Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 580-591

 ตอนที่ 580

 

ชนะ

“เจ้าใช้ฝ่ามือมาตลอดก็เพราะวิถีแห่งกระบี่ของเจ้าถึงคอขวดแล้ว ที่เจ้าทำการทักษะวรยุทธอื่นที่ไม่ใช่กระบี่ก็เพื่อเสริมความเข้าใจในวิถีวรยุธและทะลวงผ่านคอขวดวิถีกระบี่ของเจ้ารวมถึงสร้างปราณกระบี่เล่มที่สามสิบขึ้นมา” หลิงฮันกล่าว


“ไม่ผิด!” ซวนหยวนจื่อกวงพยักหน้ายอมรับ “โลกนี้เชื่อว่าปราณยี่สิบเก้าอันคือขีดจำกัด แต่เข้าเชื่อว่าสามสิบอันต่างหากคือปราณที่สมบูรณ์แบบ ด้วยพรสวรรค์ของข้า ข้าจะต้องบรรลุมันได้อย่างแน่นอน!”


หลิงฮันพยักหน้าในใจ เหตุผลที่ทำไมทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มถึงเป็นสามพันเล่มไม่ใช่สามพันหนึ่งร้อยเล่มก็เพราะขีดจำกัดปราณดาบของจอมยุทธคือยี่สิบเก้าเล่ม ซึ่งเมื่อปลดปล่อยปราณดาบยี่สิบเก้าเล่มออกมาพร้อมกับทักษะ ประกายแสงแห่งดาบก็จะรวมกันเป็นสามพันเล่มพอดี


เพียงแต่ขีดจำกัดนั้นคือสิ่งที่มีไว้ทำลาย ใครจะรู้ได้ล่ะว่ายี่สิบเก้าเล่มคือขีดจำกัดแล้วจริงๆ?


“พ่ายแพ่ต่อข้าซะ!” ซวนหยวนจื่อกวงยืนตรงและเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใกล้หลิงฮันก่อน เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้มันมีความมั่นใจอย่างมาก


หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและหัวเราะ “คิดรึว่าข้าจะหวาดกลัวเจ้า?”


‘ตูม’ ปราณดาบที่หนาแน่นเล่มหนึ่งปรากฏออกมา มันคือการควบแน่นกันของปราณดาบและอักขระกระดูก รูปร่างของปราณดาบนั้นราวกับเป็นมังกรที่กำลังพุ่งเข้าใส่ซวนหยวนจื่อกวง


“กระบี่สะบั้นจักรวาล ตัวข้าคือผู้แข็งแกร่งที่สุด!” ซวนหยวนจื่อกวงคำราม กระบี่ของมันทะลวงขึ้นฟ้าราวกับจะแหวกสวรรค์ให้แยกออกจากกัน


กระบี่นี้… แข็งแกร่ง!


หลิงฮันใช้งานดาบสกัดแปดลมหายใจ คลื่นอำนาจที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ท้องฟ้าแยกออกสร้างคลื่นดาบที่เป็นสุดยอดการป้องกัน


ทักษะดาบนี้โดดเด่นในด้านตั้งรับ ด้วยระดับพลังของหลิงฮันในตอนนี้ อำนาจของทักษะนี้จึงไม่นับว่าอ่อนแอ


‘ตูม!’


เจตจำนงแห่งกระบี่และดาบเข้าปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นทำลายล้างที่เกือบจะก้าวข้ามพลังอำนาจของระดับบุปผาผลิบานไปแล้ว


“พวกเขาเป็นระดับบุปผาผลิบานเหมือนข้าแท้ๆ แต่ทำไมความห่างของพลังต่อสู้ถึงได้มากมายขนาดนี้?” ใครบางคนที่เข้าร่วมการแข่งขันอุทานออกมา เมื่อนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับทั้งสองแล้ว พลังต่อสู้ที่ต่างกันนั้นไม่ใช่แค่หนึ่งดาว แต่เป็นระดับพลังที่พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึง


พลังต่อสู้ของทั้งสองได้ทำให้ความหยิ่งยโสในตัวทุกคนสลายหายไปหมดสิ้น


ผังเซี่ยงหมิงกำหมัดแน่นและกระตุ้นความกล้าหาญในใจตนเอง สักวันนึงเขาจะต้องก้าวข้ามทั้งสองคนนี้ให้ได้!


อัจฉริยะแห่งยุคทั้งสองปลดปล่อยความรุ่งโรจน์ของตนเองออกมาราวกับดวงตะวันที่ให้แสงสว่างต่อโลก การต่อสู้นี้ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะก็ไม่ส่งผลด้านลบต่อชื่อเสียงของพวกเขา


“กระบี่แห่งพระพุทธองค์!” ซวนหยวนจื่อกวงใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง กลิ่นอายที่กระบี่นี้แผ่ออกมานั้นราวกับพระพุทธองค์ที่กำลังรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้


หลิงฮันเค้นเสียงในใจ เขายกมือขวาขึ้นพร้อมกับใช้กระบวนที่แข็งแกร่งที่สุดของดาบสกัดแปดลมหายใจออกไปต่อต้านการโจมตีที่รุนแรงของซวนหยวนจื่อกวง


ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด การปะทะกันของพวกเขานั้นน่าตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้


“ข้าคือผู้ไร้พ่าย!” ซวนหยวนจื่อกวงคำราม พลังแห่งสายเลือดของเขาถูกกระตุ้นใช้งานพร้อมกับเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดที่ถูกปล่อยออกมาจากร่าง เปลวเพลิงเหล่านั้นขยายรูปร่างกลายเป็นมังกรที่แท้จริง นกอมตะ และสัตว์อสูรโบราณตัวอื่นๆอยู่ล้อมรอบตัวเขา


พลังต่อสู้ของซวนหยวนจื่อกวงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนเหนือกว่าระดับบุปผาผลิบานในพริบตา พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้เทียบได้กับระดับตัวอ่อนวิญญาณ


หลิงฮันพูดอย่างเย็นชา “ข้ารออยู่แล้ว!” เขาโยนเม็ดยาเข้าไปในปาก


มันคือเม็ดยาห้าหยกพลิกผันที่เขาหลอมขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน


เม็ดยาห้าหยกพลิกผันคือเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูง ซึ่งช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ชั่วคราวให้กับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาได้ถึงห้าดาว แต่ถ้าหากเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้น พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเจ็ดดาว ตามทฤษฎีแล้วจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานไม่สามารถกินมันเข้าไปได้เพราะพลังงานในเม็ดยานั้นรุนแรงเกินกว่าร่างกายจะรับไหว แต่ใครใช้ให้หลิงฮันบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์กันล่ะ ร่างกายของเขาทนทานราวกับเหล็กกล้าและสามารถทนทานต่อฤทธิ์ของเม็ดยาเช่นนี้ได้


‘บึม’ พลังต่อสู้ของหลิงฮันเพิ่มขึ้นสูงอย่างฉับพลัน


ตามหลักแล้ว เม็ดยาห้าหยกพลิกผันจะเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับจอมยุทธระดับผลิบานได้เกือบสิบดาว แต่นั่นก็เป็นในกรณีที่ร่างกายสามารถรองรับฤทธิ์ของเม็ดยาได้ไหว พลังต่อสู้ดั้งเดิมของหลิงฮันคือสิบห้าดาว และหากเพิ่มขึ้นไปอีกสิบดาวพลังต่อสู้ของเขาก็จะเทียบเท่าได้กับระดับตัวอ่อนวิญญาณ


อัจฉริยะทั้งสองเข้าปะทะกันต่อ และฝ่ายที่ได้เปรียบก็คือหลิงฮัน!


หลังจากกระตุ้นใช่งานพลังสายเลือดแล้ว พลังต่อสู้ของซวนหยวนจื่อกวงจะเพิ่มขึ้นเกือบห้าดาว ทำให้มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับตัวอ่อนวิญญาณซึ่งเหมือนกับหลิงฮัน แต่ที่ต่างกันก็คือพลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นเพิ่มขึ้นมาสิบดาว


พลังต่อสู้ของทั้งคู่แตกต่างกันถึงห้าดาว!


ได้เปรียบก็ใช่ว่าจะชนะ แต่เมื่อกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว หลิงฮันก็คิดจะใช้ที่ทรงพลังออกไป


“หมื่นแปรผันเป็นหนึ่ง!”


หลิงฮันควบแน่นปราณดาบทั้งยี่สิบสามเล่มให้กลายเป็นกึ่งรัศมีดาบ ขนาดของรัศมีดาบนั้นมีขนาดหนาเพียงแค่หนึ่งนิ้วของเขา แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวเกินจะบรรยายออกมาได้ เมื่อควบแน่นเสร็จสิ้น หลิงฮันก็โจมตีใส่ซวนหยวนจื่อกวงอย่างรวดเร็ว


หลบไม่พ้น!


ซวนหยวนจื่อกวงอุทานในใจ เพลงดาบที่กำลังพุ่งเข้ามานี้ ไม่ว่ามันจะรวดเร็วขนาดไหนก็ไม่สามารถหลบหลีกได้พ้น


เขาคำรามและตั้งกระบี่ไว้ที่หน้าอกเพื่อป้องกัน


คลื่นรัศมีดาบที่ทรงพลังทะลวงโอบไปทั่วร่างซวนหยวนจื่อกวงจนกระเด็นราวกับว่าวที่ด้ายขาด ‘ตูม’ ร่างของเขาร่วงหล่นสู่พื้นและกระอักโลหิตออกมาไม่หยุด เมื่อมองลงไปที่กระบี่ เขาพบว่าบนตัวกระบี่นั้นถูกทิ้งรอยบิ่นเอาไว้มากมาย


แม้จะยังอยากสู้ต่อ แต่เมื่อก้าวเท้าพยายามจะลุกยืน ร่างกายของเขาก็สั่นไหวและกระอักโลหิตออกมาจนต้องลงไปนั่งที่พื้นอีกครั้ง


ถ้ากระบี่ที่เขาถืออยู่ไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับสูง กระบวนท่าหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งเมื่อครู่คงผ่าร่างของเขาเป็นสองส่วนไปแล้ว


การปะทะกันของสองอัจฉริยะ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็คือหลิงฮัน


“เมื่อครู่นี้มันไม่ยุติธรรม!” หยินเล่อตะโกนขึ้นมาทันทีและชี้ไปยังหลิงฮัน “เขากินเม็ดยาเสริมพลังเข้าไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎ!”

 

 

 


ตอนที่ 581

 

คันศรตะวันยอแสง

หยินหงยืนขึ้นทันที “หยินเล่อ เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้รึไง? นายหญิงผู้นี้ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนเจ้าหรอกนะ!”


นางชี้นิ้วไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย นิสัยอันธพาลของนางไม่อาจถูกยับยั้งเอาไว้ได้


“หยินหง รักษามารยาทหน่อย!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่างตักเตือนทันที


“ค่ะ!” หยินหงหยักหน้าและหันหลังไป


หยินเล่อกล่าว “การแข่งขันนั้นวัดกันด้วยความสามารถของตนเอง ซวนหยวนจื่อกวงนั้นได้พึ่งพาพลังอำนาจของสายเลือด แต่สิ่งที่เจ้าหนูนั่นใช้คือเม็ดยาซึ่งไม่ยุติธรรม! ไม่เช่นนั้นแล้วหากจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทุกคนใช้เม็ดยารวมปราณสวรรค์ล่ะ การแข่งขันนี้จะมีประโยชน์อะไร?”


เม็ดยารวมปราณสวรรค์นั้นเป็นยาในตำนานต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง แต่ตราบใดที่กินเข้าไปพลังของจอมยุทธคนนั้นจะเพิ่มจากระดับบุปผาผลิบานเป็นตัวอ่อนวิญญาณทันที แต่เมื่อผลลัพธ์ของเม็ดยาหมดลง จอมยุทธที่กินเม็ดยาลงไปก็จะตกตายเพราะร่างกายรองรับพลังปราณอันมหาศาลไม่ไหว


แต่เม็ดยาชนิดนี้มีอยู่ในตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น ไม่มีใครเคยหลอมมันขึ้นมาจริงๆ หยินเล่อแค่นำมันมายกตัวอย่างเพื่อให้เห็นว่าการกินเม็ดยานั้นขัดต่อกฎของการแข่งขัน


ทันใดนั้น ผู้คนไม่น้อยก็เริ่มพูดคุยกันและพยักหน้าเห็นด้วย


หลิงฮันแสยะยิ้มและพูด “จริงอยู่ที่การใช้ตัวช่วยภายนอกนั้นไม่ยุติธรรม แต่อย่าลืมว่าข้าเป็นคนหลอมเม็ดยาห้าหยกพลิกผันที่ว่านั่นขึ้นมาเอง ซวนหยวนจื่อกวงนั้นมีโชคที่เกิดมามีพลังสายเลือด แล้วข้าจะใช้ทักษะปรุงยาของข้าช่วยเพิ่มพลังให้ตัวข้าเองไม่ได้รึ?”


มีเหตุผล!


เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนมากมายก็เริ่มพยักหน้าอีกครั้ง


เพียงแต่สิ่งที่สำคัญไม่มีใครให้ค่าความคิดเห็นของคนเหล่านั้น สิ่งสำคัญก็คือเหล่าผู้อาวุโสจะคิดเห็นเช่นใดต่างหาก


ผ่านไปสักพักยิ่นเฉวยางก็เอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อฮันหลิงเป็นนักปรุงยา การใช้เม็ดยาของตนเองก็ไม่นับว่าผิดกฎ การต่อสู้นี้ฮันหลิงเป็นผู้ชนะ!”


การต่อสู้ถูกตัดสินแล้ว!


หยินหงเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี นางเคยคิดว่าหลิงฮันจะไม่สามารถโค่นซวนหยวนจื่อกวงลงได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าตกตะลึงได้เช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของหยินเล่อกลายเป็นมืดมน ถึงแม้การแข่งขันครั้งนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินตำแหน่งผู้นำตำหนักในทันที แต่นางก็ต้องสูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน


นางจ่ายทรัพย์สินไปมากมายเพื่อเชิญให้เสวียนจี้หยุนและซวนหยวนจื่อกวงเป็นตัวแทนของนาง แต่ทั้งสองคนนั้นกลับถูกจัดการโดยคนคนเดียวกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นางไม่อาจยอมรับได้


เชี่ยวชาญทั้งวรยุทธและปรุงยา ในโลกนี้มีคนที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่จริงๆรึ?


ใช่แล้ว… ในภูมิภาคเหนือมีคนเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง ชื่อของเขาคือหลิงฮัน ในศาสตร์แห่งการปรุงยา เขาคือนักปรุงยาระดับสวรรค์ และถ้าหากพูดถึงศักยภาพในวิถีวรยุทธ เขาเองก็ไม่แพ้ใครเช่นกัน มีข่าวออกมาว่าเขาได้รับสืบทอดมรดกจากเขตแดนลี้ลับ


เดี๋ยวสิ เป็นไปได้ด้วยรึที่อัจฉริยะเช่นนี้จะปรากฏตัวพร้อมกันถึงสองคน?


ฮันหลิง… หลิงฮัน? ชื่อของพวกเขาเป็นแค่การกลับคำไม่ใช่รึไง?


หยินเล่อรู้ในทันทีว่าฮันหลิงก็คือหลิงฮัน! มีข่าวลือว่าหลิงฮันนั้นได้รับมรดกจากสิบสองเขตแดนลี้ลับสวรรค์ ซึ่งก็คือทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่อีกฝ่ายจะสลับชื่อเพื่อปลอมตัว


กล้าทำลายแผนการของข้า เจ้าจะต้องตาย!


แววตาของหยินเล่อเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางตัดสินใจที่จะแพร่กระจ่ายข่าวออกไปว่าแท้จริงแล้วฮันหลิงก็คือหลิงฮัน ส่วนถ้าหากว่าการคาดเดาของนางผิดนั้น… ก็ช่างมันประไร ขอแค่หมอนั่นตายไปก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึไง?


นางไม่ทำการประท้วงคำตัดสินอีกต่อไป ในเมื่อผู้อาวุโสตำหนักใหญ่กล่าวคำตัดสินออกมาแล้ว หากประท้วงต่อไปก็มีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของนางดูแย่ลง


หลังจากจบการแข่งขันทั้งสามอย่าง แต้มชนะของหยินหงก็คือแปดสิบแต้ม สาขานางได้อันดับหนึ่ง


หลิงฮันกลับไปยังที่พัก ตอนนี้คำช่วยหยินหงตามสัญญาแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการค้นหาหุบเขาไร้ขอบเขตเพื่อตรวจสอบข้อความที่จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งเอาไว้ เขาวางแผนที่จะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันนี้


ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรีบออกเดินทาง แต่เพราะตำหนักสมบัติวิญญาณกำลังจะจัดงานประมูลประจำปีขึ้นซึ่งจะต้องมีสมบัติล้ำค่ามากมายถูกนำขึ้นประมูลแน่นอน ดังนั้นหลิงฮันจึงรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก


ตอนนี้ในมือของเขามีผลึกก่อเกิดสามดาวอยู่มากกว่าหกแสนผลึก เขาจึงเกิดความรู้สึกอยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายขึ้นมาเล็กน้อย


แต่หลังจากการประมูลเริ่มขึ้น หลิงฮันก็รับรู้ได้ถึงความยากจนของตนเอง ระหว่างการประมูลนั้นมีผู้คนไม่น้อยที่ใช้จ่ายผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาลราวกับมันไม่ใช่ผลึกก่อเกิดแต่เป็นเพียงก้อนกรวด


มีสมบัติหลายชิ้นที่หลิงฮันเล็งเอาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็ประมูลได้มาเพียงชิ้นเดียว


เส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลง!


เจี่ยวหลงคือสัตว์อสูรที่สืบสายเลือดมาจากมังกรที่แท้จริง หากมันบ่มเพาะพลังไปถึงจุดสูงสุด ร่างกายที่เป็นเพียงอสรพิษของมันก็จะเปลี่ยนเป็นมังกรที่แท้จริงได้ ดังนั้นกล้ามเนื้อของมันจึงล้ำค่าเป็นอย่างมาก หลิงฮันต้องใช้ผลึกก่อเกิดเกือบทั้งหมดเพื่อประมูลมันมา


เส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลงไม่ใช่สิ่งที่กินเพื่อบำรุงร่างกาย ประโยชน์อย่างเดียวของมันคือใช้สร้างเป็นอาวุธวิญญาณประเภทแส้


แต่แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ต้องการจะใช้เส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลงนี้สร้างเป็นแส้ เขาจะใช้มันทำเป็นสายธนู


หลังจากการประมูลจบลง เขาก็พันเส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลงเข้ากับคันธนู และในที่สุดคันศรของเขาก็เสร็จสมบูรณ์ คันศรนี้สร้างขึ้นจากแร่เหลล็กระดับเจ็ดกับเส้นเอ็นมังกรเจี่ยวหลง แถมลูกศรก็ยังสร้างขึ้นจากแร่เหล็กระดับเจ็ดด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่ระวังตัว แม้จะเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ต้องตกตายเพราะมัน


แม้จะไม่ผสานปราณก่อเกิดเข้ากับคันศรนี้ พลังโจมตีของมันก็สามารถเทียบได้กับพลังป้องกันของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ และถ้าหากผสานปราณก่อเกิดเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นระดับบุปผาผลิบานหรือตัวอ่อนวิญญาณ ร่างของผู้ที่ถูกโจมตีก็ต้องระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ


หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาตั้งชื่ออาวุธวิญญาณชิ้นนี้ว่าคันศรตะวันยอแสง มันคืออาวุธลับสังหารที่น่าสะพรึงกลัวของหลิงฮัน หากใช้ควบคู่ไปกับเนตรแห่งสัจธรรมล่ะก็ มันสามารถโจมตีได้ไกลจากระดับร้อยไมล์ แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่มีทางรู้ตัวว่าถูกยิง


“หลิงฮัน! หลิงฮัน!” หยินหงวิ่งเข้ามา


“ทำไมเจ้าถึงไม่เรียกข้าว่าปรมาจารย์หลิง เจ้าไม่คิดรึว่ามันยังเร็วไปที่เจ้าจะเรียกข้าห้วนๆแบบนั้น?” หลิงฮันยิ้มหยอก


“เหอะ เจ้าคิดจะให้นายหญิงผู้นี้เรียกเจ้าว่าปรมาจารย์งั้นรึ?” หยินหงแสร้งทำสีหน้าเหยียดหยาม แต่สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและพูด “ข้ามาบอกข่าวใหญ่กับเจ้า”


“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็ขอฟังหน่อยแล้วกัน” หลิงฮันยิ้ม


“คนอย่างเจ้านี่ช่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย น้องสาวเสวียนเอ๋อ ชายคนนี้มีอะไรดีกัน? เจ้าไม่อาจฝากชีวิตไว้กับเขาได้!” หยินหงพูดอย่างอันธพาล แต่ใบหน้าอันงดงามของจูเสวียนเอ๋อนั้นกลายเป็นแดงก่ำ นางเอนร่างของตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดของหลิงฮันโดยไม่กล้ามองหน้าหยินหง


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกสงสัยและถาม “ข่าวอะไรงั้นเหรอ?”


“หนิวก็ต้องรู้ด้วย!” ฮูหนิวเองก็อยากมีส่วนร่วม

 

 

 


ตอนที่ 582

 

สำนักสวรรค์

“อย่าไปฟังผู้หญิงอัธพาลคนนี้เลย” หลิงฮันชี้ไปที่หยินหง “ในอนาคตพวกเจ้าอย่าปฏิบัติกับนางในฐานะผู้หญิงเชียว หากนางเข้าใกล้ให้คิดว่านางเป็นผู้ชายเข้าใจไหม?”


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวเผยสีหน้าดุร้ายทันที ผู้ชายต้องการเข้าใกล้พวกนางงั้นรึ?


“เจ้ากำลังปั่นหัวพวกนาง!” หยินหงชี้นิ้วออกไป “เจ้าสมควรเป็นปรมาจารย์หลอกลวงผู้คนยิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีเด็กสายตัวเล็กอยู่กับเจ้า”


“ไร้สาระ แล้วข่าวที่เจ้านำมาบอกคืออะไร?” หลิงฮันถาม


หยินหงหยุดต่อล้อต่อเถียงและพูดว่า “นิกายดาบสวรรค์ นิกายนกอมตะเมฆา นิกายกระบี่ไร้เทียมทาน นิกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์ นิกายมังกรปฐพี ทั้งห้านิกายใหญ่ร่วมกันก่อตั้งสำนักสวรรค์ขึ้นเพื่อรวบรวมผู้ที่มีพรสวรรค์ทั้งหมดบนโลกมาไว้ที่นี่”


“โอ้ว?” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ นิกายเหล่านั้นสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ละนิกายต่างมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ทว่าตอนนี้นิกายพวกนั้นร่วมกันก่อตั้งสำนักสวรรค์?


“เหตุผลคืออะไร?” หลิงถาม


“ห้านิกายใหญ่ประกาศว่าโลกกำลังจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายในไม่ช้า ซึ่งอาจนำไปสู่ความพินาศ ดังนั้นห้านิกายใหญ่จึงพยายามคัดเลือกอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพื่อฝึกฝน ถ้ามีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ยังคงหลงเหลือเมล็ดพันธ์ุอยู่” หยินหงกล่าว


“ฟังดูมีเหตุผลมาก” หลิงฮันพูมพึมพัม


“ปรมาจารย์หลิง เจ้าสนใจจะเข้าร่วมหรือไม่?” หยินหงถาม


หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “แล้วสำนักสวรรค์มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ?”


“ภูเขาเก้ามังกร”


ความคิดบางอย่างปรากฏขึ้นมาในใจของหลิงฮัน ภูเขาเก้ามังกรอยู่ในแคว้นบุปผาลอยล่องและหุบเขาไร้ขอบเขตที่จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งความลับเอาไว้ก็น่าจะอยู่ที่แคว้นบุปผาลอยล่องเหมือนกัน


อย่างไรก็ตาม ข้าต้องไปที่แคว้นบุปผาลอยล่องอยู่แล้ว ดังนั้นมันน่าลองที่จะไปดู เพราะมันอาจเป็นประโยชน์ก็เป็นได้


หลิงฮันได้รับทักษะลับมามากมายในชีวิตที่แล้วของเขา แต่ความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียวจะเทียบกับรุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนได้อย่างไร?


“ถ้าอัจฉริยะทั่วโลกถูกรวบรวมไว้ที่นี่ เช่นนั้นมันก็น่าลองไปดู” หลิงฮันยิ้ม


“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องสนใจ แต่สำนักสวรรค์แห่งนี้ไม่ใช่ที่สำหรับทุกคน ห้านิกายใหญ่จะนำศิษย์ของตัวเองเข้าไปก่อนแล้วค่อยเชิญคนที่เหลือ” หยินหงกล่าว


“อย่างนั้นรึ” หลิงฮันหัวเราะ “แล้วแบบนี้จะมีใครเชิญข้าหรือไม่?”


“แม้แต่ปรมาจารย์หลิงยังกลัวว่าจะไม่มีใครเชิญ?” หยินหงหัวเราะ “ข้าจะบอกข่าวร้ายกับเจ้า ซวนหยวนจื่อกวงถูกเชิญแล้ว และได้ออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ส่วนเจ้าดูไม่มีท่าทีว่าจะถูกเชิญเลย!”


หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขาพูดว่า “ในด้านวรยุทธอย่างน้อยข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซวนหยวนจื่อกวง ส่วนความสามารถในด้านปรุงยา ข้าเป็นถึงนักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูง แล้วข้าจะถูกมองข้ามได้อย่างไร?” หลิงฮันกล่าว


“ปรมาจารย์หลิงมั่นใจตัวเองเกินไปแล้ว!” หยินหงยิ้มและส่ายหัว “ห้านิกายใหญ่วางแผนที่จะก่อตั้งสำนักสวรรค์ อัจฉริยะที่สามารถเข้าร่วมได้นั้นจะต้องเป็นอย่าง ย่าวหุยเยว่ ราชันกระบี่น้อย แล้วเจ้าล่ะ?”


หลิงฮันเพียงแค่หัวเราะออกมา


หลังจากที่หยินหงจากไป ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะคิดหนัก


ในหินความทรงจำที่ถูกทิ้งไว้โดยจื่อเสวี่ยนเซียน ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่าจะบุกดินแดนเบื้องล่างเมื่อหลายพันปีก่อน และห้านิกายใหญ่อย่างนิกายดาบสวรรค์ผนึกกำลังกันเพื่อขับไล่ผู้บุกรุกเหล่านั้น


หลิงฮันเคยเห็นสงครามโบราณในแคว้นพิรุณ จอมยุทธระดับสวรรค์อย่างน้อยสองถึงสามร้อยคนร่วมมือกันต่อสู้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ ทำให้มีซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น แต่ตัวตนระดับทลายมิตินั่นน่าจะเป็นพระเจ้าที่ถูกพลังของโลกสะกดข่มพลังเอาไว้ที่ระดับทลายมิติ


ตามคำพูดของจื่อเสวี่ยนเซียน ทุกอย่างอาจเป็นเรื่องโกหก!


ตอนนี้เวลาได้ผ่านมาหลายปีแล้ว ห้านิกายใหญ่ก่อตั้งสำนักสวรรค์ขึ้นเพราะโลกจะเผชิญกับภัยพิบัติ หรือว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะทำการบุกโลกเบื้องล่างอีกครั้ง?


ครั้งหนึ่งหม่าตั้วเป่าเคยพูดไว้ว่าจะเปิดสวรรค์และพาทุกคนบนโลกเบื้องล่างขึ้นไป  นอกจากนี้ เฟิงผั่วหยุนเองก็ไม่กล้าที่จะทะลวงผ่านระดับทลายมิติ หรือว่าเรื่องพวกนี้จะเกี่ยวข้องกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย?


หลิงฮันคิดหนักขึ้น ตอนนี้เขามีหลายเรื่องที่ต้องการหาคำตอบ


ทำไมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงต้องบุกทวีปฮงเทียน? หรือว่าแดนศักดิ์สิทธิ์มีเป้าหมายบางอย่าง? นอกจากนี้ ถ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการกวาดล้างทวีปฮงเทียนจริง ห้านิกายใหญ่จะยอมหรือไม่?


ถ้าผู้คนบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นนับพันคนบุกโลกเบื้องล่าง พวกเขาจะต่อต้านได้หรือไม่?


หลิงฮันไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าทำไมผู้คนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องบุกโลกเบื้องล่างด้วย


หรือว่ามันจะเป็นความจริงอย่างที่จื่อเสวี่ยนเซียนพูดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก?


ดูเหมือนว่าจะต้องเดินทางไปที่สำนักสวรรค์เสียแล้ว


หลิงฮันไม่ได้ครุ่นคิดอีกต่อไป เมื่อเขาตัดสินใจแล้วที่เหลือคือลงมือทำ


แน่นอนว่าหญิงสาวทั้งสามคนไม่ปฏิเสธ หลังจากที่กล่าวลาหยินหงเสร็จ พวกเขาก็เริ่มออกเดินทาง


ในตอนแรกหลิงฮันต้องการพบคังสื่อฉีที่เป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ที่อาจเป็นลูกหลานของศิษย์ของเขา แต่ช่างมันเถอะ เรื่องนั้นค่อยคุยทีหลังก็ได้


เรื่องเดียวที่หลิงฮันยังคาใจคือเขายังไม่รู้ว่านิกายพันศพต้องการอะไรถึงพยายามโจมตีเมืองหมื่นสมบัติ แม้ว่าสิ่งนั้นมันอาจจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับเขา แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงทำให้หลิงฮันอยากรู้


ทั้งสี่คนมุ่งหน้าเดินทางไปที่แคว้นบุปผาลอยล่อง


พวกเขาจ้างรถม้าและหลิงฮันกลับสู่โฉมหน้าเดิม ถ้าแปลงโฉมอยู่ตลอดมันทำให้เขาอึดอัด หลังจากที่ไปถึงสำนักสวรรค์ เขาค่อยปรากฏตัวเป็นคนอื่นอีกครั้ง และภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันกำลังเพลิดเพลินกับคันศรตะวันยอแสง

 

 

 


ตอนที่ 583

 

ลูกศรสังหาร

“มีร่างกายที่แข็งแกร่งมันมีประโยชน์ทีเดียว” หลิงฮันรู้สึกแบบนั้น มิฉะนั้น เขาคงจะต้องใช้พลังก่อเกิดมหาศาลกับคันศรและเมื่อใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราพลังที่ต้องใช้จะลดลงกว่ามาก


“ข้าไม่รู้ว่าถ้าจักรพรรดิดาบบ่มเพาะกายามันจะเป็นยังไง” หลิงฮันรู้สึกอยากรู้อยากเห็น


เสียบลูกธนู น้าวสาย และยิงลูกศร แต่มันยังมองเห็นลูกศรด้วยตาเปล่า แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เร่งความเร็วถึงจุดสูงสุดราวกับเป็นลำแสง


ในระยะไกล เป้าหมายที่หลิงฮันเล็งไว้กลายเป็นก้อนกรวดทันที


“ระยะที่ไกลสุดคือสามร้อยไมล์ ถ้าหากเป้าหมายอยู่ไกลออกไปอีก พลังและความเร็วของมันก็จะเริ่มลดลง” หลิงฮันพูดกับตัวเอง “อย่างไรก็ตาม จากระยะที่ยิงไกลออกไปได้สามร้อยไมล์ภายในหนึ่งลมหายใจ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตั้งตัวได้ทัน”


“หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบาน มันจะมีการแจ้งเตือนอันตรายถ้าจะเกิดอันตราย แต่การแจ้งเตือนนั้นไม่ได้บอกว่าการโจมตีมาจากทิศทางไหนและมันคือการโจมตีจากอะไร”


“สำหรับข้า ถ้าข้าไม่มีหอคอยทมิฬ หัวใจของข้าก็จะเตือนถ้ามีอันตราย ปฏิกิริยาแรกนั้นแน่นอนว่าจะต้องเป็นรวบรวมพลังก่อเกิดปกป้องร่างกาย แต่ด้วยศรสังหารมังกรทะลวงดาดรา แม้แต่การป้องกันของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังถูกเจาะทะลุ ถ้าโคจรพลังก่อเกิดไปทั่วร่างกาย แทนที่จะโคจรไว้ที่จุดสำคัญไม่กี่จุด มันจะป้องกันศรสังหารมังกรทะลวงดาราได้หรือไม่?”


“แต่ข้าไม่ใช่เพียงคนเดียวที่สามารถยิงธนูได้ และอาวุธวิญญาณบางอย่างอาจมีประสิทธิภาพที่คล้ายคลึงกัน แน่นอนว่าการเข้าไปในหอคอยทมิฬนั้นปลอดภัยแน่นอน แต่บางครั้งถ้าเจอสถานการณ์ที่ไม่อาจเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ เช่นนั้นมีแค่ทางเดียวนั้นคือใช้ปราณก่อเกิดห่อหุ้มร่างกายและหลบหนี”


“โชคดีที่ข้ามีกายาเหล็กไหล และการที่จะคุกคามข้านั้นคนธรรมดาไม่สามารถทำได้ และถ้าข้ามีกายาเพชร ข้าเชื่อว่าแม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณที่ใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราก็ไม่อาจทำให้ข้าบาดเจ็บได้!”


หลิงฮันสรุปว่าทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราจับคู่กับคันศรตะวันยอแสงและเนตรแห่งสัจธรรมดา มันจะทำให้เขากลายเป็นนักฆ่าที่สามารถสังหารผู้คนที่อยู่ห่างออกไปร้อยไมล์ได้อย่างง่ายดาย


“แต่ทว่าลูกศรนั้นมีน้อยเกินไป มันเป็นถึงแร่เหล็กระดับเจ็ด ซึ่งมันล้ำค่ามาก แล้วเขาจะไปหาที่ไหนมาเพิ่ม?”


“เกิดอะไรขึ้น?”


ทันใดนั้น หลิงฮันรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป รถม้าถูกโจมตี คนขับสองคนถูกฆ่า และท่ามกลางฝุ่นที่ตลบอบอวลมีชายชราสวมหน้ากากสามคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัว


“แล้วพวกมันล่ะ?” ชายชรากล่าว


“มันเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจและเพื่อดึงดูดความสนใจของเรา แต่แท้จริงแล้วพวกมันอาจใช้เส้นทางอื่นก็เป็นได้?” ชายชราคนที่สองกล่าว


“เป็นไปได้” ชายชราคนที่สามกล่าว


“แม้ว่าฮันหลิงอาจจะไม่ใช่หลิงฮัน แต่มันเกี่ยวข้องกับมรดกของสิบสองพระราชวัง แม้จะผิดคนแต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้!” ชายชราคนแรกกล่าว


“อืม!” ชายชราอีกสองคนพยักหน้า


“ไปได้แล้ว!” ชายชราทั้งสามคนจากไป


หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ จากน้ำเสียงของชายทั้งสามคน พวกมันน่าจะมองการปลอมตัวของเขาออก แต่ยังไม่มั่นใจ ทั้งสามคนนั้นเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก แม้จะไม่มั่นใจในตัวตนของเขาแต่ก็ยังลงมือฆ่า


จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ?


หลิงฮันจ้องมองไปที่คนขับรถม้าทั้งสองคน ดวงตาของเขากลายเป็นเยือกเย็นและนำคันศรตะวันยอแสงออกมาอย่างไม่ลังเลพร้อมกับเริ่มใช้เนตรแห่งสัจธรรม ชายชราทั้งสามคนที่อยู่ในระยะไกลปรากฏอยู่ในสายตาของเขาทันที


หลิงฮันโคจรพลังและนำคันศรออกมา เขาจับสายธนูไว้แน่นและเกร็งกล้ามเนื้อแขน หลิงฮันกำลังใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ลูกศรนั้นถูกสร้างขึ้นจากแร่เหล็กระดับเจ็ดและลงอักขระไว้บนลูกศร ทำให้ลูกศรทั้งหมดราวกับมีชีวิต


“ไป!” หลินฮังปล่อยลูกศร ทันใดนั้นลูกศรที่ยิงออกไปกลายเป็นลำแสงทันที และหลิงฮันใส่ลูกศรดอกที่สองและยิงออกไปอีกครั้ง


หลิงฮันยิงลูกศรออกไปทั้งหมดสามดอก มันทำให้เขารู้สึกเหนื่อและใบหน้ากลายเป็นซีดขาว


เขายิงลูกศรทั้งสามดอกออกไปติดต่อกัน ซึ่งมันกินพลังมหาศาล


ห่างออกไปร้อยไมล์


ชายชราทั้งชายคนหยุดชะงักพร้อมกัน และรู้สึกได้ถึงอัตรายที่กำลังใกล้เข้ามา ด้วยสัญชาตญาณที่ถูกกระตุ้น พวกมันทั้งสามคนโคจรพลังก่อเกิดทั้งหมดออกมาและสร้างเกราะป้องกันไว้ด้านหน้า


ลำแสงพุ่งเข้าหาชายชราทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว โดยที่พุ่งเข้าหาชายชราคนกลางก่อน พวกมันทั้งสามคนแทบจะตอบโต้ไม่ทัน และลำแสงยิงไปที่อกด้านซ้ายของชายชรา เมื่อมันหยุดลง มันกลับมาเป็นลูกศรปกติที่ห่อหุ้มไปด้วยแสง


พลังก่อเกิดของพวกมันไม่อาจหยุดลูกศรไว้ได้ นั้นเป็นเพราะหลิงฮันใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราบวกกับลูกศรที่ทำมาจากแร่เหล็กระดับเจ็ดทำให้มันมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว และง่ายมากที่จะเจาะผ่านเกราะพลังก่อเกิด


เมื่อเกราะพลังก่อเกิดถูกทำลาย ร่างของชายชราจึงไร้ซึ่งการป้องกัน และโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว


ทันใดนั้น ดวงตาของชายชราเริ่มเลือนราง ร่างกายของมันสั่นเล็กน้อยและในที่สุดมันก็ทรุดตัวลงกับพื้น


หนึ่งดอกหนึ่งศพ!


“น้องเจ็ด!” ชายชราอีกสองคนอุทานออกมา แต่ก็ไม่มีเวลาที่ให้พวกมันหลบหนี ลูกศรดอกที่สองได้มาถึงแล้ว


“พี่ห้า!” ชายชราคนที่สามอุทานออกมา แม้มันจะต้องการที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่ทว่าศรดอกที่สามเองก็พุ่งมาหามันเช่นกัน


มันกรีดร้องออกมาและโคจรพลังทั้งหมดไว้ด้านหน้า มันถูกโจมตีเป็นคนสุดท้ายจึงมีเวลาเตรียมตัว


อึก!


ลูกศรทะลุผ่านมือของชายชราและหยุดอยู่ที่เปลือกตาของมัน


ในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสามมีทั้งบาดเจ็บและถูกฆ่าตาย ถ้าพวกมันรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน พวกมันจะทำใจเชื่อได้หรือไม่?


ชายชราที่เหลือรอดอยู่สองคนไม่ลังเลที่จะดึงลูกศรออกมา และตั้งท่าป้องกันลูกศรดอกที่สี่


พวกมันไม่กล้าหลบหนี เพราะถ้าหลบหนีมันจะป้องกันตัวได้ยากยิ่งขึ้น

 

 

 


ตอนที่ 584

 

จบศึก

หลิงฮันสูดหายใจและยิงลูกศรออกไปอีกครั้ง


‘ฟุบ’ ครั้งนี้เขายิงลูกศรออกไปสามดอกพร้อมกัน พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ร่างของชายชราที่ถูกศรยิงเข้าตาเมื่อครู่


ชายชราคนนั้นพิงหลังเข้ากับชายชราอีกคนหนึ่ง หนึ่งมือของมันกุมหน้าเอาไว้และโคจรปราณก่อเกิดเพื่อป้องกันบริเวณหัวใจและตันเถียน หากทำเช่นนี้ อย่างมากมันก็แค่บาดเจ็บหนักแต่ไม่ถึงตาย


ลูกศรดอกแรกพุ่งออกไปและทะลุเอวของชายชราทันที ร่างของมันล้มลงกับพื้นพร้อมกับกระดูกสันที่แตกหัก โลหิตของมันสาดกระจายออกมาทันที


เพียงแต่พลังชีวิตของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก หากไม่ถูกสังหารในพริบตา พวกเขาก็ยังคงสภาพวิญญาณเอาไว้ไม่ให้ตกตายได้


แต่หากทำเช่นนั้น พลังป้องกันที่ถูกสร้างขึ้นโดยปราณก่อเกิดก็จะสลายไป


“พี่ห้า ระวัง!” ชายชราคนที่สามตะโกน


ลูกศรอีกดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่ตาข้างซ้ายของมันจนทะลุหัวไปถึงด้านหลัง


ชายชราที่ถูกเรียกว่าพี่ห้าจ้องมองไปยังทิศทางของชายชราคนที่สาม ดวงตาทั้งสองของมันถูกแทงทะลุเหลือเอาไว้เพียงหลุมโลหิตสองหลุม ‘ตุบ’ ทันใดนั้น ร่างของมันก็ล้มลงพร้อมกับพลังชีวิตที่หายไปอย่างสมบูรณ์


‘ฟุบ’ ลูกศรดอกที่สามพุ่งทะลุเข่าของชายชราคนนี้สามและตรึงร่างของมันเอาไว้กับพื้น


น่ากลัว! น่ากลัวเกินไป!


ชายชราคนที่สามที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งตกตะลึงและเกรี้ยวกราด แม้แต่ร่างของศัตรูก็ยังไม่ทันได้เห็น แต่กลุ่มของพวกมันกับถูกสังหารและทำให้บาดเจ็บ ชายชราคำรามออกไป “ใครใช้ศรโจมตีพวกข้า รีบโผล่หัวออกมาให้ชายชราผู้นี้เห็นซะ!”


ไม่ว่าอย่างไรจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังแข็งแกร่งอยู่ดี แม้จะห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์เสียงของมันก็ยังดังก้องจนคนที่ได้ยินต้องเอามือปิดหู


หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นยาและพูด “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนที่คิดจะสังหารข้าก่อนรึ?”


“เป็นเจ้า!” ชายชราเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที “เจ้าเป็นพวกระมัดระวังตัว ดังนั้นเจ้าจึงใช้รถม้านั่นเป็นตัวล่อและหลบซ่อนอยู่อย่างมิดชิด!”


ชายชราไม่รู้ถึงการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ เพราะงั้นนี่ก็คือเหตุผลเดียวที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมหลิงฮันถึงยังมีรอด


“เจ้าต้องไม่ใช่ระดับบุปผาผลิบาน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร?” ชายชราอุทานออกมา เหตุการณ์ที่เกิดนั้นเหลือเชื่อเกินไป จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสองคนถูกสังหารโดยจอมยุทธระดับบุปาผลิบานแทบจะภายในพริบตา และหนึ่งคนที่ยังรอดก็อยู่ในสภาพที่บาดเจ็บ


“เจ้าคาดเดาได้อย่างไรว่าข้าคือหลิงฮัน?” หลิงฮันถาม


“ฮ่าๆๆ ตอนนี้ทุกคนในเหมืองหมื่นสมบัติล้วนแต่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ จะมีใครบ้างที่ไม่รู้?” ชายชราหัวเราะลั่นออกมาเพื่อยั่วยุหลิงฮัน


ทุกคนกำลังพูดถึง?


คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนมากมายจะคาดเดาตัวตนของเขาออก ที่แท้ทุกคนก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่นี่เอง ไม่รู้ว่าเขาจะคิดถูกหรือไม่ แต่ต้องมีใครบางคนจงใจแพร่กระจายข่าวนี้ออกมาแน่นอน


ชื่อของหญิงสาวผู้หนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหลิงฮัน… หยินเล่อ!


เขาเป็นคนทำลายความฝันอันแสนหวานของนางด้วยตัวเขาเอง จึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะโกรธเกลียดเขาและแพร่กระจายข่าวออกไปว่าเขาคือหลิงฮัน ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่แต่ผู้ที่ตามหาหลิงฮันโดยมีเป้าหมายอยู่ที่มรดกสืบทอดจากเขตแดนลี้ลับสิบสองพระราชวังก็มีอยู่มากมาย ดังนั้นถ้าหากนางสามารถยืมมือคนเหล่านั้นเหล่าหารเขาได้ทำไมจะไม่ทำล่ะ?


“อสูรเฒ่า เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียรึไม่?” หลิงฮันพูดในขณะที่กำลังฟื้นฟูพลัง หลังจากยิงลูกศรออกไปมากกว่าสามดอก ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงและรู้สึกไม่สบายตัว


ชายชราไม่เอ่ยคำพูดอะไรออกมา แน่นอนว่ามันไม่อยากจะตาย ภายในหัวของมันกำลังพยายามคิดแผนการต่างๆนาๆขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตรอด โชคร้ายที่มันไม่รู้ตอนนี้หลิงฮันกำลังอ่อนแรงอยู่ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะหลบหนีหรือไม่ก็โจมตีตอบโต้


แต่ความหวาดกลัวที่มีต่อลูกศรก่อนหน้านี้ได้ฝังลึกลงไปในจิตใจของมันแล้ว มันจะยังกล้าตอบโต้อย่างผลีผลามได้อย่างไร?


ผ่านไปสักพักเมื่อหลิงฮันฟื้นฟูพลังส่วนหนึ่งกลับมาได้ เขาก็ใช้งานคันศรและยิงออกมาอีกสามครั้ง


“อ้ากกก” ชายชรากรีดร้อง แม้มันจะใช้ปราณก่อเกิดคลุมร่างตนเองเอาไว้ แต่พลังของทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นทรงพลังเกินไป เมื่อศรดอกหนึ่งถูกยิงออกมา มันราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีสั่นคลอน


หลิงฮันเรียกฮูหนิวกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนออกมาจากหอคอยทมิฬและพูด “ไปทุบตีสุนัขเฒ่านั่นซะ!”


ชายชรานั้นไม่กล้าที่จะดึกลูกศรออกจากร่างเพื่อรักษาตัว มันยังคงเตรียมการป้องกันการโจมตีครั้งต่อไปจากหลิงฮัน แต่มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าหลิงฮันจะเรียกหญิงสาวสองคนออกมาสังหารมัน


“เจ้าหนู เจ้าจะต้องตาย!” มันคำรามใส่หลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราด


“ฮึ่ม!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกวัดแกว่งอิฐในมือ นางปิดตาของนางลงเพราะไม่อยากเห็นฉากสยดสยองที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูง แม้จะสูญเสียความทรงจำ แต่สัญชาตญาณก็ทำให้อิฐในมือของนางทุบเข้าใส่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ


‘ผัวะ!’


หน้าผากของชายชราถูกทุบใส่อย่างรุนแรงจนมันไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แววตาของมันกลายเป็นพร่ามัวและจบชีวิตลง


“โอ้ว เจ้าลงมือสังหารคนอื่นแบบนี้ หลิงฮันจะต้องเกลียดเจ้าแน่ๆ!” ฮูหนิวกล่าว


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกกลัวทันที นางโยนอิฐทิ้งและโผเข้ากอดหลิงฮันแน่น “อย่าเกลียดข้านะ!”


“ถูกรัดแน่นแบบนี้! ข้าต่างหากที่จะตาย!” หลิงฮันสำลักออกมา เรี่ยวแรงของสตรีเผ่าใต้ทะเลน้อยนางนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณหลายเท่า การกอดรัดของนางทำให้กระดูกของเขาเกิดเสียงราวกับจะแตกหัก


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบปล่อยตัวหลิงฮันและหยิบก้อนอิฐขึ้นมา


หลิงฮันถอนหายใจ “ฮูหนิว ห้ามยุแหย่นางอีกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะตายได้!”


ฮูหนิวยิ้มและแลบลิ้นใส่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน “หนิวไม่ชอบนาง นางตัวใหญ่กว่าหนิวทำให้กินได้มากกว่า หนิวไม่ชอบ!”


หลิงฮันใช้ดาบสะบั้นใส่ชายชราอีกครั้งเพื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ตายจริงๆ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบแหวนมิติของชายชราทั้งสามคน เขาค้นพบว่าทั้งสามคนค่อนข้างมั่งคั่งทีเดียว พวกมันมีผลึกก่อเกิดสามดาวหลายพันชิ้นและผลึกก่อเกิดสี่ดาวหลายสิบชิ้น


“การปล้นชิงได้ผลประโยชน์เร็วกว่าการปรุงยาเสียอีก” หลิงฮันยิ้มและนำลูกศรทั้งเก้าที่ยิงออกไปกลับมา ลูกศรทั้งเก้าที่ถูกเคลือบไปด้วยโลหิตของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณซึ่งจะทำให้พวกมันทรงพลังและแหลมคมมากขึ้น


“ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและเนตรแห่งสัจธรรมคือการจับคู่กันที่สมบูรณ์แบบ!” หลิงฮันพึมพำ ทักษะทั้งสองนี้คือทักษะศักดิ์สิทธิ์! หากไม่ทรงพลังจริงๆ คงไม่มีทักษะใดกล้าเรียกตัวเองว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์


เมื่อทักษะศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองถูกผสานเข้าด้วยกัน อำนาจของพวกมันจึงน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น


“ข้าจะกลับไปสังหารหยินเล่อดีไหมนะ?” หลิงฮันครุ่นคิด

 

 

 


ตอนที่ 585

 

กลุ่มโจรกลางทะเลสาป

เมื่อคิดไปสักพัก หลิงฮันก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะอย่างไรหยินเล่อก็คงจะหลบซ่อนตัวอยู่ในตำหนักสมบัติวิญญาณซึ่งมีจอมยุทธระดับสวรรค์คุ้มครองอยู่ การจะสังหารนางเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินไป


แค่มดปลวกตัวเล็กๆ เอาไว่ค่อยจัดการทีหลังก็ได้


หลิงฮันไม่จ้างรถม้าอีกต่อไปและเดินผ่านป่าผ่านภูเขาไปพร้อมกับสามสาว จูเสวียนเอ๋อ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิว


ผ่านไปเจ็ดวัน มหาสมุทรขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเขา


เพียงแต่ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่มหาสมุทร แต่เป็นทะเลสาปที่กว้างใหญ่จนดูราวกับเป็นมหาสมุทร ชื่อของทะเลสาปแห่งนี้คือ ทะเลสาบหยังชง


ถ้าหากจะนั่งเรือข้ามไปก็คงจะช้าเกินไป หลิงฮันจึงใช้พลังของตนเองเพียงผ่านผืนน้ำ


การวิ่งบนน้ำกับพื้นดินนั้นต่างกัน เมื่อตกกลางคืนหลิงฮันก็เริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อย พวกเขาพบเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเลสาปจึงหยุดพักกินนอนที่นั่นสักพัก และค่อยเดินทางต่อในอีกสองวันถัดมา


ทะเลสาบหยังชงกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ผ่านไปสามวันพวกเขาก็ยังออกไปจากทะเลสาบไม่ได้เสียที เมื่อลองมองดูบนแผนที่ พวกเขาพบว่าเพิ่งเดินมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น


แต่ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าของพวกเขาก็ปรากฏหมอกสีขาว


“ตำนานเล่าว่ามีอสูรมังกรเฒ่าพันปีได้ดูดกลืนกินเมฆเป็นประจำทุกวัน ก่อให้เกิดเป็นหมอกบนทะเลสาปแห่งนี้ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่” หลิงฮันหยุดเดินไม่ก้าวเข้าไปยังหมอกตรงหน้า


“หนิวอยากกินเนื้อมังกร!” ฮูหนิวตะโกนพร้อมกับยกมือสะบัดไปมา


“การที่มันมีชีวิตอยู่มาได้นับพันปี มังกรตนนี้สมควรเป็นสัตว์อสูรระดับสวรรค์เป็นอย่างน้อย อย่าเพิ่งไปก้าวก่ายกับมันเลยดีกว่า” หลิงฮันยิ้ม


ฮูหนิวบุ้ยปาก นางดูผิดหวังอย่างมากที่ไม่ได้กินเนื้อมังกร


“แต่ว่าพวกเรามีผู้สืบสายเลือดของมังกรที่แท้จริงอยู่ข้างกาย การสยบมังกรเฒ่าตนนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก” หลิงฮันกล่าว


“ใคร? ใครกัน?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกสงสัย


สายตาของหลิงฮันจ้องไปที่นางและพูด “แน่นอนว่าเจ้าไงล่ะ!”


“ข้า!?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนชี้ที่ตัวเองและส่ายหัว “ข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์อสูรเสียหน่อย”


“เอาเถอะ ถ้าหากว่าพบเจอกับมังกรจริงๆ พวกข้าจะซ่อนตัวและให้สาวน้อยเผ่าใต้สมุทรเป็นคนจัดการ” หลิงฮันยิ้มและพูดกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน “หินที่ข้าให้ไปทนทานอย่างมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเรา เจ้าก็ใช้หินนั่นทุบตีมันซะ!”


“ได้เลย!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า


ทั้งสี่คนเดินหน้าต่อ กลิ่นของหมอกเหล่านี้นั้นรุนแรงจนสามารถทำให้จอมยุทธรู้สึกอาเจียน ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมผู้คนถึงคิดว่าที่นี่มีมังกรอาศัยอยู่ จากที่ดูแล้วที่แห่งนี้คงจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่จริงๆ


“โฮกก!” เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้นจนทะเลสาบสั่นไหวทำให้เกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่มีความสูงถึงสิบฟุตโถมเข้าใส่พวกหลิงฮัน


พวกเขารีบกระโดดขึ้นสูงเพื่อหลบคลื่นยักษ์ แต่เมื่อคลื่นระรอกแรกผ่านไป คลื่นยักษ์ระรอกต่อไปก็ถาโถมเข้ามาอีกทันที


หลังจากคลื่นยักษ์ไปสิบกว่าระรอก พื้นผิวทะเลสาบก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง


“จากเสียงนั่น หรือว่าเมื่อครู่มันกำลังหาว?” หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาได้ว่าสัตว์อสูรนั่นจะต้องตัวใหญ่ขนาดไหนที่แค่หาวก็ทำให้เกิดคลื่นยักษ์เช่นนี้ได้


“ระวังตัวด้วยนะ!” จูเสวียนเอ๋อกล่าวเตือน


พวกเขาเดินหน้าต่ออย่างระมัดระวัง แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ไม่พบอะไรเลย ซึ่งเหตุผลหลักก็เป็นเพราะหมอกที่แปลกประหลาดเหล่านี้ได้บดบังทัศนวิสัยของพวกเขา


เมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็พบเข้ากับเงาของบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่ ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาพบกับมังกรเฒ่าเข้าแล้ว แต่เมื่อดูดีๆแล้วมันไม่ใช่เช่นนั้น เพราะสิ่งที่พวกพบไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นเรือ


เรือขนาดใหญ่สีดำที่ดูราวกับมังกร!


ทะเลสาบหยังชงนั้นมีขนาดกว้างขวาง การจะมีเรือสินค้าแล่นผ่านไปมานั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรือตรงหน้าพวกหลิงฮันนี้ย่อมไม่ใช่เรือสินค้าแน่นอน เพราะว่ารูปสลักหัวกะโหลกบนใบเรือนั้นปลดปล่อยกลิ่นอายที่โหดเหี้ยมออกมา


เรือตรงหน้านี้มีความยาวประมาณหนึ่งร้อยฟุต แต่มีความกว้างเพียงสิบฟุตเท่านั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับมังกรอสรพิษที่ลอยอยู่กลางทะเลสาป


“โอ้ ช่างโชคดีจริงๆที่ได้พบเจอสาวงามตั้งสองคน!”


“หัวหน้า มีสาวงามปรากฏตัวขึ้นที่นี่!”


บริเวณใบเรือมีคนอยู่สองคน พวกมันเป็นชายที่อยู่ในช่วงอายุสี่สิบปี คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือชายที่รูปร่างเตี้ยและผอมนั่นคือหัวหน้า


ชายร่างเตี้ยผอมจ้องไปยังหลิงฮันและพูด “น้องชาย ทำไมไม่มากับพวกเราล่ะ? พี่น้องของข้าชอบช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังเดินทางอยู่แล้ว”


หลิงฮันยิ้มและพูด “ดูแล้วพวกเราคงจะมีจุดหมายที่ต่างกัน ข้าว่าพวกเราควรจะต่างคนต่างไปดีกว่า”


สีหน้าของชายร่างเตี้ยเปลี่ยนเป็นมืดมน “เจ้าปฏิเสธข้า? เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเกลียดการถูกปฏิเสธเป็นที่สุด!”


“ไม่ดีแล้ว หัวหน้าโกรธแล้ว!” ชายร่างดูรีบอุทานและกรีดร้องออกมา


หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ถ้าปฏิเสธแล้วจะทำไม?”


“ถ้าหัวหน้าของพวกเราโกรธ ผู้คนจะต้องตกตายจนกลายเป็นภูเขาโลหิต!” ชายร่างสูงพูด “เจ้าหนุ่ม ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนอย่ายั่วยุหัวหน้าข้าเลยดีกว่า”


“มันสายไปแล้ว!” ชายร่างเตี้ยผอมพูด “ลงมือสังหารเจ้าหนูนั่นให้พี่ชายคนนี้และจับตัวหญิงสาวสองคนนั่นมา!”


‘พรึบ’ จู่ๆชายนับร้อยคนก็ปรากฏตัวออกมาจากเรือ พวกมันทุกคนสวมใส่ชุดเกราะสีดำที่ส่องประกายแสงอันแปลกประหลาด


หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและมองไปยังเกราะสีดำเหล่านั้น “ฮูหนิว เสวียนเอ๋อลงมือ”


“อืม!” จูเสวียนเอ๋อตอบรับอย่างอ่อนโยนในขณะที่ฮูหนิวคำรามและพุ่งเข้าใส่ชายเหล่านั้น ส่วนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังหลิงฮัน นางถืออิฐเอาไว้ด้วยความรู้สึกกังวล


‘ปัง’ ฮูหนิวป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก นางทั้งต่อยและเตะชายเกราะดำเหล่านั้นจนกระเด็นราวกับพวกมันเป็นเพียงหุ่นฟาง ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางแน่นอนว่าไม่เชื่องช้า ตอนนี้นางบรรลุระดับบุปผาผลิบานขั้นปลายแล้ว เมื่อรวมกับพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด พลังต่อสู้ของนางจึงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก


แต่สิ่งที่แปลกก็คือถึงแม้จะถูกกรงเล็บของนางโจมตี เกราะสีดำเหล่านั้นก็ไม่แตกสลาย!


จูเสวียนเอ๋อรู้สึกตัวทันทีว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด ศัตรูของพวกนางนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก พวกมันส่วนใหญ่มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับห้วงจิตวิญญาณ แม้จะมีบ้างที่บางคนจะมีพลังระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็สมควรจะถูกนางที่เป็นระดับก่อเกิดวิญญาณขั้นสูงจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ว่านางจะใช้ดาบร้อยประกายโจมตีอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายเกราะที่พวกมันสวมใส่ได้เสียที


ดาบร้อยประกายคือดาบที่หลิงฮันสร้างให้นาง มันถูกหลอมขึ้นจากแร่เหล็กระดับเจ็ด ถึงแม้จะยังไม่กลายเป็นอาวุธวิญญาณ แต่ความคมของมันก็ไม่เป็นสองรองใคร


แปลก… น่าแปลกมาก พลังป้องกันของเกราะที่ชายเหล่านั้นสวมอยู่จะทนทานเกินไปแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 586

 

ปืนพลังหยวน

ในการต่อสู้ระยะประชิด จูเสวี่ยนเอ๋อและฮูหนิวนั้นเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่เกราะที่ฝ่ายตรงข้ามสวมใส่อยู่นั้นมันแปลกมาก แม้แต่กรงเล็บของฮูหนิวก็ไม่อาจทำลายได้


ดังนั้น ฮูหนิวเลยรู้สึกโกรธและกระโจนออกไปเพื่อกัดเกราะของคนคนหนึ่งด้วยฟันที่แหลมคมของนาง


“สัตว์ประหลาด!” เหล่าโจรสลัดอุทานออกมา ในความคิดของพวกมัน เกราะที่พวกมันสวมใส่นั้นไม่มีทางทำลายได้ อย่างน้อยมันก็ไม่เคยเจอศัตรูที่ทำลายมันได้มาก่อน


แต่ฝ่ายตรงข้ามสามารถทำลายได้


ส่วนจูเสวี่ยนเอ๋อเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ นางโคจรพลังไปที่ฝ่ามือข้างซ้ายและปล่อยไปที่หน้าอกของคนพวกนั้นเพื่อที่จะเจาะเกราะด้วยการโจมตีโดยตรง แต่ทว่าเกราะพวกนั้นสามารถดูดซับพลังได้


“น่าสนใจดีนิ!” หลิงฮันพยักหน้า เกราะของพวกมันทำให้เขารู้สึกสนใจ


อย่างไรก็ตาม เกราะพวกนั้นเป็นเพียงแค่เกราะเท่านั้น มันไม่ใช่อาวุธวิญญาณ ดังนั้นจูเสวี่ยนเอ๋อจึงเปลี่ยนวิธีการต่อสู้อีกครั้งและใช้ดาบเล็งไปที่หัวและคอแทน ทำให้ดวงตาของโจรสลัดเบิกกว้าง


“หัวหน้า พวกเราต้านไม่ไหวแล้ว!”


โจรสลัดอุทานออกมา และบางคนหนีกระจัดกระเจิงกลับเข้าไปในเรือ


ต้าเถี่ยโถวเค้นเสียงและพูดว่า “พวกไร้ค่า เจ้าคิดจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเราต้องมัวหมองงั้นรึ? รีบไปเตรียมปืนพลังหยวนและฆ่าเจ้าเด็กนั่นซะ!”


“หัวหน้า ทำไมพวกเราต้องฆ่าเด็กนั่นก่อนด้วย?” ชายร่างสูงถาม


“หากจะจับโจรต้องจับหัวหน้าเสียก่อน ยิงคนก่อนที่จะยิงม้า และเจ้าเด็กนั่นดูเหมือนจะเป็นผู้นำ ดังนั้นต้องฆ่ามันก่อนเป็นคนแรก” ต้าเถี่ยโถวกล่าว


ชายร่างสูงเกาหัวและพูดว่า “หัวหน้า ข้าขอแค่เด็กสาวตัวเล็กนั่นคนเดียวพอ”


“ไปให้พ้น เจ้าโรคจิต!”


บนเรือขนาดใหญ่สีดำ หน้าต่างหลายบานถูกเปิดออกและมีปืนหลายกระบอกยื่นออกมา


หัวใจของหลิงฮันรู้สึกได้ถึงอันตรายขึ้นมาทันที เขามองไปที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและพูดว่า “เจ้าหลบไปอยู่ด้านข้าง ดูเหมือนว่านั่นจะทรงพลังมากทีเดียว”


ปัง แสงสีขาวสามสายถูกยิงออกมา และกำลังพุ่งเข้าหาหลิงฮัน ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วมากและยากที่จะตอบโต้ได้ทัน ในไม่ช้าการโจมตีก็ได้มาถึงด้านหน้าและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหลีก


ดังนั้นเมื่อครู่ หลิงฮันได้ตัดสินใจอยู่ในใจว่ามันเป็นการโจมตีที่เทียบเท่ากับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ ถ้าเขาเปิดใช้งานเกราะอัสนี อย่างน้อยพลังของมันจะบั่นทอนลงไปสามส่วน แต่ทว่าเขาไม่มีเวลาที่จะทำแบบนั้น


ตู้ม แสงสีขาวสามสายพุ่งผ่านหลิงฮันไป และหลิงฮันได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย


เขาเข้าไปในหอคอยทมิฬ


“เป็นไปได้ยังไงกัน!” บนเรือขนาดใหญ่สีดำ ทุกคนรู้สึกตกตะลึง พวกมันทุกคนต่างรู้อำนาจของปืนพลังหยวนดี แต่ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงไม่เป็นอะไรเลย?


“ยิงออกไปอีกครั้ง!” ต้าเถี่ยโถวกรีดร้อง


หลิงฮันบินเข้าหาเรือขนาดใหญ่สีดำ เขาไม่ต้องการตกเป็นเป้าโจมตีฝ่ายเดียว


ปากกระบอกปืนขยับและชี้เป้าไปที่หลิงฮันตลอด หลิงฮันเริ่มใช้ทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจและโยกหลบซ้ายขวาไปมา พวกมันรู้สึกแปลกใจมากที่ตามการเคลื่อนไหวของหลิงฮันไม่ทัน และไม่สามารถยิงออกไปได้อีกระลอก


เมื่อปืนพลังหยวนถูกยิง แม้แต่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานก็ไม่สามารถหลบได้เพราะมันรวดเร็วมาก ปากกระบอกปืนเล็งไปที่หลิงฮันเพื่อยิงแต่พวกมันจะตามความเร็วของหลิงฮันทันได้อย่างไร?


เพียงแค่ไม่กี่ย่างก้าว หลิงฮันก็มาถึงเรือขนาดใหญ่สีดำ และใช้ดาบสะบั้นไปที่หัวของหัวหน้าของพวกมัน


ดั่งสำนวนที่ว่าจะจับโจรต้องจับหัวหน้าเสียก่อน


อย่างไรก็ตาม ต้าเถี่ยโถวเพียงแค่จ้องมองหลิงฮันอย่างเย็นชาและไม่มีความหมายที่จะหลบดาบ


ปัง!


เมื่อดาบโจมตีไปที่เรือ เรือขนาดใหญ่สีดำได้ปรากฏม่านพลังขึ้นและป้องกันการโจมตีของหลิงฮัน


“ฮ่าฮ่าฮ่า ยิงปืนพลังหยวนเดี๋ยวนี้!” ต้าเถี่ยโถวหัวเราะและคำราม ทันใดนั้น แสงสีขาวสามสายก็ปรากฏออกมา ครั้งนี้พวกมันเล็งล่วงหน้าราวกับพวกมันรู้ว่าหลิงฮันจะปรากฏตัวในตำแหน่งนั้น


เรือลำนี้มันแปลกมาก!


หลิงฮันรีบเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้ง และปรากฏตัวออกมากะทันหันรวดเร็วกว่าที่คนส่วนใหญ่จะมองเห็น และไม่คิดว่าเขาหายตัวไปชั่วขณะ ต้าเถี่ยโถวนั้นเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเหมือนกัน และคิดว่าสายตาของมันอาจพล่ามัวเท่านั้น


“เจ้าไปเอาเรือลำนี้มาจากไหน?” หลิงฮันรู้สึกสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเกราะดำ เรือขนาดใหญ่สีดำที่ป้องกันตัวเองได้และปืนพลังหยวน พวกมันตกอยู่ในมือโจรพวกนี้ได้อย่างไร?


“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” ต้าเถี่ยโถวตะโกน


“ตามที่หัวหน้าของข้าพูด มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” ชายร่างสูงพูดตาม


“พวกเจ้าทุกคนสังหารพวกมันให้หมด!” ต้าเถี่ยโถวออกคำสั่ง


“หัวหน้า ท่านจะฆ่าสองสาวที่งดงามสองคนนั้นด้วยหรือ?” ชายร่างสูงถาม


“พี่น้องของพวกเราถูกพวกมันฆ่าตาย ไม่ว่าจะเป็นสาวงามหรือไม่ก็ต้องถูกฆ่า!” ต้าเถี่ยโถวกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด


“ฆ่า! ฆ่า!”  ชายร่างสูงตะโกน


คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน เขาเคลื่อนที่ไปหาจูเสวี่ยนเอ๋อและพูดว่า “เสวี่ยนเอ๋อ เจ้าเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อน!”


“อืม!” จูเสวี่ยนเอ๋อพยักหน้าตอบรับทันทีและไม่ถามถึงเหตุผล


พรึบ ร่างของนางหายไปทันที


จากนั้นหลิงฮันก็พาฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬ แม้ว่านางจะเหนือกว่าระดับตัวอ่อนวิญญาณและไม่เกรงกลัวต่อปืนพลังหยวนก็ตาม


“หืม สาวงามสองคนนั้นหายไปไหนแล้ว?” ต้าเถี่ยโถวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สาวงามสองคนนั้นหายตัวไปอย่างกะทันหันได้ยังไงกัน? มันไม่ได้โง่และตะโกนพูดออกมาว่า “เจ้าแค่ซ่อนพวกนางไว้!”

 

 

 


ตอนที่ 587

 

ไต่สวน

“เดาได้ถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ!” หลิงหันหัวเราะ ร่างของเขาทะยานหายไปอีกครั้งโดยใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจ เขาไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายเล็งเป้ามาที่เขาได้ทันเวลา ในมือของเขากำดาบดาบปีศาจม่วงไว้แน่นและเริ่มรวบรวมพลังปราณเพื่อปลดปล่อยกระบวนท่าหมื่นแปรผันเป็นหนึ่ง


ดาบลึกลับสามพันเล่มนั้นเหมาะสมที่จะใช้กับศัตรูจำนวนมาก แต่ถ้าหากจะเน้นไปที่เป้าหมายเดียว หมื่นแปรผันเป็นหนึ่งจะทรงพลังยิ่งกว่าจนไม่อาจจินตนาการได้


“ยิงมัน!” ต้าเถี่ยโถวคำราม


ปากกระบอกปืนเริ่มเล็งเป้าทันที เพียงแต่เป้าหมายไม่ใช่หลิงฮันแต่เป็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมีท่าทีหวาดกลัวและพูดกับหลิงฮัน “ข้ายังไม่ได้โจมตีพวกมันเลยแท้ๆ ทำไมพวกมันถึงต้องทำร้ายข้าด้วย?”


“นั่นเพราะพวกมันเป็นคนเลว กับเหล่าคนเลวแล้ว เจ้าย่อมไม่อาจหาเหตุผลจากพวกมันได้” หลิงฮันอธิบาย “ดังนั้นจงจัดการคนเลวเหล่านั้นซะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แค่โยนก้อนอิฐออกไปก็พอ!”


“โอ้” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้าและตั้งท่าเล็ง จากนั้นนางก็เขวี้ยงอิฐในมือออกมา


เมื่อก้อนอิฐพุ่งเข้าไปจนเกือบจะปะทะเข้ากับเรือสีดำ จู่ๆม่านแสงสีดำก็ปรากฏออกมาล้อมรอบเรือเอาไว้กลายเป็นโล่ป้องกัน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนม่านแสงสีดำจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก


‘ตูม’ ม่านแสงสีดำแตกสลายหายไปเพียงเพราะอิฐก้อนเดียว ก้อนอิฐได้ลอยกระแทกไปยังลำเรือ ‘ตูม’ เสียงก้อนอิฐที่พุ่งปะทะลำเรือดังขึ้น ก้อนอิฐได้พุ่งทะลุไปยังอีกด้านของลำเรือราวกับดาวตก


“อิฐของข้า!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอุทานและรีบไล่ตามก้อนอิฐไป


‘ครืน’ เรือสีดำเกิดเสียงแปลกประหลาดพร้อมกับควันสีดำและประกายเพลิงที่ปรากฏเต็มไปทั่วท้องเรือ ลำเรือเอนเอียงไปมาและกำลังจะจม!


หลิงฮันประหลาดใจ อิฐที่เขามอบให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนช่างทนทานจริงๆ มันสามารถจมเรือที่เป็นอาวุธวิญญาณได้ในการโจมตีเดียว


‘ตูม! ตูม! ตูม!’


การที่ลำเรือระเบิดนั้นทำให้ปืนใหญ่พลังหยวนไม่มั่นคง ประกายไฟที่เกิดขึ้นบนลำเรือตอนนี้ได้เป็นตัวจุดชนวนเปิดใช้งานปืนใหญ่พลังหยวน เพียงแต่เป้าหมายของปืนใหญ่นั้นไม่ใช่พวกหลิงฮันแต่เป็นเรือของพวกมันเอง


การโจมตีใส่ตัวเรือครั้งนี้ของปืนใหญ่นั้นเทียบเท่าได้กับการกระหน่ำโจมตีของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณนับร้อยคน ความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เรือทั้งลำพังทลายออกเป็นชิ้นๆแทบจะในพริบตา โจรสลัดส่วนใหญ่ยังไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหลบหนีก็ถูกสังหารทันที คนที่รอดออกมาได้มีเพียงแค่ต้าเถี่ยโถวและลูกน้องมือขวาของมันเท่านั้น


เพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นถึงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แม้จะไม่สามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ แต่สายตาของพวกมันก็รวดเร็วและหลบอีกออกมาได้ทันเวลา


แต่พวกมันก็ต้องโชคร้าย เพราะหลิงฮันกำลังรอโอกาสนี้อยู่แล้ว


‘ฟุบ’ หลิงฮันตบพวกมันให้สลบและนำตัวทั้งสองคนเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที


“ฮันฮัน! ฮันฮัน!” เมื่อเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนำก้อนอิฐกลับมานางก็เห็นร่างของหลิงฮันหายไปในพริบตา เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก หลิงฮันมักจะหายไปบ่อยๆและปล่อยให้นางรอคอยเป็นเวลานาน


เมื่อเข้ามาในหอคอยทมิฬ หลิงฮันก็ปลุกต้าเถี่ยโถวให้ตื่น ในเมื่อถูกส่งตัวเข้ามาในหอคอยทมิฬแล้ว ในชีวิตนี้พวกมันก็จะไม่ถูกส่งตัวกลับออกไปอีก หากลองคิดถึงสถานะโจรสลัดของพวกมันในหลายปีมานี้พวกมันคงจะสังหารผู้คนมามากมาย การที่จะกุมขังมันเอาไว้ในหอคอยทมิฬตลอดชีวิตจึงไม่นับว่าเป็นการกระทำที่เกินเหตุ


“ที่นี่ที่ไหน?” ต้าเถี่ยโถวตื่นขึ้นและอุทานอย่างตกตะลึง


“หัวหน้า พวกเราอยู่ที่ไหน?” ชายร่างสูงรู้สึกหวาดกลัวและโผตัวไปคว้าแขนของต้าเถี่ยโถวเอาไว้


“เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร?” ต้าเถี่ยโถวตบไปที่หน้าของชายร่างสูงทันที


“อะแฮ่ม!” หลิงฮันกระแอมและกล่าว “ตอนนี้พวกเจ้าเป็นนักโทษของข้าแล้ว หากข้าต้องการให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ พวกเจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากข้าต้องการทำให้พวกเจ้ากลายเป็นขันที มันก็ง่ายเพียงแค่ดีดนิ้ว”


‘ฟุบ!’


ต้าเถี่ยโถวและสมุนของมันรีบนำมือทั้งสองข้างกำไปที่ระหว่างขาทันที นอกจากสิ่งนี้แล้ว ยังมีอย่างอื่นที่ทำให้บุรุษถูกเรียกว่าบุรุษอีกรึ?


หลิงฮันยิ้มและตวัดนิ้วซ้ายขวา ทันใดนั้นมือของต้าเถี่ยโถวก็กางออกพร้อมกับร่างของมันที่ลอยขึ้นกลางอากาศ


“เจ้า เจ้าไม่อาจทำร้ายข้าได้ หัวหน้าของข้าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่เส้นผม หัวหน้าของข้าจะสังหารเจ้าแน่นอน!” ต้าเถี่ยโถวหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือดและรีบตะโกนข่มขู่หลิงฮัน


หลิงฮันชะงักและกล่าวถาม “เจ้าไม่ใช่หัวหน้าใหญ่?”


“ข้าเป็นหัวหน้าโจรสลัดก็จริง แต่ก็ยังมีคนที่เหนือกว่าข้าอยู่อีก!” ต้าเถี่ยโถวเกร็งตัวจนคอแข็ง “ข้าขอเตือเจ้าว่าอย่าต่อต้านหัวหน้าของข้าดีกว่า ถึงแม้หัวหน้าของข้าจะมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับบุปผาผลิบาน แต่เขาครอบครองสมบัติแปลกประหลาดมากมาย แถมพลังต่อสู้ยังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย”


“โอ้ เรือสีดำนั่นก็ด้วย?” หลิงฮันสงสัย


“ใช่แล้ว เรือที่ข้าใช้เป็นเพียงเรือมังกรเงิน แต่หัวหน้าของข้าครอบครองเรือมังกรทองคำ ซึ่งน่าสะพรึงกลัวกว่ามาก!” ต้าเถี่ยโถวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ


หลิงฮันแสร้งทำเป็นถอนหายใจและพูด “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้พบกับนักโทษที่อวดดีเช่นนี้ ดูเหมือนข้าคงต้องลงมือให้เจ้ารู้ถึงสถานะของตัวเจ้าเองก่อน!”


“ไม่ เจ้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้!” ต้าเถี่ยโถวหวาดกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว “เจ้าไม่กลัวการล้างแค้นจากหัวหน้าของข้ารึไง?”


“ไม่แม่แต่น้อย” หลิงฮันยิ้ม


หลิงฮันเรียกดาบกระดูกออกมาและกล่าว “ข้าจะถามคำถามกับพวกเจ้า ถ้าใครตอบช้ากว่าจะต้องโดนตัดไข่และโคน!”


หลิงฮันกวัดแกว่งดาบกระดูกเพื่อข่มขู่พวกมันและพูด “ใครคือหัวหน้าของพวกเจ้า?”


“เฝิงเหว่ยฉี”


“ต้าเถี่ยโถว”


หลิงฮันจ้องไปยังลูกสมุนร่างสูงราวกับกำลังมองคนโง่ จากนั้นเขาก็หันไปมองต้าเถี่ยโถวอีกครั้งและพูด “ใครคือเฝิงเหว่ยฉี?”


“ข้าก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้ตัวข้าเคยเป็นผู้คุมน่านน้ำในบริเวณทะเลสาปแห่งนี้มาก่อน ไม่มีใครเลยที่ไม่หวาดกลัวพวกข้า แต่ถึงอย่างนั้นหัวหน้าของข้ากลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้น หลังจากที่เขาปรากฏตัวเมื่อสามปีก่อน เขาก็กลายมาเป็นหัวหน้าของข้าและมอบเรือมังกรเงินให้กับกลุ่มโจรของข้า ซึ่งเสริมอำนาจให้พวกข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” ต้าเถี่ยโถวกล่าว


“เกราะสีดำเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่เฝิงเหว่ยฉีมอบให้เจ้า?” หลิงฮันถามอีกครั้ง


“ใช่แล้ว” ต้าเถี่ยโถวตอบ


“ตอนนี้เฝิงเหว่ยฉีอยู่ที่ใด?” หลิงฮันถามต่อ


ต้าเถี่ยโถวลังเลที่จะตอบ แต่เมื่อเหลือไปเห็นประกายแสงอันคมกริบของดาบกระดูกที่จ่อระหว่างขาของมันอยู่ ความรู้สึกหวาดผวาก็ผุดขึ้นในใจของมันทันที “หัวหน้าของข้าอยู่ที่เกาะไม้ทมิฬ เขาอาศัยอยู่ที่นั่น”


“แล้วเกาะไม้ทมิฬอยู่ที่ไหน?”


“มันตั้งอยู่ที่ขอบมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ของน่านน้ำที่เต็มไปด้วยหมอกหนาจนผู้คนไม่สามารถพบเห็น!” ต้าเถี่ยโถวแสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมา แต่ทันใดนั้นมันก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่บริเวณไข่ มันเจ็บปวดจนเกือบสลบเหมือดไปในทันที

 

 

 


ตอนที่ 588

 

เกาะไม้ทมิฬ

หลิงฮันพยักหน้าและพูด “พาข้าไปที่นั่น”


“แต่หัวหน้าสั่งข้าเอาไว้ว่าข้าสามารถไปที่นั่นเพื่อมอบสตรีให้เขาเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือนเท่านั้น” ต้าเถี่ยโถวพูดอย่างขมขื่น “เกาะไม้ทมิฬนั้นเป็นเขตหวงห้าม หากหัวหน้าอารมณ์ไม่ดี ใครที่บุ่มบ่ามเข้าไปจะต้องถูกสังหาร”


หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและสะบั้นลงไป ทันในนั้นโลหิตสายหนึ่งก็กระฉูดออกมาทันที


“อ้ากก!” ต้าเถี่ยโถวกรีดร้อง


“อ้ากก!” ลูกสมุนร่างสูงกรีดร้องเช่นกัน


หลังจากกรีดร้องไปได้สักพัก ต้าเถี่ยโถวก็หันไปพูดกับลูกสมุนร่างสูง “ข้าเป็นคนที่ถูกตัด เจ้าจะกรีดร้องไปทำไม?”


“หัวหน้า ครั้งนี้ไม่ใช่ท่านแต่เป็นข้า!” หยาดน้ำตาของลูกสมุนร่างสูงไหลนองท่วมใบหน้า


“ว่าไงนะ?” เมื่อต้าเถี่ยโถวมองลงไปและเห็นว่าโคนของมันยังอยู่ที่เดิมมันก็ถอนหายใจโล่งอกและอดที่จะยิ้มหัวเราะอย่างเบิกบานใจออกมาไม่ได้


หลิงฮันทำเสียงเคร่งขรึมและพูด “ใครจะเป็นคนพาข้าไปยังเกาะไม้ดำ?”


ต้าเถี่ยโถวและลูกสมุนร่างสูงส่ายหัวพร้อมกัน แม้พวกมันจะเป็นโจรสลัดใต้สังกัดของเฝิงเหว่ยฉี แต่ถ้าหากพวกมันไปที่นั่นโดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตเสียก่อน จุดจบของพวกมันก็คือความตายเช่นกัน ไข่กับโคนของพวกมันนั้นจะมีค่าเท่ากับชีวิตของพวกมันได้อย่างไร?


หลิงฮันยิ้มและพูด “ใครก็ตามที่พาข้าไปข้าจะยอมไว้ชีวิตคนคนนั้น ส่วนใครที่ไม่เชื่อฟัง ก็จงรอเวลากลายเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่ไปซะ”


“ข้าจะพาไป!” ต้าเถี่ยโถวและลูกสมุนร่างสูงตะโกนออกมาพร้อมกัน


“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ามีความจงรักภักดีต่อหัวหน้าใหญ่รึไง?” หลิงฮันยิ้ม


“อะไรคือความจงรักภักดี? มันกินได้รึไง?” ทั้งสองคนกล่าวออกมาอย่างหน้าด้าน


หลิงฮันอดรู้สึกสงสารคนที่โชคร้ายที่มีลูกน้องอย่างสองคนนี้ไม่ได้ เมื่อเขาออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาก็พบว่าร่างของเขาจมอยู่ใต้ทะเลสาบจึงรีบลอยขึ้นมา


เมื่อเขาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เขาก็เห็นเงาดำเงาหนึ่งพุ่งเข้ามารัดคอเขา “ฮันฮัน! ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่โผล่มาแทบแย่!” เงานั่นคือเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


“อย่าทำเช่นนี้อีก ไม่งั้นข้าจะต้องตายแน่ๆ!” หลิงฮันสำลักออกมา สตรีนางนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยววิถีแห่งวรยุทธ ดังนั้นนางจึงไม่รับรู้เลยว่าพลังของตัวนางนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน หากเขาไม่บ่มเพาะกายาเหล็กกล้า การรัดคอเมื่อครู่คงทำให้เขาตกตายไปแล้ว


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปล่อยแขนออกจากคอหลิงฮันอย่างไม่เต็มใจ แต่มือซ้ายของนางก็ยังคงจับชายเสื้อเขาเอาไว้ในขณะที่มีก้อนอิฐถืออยู่ในมือขวา นางดูราวกับเป็นสตรีที่งดงามที่กำลังอยากจะไปทุบตีใครสักคนจะแย่อยู่แล้ว


หลิงฮันนำต้าเถี่ยโถวออกมาและให้มันนำทางไปยังเกาะไม้ทมิฬ


ท่ามกลางหมอกหนาทึบบนทะเลสาปนี้ สัญชาตญาณในการคาดเดาเส้นทางนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ เขามองเห็นต้าเถี่ยโถวนำเข็มทิศออกมา เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะมันก็เดินนำทางเขาไป


หลิงฮันจ้องไปยังต้าเถี่ยโถวและพูด “เข็มทิศนั่นดูไม่เลวเลย” หากเป็นเข็มทิศธรรมดาคงไม่อาจใช้กับสถานที่แห่งนี้ได้ ดังนี้เข็มทิศที่ต้าเถี่ยโถวนำออกมาจึงถือว่าไม่ใช่เข็มทิศธรรมดา


“นี่เป็นสิ่งที่หัวหน้ามอบให้ข้า!” ต้าเถี่ยโถวพูดอย่างภาคภูมิใจ


ด้วยการนำทางของเข็มทิศ ผ่านไปสองวันเงาสีดำขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถคาดเดาขนาดได้ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา


“นั่นคือเกาะไม้ทมิฬ” ต้าเถี่ยโถวกล่าว “ขอข้าซ่อนตัวก่อนได้รึไม่?”


“จะซ่อนตัวไปทำไม? เจ้ากับหัวหน้าเจ้าไม่ใช่สหายกันรึไง?” หลิงฮันยิ้ม “นำทางต่อไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้า!”


“น้องชาย เจ้าจะทำกับข้าอย่างนี้ไม่ได้!” ต้าเถี่ยโถวโอดครวญ “หัวหน้าบอกเอาไว้ว่า ข้าสามารถเข้าเกาะไม้ทมิฬไปได้แค่วันเดียวในช่วงต้นเดือน หากเข้าไปตอนนี้ หัวหน้าจะต้องสังหารข้าแน่นอน!”


“ไม่มีอะไรต้องกลัว ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง” หลิงฮันยิ้ม


ต้าเถี่ยโถวต้าจ้องมาที่เขาอย่างลังเล เห็นได้ชัดว่ามันไม่มั่นใจในตัวหลิงฮันแม้แต่น้อย


หลิงฮันยกดาบกระดูกขึ้นมาและพูด “เจ้าก็เลือกเอาเอง ถ้าเจ้าไม่นำทางให้ข้าเจ้าจะต้องตายในทันที! แต่ถ้าเจ้านำทางให้ข้า เจ้าก็ยังมีโอกาสที่จะรอดชีวิต ถ้าเจ้ามีสมองซักนิดก็จงเลือกเอาเอง”


ต้าเถี่ยโถวฝืนใจพูดออกมา “ข้าจะนำทางให้เจ้า”


พวกเขาเดินทางไปข้างหน้าต่อ ผ่านไปไม่นานหมอกเบื้องหน้าพวกเขาก็เริ่มจางลงจนมองเห็นเกาะขนาดใหญ่ตรงหน้า เกาะแห่งนี้มีรูปร่างราวกับดวงจันทร์ ไม่ว่าจะมองไปที่ใดก็ล้วนแต่เป็นสีดำ


หากมองให้ดีๆจะพบว่าเกาะแห่งนี้มีต้นไม้อยู่มากมาย แต่ทั้งต้นไม้และพืชบนเกาะต่างก็มีสีดำราวกับเหล็ก ต้นไม้แต่ละต้นไม่มีก้านแตกหน่อออกมา ลำต้นของพวกมันชี้ตรงขึ้นฟ้าราวกับคมหอก


ต้าเถี่ยโถวเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเกาะและพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ “พี่น้องบนเกาะ ข้าคือต้าเถี่ยโถว ข้ามาที่นี่เพื่อมอบสตรีให้กับหัวหน้าใหญ่!”


ผ่านไปชั่วขณะก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากเกาะ “มอบสตรี? วันนี้เพิ่งจะวันที่สิบห้าเอง มันยังเร็วเกินไปที่จะถึงช่วงต้นเดือน! หัวหน้าต้า เจ้าไม่รู้กฎของพี่ใหญ่รึยังไง?”


“เอ่อ… สตรีที่ข้านำมาในครั้งนี้งดงามเป็นอย่างมาก เพราะงั้นข้าจึงอยากจะมอบตัวนางให้กับหัวหน้าใหญ่ไวๆ!” ต้าเถี่ยโถวกล่าวและชี้นิ้วไปยังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


ในระยะที่ห่างไหลเกินหนึ่งไมล์ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานจะไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้ พวกเขาจะดูออกเพียงแค่ว่านางเป็นสตรี


“หัวหน้าต้า โปรดอย่าสร้างปัญหาให้พวกเรา กฎของพี่ใหญ่ไม่อาจถูกละเมิดได้!” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังออกมาจากเกาะ


“เจ้าพวกบัดซบหัวทึ่ม ไม่คิดจะเปิดให้ข้าเข้าไปงั้นรึ?” ต้าเถี่ยโถวตะโกนออกไป “สตรีที่นำมาครั้งนี้งดงามเป็นอย่างมาก หากข้านำมาส่งให้ในช่วงต้นเดือนหน้าแล้วหัวหน้าใหญ่เกิดโมโหที่ข้าไม่พาตัวนางมาให้ไวๆ พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวรึ?”


ต้าเถี่ยโถวนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพูด “ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองนั่งเรือเล็กมาดูด้วยตนเองซะ”


หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา แต่ผ่านไปเพียงชั่วขณะเดียว พวกหลิงฮันก็มองเห็นเรือขนาดเล็กที่รอยออกมาจากเกาะ


หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก ต้าเถี่ยโถวที่ดูงี่เง่าเช่นนี้กลับสามารถแสดงละครได้ยอดเยี่ยมนัก และเพราะท่าทีที่ดูโง่ของมัน ทำให้ไม่มีใครเชื่อว่าคนที่โง่เช่นนี้จะสามารถโกหกคนอื่นเป็น


แต่หากคิดดูให้ดี คนที่สามารถบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้จะเป็นคนโง่ไปได้อย่างไร?


เรือขนาดเล็กลอยมาหยุดห่างจากพวกเขาสิบฟุต ด้วยระยะเช่นนี้ พวกมันจะสามารถมองได้ชัดเจน


“เป็นสตรีที่งดงามจริงๆด้วย!”


“ช่างงามล้ำ!”


“น่าดึงดูดอะไรเช่นนี้!”


บนเรือมีคนอยู่สี่คน พวกมันทุกคนต่างมองมายังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพร้อมกับมีน้ำไหลออกจากปาก


“เหอะ ที่นี้เชื่อรึยังว่าข้าไม่ได้โกหก?” ต้าเถี่ยโถวเค้นเสียงดูถูก


“พี่ชายต้า เจ้าหนูนั่นเป็นใครกัน?” ทั้งสี่คนจ้องมองมายังหลิงฮัน


“เขาเป็นน้องชายของข้าเอง” ต้าเถี่ยโถวกล่าวโกหกออกไปอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า


“โอ้ พี่ชายต้า นี่ท่านบาดเจ็บรึ?” ทั้งสี่คนมองมายังช่วงล่างของต้าเถี่ยโถวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต


“ข้าแค่ฝึกซ้อมทักษะหนักเกินไปจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น” ต้าเถี่ยโถวพูดออกมาเป็นตุเป็นตะ


“พี่ชายต้าช่างเป็นคนที่น่านับถือยิ่งนัก!” ชายทั้งสี่ชูนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกัน


ส่วนหลิงฮันนั้นกำลังตกอยู่ในอาการมึนงงจนเหงื่อไหลออกมา

 

 

 


ตอนที่ 589

 

หุ่นเชิด

ต้าเถี่ยโถวเค้นเสียงและพูดว่า “พวกเจ้ายังไม่ให้พวกข้าเข้าไปอีกรึ!”


“พี่ใหญ่ต้าเถี่ยโถว ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน” เรือเล็กแล่นเข้ามาหา และในไม่ช้าได้เกิดแสงประหลาดขึ้นราวกับว่ามิติถูกบิดเบือน


“พี่ใหญ่ต้าเถี่ยโถวเชิญขึ้นมาได้เลย” พวกมันทั้งสี่คนพูด


พวกหลิงฮันทั้งสามคนขึ้นไปบนเรือและพวกมันทั้งสี่คนพายเรือเข้าฝั่ง


“ทำไมหญิงสาวคนนี้ถือยังถือก้อนอิฐอยู่อีก?” เมื่อพวกมันทั้งสี่คนเห็นก้อนอิฐที่อยู่ในมือของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ช่วยไม่ได้ที่พวกมันจะรู้สึกสงสัย


หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “นางแค่รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยใช้มันเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น”


พวกมันทั้งสี่คนแสยะยิ้มและพูดว่า “หึ่ม การได้ติดตามหัวหน้าของพวกเรารับรองนางจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”


หลิงฮันไม่ได้สนใจพวกมันเลยแม้แต่น้อย  ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงเกาะไม้ทมิฬ เกาะไม้ทมิฬไม่ได้มีแค่ต้นไม้สีดำอยู่ทุกหนแห่งเท่านั้น แต่พื้นดินเองก็เป็นสีดำด้วย


“แล้วหัวหน้าอยู่ที่ไหน?” ต้าเถี่ยโถวถาม


“หัวหน้ายังคงอยู่ในถ้ำ” พวกมันคนหนึ่งกล่าว


“แล้วถ้ำอยู่ไหนกันล่ะ?” หลิงฮันถาม


พวกมันทั้งสี่คนจ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “พี่ใหญ่ต้าเถี่ย ดูเหมือนว่าน้องชายของท่านจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย นั่นคือเรื่องที่ควรถามออกมาหรือไม่?”


สีหน้าของต้าเถี่ยโถวกลายเป็นเกรี้ยวกราดและพูดว่า “สิ่งที่พวกเจ้าพูดมันฟังดูไร้สาระยิ่งกว่า!”


พวกมันทั้งสี่คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที ทำไมสีหน้าของเขาถึงเปลี่ยนเร็วขนาดนี้? พวกมันมองหน้ากันไปมาและพูดว่า “พี่ใหญ่ต้าเถี่ย หัวหน้าบอกพวกข้าไว้ว่าเมื่อเขาเข้าไปในถ้ำห้ามใครเข้ามารบกวน ในเมื่อท่านส่งสาวงานให้พวกเราแล้ว โปรดกลับไปได้แล้ว!”


“น้องชาย เจ้าคิดว่าไง?” ต้าเถี่ยโถวถามหลิงฮัน


“ดี” หลิงฮันยิ้ม “จัดการพวกมันให้หมด”


“ได้เลยน้องชาย!” ต้าเถี่ยโถวกระแทกฝ่ามือใส่พวกมันทั้งสี่คน ทำให้พวกมันตายทันที


หลังจากนั้น หลิงฮันเรียกฮูหนิวออกมา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่านางจะตกอยู่ในอันตราย ส่วนจูเสวี่ยนเอ๋อนั้นฝึกฝนอยู่ในหอคอยทมิฬ แม้นางจะเป็นอัจริยะแต่ยังห่างไกลจากฮูหนิว


“นำทางข้าไปที่ถ้ำ” หลิงฮันเตะต้าเถี่ยโถว ฝ่ายตรงข้ามยังคงตกตะลึงกับการปรากฎตัวของฮูหนิว อาวุธวิญญาณที่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้นั้นมันไม่เคยได้ยินมาก่อนจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะรู้สึกตกตะลึง


ต้าเถี่ยโถวนำทางโดยที่มีกลุ่มของหลิงฮันสามคนอยู่ด้านหลัง และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมองโลกรอบข้างด้วยความแปลกตาขณะที่จับมุมเสื้อของหลิงฮันด้วยมือข้างซ้าย


บนเกาะมีลูกสมุนอยู่จำนวนมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับต้าเถี่ยโถว เพราะมันเองก็เป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน เมื่อมันพบคน มันก็จะลงมือสังหารทันทีอย่างไร้ความเมตตา


แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งเกาะได้เกิดเสียงเตือนขึ้น


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เสียงเพิ่งจะดังขึ้น สัตว์อสูรขนาดใหญ่สามตัวก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว


มันเป็นสัตว์อสูรที่มีรูปร่างขนาดมนุษย์แต่สูงถึงสามฟุต และร่างของพวกมันมันวาวไปด้วยโลหะสีดำ


“หุ่นเชิด?” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้มีหลายคนคิดว่าอสูรศิลานั้นเป็นหุ่นเชิด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหุ่นเชิดสามตัวที่อยู่เบื้องหน้า เขาแสยะยิ้มอยู่ในใจและเรียกอสูรศิลาออกมา “จัดการพวกมัน!”


ทันใดนั้น อสูรศิลากระโจนออกไปทันทีและต่อสู้อย่างดุเดือดกับหุ่นเชิดเหล็กทั้งสามตัว


แม้พวกมันจะไม่ใช่มนุษย์ทั้งสองฝั่ง แต่ดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก นั่นคือ หุ่นเชิดเป็นคล้ายกับซากศพที่ไร้ชีวิต แต่อสูรศิลานั้นแตกต่างจากพวกมันอย่างสิ้นเชิง มันเกิดขึ้นมาจากพลังของสวรรค์และโลก ทำให้มันสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง


ตอนนี้ อสูรศิลาบรรลุระดับบุปผาผลิบานช่วงปลายแล้วและมีโอกาสที่จะทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณ อย่างไรก็ตาม การทะลวงผ่านระดับของมันนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของตัวมันเอง แต่ขึ้นอยู่กับพลังของหินที่มันดูดซับ


“พาข้าไปที่ถ้ำต่ออย่าหยุด” หลิงฮันพูดกับต้าเถี่ยโถว


“ตกลง!” เมื่อต้าเถี่ยโถวเห็นพลังของอสูรศิลาที่เหนือกว่าหุ่นเชิดเหล็กทั้งสามตัวอย่างเห็นได้ชัด ในความคิดเห็นของมัน หุ่นเชิดเหล็กทั้งสามตัวเป็นตัวตนไร้พ่ายในระดับบุปผาผลิบาน


แต่ทว่าตอนนี้พวกมันกลับถูกอสูรศิลาของหลิงฮันทุบตีอยู่ข้างเดียว


“น้องชาย โปรดมากับข้า” ต้าเถี่ยโถวสุภาพกับหลิงฮันมากยิ่งขึ้น สมดุลภายในหัวใจของมันนั้นเริ่มเอนเอียงไปอยู่ฝั่งหลิงฮันแล้ว


พวกเขาเดินมาถึงกลางภูเขาและเห็นหลุดขนาดใหญ่บนภูเขา ข้างในมืดสลัวและเงียบงันและมีประกายแสงของคบเพลิง


ตู้ม ตู้ม ตู้ม เสียงเดินของอสูรศิลาเข้ามาใกล้เห็นได้ชัดว่ามันจัดการหุ่นเชิดเหล็กทั้งสามตัวเรียบร้อยแล้ว


หลิงฮันเดินเข้าไปในถ้ำและเริ่มใช้เนตรแห่งสัจธรรม แม้ว่าถ้ำจะมืด แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา พื้นที่ภายในถ้ำนั้นน่าทึ่งมัน ราวกับว่ามันเป็นเมืองขนาดเล็กและทุกอย่างดูแปลกตา


“เรือมังกรเงินที่เฝิงเหว่ยฉีมอบให้เจ้ามาจากที่นี่งั้นหรือ?”


“เจ้าเดาได้ถูกต้อง!” ต้าเถี่ยโถวรู้สึกประหลาดใจ ครั้งนี้มันไม่ได้พูดจาประจบประแจง แต่รู้สึกตกใจ


หลิงฮันไม่ได้คาดเดา รูปร่างของถ้ำแห่งนี้มันแปลกประหลาดมาก ถ้าหากเรือมาจากที่นี่ มันคงจะเติมเต็มช่องว่างภายในถ้ำได้ จึงสรุปว่าเฝิงเหว่ยฉีนั้นได้ค้บพบโบราณสถานและได้รับสมบัติจากที่แห่งนี้


และอีกฝ่ายยังคงอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน แสดงให้เห็นว่ามันยังมีของล้ำค่าหลงเหลืออยู่อีก


หลิงฮันรู้สึกสนใจมาก เรือมังกรเงินนั้นทรงพลังมาก ปืนพลังหยวนเองก็สามารถคุกคามจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้ และม่านพลังที่เหนือกว่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ


เรือมังกรทองจะต้องทรงพลังกว่านี้อย่างแน่นอน และเฝิงเหว่ยฉียังคงอยู่ในนี้ตลอดเวลา มันจะมีอะไรที่น่าสนใจกว่านี้อยู่อีกหรือไม่?


หลิงฮันเดินเร็วขึ้นและเข้าไปในถ้ำลึกขึ้น มีร่องรอยการขุดอยู่ทุกหนแห่ง มันควรมีสิ่งของมากมายที่ถูกค้นพบ และหุ่นเชิดสามตัวนั่นน่าจะถูกขุดมาจากที่นี่ด้วย


หลังจากนั้นไม่กี่ก้าว หลิงฮันรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันและชักดาบออกมาทันที ปฏิกิริยาตอบสนองของฮูหนิวเองก็ไม่ได้เชื่องช้า และคำรามออกมาพร้อมกับจิตสังหาร


ตู้ม!


หุ่นเชิดสีเงินสองตัวปรากฏตัวออกมา ครั้งนี้มันไม่ใช่หุ่นเชิดเหล็ก แต่เป็นหุ่นเชิดเงินซึ่งแตกต่างจากหุ่นเชิดเหล็ก พวกมันดูคล้ายมนุษย์มากกว่าและมีร่างกายที่มีความยืดหยุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ


หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและฮูหนิวกระโจนพุ่งเข้าหามัน แต่ร่างกายผิวเงินของมันนั้นโยกหลบ ราวกับคลื่นน้ำ และการโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนก็หายไป


มันยังเป็นระดับบุปผาผลิบาน แต่ในแง่ของพลังป้องกันนั้นเหนือกว่าหุ่นเชิดเหล็กก่อนหน้านี้มากและยังหลบหลีกการโจมตีได้อย่างพริ้วไหวราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำ

 

 

 


ตอนที่ 590

 

ปรอท

หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “มันเป็นเหล็กชนิดไหนกันถึงเหมือนน้ำขนาดนี้”


หลิงฮันกระหน่ำโจมตีมันด้วยดาบ ร่างของหุ่นเชิดสีเงินทั้งสองตัวได้รับบาดแผลจำนวนมาก แต่พวกมันก็กลับมาเป็นปกติรวดเร็วมาก ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำจริงๆ


ตู้ม ตู้ม หุ่นเชิดสีเงินทั้งสองตัวเองก็โจมตีพวกหลิงฮันเช่นเดียวกัน แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะยืดหยุ่นเหมือนน้ำในตอนที่มันโจมตี แต่กำปั้นของพวกมันนั้นทั้งทรงพลังและรุนแรง


“เข้ามาเลย!” หลิงฮันยิ้มและเก็บดาบ และใช้กำปั้นทั้งสองข้างของเขาต่อสู้กับพวกมันแทน


ตู้ม!


หมัดทั้งสองข้างของหลิงฮันปะทะกับหมัดของหุ่นเชิดสีเงิน ทำให้แขนทั้งสองข้างของหุ่นเชิดสีเงินแตกกระจายราวกับน้ำทันที


“พระเจ้า!” ต้าเถี่ยโถวอุทาน ใบหน้าของมันกลายเป็นสีเขียว มันรู้ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดสีเงินดี แต่หลิงฮันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยแม้จะรับมือกับมัน


ในมุมมองของมัน หุ่นเชิดสีเงินทั้งสองตัวนั้นเป็นสัตว์ประหลาด แต่หลิงฮันนั้นเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าพวกมันเสียอีก


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่ามันมีโลหะแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกว่าปรอท ข้าคิดว่าพวกมันทั้งสองตัวน่าจะถูกหลอมขึ้นมาจากปรอททำให้มันมีคุณสมบัติแปลกประหลาดแบบนี้”


“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกมันหวาดกลัวมากที่สุดคือไฟ!”


มือของหลิงฮันสั่นไหวและดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานเคลื่อนไหวถูกปลดปล่อยออกมาอย่างช้าๆและกลายเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชติอยู่บนมือของหลิงฮัน


ตู้ม หลิงฮันต่อยเข้าไปในหน้าอกของหุ่นเชิดสีเงินและคาไว้อย่างนั้น ตราบใดที่เขาดึงแขนกลับ บาดแผลของมันก็จะรักษาทันที


แต่ทว่าครั้งนี้หมัดของหลิงฮันนั้นห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง และมีอุณหภูมิที่สูงมากจนน่าสะพรึงกลัว บาดแผลของพวกมันเริ่มขยายตัว ราวกับไฟที่เริ่มละลายน้ำแข็ง


“เจอแล้ว!” ในหน้าอกของมันมีลูกบอลสีเงินกำลังส่องประกายอยู่


หัวใจหุ่นเชิด!


นี่คือแหล่งที่มาของพลังของพวกมัน หากไม่มีสิ่งนี้มันก็เป็นเพียงแค่เศษเหล็ก!


หลิงฮันจับหัวใจของมันไว้แน่น และเหล็กสีเงินไหลออกมาไม่หยุดเพื่อยับยั้งไม่ให้หลิงฮันทำลายมัน


“เจ้าคิดจะปกป้องตัวเองงั้นรึ?” หลิงฮันยิ้ม เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ในมือทำให้โลหะละลายทันทีและหัวใจของมันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาอีกครั้ง


ตู้ม!


หุ่นเชิดสีเงินอีกตัวถูกโจมตีหลิงฮันจากด้านหลัง


หลิงฮันไม่หันกลับไปมอง เขาเพียงแค่ใช้มือซ้ายเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านหลัง


ปัง!


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปาก้อนอิฐทำให้ร่างของมันกระเด็นเข้ากับผนังของภูเขา


ร่างของหุ่นเชิดสีเงินแตกกระจายกลายเป็นแอ่งน้ำ แต่ทันใดนั้นของเหลวของมันก็กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง


จากนั้น ฮูหนิวหยิบหัวใจของหุ่นเชิดสีเงินตัวที่สองขึ้นมาทำให้แหล่งพลังงานของมันถูกตัดขาด


หลิงฮันสะบัดมือร่างทั้งสองของหุ่นเชิดสีเงินก็เข้าไปในหอคอยทมิฬ เขาต้องการศึกษามัน และบางทีอาจฟื้นฟูพลังต่อสู้ของพวกมันทั้งสองตัวได้ จากนั้นเขาก็จะทิ้งพวกมันไว้กับพ่อแม่ของเขาเพื่อปกป้องพวกเขา


พวกเขายังคงเดินลึกเข้าไปในถ้ำต่อไป หลังจากเดินไปได้ไม่ไกลนัก พวกเขาก็เห็นหุ่นเชิดสีเงินสี่ตัวปรากฏตัวออกมาและโจมตีพวกเขา


หลิงฮันขี้เกียจลงมือ เขาผลีกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนออกไปทำให้นางกรีดร้องและโยนก้อนอิฐที่อยู่ในมือ ทำให้พวกมันทั้งสี่ตัวถูกจัดการทันที จากนั้นหลิงฮันก็เก็บหัวใจของพวกมันได้อย่างง่ายดาย


ต้าเถี่ยโถวรู้สึกตกตะลึง กลุ่มของหลิงฮันนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป ในความคิดเห็นของมัน การป้องกันภายในถ้ำนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮันราวกับมันเป็นกระดาษไปเลย


“น้องชาย พวกมันไม่ใช่หุ่นเชิดที่ทรงพลังที่สุด ตัวที่ทรงพลังที่สุดนั้นเป็นหุ่นเชิดทองคำ เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก!” ต้าเถี่ยโถวกล่าวเตือนดูเหมือนมันจะเอนเอียงไปอยู่ฝั่งหลิงฮันอย่างสมบูรณ์แล้ว


“หุ่นเชิดทองคำ? มันแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?”  หลิงฮันถาม


“ข้าเกรงว่ามันน่าจะเทียบได้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ!” ต้าเถี่ยโถวคาดเดา “และข้าเคยได้ยินเท่านั้น แต่ยังไม่เคยเห็นพวกมัน”


“ระดับตัวอ่อนวิญญาณ?” หลิงฮันเผยสีหน้าว่าเขากำลังครุ่นคิด ระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด ตราบใดที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหรือฮูหนิวอยู่ที่นี่


“ข้าไม่กลัว!” หลิงฮันยิ้ม


พวกเขายังคงเดินหน้าต่อไป ภูเขาทั้งลูกราวกับว่าถูกขุดออกมา พื้นที่ด้านในนั้นใหญ่โตเกินไปมาก หลังจากนั้นชั่วครู่ พวกเขาก็พบรูปปั้นสี่รูปที่มีความสูงประมาณห้าฟุตอยู่ด้านหน้าพวกเขา


“แปลก ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นรูปปั้นพวกนี้มาก่อน?” ต้าเถี่ยโถวรู้สึกว่ามันแปลก


ดวงตาของหลิงฮันเปล่งแสงหนาวเย็น เขาทุบตีต้าเถี่ยโถวจนสลบและพาเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วนำดาบกำเนิดมารออกมา ตอนนี้เขามีดาบอยู่สามเล่ม แต่ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอนว่าย่อมเป็นดาบกำเนิดมารที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบ


ครื้น ครื้น ครื้น ครื้น รูปปั้นทั้งสี่รูปสั่นไหวเล็กน้อย และฝุ่นตกลงมาจากด้านบน ตู้ม รูปปั้นทั้งสี่รูปก้าวเดินมาข้างหน้าพร้อมเพรียงกัน และปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมาพร้อมกับแสงสีทอง


มันเป็นหุ่นเชิดระดับตัวอ่อนวิญญาณ!


“สาวใต้สมุทร เจ้าลุยก่อนเลย” หลิงฮันยิ้มและเริ่มรวบรวมพลัง

 

 

 


ตอนที่ 591

 

ส่วนลึกของถ้ำ

เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า นางกวัดแกว่งก้อนอิฐในมือและพุ่งเข้าทุบตีหุ่นเชิดทองคำ


พลังทำลายของนางย่อมเหนือกว่าระดับตัวอ่อนวิญญาณ ซึ่งแน่นอนว่าต่อหน้านางแล้ว หุ่นเชิดทองคำระดับตัวอ่อนวิญญาณเหล่านี้ย่อมถูกซัดจนร่างลอยกระเด็น


แต่ถึงอย่างนั้นหุ่นเชิดทั้งสี่ที่ไม่รู้ว่าถูกสร้างขึ้นจากวัสดุอะไรกลับไม่ถูกทำลายโดยก้อนอิฐ หลุมตื้นที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของนางกำลังถูกฟื้นกลับสู่สภาพเดิมอย่างช้าๆ


เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเฝิงเหว่ยฉีอยู่ที่นี่ มันก็คงจะตกตะลึงยิ่งกว่าหลิงฮันเสียอีก เพราะว่าแม้หุ่นเชิดทองคำจะมีพลังต่อสู้ระดับต่ออ่อนวิญญาณ แต่วัสดุที่ใช้สร้างพวกมันนั้นเทียบเท่าได้กับแร่เหล็กระดับแปด แต่ถึงอย่างนั้นหุ่นเชิดทองคำเหล่านี้กลับถูกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนทำให้เป็นหลุมตื้น


แต่ในทางกลับกัน แม้ก้อนอิฐในมือของนางจะดูธรรมดา แต่ความทนทานของมันต้องเหนือกว่าแร่เหล็กระดับแปดอย่างแน่นอน


“ถอยออกมา!”  หลิงฮันตะโกนและสะบั้นดาบกำเนิดมารออกไป ปราณดาบของเขาผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นมังกรแยกเขี้ยวพุ่งเข้าจู่โจมหุ่นเชิด


‘ตูม!’


เมื่อการโจมตีของหลิงฮันเข้าปะทะ หัวของหุ่นเชิดก็ถูกตัดขาดทันที แต่หลิงฮันเองก็ถูกฝ่ามือของหุ่นเชิดโจมตีใส่จนร่างกระเด็นและกระอักเลือดออกมาเช่นกัน


ไม่ว่าอย่างไรระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังคงเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณ แม้ร่างกายของหลิงฮันจะเทียบได้กับแร่เหล็กระดับหก แต่หากรับฝ่ามือของระดับตัวอ่อนวิญญาณเข้าไปเต็มๆเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บอยู่ดี โชคดีที่เขาสวมใส่เกราะอัสนีเอาไว้อยู่ แม้มันจะไม่ถูกกระตุ้นใช้งาน แต่มันดูดซับความเสียหายส่วนใหญ่ได้อยู่ดี ไม่เช่นนั้นร่างของหลิงฮันคงท่วมไปด้วยโลหิตแล้ว


หลิงฮันลุกขึ้นยืนอย่ามั่นคง เมื่อเขาโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์บาดแผลก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว


“หลิงฮันยอดเลย!” ฮูหนิวปรบมือ นางสะใจมากที่หุ่นเชิดเช่นนั้นถูกหลิงฮันตัดหัวขาด


“ฮันฮันยอดเลย!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปรบมือตามโดยลืมไปเลยว่ายังมีหุ่นเชิดทองคำอีกสามตัวกำลังจู่โจมนาง เมื่อนางรู้สึกตัว ใบหน้าของนางก็กลายเป็นหวาดกลัวและรีบสะบัดก้อนอิฐในมือทุบเข้าใส่พวกมัน ร่างหุ่นเชิดทั้งสามตัวลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง


หลิงฮันมองไปยังหุ่นเชิดตัวที่สอง กระบวนท่าหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งเมื่อครู่ช่างทรงพลังนัก ถ้าหากเขาเปลี่ยนไปใช้กระบวนท่าดาบลึกลับสามพันเล่มแทน เขาจะสามารถตัดหุ่นเชิดที่ทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับแปดขาดรึ?


เขาทำการรวบรวมพลังเพื่อใช้หมื่นแปรผันเป็นหนึ่งอีกครั้ง


โชคดีที่หุ่นเชิดเหล่านี้ไม่มีสมองหรือความคิด ไม่เช่นนั้นหลังจากที่เห็นภัยคุกคามจากหลิงฮันพวกมันคงลงมือสังหารเขาก่อนไปแล้ว แต่พวกมันกลับไม่สนใจเขาและมุ่งเป้าไปที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


‘ตูม’ หลิงฮันสะบั้นดาบออกไปอีกครั้ง


เมื่อโจมตีครบสี่ครั้ง ร่างทั้งสี่ของหุ่นเชิดทองคำก็ถูกแบ่งออกเป็นแปดส่วน ส่วนที่ถูกตัดขาดของพวกมันมีของเหลวที่ดูแปลกประหลาดไหลออกมา ซึ่งหลิงฮันไม่รู้ว่าของเหลวเหล่านั้นคืออะไร


หลิงฮันนำร่างของหุ่นเชิดทั้งสี่เข้าไปในหอคอยทมิฬ บางทีพวกมันอาจจะสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งได้


หลิงฮันเรียกต้าเถี่ยโถวให้เดินเข้ามา “นำทางต่อได้แล้ว”


“น้องชาย แล้วหุ่นเชิดทองคำล่ะ?” สีหน้าของต้าเถี่ยโถวซีดเผือดในขณะที่ถาม แม้จะไม่เคยเห็นกับตามันก็เคยได้ยินมาว่าหุ่นเชิดทองคำนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่มีเห็นมีเพียงแค่พวกหลิงฮันสามคน มันมองไม่เห็นร่องรอยของหุ่นเชิดทองคำแม้แต่ตนเดียว แล้วจะไม่ให้มันประหลาดใจได้อย่างไร?


“ไม่ต้องไปใส่ใจ” หลิงฮันตอบออกไปลวกๆ


“ทำไมงั้นรึ?” ต้าเถี่ยโถวด้วยความสงสัย


“รีบๆขยับก้นนำทางข้าได้แล้ว!” หลิงฮันเตะใส่ต้าเถี่ยโถว


ต้าเถี่ยโถวร้องไห้โหยหวน “น้องชาย ที่แห่งนี้อันตรายเกินไป ถ้าเจ้าให้ข้านำทางไปต่อ ข้าต้องตายแน่ๆ”


“เจ้าเชื่อรึไม่ว่าข้าสามารถทำให้เจ้าตายได้ในทันที?” หลิงฮันหวัดแกว่งดาบกำเนิดมาร


ต้าเถี่ยโถวไม่กล้าที่จะพล่ามอะไรไร้สาระและนำทางต่อทันที


เมื่อเดินไปได้สักพักพวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากด้านหน้า จากที่ได้ยินมันสมควรเป็นเสียงขุดอะไรสักอย่าง เมื่อเดินต่อไปหลิงฮันพบกับแท่นหินที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์อยู่ด้านหน้า ซึ่งกำลังมีผู้คนมากมายช่วยกันขุดมันขึ้นมาอยู่


แท่นหินนั้นเป็นสีดำและมีประกายสายฟ้าล้อมรอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัสดุที่ใช้สร้างมันขึ้นมาย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน


“มันคือแร่หมึกหยกทมิฬรึเปล่า?” หลิงฮันพึมพำกับตัวเอง “ไม่ถูกต้อง… แร่หมึกหยกทมิฬเป็นเพียงแค่แร่เหล็กระดับห้า ซึ่งดูจากขนาดของแท่นหินแล้ว มันไม่สมควรเป็นแร่หมึกหยกทมิฬ แถมแร่หมึกหยกทมิฬยังไม่ถูกกับสายฟ้าด้วย เช่นนันแล้วมันจะมีประกายสายฟ้าล้อมรอบได้อย่างไร?”


“ถ้าไม่เข้าไปดูก็ไม่รู้หรอก” ฮูหนิวกล่าว ความคิดของนางนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา


หลิงฮันหัวเราะ “หนิวช่างฉลาดยิ่งนัก งั้นก็ไปดูกันเถอะ”


“น้องชาย!” ต้าเถี่ยโถวรีบร้องโอดครวญ ใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว “หัวหน้าของข้าอยู่ที่นั่น! ที่ตรงนั้น!” มันชี้นิ้วไปยังชายสวมชุดคลุมคนที่ถือดาบยืนอยู่ด้านหน้าแท่นหิน ชายคนนั้นดูเหมือนกับกำลังศึกษาแท่นหินตรงหน้า


“งั้นก็ดีเลย รีบไปทักทายเขาสิ” หลิงฮันยิ้มและถีบต้าเถี่ยโถวไถลไปด้านหน้า ร่างของมันกระเด็นและร่วงสู่พื้นอย่างรุนแรง


ด้วยการกระทำที่เอิกเกริก ชายชุดคลุมจึงหันมามองทันที เหล่าคนงานที่กำลังขุดแท่นหินอยู่ก็หยุดมือและหันมามองเช่นกัน


“ต้าเถี่ยโถว?” ชายชุดคลุมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดและจิตสังหาร สถานที่แห่งนี้คือเขตหวงห้ามที่ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออก ไม่เช่นนั้นตัวของเขาคงไม่ต้องมาดูแลที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง


คนงานที่ขุดแท่นหินนั้นพอเสร็จงานแล้วพวกเขาก็จะถูกสังหารเช่นกัน ความลับในสถานที่แห่งนี้ไม่อาจถูกแพร่งพรายออกไปได้ แต่การที่หนึ่งในลูกสมุนของเขาสามารถลักลอบมาถึงที่นี่ได้นั้น ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก หรือว่าหุ่นเชิดที่วางเอาไว้จะไม่ทำงาน?


ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าชายชุดคลุมผู้นี้คือเฝิงเหว่ยฉี เขาเป็นชายร่างสูงใบหน้าเคร่งขรึม


“ต้าเถี่ยโถว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เฝิงเหว่ยฉีถาม แม้มันจะคิดเอาไว้แล้วว่าการทำงานของหุ่นเชิดคงมีปัญหา แต่เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น


“ข้า… ข้าผู้ต่ำต้อยสัมผัสได้ถึงอำนาจอันล้นพ้นของหัวหน้าในสถานที่แห่งนี้ เพราะงั้นจึงเผลอไล่ตามมาโดยไม่รู้ตัว” ต้าเถี่ยโถวกล่าวออกไป บนหน้าผากของมันมีเหงื่อไหลหยดลงมาไม่หยุด


“เหอะ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อ?” เฝิงเหว่ยฉีเค้นเสียงเย็นชา


“หัวหน้าเฟิง ในเมื่อต้าเถี่ยโถวอยากเจอเจ้าขนาดนั้น ทำไมพวกเจ้าทั้งสองถึงไม่รักใคร่กันเข้าไว้ล่ะ?” หลิงฮันเดินเข้ามาใกล้และพูดด้วยรอยยิ้ม


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)