Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 600-602
ตอนที่ 600
ฆ่าผิดคน
สร้อยข้อมือบนแขนราชันกระบี่น้อยส่องประกายและกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาฮูหนิว ทำให้นางถูกมัดมือ และนางรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากจึงใช้ปากกัดเพื่อทำลายมัน
ฟริ้ว หลิงฮันยิงธนูออกไป เขาไม่ได้ใช้คันศรตะวันยอแสง แต่ใช้พลังก่อเกิดสร้างธนูและลูกศรขึ้นมา เพราะไม่มีเวลาที่จะนำคันศรตะวันยอแสงออกมา
ราชันกระบี่น้อยไม่ประมาท มันหลบการโจมตีของหลิงฮัน ทำให้พลาดโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะโจมตีฮูหนิว
หลังจากที่ลูกศรพุ่งผ่านไป ราชันกระบี่น้อยพบว่าพลังของลูกศรนี่น้อยกว่าก่อนหน้านี้ ช่วยไม่ได้ที่มันจะแสดงสีหน้าอับอายเพราะความทนงตัว กลอุบายของอีกฝ่ายทำให้มันพลาดโอกาสอันยอดเยี่ยมที่จะเอาชนะเด็กสาวตัวน้อย
“กลับมาฮูหนิว!”หลิงฮันกรีดร้อง เขาไม่ต้องการให้เด็กสาวตัวน้อยตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
ฮูหนิวพยักหน้าและกระโดดกลับมาอย่างรวดเร็ว นางหันหน้าไปเผชิญหน้ากับราชันกระบี่น้อยและพูดว่า “ส่งกลิ่นเหม็น!”
ราชันกระบี่น้อยคิดว่าฮูหนิวกำลังเยาะเย้ยมันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ช่วยไม่ได้ที่มันจะรู้สึกโกรธ นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างมากในความคิดของมัน
“หนีกันก่อน!” ต่อหน้าสายตาของผู้คนจำนวนมาก หลิงฮันไม่อาจใช้หอคอยทมิฬได้ เขาคว้าตัวฮูหนิวด้วยมือซ้ายและจูเสวี่ยนเอ๋อด้วยมือขวาแล้วใช้ทักษะย่างก้าวเทพธิดาเพื่อหลบหนีทันที
หลังจากเดินไปได้สองก้าว หลิงฮันรับรู้ได้ถึงอันตราย เขารีบหลบไปอยู่ด้านข้างและกระโจนหลบ
ตู้ม!
หมัดอันทรงพลังบดขยี้ถนน ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ถ้าหลิงฮันไม่เปลี่ยนเส้นทาง เขาคงถูกหมัดนั่นบดขยี้ไปแล้ว หุ่นเชิดเพชรนั้นสามารถหักเหแสงได้ ทำให้ยากที่จะสังเกตเห็น
เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายหายไป ปรากฏหลุมขนาดใหญ่บนถนน มันมีความลึกมากกว่าสิบฟุต แสดงให้เห็นถึงอนุภาพของหมัดเมื่อครู่
หลิงฮันกระอักเลือดออกมา แม้ว่าเขาจะหลบการโจมตีเมื่อครู่ได้ทันเวลา แต่ยังคงได้รับผลกระทบ พลังของระดับก้าวสู่เทวาน่าสะพรึงกลัวมาก แม้จะหลบได้ทันแต่พวกเขาทั้งสามคนก็ยังคงได้รับบาดเจ็บ
“เจ้าคิดจะหนีไปที่ไหนรึ?” ราชันกระบี่น้อยกล่าวอย่างเย็นชาขณะกวัดแกว่งกระบี่ที่อยู่ในมือ และสังหารทุกคนที่กระบี่กวาดผ่าน ทำให้เกิดสายโลหิตหลั่งไหลออกมานับไม่ถ้วน
คนผู้นี้ไม่สนใจชีวิตของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย สำหรับมันแล้วมนุษย์ทุกคนล้วนแต่เป็นมดปลวก
หลิงฮันรู้สึกโกรธ แววตาของเขากลายเป็นหนาวเย็น เขายกมือข้างขวาขึ้นมาและโยนร่างของมนุษย์คนหนึ่งใส่มัน มันเป็นร่างของเฝิงเหว่ยฉี
เฝิงเหว่ยฉีปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬอย่างกะทันหัน และไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นมันได้เห็นแสงของกระบี่กำลังพุ่งเข้ามาหา ซึ่งมันไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม แสงกระบี่นั่นมันดูคุ้นเคยมาก และเขาเคยเห็นมันมาหลายครั้ง
มันเป็นลูกชายของเขา!
ทำไมลูกชายของตัวเองต้องโจมตีเขาด้วย?
“อ๊ากก–” เฝิงเหว่ยฉีกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและถูกกระบี่เล่มนั้นผ่าเป็นสองส่วน
ราชันกระบี่น้อยเหลือบมอง มันคิดไม่ถึงเลยว่าหลิงฮันจะโยนชายร่างใหญ่ออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าได้ มันหันไปมองร่างของเฝิงเหว่ยฉี และช่วยไม่ได้ที่มันจะเดินโซเซไปมา
นี่คือพ่อของมัน ซึ่งมันคิดว่าถูกหลิงฮันกักขังไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่อีกฝ่ายกับโยนพ่อของมันออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าได้!
“พ่อ!” มันอุทานออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดขาวราวกับจะเป็นลม
มันสามารถพรากชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้ได้ แต่เฝิงเหว่ยฉีนั้นเป็นพ่อของมัน และเป็นคนเดียวที่มีสายเลือดเดียวกัน แต่กลับถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของมันเอง
หลิงฮันจ้องมองไปที่มันและพูดอย่างเย็นชาว่า “เอาล่ะ ทีนี้เจ้าจะกล้าพูดหรือไม่ว่าคนที่เจ้าเพิ่งฆ่าไปนั้นเป็นแค่มดปลวก?”
“หลิงฮัน!” ราชันกระบี่น้อยรู้สึกเดือดดาลอย่างถึงที่สุด แววตาของมันลุกโชติไปด้วยเปลวเพลิง และคิดแค่ว่าต้องฆ่าหลิงฮันให้จงได้
หลิงฮันยักไหล่และพูดว่า “อย่ามองข้าด้วยสีหน้าแบบนั้น ก่อนที่เจ้าจะโทษคนอื่น จงดูสิ่งที่เจ้าทำซะก่อน! ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเป็นคนฆ่าเฝิงเหว่ยฉีด้วยตัวเอง ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย”
“หุบปาก!” ราชันกระบี่น้องกระโจนไปข้างหน้าและต้องการฆ่าหลิงฮัน
หลิงฮันใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจและล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
ตู้ม อีกด้านหนึ่งหุ่นเชิดเพชรเองก็กระโจนเข้าหาหลิงฮันเช่นกัน กลิ่นอายของระดับก้าวสู่เทวานั้นน่าหวาดกลัวกว่าราชันกระบี่น้อยเสียอีก
“พอได้แล้ว มันผู้ใดที่กล้าก่อเรื่องในเมืองเก้าเมฆาของข้า?” ในขณะนั้น กลิ่นอายที่ทรงพลังปรากฏออกมาตามมาด้วยชายร่างสูงที่มีอายุเกือบห้าสิบปี แต่เมื่อเขาเห็นหุ่นเชิดเพชร ทำให้เขารู้สึกตกใจมาก และรีบหันหลังหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่อีกฝ่ายเป็นระดับก้าวสู่เทวาแล้วเขาจะไปทำอะไรได้?
ในภูมิภาคกลาง จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณไม่ใช่ตัวตนที่สูงที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นปรมาจารย์
หลิงฮันไม่คิดที่จะต่อสู้ ฝ่ายต้องข้ามเป็นถึงจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณและจุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวา เขาไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้เลย ดังนั้นหลิงฮันจึงนำยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตาที่หม่าตั้วเป่าให้มาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่คิดที่จะเล่นกับพวกเจ้า เช่นนั้นคงต้องขอตัว!”
หลิงฮันใช้ยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตา ในขณะที่พาจูเสวี่ยนเอ๋อและฮูหนิวกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬ ซึ่งราชันกระบี่น้อยจะคิดว่าเขาใช้ยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตาหลบหนีไปพร้อมกับผู้หญิงสองคน
“เจ้ามียันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตามากมายแค่ไหนกัน?” ราชันกระบี่น้อยขมวดคิ้ว ยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตาเป็นสมบัติล้ำค่า หากมีมันอยู่ในมือสามารถรับประกันชีวิตได้ในระดับหนึ่ง และมันเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่หลิงฮันมียันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตามากกว่าสองใบ
“หรือว่ามันจะได้รับมาจากสิบสองพระราชวัง?’ ราชันกระบี่น้อยพูดพึมพัม
จากนั้นมันหันหน้ากลับไปมองร่างของเฝิงเหว่ยฉี และช่วยไม่ได้ที่มันจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาพร้อมกับกำหมัดแน่น ในฐานะมนุษย์ มันจะต้องฆ่าหลิงฮันให้จงได้!
“หลิงฮัน ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอและฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!” ราชันกระบี่น้อยพูดพึมพัม ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดราวกับสัตว์อสูรที่กำลังบาดเจ็บ
……
หลังจากที่ราชันกระบี่น้อยจากไปพร้อมกับหุ่นเชิดของมัน หลิงฮันก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาลูบคางของตัวเองและพูดว่า “ถ้าข้าไม่สามารถหลอกอีกฝ่ายได้ ข้าคงต้องใช้ยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตา และข้าต้องฝึกทักษะอสนีบาตเก้าทิวาให้ได้โดยเร็ว ถึงจะต่อกรกับมันได้”
“สงสัยข้าต้องรอการปรากฏของสายฟ้าจากสวรรค์!”
เมื่อปีใหม่ผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิก็ใกล้เข้ามา เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วก็จะเกิดฟ้าผ่าเพิ่มมากขึ้น แต่หลิงฮันนั้นดวงซวยเป็นอย่างมาก เขาอาศัยอยู่ในเมืองมาเจ็ดวันแต่อากาศทุกวันกลับแจ่มใส
แต่เมื่อหลิงฮันต้องการจะออกจากเมือง จู่ๆอากาศก็เปลี่ยนไป คลื่นฟ้าผ่าเริ่มก่อตัวและผ่าลงมาโดยไม่คาดฝัน
ตอนที่ 601
ชักนำสายฟ้าเข้าร่าง
“ให้ตายเถอะ นี่พระเจ้ามีนิสัยชอบทำให้ผู้คนประหลาดใจรึยังไงกัน?” หลิงฮันกล่าว ร่างของเขากระโดดสูงลอยออกไปนอกเมืองและโคจรทักษะอสนีบาตเก้าทิวาทันที เมฆสายฟ้าสีดำบนท้องฟ้ากับร่างของเขาราวกับว่าจะเกิดความสัมพันธ์ดึงดูดอันพิเศษต่อกัน
‘ปัง!’
สายฟ้าฟาดระลอกแรกผ่าลงมาและปะทะเข้ากับร่างของหลิงฮันราวกับจงใจ
ดูดซับ!
เมื่อพลังแห่งสายฟ้าไหลผ่านเข้ามาร่างของหลิงฮันก็กลายเป็นรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เพราะอย่างไรสายฟ้าที่ผ่านลงมาก็เป็นพลังที่เกิดจากสวรรค์และปฐพี มันมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก มันสามารถบดขยี้ร่างของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทั่วไปให้แหลกสลายได้อย่างไม่ยากเย็น แต่โชคดีที่หลิงฮันมีกายาเหล็กไหลที่ทำให้ร่างของเขาทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเดียวกัน
หลิงฮันเกือบจะสลบเหมือดไปทันที แต่เขาก็กัดฝันฝืนทนเอาไว้ หากสลบไปตอนนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับเมื่อครู่ก็จะต้องสูญเปล่า
หลิงฮันรีบโคจรทักษะอสนีบาตเก้าทิวาเพื่อชี้นำอำนาจสายฟ้าและเปลี่ยนให้เป็นพลังปราณในร่างของเขาเอง
‘ปัง’ สายฟ้าฟาดอีกระลอกหนึ่งผ่าลงมา
หลิงฮันกลายเป็นจุดศูนย์กลางของห่าสายฟ้า ภายใต้อำนาจชี้นำอันลึกลับของทักษะอสนีบาตเก้าทิวา สายฟ้าฟาดทุกสายได้ถูกดูดมายังร่างของเขา
“เหอะๆ แม้จะยังไม่ทะลวงผ่านระดับสวรรค์ก็ยังต้องมาถูกฟ้าผ่า!” หลิงฮันกัดฟันด้วยความรู้สึกเจ็บปวด โชคดีที่นี่เป็นเพียงพลังสายฟ้าธรรมดา ถ้าเกิดเป็นสายฟ้าแห่งบดทดสอบสวรรค์ล่ะก็ พลังอำนาจของมันจะรุนแรงกว่านี้มาก
Anchor
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เองก็แสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม มันช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทั้งหมดที่เขาได้รับ ซึ่งเป็นสิ่งนี้คือไพ่ลับของหลิงฮันที่ไม่มีใครเทียบได้
หลิงฮันอดทนต่อความเจ็บปวดจนในสมองกลายเป็นขาวโพลนและอยากจะหมดสติไปให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้อีก แต่เพื่อที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเขาทำได้แค่เพียงต้องโคจรทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อชี้นำสายฟ้าให้เข้ามาในร่าง
เขาดูดซับอำนาจแห่งสายฟ้าจำนวนมากจนทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว
ทั้งฮูหนิวและจูเสวียนเอ๋อต่างก็กำลังจ้องมองหลิงฮันอยู่จากระยะไกล ใบหน้าของจูเสวียนเอ๋อเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ส่วนใบหน้าของฮูหนิวนั้นไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไรแม้แต่น้อยและพูดออกมา “ไม่ต้องห่วง หลิงฮันของหนิวจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน”
จูเสวียนเอ๋อกอดฮูหนิวและพยักหน้า ถึงฮูหนิวจะพูดเช่นนั้นแต่นางก็ยังกังวลอยู่ดี
การที่มีฟ้าผ่าลงมานั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แต่การที่สายฟ้าทุกระลอกผ่าลงมาในตำแหน่งเดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีใครบางคนรู้สึกสงสัยและมาตรวจสอบ แต่จอมยุทธส่วนใหญ่ที่มาดูก็เป็นจอมยุทธที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก พวกเขาส่วนใหญ่มีพลังบ่มเพาะเพียงแค่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณหรือไม่ก็ห้วงจิตวิญญาณ ถึงแม้พวกเขาจะพบเห็นแต่ก็คงไม่กล้าเข้ามาใกล้หลิงฮันที่สามารถต้านทานอำนาจสายฟ้าของสวรรค์และปฐพีได้อยู่ดี
ฮูหนิวพุ่งไปปรากฏตัวที่ด้านหน้าจอมยุทธเหล่านั้นแหละควงแขนไปมาพร้อมกับส่งร่างของจอมยุทธเหล่านั้นกระเด็นออกไป “พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกับหลิงฮันของหนิว?”
นางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังลำบากหากต้องต่อกรกับนาง
แต่ในไม่ช้า ตัวตนที่ทรงพลังก็เริ่มปรากฏตัวออกมา
“สายฟ้าผ่าลงมาในตำแหน่งเดียวกัน หรือว่าจะมีสมบัติปรากฏขึ้นที่นั่น?” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเจ็ดคนคิดเช่นนั้น คนที่อายุมากที่สุดในหมู่จอมยุทธทั้งเจ็ดคือผู้เฒ่าอายุเจ็ดสิบปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดอายุสี่สิบปี
ในตอนนี้สายฟ้าได้ผ่าลงมาหลายสิบครั้งแล้ว ทั่วร่างของหลิงฮันถูกปกคลุมไปด้วยประกายสายฟ้าที่เข้มข้น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมองผ่านชั้นสายฟ้านี้เข้ามาได้ ทุกคนมองเห็นแค่เพียงคลื่นสายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วนเท่านั้น พวกเขามองไม่เห็นว่าภายในคลื่นสายฟ้าเหล่านี้มีอะไรอยู่
“ต้องเป็นการปรากฏของสมบัติแน่นอน ถึงได้มีสายฟ้าผ่านลงมาที่จุดๆเดียวเช่นนี้”
“เมื่อสายฟ้าสลายหายไป ข้าจะไปนำสมบัตินั่นมา”
แต่ถึงอย่างไรสายฟ้าฟาดเหล่านั้นก็ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มันผ่าลงมาไม่จบไม่สิ้นเสียที
หนึ่งวันต่อมา จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอีกสิบคนก็ปรากฏตัว
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเจ็ดคนของเมืองเก้าเมฆาแสดงท่าทีความเป็นปฏิปักษ์ออกมาทันที “คนของเมืองมหาเอกภพมาทำอะไรที่นี่?”
“ฮ่าๆ สมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้ หรือว่าคนของเมืองเก้าเมฆาคิดจะหุบมันเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว?” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองมหาเอกภพพูดอย่างเย็นชา
“เหอะ สมบัติชิ้นนี้ปรากฏขึ้นที่เมืองเก้าเมฆา เพราะงั้นมันก็ต้องเป็นกรรมสิทธิของเมืองเก้าเมฆาของพวกข้า” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองเก้าเมฆาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“สมบัติล้วนแต่เกิดมาจากสวรรค์และปฐพี จะมีใครคนหนึ่งเป็นเจ้าของมันตั้งแต่แรกได้อย่างไร? แถมไม่ใช่ว่าตำแหน่งตรงนี้ก็อยู่ด้านนอกเมืองเก้าเมฆาหรอกรึ?”
“เหอะ เป็นเพียงระดับบุปผาผลิบาน แต่คิดจะมาหยามเมืองเก้าเมฆาของข้า?!” จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณผู้หนึ่งปรากฏออกมาจากเมืองเก้าเมฆา เขาคือคนที่เมื่อไม่กี่วันก่อนถูกหุ่นเชิดเพชรทำให้หวาดกลัว แต่ตอนนี้เขากลายเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายแล้ว
เมื่อตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณปรากฏตัว จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองมหาเอกภพก็เงียบกริบทันที ถึงแม้พวกเขาจะมีกันอยู่สิบคน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว จำนวนของพวกเขาเพียงแค่นี้ล้วนแต่ไร้ค่า
“โอ้ ปรมาจารย์หม่าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายวันกลางคนผมยาว
“ชั่งหวูหยิน!” จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณของเมืองเก้าเมฆาชะงัก นั่นเพราะอีกฝ่ายก็มีพลังบ่มเพาะระดับตัวอ่อนวิญญาณเช่นกัน
“สมบัติคือพรจากสวรรค์และปฐพี ผู้ที่พบเห็นย่อมมีสิทธิครอบครอง” ชั่งหวูหยินยิ้ม “หม่าไจ้ฟาง ถ้าเจ้าต้องการสมบัติ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง”
“งั้นก็คงต้องตัดสินด้วยกำลัง!” หม่าไจ้ฟางลงมือโจมตีใส่อีกฝ่าย จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองเก้าเมฆาก็เริ่มจู่โจมจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองมหาเอกภพเช่นกัน สมบัติชิ้นนี้ต้องเป็นของเมืองเก้าเมฆา
‘ตูม ตูม ตูม’ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นทันที
สีหน้าของจูเสวียนเอ๋อกลายเป็นตกตะลึง แต่ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกขบขันเมื่อคิดถึงหน้าตาของคนเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าภายในคลื่นสายฟ้าเหล่านั้นไม่ใช่สมบัติแต่เป็นหลิงฮัน
ฮูหนิวเกือบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่และลงมืออีกครั้ง นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะมารบกวนการฝึกฝนของหลิงฮัน
โชคดีที่การต่อสู้ของคนเหล่านั้นไม่กระทบอะไรต่อหลิงฮัน ไม่เช่นนั้นฮูหนิวคงจะลงมือแน่ๆ
พลังของหลิงฮันเริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ พลังสายฟ้าไหลผ่านอยู่ภายในร่างของเขาทั่วร่างจนดูราวกับกลายมนุษย์สายฟ้า
ความรู้สึกเจ็บๆที่รู้สึกเมื่อครู่จางหายไปอย่างสิ้นเชิง หลิงฮันรู้สึกสบายตัวและเพลิดเพลินไปกับสายฟ้าภายในร่าง
ชักนำเข้าสู่ร่างกายและแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังของตนเอง
เสร็จสมบูรณ์!
หลิงฮันยิ้มและหยุดโคจรทักษะอสนีบาตเก้าทิวา สายฟ้าที่ผ่าลงมาจากเบื้องบนได้หยุดลงทันที
หลิงฮันสำรวจภายในร่างของตนเองเพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง และเมื่อสัมผัสสวรรค์ของเขากวาดผ่านไปถึงตันเถียน สีหน้าของหลิงฮันก็กลายเป็นตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
ตอนที่ 602
ธาตุที่หก
รากฐานวิญญาณของหลิงฮันคือดอกบัวหายนะห้าธาตุผสาน มันคือรากฐานวิญญาณห้าธาตุแห่งความสมดุล เพราะงั้นเขาจึงสามารถดูดซับพลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าได้พร้อมกันโดยที่ไม่สร้างความขัดแย้งใดๆ
ตอนนี้ดอกบัวห้าธาตุก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่… รากของดอกบังทั้งห้าได้แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้า!
รากฐานวิญญาณของเขามีธาตุเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งธาตุ
ยิ่งกว่านั้นมันยังไม่ทำให้ความสมดุลของห้าธาตุดั้งเดิมเสียหายอีกด้วย
หลิงฮันตกตะลึง หรือว่ารากฐานวิญญาณของเขาจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆในอนาคต?
หลิงฮันตั้งจิตโคจรธาตุสายฟ้าในร่าง ทันใดนั้นร่างของเขาก็ถูกคลุมไปด้วยอสนีบาต ราวกับตัวเขาได้กลายร่างเป็นมนุษย์สายฟ้า
ทักษะอสนีบาตเก้าทิวา… เขาใช้งานมันได้แล้ว
คลื่นสายฟ้าบนท้องฟ้าเริ่มสลายหายไปจนร่างของหลิงฮันปรากฏออกมาให้เห็น จอมยุทธทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอยู่อดที่จะหยุดชะงักและหันมามองที่เขาไม่ได้
“แล้วสมบัติล่ะ?”
“เขาจะต้องเป็นคนเอาไปแน่นอน!”
ทันใดนั้นจอมยุทธจากทั้งสองเมืองก็จ้องมองมาที่หลิงฮันอย่างโหดเหี้ยมราวกับจะกลืนกินเขา
“นี่ การที่พวกเจ้ามองข้าแบบนั้นมันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดนะ” หลิงฮันยิ้ม
“เจ้าหนู มอบสมบัติมาซะ!” ผู้คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนหน้านี้พวกมันคิดจะสังหารฝ่ายตรงข้ามเพื่อยึดครองสมบัติให้เป็นของฝ่ายตนเอง แต่ตอนนี้พวกเขาได้เปลี่ยนเป็นมีศัตรูคนเดียวกันแล้ว
“พอดีเลย งั้นก็รับไปซะ!” หลิงฮันหัวเราะ ร่างอสนีของเขาส่องประกายและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
‘ตูม!’
หลิงฮันปล่อยหมัดคลื่นสายฟ้าออกไป ‘ปัง ปัง ปัง’ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเกือบยี่สิบคนถูกหมัดของซัดจนกระเด็นเหลือเอาไว้เพียงแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสองคน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองตกตะลึง เจ้าหนูนี่แข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่การปล่อยหมัดลวกๆของเขากลับมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับตัวอ่อนวิญญาณ
หลิงฮันยิ้ม ทักษะอสนีบาตเก้าทิวาแข็งแกร่งสมเป็นทักษะศักดิ์สิทธิของจักรวรรดิโบราณ!
พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้สมควรระดับบุปผาบลิบานเป็นยี่สิบดาว ซึ่งได้เหนือกว่าขีดจำกัดของระดับบุปผาผลิบานและเทียบเท่าระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว
“เจ้าหนู มอบสมบัติมาแล้วพวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า” จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองคนตะโกนออกมาพร้อมกัน
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ไว้ชีวิตข้า? พูดเหมือนกับพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งพอ! เข้ามาเลย ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นเองว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า!”
“เป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานตัวน้อยๆ บังอาจทำตัวอวดดี!” ชั่งหวูหยินกับหม่าไจ้ฟางเค้นเสียงพูดดูถูกและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
การที่ฟ้าผ่าลงมันทีเดิมทั้งวันแบบนี้ สมบัติที่ปรากฏจะต้องทรงพลังมากแน่ๆ และทั้งสองคนก็ติดคอขวดอยู่ในระดับตัวอ่อนวิญญาณมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งสมบัติที่ปรากฏขึ้นอาจจะเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พวกเขาทะลวงคอขวดนี้ไปได้ก็เป็นได้
“หนิวจะช่วยเอง!” เมื่อเห็นการต่อสู้เกิดขึ้น ฮูหนิวก็อดที่จะมีส่วนร่วมไม่ได้
หลิงฮันหัวเราะและพูด “หนิวไม่ต้องลงมือ แค่สองคนนี้ข้าจัดการเองได้!”
เขาซัดหมัดปลดปล่อยมังกรคชสารยี่สิบตัวออกไป ทั่วทั้งร่างของมังกรคชสารเหล่านั้นถูกอัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งสายฟ้า
“เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด!” ทั้งสองคนอุทานออกมา หลิงฮันที่สร้างปราณหมัดได้ถึงยี่สิบเอ็ดหมัดนั้น สำหรับพวกเขาแล้วนับว่าเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวมาก
“ยังไม่หมดเท่านี้!” หลิงฮันหัวเราะ เขากระตุ้นใช้งานอักขระกระดูกและเนตรแห่งสัจธรรมพร้อมกับกับควบคุมมังกรคชสารโจมตีใส่ระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสอง
พลังต่อสู้ของเขาคือยี่สิบดาว และเมื่อโคจรใช้งานทักษะอสนีบาตเก้าทิวาพลังต่อสู้ของเขาจะทะลุขีดจำกัดจนเทียบเท่าได้กับระดับตัวอ่อนวิญญาณ
และหากเขากระตุ้นใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมไปด้วย แม้ชั่งหวูหยินและหม่าไจ้ฟางจะเป็นถึงระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเจ็ดก็ไม่มีทางตอบโต้เขาได้ พวกเขาทำได้เพียงถูกกระหน่ำโจมตีอย่างสาหัส
เมื่อใช้งานศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและเนตรแห่งสัจธรรมพร้อมกัน เขาจะสามารถสังหารจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้เพียงการยิงศรครั้งเดียว แต่ตอนนี้เขาใช้งานทักษะอสนีบาตเก้าทิวาพร้อมกับเนตรแห่งสัจธรรม แม้มันจะไม่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเหมือนกับตอนใช้คู่กับทักษะการยิงธนู แต่มันก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นัก
จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองคนถูกทำให้ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นมันฝืนสวรรค์เกินไป ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขาไม่ใช่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณธรรมดา แต่เป็นถึงระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเจ็ด พวกเราสามารถเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังถูกหลิงฮันไล่ต้อนอย่างไม่อาจตอบโต้ได้
หลิงฮันคำรามออกมา หมัดของเขากลายเป็นทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ มังกรคชสารทั้งยี่สิบสองตัวผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นมังกรคชสารทองคำขนาดมหึมาที่ระเบิดอำนาจแห่งสายฟ้าและกลิ่นอายที่ทรงอำนาจออกมา
มังกรคชสารทองคำทรงพลังเป็นอย่างมาก ภายใต้แรงกดดันของมัน จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองทำได้เพียงยอมศิโรราบ
“ควบแน่นปราณกลายเป็นรัศมี!” ชั่งหวูหยินและหม่าไจ้ฟางอุทานออกมา พวกเขาไม่รู้ว่าสิงที่หลิงฮันทำเป็นเพียงกึ่งรัศมีเท่านั้น นั่นเพราะการจะควบแน่นปราณให้กลายเป็นรัศมีนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป ถึงแม้พลังบ่มเพาะของทั้งสองคนจะสูง แต่ปราณที่พวกเขาสร้างขึ้นได้สำเร็จมีจำนวนแค่เก้าเท่านั้น
ปราณที่มีจำนวนไม่ถึงสิบ จะควบแน่นเป็นรัศมีได้อย่างไร?
ทั้งสองคนรู้สึกอิจฉาจนอยากจะร้องให้ อีกฝ่ายเป็นแค่ระดับบุปผาผลิบานแท้ๆ แถมยังดูมีอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างปราณได้มากกว่ายี่สิบอันแล้ว
ยิ่งสู้พวกเขาก็ยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องยอมหันหลังและเผ่นหนีไป สมบัติงั้นรึ? พวกเขาไม่ต้องการแล้ว!
หลิงฮันไม่ได้ไล่ตาม เพราะอย่างไรเขาก็ทั้งสองคนนั่นก็ไม่มีความบาดหมางกัน เขาแค่ต้องการจะทดสอบพลังของทักษะอสนีบาตเก้าทิวา และผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเร็วกว่าเดิมสามเท่า ส่วนพลังต่อสู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นมามากกว่าห้าดาว!
ถ้าหากราชันกระบี่น้อยได้ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้ไป ด้วยพลังบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวาครึ่งก้าวของอีกฝ่าย พลังต่อสู้ของเขาจะต้องเทียบเท่าระดับก้าวสู่เทวาที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้นจักรวรรดิโบราณยังครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์อยู่ถึงสี่ทักษะ และทักษะอสนีบาตเก้าทิวานี้ไม่ใช่ทักษะที่ทรงพลังที่สุด เป็นเรื่องยากจริงๆหากจะให้จินตนาการถึงความน่าสะพรึงกลัวของทักษะเก้าสวรรค์ย่อยยับที่เป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่ทักษะ
“ตอนนี้ถ้าข้าพบกับราชันกระบี่น้อยอีกครั้ง… ข้าสมควรสู้กับอีกฝ่ายได้พอฟัดพอเหวี่ยง ส่วนการหลบหนีนั้นไม่ใช่ปัญหา” หลิงฮันพึมพำกับตัวเอง ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามเท่า หากใช่ควบคู่กับทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจ แม้แต่ตัวตนระดับก้าวสู่เทวาก็ยังลำบากหากจะไล่จับเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น