Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 627-630

ตอนที่ 627

 

“ซั่วเฉียวน่ะรึ?” หลิงฮันยิ้มและพูด “จู่ๆเจ้าหมอนั้นก็พาคนขับรถของตัวเองวิ่งหายไปไหนไม่รู้ เพราะงั้นข้าเลยมางานเลี้ยงแทนเขา”


พ่อบ้านชรารู้สึกแปลกใจ เขาเคยเห็นซั่วเฉียวเล่อเฉิงมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งทุกๆครั้งเหตุผลที่เขามาก็เพื่อไล่ตามนายหญิงของเขา แต่ทำไมจู่ๆเขาถึงยอมทิ้งงานเลี้ยงแล้วไปไล่ตามหาคนขับรถแบบนี้? หรือนายหญิงของเขาจะปฏิเสธรุนแรงเกินไปจนทำให้ซั่วเฉียวเล่อเฉิงคลั่งจนสติฟั่นเฟือนและเบี่ยงเบนไปแล้ว?


“ไม่ทราบว่าข้าจะเรียกนายน้อยว่าอย่างไรดี?” พ่อบ้านเอ่ยถาม หน้าที่ของเขาคือการต้อนรับแขก ใครก็ตามที่นั่งรถม้ามาย่อมเป็นแขกที่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งเขาก็ต้องทำตามหน้าที่


”ฮันหลิง” หลิงฮันใช้ชื่อปลอมอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่สนใจว่าจะถูกเปิดโปงหรือไม่


“โอ้ ที่แท้ก็เป็นนายน้อยฮันนี้เอง เชิญเลยๆ!” พ่อบ้านชราทำท่าทางเชิญหลิงฮัน พร้อมกับชายร่างใหญ่สามคนที่โผล่ออกมานำทางหลิงฮันเข้าไป


“ช้าก่อน! ช้าก่อน!” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงรีบวิ่งตะเกียกตะกายมาพร้อมกับคนขับรถม้าของเขา และเนื่องจากซั่วเฉียวเล่อเฉิงหลิงฮันตบตีจนบาดเจ็บ พวกเขาจึงช่วยกัดพยุงกันและกันมา… สภาพของพวกเขาในตอนนี้ดูแล้วช่างใกล้ชิดและสนิมสนมกันเป็นอย่างมาก


หรือว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกัน?


พ่อบ้านชราอดที่จะรู้สึกขนลุกไม่ได้ เขาเคยได้ยินมาว่าผู้ชายบางคนชื่นชอบไม้ป่าเดียวกัน แต่ไม่เคยนึกเลยว่าจะมาเห็นด้วยตาของตนเองเช่นนี้ ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของเขาบิดเบี้ยวและเขยิบถอยหลังเล็กน้อย ราวกับกลัวจะติดเชื้อบางอย่าง


“นายน้อยซั่วเฉียว?” พ่อบ้านชราถามในขณะที่เว้นระยะได้ปลอดภัยแล้ว


“ชายคนนั้นขโมยรถม้าของข้าไปช่วยหยุดเขาที อย่าให้คนบ้าเช่นนั้นเข้าไปในงาน เขาจะต้องทำให้งานเลี้ยงยุ่งเหยิงแน่นอน!” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงไม่ใช่คู่มือของหลิงฮัน ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังเอาไว้ที่พ่อบ้านชรา


พ่อบ้านชราคือจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ ซึ่งไม่รู้ว่าเขาติดคอขวดอยู่ในระดับนี้มานานแค่ไหนแล้ว แต่ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาได้ แต่รากฐานในพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณของเขาย่อมมั่นคงอย่างยิ่ง ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเข้าขั้นน่าสะพรึงกลัว


พ่อบ้านชราอุทาน ‘โอ้’ ออกมาชั่วขณะและมองไปยังหลิงฮัน “นายน้อยฮัน ที่นายน้อยซั่วเฉียวพูดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?”


หลิงฮันยิ้มและพูด “ไม่ใช่แน่นอน รุ่นเยาว์ที่อ่อนน้อมและสุภาพเช่นข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าจะไปแจ้งกับผู้อาวุโสของข้าว่าเจ้าทำให้ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”


นี่มัน…


ซั่วเฉียวเล่อเฉิงโกรธจนแทบจะสำลักโลหิตออกมา เจ้าเนี่ยนะรุ่นเยาว์ที่อ่อนน้อมและสุภาพ? เขาชี้ไปที่บาดแผลบนร่างตัวเองและพูด “ไม่ใช่ว่าบาดแผลเหล่านี้เจ้าเป็นคนทำรึไง?”


คนขับรถม้ารีบพยักหน้าเห็นด้วยและแสร้งทำเป็นล้มลงบนหน้าอกของซั่วเฉียวเล่อเฉิงอย่างอ่อนแรง


พ่อบ้านชราไม่อาจทนมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้และรีบหันไปพูดกับหลิงฮัน “นายน้อยฮัน ยังไงกฎก็ต้องเป็นกฎ ในเมื่อท่านลงมาจากรถม้าของนายน้อยซั่วเฉียวแล้วนายน้อยซั่วเฉียวไม่ต้องการให้ท่านเข้าร่วมงานเลี้ยง ข้าก็ขอให้ท่านแสดงบัตรเชิญของตนเองออกมาด้วย ไม่เช่นนั้นชายชราผู้นี้คงต้องขอให้นายน้อยฮันจากไป”


“คนต่ำต้อยเช่นนั้นจะไปมีบัตรเชิญได้อย่างไร? ที่เขาทำกับข้าเช่นนี้ก็เพราะต้องการจะเข้าร่วมงานเลี้ยงแน่ๆ!” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงแสยะยิ้มไปทางหลิงฮัน


‘กรุบ กรุบ กรุบ’ เสียงรถม้าอีกคันหยุดจอด ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินลงมาพร้อมกับสตรีงดงามด้านข้าง ทั้งคู่ดูไม่เหมือนคู่รัก แต่ดูเหมือนเป็นพี่น้องมากกว่า


“โอ้ นั่นมันซั่วเฉียวไม่ใช่รึไง? ฮ่าๆ ทำไมสภาพเจ้าถึงได้ดูย่ำแย่เช่นนั้น?” ชายคนนั้นชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย


ซั่วเฉียวเล่อเฉิงที่กลัวว่าจะอับอายจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องที่เจ้าไม่เกี่ยว!”


“เจ้าไม่รู้รึไงว่าสิ่งที่ข้าหลี่เฟิงหยู่ผู้นี้ชอบมากที่สุดคือการยุ่งเรื่องสนุกๆของผู้อื่น?” ชายคนนั้นหัวเราะลั่นและพูดกับหญิงสาวด้านข้าง “น้องข้า เรามารอดูอะไรสนุกๆกันเถอะ”


“ท่านพี่!” หญิงคนผู้นี้งดงามเป็นอย่างมาก แววตาของนางเป็นประกายงดงาม ดูเหมือนว่านางจะเบื่อกับนิสัยเช่นนี้ของพี่ชายตนเองเหมือนกัน


“จะว่าไปแล้วซั่วเฉียว เจ้าดูสนิทชิดเชื้อกับชายคนนั้นมากเลยนะ ระหว่างพวกเจ้าสองคนมีความสัมพันธ์พิเศษอันใดกันรึเปล่า?” หลี่เฟิงหยู่จ้องมองไปยังคนขับรถม้าที่อิงแอบอยู่ที่หน้าอกของซั่วเฉียวเล่อเฉิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ


ซั่วเฉียวเล่อเฉิงหันลงมามองและพบว่าคนขับรถม้ากำลังอิงแอบแนบอยู่ในอ้อมแขนของตน ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันทีและรีบพลักอีกฝ่ายอออกไปด้วยความท่าทีขยะแขยง


หลิงฮันส่ายหัวและพูด “เจ้านี่ช่างไร้เยื่อใยกับคนของตนเองยิ่งนัก!”


“ที่แท้ซั่วเฉียวก็มีงานอดิเรกเช่นนี้นี่เอง และเพื่อที่จะปกปิดไม่ให้ใครรู้ เมื่อกี้เจ้าถึงได้จงใจทำท่าทีไร้เยื่อใยและดูหมิ่นคนรักของเจ้า… เห้อ ความรักนี่ช่างลึกซึ้งจริงๆ!” หลี่เฟิงหยู่พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ


ลำคอของพ่อบ้านชรากระอักกระอ่วนราวกับจะสำรอกอะไรออกมา


“เจ้า…” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงกลายเป็นเกรียวกราด “ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”


หลิงฮันจงใจถอนหายใจออกมาและกล่าว “เจ้าโกรธที่ข้าเปิดโปงความลับของเจ้าอย่างงั้นรึ? แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิในความรักของตนเอง ถ้าเจ้าชื่นชอบอะไรเช่นนี้ ทำไมจะต้องไปสนใจสายตาของคนอื่นด้วย?”


“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!” หลี่เฟิงหยู่เห็นด้วย


ซั่วเฉียวเล่อเฉิงโมโหเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้เบี่ยงเบนเสียหน่อย เขาเองก็กำลังไล่ตามไคว่คว้าเพชรเม็ดงามของตระกูลหวังอยู่เช่นกัน แต่ถ้าจะบอกออกไปว่าเขายังมีความชอบแบบผู้ชายปกติอยู่ เขาจะยังมีหวังให้คนอื่นยอมเชื่ออยู่อีกรึ?


“น้องชายคนนั้นน่ะ พวกเรามาคุยเล่นกัoหน่อยเป็นไง!” ใบหน้าของหลี่เฟิงหยู่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าต้องการซุบซิบนินทา เรื่องที่เขาอยากจะคุยด้วยแน่นอนว่าต้องเป็นความลับของซั่วเฉียวเล่อเฉิงกับคนขับรถม้า


หลิงฮันนำบัตรเชิญออกมาและมอบให้กับพ่อบ้านชรา เขาเดินไปหาหลี่เฟิงหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน!”


“ห้ามพูดนะ!” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงร้องโหยหวน


“ห้ามพูดอะไร?” หลิงฮันหันไปถาม


“ห้ามพูดอะไรเกี่ยวกับข้าและคนขับรถของข้า!” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงรีบพูดจนไม่ทันได้นึกถึงความหมายแฝงในคำพูดของตนเอง


หลิงฮันพัยกหน้าและกล่าว “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่พูดหรอก ข้าไม่ใช่คนที่ชอบแพร่งพรายความลับของคนอื่น”


หลี่เฟิงหยู่อุทาน ‘โอ้’ ขึ้นมาในทันที ที่นี้เขาก็ยืนยันได้แล้วว่าซั่วเฉียวเล่อเฉิงยอมรับในรสนิยมของตนเองแล้ว


พ่อบ้านชราเกือบจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง


“ผิดแล้ว! ผิดแล้ว!” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงรีบตะโกนหลังจากรู้สึกตัว มันไม่มีอะไรเลยแท้ๆ เขาพยายามโต้แย้งว่าเขาไม่ได้ยอมรับว่าตนเองเบี่ยงเบนไปชอบผู้ชาย


“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจดี!” หลี่เฟิงหยู่พยักหน้า “ซั่วเฉียว ไม่ต้องกังวลไป ความลับของเจ้าจะไม่มีวันรั่วไหลไปยังบุคคลที่สามแน่นอน!”


เชื่อก็บ้าแล้ว! เจ้ายังไม่อาจหยุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าได้เลยแท้ๆ! ยิ่งกว่านั้นใครจะไม่รู้จักฉายา ‘หลีปากกว้าง’ ของเจ้าบ้าง? แน่นอนว่าเจ้าจะไม่ไปเอาเรื่องข้าไปพูดกับบุคคลที่สาม แต่จะนำไปพูดกับบุคคลสามร้อยคน หรือไม่ก็สามพันคน!


ซั่วเฉียวเล่อเฉิงรีบพยุงตัวไล่ตามไม่ให้หลี่เฟิงหยู่นำเรื่องของเขาไปพูดไร้สาระ แต่เมื่อเดินไปได้สองก้าว ขาของเขาก็อ่อนแรงและล้มลงพื้นทันที


“นายน้อย!” คนขับรถม้ารีบพุ่งเข้ามาและพยุงซั่วเฉียวเล่อเฉิงอยู่ในอ้อมกอด


“เทพบุตรช่วยสาวงาม?” หลี่เฟิงหยู่หันมาเห็นพอดี ใบหน้าของเขากลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ฉายาหลีปากกว้างของเขากำลังเครื่องร้อนเต็มที่


พ่อบ้านชราทนไม่ไหวจนอาเจียนออกมา รุ่นเยาว์สมัยนี้ช่างยากจะเข้าใจได้จริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 628

 

พวกหลิงฮันเดินผ่านประตูทางเข้าที่พัก โดยมีชายร่างใหญ่คอยนำทางพวกเขาไปยังบริเวณที่จัดงานเลี้ยง


“พี่ชายฮัน เมื่อครู่เป็นการกระทำของท่านสินะ?” จู่ๆน้องสาวของหลี่เฟิงหยู่ก็มองมาที่หลิงฮันและเอ่ยขึ้นมา


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าไม่ควรพูดใส่ร้ายคนอื่น!” เมื่อครู่เป็นเขาจริงๆที่ใช้งานศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไปเพื่อทำให้ซั่วเฉียวเล่อเฉิงล้มลง แต่ทักษะที่ใช้ออกไปไม่สมควรมีใครมองเห็นแท้ๆ แต่นางกลับพูดขึ้นมาเช่นนี้


หลี่เฟิงหยู่หัวเราะและพูด “ต่อหน้าน้องสาวข้า เจ้าไม่อาจปกปิดความลับใดๆได้ พรสวรรค์ของนางนั้นยอดเยี่ยม แถมยังมีสัมผัสสังหรณ์ที่หาผู้ใดมาเทียบได้ยาก”


“ท่านพี่!” น้องสาวของหลี่เฟิงหยู่แสดงท่าทีไม่พอใจ ทำไมพี่ชายของนางถึงได้เปิดเผยความลับของนางให้กับคนที่เพิ่งพบเจอครั้งแรกกัน?


หลี่เฟิงหยู่กระแอมและพูด “เอาล่ะ ข้าขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือน้องสาวของข้าหลี่ซือเชียน เห้อ แม้นางจะอายุเข้าสู่ช่วงยี่สิบปีแล้วแต่ก็ยังหาสามีไม่ได้เสียที มาตรฐานของนางสูงเกินไปจนอัจฉริยะทั่วไปไม่อยู่ในสายตาของนางแม้แต่น้อย ในฐานะพี่ชายข้าล่ะปวดหัวจริงๆ”


หลี่ปากกว้างสมชื่อ!


“ท่านพี่!” หลี่ซือเชียนรู้สึกโกรธเคืองจนกระทืบเท้าอย่างแรง


หลิงฮันหัวเราะ เขานึกไม่ออกเลยว่าหากมีพี่ชายเช่นนี้แล้วจะต้องรู้สึกยังไง เขาเองก็เริ่มแนะนำฝ่ายตนเองเช่นกัน “ข้าชื่อหลิงฮัน ส่วนนี่คือสหายของข้าจูเสวียนเอ๋อ เด็กสาวคนนี้ชื่อฮูหนิว ส่วนนั่นคือกระต่ายจอมอันธพาล”


“ว่าไงนะ เจ้าเรียกใครว่าอันธพาลกัน? นายท่านกระต่ายผู้นี้… อ้ากก!” เจ้ากระต่ายกลายเป็นไม่สบอารมณ์ แต่ทันใดนั้นมันก็ถูกฮูหนิวกัดหางจนกรีดร้องออกมา


พี่น้องหลี่ตกตะลึงขึ้นมาทันที เจ้ากระต่ายขาวยักษ์ตัวนี้พูดได้ด้วย?


“ถูกต้องแล้ว เจ้ากระต่ายตัวสามารถพูดได้” หลิงฮันพยักหน้า


“ปล่อยๆๆ หางของนายท่านกระต่ายไม่ใช่ว่าจะงอกได้ง่ายๆนะ ห้ามทำให้มันสั้นไปมากกว่านี้!” เจ้ากระต่ายร้องโอดครวญ


พี่น้องหลี่ยังไม่หายจากอาการตกตะลึง สัตว์อสูรที่พูดได้งั้นรึ? ทั้งสองจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนลืมไปว่าหลิงฮันไม่ได้ใช้นามแฝงเหมือนก่อนหน้านี้


ภายใต้การนำทางของชายร่างใหญ่ พวกเขาก็มาถึงทะเลสาปแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็วและมองเห็นโต๊ะยาวที่มีอาหารและไวน์ที่หรูหราวางเอาไว้ โดยที่ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง


ผู้คนที่เข้าร่วมงานต่างก็ถือจานและไวน์เดินพูดคุยกันไปมา


สำหรับจอมยุทธแล้ว แม้จะไม่มีเก้าอี้ให้นั่งพวกเขาก็ไม่รู้สึกปวดเมื่อยอะไร และการที่ไม่มีเก้าอี้ตำแหน่งสำหรับใครบางคน ก็ยิ่งทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานไม่เกิดความรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาสามารถเดินคุยไปกินไปได้อย่างสนุกสนาน


หลิงฮันพยักหน้าในใจ ถึงแม้เขาจะยังไม่เคยเห็นไข่มุกงามแห่งตระกูลหวังตัวเป็นๆ แต่จากการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความคิดการอ่านที่ไม่ธรรมดาของนาง


เมื่อหลี่เฟิงหยู่มองเห็นผู้คนจำนวนมาก ไฟร้อนแห่งการซุบซิบนินทาของเขาก็ลุกโชนทันที “น้องข้า น้องชายหลิง น้องสาวจู พวกเจ้าไปหาที่ยืนกินอาหารกันก่อน ข้าจะไปเข้าไปพูดคุยกับคนอื่นๆซักเล็กน้อย!”


ไม่ต้องรอให้หลิงฮันตอบตกลงหลี่เฟิงหยู่ก็ปลีกตัวออกไปแล้ว


‘ซั่วเฉียวเล่อเฉิงที่น่าสงสาร…’ หลิงฮันคิดแอบคิดในใจและรู้สึกสนุกเล็กน้อย


“กิน! กิน! กิน!” ฮูหนิวดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นของกินมากมายตรงหน้า แต่หลังจากใช้จมูกสูดดมกลิ่นอาหารเหล่านั้น นางก็อดแสดงท่าทีผิดหวังออกมาไม่ได้ “กลิ่นไม่น่ากินเลย!”


หลิงฮันยิ้มและพูด “ก็ของฟรีนี่น่าจะให้ทำไงได้ ยังไงก็กินๆไปเถอะ”


“ก็ได้ หนิวจะลองกินดูแล้วกัน” ฮูหนิวถอนหายใจ


ทั้งสองคนมาที่โต๊ะและเริ่มสวาปามอาหารจนทำให้ผู้คนรอบข้างอ้าปากค้าง นี่พวกเจ้าเป็นผีอดยากรึไง? ถึงได้ยัดอาหารเข้าไปได้ขนาดนั้น?


“เอาอาหารมาเพิ่ม!”


“…ได้! “


หลังจากผ่านไปสักพัก ซั่วเฉียวเล่อเฉิงก็เดินเข้ามา ครั้งนี้เขาไม่ได้พาคนขับรถม้าติดตามมาด้วย สภาพของเขาได้เปลี่ยนกลับกลายมาเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิเหมือนเดิม


แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนในงานก็ชี้นิ้วไปที่ซั่วเฉียวเล่อเฉิงและเริ่มซุบซิบนินทา บางคนถึงขนาดมีร่องรอยรังเกียจปรากฏที่บนใบหน้าเลย


ชายผู้เบี่ยงเบนเข้างานมาแล้ว!


ซั่วเฉียวเล่อเฉิงเกือบจะเป็นลมล้มลงไป เขามาสายเกินไป… หลี่เฟิงหยู่นำเรื่องของเขาไปแพร่งพรายให้กับทุกคนแล้วสินะ? หลี่ปากกว้างช่างทำตัวได้สมฉายาจริงๆ!


เขาพยายามทำใจให้สงบนิ่ง ยิ่งเขาแก้ตัวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งถูกสงสัยมากเท่านั้น


“โอ้ แม้ตอนที่มองดูจากที่ไกลๆจะดูงดงาม แต่พอมามองใกล้ๆแล้วหน้าตาของเจ้าก็ธรรมดานี่” กลิ่นอันหอมหวานลอยโชยผ่านเข้ามาพร้อมกับร่างของสตรีนางหนึ่ง หลังจากสตรีผู้นั้นกวาดสายตามอง


จูเสวียนเอ๋อไม่เก็บคำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ นางเป็นสตรีที่แข็งแกร่งและงดงามที่สุดในโลกซึ่งหายากมากในรอบพันปี ยิ่งกว่านั้นแล้วนางก็ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นมาชื่นชมหรือยกยอความงดงามของนางแม้แต่น้อย นางต้องให้หลิงฮันเป็นผู้ที่สามารถชื่นชมความงามของนางได้แต่เพียงผู้เดียว


แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ถึงแม้ตอนนี้จูเสวียนเอ๋อจะเป็นเพียงสหายของเขา แต่เขาก็ไม่อาจยอมให้คนอื่นมาดูถูกนางได้ นอกจากนั้นแล้วไม่ใช่ว่าหลิงฮันกับจูเสวียนเอ๋อมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนต่อกันอยู่รึไง?


“สตรีอัปลักษณ์ เจ้าพล่ามอะไรอยู่?” หลิงฮันเอ่ยขึ้นมา


“สะ…สตรีอัปลักษณ์?” ใบหน้าอันงดงามของสตรีผู้นั้นบูดเบี้ยว มีคนกล้ามาพูดกล่าวหาว่านางเป็นสตรีอัปลักษณ์? รู้รึเปล่าว่ามีบุรุษมากมายขนาดไหนที่ไล่ตามหวังจะครอบครองข้า? แต่ตอนนี้กลับมีใครก็ไม่รู้ว่าหยามว่าข้าเป็นสตรีอัปลักษณ์!


“ไม่ใช่แค่ใบหน้าที่อัปลักษณ์ แต่หัวใจของเจ้าก็อัปลักษณ์ไม่แพ้กัน” หลิงฮันถอนหายใจ


สตรีผู้นั้นโกรธจนตัวสั่น นางรู้สึกได้ว่าคำพูดของหลิงฮันนั้นทั้งเย็นชาและเจ็บปวด! เมื่อครู่นี้นางมองแผ่นหลังของจูเสวียนเอ๋อและเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า จูเสวียนเอ๋อนั้นเป็นสตรีที่งดงามจนนางไม่อาจเทียบเคียงได้


เพราะงั้นนางจึงอดใจไม่ไหวและเดินมาดูอย่างใกล้ชิด แต่ใครจะไปคิดกันว่าจูเสวียนเอ๋อจะมีใบหน้าที่ธรรมดาเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางโล่งอกและอดพูดจาเยาะเย้ยออกมาไม่ได้


“ธิดาจิ่ง มีเรื่องอะไรงั้นรึ?” บุรุษรุ่นเยาว์จำนวนสิบกว่าคนปรากฏตัวล้อมรอบนางทันที


“ชายคนนั้น… พูดจาหยาบคายกับข้า!” นางพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน


สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชาและพูด “เลิกพล่ามอะไรไร้สาระให้อาหารของข้าเสียรสชาติเสียที แม้ข้าจะใจกว้างแต่ข้าไม่ก็คิดจะหันไปมองเจ้าหรอก เจ้าคิดจริงๆว่าตัวเองงดงาม?”


เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีบุรุษเช่นนี้อยู่บนโลก ลิ้นของเขาช่างโหดเหี้ยวราวกับคมดาบ คำพูดของเขาทำให้นางเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย


“พูดจาสามหาว!” บุรุษผู้พิทักษ์สตรีคนหนึ่งก้าวออกมา “รีบคุกเข่าขออภัยธิหาจิ่งซะ ไม่เช่นนั้นข้า ชูเสี่ยวเทียนผู้นี้จะไม่ยกโทษให้เจ้า!”

 

 

 


ตอนที่ 629

 

“ฮูหนิว มีใครบางคนมาขัดขวางเวลากินอาหารของพวกเรา พวกเราควรทำเช่นไรดี?” หลิงฮันยิ้มและพูดกับฮูหนิว


“ตบตีคนพวกนั้นให้หมด!” ฮูหนิวพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด


“แล้วหนิวอยากเป็นคนจัดการไหม?” หลิงฮันยิ้ม


“ได้!” ฮูหนิววางจานลงและเห็นทุกคนกำลังจ้องมองมาที่นาง ช่วยไม่ได้ที่หนิวจะพูดออกมาว่า “หรือว่าพวกเขาคิดที่จะแย่งอาหารของหนิว?” หลังจากคิดเช่นนั้น นางก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “จะเป็นยังไงก็ช่าง เพราะมันไม่อร่อยอยู่แล้ว”


“นี่เจ้าหวาดกลัวถึงขั้นให้เด็กสาวตัวน้อยเป็นคนออกหน้าเลยรึ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” ชูเสี่ยวเทียนแสยะยิ้ม “เจ้าช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจยิ่งนัก!”


“ระวังให้ดี!” ฮูหนิวกระโจนออกไป พรึบ ร่างของนางกระพริบหายไป และปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชูเสี่ยวเทียน จากนั้นนางปล่อยหมัดแสกกลางใบหน้าของชูเสี่ยวเทียน ทำให้โลหิตไหลออกมาจากจมูกของมัน


เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของนาง ชายหนุ่มทุกคนรู้สึกตกตะลึง ความเร็วของเด็กสาวตัวน้อยคนนี้น่าอัศจรรย์มาก


“ถึงตาเจ้าแล้ว!” ฮูหนิวไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ร่างของนางกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในกลุ่มฝูงชน ปัง ปัง ปัง พวกมันถูกฮูหนิวจัดการทีละคนทีละคน


เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ ชายหนุ่มหลายสิบคนถูกฮูหนิวทุบตีและนอนกองลงบนพื้นทีละคน


ธิดาจิ่งยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งและนางไม่เคยคิดเลยว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ และสามารถทุบตีผู้ติดตามของนางได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าผู้ติดตามของนางจะมีหลายคน แต่คนที่แข็งแกร่งมีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่มีคุณสมบัติถูกเชิญมายังที่นี่


พรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัว เด็กสาวตัวน้อยนี่เป็นใครกันแน่?


การเคลื่อนไหวของฮูหนิวนั้นน่าทึ่งมาก คนอื่นที่เห็นมีหลายคนที่รู้สึกประหลาดใจ ในขณะที่มีบางคนเผยท่าสนใจ


“เทพธิดาหลิงมาถึงแล้ว!” หญิงสาวคนหนึ่งเหยียบย่างบนดอกบัว ร่างกายของนางนั้นสง่างามและพลิ้วไหว นางดูงดงามมาก ผิวของนางราวกับหยกขาวและผ้าไหมสีฟ้าราวกับน้ำตกที่ส่องแสงระยิบระยับ


นางกำลังเดินมาจากระยะไกล และผู้คนบนถนนล้วนเปิดทางให้นางเดินผ่าน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความลุ่มหลงและมึนเมากับความงาม


ความงดงามของนางเหนือกว่าธิดาจิ่ง


หลิงฮันจ้องมองไปที่นางและพูดว่า “เจ้าคือ–”


นางยิ้มให้กับหลิงฮันเล็กน้อย รอยยิ้มของนางเป็นเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน แล้วพูดออกมาว่า “ข้ามีนามว่าหนงม่านม่าน ซึ่งข้าเองก็เป็นคนที่เชิญท่านมาที่นี่เหมือนกับน้องอีหยุน”


หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “เจ้าเป็นพี่สาวหรือน้องสาวของหนงเสียหยุนงั้นรึ?”


“พี่สาว” หนงม่านม่านยิ้ม “ข้ามาที่นี่เพื่อพูดคุยกับน้องชายหลิงเกี่ยวกับขวดใบนั้น เจ้าพอจะปล่อยวางมันได้หรือไม่?”


“โอ้ว แค่ขวดใบนั้น ทำไมต้องให้ข้ามาที่นี่เพื่อพูดคุยด้วย?” หลิงฮันพูด “หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะไม่มีที่พักพิง? เทพธิดาม่านม่านช่างเป็นคนดีจริงๆ!”


ช่วยไม่ได้ที่หนงม่านม่านจะรู้สึกแปลกใจ นางไม่ได้เป็นห่วงหลิงฮัน แต่นางแค่อยากจะใช้งานเลี้ยงนี้กดดันหลิงฮัน แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจตีความผิด ดังนั้นนางจึงไม่รู้วิธีรับมือ


“เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้ากล้ามากที่จะใช้ประโยชน์เทพธิดาของพวกเรา!” ทันใดนั้นหลายคนส่งเสียงกรีดร้องออกมา พวกเขาเหล่านั้นต่างเป็นมังกรและนกฟีนิกซ์และปลดปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อกดดันหลิงฮัน


“พวกเจ้ากล้าทำร้ายหลิงฮันของหนิวงั้นรึ?” ฮูหนิวโกรธเกรี้ยว


“ใช่แล้ว ทุบตีพวกมันเลย!” เจ้ากระต่ายส่งเสียงยั่วยุ ราวกับกลัวว่าโลกจะวุ่นวายไม่พอ


พรวด!


หลายคนน้ำลายแทบพุ่งออกมา สัตว์อสูรพูดได้เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก


สถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย และหนงม่านม่านรีบควบคุมสถานการณ์และพูดว่า “เจ้าไม่ปลอดภัย! น้องชายหลิง ข้าสนใจเจ้าขวดนั้นจริงๆ ถ้าน้องชายหลิงมอบมันให้กับข้า ม่านม่านจะไม่ปล่อยให้น้องชายหลิงต้องผิดหวัง”


“โอ้ว?” หลิงฮันเงยหน้ามองสำรวจเรือนร่างของหนงม่านม่านและยิ้ม “ตระกูลหนงขาดแคลนลูกสะใภ้หรือไม่?”


ทันใดนั้นสีหน้าของหนงม่านม่านดูหมอง ชายคนนี้บ้ามาก นี่เขาต้องการเป็นลูกเขยของตระกูลหนงงั้นหรือ?


“สามห้าว!” หนงเสียหยุนปรากฏตัวออกมาและชี้นิ้วใส่หลิงฮันขณะพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงอยากกินเนื้อหงส์!”


ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงส่งเสียงหัวเราะออกมา หนงม่านม่านเป็นอัญมณีเม็ดงามของตระกูลหนง และตระกูลหนงเป็นตระกูลของนักปรุงยาระดับสวรรค์ ซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ แล้วชายที่ต้องการแต่งงานเข้าตระกูลหนงจะต้องดีเลิศขนาดไหน?


“โอ้ว ตระกูลหนงนั้นสูงศักดิ์มาก แม้แต่หลิงฮันก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอย่างนั้นหรือ?” คำพูดดังกล่าวลอยออกมา จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงเดินมาพร้อมกัน


ผู้คนรอบข้างเผลอหลีกทางให้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ผู้คนที่จะมาที่นี่ได้แน่นอนว่าจะต้องเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณที่อยู่ที่นี่ที่สามารถปะมือกับจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิ่งได้นั้นอาจไม่มี


จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสองคนกำลังยืนอยู่ข้างหลิงฮันและยืนกอดอกด้วยท่าทางน่าเกรงขาม


จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ!


ในหมู่คนรุ่นเยาว์ที่เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวานั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น ดังนั้นระดับตัวอ่อนวิญญาณถือเป็นที่สุดของหมู่คนรุ่นเยาว์แล้ว การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิ่งนั้นแผ่กระจายไปทั่ว แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่พลังต่อสู้ของพวกเขานั้นมีอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดดาว และพวกเขาสามารถต่อสู้กับคนรุ่นก่อนได้


“แม่นางม่านม่าน ถ้าเจ้าแต่งงานกับน้องชายหลิงของข้า ข้าจะมอบแร่เหล็กมังกรหิมะที่ข้าเพิ่งได้รับมาให้กับเจ้าเพื่อแสดงความยินดี!” มู่หลงชิงยิ้มและโยนเศษแร่เหล็กสีขาวที่มีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นให้นาง แต่มันทำให้หลายคนเบิกตากว้างด้วยความโลภ


แร่เหล็กมังกรหิมะนั้นเป็นอะไรที่หาได้ยาก เพราะมันมีความพิเศษ เมื่อใช้ผสมกับแร่เหล็กชนิดอื่นจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาวุธ ดังนั้นถ้าเป็นอาวุธระดับเจ็ดจะสามารถต้านทานอาวุธระดับแปดได้


ขีดจำกัดคือระดับเจ็ด และเป็นไม่ได้ที่จะเปลี่ยนวัตถุดิบระดับแปดเป็นระดับเก้า


ดังนั้นทุกคนจึงเกิดความโลภ แม้ว่าเศษแร่เหล็กมังกรหิมะจะมีขนาดเท่ากำปั้น และถ้าใช้มันผสมกับแร่เหล็กระดับเจ็ด มันเพียงพอที่จะทำให้อาวุธยกระดับขึ้นเป็นระดับแปด ที่หลายคนส่วนใหญ่พึงพอใจ


หนงม่านม่านถอนหายใจ แต่ใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นบูดบึ้ง นางเป็นถึงลูกหลานของนักปรุงยาระดับสวรรค์ แร่เหล็กมังกรหิมะจะ ‘ซื้อ’ นางได้อย่างไร?


“ฝันไปเถอะ!” นางกล่าว


หลิงฮันถอนหายใจและตบไหล่ของมู่หลงชิง แล้วพูดว่า “มู่หลง ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้พูดล้อเล่น เช่นนั้นข้าจะยกนางให้เจ้าและช่วยเจ้าพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานครั้งนี้เอง แต่คนอื่นยังไม่ยอมรับในตัวเจ้าเลย”


“หืม ข้าหรือ?” มู่หรงชิงชี้ตัวเองและเผยสีหน้าตกใจ จากนั้นเขารีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ข้าไม่ได้สนใจนาง!”


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเขินอาย เจ้าจะสนใจหรือไม่นั้นก็ต่อเมื่อข้าพูดว่าไม่!”


มันดีจริงๆหรือที่จะเล่นกับคนแบบนี้?


ดวงตาของหนงม่านม่านแดงก่ำ และสีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก ในอีกด้านหน้าซั่วเฉียวเล่อเองก็เข้ามาช่วย และรีบวิ่งเข้าไปล้อมพวกหลิงฮัน


“เจ้าชักจะมากเกินไปแล้ว!”


“แต่พวกเราจะมองข้ามจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสองคนไปได้อย่างไร?”


ทุกคนจ้องมองไปที่หลิงฮันอย่างเย็นชา ครั้งนี้มีอัจฉริยะระดับแนวหน้าหลายคนได้รับเชิญให้เข้าร่วมสำนักสวรรค์ ทันทีที่พวกเขามาถึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการหลิงฮัน


ซู่ ซู่ ซู่ เสียงน้ำดังขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามันเป็นเสียงของนางฟ้าที่ทำให้เปลวเพลิงแห่งความโกรธของทุกคนสงบลง

 

 

 


ตอนที่ 630

 

เมื่อทุกคนได้ยินเสียง พวกเขาหันไปมองตำหนักที่อยู่กลางทะเลสาบ


นางกำลังบรรเลงพิณอยู่ เสียงเพลงที่ดังออกมาทำให้ทุกคนรู้สึกมึนเมา


เสียงเพลงนี้ไม่ควรมีอยู่ในโลก


ปลาในทะเลสาบกระโดดไปมาไม่หยุดและรวมตัวกันอยู่รอบตำหนัก ส่วนบนท้องฟ้ามีนกจำนวนมากบินโลดเต้นไปมาอยู่บนท้องฟ้า


เสียงของพิณเดินทางผ่านทะเลสาบทำให้เกิดคลื่นเล็กน้อย ทว่ามันกลับไม่มีอำนาจทำลายล้าง แต่ทำให้ปลามีความสุข และนกเริงระบำอยู่ในอากาศ


ทุกคนมีสีหน้าที่มึนเมา หญิงสาวคนนี้และเสียงเพลงควรมีอยู่แค่โลกเบื้องบนเท่านั้น ทว่ามันกลับปรากฏอยู่โลกมนุษย์เบื้องล่างได้อย่างไร?


“เทพธิดาอีหยุน!”


“ว่าไงนะ นางคือเทพธิดาอีหยุนงั้นรึ?”


“ช่างงดงามอะไรขนาดนี้!”


“นางไม่ใช่หญิงสาวที่งดงามที่สุดแห่งภูมิภาคกลางงั้นรึ? ข้าไม่เชื่อ!”


“ข้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”


ทุกคนส่ายหัว การปรากฏตัวของหวังอีหยุนนั้นเหนือกว่าหลิ่วอู๋ตง แต่ไม่เท่าจูเสวี่ยนเอ๋อ และฉากที่งดงามเบื้องหน้าทำให้หลายคนรู้สึกลุ่มหลงมากยิ่งขึ้น


จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยและโน้มตัวไปอยู่ข้างหูหลิงฮันและพูดกระซิบว่า “เสวี่ยนเอ๋อไม่แพ้นางหรอก”


หลิงฮันมองไปที่ลิ้มฝีปากสีแดงของนาง และพูดว่า “ข้าเชื่อเจ้าอยู่แล้ว”


จูเสวี่ยนเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้ามีความสุข


“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบด้วย” หวังอีหยุนวางมืออยู่บนพิณ เสียงที่นุ่มนวลของนางดังไปทั่วบริเวณ


“ขอรับ!” ทุกคนพยักหน้ารับ


หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ หญิงสาวคนนี้มีอายุแค่ยี่สิบสามปีเท่านั้น แต่นางกลับเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว พรสวรรค์ของนางนั้นน่าทึ่งมาก


“ในตอนนี้นิกายใหญ่ต่างๆเชื่อว่าจะเกิดหายนะในอนาคตอันใกล้นี้” หวังอีหยุนกล่าวขณะที่ทุกคนกลายเป็นนิ่งเงียบมีเพียงแค่เสียงของนางเท่านั้นที่ได้ยิน “เกือบหมื่นปีที่ผ่านมา หายนะที่ทำให้ทวีปเทียนฮงล่มสลายจะหวนกลับมาอีกครั้ง นิกายต่างๆจึงร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับมัน!”


“ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์เพื่อสร้างความหวังที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้มากที่สุด”


“ดังนั้น ทุกคนจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะฟื้นฟูวิถีวรยุทธในอนาคต พวกเราต้องไม่ทำร้ายกันเอง”


เมื่อนางพูดเสร็จ นางลุกขึ้นยืนและเดินลงมาจากตำหนัก เมื่อเท้าของนางย่างก้าวสัมผัสกับพื้นน้ำ ฝูงปลาจะกระโดดโลดเต้นไปมา และมีนกบินอยู่เบื้องหลังนาง ราวกับมีเทพธิดาจุติอยู่บนโลก


“เทพธิดามีอยู่จริง!”


“ห้านิกายใหญ่คือหัวใจหลักของโลก ถ้ามีหายนะเกิดขึ้นจริงจะมีเพียงแค่ห้านิกายใหญ่เท่านั้นที่สามารถปกป้องโลกได้!”


“ผู้มีเมตตาและคุณธรรมสูงส่ง!”


“แม่พระ!”


ทุกคนไม่ได้พูดสรรเสริญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ใครจะกล้าพูดจาล่วงเกินนิกายโบราณทั้งห้านิกาย? นิกายทั้งห้ามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ ซึ่งเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก


แต่ทว่าห้านิกายใหญ่นั้นแค่ปกป้องดินแดนของตนเองเท่านั้น ไม่เคยที่จะครองโลก ทำให้ทุกคนรู้สึกสรรเสริญ


หวังอีหยุนเดินเข้ามาใกล้และยิ้มให้กับหนงม่านม่านแล้วพูดว่า “พี่ม่านม่าน ท่านยังมีปัญหาอันใดอีกหรือไม่?”


“เพื่อเห็นแก่หน้าของน้องอีหยุน ข้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” หนงม่านม่านฝืนยิ้มออกมา ในความเป็นจริงถ้านางยังพูดต่ออีกมันจะเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย


“พี่ชายหลิง” หวังอีหยุนหันหน้าไปมอง “ข้าได้ยินมาว่าท่านและพี่สาวม่านม่านทะเลาะกันเพราะเรื่องอาวุธวิญญาณ ดังนั้น ข้ามีอาวุธวิญญาณระดับหกอยู่กับตัว ถ้าข้าแลกมันกับพี่ชายหลิงกับมันจะได้หรือไม่?”


สีหน้าของหนงม่านม่านดูมีความสุขขึ้นมาทันที ในความเป็นจริงนางรู้อยู่แล้วว่าขวดใบนั้นไม่ธรรมดา แต่นางไม่ต้องการทำให้เรื่องแตกตื่น ดังนั้นนางจึงใช้หนงเสียหยุนไปแทน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าถูกหลิงฮันแย่งซื้อขวดนั้นไป ด้วยเหตุนี้ หนงม่านม่านจึงขอให้หลิงฮันมางานเลี้ยงและใช้บรรยากาศของที่นี่กดดันให้เขายอมรับ


เมื่อไข่มุกแห่งตระกูลหวังอยู่ที่นี่และเสนออาวุธวิญญาณระดับหกให้ นางคิดว่าหลิงฮันจะต้องยอมรับอย่างแน่นอน


“ไม่ ข้าชอบเจ้าขวดใบนั้นมาก ข้าไม่คิดที่จะแลกเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น” หลิงฮันปฏิเสธตรงๆ ชามหินนั้นแท้จริงแล้วมันเป็นของเลียนแบบจากชามพลิกสวรรค์ มันสามารถสกัดได้ทุกอย่างและแยกแก่นแท้ออกมา มันมีค่ามากกว่าดาบกำเนิดมารเสียอีก แล้วนี่อะไรอีกฝ่ายคิดจะแลกมันกับอาวุธวิญญาณระดับหกงั้นรึ? ฝันไปเถอะ!


เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่เพียงแค่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจเท่านั้น แม้แต่หวังอีหยุนก็ไม่เว้น ใบหน้าที่งดงามของนางกลายเป็นหน้าหวาดกลัว หลังจากที่ถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า “พี่ชายหลิง ท่านไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลยหรือ?”


“ไม่!” หลิงฮันโบกมือไม่ไว้หน้าอีกฝ่าย


“หลิงฮัน เจ้าชักจะอวดดีเกินไปแล้ว!” ซั่วเฉียวเล่อตะโกน การที่หลิงฮันปฏิเสธความงานของหวังอีหยุนนั่นหมายความว่าทำให้ชายทุกคนที่อยู่ที่นี่โกรธเกรี้ยว


“ใช่แล้ว นี่มันบ้าเกินไป เทพธิดาอีหยุนอุตส่ามอบข้อเสนอดีๆให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับปฏิเสธทันควันไม่แม้แต่จะขบคิด!”


“หึ่ม เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนงั้นรึ?”


“ถ้าข้าไม่เห็นแก่ใบหน้าของเทพธิดาอีหยุน ข้าคงเข้าไปทุบตีเจ้าแล้ว”


หลิงฮันยิ้มและหันไปพูดกับฮูหนิวว่า “ฮูหนิว เจ้ากินอิ่มแล้วหรือยัง?”


“หนิวยังไม่อิ่มเลย” ฮูหนิวโผล่หัวออกมาจากกองอาหาร “แต่อาหารที่นี่มันไม่อร่อยเลย หนิวเบื่อแล้ว!”


ทุกคนแทบจะเป็นลม เมื่อเห็นกองอาหารที่ทับซ้อนกันสูงกว่าตัว! ยิ่งไปกว่านั้น นางกินเข้าไปขนาดนั้นแต่ยังไม่อิ่มอีก กระเพาะของนางเป็นหลุมดำหรือไง?


“งั้นดีเลย พวกเรากลับกันเถอะและค่อยกินต่อ!” หลิงฮันยิ้ม


“เย้!” ฮูหนิวปรบมือและมองไปที่หวังอีหยุน  “เจ้าคือเจ้านายของที่นี่สินะ แต่อาหารที่เจ้านำมาให้แขกกินนั้นมันไม่อร่อยเลย หืม หรือว่านี่จะเป็นการดูถูกหนิว!”


หวังอีหยุนไม่รู้สึกโกรธ แต่ยังคงยิ้มออกมา ราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถสั่นคลอนอารมณ์ของนางได้ แต่คนอื่นนั้นไม่ได้เป็นเหมือนนาง มีแขกแบบนี้อยู่ด้วยหรือ?


“ใครบอกให้เจ้าไปอยู่ที่นี่ก่อนสิ!”


“ใช่แล้ว ข้าอยากเรียนรู้จากเจ้ายิ่งนัก!”


“ถูกต้อง พวกเรามาแลกเปลี่ยนวรยุทธกันสักเล็กน้อยเป็นไง”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)