Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 568-571

 ตอนที่ 568

 

นิกายพันศพล่าถอย

ดาบของหลิงฮันพุ่งออกไปราวกับมังกรที่แท้จริงที่คืนชีพกลับมา ปราณดาบของเขากลายเป็นกรงเล็บและพุ่งเข้าใส่ทหารซากศพทั้งห้า


‘ตูม’ ปราณดาบเข้าปะทะกับร่างของทหารซากศพทั้งห้าทำให้พวกมันก็ปลิวกระเด็นราวกับขนนก และเมื่อพวกมันร่วงหล่นลงพื้น ทุกคนสามารถมองเห็นได้ว่าทั่วทั้งร่างของพวกมันปรากฏรอยแตกร้าวไปจนถึงกระดูก


‘อะไรกัน!’


ทุกคนตกตะลึง มีใครไม่รู้บ้างว่าร่างของทหารซากศพนั้นแข็งแรงและทนทานขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันกลับถูกทำให้แตกร้าวด้วยการโจมตีของหลิงฮัน


แม้ปราณดาบของหลิงฮันจะถูกใช้ออกโดยอาวุธวิญญาณระดับหก แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างรอยแตกร้าวให้กับทหารซากศพเหล่านั้น!


“เขา… ราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับปราณดาบ!” ใครบางคนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


มันไม่ใช่รัศมีดาบ แต่มันก็ทรงกว่ากว่าปราณดาบ… ด้วยการที่มันยังไม่ควบแน่นเป็นรัศมีดาบ ทำให้จำนวนปราณดาบของหลิงฮันยังเพิ่มจำนวนต่อไปได้อีก


อัจฉริยะ! พรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด!


แค่มองดูจากซวนหยวนจื่อกวงก็สามารถเรียนรู้ได้แล้ว? พระเจ้า! มีคนที่น่ากลัวแบบนี้อยู่ในโลกด้วยรึไง?


“บัดซบ!” เที๋ยนซิวหนิงคำราม ร่างกายของปลดปล่อยปราณซากศพออกมาเพื่อถ่ายเทพลังให้กับทหารซากศพทั้งห้า ทันใดนั้นรอยแตกร้าวบนร่างของพวกมันก็เริ่มฟื้นฟูด้วยความเร็วสูง


นี่คือจุดเด่นและข้อได้เปรียบของทหารซากศพ ตราบใดที่พวกมันได้รับปราณซากศพอย่างไร้ที่สิ้นสุด พวกมันก็เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะ ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมอัจฉริยะที่แข็งแกร่งอย่างซวนหยวนจื่อกวงที่อัดแน่นปราณดาบทั้งยี่สิบสองเล่มได้ถึงยังไม่สามารถโค่นล้มจูเทียนเก้อได้เสียที?


แม้จะเป็นความจริงที่จูเทียนเก้อแข็งแกร่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะทหารซากศพที่ไม่รู้จักความตาย


“สังหารมันให้ข้า!” เที๋ยนซิวหนิงสั่งการทหารซากศพให้โจมตีหลิงฮันอีกครั้ง


หลิงฮันพึมพำ “การอัดแน่นปราณดาบทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะผสานรูปแบบอักขระกระดูกเข้าไปด้วยคงไม่ใช่เรื่องง่าย” เขาต้องการผสานรูปแบบอักขระกระดูกที่สลักอยู่บนหัวกะโหลกของสัตว์อสูรจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พบในเขตแดนลี้ลับเข้ากับปปราณดาบของเขา หากทำให้ พลังทำลายของปราณดาบจะเพิ่มขึ้นมหาศาล


หลิงฮันยังคงใช้ทหารซากศพทั้งห้าเป็นตัวช่วยขัดเกลาปราณดาบ ปราณดาบของเขาโจมตีออกไปอย่างรุนแรงจนทำให้ร่างของทหารซากศพเกิดบาดแผล แม้เพลงดาบสกัดแปดลมหายใจจะเน้นไปที่การป้องกัน แต่พลังที่เกิดจากการอัดแน่นปราณดาบนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป


เที๋ยนซิวหนิงไม่มีโอกาสเข้าร่วมการต่อสู้ มันใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปลดปล่อยปราณซากศพไปฟื้นฟูทหารซากศพ เพราะเมื่อใดที่ทหารซากศพเหล่านี้พ่ายแพ้ นั่นก็คือจุดจบของมัน


ถึงแม้มันจะเป็นศิษย์ระดับสูงของนิกายพันศพ แต่การปลดปล่อยปราณซากศพถี่แบบนี้ก็ทำให้มันเหนื่อยจนรู้สึกกดดันเช่นกัน


ไม่รู้ว่าหลิงฮันฟาดฟันปราณดาบมากี่ครั้งแล้ว แต่เมื่อใดที่หลิงฮันโจมตีออกมา เที๋ยนซิวหนิงก็จะพบว่าทหารซากศพของมันล้มลงไปนอนกับพื้น หลิงฮันจ้องมองไปยังเที๋ยนซิวหนิงและพูด “ทำไมเจ้าถึงไม่เข้ามาสู้เสียที… โอ้ ทำไมร่างกายของเจ้าถึงดูแห้งเหือดเหมือนคนใกล้ตายเช่นนั้นล่ะ?”


ก่อนหน้านี้เที๋ยนซิวหนิงมีร่างกายที่สูงกำยำ รอบกายของมันปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา แต่ตอนนี้ล่ะ? ร่างของมันกลายเป็นชายหนุ่มร่างผอมจนผิวหนังติดกระดูก ราวมันว่ามันเป็นขอทานที่อดอาหารมาหลายเดือน


“เจ้า! เจ้ายังจะพูดจาดูหมิ่นข้าอยู่อีก!” ร่างของเที๋ยนซิวหนิงสั่นไหว มันต้องคอยฟื้นฟูร่างของทหารซากศพอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปราณซากศพและแก่นวิญญาณซากศพภายในร่างของมันกำลังแห้งเหือด


เที๋ยนซิวหนิงกระโดดล่าถอยกลับไปยังกลุ่มของตนเอง การประลองครั้งนี้แน่นอนว่ามันเป็นฝ่ายแพ้


“คนต่อไป!” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส


ไป๋หยวนจ้องมองหลิงฮันอย่างนิ่งเงียบ


มันรู้ว่าเมืองหมื่นสมบัติแห่งภูมิภาคกลางนั้นเต็มไปด้วยอัจฉริยะ ดังนั้นมันจึงนำลูกศิษย์ระดับสูงของนิกายสิบคนมาเหยียบย่ำรุ่นเยาว์อัจฉริยะเหล่านั้น


แต่ตอนนี้จูเทียนเก้อกำลังปะทะกับซวนหยวนจื่อกวงอยู่… ส่วนลูกศิษย์คนอื่นๆนั้นพ่ายแพ้หมดแล้ว ไม่ใช่แค่แพ้ต่อคนคนเดียว แต่แพ้ให้กับคู่ต่อสู้สามคนติดต่อกัน ครั้งแรกคือเด็กสาว ครั้งที่สองคือหญิงสาว และครั้งที่สามก็คือชายหนุ่มผู้นี้


ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ ยุคสมัยนี้มีอัจฉริยะโผล่ขึ้นมามากมายเกินไป


“เจ้าไม่ต้องสู้กับศิษย์คนอื่นแล้ว ข้าจะนับว่าเจ้าชนะทั้งเก้าคนไปเลย ตอนนี้เจ้าจงรอให้ศิษย์อันดับสามสู้เสร็จก่อน แล้วเจ้าค่อยประลองกับเขา” ไป๋หยวนพูดอย่างหมดหนทาง


หลิงฮันยิ้มไปทางซวนหยวนจื่อกวง “กวงกวงน้อย ถ้าเจ้าสู้ไม่ไหว ทำไมไม่ยกให้เป็นหน้าที่ข้าล่ะ?”


“บัดซบ!” ซวนหยวนจื่อกวงคำราม แววตาของเขาส่องประกายพร้อมกับร่างกายที่ปลดปล่อยเพลิงสีม่วงออกมา กลิ่นอายของเขากลายเป็นน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น


“มันคือพลังแห่งสายเลือด?” หลิงฮันพึมพำ ซวนหยวนจื่อกวงในตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมาราวกับไม่ใช่ระดับบุปผาผลิบานแต่เป็นตัวอ่อนวิญญาณ


“ภายในสามกระบวนท่า เจ้าจะต้องราบคาบ!” ซวนหยวนจื่อกวงตะโกนลั่น หมัดของเขาราวกับเป็นค้อนขนาดใหญ่


ทหารซากศพทั้งห้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซวนหยวนจื่อกวงแม้แต่น้อย หมัดของเขากระหน่ำโจมตีใส่พวกมันจนไม่เปิดโอกาสให้ฟื้นฟูร่างกาย


ใบหน้าของจูเทียนเก้อบิดเบี้ยงและรีบล่าถอยกลับไปยังกลุ่มของนิกายพันศพ มันไม่กล้าสู้กับซวนหยวนจื่อกวงต่อ


ไม่นับว่าแปลกอะไร พลังต่อสู้ที่เกือบจะทัดเทียมกับระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นไม่ใช่สิ่งที่มันสามารถต่อกรได้ จึงไม่แปลกที่จูเทียนเก้อจะละทิ้งการต่อสู้


จูเทียนเก้อพ่ายแพ้


ในตอนนี้ลูกศิษย์ของนิกายพันศพทุกคนพ่ายแพ้หมดแล้ว พวกมันทุกคนล้วนแต่รู้สึกอับอายขายหน้า ก่อนหน้านี้พวกมันปรากฏตัวออกมาดั่งผู้ชนะ แต่ตอนนี้กลับถูกหักหน้าจนโงหัวไม่ขึ้น


ไป๋หยวนถอนหายใจ ศิษย์อันดับหนึ่งและสองไม่ได้มาที่นี่ด้วย ดูเหมือนมันคงจะต้องยอมกลืนความพ่ายแพ้แพ้ครั้งนี้ลงไป


“ฮันหลิง เจ้ากล้าสู้กับข้ารึไม่?” แววตาของซวนหยวนจื่อกวงจดจ้องไปยังหลิงฮัน


หลิงฮันชำเลืองมองและพูด “ถ้าเจ้าอยากจะสู้ คนอื่นก็ต้องยอมสู้กับเจ้างั้นรึ? ช่างไร้สาระอะไรอย่างนี้!


“ฮ่าๆๆ แม้ข้าจะเกลียดเจ้า แต่ข้าก็ขอยอมรับว่าเจ้าเป็นคนที่มีความกล้าไม่เบา!” ซวนหยวนจื่อกวงกำหมัดและโคจรปราณให้เป็นรูปร่างพยัคฆ์เพลิงขนาดใหญ่ “ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าพลังที่แท้จริงของการอัดแน่นปราณที่เจ้าขโมยไปมันเป็นอย่างไร!”


หลังจากกระตุ้นใช้งานพลังแห่งสายเลือด พลังต่อสู้ของซวนหยวนจื่อกวงก็เพิ่มสูงขึ้นจนอยู่เหนือระดับบุปผาผลิบาน ด้วยพยัคฆ์เพลิงที่เกิดจากการอัดแน่นปราณหมัดทั้งยี่สิบสองนี้ แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นต้นก็สามารถถูกสังหารได้


หลิงฮันไม่คิดจะปะทะซึ่งๆหน้าโดยตรง ระดับพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ยังเสียเปรียบซวนหยวนจื่อกวงอยู่หลายขั้น


หลิงฮันใช้งานย่างก้าวเทพธิดาปีศาจเพื่อหลบหลีก เมื่อใดที่พลังสายเลือดของอีกฝ่ายแห้งเหือด เขาจะลงมือโต้ตอบทันที

 

 

 


ตอนที่ 569

 

สุราวานร

การต่อสู้ระหว่างซวนหยวนจื่อกวงกับหลิงฮันยังไม่ทันจะเริ่ม ยิ่นเฉวยางก็ลงมือหยุดทั้งสองคนเอาไว้


“ในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง เจ้า เจ้า และเจ้าสามารถนำคนออกไปจากเมืองนี้ได้” ไป๋หยวนชี้ไปยังหลิงฮัน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและคนอื่นๆที่ชนะศิษย์ของนิกายพันศพ เมื่อพูดจบมันก็รับเดินจากไปทันที การพ่ายแพ้ราบคาบในครั้งนี้ทำให้มันอับอายเป็นอย่างมาก


“ยางน้อย ทำไมถึงปล่อยมันหนีไปล่ะ?” หญิงชราปรากฏตัวอย่างเงียบงัน มือของนางถือลูกแก้วเอาไว้ รูปลักษณ์ของนางดูแก่ชราเป็นอย่างมาก แต่ผู้ใดที่จ้องมองนางจะรู้สึกราวกับว่ากลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของนางจะทำให้จิตใจของพวกเขาระเบิดออก ซึ่งเป็นหลักฐานอย่างดีว่าหญิงชราคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน


“พี่สาวหม๋า แม้พวกเราจะร่วมมือกัน แต่จะสามารถจัดการทหารซากศพระดับสูงเจ็ดตัวได้รึ?” ยิ่นเฉวยางถาม


หญิงชรากลายเป็นไร้คำพูด ยิ่งจอมยุทธของนิกายพันศพที่ระดับพลังสูงขึ้น จำนวนของทหารซากศพที่สามารถควบคุมได้ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะตัวตนสุดแข็งแกร่งอย่างไป๋หยวน เขาสามารถควบคุมทหารซากศพได้ถึงเจ็ดตัว


ยิ่งกว่านั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าทหารซากศพของไป๋หยวนอยู่ในระดับใด หากเป็นระดับสวรรค์ขั้นต่ำนั้นไม่มีปัญหา หากเป็นระดับสวรรค์ขั้นกลางก็ยังพอรับมือได้ แต่ถ้าหากเป็นระดับสวรรค์ขั้นสูงล่ะก็… คงต้องให้ตัวตนระดับทลายมิติเป็นคนจัดการอย่างเดียว


แต่ถึงแม้ไป๋หยวนจะจากไปแล้ว แต่บริเวณรอบบริเวณเมืองก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ อีกไม่นานเมืองหมื่นสมบัติจะกลายเป็นเศษฝุ่นที่เหลือทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์


มีตำแหน่งเท่าไหร่กันที่สามารถออกไปจากเมืองนี้ได้?


หลิงฮันมีตำแหน่งเก้าสิบคน ฮูหนิวเก้าสิบ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหนึ่งร้อย ซวนหยวนจื่อกวงสิบ และผังเซี่ยงหมิงอีกสิบ แต่เขาขอปฏิเสธไป


จากจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อย เรียกได้ว่าหลิงฮันครอบครองถึงหนึ่งร้อยแปดสิบตำแหน่ง


ในเมื่อไป๋หยวนได้สาบานต่อสวรรค์เอาไว้แล้ว ดังนั้นมันต้องไม่กลับคำพูดแน่นอน


แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ต้องการตำแหน่งเหล่านั้น ความคิดหนึ่งจึงผุดขึ้นมาในหัวของหลิงฮัน ‘ประมูล!’


เมื่อตกกลางคืน ตำหนักสมบัติวิญญาณก็จัดงานประมูลรอบพิเศษขึ้น นั่นคือการประมูลแย่งหนึ่งร้อยแปดสิบตำแหน่งในการหลบหนีออกจากเมือง


หลิงฮันไม่ต้องการเหรียญเงินหรือทอง เขารับเพียงแค่ผลึกก่อเกิดสามดาวเท่านั้น แต่ถ้าหากใครต้องการจ่ายด้วยผลึกก่อเกิดระดับสี่หรือห้าดาว เขาก็ไม่ปฏิเสธ


ราคาต่อหนึ่งตำแหน่งเริ่มต้นที่ผลึกก่อเกิดระดับสามหนึ่งร้อยก้อน หลังจากผ่านการประมูลอย่างดุเดือด ราคาต่อหนึ่งตำแหน่งที่ถูกที่สุดคือห้าร้อยสามสิบผลึก ซึ่งตำแหน่งที่แพงที่สุดคือตำแหน่งสุดท้ายที่ถูกประมูลไปด้วยราคาหนึ่งพันเจ็ดร้อยผลึก


เมื่อหักค่าธรรมเนียมของตำหนักสมบัติวิญญาณแล้ว หลิงฮันได้รับผลึกก่อเกิดสามดาวมาเกือบสองแสนผลึก ซึ่งทำให้เขายิ้มแทบไม่หุบ


หลังจากบรรลุระดับบุปผาผลิบานมา ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาก็ลดลง แต่ด้วยผลึกก่อเกิดสามดาวมากมายขนาดนี้ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน ผลึกก่อเกิดทั้งหมดที่ได้มาหลิงฮันเก็บเอาไว้ในหอคอยทมิฬและพาพวกจูเสวียนเอ๋อออกไปกินดื่มที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง


หลังจากดื่มกันเสร็จ หลิงฮันที่นอนไม่หลับก็ไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบโดยมีเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนติดไปด้วย มือหนึ่งของนางจับแขนเสื้อหลิงฮันในขณะที่อีกหนึ่งมือถือก้อนหินเอาไว้


เมื่อเดินไปได้สักพัก พวกเขาก็เห็นเงาดำเงาหนึ่งยืนอยู่ตรงริมทะเลสาบ มือนึงของเขากำลังถือน้ำเต้าสุราเทลงไปในทะเลสาป กลิ่นหอมนวลที่สุราจากน้ำเต๋าปล่อยออกมา ทำหลิงฮันรูขุมขนของหลิงฮันเปิดออกอย่างรู้สึกผ่อนคลาย


สุราชั้นเลิศสำหรับจอมยุทธ!


สีหน้าของหลิงฮันเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย “พี่ชาย สุราที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น ทำไมถึงได้เททิ้งล่ะ?”


ชายคนนั้นหันมามองหลิงฮัน แต่เมื่อสายตาของเขาชำเลืองผ่านไปยังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ท่าทีของเขาก็กลายเป็นชะงักเล็กน้อย แต่ก็กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว


เขาหัวเราะและโยนขวดน้ำเต้ามาทางหลิงฮัน “งั้นก็เชิญดื่ม!”


หลิงฮันคว้าน้ำเต้าเอาไว้ เขาสัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของสุรานี้ได้ทันที ร่างกายของเขาเบาหวิวราวกับขนนก เมื่อจ้องลงไปในน้ำเต้า เขาพบว่าสีของสุรานั้นเป็นสีทองอร่าม


ด้วยความรู้ของปรมาจารย์นักปรุงยา หลิงฮันสามารถบอกถึงส่วนผสมของสุรานี้ได้ทันที “เห็ดหลินจือจันทราม่วง ผลพันวายุ ผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ดอกมิติไร้บึ้ง… นี่คือสุราวานร!”


สุราวานร… มันคือสุราที่เกิดจากอสูรวานรในตำนานเก็บรวบรวมสมุนไพรหายากมาหมายมาบ่มเป็นสุรา ไม่เพียงแค่สุราจะมีรสชาติอร่อยและกลิ่นหอม แต่มันยังเป็นยาบำรุงชั้นเลิศสำหรับจอมยุทธอีกด้วย สุราวานรมีอยู่หลายระดับตามวัตดุดิบที่อสูรวานรในตำนานใช้บ่ม แต่สุราวานรในขวดน้ำเต้านี้ตือสุราวานรระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่หลิงฮันในชีวิตที่แล้วก็ไม่เคยได้ลิ้มลอง


มีคำกล่าวว่าแค่เพียงหนึ่งหยดของสุราวานรก็มีค่ามากแล้ว แม้คืนนี้หลิงฮันจะได้รับผลึกก่อเกิดมามากมาย แต่เงินจำนวนเหล่านั้นก็ไม่สามารถใช้ซื้อสุราวานรได้แม้แต่หยดเดียว


“โอ้ ข้าไม่คาดคิดเลยว่ารุ่นเยาว์เช่นเจ้าจะมองวัตถุดิบที่ใช้บ่มสารุวานรออก?” ชายผู้นั้นประหลาดใจเล็กน้อย ภายใต้แสงจันทร์นี้ ร่างของเขาดูยิ่งใหญ่ราวกับภูผาที่แม้ท้องฟ้าจะตกลงมาเขาก็ยังแบกรับเอาไว้ได้


หลิงฮันมองไม่เห็นพลังบ่มเพาะของชายวัยกลางคนผู้นี้แม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเมืองหมื่นสมบัติ หากจะมีตัวตนระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดโผล่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


“พี่ชาย สุราขวดนี้มีค่ามากเกินไป ข้าไม่กล้าดื่มมัน” หลิงฮันยิ้มและโยนขวดน้ำเต้าคืนชายวัยกลางคน


ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ในเมื่อเจ้ารู้ถึงความล้ำค่าของสุรานี้ งั้นก็เชิญดื่ม!” เขาโยนน้ำเต้ากลับมาให้หลิงฮัน น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความกล้าหาญและจริงใจ


หลิงฮันไม่ลังเลและตอบกลับไป “ขอบคุณ!”


หลิงฮันยกน้ำเต้าและเทสุราเข้าปาก เพียงแค่อึกเดียวสุรานี้ก็ทำให้เขารู้สึกตาลาย เนื่องจากสุรานี้เต็มไปด้วยพลังงานที่อัดแน่น ดังนั้นแม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณหรือก้าวสู่เทวาก็ยังมึนเมาได้ง่ายๆ


แต่หลิงฮันนั้นมีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์ แถมสัมผัสสวรรค์ของเขายังถูกเสริมแกร่งโดยศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายมาแล้วด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่เมาง่ายๆ


หลังจากเช็ดปากแล้ว หลิงฮันก็โยนขวดน้ำเต้าคืนให้กับชายวัยกลางคน “พี่ชาย ข้าคืนให้”


ชายวัยกลางคนรับขวดน้ำเต้ากลับมา เมื่อมองดูภายในน้ำเต้า สีหน้าของเขาก็ราวกับจะร้องไห้ สุราในน้ำเต้าถูกหลิงฮันดื่มไปครึ่งนึงเลย


“หืม? เจ้าดื่มสุรานี่ไปแล้วแต่ยังไม่เมางั้นรึ!” ชายวันกลางคนอุทานออกมา

 

 

 


ตอนที่ 570

 

กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน

“พี่ชาย มีอะไรกวนใจท่านอยู่งั้นหรือ?” หลิงฮันถาม


ชายชรายกขวดน้ำเต้าขึ้นมาดื่มและดวงตาเผยให้เห็นถึงความโศกเศร้าโดยที่ไม่ตอบคำถามของหลิงฮัน


“พี่ชายไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้ ข้ารู้ว่ามันต้องเป็นเพราะความรัก” หลิงฮันรีบพูดออกมาทันที


“เจ้ารู้ได้ยังไง?” ชายวัยกลางคนหันหน้ามามองหลิงฮัน


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นคนที่มีประสบการณ์มากมาย แล้วข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”


“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นมาดื่มกันอีกรอบ!” ชายวัยกลางคนหัวเราะ เขาสบัดมือแล้วปรากฏแก้วที่เต็มไปด้วยสุราเคลื่อนที่ไปหาหลิงฮัน


หลิงฮันไม่กล้าดื่มมันเขาไปจนหมด เพียงแค่จิบมันเท่านั้น


 


“พี่ชาย ถ้าท่านมีเรื่องเศร้า ท่านควรพูดออกมาจะดีกว่า” หลิงฮันพูดแนะนำ


ชายวัยกลางคนจ้องมองหลิงฮันและตัดสินใจที่จะพูดออกมา


เรื่องราวของเขามันเรียบง่ายมาก มันเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง พวกเขาเพิ่งพบเจอกันที่ริมทะเลสาบและตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ ต่อมา พวกเขาทั้งสองคนได้เดินทางออกเดินทางท่องโลกด้วยกัน และมีความรักที่ลึกซึ้งและอ่อนหวานต่อกัน


แต่ทว่าความรักของพวกเขาบางทีมันอาจทำให้สวรรค์รู้สึกอิจฉา หญิงสาวคนนั้นเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แม้จะลองทุกวิถีทางแล้วก็ตาม จนกระทั่งหญิงสาวคนนั้นได้จากไปและทิ้งชายหนุ่มให้อยู่เพียงลำพัง


ในช่วงเวลานี้ของทุกปี ชายหนุ่มจะมาที่นี่เพื่อระลึกความหลังที่พบเจอกับหญิงสาวคนนั้นเป็นครั้งแรก หลังจากผ่านไปหลายปี ชายหนุ่มคนนั้นก็กลายเป็นลุงไปเสียแล้ว


เมื่อได้ยินเรื่องราวของเขา ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะนึกถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน


ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างถูกปากถูกคอ


อันที่จริง ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างสูญเสียคนที่รักไป ยิ่งพวกเขาดื่มมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้นเท่านั้น


“น้องชาย ข้ามีนามว่าเฟิงผั่วหยุน หากมีคนมารังแกเจ้าในอนาคตพี่ใหญ่คนนี้จะช่วยเหลือเจ้าเอง!” ชายวัยกลางคนตบไหล่หลิงฮัน


“น้องชายผู้นี้ชื่อหลิงฮัน” หลิงฮันพูดออกมาโดยที่ไม่ใช้ชื่อปลอม


“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชายคนนี้ยังไม่เมาเลย!” เฟิงผั่วหยุนส่ายหัว ระดับพลังของเขาสูงส่งเกินไปและสุราที่สามารถทำให้เขามึนเมาได้นั้นหาไม่ได้ในโลก


สุราวานรของพี่ใหญ่มันวิเศษมาก เขาไปหาสุราวานรมาเพื่อทำให้ตัวเองเมา จึงได้เดินทางเพื่อออกค้นหามัน และต่อสู้กับสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวถึงสามตัว แต่ถีงอย่างนั้น มันก็ยังไม่อาจทำให้เขาเมาได้


หลิงฮันตบอกของตัวเองและพูดว่า “พี่ชาย ข้าจะหาสุราชั้นเลิศไร้ที่เปรียบมาให้ท่านภายในสามปี!” หลิงฮันไม่ได้พูดโอ้อวด ในอดีต เขาได้เข้าไปในโบราณสถานมาหลายแห่ง นอกเหนือจากเทคนิคบ่มเพาะพลังและทักษะมากมายแล้ว เขายังได้รับอย่างอื่นมาอีกอย่างเช่นสูตรการผลิตสุรา


สุราเหล่านั้นราวกับมีอาถาอาคม แม้แต่พระเจ้ายังต้องมึนเมา แต่วัตถุดิบที่ต้องใช้หาได้ยากยิ่งและล้ำค่าเป็นอย่างมาก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาที่จะรวบรวมพวกมันในชีวิตที่แล้ว แต่ทว่าในชีวิตนี้ เขามีคุณสมบัติที่จะทะลวงผ่านระดับทลายมิติ ดังนั้นจึงมีหวัง


หลิงฮันยินดีที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ใหญ่ นั่นเป็นเพราะเฟิงผั่วหยุนมีอายุมากกว่าสี่ร้อยปี และมีอายุมากกว่าหลิงฮันในปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ใหญ่


“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นพี่ใหญ่คนนี้จะรอเจ้า” เฟิงผั่วหยุนหัวเราะ


แม้ว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่พวกเขาก็สนิทสนมกันแล้ว ยิ่งพวกเขาพูดคุยกันมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น


หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างเนิ่นนาน ในที่สุดหลิงฮันก็ล้มตัวนอนลง และเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็เห็นใบหน้าอันงดงามอยู่เบื้องหน้า และหัวนอนหนุนตักเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอยู่ ถ้านางมีหน้าอกที่ใหญ่โต เขาคงจะเห็นเนินอกแทนที่จะเห็นใบหน้าของนางจากมุมมองที่นอนอยู่


อย่างไรก็ตาม ความทรงจำของหญิงสาวใต้สมุทรคนนี้จะต้องกลับมาในอนาคต หากนางจำคำพูดที่หลิงฮันพูดออกมาในตอนนี้ได้…มันทำให้หลิงฮันเหงื่อไหลพรากราวกับน้ำตก


หลิงฮันลุกขึ้นมา แต่ทว่าเขากลับปวดหัวทันที และช่วยไม่ได้ที่เขาจะกุมขมับ


เจ้าสุรานี่ช่างรุนแรงจริงๆ


หลังจากนั้นหลิงฮันพบว่าระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นสองขั้น


ต้องรู้ก่อนว่าตั้งแต่ระดับบุปผาผลิบานการจะทะลวงผ่านได้แต่ขั้นนั้นจะต้องมีความเข้าใจวิถีวรยุทธที่มากพอ แต่เขากลับทะลวงผ่านสองขั้นขณะมึนเมา นี่มันเรื่องอะไรกัน?


สุรานี่ทรงพลังมาก!


หลิงฮันถอนหายใจ นี่เป็นเพราะเขาดื่มมันครั้งแรก ประสิทธิภาพของมันจึงรุนแรง ถ้าดื่มครั้งต่อไปประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงเหมือนกับหยดวิญญาณ


และการดื่มของประเภทนี้มันทำให้เขามึนหัวเล็กน้อย ราวกับว่าหัวกำลังจะระเบิด


“หลิงฮัน!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกรีดร้องออกมาด้วยความเป็นห่วง


“เบามือของเจ้าหน่อยแล้วก็ใจเย็นๆ!” หลิงฮันรีบพูดให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนใจเย็นลง


จากนั้นหลิงฮันได้นำหยดวิญญาณออกมาจากหอคอยทมิฬและเทเข้าไปในปากเพื่อทำให้สร่างเมา แล้วพูดว่า “แล้วพี่ใหญ่ของข้าไปไหนแล้ว?”


“เขาไปแล้ว” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว “แต่ว่าเขาบอกเอาไว้ว่าเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤตให้เจ้า”


แก้ปัญหา? หรือว่าเขาจะหมายถึงแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเมืองหมื่นสมบัติ?


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพี่ใหญ่จะแข็งแกร่งมาก แต่ด้านนอกคือรูปแบบอาคมสังหารที่สี่!


“ถ้างั้นพวกเรากลับกันเถอะและค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” หลิงฮันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


แน่นอนว่า เมื่อหลิงฮันเดินมาถึงประตูเมือง เขาเห็นผู้คนจำนวนมากกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่เป็นมิตร


“ฮันหลิง เจ้ามาทำไมป่านนี้?” ใครบางคนตะโกน


ใบหน้าของหลิงฮันบิดเบี้ยวและพูดว่า “เจ้าจะพูดจาให้มันดีหน่อยไม่ได้หรือไง?”


“เจ้า–” คนผู้นั้นเป็นถึงจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ เมื่อมันเห็นหลิงฮันพูดจาไม่ให้เกียรติ จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกโกรธ


“พอได้แล้ว” ยิ่นเฉวยางกล่าว


จากนั้นหลิงฮันได้พูดออกมาว่า “คนที่ได้รับสิทธิ์ออกนอกเมืองหนึ่งร้อยแปดสิบคนจากเมื่อวานให้ก้าวเดินลงมา” หลิงฮันมีหอคอยทมิฬอยู่และไม่จำกัดจำนวนที่เข้าไปได้ ดังนั้นเขาจึงอยากพาคนบริสุทธิ์ที่อยู่ในเมืองออกไป


ผู้คนจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบคนเดินลงมาจากประตูเมือง ใบหน้าของพวกเขาดูมีชีวิตชีวา ในที่สุดพวกเขาก็จะได้ออกจากที่แห่งนี้เสียที


“ตาเฒ่า เจ้าทำให้สถานที่แห่งนี้ต้องยุ่งเหยิง ข้ารู้สึกไม่ชอบกับสิ่งที่เจ้ากระทำ” ชายร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากเมืองและกวักมือเรียกไป๋หยวน “เกิดอะไรขึ้นกับเมืองหมื่นสมบัติ? จงทำให้มันกลับเป็นเหมือนเดิม!”

 

 

 


ตอนที่ 571

 

เฟิงผั่วหยุน

หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ ชายคนนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นพี่ใหญ่เฟิงผั่วหยุนที่เขาเพิ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบายด้วย


“ชายคนนั้นเขาเป็นใครกัน ถึงกล้าเรียกจอมยุทธระดับสวรรค์ว่าตาเฒ่า”


“ข้าไม่รู้ บางทีเขาอาจอยู่ในเมืองนานเกินไปจนเป็นบ้าแล้วก็เป็นได้”


“ใช่แล้ว มันฟังดูสมเหตุสมผลดี”


มีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่บนกำแพง พวกเขาไม่ได้มองหลิงฮันอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเฟิงผั่วหยุนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ในสายตาของคนทั่วไป เขาเป็นเพียงแค่ชายร่างใหญ่ที่ดูไม่มีอะไรพิเศษ


แต่ทว่าสำหรับจอมยุทธระดับสวรรค์นั้นพวกเขาไม่อาจมองระดับพลังของเฟิงผั่วจิวนได้


นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าระดับพลังของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขา


ไป๋หยวนเริ่มระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น มันไม่อยากทำตัวประมาท ดังนั้นมันจึงเรียกโลงศพเจ็ดโลงจากระยะไกลออกมาทันที


“เจ้าเป็นใครกัน?” ไป๋หยวนถาม


เฟิงผั่วหยุนแคะหูและพูดว่า “เจ้ามีปัญหาเรื่องการได้ยินรึ?ข้าบอกให้เจ้าล่าถอยไปเดี๋ยวนี้ หรือเจ้าต้องการให้ลงมือและทำให้เจ้าล่าถอยไปด้วยตนเอง!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ปากดีนัก แน่จริงก็แสดงให้ชายชราผู้นี้ได้เห็น!” ไป๋หยวนกล่าว นี่คือรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ แม้ว่ารูปแบบอาคมสังหารที่สี่จะไม่สมบูรณ์ ทำให้มันมีพลังเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นต่ำจะทำลายมันได้


สายตาของเฟิงผั่วจวินคล้ายกับสายฟ้า เมื่อเขาจ้องมองไปที่ไป๋หยวนทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดที่ดวงตาราวกับดวงตากำลังจะระเบิด


แข็งแกร่งยิ่งนัก!


ไป๋หยวนรู้สึกตกตะลึง มันจึงรีบเรียกใช้งานทหารซากศพ ปัง โลงศพทั้งเจ็ดเปิดออกมาพร้อมกัน พวกมันทั้งเจ็ดกระโจนออกมาจากโลงศพ ร่างของพวกมันเหลือเพียงแค่กระดูกเท่านั้น แต่ทว่ากระดูกพวกนั้นกลับเป็นสีทองที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง


“ทหารซากศพเพียงแค่เจ็ดตัวแต่กลับต้องการที่จะขัดขวางข้า??” เฟิงผั่วหยุนกล่าวอย่างดูถูก


ทหารซากศพทั้งเจ็ดตัวของไป๋หยวนนั้นไม่ธรรมดา เพราะผู้นำนิกายช่วยเหลือมันในการปรับแต่งทหารซากศพ ในแง่ของพลังป้องกันของพวกมันเทียบได้กับจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับสวรรค์


ยิ่งไปกว่านั้น พลังโจมตีของพวกมันไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าพลังป้องกันเลยแม้แต่น้อย


“ฆ่ามัน!” ไป๋หยวนชี้นิ้วไปที่เฟิงผั่วหยุน ทันใดนั้น ทหารซากศพทั้งเจ็ดร่างกระโจนออกไปพร้อมกันทันทีเพื่อสังหารเฟิงผั่วหยุน


“พวกเราควรเข้าไปช่วยหรือไม่?” บนหัวเมือง หญิงชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาและถามยิ่วเฉวยาง


“แม้แต่หยางน้อยยังมองความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นไม่ออก ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องสูงส่งกว่าพวกเราอย่างแน่นอนพวกเราควรเฝ้าดูอย่างเงียบๆ” ยิ่วเฉวหยางส่ายหัว


“เหมือนว่าข้าจะเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่ง” ชายชราอีกคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขาจ้องมองไปที่เฟิงผั่วหยุนด้วยสีหน้าสงสัย


ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกกังวล เพราะทหารซากศพพวกนั้นเป็นถึงทหารซากศพระดับทองคำขั้นสาม แม้แต่ตัวเขาในชีวิตที่แล้วยังไม่อาจต่อกรกับพวกมันได้ ยกเว้นจักรพรรดิดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์


เฟิงผั่วหยุนไม่สนใจแม้แต่น้อย และกลับนำขวดน้ำเต้าสุราออกมาดื่มแทน


ทหารซากศพเริ่มโจมตี ทำให้เขาจมอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารซากศพกระดูกสีทอง


มันจบแล้ว!


ทุกคนต่างพูดแบบนั้นอยู่ในใจ พวกมันเป็นถึงทหารซากศพระดับทองคำระดับสามที่แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังต้องเกรงกลัว


ไป๋หยวนแสยะยิ้ม นี่คือจุดจบของคนที่กล้าดูหมิ่นนิกายพันศพ


ปัง ภายใต้การโจมตีของทหารซากศพทั้งเจ็ดตัว เฟิงผั่วหยุนได้ระเบิดพลังแสงสีม่วงออกมา ทำให้ทหารซากศพทั้งเจ็ดร่างกระเด็นออกไปพร้อมกับพื้นดินที่สั่นไหว ทหารซากศพเจ็ดตัวที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับสวรรค์กลายเป็นเศษกระดูกนับไม่ถ้วนทันที


ร่างของเฟิงผั่วหยุนเปล่งแสงสีม่วงออกมา หากไม่มีพระเจ้า พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าและท้องฟ้าที่อยู่บนหัว โลกและสวรรค์จะต้องกรีดร้องและสั่นคลอนเพราะเขา


ดวงตาของเขาเปล่งประกายเหมือนกับดวงดารา เส้นผมของเขาพริ้วไหวและแสงที่น่าอัศจรรย์เปล่งประกายออกมาจากรอบตัวเขา เขาเป็นดั่งพระเจ้าที่สามารถสร้างสรรค์สรรพสิ่งและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้


“จอมยุทธระดับทลายมิติ!” สีหน้าของไป๋หยวนกลายเป็นซีดขาวและบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่สามารถทำลายทหารซากศพที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับสวรรค์ได้นั้น คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้


ระดับทลายมิติ!


“คารวะผู้อาวุโส!” ในเมือง ยิ่นเฉวหยางและจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่นต่างแสดงความเคารพออกมา จอมยุทธระดับทลายมิติในภูมิภาคกลางนั้นมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ


“เฟิงผั่วหยุน!” ในที่สุดก็มีคนรู้ถึงตัวตนของเฟิงผั่วหยุน


เฟิงผั่วหยุนยกมือขึ้นมาและพูดกับไป๋หยวนว่า “อย่าหาว่าข้ากลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า จงถอนรูปแบบอาคมของเจ้าซะ แล้วห้ามกลับมาที่เมืองหมื่นสมบัติอีกเด็ดขาด!”


ใบหน้าของไป๋หยวนเองก็แสดงให้เห็นถึงความเคารพ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมิตรหรือศัตรู จอมยุทธระดับทลายมิตินั้นมีสถานที่สูงส่งเกินไปที่ยืนอยู่เหนือมนุษย์ทุกคนและสามารถกลายเป็นพระเจ้าได้


ทว่ามันกลับพูดออกมาว่า “คำสั่งของท่านผู้นำคือทำลายเมืองหมื่นสมบัติและข้าไม่อาจขัดสั่งของท่านผู้นำได้!”


“เช่นนั้น จงเรียกผู้นำของเจ้าออกมา ข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง” เฟิงผั่วหยุนปลดปล่อยแรงกดดันออกมา


“ท ท่านผู้นำคงไม่อาจมาพบท่านเฟิงได้” ไป๋หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)