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าราชันกระบี่น้อยแม้แต่นิดเดียว
นิกายพันศพเองก็มีสุดยอดฉริยะเช่นกัน แต่ว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้ใครเห็น
ผู้อาวุโสรุ่นก่อนเองก็กำลังดูการประลองของทั้งสองอยู่เหมือนกัน แม้แต่พวกเขาเองก็เป็นกังวลกับผลการประลองครั้งนี้
“พวกเรา… ไม่สมควรเข้าไปแทรกแซงจริงๆรึ?”
“ราชันดาบมีคำสั่งมาว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น”
“ราชันกระบี่น้อยคือผู้นำแห่งศิษย์ของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน ข้าเกรงว่าหากเกิดอะไรขึ้นนิกายกระบี่ไร้เทียมทานจะปะทุความโกรธขึ้นมา!”
“นี่เป็นคำสั่งของราชันดาบ เจ้าจะหวาดกลัวอะไร?”
“ที่ข้ากังวลอีกเรื่องคือเด็กหนุ่มชื่อหลิงฮันที่เป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ เขาเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยาที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น ถ้าหากเขาตกตายที่นี่ เจ้าไม่กลัวว่าสมาคมนักปรุงยาจะระเบิดโทสะออกมารึไง?”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าสมาคมนักปรุงยาจะรับรู้ถึงตัวตนของหลิงฮันรึไง?”
เหล่าผู้อาวุโสไม่ถกเถียงอะไรกันอีก พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการประลองครั้งนี้ ในเมื่อทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่าจะประลองเป็นตาย งั้นโชคชะตาก็กำหนดแล้วว่าหลังจบการประลองนี้ จะต้องมีอัจฉริยะตกตายไปหนึ่งคน
หลิงฮันนำดาบเกิดเนิดมารออกมาและยิ้ม “ข้าไม่อยากรังแกเจ้าเลยจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเจ้าแล้ว การรังแกเจ้าก็ดูเหมือนจะน่าสนุกไม่เลวเหมือนกัน”
‘พรึบ’ ดาบกำเนิดมารถูกกระตุ้นใช้งาน อักขระสี่ตัวบนใบดาบส่องสว่างขึ้นมาทันที!
เมื่อเขาทะลวงผ่านมายังระดับตัวอ่อนวิญญาณและสร้างรัศมีดาบได้สำเร็จ เขาก็สามารถใช้งานอำนาจของดาบกำเนิดมารได้มากขึ้น
“อาวุธวิญญาณระดับสิบแล้วอย่างไร!” ราชันกระบี่น้อยกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ายังห่างไกลจากระดับทลายมิติ แถมมันยังไม่ใช่อาวุธวิญญาณที่เจ้าบ่มเพาะมาด้วยตนเอง เจ้าไม่อาจใช้พลังของมันได้เต็มดี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางแพ้เจ้า”
“จะแพ้หรือชนะก็ไม่ต้องพล่ามเยอะ รีบๆเข้ามา!” หลิงฮันหัวเราะ เขายื่นมือซ้ายออกไปและกวัดนิ้วยั่วยุ “เข้ามาเลย ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด และใครกันแน่ที่เป็นอัจฉริยะ!”
“ช่างเพ้อฝัน!” ราชันกระบี่น้อยลงมือ กระบี่ยาวในมือฟาดฟันรัศมีกระบี่เล่มยาวออกไป การโจมตีของเขาราวกับจะตัดแบ่งสวรรค์และปฐพีให้ออกเป็นสองส่วน
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและใช้รัศมีดาบปัดป้องการโจมตี
ตูม!
รัศมีของทั้งสองเข้าปะทะกันและแตกสลายไปทั้งคู่ การโจมตีทั้งสองแตกสลายกลายเป็นสะเก็ดแสงนับไม่ถ้วนที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า
กระบวนท่าแรกทั้งสองเสมอกัน
ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ราชันกระบี่น้อยคือจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเชียวนะ! ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นอัจฉริยะที่สามารถสู้ข้ามระดับได้ด้วย ถึงอย่างนั้นเขากลับเสมอกับหลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ เรื่องที่น่าเหลือเชื่อนี่มันอะไรกัน?
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!” ราชันกระบี่น้อยกัดฟัน พลังของรัศมีไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้ของจอมยุทธเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับจำนวนของปราณที่สร้างขึ้นและอาวุธที่ใช้ด้วย
จำนวนปราณของทั้งสองคนสมควรจะเท่ากันคือสามสิบเล่ม แต่ที่หลิงฮันสามารถทัดเทียมกับเขาได้ทั้งๆที่ระดับพลังต่ำกว่าก็เพราะดาบในมือ
อาวุธวิญญาณระดับสิบแม้ว่าจะไม่สามารถใช้พลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่คุณภาพของมันก็ยังเหนือกว่าอาวุธวิญญาณระดับเก้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ราชันกระบี่น้อยหวัเสียเป็นอย่างยิ่ง เขาที่ค้นพบขุมสมบัติของราชวงศ์โบราณกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเรื่องอาวุธวิญญาณกับอีกฝ่าย… แต่ถึงอย่างไรอาวุธของหลิงฮันก็เป็นถึงอาวุธวิญญาณระดับสิบ ในทั่วโลกนี้จะมีอาวุธเช่นนี้ซักกี่ชิ้นกันเชียว?
“ก็แค่พึ่งพาพลังของอาวุธวิญญาณ!” ราชันกระบี่น้อยเค้นเสียงดูถูกและพุ่งเข้าใส่หลิงฮันโดยหวังสังหารหลิงฮันให้ตาย เขารู้ว่าหลิงฮันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงต้องต่อสู้ระยะประชิดเพื่อไม่ให้หลิงฮันได้มีโอกาสใช้ประโยชน์จากความเร็วของตนเอง
“สู้ระยะประชิด?” หลิงฮันเค้นเสียง “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เขาฝึกฝนทักษะกายภาพที่หลากหลาย และด้วยอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ กายหยาบของเขาก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก การต่อสู้ระยะประชิดคือข้อได้เปรียบของเขา
‘ปัง ปัง ปัง’ ทั้งสองคนเข้าประชิดกัน ดาบแบะกระบี่ปะทะกันอย่างไม่หยุดหย่อนก่อให้เกิดเป็นคลื่นระเบิดอันไร้ที่สิ้นสุด
“อะไรกัน!” ราชันกระบี่น้อยตกตะลึง พอพวกเขาเข้าปะทะกันในระยะประชิด หลิงฮันได้กำราบและเป็นฝ่ายอยู่เหนือเขาโดยสิ้นเชิง!
ร่างกายของหลิงฮันมันอะไรกัน ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เขาสามารถโจมตีออกไปได้แค่สิบครั้ง แค่หลิงฮันกลับสามารถปล่อยการโจมตีออกมาได้นับร้อยครั้งจนเขาไม่สามารถตอบโต้ได้
ราชันกระบี่น้อยต้องการเว้นระยะห่างออกมา แต่หลิงฮันได้ตามติดเขาชิดจนไม่อาจเว้นระยะห่างได้
“เข้ามาใกล้ข้าแล้วยังคิดจะล่าถอยกลับออกไปง่ายๆ?” ร่างของหลิงฮันกลายเป็นสายฟ้าและไล่ตามอีกฝ่าย เมื่อทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาถูกโคจรใช้งาน ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“บัดซบ! นั่นมันของข้า! มันสมควรเป็นของข้า!” ราชันกระบี่น้อยแสดงสีหน้าบ้าคลั่งออกมา ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาสมควรจะเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ของเขา ถ้าเขาได้เรียนรู้ทักษะนี้ล่ะก็ ความรวดเร็วของกระบี่ของเขาจะเพิ่มขึ้นกว่านี้หลายเท่าตัว ในหมู่จอมยุทธอายุเท่ากัน ใครกันจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้?
“เจ้าสมควรตาย อัสนีบาตของข้าข้าจะเผาเจ้าจนมอดไหม้!” หลิงฮันแสยะยิ้ม
“ไม่มีทาง ข้าจะแย่งชิงมันกลับมาให้ได้!” ราชันกระบี่น้อยตอบกลับด้วยความเคียดแค้น
ดาบของหลิงฮันสะบั้นออกไป ในขณะที่ดาบกำลังจะโดนตัวราชันกระบี่น้อย สัญชาตญาณของเขาก็ตื่นตัวและรีบเอื้อมมือออกไปคว้าอะไรบางอย่าง
‘ฉึบ!’
มือโปร่งใสปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า มือโปร่งใสนั่นคิดจะจู่โจมด้านหลังศีรษะของหลิงฮัน แต่มันก็ถูกหลิงฮันคว้าจับเอาไว้ก่อน จนไม่สามารถทำอะไรเขาได้
มันคือหุ่นเชิดเพชร!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น