Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 592-595

 ตอนที่ 592

 

ร่มหมื่นตาข่าย

“น้องชาย!” ต้าเถี่ยโถวรีบคลานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันรีบพุ่งไปหลบด้านหลังหลิงฮันและกล่าวกับเฝิงเหว่ยฉีอย่างอวดดี “พบหัวหน้าของข้าแล้วยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกรึ?”


ชายผู้นี้ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก


เฝิงเหว่ยฉีแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ต้าเถี่ยโถวที่มักจะกล่าวประจบประแจงมันเป็นประจำกลับกล้าพูดจากับมันเช่นนี้? เฝิงเหว่ยฉีจ้องไปยังหลิงฮันและแสยะยิ้ม “ต้าเถี่ยโถว เจ้ากินอะไรผิดสําแดงเข้าไปรึเปล่าถึงได้ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าหนูโสโครกเช่นนั้น?”


“ไร้สาระ หลิงฮันไม่ได้โสโครกซะหน่อย!” ฮูหนิวตะโกนและชี้ไปยังเฝิงเหว่ยฉี


“ใช่แล้ว ฮันฮันไม่โสโครกเลยสักนิด!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดโพล่งขึ้นมาพร้อมกับดมตัวหลิงฮันเพื่อพิสูจน์


“น้องชาย หมอนั่นกล้าพูดจาดูถูกเจ้า สังหารมันเลย!” ต้าเถี่ยโถวพูดยั่วยุ เหตุผลที่มันย้ายฝั่งก็เพราะมีเพียงการตายของเฝิงเหว่ยฉีเท่านั้นถึงจะทำให้มันมีชีวิตรอดต่อไปได้ แม้จะต้องหักหลังหัวหน้าของตัวเองมันก็ยอม


หลิงฮันยิ้มและพูด “ตกลง งั้นเจ้าลุยก่อนเลย!”


เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ้าลุยก่อนเลย’ ต้าเถี่ยโถวก็ยิ้มแห้งและกล่าว “น้องชาย ข้าทำไม่ได้!”


“เป็นบุรุษทั้งคน เจ้ากล้าพูดว่าทำไม่ได้ได้อย่างไร?” หลิงฮันกล่าว


“น้องชาย ข้าไม่ใช่บุรุษ!” ต้าเถี่ยโถวพูดอย่างไร้ยางอาย มันยอมถูกหลิงฮันตัดส่วนสงวนดีกว่าที่จะต้องไปสู้กับเฝิงเหว่ยฉี


“รีบๆไปสู้ซะ!” หลิงฮันเตะต้าเถี่ยโถวกระเด็นไปยังทิศทางของเฝิงเหว่ยฉี


“แส่หาความตาย!” เฝิงเหว่ยฉีพูดอย่างเย้นชา มันนำกระบี่โลหิตสีชาดเล่มใหญ่ออกมาและแทงเข้าใส่ต้าเถี่ยโถว ขณะที่มันแทงกระบี่ออกไป ปราณกระบี่เก้าเล่มได้ปรากฏออกมา แสดงให้เห็นว่ามันมีศักยะภาพในวิถีกระบี่มากขนาดไหน


“ช่วยด้วย!” ต้าเถี่ยโถวกรีดร้องในขณะที่เห็นปราณกระบี่พุ่งเข้ามา


ต้าเถี่ยโถวมีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง ในขณะที่เฝิงเหว่ยฉีมีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า แถมมันยังไม่ใช่อัจฉริยะอีกด้วย ด้วยพลังต่อสู้ของมันแล้ว มันจะต้านทานการโจมตีของเฝิงเหว่ยฉีได้อย่างไร? เพียงแค่ถูกปราณกระบี่สองเล่มเข้าปะทะ โลหิตของมันก็สาดกระจายและกระเด็นลอยมาตกอยู่ตรงเท้าหลิงฮัน


“นี่เจ้าจะกลับมาทำไม ไม่ใช่ข้าบอกให้ไปจัดการหมอนั่นหรอกรึ?” หลิงฮันหัวเราะและเตะต้าเถี่ยโถวให้กระเด็นอีกครั้ง


ต้าเถี่ยโถวกระอักเลือดออกมา ครั้งนี้มันกอดรัดขาของหลิงฮันเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ร่างลอยกระเด็น “น้องชาย อย่าทำกับข้าเช่นนี้!”


“กอดรัดแน่นขนาดนั้น ดูเหมือนเจ้าจะยังมีพลังเหลืออยู่สินะ” หลิงฮันเตะต้าเถี่ยโถวกระเด็นออกไปอีกครั้งโดยไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้มีกี่คนแล้วที่ถูกมันสังหารไปและร้องขอความเมตตาแบบมันในตอนนี้


“หัวหน้า ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว!” ต้าเถี่ยโถวเปลี่ยนฝ่ายอีกครั้งและคุกเข่าต่อหน้าเฝิงเหว่ยฉี “หัวหน้า เจ้าหนูนั่นขู่ว่าจะตัดความเป็นชายของข้าทิ้ง ข้าจึงต้องทรยศหัวหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”


เฝิงเหว่ยฉีนั้นผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนและได้พบเห็นคนไร้ยางอายมามากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่ไร้ยางอายเท่ากับต้าเถี่ยโถว เฝิงเหว่ยฉีแสยะยิ้มและพูด “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปสังหารเจ้าหนูนั่นซะ ข้อหาที่มันบังอาจข่มขู่เจ้าเช่นนั้น”


“เอ่อ…” ต้าเถี่ยโถวไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่ว่าใครก็คิดจะใช้มันเป็นผู้เปิดศึก


“ไม่ไปสู้รึ?” เฝิงเหว่ยฉีกำกระบี่ในมือแน่น


“ไป ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ต้าเถี่ยโถวรีบลุกขึ้นและหันหน้าไปทางหลิงฮัน ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยน้ำตา มันเดินเข้าหาหลิงฮันและกล่าว “น้องชาย… หัวหน้า… พวกเรามานั่งดื่มน้ำชาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวิถีวรยุทธด้วยกันดีหรือไม่?”


“หายไปซะ!” เฝิงเหว่ยฉีอดทนต่อไปไม่ไหวและมันแทงกระบี่ออกไป ‘ฉัวะ’ ร่างของต้าเถี่ยโถวถูกแยกออกเป็นสองส่วนทันที จากนั้นเฝิงเหว่ยฉีก็หันมองหลิงฮันด้วยแววตาที่เย็นชา “ถ้าเข้ามาที่นี่แล้วก็อย่างคิดว่าจะได้กลับออกไป”


“งั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มและหันไปมองรอบๆ “ที่นี่คือที่ไหนกัน?”


“จะตายอยู่แล้วยังอยากรู้อีกรึ?” เฝิงเหว่ยฉีพูดอย่างเย็นชาและนำร่มขนาดเล็กที่ดูประณีตและงดงามออกมา เมื่อเฝิงเหว่ยฉีโยนร่มขึ้นไปบนฟ้า ตัวร่มก็กางออกมาเองและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง


“ในเมื่อข้าจะตายอยู่แล้ว ให้ข้ารู้สักหน่อยจะเป็นอะไรไป?” หลิงฮันยิ้ม


“มีคำกล่าวว่าคนตายไม่จำเป็นต้องรู้เยอะ!” เฝิงเหว่ยฉีคำราม ทันใดนั้นร่มที่ลอยอยู่ก็ปลดปล่อยอำนาจลึกลับออกมา สภาพของชั้นบรรยากาศโดยรอบได้เปลี่ยนไปทันที


“อะไรกัน?” หลิงฮันตกตะลึง เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าได้


“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้สึกผิดปกติแล้วสินะ?” เฝิงเหว่ยฉีหัวเราะ “นี่คือร่มหมื่นตาข่ายที่ตกทอดมาจากยุคบรรพกาล มันสามารถปกคลุมท้องฟ้าและปิดผนึกพลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าได้!”


ที่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานแข็งแกร่งก็เป็นเพราะพวกเขาสามารถชักนำพลังของสวรรค์และปฐพีมาเสริมอำนาจให้กับตนเองได้ พลังวิญญาณที่หยิบยืมมาจะทำให้พลังโจมตีของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นหลายร้อยเท่า แต่ตอนนี้ธาตุทั้งห้าได้ถูกร่มหมื่นตาข่ายปิดผนึกเอาไว้แล้ว ดังนั้นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่ไม่สามารถหยิบยืมพลังวิญญาณห้าธาตุจากสวรรค์และปฐพีได้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณมากนัก


หลิงฮันประหลาดใจและพูด “ร่มนั่นเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยม” เขานั้นบ่มเพาะทักษะกายาที่ทรงพลัง ถ้าหากปิดผนึกธาตุทั้งห้าได้ล่ะก็ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถอะไรเขาได้


“ตาย!” เฝิงเหว่ยฉีลงมือโจมตี กระบี่ของมันสั่นไหวและปรากฏสายฟ้าพันรอบกระบี่


“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเลือกปิดผนึกธาตุทั้งห้า ที่แท้เจ้าก็บ่มเพาะทักษะอัสนีที่ไม่รวมอยู่ในห้าธาตุหลักนี่เอง” หลิงฮันหยิบดาบออกมาตอบโต้ แน่นอนว่าดาบของเขาไม่มีธาตุอะไรผสานเอาไว้เพราะธาตุทั้งห้าถูกปิดผนึกอยู่ พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ลดลงอย่างมาก


“ถูกต้อง แต่ถึงจะรู้ก็สายไปแล้ว!” เฝิงเหว่ยฉีสะบัดกระบี่โลหิตสีชาดเข้าจู่โจมอีกครั้ง


เมื่อกระบี่เข้าปะทะกับดาบก็เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ


“อะไรกัน!” เฝิงเหว่ยฉีเปิดเผยสีหน้าหวาดผวาออกมา การโจมตีของมันไม่สามารถทำให้ร่างของหลิงฮันปลิวกระเด็นไปได้! หรือว่าเจ้าหนูนี่ก็บ่มเพาะทักษะอัสนีเหมือนกัน ถึงได้ยังสามารถยืมพลังอำนาจจากสวรรค์และปฐพีได้?


ไม่สิ ดาบที่หลิงฮันใช้อยู่ไม่มีร่องรอยของปราณอัสนีแม้แต่น้อย


“เจ้าต้านทานกระบี่ของข้าได้อย่างไร?” เฝิงเหว่ยฉีอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้


“อยากรู้รึ?” หลิงฮันหัวเราะ “งั้นก็มาแลกเปลี่ยนความลับกันเป็นไง!”


“เหอะ ฝันไปเถอะ!” เฝิงเหว่ยฉีคำรามและใช้กระบี่โจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง


“ตาย! ตาย! ตาย!” เฝิงเหว่ยฉีใช้กระบี่กระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันหวังจะสับร่างของหลิงฮันให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ


หลิงฮันไม่หวาดกลัว ร่างของเขานั้นแข็งแกร่งและทนทานมาก แม้จะไม่มีพลังวิญญาณห้าธาตุจากสวรรค์และปฐพี แต่แค่ปราณก่อเกิดในร่างของเขาก็ทำให้พลังต่อสู้ของเขาบรรลุขีดจำกัดสิบห้าดาวแล้ว


เมื่อใดที่เขาเอาจริง เขาสามารถซัดร่างของเฝิงเหว่ยฉีให้ปลิวกระเด็นได้ทันที

 

 

 


ตอนที่ 593

 

สมบัติของจักรวรรดิโบราณ

หลังจากตอบโต้กันไปหลายสิบกระบวนท่า หลิงฮันก็ปัดกระบี่โลหิตสีชาดของเฝิงเหว่ยฉีกระเด็นและนำปลายดาบไปจ่อที่คออีกฝ่าย หลิงฮันยิ้มและพูด “พวกเราจะพูดคุยกันได้รึยัง?”


“ถ้าจะสังหารก็ลงมือซะ!” เฝิงเหว่ยฉีไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว มันมองไปยังหลิงฮันอย่างเย็นชา “แต่ในไม่ช้าเจ้าจะตายตามข้าไป!”


“โอ้ เจ้ามีสมบัติประเภทคำสาปอยู่ด้วยรึ?” หลิงฮันหัวเราะ ถ้าอีกฝ่ายมีสมบัติที่เหมือนกับขวดหยกต้องสาปอยู่ล่ะก็ เขาคงรู้สึกอิจฉาไม่น้อย


“บุตรชายข้าคือจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลายที่แข็งแกร่ง!” เฝิงเหว่ยฉีหัวเราะ “ถ้าเจ้าสังหารข้า ไม่ว่าเจ้าจะไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด บุตรข้าก็จะตามหาเจ้าและสังหารอย่างเหี้ยมโหด!”


“ข้านึกว่าเจ้าไม่หวั่นเกรงต่อความตายเสียอีก ที่แท้เจ้าก็หวาดกลัวและพูดจาข่มขู่ข้า!” หลิงฮันส่ายหัว “แต่นั่นก็ไม่แปลก ใครบ้างจะไม่หวั่นเกรงความตาย ไม่ว่าใครก็ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปทั้งนั้น”


“ขอแค่เจ้าบอกสถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้มาก็พอแล้ว เพราะอย่างไรพวกเราก็ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ แต่ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็คงไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้”


เฝิงเหว่ยฉีแสยะยิ้ม “เหอะ บุตรของข้าคือราชันกระบี่น้อยแห่งนิกายกระบี่ไร้พ่าย ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามคนอื่นดูได้”


หลิงฮันลูบคางและครุ่นคิด “ปกติแล้วข้าจะพบเห็นเพียงแค่รุ่นเยาว์ที่ใช้ผู้อาวุโสของตนเองในการข่มขู่ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ยกสถานะบุตรของตนเองมาข่มขู่ด้วยความภาคภูมิใจเช่นนี้”


หลิงฮันตบเฝิงเหว่ยฉีให้หลบและนำตัวเข้าไปในหอคอนทมิฬ เขาวางแผนจะทำการทรมานอีกฝ่าย


“ร่มคันนี้ช่างงดงามนัก” เมื่อสูญเสียการควบคุมจากเฝิงเหว่ยฉี ร่มหมื่นตาข่ายก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและถูกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกับฮูหนิวนำไปเล่น


หลิงฮันมองไปยังร่มหมื่นตาข่ายและขมวดคิ้ว “ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ของแท้แต่เป็นของเลียนแบบ”


รูปแบบอักขระที่สลักอยู่บนตัวร่มนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก แต่ร่องรอยของการสลักนั้นยังใหม่และไม่เหมือนกับสิ่งของที่ตกทอดมาจากยุคบรรพกาลแม้แต่น้อย


เขาจะต้องไต่สวนเฝิงเหว่ยฉีให้ละเอียด


หลิงฮันและฮูหนิวเข้าไปยังหอคอยทมิฬในขณะที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถูกทิ้งให้เบื่อหน่ายอยู่คนเดียว


“บอกข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำมาให้ข้าโดยละเอียด” หลิงฮันมองไปยังเฝิงเหว่ยฉีและพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง


“ฮ่าๆๆ ฝันไปเถอะ!” ท่าทีของเฝิงเหว่ยฉียังคงหยิ่งยโส แต่แววตาของมันนั้นปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว เมื่อกี้มันอยู่ในถ้ำแท้ๆ แต่ทำไมจู่ๆมันถึงมาปรากฏในดินแดนที่กว้างใหญ่แห่งนี้ได้? เรื่องนี้มันเหนือกว่าสามัญสำนึกเกินไป


หรือว่ามันจะสลบไปหลายวัน?


หลิงฮันยิ้ม “ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครปฏิเสธข้าได้ เจ้าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ข้ามีวิธีที่จะจัดการกับเจ้า ลองดูแล้วกันว่าเจ้าจะทนมันได้รึไม่”


“ก็ลองดูสิ ถ้านายท่านผู้นี้พูดร้องขอความเมตตากับเจ้าล่ะก็ ข้าจะยอมเป็นหลานเจ้าเลย” เฝิงเหว่ยฉีพูดอย่างองอาจ


……


ผ่านไปครึ่งวัน


“บอกแล้ว ข้าจะบอกทุกอย่างเลย!” เฝิงเหว่ยฉีโอดครวญ ครึ่งวันที่ผ่นามานี้มันต้องพบเจอภัยพิบัติที่ทรมานมานับไม่ถ้วน มันยอมตายเสียดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่


“เจ้าคือบิดาของราชันกระบี่น้อย?” หลิงฮันถาม


“ถูกแล้ว ข้าเป็นบิดาของเขา” เฝิงเหว่ยฉีเหนื่อยหอบ แววตาของมันล่องลอยราวกับเป็นบ้า


“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่ถ้ำนั่น?” หลิงฮันถาม


“บุตรของข้าเดินทางสำรวจโบราณสถานในถ้ำแห่งนั้นและพบเข้ากับสมบัติโบราณต่างๆ” เฝิงเหว่ยฉีกล่าว “แต่เขาต้องใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะพลัง ข้าจึงต้องเป็นคนมาดูแลการสำรวจที่นี่แทน”


“แล้วถ้ำแห่งนั้นมันคืออะไร?”


“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก ข้ารู้เพียงแค่ว่ามันเป็นถ้ำที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโบราณเมื่อหลายแสนปีก่อน” เฝิงเหว่ยฉีกล่าว และประโยคถัดไปที่มันพูดออกมาก็ทำให้หลิงฮันตกตะลึง “จักรวรรดิโบราณต้องการเปิดสวรรค์เพื่อพาทวีปฮงเทียนขึ้นไปยังดินแทนศักดิ์สิทธิ แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จและหลงเหลือไว้เพียงแค่ซากปรักหักพังและสมบัติต่างๆ”


คำว่าเปิดสวรรค์อีกแล้ว!


“บอกมาว่าเจ้าขุดสมบัติขึ้นมาได้กี่ชิ้น?”


เฝิงเหว่ยฉีอธิบายทีละชิ้นโดยละเอียด ยิ่งได้ฟัง จิตใจของหลิงฮันก็เริ่มเกิดอาการตกตะลึงมากขึ้น


สิ่งที่พวกมันขุดค้นพบก็คือหุ่นเชิดเหล็ก หุ่นเชิดเงิน หุ่นเชิดทองคำ และที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นก็คือหุ่นเชิดเพชรซึ่งถูกราชันกระบี่น้อยนำติดตัวไปด้วย หุ่นเชิดเพชรนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและเป็นหุ่นเชิดชนิดเดียวที่มีความคิดเป็นของตนเอง


นอกจากหุ่นเชิดแล้วก็ยังมีเรือรบที่หลิงฮันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ เรือรบที่พวกมันค้นพบมีแค่เรือรบทมิฬกับเรือรบทองคำ เรือรบทมิฬนั้นสามารถคุกคามจอมยุทธระดับบุปาผผลิบานได้ จำนวนที่ค้นพบคือหนึ่งร้อยลำ ส่วนเรือรบทองคำนั้นสามารถสังหารได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ จำนวนที่ค้นพบมีเพียงสิบลำ


โชคดีที่เรือรบทองคำไม่ได้อยู่ข้างกายเฝิงเหว่ยฉี ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงจัดการมันได้ไม่ง่าย


เรือรบทองคำนั้นไม่เพียงแค่ทรงพลัง มันยังเป็นอาวุธวิญญาณที่สามารถบินได้ด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเผาผลาญผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาล


นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีอาวุธวิญญาณต่างๆอีกไม่น้อยที่ถูกค้นพบ อย่างเช่นร่มหมื่นตาข่ายที่เป็นของเลียนแบบ แม้มันจะไม่ใช่ของจริงแต่ก็ยังสามารถทำให้จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาไม่สามารถชักนำพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีได้ นับว่าเป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวมาก


หลิงฮันถอนหายใจ จักรวรรดิแห่งยุคบรรพกาลนั้นทรงพลังเกินไป แค่อาวุธวิญญาณชิ้นเดียวที่ค้นพบก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวแล้ว


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในถ้ำแห่งนี้ก็คือแท่นหินที่กำลังถูกขุดขึ้นมา ปราณอัสนีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากแท่นหินนั้นหนาแน่นเป็นอย่างมาก


จากข้อมูลที่เฝิงเหว่ยฉีได้รับมาจากราชันกระบี่น้อย จักรวรรดิโบราณนั้นมีทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่สี่ทักษะ แต่ละทักษะถูกผนึกเอาไว้ในสถานที่ที่ต่างกัน ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอที่สุดถูกเรียกว่า ‘อสนีบาตเก้าทิวา’ ส่วนทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถผลิกผันต่อต้านได้แม้แต่ความเป็นและความตายถูกเรียกว่า ‘ทักษะเก้าสวรรค์ย่อยยับ’


ราชันกระบี่น้อยต้องการทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกผนึกเอาไว้ในแท่นหินในถ้ำแห่งนี้อย่างมาก เขามักจะสอบถามถึงความก้าวหน้าในการขุดแท่นหินอยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีสถานะพิเศษในนิกายกระบี่ไร้พ่าย เขาคงจะมาพำนักอยู่ที่นี่ด้วยตนเองแล้ว


“ทักษะระดับศักดิสิทธิ์งั้นรึ… ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ” หลิงฮันกล่าว

 

 

 


ตอนที่ 594

 

อสนีบาตเก้าทิวา

หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและยืนยิ่งอยู่ด้านหน้าแท่นสี่เหลี่ยม เหล่าคนเหมืองนั้นรู้สึกหวาดกลัวต่อการต่อสู้เมื่อครู่จนเผ่นหนีกันไปหมดแล้ว


“ฮันฮัน เจ้าทิ้งข้าไว้คนเดียวอีกแล้ว!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดอย่างเศร้าโศก


“ช่างน่าปวดหัวจริงๆ” หลิงฮันถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจะได้รับความทรงจำกลับคืนมาเมื่อใด ด้วยนิสัยดุร้ายดังเดิมของนาง เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะสามารถคบหากับนางได้


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนดึงแขนเสื้อหลิงฮัน ใบหน้าของนางประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงไหลราวกับเด็กสาวตัวน้อย


“ไม่มีคนเหมืองเหลือแล้ว ข้าคงต้องลงมือขุดด้วยตัวเอง” หลิงฮันไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบใช้งานผู้อื่น ในเมื่อคนเหมืองไม่อยู่ที่นี่แล้ว เขาก็ไม่มีความคิดจะไปตามตัวพวกเขากลับมาให้ทำงานต่อ


ฮูหนิวยืนมือเข้าช่วยเช่นกัน กรงเล็บเล็กๆที่แหลมคมของนางมีประโยชน์สำหรับใช้ในการขุดมาก


คนเหมืองนั้นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้แท่นสี่เหลี่ยมมากเกินไปและลงมือขุดหลุมในบริเวณที่ห่างจากแท่นสี่เหลี่ยมสิบฟุตทำให้การขุดดำเนินไปได้อย่างเชื่องช้า


เมื่อหลิงฮันเดินตรงเข้าใกล้ แท่นสี่เหลี่ยมก็ราวกับมีชีวิต อสนีบาตนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวของแท่นสี่เหลี่ยม ทันใดนั้นสายฟ้าเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หลิงฮัน


‘ตูม’ หลิงฮันถูกสายฟ้าฟาดจนร่างกระเด็น ร่างของเขาเต็มไปด้วยควันดำพร้อมกับผิวหนังที่ไหม้เกรียม


น่ากลัวยิ่งนัก แม้แต่กายหยาบของเขาที่เทียบได้รับแร่เหล็กระดับหกก็ไม่สามารถต้านทานสายฟ้าจากแท่นสี่เหลี่ยมได้


หลิงฮันกระตุ้นใช้งานเกราะอสนีทันที สายฟ้าต้องต้านทานด้วยสายฟ้า เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด


หลิงฮันเดินเข้าใกล้และและถูกสายฟ้าฟาดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามีเกราะอสนีช่วยต้านทาน สายฟ้าทั้งสองที่ปะทะกันก่อให้เกิดภาพที่น่าอัศจรรย์


เกราะอสนีนั้นราวกับมีจิตสำนึกเป็นของตนเอง มันสร้างเกราะสายฟ้าเพื่อต้านทานสายฟ้าฟาดจาดแท่นสีเหลี่ยม ณ เวลานี้ทั่วทั้งถ้ำได้ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน


ทั่วทั้งถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนราวกับจะถล่มลงมา


“น่าสนุกจัง!” ฮูหนิวตื่นเต้นและพุ่งเข้าใส่


“ถอยไป!” หลิงฮันตะโกนลั่น ที่เขาสามารถต่อต้านสายฟ้าฟาดของแท่นสี่เหลี่ยมได้ก็เป็นเพราะเกราะอสนี ไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬนานแล้ว ถึงแล้วฮูหนิวจะมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด แต่นางคงไม่สามารถต้านทานสายฟ้าฟาดที่ทรงพลังเช่นนี้ได้


แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ฮูหนิวไม่ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าฟาดแม้แต่น้อย ไม่เพียงแค่นั้น ร่างของนางยังดูราวกับกลายเป็นศูนย์กลางของสายฟ้า อสนีบาตนับไม่ถ้วนได้ถูกดูดซับเข้าไปในร่างของนาง


“หลิงฮัน หนิวรู้สึกแปลกๆ!” ฮูหนิวกล่าว ภายในดวงตาของนางปรากฏภาพการล่มสลายของดวงดาวนับล้านและปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมา


ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสั่นสะท้าน แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์เช่นนางก็ไม่สามารถต่อต้านแรงกดดันจากแววตาของฮูหนิวได้ ร่างของนางทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหยาดเหงื่อที่ไหลไม่หยุด


ในด้านของหลิงฮันนั้นรู้สึกราวกับสติจะหลุดลอย แต่หอคอยทมิฬในตันเถียนของเขาก็สั่นไหวเบาๆ มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งจุดสูงสุดออกมาเพื่อสลายแรงกดดันจากฮูหนิว


“ฮูหนิว รีบกลับออกมาจากตรงนั้นซะ!” หลิงฮันรู้แล้วว่าสายฟ้าฟาดของแท่นสี่เหลี่ยมไม่สามารถทำอะไรฮูหนิวได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของนางเมื่อครู่ก็ทำให้หลิงฮันรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน เขาเกรงว่ารากฐานวิญญาณรูปร่างมนุษย์ในตันเถียนของนางจะถูกปลุกให้ตื่นและยึดครองร่างของฮูหนิว


‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ’ ประกายสายฟ้าจากแท่นสี่เหลี่ยมและเกรัอสนีเริ่มสลายหายไป ทันใดนั้นทั่วทั้งถ้ำตกยอู่ในความมืดมิดทันที เนื่องจากคบเพลิงที่ติดเอาไว้ตามถ้ำได้ถูกสายฟ้าฟาดเมื่อครู่ทำลายไปหมดแล้ว


ท่ามกลางความมืดมิด ร่างของฮูหนิวได้ปลดปล่อยแสงสว่างอันเจิดจ้าและกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา ตอนนี้นางดูไม่เหมือนกับเด็กสาวจอมตะกละอีกต่อไป นางดูราวกับเป็นเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถบดขยี้ได้แม้แต่สวรรค์และดวงดาว ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของหอคอยทมิฬ หลิงฮันคงจะล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นแล้ว


ลองดูเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นตัวอย่าง ร่างของนางทรุดลงกับพื้นโดยไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้


‘ตูม’ เจตจำนงที่เหลืออยู่ในเกราะอสนีถูกใช้จนหมด สภาพของมันเริ่มเป็นผุพัง ในตอนนี้เกราะอสนีที่สร้างขึ้นจากแร่เหล็กระดับสิบได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเกราะที่ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก


แท่นสี่เหลี่ยมที่ใช้พลังงานอันมหาศาลออกไป ตอนนี้พลังสายฟ้าในตัวมันอ่อนแรงลงอย่างมาก


ร่างของฮูหนิวล้มลงกับพื้นและหมดสติไป


หลิงฮันรีบพุ่งไปหานางเพื่อตรวจสอบ ดูเหมือนว่านางจะให้ช็อคจนหมดสติไปเท่านั้น นางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย


เด็กสาวคนนี้เป็นใครกันแน่?


หลิงฮันถอยหายใจ เขาละความสงสัยทิ้งไปและส่งฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนลุกยืนขึ้น แววตาของนางดูสับราวกับคนที่ไร้สติ นางเดินเข้าไปใกล้แท่นสี่เหลี่ยม สติของนางดูล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสกับแผ่นศิลาที่ติดอยู่กับแท่นสี่เหลี่ยม


เจ้าก็บ้าไปแล้วอีกคน?” หลิงฮันกระโดดเข้าไปหวังที่จะคว้าร่างของนางกลับมา แต่พลังของสาวน้อยใต้สมุทรคนนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากจนเขาไม่สามารถหยุดรั้งนางได้


ฝ่ามือของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสัมผัสกับแผ่นศิลาบนแท่นสี่เหลี่ยม ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็พลั่งพรูเข้ามาในสมองของหลิงฮัน ด้านหน้าของปรากฏฉากที่น่าอัศจรรย์ฉากหนึ่ง มันคือเหตุการณ์ของจอมยุทธผู้หนึ่งที่ร่างถูกโอบล้อมไปด้วยอสนีบาตและคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า


จอมยุทธผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ร่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าของเขาสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมือทั้งสองของเขาประสานกันปลดปล่อยการโจมตีออกไป คลื่นพลังอสนีบาตที่เกิดขึ้นก็ราวกับจะสามารถบดขยี้ได้ทุกสรรพสิ่ง


ทักษะศักดิ์สิทธิ์ อสนีบาตเก้าทิวา!


โดยปกติแล้วทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้จะถูกผนึกเอาไว้ด้วยสายฟ้าฟาดอันทรงพลังและไม่สามารถได้มาโดยง่าย แต่จากการที่เกราะอสนีและแท่นสี่เหลี่ยมสร้างปฏิกิริยาต่อกัน รวมถึงสายฟ้าฟาดที่ปกป้องทักษะนี้ได้ถูกฮูหนิวดูดซับไปเกือบหมด พลังที่ผนึกทักษะนี้เอาไว้จึงอ่อนแอลง ทำให้พวกหลิงฮันสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้โดยง่าย


อักขระมากมายส่องสว่างภายในห้วงความคิดของหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ทั้งสองคนคือผู้ได้สืบทอดทักษะอสนีบาตเก้าทิวา


กายาอสนีบาตที่บดขยี้ได้แม้กระทั่งพิภพโลกา!


สายฟ้าฟาดที่หลงเหลืออยู่ในแท่นสี่เหลี่ยมโอบล้อมร่างของทั้งสองคนเอาไว้และเผาไหม้เสื้อผ้าของพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน


ภายใต้ผลกระทบจากการได้รับสืบทอดทักษะศักดิ์สิทธิ์ผ่านความทรงจำ สมองของหลิงฮันก็กลายเป็นมึนงง เขาฝันแปลกประหลาดว่าตนเองกลายเป็นมังกรอัศวินที่กำลังขึ้นขี่กำราบมังกรพยศอย่างพัวพันและกระสับกระส่าย


ในระหว่างที่สติหลุดลอย เขาก็เผลอหลับไปเพราความเหน็ดเหนื่อย ภายในความคิดของเขาหลงเหลืออยู่เพียงประกายแสงอสนีอันไร้ที่สิ้นสุดที่กำลังแปรเปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์รูปร่างอสนี ซึ่งนั่นก็คือทักษะอสนีบาตเก้าทิวาที่แท้จริง

 

 

 


ตอนที่ 595

 

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหายตัวไป

หลิงฮันตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น


เขาลุกขึ้นมานั่งและพบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นหายไป เขาจึงรีบนำเสื้อผ้าออกมาจากหอคอยทมิฬออกมาและสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว และจำได้ว่าภายใต้สายฟ้าฟาดนั่นทำให้เสื้อผ้าของเขาสลายหายไป


นั่นเป็นเพราะแม้แต่เกราะอัสนียังถูกทำลาย


ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะหวาดกลัว แม้แต่อาวุธวิญญาณระดับสิบยังถูกทำลาย แต่มันก็ยังคงเป็นสมบัติล้ำค่า


“แล้วสาวใต้สมุทรล่ะ?” หลิงฮันกวาดสายตามอง แต่ทว่าเขากลับพบว่านางหายตัวไป เรื่องนี้มันแปลกมาก ซึ่งปกติแล้วนางจะเกาะติดเขาอยู่ทั้งวัน


นางหายตัวไปไหนกัน?


หลิงฮันนำตัวฮูหนิวและจูเสวี่ยนเอ๋อออกมาจากหอคอยทมิฬ ฮูหนิวนั้นยังคงหลับใหลอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตื่นขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“ฮูหนิว เจ้ารู้สึกว่ามีอะไรแปลกประหลาดไหม?” หลิงฮันถาม


ฮูหนิวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู๋พร้อมกับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้หนิวสามารถทำแบบนี้ได้!” นางยกมือขวาขึ้นมา สายฟ้าโคจรอยู่รอบมือและถูกยิงออกไปกลายเป็นสายฟ้าฟาด ทำให้อีกด้านหนึ่งของกำแพงถ้ำปรากฏรูขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที


ทักษะอสนีบาตเก้าทิวา?


หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ ไม่ใช่เขาเท่านั้นที่เพิ่งได้รับมรดกทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่เด็กสาวตัวน้อยนี่กลับได้รับมันและสามารถใช้มันได้ด้วย? ช่างมันเถอะ ยังไงเสียเด็กสาวตัวน้อยคนนี้ก็แปลกประหลาดอยู่แล้ว ตราบใดที่นางไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว


หลิงฮันเดินเข้าไปสำรวจแท่นสี่เหลี่ยมอีกครั้ง แต่พบว่ามันแตกเป็นหลายสิบสว่น สัญลักษณ์ที่จารึกบนแท่นหินจางและเลือนราง เมื่อเขาเอามือไปสัมผัสกับมัน ทำให้แท่นหินพังทลายและกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยทันที


แท่นสี่เหลี่ยมมันหายไปแล้ว เขาและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นผู้สืบทอด


“แปลกแหะ ทำไมเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถึงยังไม่กลับมาอีก?” หลิงฮันพูดกับตัวเอง


ทั้งสามคนแยกย้ายกันค้นหา แต่ไม่มีใครคนพบตัวนางเลย เรื่องนี้ทำให้ฮูหนิวรู้สึกมีความสุขมาก เพราะเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนแข็งแกร่งกว่า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะปรบมือดีใจ


พวกเขาหาตัวเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่พบ แต่กลับพบเรือรบทองคำแทนและไม่รู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุอะไร มันเป็นเรือรบที่มีความกว้างและยาวแค่สามฟุต แต่มีห้องโดยสารที่สวยงามอยู่ภายในราวกับไม่ใช่เรือรบ หากพูดว่ามันเป็นพระราชวังเคลื่อนที่ขนาดเล็กยังฟังดูดีกว่า


เรือรบทองคำติดตั้งปืนใหญ่พลังหยวนไว้เช่นกัน ซึ่งสามารถบีบอัดพลังงานในผลึกก่อเกิดและสร้างพลังทำลายล้างที่น่าตกตะลึง แต่มันจะเผาผลาญผลึกก่อเกิดมหาศาล และขีดจำกัดพลังโจมตีของมันเทียบได้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ


หลังจากที่หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็เข้าใจวิธีใช้เรือรบได้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถควบคุมมันได้จากคริสตัลที่อยู่บนหัวเรือ เขาสามารถควบคุมมันด้วยพลังของผลึกก่อเกิดและโบยบินอยู่บนท้องฟ้าได้


“แม้มันจะสะดวก แต่มันเผาผลาญผลึกก่อเกิดมากเกินไป” หลิงฮันพยักหน้า หากเขามีมันเขาไม่จำเป็นต้องใช้รถม้าอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของมันยังรวดเร็วมาก


“เกราะอัสนีถูกทำลาย แต่ได้รับทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์กับเรือรบทองคำนี่มันก็ไม่ใช่การสูญเสียสักทีเดียว” หลิงฮันกล่าว แต่เขายังคงรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเพราะเกราะอัสนีมันค่อนข้างใช้งานง่าย


“หรือว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจะหนีไปแล้ว?”


พวกเขาทั้งสามคนเดินออกมาจากถ้ำ แต่ก็ไม่เห็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


“หากข้าอยู่ที่นี่สามวันแล้วนางยังไม่กลับมา ข้าจะออกเดินทางต่อเลย” หลิงฮันตัดสินใจ


แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ปล่อยให้เวลาสามวันสูญเปล่า เขาเริ่มฝึกฝนทักษะอสนีบาตเก้าทิวา อักขระจำนวนมากไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขาและกลายเป็นความเข้าใจของเขาเอง แต่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ทั้งหมดด้วยความสามารถในตอนนี้


ดังนั้น การสืบทอดทักษะศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้ผ่านตัวอักษร แต่มันมีการสืบทอดอยู่หลายแบบอย่างเนตรแห่งสัจธรรมที่เป็นดวงตา ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราที่เป็นรูปปั้น และอสนีบาตเก้าทิวาที่เป็นแท่นสี่เหลี่ยม


สามวันผ่านไป หลิงฮันยกมือขวาขึ้นมาและมีสายฟ้าปรากฏอยู่รอบฝ่ามือ


“น่าเสียดายที่ข้าไม่มีรากฐานวิญญาณธาตุสายฟ้า มิฉะนั้นพลังของทักษะอสนีบาตเก้าทิวาคงแข็งแกร่งกว่านี้”  หลิงฮันส่ายหัวและถอนหายใจ


หลังจากที่เขาฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่ง เขาจะสามารถเปลี่ยนร่างกายให้เป็นสายฟ้าได้ ไม่เพียงแต่จะหลบหลีกการโจมตีได้โดยตรงเท่านั้น แต่ความเร็วยังเพิ่มขึ้นด้วย


ไม่ใช่ทุกการโจมตีที่สามารถหลบได้โดยตรง เพราะธาตุอย่างธาตุไฟและธาตุน้ำแข็งยังคงเป็นภัยคุกคามต่อธาตุสายฟ้า


“แม้จะไม่มีเกราะอัสนี แต่ยังมีกายาอัสนีอยู่ ในระยะสั้นมันอาจเป็นการสูญเสีย แต่ในระยะยาวมันจะเป็นผลกำไรที่ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเพราะเกราะเป็นสิ่งที่อยู่นอกร่างกาย แต่กายาอสนีนั้นสามารถพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นอีกได้”


“แต่ว่าหนทางอีกยาวไกลกว่าจะได้ครอบครองกายาอัสนี”


หลิงฮันส่ายหัวและลุกขึ้นยืน เวลาสามวันได้ล่วงเลยไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


“แปลกยิ่งนัก หรือว่าความทรงจำของนางกลับคืนมาแล้ว?” หลิงฮันกล่าว


“มันไม่ถูกต้อง ถ้าความทรงจำของนางกลับมาแล้ว นางจะปล่อยข้าไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้ว่าข้ามีสมบัติที่รองรับสิ่งมีชีวิตและขวดหยกต้องสาป”


โลกมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าคนหายเขาจะหานางพบได้อย่างไร? หลิงฮันจำได้ว่าเขาอยู่กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและได้รับการสืบทอดทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน หลังจากที่ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนสลบไป


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนน่าจะตื่นก่อนเขา แต่นางเลือกที่จะจากไป ถ้านางเป็นศัตรูไม่ใช่ว่าเขาคงตายไปแล้วหรอกหรือ?


“ช่างมันเถอะ หากนางไม่ใช่ศัตรูก็ดีแล้ว” หลิงฮันพูดกับตัวเอง แต่เขาก็เกิดความรู้สึกแปลกขึ้นในใจ พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน แต่ทว่าคนที่เอาแต่ดึงชายเสื้อของทุกวันกลับหายตัวไปอย่างกะทันหันมันทำให้เขารู้สึกแปลก


หลังจากนั้น ทั้งสามคนขึ้นไปบนเรือทองคำ เรือลอยขึ้นทันทีและบินออกไปด้วยความเร็วสูง


จากด้านในห้องโดยสาร พวกเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกแปลกใหม่


“เนื้อมังกร!” ฮูหนิวปรบมือด้วยความดีใจ


หลิงฮันหันหน้าไปมองและเห็นมังกรยักษ์โผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาป แม้เขาจะอยู่ในเรือ แต่หลิงฮันก็สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวจากมัน ในขณะที่จูเสวี่ยนเอ๋อโอบแขนเขาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว


หนี!


“เจ้านั่นไม่น่าใช่ระดับสวรรค์ ข้าเกรงว่ามันน่าจะเข้าสู่ระดับทลายมิติแล้ว!” หลิงฮันเร่งความเร็วเรือทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)