Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 607-618
ตอนที่ 607
ถูกตามล่าอีกครั้ง
ฉินหยีเย่วหลงใหลในรสชาติของอาหารที่ได้กินเข้าไป บวกกับตัวนางที่ชื่นชอบเด็กสาวตัวน้อยอย่างฮูหนิวแล้ว นางจ้องมองไปที่ฮูหนิวและกลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลาราวกับเป็นขอทาน
“ก็ได้ หนิวเห็นหน้าตาที่น่าสงสารของเจ้าหนิวจะให้อีกชิ้นหนึ่ง!” ฮูหนิวส่งเนื้อห่อผักให้กับฉินหยีเย่วอีกชิ้น
นางไม่ได้ใจดี แต่ต้องการให้ฉินหยีเย่วติดใจในรสชาติจนต้องรู้สึกทุกข์ทรมานที่ไม่ได้กินอีก
ในตอนกลางคืนฉินหยีเย่วนอนไม่หลับหลังจากที่ได้ลิ้มรสชาติ มันทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมาน แต่ก็ทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากเหมือนกัน สิ่งที่นางกินคือเนื้อสัตว์อะไร? ทำไมผักและเนื้อถึงอร่อยได้ขนาดนี้
วันต่อมา ฉินหยีเย่วจ้องมองไปที่หลิงฮันและถามหลิงฮันว่ามันเป็นเนื้อสัตว์และผักอะไร
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “มันไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่เป็นเนื้อมนุษย์ ส่วนผักที่ข้าใช้มาจากปุ๋ยซากศพมนุษย์!”
หลิงฮันพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังทำให้ใบหน้าของฉินหยีเย่วกระตุกไม่หยุด และรีบถอยห่างออกจากหลิงฮันทันที ส่วนฮูหนิวนั้นหัวเราะออกมาไม่หยุด
ฉินหยีเย่วไม่เชื่อว่านางกินเนื้อมนุษย์เข้าไป ในฐานะจอมยุทธนางไม่เคยเห็นเนื้อมนุษย์ที่ดูน่าอร่อยขนาดนี้มาก่อน นางมั่นใจว่าเนื้อสัตว์ที่นางกินไปเมื่อวานจะต้องเป็นเนื้อของสัตว์อสูร แม้นางจะกินบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยอร่อยเท่าเมื่อวาน
นางรู้สึกกังวลมาก หลังจากที่กินเนื้อของเมื่อวานเข้าไป นางจะมีความอยากอาหารอย่างอื่นอีกหรือไม่?
พวกโฉวจื่อเฟยห้าคนเดินเข้ามาใกล้ฉินหยีเย่ว พวกเขาต่างชื่นชอบนาง
นางไม่เพียงแค่งดงามเท่านั้น แต่ยังงดงามดั่งเทพธิดา และตัวตนของนางยังไม่ธรรมดา นางเป็นถึงศิษย์ของประมุขแห่งหุบเขาทมิฬ ถ้าสามารถแต่งงานกับนางได้ ความก้าวหน้าของพวกเขาจะต้องเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเรือที่ล่องอยู่ในสายน้ำ
นอกจากนี้ภูมิหลังของพวกเขาทั้งห้าคนนั้นมีแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาต้องปีนไต่ขึ้นไปเป็นศิษย์ของหุบเขาทมิฬ
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ความงดงามของฉินหยีเย่วก็เพียงพอแล้ว
แต่ทว่าฉินหยีเย่วไม่สนใจพวกเขา มีเพียงแค่ชางเย่เท่านั้นที่อยู่ในสายตาของนาง เพราะเขาเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง นอกจากการฝึกฝนวรยุทธแล้ว สิ่งที่นางชื่นชอบคืออาหาร และนางหลงใหลในรสชาติอาหารของฮูหนิวมาก
เมื่อคิดแบบนั้น นางก็คิดว่าอาหารที่เด็กสาวตัวน้อยกิน นางไม่ได้เป็นคนเตรียมมันด้วยตัวเองอย่างแน่นอน และคนที่อยู่รอบตัวนางมีแค่หลิงฮันกับจูเสวี่ยนเอ๋อเท่านั้น แต่นางถามหลิงฮันไปแล้วแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา ดังนั้นจึงเหลือแค่จูเสวี่ยนเอ๋อเท่านั้นที่ยังไม่ได้ถาม
หญิงสาวสองคนไม่รู้จะพูดคุยอะไร เพียงแค่ยิ้มให้กันเท่านั้น แต่ในไม่ช้าพวกนางก็สนิทสนมกัน ซึ่งทำให้หลิงฮันและฮูหนิวรู้สึกแปลกใจ
“ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดยิ่งนัก” หลิงฮันยักไหล่
“ใช่แล้ว!” ฮูหนิวกล่าวเห็นด้วยขณะกินอาหารและรู้สึกมีความสุข “ผู้หญิงคนนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน! ถ้าโตขึ้นจะเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาด แต่ถ้าไม่โตขึ้นแล้วจะแต่งงานกับหลิงฮันได้ยังไง!”
หลิงฮันหัวเราะและลูบผมของฮูหนิวและพูดว่า “ฮูหนิวไม่ต้องโตก็ดีแล้ว”
หลิงฮันมีความกังวลอยู่ในใจ ถ้าฮูหนิวโตขึ้น รากฐานวิญญาณรูปร่างมนุษย์ที่อยู่ในตันเถียนอาจเข้ามาแทนที่ฮูหนิว การดำรงอยู่ของมันน่ากลัวมาก และอยู่เหนือกว่าความรู้ของเขา ซึ่งฮูหนิวอาจจะต่อกรกับมันไม่ได้
“เจ้าอย่าได้คิดที่จะได้แต่งงานกับหลิงฮันเชียว หลิงฮันเป็นของหนิว!” ฮูหนิวกอดแขนหลิงฮันแน่น
“เบาหน่อย เจ้ากำลังทำให้ข้าเจ็บ!” หลิงฮันกรีดร้อง
“ฮิฮิ” ฮูหนิวหัวเราะ
“พวกเจ้าดูมีความสุขกันดีนิ” เสียงเยาะเย้ยลอยดังออกมา และพวกเขาก็เห็นรถม้าบินอยู่บนท้องฟ้ามุ่งหน้ามาหาพวกเขา รถม้ามีความยาวห้าฟุต ยาวสามฟุตราวกับพระราชวังเคลื่อนที่และมีสาวงามสี่คนกำลังนั่งอยู่ที่คนขับ
นิกายวายุจันทรา หูชิ่งฟาง!
มันกลับมาแล้ว ฝูงชนยังไม่ทันถามอะไร พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากรถม้า มันเป็นสียงของผู้หญิงร้องคราง นี่พวกมันกำลังทำอะไรอยู่ในรถม้ากันแน่?
หลิงฮันปิดหูของฮูหนิว และเผยสีหน้าไม่พอใจ แล้วตะโกนว่า “ชางเย่!”
“ขอรับ!” ชางเย่ขานรับ เขากระโจนออกไปพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ที่อยู่ในมือ
ปราณกระบี่เก้าเล่นถูกยิงออกไปเพื่อที่จะฟันรถม้า
“เจ้ากล้ามาก!” สาวงามทั้งสี่คนกระโจนออกมาทักทายชางเย่ ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ต่อหน้าการโจมตีที่ทรงพลังสาวงามทั้งสี่คนถูกจัดการ แต่ชางเย่เองก็ถูกทำให้ล่าถอยเช่นกัน
“อ่าาา–” เสียงครางดังออกมาจากรถม้า และรถม้าที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก็หยุดลง และมีเสียงของผู้หญิงดังออกมาว่า “ลีลาของนายน้อยยอดเยี่ยมกว่าเดิมมาก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หูชิ่งฟางยิ้มเยาะหลังจากได้ยินคำพูดชื่นชมออกมาจากปากพวกนาง
เมื่อประตูรถม้าเปิด ชายหนึ่งคนและหญิงสองคนเดินออกมา…หรือว่าพวกมันจะเล่นกันแบบสามคน?
ชายคนนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหูชิ่งฟาง มันกำลังเปลือยท่อนบนอยู่และสวมเพียงแค่กางเกง ส่วนด้านข้างเป็นหญิงสาวที่มีอายุประมาณสามสิบปี แต่ทว่าผิวพรรณของพวกนางดูอ่อนกว่าวัย
“หยางอิงซือ! หยางอิงหยุน!” ฉินหยีเย่วอุทาน นางจ้องมองไปที่หญิงสาวสองคนนั้นด้วยความตกใจ “ระวังเอาไว้ พวกนางเป็นคนของนิกายวายุจันทราและทั้งสองคนอยู่จุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน!”
“โอ้ว ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่น้องฉินรู้จักพวกเรา!” หยางอิงหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าว ส่วนคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของหูชิ่งฟางคือหยางอิงซือ
“ผู้หญิงต่ำทราม!” ฉินหยีเย่วกล่าวดูหมิ่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ
หยางอิงหยุนยิ้มและพูดว่า “สาวน้อยที่ไม่เคยผ่านมือชายใดอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร นี่ต่างหากที่เรียกความสุขระหว่างชายหญิง”
“สกปรก!” ฉินหยีเย่วด่าทอ
ชางเย่ตะโกนและกระโจนเข้าหารถม้า คำสั่งที่เขาได้รับคือฆ่า!
ตอนที่ 608
พลังต่อสู้ที่แท้จริงของสาวน้อย
ชางเย่โจมตีออกไปด้วยปราณกระบี่ พลังของเขามันน่าทึ่งมาก
หยางอิงหยุนยิ้มและกระโจนออกไป และใช้มือเปล่าเพื่อจับไปที่กระบี่ของชางเย่
ชางเย่เค้นเสียงออกมาและเปลี่ยนเส้นทางกระบี่และเล็งไปที่หยางอิงหยุนโดยตรง
“เจ้าเป็นชายที่ไม่รู้จักคำว่าอ่อนโยนเอาเสียเลย ถึงกล้าทำให้ผู้หญิงต้องเจ็บปวด ถ้าเป็นเรื่องบนเตียง ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่ห้าวหาญขนาดนี้ แต่ในเมื่อเจ้าเป็นคนเริ่มควรทำให้มันอ่อนโยนและนุ่มนวล!” ร่างของหยางอิงหยุนกระโดดหลบ
สิ่งที่นางพูดทำให้จูเสวี่ยนเอ๋อ ฉินหยีเย่วและเหอหลันหยุนรู้สึกเขินอายจนใบหน้ากลายเป็นสีแดง และรู้สึกโกรธว่ามีผู้หญิงที่ไร้ยางอายขนาดนี้ได้อย่างไร?
มันน่าละอายมาก!
อย่างไรก็ตาม หยางอิงหยุนเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
นางเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบานและมีพลังต่อสู้สิบสองดาว นางไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่ยังแข็งแกร่งมากด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ชางเย่มีพลังต่อสู้เพียงแค่เจ็ดดาวเท่านั้น มันห่างชั้นกันมาก
นอกจากนี้ พลังต่อสู้ของหยางอิงหยุนยังมากกว่าหูชิ่งฟางสองดาว มิฉะนั้นมันคงไม่มีหน้ากลับมา
“อะไรกัน!” หู่ชิ่งฟางรู้สึกว่ามันแปลก ทำไมชางเย่ถึงอ่อนแอขนาดนี้? ทั้งที่ครั้งก่อนตอนที่มันเล่นกับชางเย่ เขากับทำให้มันต้องทุกข์ทรมานได้
ถ้าชางเย่แข็งแกร่งเพียงแค่นั้น ทำไมครั้งก่อนมันต้องทำตัวอับอายขายหน้าและล่าถอยด้วย?
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” ฉินหยีเย่วร่วมมือกับชางเย่เพื่อต่อสู้กับหยางอิงหยุน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฉินหยีเย่วจะมีความสามารถมากกว่า แต่ระดับพลังของนางยังต่ำเกินไป นางเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นสี่ที่มีพลังต่อสู้สิบดาว ทั้งสองคนจะเติมเต็มช่องว่างระหว่างหยางอิงหยุนได้หรือไม่ หรือว่าพวกเขาจะถูกนางจัดการ
โฉวจื่อเฟยและคนอื่นคิดแค่จะหลบหนี ถ้าฉินหยีเย่วและชางเย่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ คงมีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
หลิงฮันใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและยิงลูกศรล่องหนไปที่หยางอิงหยุนทันที
แม้ว่าพลังของลูกศรล่องหนจะน้อย แต่มันสามารถหลบซ่อนจากสายตาของศัตรูได้ดี
“อ๊าก!” หยางอิงหยุนถูกยิงที่หัวเข่า ทำให้นางล้มลงกับพื้นอย่างกะทันหัน
ชางเย่และฉินหยีเย่วจึงใช้โอกาสนี้โจมตีหยางอิงหยุนทันที
หยางอิงหยุนต้องการที่จะตอบโต้ ทว่านางถูกยิงที่หัวเข่าจึงไม่อาจลุกขึ้นมาตอบโต้ได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่ส่งเสียงคำรามเท่านั้น
“อีกแล้ว!” หูชิ่งฟางพึมพัม ที่มันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
อีกฝ่ายใช้วิธีการอะไรกันแน่?
หยางอิงซือกระโจนออกมาจากอ้อมแขนของหูชิ่งฟาง ด้วยสีหน้าแปลกใจ นางสัมผัสได้ถึงพลังปราณ แต่มันเบาบางมากจนนางแทบไม่แน่ใจ
“น้องสาว เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากพี่สาวของเจ้าไหม?” นางหัวเราะ
“พี่สาวช่วยข้าด้วย!” หยางอิงหยุนบินกลับไปที่รถม้า ฉินหยีเย่วและช่างเย่อยากจะไล่ตาม แต่พวกเขาถูกฝ่ามือของหยางอิงซือหยุดเอาไว้
ชางเย่และฉินหยีเย่วรู้สึกตกใจและรีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว
“จ…จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ!” พวกเขาสองคนตัวสั่นเทาและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน
อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ ในขณะที่พวกเขาสองคนเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นต่ำและขั้นกลาง แม้พวกเขาจะอยู่จุดสูงสุดของบุปผาผลิบานมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
ไม่แปลกใจเลยที่หูชิ่งเฟงถึงกล้ากลับมา เพราะมันพาจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณด้วย!
แล้วพวกเขาจะไปทำไรได้?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หูชิ่งฟางหัวเราะ “นางทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณตั้งแต่หกเดือนก่อน การกำจัดจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง”
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ เรื่องเอาชนะอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องพูดถึง แค่หลบหนียังเป็นเรื่องยาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!’ หยางอิงซือหัวเราะและมองไปที่เหล่าชายหนุ่ม “ทาสหนุ่มนี่แหละดี ไม่เพียงแค่จะถูกปลุกเร้าได้ง่าย แต่ยังเข้มแข็งและหนักแน่น!”
“พี่สาว ท่านจะเล่นสนุกคนเดียวไม่ได้!” หยางอิงหยุนกล่าว
เปรี๊ยะ!
หูชิ่งฟางตบหน้านางและพูดว่า “แค่นี้พอใจเจ้าแล้วหรือยัง?”
“พวกเราสองพี่น้องเป็นของนายน้อยเพียงคนเดียวเท่านั้น! นอกจากนี้ไม่ใช่ว่านายน้อยต้องการหญิงสาวแซ่ฉินหรอกหรือ?” หยางอิงหยุนไม่รู้สึกละอายใจและพูดจี้จุด
“น้องสาว ถ้าเจ้าดูดพลังหยวนของชายพวกนั้นและมีความเข้าใจครึ่งหนึ่ง เจ้าจะทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณ!” หยางอิงซือหันหลังกลับ
หยางอิงหยุนรู้สึกดีใจและพูดว่า: “ยอดเยี่ยมเลยพี่สาว!”
หยางอิงซือพยักหน้าและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “สุภาพบุรุษทั้งหลาย มีใครอยากเสนอตัวให้น้องสาวของข้าไหม? แล้วพวกเราสองพี่น้องจะทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน!”
โฉวจื่อเฟยและคนอื่นสีหน้าเปลี่ยนสี อีกฝ่ายจะจับพวกเขาไปดูดพลังหยาง! บรรดาผู้ที่ตกอยู่ในมืออีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงจะต้องตายอย่างแน่นอน!
“หืม ตรงนั้นมีเด็กสาวตัวน้อยอยู่ นายน้อยท่านต้องการตัวนางหรือไม่?” หยางอิงซือมองไปที่ฮูหนิวและหันกลับไปมองหูชิ่งฟาง
“ฆ่า!” หูชิ่งฟางสบัดมือ ตอนนี้มันต้องการแค่ฉินหยีเย่วเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้ที่นี่จะมีสาวงามอยู่หลายคน แต่เมื่อเทียบกับเหอหลันหยุนและหยางอิงซือแล้วความงามของพวกนางถูกฉินหยีเย่วบดบังจนหมด
ฮูหนิวรู้สึกโกรธมาก พวกมันต้องการฆ่าฮูหนิวที่น่ารักคนนี้?
นางกระโจนออกมาจากอ้อมแขนของหลิงฮันและชี้นิ้วไปที่หยางอิงซือ “ยัยแก่ เด็กสาวตัวน้อยคนนี้จะเป็นคนฆ่าเจ้าเอง” ฮูหนิวคิดและหันไปถามหลิงฮัน “หนิวฆ่านางได้ไหม?”
“ได้” หลิงฮันพยักหน้าหลังจากที่เห็นสีหน้าจริงจังของฮูหนิว เขาปฏิเสธไม่ลง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หยางอิงซือหัวเราะเยาะ มันคงไม่มีเรื่องไหนตลกไปกว่าเรื่องนี้แล้ว เด็กสาวตัวน้อยอายุเจ็ดถึงแปดขวบกำลังพูดว่าจะฆ่านางด้วยตัวเอง นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
“ระวังตัวเอาไว้ให้ดี หนิวขอเตือนไว้ก่อน” ฮูหนิวยกมือขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ทุกคนอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่พวกเขากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวังอยู่
“ข้าเป็นเป้าหมายของพวกมัน พวกเจ้าหนีไป!” ฉินหยีเย่วเป็นตัวต้นเหตุ นางไม่อยากลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้ว
“หนีเร็ว!” โฉวจื่อเฟยและคนอื่นพูดออกมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจที่ต้องทิ้งฉินหยีเย่ว แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นพวกเขาจะต้องตาย
“พวกเจ้าคิดจะไปไหน?” หยางอิงซือแสยะยิ้ม ถ้าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณโจมตีใส่ แล้วจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นกลางจะป้องกันได้อย่างไร?
ฉินหยีเย่วใช้ดาบจ่อคอตัวเองและพูดว่า “ถ้าเจ้าขยับ ข้าจะฆ่าตัวตาย!’
“หยุดเดี๋ยวนี้!” หูชิ่งฟางรีบตะโกนออกมา เป้าหมายของมันคือฉินหยีเย่ว ถ้าสาวงามอย่างนางตายความพยายามทั้งหมดจะต้องสูญเปล่า
หยางอิงซือเค้นเสียงและหยุด แต่พูดเยาะเย้ยออกมาว่า “ช่างเป็นสุภาพบุรุษยิ่งนัก ถึงเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังผู้หญิง”
โฉวจื่อเฟยและชายหนุ่มคนอื่นพูดไม่ออก
“หนิวขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ระวังหมัดของหนิวไว้ให้ดี!” ฮูหนิวกระโจนออกไปข้างหน้าและปล่อยหมัดเล็กๆออกไป
ตอนที่ 609
ตกตะลึง
ฮูหนิวเป็นเหมือนลำแสง ความเร็วของนางรวดเร็วมากจนไม่อาจมองทันตัวตาเปล่า
อย่างน้อยที่สุด แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณยังเป็นเรื่องยากที่จะมองทัน
หยางอิงซือเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่ต้องระมัดระวังเด็กสาวตัวน้อยอายุเจ็ดขวบ? นางไม่ได้ประเมินฮูหนิวสูงเกินไป แต่ความเร็วของเด็กสาวตัวน้อยนั้นรวดเร็วจนน่าทึ่ง
นางกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว และต้องการที่จะล่าถอย แต่ว่าหมัดของฮูหนิวต่อยมาที่คางของนางแล้ว
ปัง หยางอิงซือถูกต่อยกระเด็นและหมดสติ จากนั้นฮูหนิวจับไปที่เท้าของนาง ก่อนที่จะใช้มือจับไปที่หัวและบิด
แคร๊ก เสียงกระดูกแตกหัก นางสูญเสียพลังป้องกันจากพลังก่อเกิดไป ทำให้ร่างกายของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นบอบบางมากและฮูหนิวก็ดึงหัวของนาง
ทันใดนั้น หยางอิงซือตื่นขึ้นมา ดวงตาของนางเบิกกว้างและเผยให้เห็นสีหน้าตื่นตระหนก และร่างที่ไร้หัวกำลังลอยอยู่กลางอากาศ จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นตายยาก ถึงแม้หัวจะหลุดออกจากบ่า แต่ก็ยังไม่ตาย ถ้านางนำหัวกลับไปที่เดิม นางก็จะสามารถฟื้นฟูได้
ฮูหนิวร่อนลงบนพื้นและโยนหัวของนางออกไป
ร่างของหยางอิงซือรีบกระโจนตามไปทันที ขณะที่เลือดพุ่งออกมาจากคอไม่หยุด แต่หลังจากที่วิ่งไปได้ไม่กี่สิบก้าว ในที่สุดร่างของนางก็ล้มลงกับพื้นและชักกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนที่จะแน่นิ่งไปตลอดกาล
เด็กสาวตัวน้อยสามารถเด็ดหัวจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้อย่างงายดาย ถึงขั้นฆ่าอีกฝ่ายได้!
คนที่จ้องมองกลายเป็นนิ่งเงียบ
ฉินหยีเย่ว เหอหลันหยุน โฉวจื่อเฟยและคนที่เหลือต่างพูดไม่ออก พวกเขาทั้งตัวสั่นและหวาดกลัว
เด็กสาวตัวน้อยคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก!
“อ๊ากกก–” ในที่สุดหูชิ่งฟางและหยางอิงหยุนก็เรียกสติของตัวเองกลับมาได้และกระโจนเข้าไปในรถม้า “ไป! ไป!” เขาพูดตะคอกใส่สาวงามทั้งสี่คนที่ขับรถม้า
“เจ้าต้องการฆ่าฮูหนิวที่น่ารักคนนี้ แล้วคิดจะหนีงั้นหรือ!” ฮูหนิวกระโจนเข้าใส่ด้วยความเร็วเทียบเท่าสายฟ้า และปรากฏตัวอยู่เหนือรถม้าก่อนที่จะปล่อยหมัดใส่
ปัง มีม่านพลังแสงป้องกันหมัดของนางเอาไว้
นั่นเป็นเพราะม่านพลังแสงนี่เทียบได้กับระดับตัวอ่อนวิญญาณ และเด็กสาวตัวน้อยเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นสูงหมัดของนางจึงไม่อาจทะลวงผ่านม่านพลังนี้ได้
หูชิ่งฟางรู้สึกตกใจเล็กน้อยและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ฮ่าฮ่าฮ่า เข้ามา เข้ามาเลย อย่างเจ้าจะสังหารข้าได้นั้นต้องฝึกฝนอีกสิบล้านปี!”
ฮูหนิวโมโหและอ้าปากกัดไปที่ม่านพลังแสง
แคร๊ก แคร๊ก ม่านพลังแสงไม่อาจต้านทานการกัดของฮูหนิวได้ ทำให้มันพังทลายลงทันที อย่างไรก็ตาม ม่านพลังแสงนี่ถูกสร้างขึ้นมาจากผลึกก่อเกิด เมื่อมันพังทลายมันจะซ่อมแซมตัวเองทันที
ในเวลาอันสั้น ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะถูกแยกกันอีกครั้ง
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หูชิ่งฟางรู้สึกกลัวตายขึ้นมาอีกครั้งและรีบตะโกนออกไปว่า “ไป! ไปได้แล้ว!”
สาวงามทั้งสี่คนรีบบังคับรถม้าและบินขึ้นไปในอากาศ
ในไม่ช้ารถม้าก็หายไปจากท้องฟ้า
ฉินหยีเย่วและคนอื่นยังคงนิ่งไร้การเคลื่อนไหว เรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าทึ่งเกิดไปกว่าที่พวกเขาจะทำใจเชื่อ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ พวกเขาก็เห็นฮูหนิวกลับมา นางดูไม่มีความสุขและบุ้ยปากพูดว่า “ไม่เห็นจะสนุกเลย พวกมันหนีไปแล้ว!”
นางแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญารและยังกัดม่านพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สามารถทำให้โลกทั้งใบต้องสั่นคลอน
ในตอนนี้พวกเขาไม่อาจมองฮูหนิวเป็นเด็กสาวตัวน้อยได้อีกต่อไป แต่เป็นปีศาจตัวน้อยที่สามารถฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ
“หนิวออกต่อสู้มา หนิวหิวแล้ว!” ฮูหนิวกระโจนเข้าหาหลิงฮันและพูดขอร้อง “หนิวของกินเนื้ออีกได้ไหม?”
“ไม่ วันนี้เจ้ากินมากพอแล้ว!” หลิงฮันส่ายหน้าปฏิเสธ
“หนิวกินไปแค่นิดเดียวเอง หนิวอยากกินอีก!” ฮูหนิวเถียงหลิงฮัน
“ไม่ได้!” หลิงฮันพูดด้วยความแน่วแน่
“หลิงฮันขี้งก!” ฮูหนิวบุ้ยปาก
ทุกคนเหงื่อแตกพลั่ก ปีศาจตัวน้อยนี่สามารถเด็ดคอจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ แต่เขากลับกล้าที่จะขัดใจนาง นี่เขาไม่กลัวถูกนางเด็ดคอเลยหรือ?
ฮูหนิวทำตัวว่านอนสอนง่าย ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เกาะติดหลิงฮันและอ้อนวอน จนในที่สุดก็ได้เนื้อมากินอย่างมีความสุข
นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก!
พวกเขาทุกคนรู้สึกตกตะลึง มันกลายเป็นว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้สามารถซื้อได้ด้วยอาหาร! แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เด็กสาวตัวน้อยคนนี้มีพลังที่จะฆ่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นต้นแล้ว และถ้านางเติบโตขึ้นจนมีอายุสิบปีหรือยี่สิบปี นางจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
นางจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้มากอย่างแน่นอน!
ฉินหยีเย่วจ้องมองหลิงฮันด้วยความสงสัย ถ้าเด็กสาวตัวน้อยแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
“หญิงสาวอัปลักษณ์ เจ้าเอาแต่จ้องมองหลิงฮัน นี่เจ้ากำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่ใช่ไหม?” ฮูหนิวปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าฉินหยีเย่วด้วยท่าทางข่มขู่
ฉินหยีเย่วไม่ได้คิดเรื่องพวกนั้นแต่อย่างใด นางเพียงแค่ยิ้มให้ฮูหนิวและพูดว่า “หนิวหนิว ใครหน้าตาอัปลักษณ์หรือ?”
“ทุกคนเป็นคนอัปลักษณ์!” ฮูหนิวพูดจริงจังและชี้ไปที่จูเสวี่ยนเอ๋อ “ผู้หญิงคนนั้นก็อัปลักษณ์ หรือว่าเจ้าจะบอกว่าตัวเองไม่อัปลักษณ์?”
ช่วยไม่ได้ที่ฉินหยีเย่วจะแปลกใจ ความงามของนางมากกว่าจูเสวี่ยนเอ๋อตั้งหลายเท่า แต่นางไม่ได้พูดแบบนั้นออกมา แค่พูดว่า “หนิวหนิว หลิงฮันของเจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งใช่ไหม?”
“แน่นอน หลิงฮันแข็งแกร่งเท่าหนิวเลย!” ฮูหนิวรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“โอ้ว!” ดวงตาที่งดงามของฉินหยีเย่วเปล่งประกาย นางรู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันไม่ธรรมดา
ตอนที่ 610
ต้วนหมิงต๋า
พวกเขากลับไปเดินบนถนน
ตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครกล้าพูดซุบซิบเรื่องหลิงฮัน พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวหลิงฮัน แต่พวกเขาหวาดกลัวฮูหนิว เด็กสาวตัวน้อยติดหนึบหลิงฮันขนาดนั้น ถ้าใครพูดไม่ดีกับหลิงฮัน เด็กสาวตัวน้อยอาจระเบิดความโกรธออกมาก็เป็นได้
หลังจากนั้นอีกสองวัน พวกเขาก็ถูกตามล่าอีกครั้ง
แน่นอนว่าต้องเป็นหูชิ่งฟาง
หลิงฮันรู้สึกชื่นชมมันจริงๆ ทั้งที่มันกลัวตายและหลบหนีไปถึงสองครั้ง แต่มันก็ยังมีหน้ากลับมาอีก ไม่สิ มันคงจะมีความต้องการอันแรงกล้า จึงลืมฉินหยีเย่วไม่ลง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ากลับมาแล้ว!” ไม่ว่าจะเป็นรถม้าหรือสาวงามสี่คนที่บังคับรถม้าต่างเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างคือมันไม่มีเสียงดังออกมาจากด้านในรถม้า
“ข้าจำเป็นต้องปรบมือให้เจ้าหรือไม่?” หลิงฮันเพียงยิ้ม
“ปรบมือ? เจ้าเอาเวลาไปคิดว่าจะทำยังไงให้มีรอดเถอะ!” เสียงของหูชิ่งฟางดังออกมา เมื่อประตูรถม้าเปิด มันเดินออกมาพร้อมกับชายชราที่อยู่ด้านข้าง
หลิงฮันรู้สึกตกใจและพูดว่า “ข้าไม่คิดว่านิกายวายุจันทราที่มากตัณหาของเจ้าจะเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันด้วย น่าขยะแขยงยิ่งนัก!”
“เหลวไหล!” หูชิ่งฟางตะคอก
“หึหึ พวกเจ้าทั้งสองคนต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ พวกเจ้าคงทำกันอยู่ในรถม้าใช่ไหม?”หลิงฮันจงใจพูด
“เจ้าหนู ระวังปากของเจ้าหน่อย!” ชายชรารีบกล่าวออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังและแหลมคม ทำให้ตาและหูของโฉวจื่อเฟยและคนอื่นหลั่งเลือดออกมาทันที ยกเว้นฉินหยีเย่วเพราะระดับพลังของนางสูงกว่าพวกเขา
แน่นอนว่าหลิงฮัน จูเสวี่ยนเอ๋อและฮูหนิวไม่ได้รับผลกระทบ หลิงฮันและฮูหนิวแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้าน ส่วนจูเสวี่ยนเอ๋อนั้นถูกหลิงฮันปกป้องไว้
“ต้วนหมิงต๋า!” ฉินหยีเย่วพูดอุทานออกมากะทันหัน
“หืม ข้าไม่คิดเลยว่าสาวน้อยอย่างเจ้าจะรู้จักชายชราผู้นี้!ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นของนายน้อย ข้าอยากจะหลับนอนกับเจ้าเสียเหลือเกิน” ชายชราแสยะยิ้ม
“ต้วนหมิงต๋า จอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ!” ฉินหยีเย่วพูดอุทานออกมาอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกสิ้นหวัง จอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้ฮูหนิวจะแข็งแกร่ง แต่นางเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น
และตอนนี้ต้วนหมิงต๋ามาด้วยตัวเอง ซึ่งเขาเป็นถึงจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ แน่นอนว่าพลังต่อสู้ของเขาจะต้องห่างชั้นกว่าหยางอิงซือที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณมาก
มันจบแล้ว
ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นอยู่ในใจของพวกเขาอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสต้วน ยกเว้นผู้หญิงพวกนั้น ส่วนคนที่เหลือฆ่าให้หมด!” หูชิ่งฟางกล่าว
“ขอรับ นายน้อย” ต้วนหมิงต๋าจ้องมองพวกหลิงฮันและพูมพึมพัมว่า “ใครอยากตายเป็นคนแรก?”
พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นสนุกกับพวกเขาอยู่ แต่หัวใจของโฉวจื่อเฟยและคนอื่นสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาจ้องมองไปที่อีกฝ่ายและไม่อยากเป็นคนถูกฆ่าคนแรก
“ข้ากำลังถามพวกเจ้าอยู่ ใครอยากตายเป็นคนแรก?” ต้วนหมิงต๋าพูดออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง มันชอบที่จะเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นก่อนที่จะตาย
โฉวจื่อเฟยและคนอื่นมองหน้ากันไปมาและชี้นิ้วไปที่หลิงฮันขณะพูดว่า “เขา!”
“พวกเจ้าอย่าได้หลงกลเขา!” เหอหลันหยุนกรีดร้อง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่มีทางปล่อยพวกเราไปอยู่แล้ว พวกเราต้องสู้!”
“พวกเราจะสู้กับเขาได้ยังไง อย่างน้อยเขาอาจทำให้พวกเรารอด!” โฉวจื่อเฟยกรีดร้อง
หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “มีคำพูดที่กล่าวไว้ว่า ถ้าเจ้าไม่สู้จะต้องตาย! เดิมทีข้าไม่รังเกียจที่จะเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ถ้าไม่มีใครฆ่ามัน ข้าก็จะเป็นคนฆ่ามันเอง”
“อวดดี!”
“เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณแท้ๆ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ต้วนหมิงต๋าหัวเราะ มันรู้สึกชอบที่ได้เห็นพวกเขาแตกกลุ่มกันเอง
“ผู้อาวุโสต้วน รีบฆ่ามันได้แล้ว!” หูชิ่งฟางพูดเร่ง
ต้วนหมิงต๋าจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “ตั้งแต่ที่ทุกคนตัดสินใจให้ฆ่าเจ้าเป็นคนแรก ข้าก็จะทำตามความต้องการของทุกคนและฆ่าเจ้าก่อน!”
“ถ้าเจ้าทำได้ก็เข้ามา” หลิงฮันกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าบ้าไปแล้ว!’ ต้วนหมิงต๋าแสยะยิ้มและเหลือบมองไปที่ฮูหนิว “เด็กสาวตัวน้อยคนนั้นรึที่ฆ่าหยางอิงซือ?” ปฏิกิริยาแรกเมื่อมันได้ยินมันคิดว่าเป็นแค่เรื่องไร้สาระ แต่ตอนนี้หลังจากที่เห็นด้วยตาตัวเอง ทำให้มันรู้สึกเชื่อขึ้นมาเล็กน้อย
มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
“สาวน้อย ไหนลองแสดงพลังที่แท้จริงของเจ้าให้ข้าได้เห็นหน่อยว่าเจ้าทำอะไรได้บ้าง?” ต้วนหมิงต๋ากล่าว
ฮูหนิวเค้นเสียงและพูดว่า “หลิงฮันจะเป็นคนจัดการเจ้าเอง และหนิวจะไม่ยุ่ง!”
เมื่อต้วนหมิงต๋าได้ยินชื่อของหลิงฮัน มันไม่รู้สึกอะไร นั่นเป็นเพราะที่นี่คือภูมิภาคกลางที่กว้างใหญ่ไพศาล บางทีข่าวคร่าวอาจจะยังแพร่กระจายไปไม่ทั่ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่มนี่แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?”
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “แข็งแกร่งหรือไม่นั้นอีกไม่นานเจ้าจะได้รู้เอง”
“บ้า บ้าไปแล้ว ข้าล่ะชอบนักที่จะฆ่าคนอย่างเจ้า!” ต้วนหมิงต๋าหัวเราะและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
จอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก
แต่ว่าหลิงฮันไม่หวาดกลัว เขาเพียงแค่หัวเราะออกมาและพูดว่า “เจ้ากำลังข่มข้า?”
“ข้าไม่ได้ข่มเจ้า แต่มันเป็นแรงกดดันของจริง” ต้วนหมิงต๋าหัวเราะ มือขวาของมันกดทับไปที่หลิงฮันและพลังก่อเกิดอันไร้ที่สิ้นสุดก็พุ่งเข้าหาหลิงฮัน
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย?” ร่างของหลิงฮันหายไปในพริบตา พรึบ เขาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าอีกฝ่ายและปล่อยหมัดออกไป
เร็วมาก!
ทุกคนรู้สึกตกใจ มันรวดเร็วมากเกือบเท่ากับฮูหนิว
แม้ว่าต้วนหมิงต๋าจะไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของอูหนิวและให้ค่าอยู่เล็กน้อย แต่สำหรับหลิงฮันนั้น…นี่มันไม่น้อยเลย!
การโจมตีของหลิงฮันรวดเร็วเท่ากับสายฟ้า ซึ่งทำให้มันไม่สามารถป้องกันได้ มันมีเวลาแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่จะหันหน้าหลบ ปัง แก้มของมันถูกหมัดของหลิงฮันต่อย ทำให้โลหิตพุ่งไหลออกมาจากปากของมันทันที
มันถูกต่อยกระเด็นไปด้านหลัง และคิดที่จะล่าถอยไปตั้งหลัก แต่ทว่าหลิงฮันยังคงไล่ตามมาและอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น ซึ่งทำให้มันตัวสั่นเทาไม่หยุด
บัดซบ!
ตอนที่ 611
ต่อสู้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ
ต้วนหมิงต๋าล่าถอย หลิงฮันไล่ตามไม่ปล่อย ทำให้ทั้งสองคนดูเหมือนคู่รักที่ไม่อาจพลัดพรากจากกันได้
แต่ต้วนหมิงต๋าไม่มีความรู้สึกแบบนั้น มันรู้สึกแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น ความเร็วของรุ่นเยาว์ผู้นี้รวดเร็วมาก ราวกับเป็นเงาติดตัว แล้วมันจะไม่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวได้อย่างไร
ไม่มีทางที่ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ เขาจะต้องเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอย่างแน่นอน หรืออาจอยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผลผลิบานก็เป็นได้
แต่ปัญหาคือแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบานจริง เขาไม่ควรแข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งที่ตัวมันเป็นถึงจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ ที่สามารถสังหารจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้ด้วยนิ้วมือเดียว แต่ทว่ามันกลับถูกบังคับให้ล่าถอยฝ่ายเดียว
หลิงฮันไล่ตามไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือหมัดที่ทรงพลังของเขา
ตู้ม ตู้ม ตู้ม หลิงฮันกระหน่ำปล่อยหมัด บังคับให้ต้วนหมิงต๋าล่าถอยไม่หยุด และหลบอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ถูกการโจมตีของหลิงฮัน
นี่มัน!
ทุกคนตกตะลึง…หลิงฮันเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก!
หมัดของฮูหนิวสามารถจัดการจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นต้นได้ แต่หมัดของหลิงฮันนั้นทรงพลังยิ่งกว่า เขาสามารถกดดันจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณได้!
ในขณะที่หลิงฮันโจมตี ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน และพวกเขามีความคิดเหมือนกับต้วนหมิงต๋า จอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบานไม่ควรแข็งแกร่งขนาดนี้!
เมื่อพิจารณาในกรณีของฮูหนิวก่อนหน้านี้เข้าไปด้วย นี่คือความสามารถระดับสัตว์ประหลาดที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับพลังได้
มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง!
มีเพียงแค่ฉินหยีเย่วเท่านั้นที่ไม่ตกใจเท่าคนอื่น แต่นางยังคงจ้องมองหลิงฮันด้วยความประหลาดใจ ในทางตรงกันข้าม นางยังเรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะได้หรือไม่?
ไม่สิ นางยังเป็นอัจฉริยะ แต่ความสามารถของฮูหนิวและหลิงฮันนั้นเป็นสัตว์ประหลาดต่างหาก
“ย๊าก!” ต้วนหมิงต๋าตะโกน หมอกสีม่วงปรากฏออกมาและเข้าล้อมรอบหลิงฮัน
ในขณะนั้น หลิงฮันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าให้มันเข้ามาล้อมรอบ ร่างกายของเขากลายเป็นลำแสงแวบหายไป และปรากฏตัวห่างออกไปหลายเมตร แล้วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้าเด็กอวดดี ข้าจะฆ่าเจ้า!” ต้วนหมิงต๋าตะโกน ครั้งนี้มันนำผ้าผืนหนึ่งออกมา มันดูคล้ายเศษเสื้อผ้า แต่มันดูใหญ่กว่ามาก และถูกปักด้วยลวดลายของผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามสายลมและกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา และทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตระหนก
อาวุธวิญญาณ!
“ตาย!” ต้วนหมิงต๋าคำราม อาวุธวิญญาณที่คล้ายผ้าปล่อยลำแสงใส่หลิงฮัน และต้วนหมิงต๋าพุ่งเข้าหาหลิงฮันด้วยตัวเองพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ
หลิงฮันหัวเราะ ถ้าอีกฝ่ายเป็นราชันกระบี่น้อย เขาคงไม่มีทางปะมือด้วยได้ นั่นเป็นเพราะเขาสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ ซึ่งราชันกระบี่น้อยเองก็สามารถทำได้ ทำให้มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับพลัง
แต่ต้วนหมิงต๋านั้นแตกต่าง แม้ว่ามันจะเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่มีพลังต่อสู้ประมาณสิบดาวเท่านั้น มันดูไม่น่าหวาดกลัวเลย
หลิงฮันปลดปล่อยทักษะอสนีบาตเก้าทิวา และเขากลายเป็นสายฟ้าที่พุ่งเข้าหาต้วนหมิงต๋าพร้อมกับกำปั้นทั้งสองข้าง
“เจ้าเด็กเหลือขอ!” ต้วนหมิงต๋าปล่อยหมอกสีม่วงเข้าล้อมรอบหลิงฮันอีกครั้ง นี่เป็นทักษะลับของนิกายวายุจันทรา ในกรณีที่เป็นศัตรู มันอาจทำให้จิตใจของฝ่ายตรงข้ามสับสน แต่สำหรับผู้คนของนิกายวายุจันทรา มันคือยาชูกำลังที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
หลิงฮันปิดรูขุมขนทั้งร่างกายด้วยพลังก่อเกิด ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ถอยหนีอีกแล้ว และตอบโต้ด้วยการโจมตี
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ทั้งสองคนต่อสู้กัน
อาวุธวิญญาณที่มีลักษณะคล้ายผ้าของมันทรงพลังมากและปล่อยลำแสงใส่หลิงฮันไม่หยุด การโจมตีของมันเทียบได้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลาย เพื่อไม่ให้ประมาท หลิงฮันจึงเลือกหลบเพราะเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น
ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธวิญญาณ ทำให้ต้วนหมิงต๋าเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงเพราะหลิงฮันใช้แค่มือเปล่าเท่านั้น ถ้าเขาใช้อาวุธวิญญาณเหมือนกัน เขาจะเหนือกว่าอีกฝ่ายหรือไม่? นี่มันน่ากลัวไปแล้ว จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร?
ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งห้าคนรวมถึงโฉวจื่อเฟยกลายเป็นซีดขาว ถ้านิกายวายุจันทราเป็นฝ่ายชนะพวกเขาอาจถูกฆ่า แต่ถ้าหลิงฮันเป็นฝ่ายชนะทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเลือกหลิงฮันให้ถูกฆ่าเป็นคนแรก แล้วหลิงฮันจะปล่อยพวกเขาไปหรือไม่?
ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา พวกเขาก็จะต้องตายอยู่ดี?
พวกเขาทุกคนเริ่มเดินถอยหลังและต้องการหลบหนี ส่วนสำนักสวรรค์…ปีหน้าค่อยเข้าร่วมก็ได้
“หึหึ พวกเจ้าคิดจะไปไหน?” ฮูหนิวเอามือเท้าเอวและแสดงสีหน้าดุร้าย
ส่วนชางเย่ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร
แค่ชางเย่เพียงคนเดียว แม้พวกเขาจะร่วมมือกันมันก็ยากแล้ว แต่นี่กลับมีฮูหนิวด้วย พวกเขาจึงทำได้แค่หยุด โฉวจื่อเฟยยิ้มออกมาและพูดว่า “ชางเย่ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ชางเย่พูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่มีใครอนุญาตให้จากไปจนกว่านายน้อยฮันจะอนุญาต!”
นายน้อยฮัน? หรือว่าเขาจะหมายถึงหลิงหยุน?
โฉวจื่อเฟยและคนอื่นรู้แค่ว่าหลิงหยุนไม่ใช่ชื่อจริงของหลิงฮัน แต่พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินชางเย่เรียกว่านายน้อยฮัน ตกลงเขาชื่อหลิงฮันหรือหลิงหยุนกันแน่?
“ชางเย่ นี่เจ้าคิดจะทรยศพวกเรางั้นรึ?” โฉวจื่อเฟยตะโกนถามออกมาทันที “ข้าอุตส่ายอมรับเจ้าเข้ามาเป็นพวก และนี่คือสิ่งที่เจ้าตอบแทนพวกเรางั้นรึ?”
“เจ้ามันวายร้าย!” เจิงเจี้ยนเซินเองก็ตะโกนด่าออกมาเช่นกัน
ชางเย่แสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นวายร้ายแล้วพวกเจ้าจะทำไม?”
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ!” อยี่หยวนหมิงรีบพูดออกมา เขาเชื่อว่าชางเย่จะเกลี้ยกล่อมฮูหนิวให้
“กลุ่มคนที่คิดจะหลบหนีเอาตัวรอดเพราะเกรงกลัวต่อความตาย ข้าละอายใจยิ่งนักที่อยู่กับพวกเจ้า!” ชางเย่กล่าวอย่างเย็นชา และจิตสังหารของเขารุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ชางเย่ อย่าได้ลืมว่าพวกเราทุกคนเป็นสหายกัน” เหอหลันหยุนกล่าว
“ใช่แล้ว!” โฉวจื่อเฟยพยักหน้า ทันใดนั้น มันกระโจนเข้าหาเหอหลันหยุนและวางดาบอยู่บนลำคอของนาง “ปล่อยพวกข้าไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นนางจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
ตอนที่ 612
ไร้ยางอาย
การกระทำดังกล่าวไม่ใช่แค่ชางเย่เท่านั้นที่คาดไม่ถึง แม้แต่เหอหลันหยุนเองก็คาดไม่ถึง
นางเปิดปากพูดออกมาเพื่อเกลี้ยกล่อม แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกจับมาเป็นตัวประกัน
“ชางเย่ เหอหลันหยุนนั้นชื่นชอบเจ้ามาก แล้วเจ้าจะปล่อยให้นางตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?” มือขวาของโฉวจื่อเฟยจับดาบแน่นขึ้นและคมดาบกดทับไปที่ผิวของนาง ทำให้มีโลหิตหลั่งไหลออกมาและเหอหลันหยุนก็กรีดร้อง นางทั้งรู้สึกโกรธและเสียใจ
ชางเย่จ้องมองไปที่เจิงเจี้ยนเซินและคนที่เหลือแล้วพูดว่า “พวกเจ้าอยู่ฝ่ายเขาหรือเปล่า?”
เจิงเจี้ยนเซินและคนอื่นไม่ตอบคำถาม แต่เดินไปอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของโฉวจื่อเฟย เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ปล่อยโอกาสให้ชางเย่เข้ามาช่วยเหลือเหอหลันหยุนและแสดงคำตอบของพวกเขาด้วยการกระทำ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หูชิ่งฟางหัวเราะลั่น เรื่องที่เกิดขึ้นมันกลับตาลปัดไปหมด แม้แต่มันก็ไม่คาดคิด
ศัตรูของศัตรูคือมิตร
มันพูดว่า “พวกเจ้าจะเข้ามานั่งในรถม้านี่ก็ได้ และมันจะปกป้องพวกเจ้า”
โฉวจื่อเฟยและคนอื่นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและตะโกนว่า “อย่าขวางทางข้า ปล่อยให้พวกเราผ่านไป”
ชางเย่จ้องมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของเหอหลันหยุน มือของเขาสั่นไปมาเล็กน้อย
“เจ้ายังจะยืนขวางทางพวกข้าอยู่ทำไม? หรือเจ้าจะให้ข้าเปลืองผ้านางก่อนถึงจะหลบ?” โฉวจื่อเฟยตะโกน
แววตาของหูชิ่งฟางสดใสขึ้นมาทันทีและพูดว่า “เป็นความคิดที่ดี แต่ข้าต้องได้เห็นก่อนเป็นคนแรก!” มันเป็นคนของนิกายวายุจันทรา จึงไม่อายที่จะพูดแบบนั้นออกมาในที่สาธารณะ และทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
“เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์!” เหอหลันหยุนกรีดร้อง ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงและเลือกที่จะตายมากกว่าถูกทำให้อับอายต่อหน้าคนที่นางรัก
“ชั่วช้า!” ฉินหยีเย่วกรีดร้อง นางรู้อยู่แล้วว่าโฉวจื่อเฟยเป็นคนที่ไร้ยางอาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นคนที่ไร้ยางอายขนาดนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าอยากช่วงนาง ทำไมไม่สลับตัวกับนางล่ะ!” โฉวจื่อเฟยจ้องมองไปที่หน้าอกของฉินหยีเย่ว นางดูดีกว่าเหอหลันหยุนเป็นสิบเท่าในแง่ของขนาดหรือรูปทรง ซึ่งมันทำได้แค่ฝันเพราะความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม
แต่ตอนนี้มันมีไพ่เหนือกว่า ภายใต้อารมณ์ที่รุนแรงผู้คนมักจะทำให้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ชั่วช้า! ไร้ยางอาย!” ทั้งฉินหยีเย่วและจูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกโกรธ ส่วนเหอหลันหยุนเต็มใจที่จะตายเพื่อเป็นอิสระมากกว่าถูกทำให้อับอาย
ฮูหนิวหาวและพูดว่า”พวกเจ้าจะจบปัญหาได้ยัง หรือจะให้หนิวหนิวยื่นมือเข้าช่วย”
“โปรดช่วยข้าด้วย!” ชางเย่คำนับฮูหนิว เขาไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใครมาก่อน แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือ
“อย่าเข้ามาใกล้!” โฉวจื่อเฟยพูดข่มขู่ ฮูหนิวเป็นคนที่น่าหวาดกลัว นางสามารถฆ่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ด้วยหมัด ทำให้มันรู้สึกหวาดระแวงมาก
“เจ้าพูดว่าอย่าเข้ามาใกล้อย่าเข้ามาใกล้ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าเป็นหลิงฮันอย่างนั้นหรือ?” ฮูหนิวตะโกนและดูไม่พอใจมาก นางไม่รีรอให้โฉวจื่อเฟยเปิดปากพูด และกลายเป็นสายฟ้ากระโจนเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
โฉวจื่อเฟยกัดฟันและพูดว่า “ข้าเตือนเจ้าแล้วอย่าเข้ามาใกล้ ข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!” มือข้างขวาของมันกำลังจะลงมือฆ่าเหอหลันหยุน
ตู้ม โฉวจื่อเฟยรู้สึกว่ามือของมันเบาลงเล็กน้อย และทันใดนั้นมันพบว่าดาบของมันถูกฮูหนิวกัด!
บ้าน่า ดาบของมันถูกสร้างขึ้นมาจากแร่เหล็กระดับหก แม้จะยังไม่ใช่อาวุธวิญญาณ แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดี
ปีศาจตัวน้อย!
“ฮิฮิ!” ฮูหนิวเงยหน้าขึ้น ปัง หมัดของนางต่อยไปที่เบ้าตาซ้ายของโฉวจื่อเฟย
“อ๊าก!” โฉวจื่อเฟยกรีดร้องและถอยไปด้านหลัง มันปล่อยเหอหลันหยุนและใช้มือกุมดวงตา มันรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เมื่อเหอหลันหยุนถูกปล่อยเป็นอิสระ นางนำดาบออกมาจากแหวนมิติทันที และแทงไปที่หน้าอกของโฉวจื่อเฟยจนทะลุหัวใจ
แขนขาของโฉวจื่อเฟยกระตุกไปมาอยู่สักพักก่อนที่จะหยุดแน่นิ่งไป
“ฮึ่ม!” เหอหลันหยุนถ่มน้ำลายใส่ร่างโฉวจื่อเฟย ราวกับว่านางยังคงเกลียดชังมัน แม้อีกฝ่ายจะตายไปแล้วก็ตาม
“โอ้ว ตอนแรกหนิวว่าจะปล่อยให้หลิงฮันเป็นคนจัดการ แต่เขากลับถูกฆ่าไปแล้ว” ฮูหนิวถอนหายใจ แต่นางก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง “หนิวลืมไปเลยว่าหลิงฮันไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้”
เจิงเจี้ยนเซินและคนที่เหลือรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่พวกมันก็มีส่วนเกี่ยวข้อง และตอนนี้พวกมันไม่มีตัวประกันอยู่ในมือ แล้วพวกมันจะมีประโยชน์อะไร?
“พวกเจ้าจะฆ่าตัวตาย หรือจะให้หนิวเป็นคนลงมือให้?” ฮูหนิวยืนกอดอกและจ้องมองทั้งสี่คนอย่างเย็นชา
เจิงเจี้ยนเซินและคนที่เหลือสูญเสียจิตวิญญาณที่จะต่อสู้ไปจนหมด ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะรับมือด้วยได้ พวกมันตะโกนออกมาว่า “นายน้อยหู โปรดช่วยพวกเราด้วย! ได้โปรด!”
ฉินหยีเย่ว ชางเย่ และคนอื่นรู้สึกตกตะลึง พวกมันสี่คนเป็นคนที่ไร้ยางอายมากถึงขั้นกล้าร้องขอความช่วยเหลือจากหูชิ่งฟางเลยหรือนี่
เมื่อได้ยินแบบนั้นช่วยไม่ได้ที่หูชิ่งฟางจะหัวเราะออกมาและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นเรื่องที่ตลกจริงๆ! แต่ว่า เนื่องจากพวกเจ้าไม่มีตัวประกันอยู่ในมือแล้ว พวกเจ้าจะมีประโยชน์อะไรสำหรับข้า?”
เจิงเจี้ยนเซินและคนที่เหลือรู้สึกสิ้นหวัง พวกมันจ้องมองไปที่เหอหลันหยุนและหวังว่าอีกฝ่ายจะกลับมาพูดคุยกับพวกมันอีกครั้ง
ใบหน้าของเหอหลันหยุนแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา พวกมันยังคิดจะใช้ประโยชน์จากนางอยู่อีก? นางหันหน้าหนีและเลิกมองพวกมัน
“คนแบบนั้นปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการเอง มือของเจ้าไม่ควรสกปรกเพราะพวกมัน!” ชางเย่กระโจนออกไปพร้อมกับกระบี่ที่อยู่ในมือ และจิตสังหารที่รุนแรง
เดิมทีความแข็งแกร่งของเจิงเจี้ยนเซินนั้นด้อยกว่าชางเย่อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามันสูญเสียจิตวิญญาณต่อสู้ไปจนหมด และเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้นพวกมันทั้งสี่คนก็ถูกฉางเย่ฆ่าตาย
“ฮือ!” ในที่สุดเหอหลันหยุนก็ร้องไห้ออกมาและเข้าไปในอ้อมแขนของชางเย่
ชางเย่รู้สึกตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เก็บกระบี่เข้าไปในแหวนมิติและตบไหล่ของเหอหลันหยุนเบาๆราวกับเกลี้ยกล่อมเด็ก
“ปัญญาอ่อน!”
“โง่เง่า!”
ทั้งฉินหยีเย่วและจูเสวี่ยนเอ๋อต่างแสดงความคิดเห็นออกมา
ในอีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างหลิงฮันและต้วนหม่าต๋าก็มาถึงจุดจบ เมื่อหลิงฮันนำดาบกำเนิดมารออกมา ในขณะที่เขากวัดแกว่งดาบ ปราณดาบยี่สิบเก้าเล่มก็ทะลวงผ่านการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
แล้วต้วนหมิงต๋าจะรับมือหลิงฮันที่ใช้ดาบกำเนิดมารได้อย่างไร?
“ปราณดาบยี่…ยี่สิบเก้าเล่ม!” ดวงตาอันงดงามของฉินหยีเย่วเปล่งประกาย
จูเสวี่ยนเอ๋อไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน!
ใบหน้าของหูชิ่งฟางกลายเป็นซีดขาว แม้มันจะพาจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณมาด้วย แต่ก็ยังคงจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปหลบซ่อนในรถม้าและตะโกนใส่สาวงามทั้งสี่คนให้รีบขับออกไป ส่วนต้วนหมิงต๋านั้นมันไม่สนใจแม้แต่น้อย ชีวิตของมันคือสิ่งสำคัญที่สุด
ตุบ หัวคนลอยตกลงมาอยู่ด้านหน้ารถม้า มันเป็นหัวของใครไม่ได้นอกจากหัวของต้วนหม่าต๋า
“เจ้าคิดจะหนีไปไหน?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ตอนที่ 613
ฆ่าหูชิ่งฟาง
มันหนีไปแล้วสองครั้ง แต่คิดที่จะหนีอีกครั้ง?
หูชิ่งฟางหลบหนีไปได้สองครั้ง และถ้ามันหลบหนีไปได้อีกครั้งไม่ใช่ว่าครั้งหน้ามันจะพาจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามาด้วยหรอกหรือ?
หลิงฮันไม่อยากจะเสียเวลากับมันอีกต่อไปแล้ว เขายืนขวางรถม้าพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ
“หล่อเหลา!” ฉินหยีเย่วกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม หลิงฮันอายุใกล้เคียงกับนาง ระดับพลังไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ความแข็งแกร่งของเขากับนางนั้นแตกต่างกันมาก และสามารถเอาชนะใจนางได้
แน่นอนว่าตอนนี้นางเพียงแค่เคารพนับถือหลิงฮันเท่านั้น มันไม่เหมือนกับการตกหลุมรัก
“ผู้หญิงอัปลักษณ์อีกคนหลงหลิงฮันอีกแล้ว หรือว่านางอยากตาย?” ฮูหนิวเท้าคางด้วยท่าทางครุ่นคิด
หลิงฮันควบแน่นปราณดาบเป็นกึ่งรัศมีดาบและพร้อมที่จะโจมตีออกไปทุกเมื่อ
“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ แต่ข้าคือนายน้อยแห่งนิกายวายุจันทรา เจ้าแน่ใจแล้วหรือที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้า?” หูชิ่งฟางข่มขู่หลิงฮันด้วยภูมิหลังของมันแสดงให้เห็นว่ามันหมดหนทางแล้ว
หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “นิกายวายุจันทรางั้นรึ ข้าก็แค่ต้องถอนรากถอนโคนให้หมดก็พอ”
“ปากดี!” หูชิ่งฟางกรีดร้อง แม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมาก แต่เป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ ขณะที่นิกายวายุจันทรามีจอมยุทธระดับสวรรค์ปกป้องอยู่และมีมากกว่าหนึ่งคน!
แค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงจอมยุทธระดับสวรรค์เลย
“ก่อนอื่นข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรก!” หลิงฮันรวบรวมพลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเขากวัดแกว่งดาบ ปราณดาบยี่สิบเก้าเล่มที่ถูกควบแน่นกลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งเข้าหารถม้า
รถม้าเปิดม่านพลังและป้องกันโจมตีของหลิงฮัน อย่างไรก็ตาม มันสามารถป้องกันได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น แคร๊ก ม่านพลังถูกทำลายด้วยปราณดาบของหลิงฮัน และยังคงพุ่งเข้าหารถม้าไม่หยุด จนกระทั่งผ่ารถม้าออกเป็นสองส่วน
น่ากลัว!
ในเรื่องพลังป้องกัน รถม้านั้นสามารถสร้างม่านพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ และขับเคลื่อนด้วยผลึกก่อเกิด ตราบใดที่ผลึกก่อเกิดยังไม่หมด ม่านพลังนั้นจะยังคงอยู่และฟื้นฟูตัวเองได้ทันที
แต่ทว่ามันกลับถูกดาบของหลิงฮันทำลาย และไม่สามารถฟื้นฟูได้ทัน เช่นนั้นการโจมตีของหลิงฮันทรงพลังขนาดไหนกัน?
ในรถม้า หูชิ่งฟางกระโดดออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว ชายผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป ทั้งที่มันนั่งอยู่ในรถม้าโบราณของนิกายวายุจันทรา ในทางทฤษฎีแล้วไม่มีทางที่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสามารถทำลายได้
ในภูมิภาคกลาง จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาถือว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับนิกายวายุจันทรา ดังนั้นหูชิ่งฟางจึงออกอาละวาดไปทั่วตั้งแต่ที่มันครอบครองรถม้าโบราณ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มันได้เตะแผ่นเหล็กสองครั้งติดต่อกัน
ฮูหนิวสามารถกัดม่านพลังของรถม้าได้ แต่หลิงฮันนั้นทรงพลังยิ่งกว่า ดาบของเขาสามารถผ่ารถม้าออกเป็นสองส่วน
“เจ้า…อย่าเข้ามาใกล้!” หูชิ่งฟางสูญเสียไพ่ทั้งหมด และตอนนี้มันสูญเสียความสุขุมไปจนหมดสิ้น
“แม้เจ้าจะตะโกนจนเจ็บคอ มันก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเจ้าหรอก” หลิงฮันพูดเบาๆ
“ข้ายอมแพ้แล้ว!” หูชิ่งฟางผลักสาวงามสี่คนไปหาหลิงฮัน ส่วนตัวมันหันหลังกลับและวิ่งหนี
“ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรขนาดนี้!” ร่างของหลิงฮันหายไป เขากลายเป็นสายฟ้าไล่ล่าหูชิ่งฟางและลงดาบ ฉึก หัวของอีกฝ่ายลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับโลหิตที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า
“นายน้อย!” สาวงามทั้งสี่คนอุทานออกมาพร้อมกันด้วยใบหน้าซีดขาว
“คนชั่วย่อมจับกลุ่มรวมตัวกัน!” หลิงฮันหันหลังกลับและลงมือฆ่าสาวงามทั้งสี่คนทันที
“อ่า เจ้าทำมันลงไปแล้ว?’ ฉินหยีเย่วจ้องมองไปที่ร่างของหูชิ่งฟางแล้วถอนหายใจ “แม้ประมุขนิกายวายุจันทรามีภรรยาหลายคน แต่บุตรของมันไม่ได้เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง ถ้าเจ้าฆ่าเขาได้ มันถึงจะเป็นจุดจบของนิกายวายุจันทรา”
หลิงฮันมองไปที่นางและพูดว่า “คงถึงเวลาข้าแล้วสินะที่จะฆ่าเจ้า?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!” ฉินหยีเย่วรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “อย่าฆ่าข้าเลย”
หลิงฮันส่ายหัวเลิกสนใจนางและเดินไปเก็บแหวนมิติของหูชิ่งฟางและต้วนหม่าต๋าที่หลงเหลืออยู่ เมื่อมองเข้าไปในแหวนแวบแรก พวกมันทั้งสองคนเป็นคนที่มั่งคั่งมาก โดยเฉพาะหูชิ่งฟางที่มีแร่เหล็กระดับเจ็ดที่เขาสามารถนำไปสร้างอาวุธวิญญาณได้
“จริงสิ ตอนนี้ข้าเหลือลูกศรเพียงแค่หกดอก ถึงแม้ว่าแร่เหล็กนี่จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาที่จะสร้างลูกศรห้าดอก”
หลิงฮันเดินกลับมาและพูดว่า “แล้วพวกเจ้าสองคนจะเอายังไงต่อ?” เขาพูดถึงฉินหยีเย่วและเหอหลันหยุน
“ในเมื่อเจ้าต้องการไปที่สำนักสวรรค์ และข้าเองก็ต้องการไปที่นั่นอยู่แล้ว แน่นอนว่าข้าจะไปกับเจ้า!” ฉินหยีเย่วพูดออกมาทันที
เหอหลันหยุนหันไปมองชางเย่และพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
สีหน้าของชางเย่เขินอายเล็กน้อย แต่แววตาเปล่งประกายออกมาด้วยความอ่อนโยน ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองคนเปิดใจให้ซึ่งกันและกัน
หลิงฮันหัวเราะเสียงดังและนำเม็ดยาจำนวนมากออกมาจากหอคอยทมิฬเพื่อมอบให้กับเหอหลันหยุน “มานี่ นี่คือของขวัญจากข้า”
ใบหน้าของเหอหลันหยุนกลายเป็นสีแดงทันที แต่นางยังคงยื่นมือออกไปเพื่อรับเม็ดยา และแอบชำเลืองมองชางเย่อย่างลับๆ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความอ่อนหวานและรู้สึกอับอายมากจนอยากเป็นก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
เมื่อฉินหยีเย่วเห็น นางก็ยื่นมือของตัวเองออกไปและพูดว่า “มีของข้าไหม?”
ผู้หญิงคนนี้หน้าด้านมาก!
หลิงฮันเค้นเสียงและพูดว่า “ไม่มี!”
“ขี้งก!” ฉินหยีเย่วพูดพึมพัม
หลิงฮันไม่ได้สนใจนางและพูดว่า “ออกเดินทางกันได้แล้ว”
ทุกคนพยักหน้า ไม่ว่ายังไงก็ตามที่นี่ก็ยังคงเป็นป่า ซึ่งอาจพวกเขาอาจเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งได้ทุกเมื่อ
ในเมื่อไม่มีภัยคุกคามจากหูชิ่งฟางแล้ว พวกเขาจึงกลับไปเดินบนถนน นั่นเป็นเพราะภูมิประเทศในภูเขานั้นซับซ้อน ซึ่งมีผลต่อความเร็วในการเดินทาง
“พี่ชายหลิง ท่านสนใจไปสถานที่แห่งหนึ่งหรือไม่?” ฉินหยีเย่วถาม
“ไม่!” หลิงฮันปฏิเสธทันที
“ท่านยังไม่ฟังที่ข้าพูดเลยว่ามันคือที่ไหน!” ฉินหยีเย่วรู้สึกเศร้าใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางสงสัยในเสน่ห์ของตัวเอง ทำไมหลิงฮันถึงปฏิเสธนางได้ง่ายดายขนาดนี้
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันคงไม่ใช่สถานที่ที่ข้าสนใจ” หลิงฮันกล่าว
“แต่ที่แห่งนั่นคือหุบเขาโอสถเชียวนะ!” ฉินหยีเย่วกล่าว
หลิงฮันรู้สึกตกใจ หุบเขาโอสถ? สำหรับเขาที่เป็นจักรพรรดิเม็ดยา หุบเขาโอสถถือว่าน่าดึงดูดมาก และเขาสามารถเพิ่มจำนวนเม็ดยาในมือของเขาได้ ในขณะเดียวกันระดับพลังของเขากำลังจะสูงขึ้นเรื่อยๆและเขาต้องการสมุนไพรระดับสูงมากยิ่งขึ้น
หลิงฮันถามว่า “สมุนไพรที่อยู่ในหุบเขาโอสถมันอยู่ระดับไหนกัน?”
ตอนที่ 614
เย่หรง
ถ้าในหุบเขาโอสถมีแค่สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานและระดับก้าวเข้าสู่เทวา หลิงฮันคงไม่สนใจเพราะเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานมานานแล้ว และบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว
“ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก มันมีสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณที่ปากทางเข้า ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าเข้าไปลึกมาก แต่ที่ปากทางเข้าข้าพบต้นสมุนไพร” ฉินหยีเย่วกล่าว “และเป็นเพราะหุบเขาโอสถ ข้าจึงพบกับหูชิ่งฟาง”
“อย่างงี้นี่เอง…” หลิงฮันพูดพึมพัม ตรงปากทางเข้าหุบเขาน่าจะเป็นสมุนไพรระดับเจ็ด บางทีอาจมีสมุนไพรระดับสูงกว่านั้นในหุบเขา
แม้จะเป็นแค่สมุนไพรระดับเจ็ด แต่มันก็ค่อนข้างมีประโยชน์ทีเดียว
“พี่ชายหลิง ท่านสนใจแล้วงั้นหรือ?” ฉินหยีเย่วยิ้ม
“เช่นนั้นตามข้ามา!” ฉินหยีเย่วไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ และนำทางทันที ในขณะเดียวกันก็พูดถึงการค้นหุบเขาโอสถของนาง
เนื่องจากสำนักสวรรค์จะเปิดอย่างเป็นทางการในอีกครึ่งปี นางจึงไม่รีบและเดินทางอยู่แถวนี้เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง และนางก็พบกับโชคลาภหลังจากที่ตามกระต่ายขาวตัวใหญ่ทำให้นางพบกับหุบเขาโอสถ แต่ทว่ามันมีสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณอยู่ ซึ่งทำให้นางหวาดกลัว จึงต้องการหาคนเข้ามาร่วมทาง อย่างไรก็ตาม มันทำให้นางพบบังเอิญพบกับหูชิ่งฟาง และถูกอีกฝ่ายไล่ตามมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน
ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ไม่ไกลจากหุบเขาโอสถ
ฉินหยีเย่วนำทางพวกเขาตรงไปที่นั่น ดังนั้นพวกเขาจะไปถึงที่นั่นภายในห้าวัน
หลังจากเดินทางทั้งวัน พวกเขาได้มาถึงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งและหยุดพักที่นี่หนึ่งคืน
“แม่นางฉิน! แม่นางฉิน!” ในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นขณะที่พวกเขากำลังจะออกเดินทางต่อ พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งมาหา เมื่อดูจากรูปลักษณ์ของเขาแล้วเขาน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดปี และเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน เขาค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว
“เย่หรง!” ฉินหยีเย่วเผยสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ข้าได้ยินมาว่าแม่นางฉินถูกคนชั่วหูชิ่งฟางไล่ตาม ข้าจึงมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที โชคดี โชคดีจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าจะมาทันเวลา” เขาดูโล่งใจและดวงตาเผยให้เห็นถึงความรักที่มีต่อฉินหยีเย่ว
ฉินหยีเย่วไม่รู้สึกอะไรและพูดว่า “เขาคือศิษย์ของนิกายดาวเหินฟ้าศิษย์รักของประมุขนิกาย ชื่อของเขาคือเย่หรง ความสามารถในด้านวรยุทธของเขานั้นสูงส่งมากและมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์”
เมื่อได้ยินฉินหยีเย่วพูดแบบนั้น เย่หรงแสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมาทันที
การมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์แสดงได้แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม และอัจฉริยะดังกล่าวเป็นธรรมดาที่จะเย่อหยิ่ง ซึ่งมันรู้สึกรังเกียจหลิงฮันมาก
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “ที่แท้เป็นพี่ชายเย่หรงนี่เอง”
เมื่อเห็นหลิงฮันทักทายอีกฝ่าย ชางเย่ จูเสวี่ยนเอ๋อ เหอหลันหยุนเองก็พูดทักทายเขาเช่นกัน ยกเว้นฮูหนิวที่ไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
เย่หรงเพิกเฉยคำทักทายของทุกคนเพราะคิดว่าตัวเองสูงส่ง และจ้องมองฉินหยีเย่วเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วพูดว่า “แม่นางฉิน ข้าจะพาเจ้าไปที่สำนักสวรรค์เอง”
ฉินหยีเย่วไม่พอใจและพูดว่า “พี่ชายเย่ ท่านคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”
“ไม่ใช่ ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า!” เย่หรงไม่ได้คิดแบบนั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนอื่น มันคงจะรู้สึกโกรธเกรี้ยวและลงมือสังหารอีกฝ่ายไปแล้ว
ฉินหยีเย่วมองหลิงฮัน เพราะพวกเขากำลังจะเดินทางไปที่หุบเขาโอสถ และถ้ามีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน นั่นหมายความว่าจะมีตัวหารเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้าพี่ชายเย่หรงจริงใจขนาดนั้น เช่นนั้นพวกเราก็ไปเดินทางไปด้วยกันเลย”
ช่วยไม่ได้ที่เย่หรงจะหันไปมองหลิงฮัน เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังไล่ตามฉินหยีเย่วแต่ก็ยังช่วยเขาพูด บางทีมันอาจใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายภาพหลังได้ ดังนั้นมันจึงพูดออกมาว่า “เจ้าเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์อย่างนั้นรึ?”
เมื่อเห็นหลิงฮันพยักหน้า เย่หรงจึงยิ้มออกมาและพูดว่า “ข้าเป็นศิษย์สายตรงและมีสิทธิพิเศษบางอย่าง ในเมื่อเจ้าต้องการเข้าร่วมสำนักสวรรค์ ข้าสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือพวกเจ้าได้เล็กน้อย”
“ยอดเยี่ยมเลย ขอบคุณพี่ชายเย่มาก” หลิงฮันกล่าว แม้จริงๆแล้วเขาจะไม่สนใจก็ตาม
จูเสวี่ยนเอ๋อ ฉินหยีเย่วใช้มือปิดปากของพวกนางเพื่อกั้นเสียงหัวเราะ ถ้าเขาเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลิงฮัน อีกฝ่ายจะต้องรู้สึกละอายใจอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งเจ็ดคนร่วมเย่หรงเข้าไปด้วยก็ออกเดินทางต่อ
เย่หรงเป็นคนที่ค่อนข้างมีภูมิฐานทีเดียว นิกายดาราเหินฟ้าไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายวายุจันทรา แต่ไม่อาจเทียบเคียงกับนิกายโบราณอย่างสำนักกระบี่ไร้เทียมทานและนิกายดาบสวรรค์ ซึ่งเย่หรงเป็นศิษย์คนที่เจ็ดของประมุขนิกาย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสามศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์
เขาอายุแค่สิบเก้าปี แต่ดูเหมือนคนอายุยี่สิบเจ็ดปี มันเป็นเพราะเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้รวดเร็ว ทำให้ใบหน้าเยาว์วัย
ตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน และมีพลังต่อสู้สิบหกดาว มันยอดเยี่ยมมาก!
ตลอดการเดินทาง เย่หรงเอาแต่พูดจาโอ้อวดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ทุกคนก็ไม่ได้ขัดใจเขา ทำให้เขาพูดไม่หยุด
สี่วันต่อมาหลังจากที่เดินทางผ่านมาหลายเมือง ในที่สุดพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากหุบเขาโอสถและต้องการมุ่งหน้าไปให้ถึงที่หมายโดยไม่หยุดพัก แต่ทว่าหลิงฮันกับหยุดเดินอย่างกะทันหัน
“มีอะไรงั้นหรือ?” จูเสวี่ยนเอ๋อถาม
เย่หรงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมันเห็นแก่หน้าของฉินหยีเย่ว มันคงไม่ติดตามหลิงฮันมาถึงบัดนี้ และตอนนี้ได้เวลาเหมาะเจาะพอดีเลย หลิงฮันกล้าที่จะถ่วงแข้งถ่วงขามันงั้นหรือ?
“ตอนนี้ยังไม่มืดเลย ทำไมหมู่บ้านข้างหน้าถึงไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว?” หลิงฮันถาม
“ฮึ่ม พวกเขาอาจเข้านอนหมดแล้วก็ได้!” เย่หรงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านสามัญชน ถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้น ทำไมพวกเราจะต้องสนใจด้วย?”
หลิงฮันเมินคำพูดของเย่หรงและมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน
เย่หรงโกรธจนตัวสั่นที่อีกฝ่ายกล้าเมินคำพูดของมัน มันจึงพูดว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย พวกเรา–” เย่หรงยังพูดไม่ทันจบ มันก็เห็นคนอื่นเดินตามหลิงฮันไปและเกือบทำให้มันเป็นลม
ตอนที่ 615
หลิงฮันเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
มันดูเหมือนเป็นสุสานที่เงียบงัน และไม่มีเสียงแม้แต่เสียงเดียว
“มันเงียบเกินไป!” ฉินหยียเย่วกล่าวขณะจ้องมองแสงจันทร์ มันราวกับว่าจะมีสัตว์อสูรกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อ
“ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจหรือเสียงหัวใจเต้น!” จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกหวาดกลัว
สำหรับจอมยุทธแล้ว พวกเขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นได้ไกลถึงร้อยฟุต แม้จะมีกำแพงกั้นสองสามชั้นก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ทว่าที่นี่แม้แต่เสียงเห่าหอนของสุนัข เสียงไก่ และแม้กระทั่งเสียงเป็ดยังไม่มีให้ได้ยิน
ราวกับว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี แต่มันดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่
“แปลกมาก!”
เย่หรงเองก็เดินเข้ามาในหมู่บ้านเช่นกัน มันแสยะยิ้มและพูดว่า “แค่หมู่บ้านสมัญชน พวกเจ้าจะเอะอะอะไรกัน?”
ไม่มีใครสนใจเขาแม้แต่คนเดียว ในทางตรงกันข้าม มันทำให้ทุกคนเกิดความอยากรู้อยากเห็น
หลิงฮันผลักประตูบ้านหลังหนึ่งและเดินเข้าไป ด้านในเต็มไปด้วยเครื่องเรือน แม้แต่โต๊ะยังเต็มไปด้วยอาหาร และแน่นอนว่าอาหารพวกนั้นเย็นหมดแล้ว แต่กลิ่นของพวกมันยังไม่หายไปและยังไม่เสีย
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและผู้คนทั้งหมู่บ้านตายหมดแล้ว แม้กระทั่งปศุสัตว์!
ในขณะที่กำลังตรวจค้นบ้าน หลิงฮันเดินเข้าไปตรวจดูห้องอื่นและเห็นร่องรอยของการต่อสู้ และมีโลหิตอยู่บนพื้นและบนผนังกำแพง
“มันน่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่การต่อสู้ใหญ่โตอะไร น่าจะเป็นแค่การทะเลาะวิวาทเท่านั้น” ฉินหยีเย่วสันนิษฐาน
“แล้วทำไมผู้คนทั้งหมู่บ้านถึงตาย แม้กระทั่งปศุสัตว์กันล่ะ?”
มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ถ้าคนสองคนทะเลาะวิวาทกันจริง มันไม่มีทางทำให้คนทั้งหมู่บ้านต้องตกตาย
หลิงฮันเดินสำรวจห้องด้านใน และทันใดนั้นเขาก็เห็นรอยเท้า
ตู้ม เงาดำกระโจนผ่านหลิงฮันอย่างกะทันหัน มันอ้าปากเผยให้เห็นฟันสีขาวและต้องการที่จะกัดเย่หรง
“หึ่ม เจ้ากล้าโจมตีข้างั้นรึ?” เย่หรงกล่าวออกมาด้วยความเหยียดยาม เขาโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือข้างขวา ทำให้ร่างของอีกฝ่ายกระเด็นออกไปและปรากฏรอยเลือดที่หน้าพาก
“หืม!” หลิงฮันรู้สึกตกใจ มือขวาของเขาสั่นเล็กน้อยและพลังก่อเกิดได้แปรผันกลายเป็นเปลวเพลิง ทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นมาทันที และคนที่มีโลหิตบนหน้าผาก แต่มันกลับไม่มีโลหิตไหลออกมาและเป็นแค่รูกลวงเท่านั้น
“เจ้ายังติดใจอะไรอยู่อีก?” เย่หรงไม่พอใจ แทนที่จะไปหุบเขาโอสถ ทำไมต้องมาเสียเวลาที่นี่ด้วย?
“พวกมันเป็นทหารซากศพ!” หลิงฮันขมวดคิ้ว คนคนนี้ตายไปนานแล้ว ดังนั้นเลือดของเขาจึงแข็งตัว และถ้าศพไร้ซึ่งวิญญาณ มันจะหลงเหลือเพียงแค่สัญชาตญาณดั้งเดิมเท่านั้น
ฆ่าและกลืนกินเลือดเนื้อสิ่งมีชีวิตอื่น
ทหารซากศพพวกนี้แอบซุ่มโจมตีอยู่ในบ้าน หลังจากที่พวกมันได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิตอื่น พวกมันเลยเคลื่อนไหว
ข้อสงสัยของพวกเขากระจ่างแล้ว ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งอก เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่รู้ และตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่
“แปลกแฮะ ทำไมที่นี่ถึงมีทหารซากศพ หรือว่าพวกมันจะเป็นนิกายพันศพ?’ หลิงฮันพูดพึมพัม นิกายพันศพเป็นนิกายที่แข็งแกร่งตั้งแต่อดีต ถึงขั้นล้อมกรอบเมืองหมื่นสมบัติได้ด้วยรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงผั่วหยุน เมืองหมื่นสมบัติคงตกอยู่ในมือของนิกายพันศพไปแล้ว
หลิงฮันรู้สึกว่านิกายพันศพที่อยู่ในช่วงตกต่ำจะกลับมามีบทบาททั่วโลกอีกครั้ง
มันจะเป็นยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดและเลวร้ายที่สุด
“พวกมันก็แค่ทหารซากศพชั้นต่ำเท่านั้น” เย่หรงรู้ว่ามันเป็นทหารซากศพระดับใด ไม่ได้พูดออกมาด้วยความอวดดี
หลิงฮันออกไปตรวจสอบทั้งหมู่บ้านอีกครั้ง และพบทหารซากศพทั้งหมดห้าตัว เรื่องที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือมีทหารซากศพสองตัวที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด พวกมันน่าจะกลืนกินทหารซากศพตัวอื่นทำให้แข็งแกร่งกว่าตัวอื่น
ตอนที่อยู่หุบเขาจันทราล่วงหล่น หลิงฮันได้หยุดแผนการของนิกายพันศพที่จะใช้ผู้คนทั้งหมดในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวเป็นทหารซากศพ และให้พวกมันกลืนกินกันเองจนให้กำเนิดทหารซากศพระดับราชา
หรือว่าตอนนี้นิกายพันศพกำลังจะสร้างความวุ่นวายในภูมิภาคกลาง?
ในแง่ของจำนวนประชากร ภูมิภาคกลางเพียงพอที่จะสร้างทหารซากศพระดับราชาได้หลายตัว แต่ปัญหาคือที่ภูมิภาคกลางมีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างนิกายกระบี่ไร้เทียมทานและนิกายดาบสวรรค์อยู่ แล้วนิกายพันศพจะสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร?
หลิงฮันกลับไปเดินบนถนน หลังจากที่ผ่านหมู่บ้านเล็กๆหลายแห่ง พวกเขาก็พบว่าชาวบ้านกลายเป็นทหารซากศพหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ฉินหยีเย่วและเย่หรงเองก็ตกใจ
นิกายพันศพพวกมันคิดทำอะไรกันแน่?
พวกเขาไม่พบเจอผู้คนของนิกายพันศพ เพราะพวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า และด้วยการนำทางของฉินหยีเย่ว ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงหุบเขา
หลังจากที่เดินผ่านช่องแคบของหุบเขาไปได้หลายสิบก้าว ช่องแคบเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ด้านบนถูกปกคลุมด้วยชั้นหิน แสงที่รอดผ่านมาแม้จะไม่สว่างมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนมองเห็นเส้นทาง
หลังจากเดินไปได้ชั่วครู่ พวกเขาก็เดินมาถึงปากทางเข้าของหุบเขา และมีผลวิญญาณระดับเจ็ดอยู่ในปากทางเข้าหุบเขา มันเป็นต้นพีชที่เต็มไปด้วยผลสีแดง ซึ่งมีขนาดเท่าชาม แม้จะอยู่ไกลก็ยังได้กลิ่นหอมของมัน
ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้น และแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะเด็ดมาชิม ในขณะเดียวกันน้ำลายของฮูหนิวนั้นหยดไหลออกมาราวกับเป็นสายน้ำ
แต่ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว เพราะมันมีสัตว์อสูรเฝ้าอยู่ที่หน้าปากทางเข้าหุบเขา
มันเป็นเสือดาวขนเทา สัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้า
สัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้าแน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้าทั่วไป เพราะสัตว์อสูรมีขนที่แข็งและหนา ฟันและกรงเล็บของมันเทียบได้กับแร่เหล็ก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธที่เป็นมนุษย์
“เป็นไปได้ยังไงกัน!” เย่หรงขมวคิ้ว แม้ว่ามันจะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวเองว่าสามารถหยุดจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ แต่สัตว์อสูรที่อยู่ในระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้านั้นไม่ใช่อะไรที่มันสามารถต่อกรด้วยได้
แม้จะมีผลวิญญาณอยู่เบื้องหน้า แต่พวกเขาทำได้แค่มองเท่านั้น
หลิงฮันรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขานำต้นลูกพีชไปปลูกในหอคอยทมิฬ เขาจะมีผลวิญญาณระดับเจ็ดให้กินทุกวัน!
ตอนที่ 616
“พวกเราจะทำอะไรได้ มันเป็นถึงสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณเชียวนะ ไม่มีทางที่จะเก็บเกี่ยวผลลูกพีชได้!” เย่หรงกล่าว ในความคิดเห็นของเขา คนอื่นเป็นแค่ตัวถ่วง และไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าเขาแล้ว
มิฉะนั้น เขาจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมสำนักสวรรค์ได้อย่างไร?
เย่หรงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ข้าจะรับมือกับเสือดาวขนเทาเองส่วนพวกเจ้าจงใช้โอกาสนั้นเก็บเกี่ยวผลวิญญาณให้ได้มากที่สุดเท่าที่เก็บได้ หลังจากนั้นพวกเราค่อยกลับมาเจอกันนอกหมู่บ้านที่ห่างจากหุบเขาออกไปเจ็ดสิบไมล์”
หลิงฮันไม่สนใจ เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “สงสัยข้าต้องพึ่งพาพี่ชายเย่แล้ว”
เย่หรงเผยสีหน้ามั่นใจออกมา แต่ยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เขาทำเช่นนี้เพราะฉินหยีเย่ว
ทุกคนเดินไปแอบ ส่วนเย่หรงกระโจนออกมา เขาหยิก้อนหินขึ้นมาแล้วห่อหุ้มด้วยปราณก่อเกิดกับเจตจำนง ทำให้ก้อนหินทั้งก้อนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
จากนั้น เขาส่งเสียงตะโกนพร้อมกับปาหินออกไป พรึบ ก้อนหินที่ปาออกไปราวกับกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าหาเสือดาวขนเทา
ปัง ก้อนหินกระแทกกับหัวเสือดาวขนเทา
ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณที่ไม่ได้โคจรพลังปราณก่อเกิดออกมาป้องกัน หัวของคนผู้นั้นจะต้องแตกละเอียดอย่างแน่นอน แต่ทว่าเสือดาวขนเทานั้นเป็นสัตว์อสูร ผิวหนังของมันจึงแข็งและหนากว่ามนุษย์
มันส่ายหัวเล็กน้อยและหันไปมองรอบข้างเพื่อมองหาคนที่กล้าโจมตีมัน
ปัง เย่หรงปาหินใส่อีกก้อน
ครั้งนี้ เสือดาวขนเทาลุกขึ้นมาตอบโต้และปัดหินด้วยอุ้งเท้าของมัน แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธและกระโจนพุ่งเข้าหาเย่หรงด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
เย่หรงรีบหันหลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เขามั่นใจไม่มีทางต่อกรกับสัตว์อสูรที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณได้
เขาวิ่งไปได้หลายก้าวและหันหลังกลับไปมองมัน แต่ทว่าความเร็วของมันนั้นเร็วกว่าระดับตัวอ่อนวิญญาณทั่วไปและแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน และกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ!’ เย่หรงกล่าวสาปแช่งและรีบนำยันต์อาคมเคลื่อนที่ออกมาจากแหวนมิติ สีหน้าของเขาดูเจ็บปวด แต่ก็ไม่ลังเลที่จะใช้มัน และทันใดนั้นแสงสีขาวได้โอบล้อมตัวเขา ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้น
นี่เป็นการกระทำที่น่าเจ็บปวด เขาได้รับยันต์อาคมจากประมุขนิกายแค่สามใบเท่านั้นเพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเอง และเขาได้ใช้ไปแล้วหนึ่งใบเพื่อผลวิญญาณไม่กี่ลูก!
แม้ว่าจะได้รับผลวิญญาณสิบลูก แต่มันก็ยังคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อยู่ดี!
มันจะเทียบกับสมบัติที่สามารถช่วยให้รอดชีวิตได้อย่างไร?
แต่ทว่าตอนนี้เขาทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น
“น่าเสียดาย หนิวอยากกินขาเสือดาวขนเทาจัง!” ฮูหนิวพูดออกมาขณะน้ำลายไหล
“ตอนนี้แหละ!” ฉินหยีเย่วกำลังจะวิ่งออกไป แต่ถูกหลิงฮันจับข้อมือเอาไว้ไม่ให้นางทำแบบนั้น
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” หลิงฮันกลอกตา
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะเข้าไปเก็บผลวิญญาณ” ฉินหยีเย่วกล่าว
“ห้ามเก็บ!” หลิงฮันส่ายหัวและเริ่มขุดดิน
ฉินหยีเย่วสูดลมหายใจ ชายคนนี้ช่างใจดำยิ่งนัก นางรีบพูดออกมาทันทีว่า “ต้นไม้นี่สามารถเติบโตได้ในสถานที่ที่พิเศษเท่านั้น แม้เจ้าจะขุดมันขึ้นมาใช่ว่าจะปลูกมันได้ทุกที่”
“ใครว่าข้าปลูกไม่ได้?” หลิงฮันยิ้มและรีบลงมือขุดให้เร็วขึ้น
“ข้าไม่เคยเห็นใครแปลกประหลาดเหมือนเจ้าเลย!” ฉินหยีเย่วจ้องมองหลิงฮัน
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะข้าไม่เหมือนใคร!” หลิงฮันหัวเราะ
“หนิวเองก็ไม่เหมือนใคร!” ฮูหนิวรู้สึกพึงพอใจ
ทั้งสองคนช่างงี่เง่ายิ่งนัก!
ฉินหยีเย่วคิดอยู่ในใจ แต่นางก็ยอมรับความสามารถของพวกเขาทั้งสองคนที่เหนือกว่าอัจฉริยะทั่วไป ในภูมิภาคกลางมีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ดั่งสัตว์ประหลาด
อย่างย่าวหุยเยว่แห่งนิกายดาบสวรรค์ ราชันกระบี่น้อยแห่งนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน ตงหลิงเอ๋อแห่งนิกายนกอมตะเมฆา หลางหยาเทียนแห่งนิกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์
หลิงฮันรีบดึงต้นพีชทั้งต้นขึ้นมาจากหลุม และหายเข้าไปในหอคอยทมิฬในพริบตา
“เกิดอะไรขึ้น!” ฉินหยีเย่วรู้สึกตกใจมาก “แหวนมิติของเขามีพื้นที่กว้างแค่ไหนกันถึงเก็บต้นไม้ทั้งต้นเข้าไปได้?” ต้องรู้ก่อนว่าต้นลูกพีชนี่มีความสูงมากกว่าหนึ่งร้อยฟุตไม่รวมรากของมัน แหวนมิติที่สามารถเก็บมันเข้าไปได้ในโลกใบนี้มีจำนวนน้อยมากจนน่าสงสาร
จูเสวี่ยนเอ๋อและช่างเย่ยิ้มรู้สึกขบขัน ถ้านางได้เข้าไปในหอคอยทมิฬและเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลด้านในล่ะก็นางคงจะรู้สึกหวาดกลัวแทนที่จะรู้สึกตกใจ
“พวกเราเข้าไปดูในหุบเขากันเถอะ” ตั้งแต่ที่นี่เป็นหุบเขาโอสถ มันจะต้องมีสมุนไพรหลากหลายชนิดอย่างแน่นอน และหลิงฮันอยากจะเพิ่มชนิดของสมุนไพรในหอคอยทมิฬ
“ระวังตัวด้วย ข้าจะขึ้นไปดูจากที่สูงก่อนเข้า ถ้ามันมีสมุนไพรอยู่มากมาย มันก็อาจมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่หลายตัว!” ฉินหยีเย่วพูดเตือน
หลิงฮันพยักหน้า แต่ก็รู้สึกงงงวย เขาพูดว่า “สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมักชอบอาศัยอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วมันจะเข้าไปในหุบเขาทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น หุบเขาโอสถไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก อาจไม่เพียงพอที่จะสร้างอาณาเขตของเสือดาวขนเทาเลยด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงสัตว์อสูรตัวอื่นเลย
ครื้น ครื้น พวกเขายังไม่ทันย่างก้าวเข้าไปในหุบเขา แต่ก็ได้ยินเสียงอึกทึกออกมาจากหุบเขา ราวกับสัตว์อสูรหลายตัวกำลังวิ่งและทำให้พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทุกคนมองไปที่หุบเขาและเห็นเมฆฝุ่นเต็มไปหมด กลุ่มสัตว์อสูรกำลังแห่กันวิ่งออกมา
“พวกเรายังไม่ทันย่างก้าวเข้าไปเลย ทำไมพวกมันถึงแห่กันออกมาแล้ว?”
สัตว์อสูรเหล่านั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเสือมีปีก อสรพิษยักษ์สี่ขา และอินทรีย์ครามไร้ขน ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันแต่ละตัวล้วนแข็งแกร่ง
สัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวา!
ด้านหน้าของสัตว์อสูรพวกนั้น มีกระต่ายยักษ์ที่มีความสูงครึ่งหนึ่งของคนและมีหัวไชเท้าสีม่วงอยู่ในปากของมัน มันกำลังวิ่งหนีสัตว์อสูรพวกนั้นอยู่
“โฮก!” “โฮก!” “โฮก!”
สัตว์อสูรพวกนั้นกำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว และจ้องมองกระต่ายยักษ์ด้วยความโกรธ
“สัตว์อสูรพวกนั้นกำลังไล่ล่ากระต่ายอยู่!”
“ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของพวกเราแท้ๆกลับถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้อง!”
“วิ่ง!”
ตอนที่ 617
หลิงฮันและคนอื่นต่างกรีดร้องออกมา พวกเขายังไม่ได้ทำอะไร แต่กระต่ายยักษ์กลับนำปัญหามาให้!
“วิ่ง วิ่ง วิ่ง!” พวกเขาทุกคนต่างรีบวิ่งหนี พวกเขาไม่สามารถสู้กับพวกมันได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังแห่กันมาเป็นฝูง
“หืม ข้ารู้สึกมึนงง ทำไมเจ้ากระต่ายนั่นถึงยังตามพวกเราอยู่!” หลิงฮันหันไปมองและเห็นเจ้ากระต่ายยักษ์กำลังจ้องมองพวกเขาและตามพวกเขาอยู่
ความเร็วของกระต่ายยักษ์รวดเร็วมาก และมันเข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ
“เจ้ากระต่ายยักษ์นี่!” ทุกคนกัดฟันพูด
“เดี๋ยวก่อน เจ้ากระต่ายตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวเดียวกับที่พาข้ามาที่หุบเขาแห่งนี้” ฉินหยีเย่วพูดขึ้นมาฉับพลัน
“บัดซบ หรือว่าเจ้ากระต่ายนี่เข้าไปขโมยสมุนไพรในหุบเขา!”
“พวกเราซวยยิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว ทั้งที่พวกเรายังไม่ได้ขโมยอะไรเลย”
หลิงฮันคว้าตัวทุกคนและห่อหุ้มด้วยพลังก่อเกิดและใช้ทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจเพื่อเพิ่มความเร็ว
“ไปเลย!” ฮูหนิวกล่าวออกมาด้วยความซุกซนและขึ้นไปขี่คอหลิงฮัน คำว่ากลัวไม่มีในพจนานุกรมของนาง
พรึบ เจ้ากระต่ายยักษ์กระโดดขึ้นไปในอากาศ ทันใดนั้นความเร็วของมันรวดเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อและไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจของหลิงฮันเลย
ไม่แปลกใจเลย ถ้ามันไม่รวดเร็วพอ มันคงไม่กล้าเข้าไปในหุบเขาโอสถ และขโมยสมุนไพรบางอย่างออกมาเลยทำให้สัตว์อสูรจำนวนมากไล่ล่ามัน
“เจ้ากระต่ายยักษ์ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเจ้า!” ช่วยไม่ได้ที่ฉินหยีเย่วจะกรีดร้องออกมา มันเป็นเพราะเจ้ากระต่ายยักษ์ตัวนี้ที่พานางมาที่นี่และพบกับหุบเขาโอสถ และตอนนี้มันก็เป็นเพราะเจ้ากระต่ายยักษ์นี่ที่ทำให้พวกเขาถูกสัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวาไล่ตาม
“กระต่ายอ้วน…น่ากิน!” ฮูหนิวหันหน้าไปมอง และน้ำลายเริ่มไหลออกมาจากปาก “หนิวหนิวอยากกินเนื้อกระต่าย!”
“ฮึ่ม เจ้าอยากจะกินเนื้อข้ามันยังเร็วไปพันปี!” เจ้ากระต่ายยักษ์พูดขณะที่มี “หัวไชเท้า” อยู่ในปากของมัน
พรวด!
ทุกคนแทบจะสำลัก เจ้ากระต่ายนี่พูดได้! หลังจากที่สัตว์อสูรก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานจะทำให้มันได้รับสติปัญญาที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์ทั่วไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าเห็นกระต่ายพูดได้มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรือ?” กระต่ายยักษ์ดูภาคภูมิใจ
“เจ้ากระต่าย หรือว่าเจ้าจงใจตามพวกข้ามา?” หลิงฮันพูด “เจ้าจะวิ่งไปไหนก็ไป แต่ห้ามตามพวกข้า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนวิ่งด้วยกันมันสนุกดี!” เจ้ากระต่ายยักษ์ไม่พูดปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ากระต่าย นี่เจ้า!” ฉินหยีเย่วรู้สึกโกรธกว่าเดิม ถ้านางไม่ถูกหลิงฮันห่อหุ้มด้วยพลังก่อเกิดและพาวิ่งหนี นางคงเข้าไปกระโดดตบเจ้ากระต่ายตัวนี้แล้ว
“เนื้อกระต่ายดูน่าอร่อยดี!” แววตาของฮูหนิวเปล่งประกายและจ้องมองไปที่กระต่ายยักษ์
“เจ้าอยากกินข้า แน่จริงจับข้าให้ได้สิ!” กระต่ายยักษ์กล่าวด้วยความสนุก
“เนื้อกระต่ายของหนิว!” ฮูหนิวอุทานและรีบกระโจนออกไป ความเร็วของนางรวดเร็วมากราวกับกลายเป็นลำแสงและขึ้นไปขี่บนหลังกระต่าย
เจ้ากระต่ายยักษ์นี่มีความสูงเท่าครึ่งหนึ่งของมนุษย์ และความสูงของฮูหนิวเองก็สูงเท่าครึ่งหนึ่งของมนุษย์เช่นกัน ทำให้นางกับกระต่ายยักษ์ค่อนข้างมีขนาดใกล้เคียงกัน
เมื่อเห็นแบบนั้น พวกเขาทุกคนต่างคิดว่าฮูหนิวกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ความจริงแล้ว…
ฮูหนิวอ้าปากและกัดไปที่หางของเจ้ากระต่ายยักษ์ ความเจ็บปวดทำให้ร่างของเจ้ากระต่ายยักษ์สั่นสะท้านและวิ่งเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“อ๊ากก–” เจ้ากระยักษ์กรีดร้อง “เจ้าเป็นสุนัขหรือไงถึงกัดหางข้า!”
ฮูหนิวรู้สึกหดหู่มากที่นางกัดหางของเจ้ากระต่ายยักษ์ไม่เข้า นางจึงกัดหางของเจ้ากระต่ายยักษ์แรงกว่าเดิมและสบัดหัวไปมาเพื่อให้หางของมันขาด
กระต่ายยักษ์กรีดร้องออกมาไม่หยุดและวิ่งเร็วกว่าเดิม
หลิงฮันรีบเร่งความเร็ว แต่เขาก็ไม่อาจตามความเร็วของมันได้ทัน และทำได้แค่จ้องมองฮูหนิวกับเจ้ากระต่ายยักษ์หายไปจากสายตา นั่นเป็นเพราะเขายังฝึกฝนทักษะอสนีบาตเก้าทิวาไม่สมบูรณ์ ทั้งยังมีคนอื่นอยู่อีก
โชคดีที่สัตว์อสูรที่ไล่ตามอยู่เบื้องหลังตามไม่ทันและในไม่ช้าพวกมันก็หายไป
หลังจากที่หลิงฮันไล่ตามไปในทิศทางที่เจ้ากระต่ายยักษ์วิ่งไป เขาก็พบว่าเจ้ากระต่ายยักษ์นั่นหยุดวิ่งแล้ว และพยายามกัดฮูหนิวแต่ฮูหนิวกัดหางอีกฝ่ายไม่ปล่อย ทำให้เจ้ากระต่ายยักษ์ดูเหมือนลาโง่ที่ไล่งับหางของตัวเอง
“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!” เจ้ากระต่ายยักษ์กระโดดไปมา “หางของข้าสั้นอยู่แล้ว และถ้าถูกเจ้ากัดอีก แล้วในอนาคตข้าจะถูกกระต่ายตัวอื่นมองยังไง!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เจ้ากระต่าย ถ้าเจ้ามอบโสมโลหิตราชามังกรทรราชที่อยู่กับเจ้าให้ข้า ข้าจะช่วยเจ้า”
เจ้ากระต่ายยักษ์รู้สึกตกใจ และหยุดกระโดดไปมา มันจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้ารู้ได้ยังไงว่านี่คือโสม? อ๊ากกก!” มันส่งเสียงกรีดร้องออกมากะทันหันอีกครั้ง เมื่อฮูหนิวเริ่มเคี้ยวห่างของมัน
“เผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์ ถ้าเจ้าเอาเด็กสาวตัวน้อยนี่ออกไป ข้าจะยอมรับข้อเสนอของเจ้า!” เจ้ากระต่ายยักษ์ยังคงกรีดร้องออกมาไม่หยุด
“โสม!” หลิงฮันยื่นมือออกไป
เจ้ากระต่ายยักษ์เผยสีหน้าเจ็บปวด มันอุตส่าใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อขโมยมันมาจากหุบเขาโอสถ นี่มันต้องมอบโสมให้อีกฝ่ายจริงหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสาวตัวน้อยแปลกประหลาดนี่ยังกัดหางของมันไม่ปล่อย
มันใช้อุ้มเท้านำโสมออกมาและโยนไปให้หลิงฮัน
หลิงฮันรับและตรวจสอบดูอย่างละเอียด โสมนี่ยังมีรากอยู่ เขาหัวเราะออกมาและเก็บโสมเข้าไปในหอคอยทมิฬ นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากและในปีหน้าเขาจะกินิมันได้จำนวนมาก
นี่คือโสมโลหิตราชามังกรทรราช ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อพันปีก่อนเจ้าโสมนี่ได้อาบโลหิตของราชามังกร
ต้องรู้ก่อนว่าโลหิตของมังกรที่แท้จริงนั้นทรงพลังแค่ไหน แต่เจ้าโสมนี่สามารถอาบโลหิตของมังกรได้โดยที่ไม่ตายและดูดซับพลังของมันมา นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
ถ้านำไปปลูกภายในหอหอยทมิฬ ในหนึ่งปีเขาสามารถเก็บเกี่ยวพวกมันได้ราวกับหัวไชเท้า
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ฮูหนิว ปล่อยเจ้ากระต่ายตัวนี้ไป เจ้ายังกินมันเพราะยังไม่ปรุง!”
ฮูหนิวขบคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “เจ้ากระต่ายตัวนี้อร่อยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปรุง!” นางจ้องมองไปที่กระต่ายยักษ์อีกครั้งและน้ำลายเริ่มไหลออกมาอีกรอบ
ตอนที่ 618
กระต่ายยักษ์เริ่มหวาดกลัวจนขนลุกตั้ง และขาสองข้างเริ่มอ่อนแรง แม้มันจะคิดวิ่งหนี แต่ในเมื่อมันมอบโสมโลหิตราชามังกรทรราชให้กับหลิงฮันแล้วมันจะวิ่งหนีได้อย่างไร
มันเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และอีกฝ่ายคงไม่รู้ว่ามันต้องลงแรงไปมากแค่ไหนกว่าจะขุดโสมนี้ขึ้นมาได้
“เผ่ามนุษย์ มันจะดีกว่าถ้าพวกเรากินซุปโสมด้วยกัน ข้าจะไปจับสัตว์มาให้เพื่อทำซุปโสมไก่ มันจะต้องอร่อยมากอย่างแน่นอน!” กระต่ายยักษ์จ้องมองไปที่ฮูหนิวทันที และเห็นน้ำลายของเด็กสาวตัวน้อยน้ำลายไหล
“หนิวอยากกินซุปโสมเนื้อกระต่าย!” ฮูหนิวยกมือแสดงความขึ้นเห็น
“ไปขอลุงของเจ้าเถอะ!” กระต่ายยักษ์อยากจะเตะฮูหนิว แต่ไม่กล้า
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่คิดที่จะกินโสมของเจ้าตอนนี้และจะกินมันปีหน้า! ในเมื่อเจ้ามอบมันให้กับข้าแล้ว หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้าจะคืนโสมให้เจ้าเป็นสองต้น เจ้าคิดว่าไง?”
ช่วยไม่ได้ที่แววตาของกระต่ายยักษ์จะแดงก่ำและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้างั้นหรือ? ข้ากินสมุนไพรมากกว่าเจ้ากินข้าวเสียอีก!”
“เจ้ากระต่ายดื้อรั้น เจ้าจะเชื่อหรือไม่นั้นมันเรื่องของเจ้า!” หลิงฮันกล่าว
“ก็ได้ข้าจะเชื่อเจ้า!” กระต่ายยักษ์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อ๊าก–” เจ้ากระต่ายยักษ์กรีดร้องออกมากะทันหัน “เจ้าเด็กนี่กัดข้าอีกแล้ว”
“ฮูหนิว!” หลิงฮันกล่าว
ฮูหนิวไม่เต็มใจที่จะปล่อยกระต่ายยักษ์และพูดว่า “เจ้ากระต่ายตัวนี้น่าอร่อย หนิวอยากกินเนื้อกระต่าย!” ฮูหนิวกรีดร้อง
“ไม่ได้!” หลิงฮันเข้าไปกอดฮูหนิวและรู้สึกแปลกใจ แม้ฮูหนิวจะเป็นจอมตะกละ แต่เขาไม่เคยเห็นฮูหนิวดื้อรั้นขนาดนี้มาก่อน หลิงฮันเลยนำเนื้อแห้งออกมาเพื่อปลอบใจฮูหนิว
ฮูหนิวส่งเสียงพึมพัมไม่พอใจ ดวงตาของนางยังคงจับจ้องไปที่เจ้ากระต่ายยักษ์
“ตั้งแต่ที่สัตว์อสูรพวกนั้นไม่ไล่ตามมาแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาหาอะไรกินกันก่อนเถิด” หลิงฮันพูด เขานำหม้อและส่วนผสมออกมาจากหอคอยทมิฬ รวมถึงโสมพันปีสองสามต้น
“โสมม่วงพันปี!”
“โสมหยกพันปี!”
“โสมเหลืองพันปี!”
ฉินหยีเย่วมองหน้าคนอื่น ดวงตาอันงดงามของนางไม่อาจซ่อนความประหลาดใจไว้ได้ เพราะพวกมันเป็นโสมพันปีหมดเลย
ประเด็นคือตอนนี้หลิงฮันกำลังใช้พวกมันทำซุป เขาร่ำรวยอะไรเยี่ยงนี้?
นางหันหน้าไปมองจูเสวี่ยนเอ๋อและช่าง แต่สีหน้าของพวกเขากลับปกติไม่แสดงความตกใจออกมาเลย
หรือว่าพวกเขามักจะกินอาหารฟุ่มเฟือยแบบนี้อยู่เป็นประจำ?
กระต่ายยักษ์เองก็ตกใจเช่นกัน มันขโมยสมุนไพรมามากมาย แต่โสมพันปีนั้นหาได้ยากยิ่ง
“อ๊าก–” มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เพราะถูกฮูหนิวกัดอีกรอบ
หลิงฮันเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเมื่อเขากำลังทำอาหาร เขาพูดว่า “เจ้ากระต่าย เจ้าเองก็เป็นสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณ ทำไมเจ้าถึงถูกรังแกแบบนี้?” นี่ทำให้เขานึกถึงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน
“ฮึ่ม นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างเจ้าจำเป็นต้องรู้!” กระต่ายยักษ์พูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ แต่เมื่อมันเห็นฟันสีขาวของฮูหนิว มันรีบหลบไปอยู่ด้านหลังหลิงฮันทันที
“กระต่ายน้อยมาเล่นกัน!” ฮูหนิววิ่งไล่จับกระต่าย “พวกเรามาเล่นนกอินทรีไล่จับลูกไก่กันเถอะ หนิวจะเป็นนกอินทรี ถ้าเจ้าถูกหนิวจับ เจ้าจะถูกกิน!” ร่างของฮูหนิวแวบหายไปและกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าหากระต่ายยักษ์
“นี่เจ้ายังคิดจะกินข้าอยู่อีกรึ!” กระต่ายยักษ์รีบวิ่งหนีทันที
เด็กน้อยคนหนึ่งและกระต่ายตัวหนึ่งกำลังวิ่งอยู่รอบกองไฟ ฝั่งหนึ่งรวดเร็ว แต่อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ได้ช้า ทว่ากลับจับกันไม่ได้
ส่วนหลิงฮันนั่งปรุงอาหารและต้มซุปอย่างสบายใจ
“นี่เจ้าไม่สนใจอะไรเลยหรือ?” ช่วยไม่ได้ที่ฉินหยีเย่วจะพูดแบบนั้นออกมา
“ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพวกเขาก็หยุดเอง” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
นี่…มันไร้ความรับผิดชอบเกินไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กน้อยอย่างฮูหนิวถึงนิสัยเสีย
แน่นอนว่าเมื่อกลิ่นหอยโชยออกมาจากหม้อ ฮูหนิวหยุดเล่นและรีบนั่งลงทันที ช่วยไม่ได้ที่นางจะเริ่มน้ำลายไหล
“เอาเนื้อนกอินทรีมาให้ข้า!” กระต่ายยักษ์เองก็นั่งลง แต่มันนั่งห่างจากฮูหนิว
“กระต่ายกินเนื้อได้ด้วยงั้นหรือ?” หลินฮันอดที่จะถามออกมาไม่ได้
“หึ่ม มีนกอินทรีไม่รู้เท่าไหร่ที่กินกระต่ายอย่างพวกข้า นี่คือการแก้แค้น!” กระต่ายยักษ์กล่าว
“โอ้วเป็นเช่นนั้นนี่เอง!” หลิงฮันตักเนื้ออินทรีและน้ำซุป แล้วส่งให้เจ้ากระต่ายยักษ์ นกอินทรีตัวนี้เพิ่งถูกฆ่าเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมันเป็นสัตว์อสูรระดับบุปผาผลิบาน แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นสัตว์อสูรชั้นราชา
จากนั้นหลิงฮันตักเนื้อและน้ำซุปให้ทุกคนได้กิน เนื้ออินทรีทั้งสดใหม่และน้ำซุปจากโสมพันปี เรียกได้ว่านี่คือยาบำรุงชั้นเลิศ
หลังจากกินเสร็จแล้ว หลิงฮันนำผลลูกพีชออกมากินต่อ
ส่วนคนอื่นนั่งสมาธิและสกัดพลังที่ได้กินเข้าไป
ครั้งนี้มีหลิงฮัน ฮูหนิวและกระต่ายยักษ์ที่กินมากที่สุด
หลิงฮันและฮูหนิวมีกระเพาะที่ใหญ่โต ส่วนกระต่ายยักษ์มีระดับพลังที่สูงกว่าทั้งยังแปลกประหลาด มันไม่ได้กินน้อยไปกว่าหลิงฮันกับฮูหนิวเลย
หลังจากที่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พวกเขาทุกคนยืนขึ้นและเผยสีหน้าพึ่งพอใจออกมา
“เย่หรงน่าจะรอพวกเรานานแล้ว”
“เขารอนานหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก”
“เขาคงไม่บ่นอะไรหรอก”
“ใช่แล้ว!”
ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเย่หรงแม้แต่คนเดียว และไม่สนใจว่าเย่หรงจะคิดยังไง
“ไปกันเถอะ!” แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าไปที่หุบเขาโอสถอีกครั้ง เพราะที่นั่นมีสัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวาอยู่หลายตัว
จากนั้น พวกเขามุ่งหน้าไปที่ที่นัดหมายกันเอาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบเย่หรง แต่ในเมื่อพูดไว้แล้วมีแต่ต้องไป
ในระหว่างการเดินทางหลิงฮันถามกระต่ายยักษ์เกี่ยวกับหุบเขาโอสถ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น