Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 538-550

 ตอนที่ 538

 

ลักพาตัว

ในที่สุดเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ปล่อยมือของนาง แต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของหลิงฮันแทนและกำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น ซึ่งหลิงฮันสามารถรับรู้ได้ว่านางกำลังสั่นเทาอยู่


ผู้หญิงคนนี้มีด้านที่อ่อนแอด้วย?


ความจำเสื่อมสามารถทำให้นิสัยของคนเปลี่ยนได้ด้วย? หรือว่ามันเป็นนิสัยอีกด้านหนึ่งของนาง?


หลิงฮันไม่รู้และไม่สน ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือจะหลีกเลี่ยงความเป็นจริงนี้ได้อย่างไร นางเป็นเหมือนกับระเบิดเวลา เมื่อความทรงจำของนางกลับมา มันก็จะระเบิด ถ้าคิดถึงเรื่องนั้น เขาก็ไม่สามารถหลับนอนได้เป็นสุข


“สาวน้อยเผ่าใต้สมุทร เจ้าลองวิ่งให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าวิ่งได้ไวแค่ไหน” หลิงฮันกล่าวขณะพานางออกห่างจากเหมือง หากอีกฝ่ายได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์ เขาอาจกลายเป็นศพได้


“อืม!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้าและพูดออกมาด้วยความแปลกใจ “ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าว่าสาวน้อยเผ่าใต้สมุทรหรือ?”


“ข้าอยากจะเรียก!” หลิงฮันจ้องมองนาง


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจู่ๆก็ร้องไห้ออกมาและพูดว่า “ทำไมเจ้าต้องที่จะทำร้ายข้าด้วย?”


หลิงฮันกัดฟัน นางอยากจะร้องไห้เมื่ออยากร้อง แต่ทำไมต้องใช้มือบีบคอของเขาด้วย? นางไม่รู้หรือว่ามันสามารถฆ่าคนได้? มันเป็นระเบิดเวลาที่เขาไม่กล้าทิ้งมันไป มิฉะนั้น ถ้านางอาละวาด แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ทำอะไรไม่ได้


นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขา ทักษะบ่มเพาะกายาของนางเองก็เป็นระดับสวรรค์ด้วย?


“ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า เข้าใจไหม?” หลิงฮันถอนหายใจ


เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก่อนหน้านี้ นางไม่ได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เลย แม้จะพาอีกฝ่ายไปที่หลุมก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุธวิญญาณที่ทรงพลังที่อยู่ติดตัวนาง นางคงจะตายไปแล้ว


แต่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่สามารถโคจรพลังก่อเกิดได้ แต่มันก็ยังดูเหมือนว่านางจะเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่เหนือหลิงฮัน ซึ่งหลิงฮันเองก็ไม่เข้าใจ


ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?


ร่างกายของหลิงฮันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่หนาวเย็น ยิ่งเขาสัมผัสเนื้อสัมผัสตัวของนางมากเท่าใด หญิงสาวคนนี้ก็จะโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเท่านั้น เมื่อความทรงจำของนางกลับคืนมา! ยิ่งไปกว่านั้น หน้าอกที่แบนราบของนางมันดูน่าสงสารมาก


“ไปได้แล้ว!” เขาออกแรงที่เท้า และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกระโดดตามไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่าหลิงฮันเสียอีก ตอนแรกนางรู้สึกตกใจที่นางสามารถกระโดดได้สูงขนาดนี้ แต่ในไม่ช้านางก็รู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา


หลิงฮันถอนหายใจ ถ้าอีกฝ่ายรวดเร็วขนาดนี้ การฆ่าเขาคงไม่ใช่ปัญหา


ในหัวใจของเขายังมีความคิดที่ว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนงดงามอยู่อีกหรือไม่? แม้ว่าอีกฝ่ายจะความจำเสื่อม แต่ความทรงจำที่นางได้รับตอนนี้จะส่งผลต่อนางในอนาคต ซึ่งเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


หรือว่าเขาจะต้องสั่งสอนนางด้วยตัวเอง?


เมื่อพวกเขาสองคนวิ่งมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่หยุดพัก ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่ตระกูลหลิงอาศัยอยู่ในเมือง


หลิงฮันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย มันเสี่ยงมากที่จะพานางกลับมาบ้าน แต่เพื่อปลูกฝังให้ผู้หญิงคนนี้มีความคิดในเรื่องสันติภาพและความสุข เขาต้องทำให้นางได้สัมผัสกับความเอาใจใส่


พวกเขาเข้าไปในตระกูลหลิง และเมื่อคนรับใช้เห็นหลิงฮัน พวกเขาทุกคนแสดงความเคารพออกมาจากใจทันที ซึ่งแตกต่างจากคนรับใช้ของคนอื่น จากนั้น หลิงตงซิงและเย่วฮงฉางก็วิ่งออกมา บุตรชายของพวกเขาหายไปหลายวัน มันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกพลัดพรากกันมาหลายปี


“นางคือ…” เย่วฮงฉางรู้สึกตกใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนแคว้นอัคคีเพิ่งถูกบุกรุก แต่ลูกชายของนางกับกลับมาพร้อมกับภรรยาที่งดงาม ไม่สิ นางดูเขินอายเสียมากกว่าถึงจับเสื้อของลูกชายนางไว้แน่น


โอ้ว นางช่างงดงามยิ่งนัก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นแตกต่างจากคนทั่วไป รูปร่างของนางก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะต้นขา มันเรียวมาก และบั้นท้ายที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน


แต่ว่าหน้าอกของนางดูเล็กไปหน่อย!


ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แม้นางจะมีบุตรและไม่มีน้ำนมให้ดื่มก็ตาม


เย่วฮงฉางคิดเรื่องต่างๆมากมายอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นใบหน้าของนางเบ่งบานเหมือนกับดอกไม้และเดินไปหาพวกเขาทั้งสองคนแล้วพูดว่า “เจ้าชื่ออะไรงั้นหรือ?”


“ข้าชื่อเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน” องค์หญิงเผ่าใต้สมุทรกล่าว


“เชิญเข้ามาในบ้านได้เลย!” เย่วฮงฉางจับมือของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเพื่อจากไป แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะสอนวิธีควบคุมลูกชายของนาง


หลิงตงซิงตบไปที่ไหล่ของหลิงฮันอย่างเห็นอกเห็นใจ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา


จากนั้นหลิงฮันได้พาฮูหนิวออกมา เมื่อเด็กสาวตัวน้อยเห็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน นางแสดงสีหน้าดุร้ายออกมาทันที ผู้หญิงคนนี้ทำให้นางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แข็งแกร่ง ซึ่งอยากทำให้นางกระโดดเข้าไปกัดคอของอีกฝ่าย


“ไปกินข้าวกันเถอะ” หลิงฮันยิ้ม


ฮูหนิวฉีกยิ้มออกมาทันทีและปล่อยนางไป


เผ่าใต้สมุทรแน่นอนว่าไม่หยุดเพียงเท่านี้ นั่นเป็นเพราะ “การตาย” ขององค์หญิงจะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น แต่การต่อสู้ในเหมืองนั้นแม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองจักรพรรดิก็ยังสามารถรู้สึกถึงได้ ถ้าเผ่าใต้สมุทรมาเพื่อตรวจสอบ มันก็เป็นเหมือนกับการคว้าน้ำเหลว


มันมีแมงมุมยักษ์สีเงินอยู่ในหลุมนั่น แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้


แต่สิ่งที่หลิงฮันกังวลคือเหมืองโบราณ


ด้านล่างเหมืองมันฝังอะไรอยู่กันแน่?


เขาไม่เชื่อว่ามันจะมีแค่ศพสิบสองศพและแมงมุมยักษ์สีเงินหนึ่งตัว


ถ้าเขาอยากรู้ว่าอะไรถูกฝังอยู่ใต้เหมืองโบราณ เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ อย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์และใช้พลังของหอคอยทมิฬ เพื่อทะลวงผ่านระดับทลายมิติ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับมันได้


หลิงฮันวางแผนที่จะอยู่บ้านแค่สิบวันเท่านั้น แล้วออกเดินทางสู่ภูมิภาคกลาง


ส่วนหลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางตัดสินใจที่จะพักอยู่กับครอบครัวตระกูลหลิวและรอหลิงฮันกลับมา นั่นเป็นเพราะอย่างแรกเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะพลัง และอย่างที่สองเพื่อปกป้องตระกูลหลิง


ภายใต้การชี้แนะของหลิงฮัน ความสามารถในศาสตร์ปรุงยาของหลีซื่อฉางเองก็พัฒนาขึ้นมาก แต่ติดอยู่ที่ระดับบ่มเพาะพลังของนางต่ำเกินไป มิฉะนั้นนางคงกลายเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงไปแล้ว


ส่วนกว่างหยวนและชูหวู่จิวเองก็ถูกหลิงฮันทิ้งไว้ที่นี่เพื่อปกป้องตระกูลหลิง ความสามารถด้านวรยุทธของพวกเขานั้นมีขีดจำกัด พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีเพื่อทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน มันคงจะดีกว่าที่จะอยู่บ้านตระกูลหลิงเพื่อฝึกฝน


สิบวันต่อมา หลิงฮันพาฮูหนิว…และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมุ่งหน้าไปที่เมืองหยางสวรรค์


สาวน้อยเผ่าใต้สมุทรดูแปลกประหลาด แม้ว่านางจะเรียกเย่วฮงฉานว่า “แม่” แล้ว แต่นางเป็นเหมือนนกเพิ่งเกิด และคนแรกที่นางเห็นคือหลิงฮัน นางจึงติดหลิงฮันมาก

 

 

 


ตอนที่ 539

 

ถึงเหมืองหยางสวรรค์

หนึ่งชายและสองสาวเดินทางสู่เหมืองหยางสวรรค์


ฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนราวกับเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดกัน พวกนางทั้งแย่งกันกินอาหารและแย่งกันโอบกอดหลิงฮัน


หลิงฮันไต่สวนน่าจือเหยียนและพบว่าตระกูลราชวงศ์เฮ่อเหลียนคือตระกูลที่ครอบครองสายเลือดของมังกรที่แท้จริง


แต่ตระกูลที่ครอบครองสายเลือดมังกรที่แท้จริงที่บริสุทธิ์ที่สุดคือตระกูลราชวงศ์ของมหาสมุทรกลาง แม้ตระกูลราชวงศ์ของอีกสี่มหาสมุทรจะไม่นับว่าอ่อนแอ แต่พวกเขามีสายเลือดมังกรที่แท้จริงบริสุทธิ์น้อยกว่าตระกูลราชวงศ์ของมหาสมุทรกลาง


หลิงฮันพยักหน้า เขาบ่มเพาะทักษะกายาเก้ามังกรทรราชซึ่งจะทำให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งมังกรที่แท้จริงเก้าตัว ทำไมต้องเป็นมังกรที่แท้จริงด้วยน่ะรึ? นั่นเพราะมังกรที่แท้จริงคือสัตว์อสูรระดับพระเจ้าที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุด


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนครอบครองสายเลือดของมังกรที่แท้จริง แม้มันจะไม่บริสุทธิ์มากนัก แต่แค่ร่างกายเปล่าๆก็สามารถปลดปล่อยพลังที่มหาศาลออกมาได้แล้ว


แม้ฮูหนิวจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ระดับพลังของนางก็ยังต่ำเกินไป จึงเป็นธรรมดาที่กายหยาบของนางจะเทียบกับทักษะกายาเก้ามังกรทรราชไม่ได้


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนในตอนนี้ราวกับเป็นกระดาษสีขาวที่สามารถเขียนอะไรลงไปก็ได้ หลิงฮันจึงพยายามทำให้นางมีความสุข แม้นางจะทะเลาะกับฮูหนิว แต่ก็เป็นการทะเลาะกันเล่นๆไม่ได้การฆ่าแกงกันแบบศัตรู


ส่วนที่แตกต่างกันของทั้งสองคนคือ ฮูหนิวราวกับเป็นฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่ นางไม่เคยร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว แต่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นมักจะร้องไห้เสียงดังเสมอ


ทั้งสามคนเดินทางผ่านหุบเขาจันทราร่วงหล่น เมื่อเวลาผ่านไปอีกสิบวัน พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองหยางสวรรค์


ในตอนที่พวกเขาเดินทาง แม้ว่าจะผ่านเมืองต่างๆมามากมายแต่พวกเขาก็ไม่ได้แวะพักที่เมืองไหนสักเมือง เพราะงั้นหลังจากที่เข้าเมืองหยางสวรรค์มา เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็กลายเป็นตื่นเต้นทันที นางเดินชมนู่นชมนี่ไปมาไม่หยุด


ขนมสายไหม? กิน! น้ำตาลปั้น? กิน!


หลิงฮันทำได้เพียงเดินตามหลังจ่ายตังให้นาง สาวน้อยเผ่าใต้สมุทรคนนี้ดูมีความสุขเป็นอย่างมาก นางเดินกินพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข


“เด็กน้อยจริงๆ!” ฮูหนิวพูดเหยียดหยามโดยลืมไปว่าตัวเองก็ถือน้ำตาลปั้นอยู่ในมือและกำลังกินอย่างมีความสุข


“โอ้ สาวน้อยตรงนั้นช่างงดงามยิ่งนัก!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นงดงามราวกับเทพธิดา ผ่านไปไม่นานนางก็กลายเป็นเป้าหมายของใครบางคน


รุ่นเยาว์คนหนึ่งจ้องมองไปยังใบหน้าที่น่าหลงไหลของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและค่อยๆกวาดมองไปร่างกายทุกส่วนของนาง


ช่างเป็นหน้าอกที่น่าเสียดายยิ่งนัก!


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเอียงคอมองไปยังอีกฝ่ายและถามด้วยความสับสน “ทำไมเจ้าถึงมาขวางทางข้า?”


รุ่นเยาว์คนนั้นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูด “สาวน้อย กลับไปกับนายน้อยผู้นี้และทำอะไรสนุกๆกันเถอะ!” มันพูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อายพร้อมกับโบกมือ “พาตัวนางกลับไป”


“ขอรับนายน้อย!” ทันใดนั้นคนรับใช้ร่างแกร่งทั้งสี่คนด้านหลังของมันก็โผล่ออกมา พวกมันทำตัวดุดันราวกับหมาป่า


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกรีดร้องและรีบวิ่งกลับไปหลบด้านหลังหลิงฮัน ด้วยความเร็วของนาง… ในโลกนี้คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถไล่ตามได้ทัน… โดยเฉพาะแรงจับที่รุนแรงของนางได้เกือบทำให้กระดูกของหลิงฮันแตกสลาย


หลิงฮันหันไปพูดกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน “สิ่งที่นายน้อยขยะนั่นกำลังทำอยู่คือการรังแกคนอื่น สาวน้อยใต้สมุทรเจ้าคิดว่าคนแบบนั้นเป็นคนชั่วร้ายรึไม่?”


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว มือของนางกดหน้าอกเอาไว้แสดงออกถึงความหวาดหวั่น “ชั่วร้าย! เขาทำให้ข้ากลัว!”


“ใช่แล้ว เพราะงั้นเจ้าห้ามทำตัวเหมือนกับหมอนั่นเด็ดขาด เข้าใจนะ?” หลิงฮันพูดหว่านล้อม


“แน่นอน ข้าไม่มีทางเป็นคนแบบนั้น!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า


“แต่พวกเราก็ห้ามไปยอมให้ขยะเช่นนั้นมารังแกเช่นกัน จงจำเอาไว้ว่าห้ามเป็นคนไปยั่วยุผู้อื่นก่อนเด็ดขาด แต่ถ้ามีคนมายั่วยุเราก็ไม่จำเป็นต้องไปอ่อนข้อและต้องตอบโต้กลับ เจ้าเข้าใจไหม?” หลิงฮันถามอีกครั้ง


คำพูดอันยืดยาวของเขาทำให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมึนงงเล็กน้อย แต่นางก็ยังพยักหน้าและเอ่ยตอบ “อืม!”


“เจ้าเป็นใครถึงได้กล้ามายุ่งเรื่องนี้?” รุ่นเยาว์คนนั้นแสดงท่าทีไม่พอใจ ทั้งสองคนพูดคุยกันราวกับมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ รุ่นเยาว์คนนั้นโบกมือและพูด “จัดการเจ้าหนุ่มนั่นและพาผู้หญิงกลับไปที่คฤหาสน์”


“ขอรับนายน้อย!” คนรับใช้ทั้งสี่เดินออกมาอีกครั้ง


หลิงฮันยกนิ้วขึ้นมาและปล่อยปราณเป็นเส้นแสงสี่เส้นใส่หน้าผากของคนรับใช้ทั้งสี่ ‘ตุบ’ ทันใดนั้นบนหน้าผากของคนรับใช้ทั้งสี่คนก็ปรากฏหลุมเลือดและล้มลงไปที่พื้น


“เจ้า… เจ้ากล้าลงมือกับคนของตระกูลข้า?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว


“เจ้าเป็นใคร!” หลิงฮันยกนิ้วขึ้นอีกครั้ง ‘ฉัวะ’ ทันใดนั้นรุ่นเยาว์ที่อยู่ตรงหน้าก็มีชะตาไม่ต่างกับคนรับใช้ทั้งสี่ บนหัวของมันปรากฏหลุมเลือดและร่วงสู่พื้น


ผู้คนที่เดินไปมาหยุดฝีเท้าชะงัก เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว นายน้อยตระกูลชางตกตายที่นี่ ตระกูลชางจะต้องระเบิดโทสะออกมาราวกับฟ้าผ่าแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้คนที่รู้เห็นเหตุการณ์อาจจะถูกลากให้ซวยไปด้วย


ต้องรีบเผ่นหนี!


หลิงฮันไม่แยแส ในภูมืภาคเหนือมีใครที่เขาต้องหวาดกลัวด้วยรึไง ยิ่งกว่านั้นเขายังมีสาวน้อยเผ่าใต้สมุทรที่ป่าเถื่อนอยู่ข้างกาย ถ้าจำเป็นจริงๆก็แค่บอกให้นางลงมือ


“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันเดินทางไปยังตำหนักสมบัติวิญญาณต่อโดยมีฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจับมือเขาอยู่คนละข้าง


ก่อนที่จะเข้าเมืองมา หลิงฮันได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าเรียบร้อยแล้ว เขาเปลี่ยนใบหน้าให้กลายเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี แม้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจะตกตะลึง แต่นางก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือหลิงฮันเพียงแค่มองแวบเดียว


เห็นได้ชัดว่าแม้นางจะสูญเสียความทรงจำและความสามารถโคจรปราณก่อเกิด แต่สายตาของนางก็ยังคงเป็นของจอมยุทธระดับสวรรค์


ตำหนักสมบัติวิญญาณตั้งอยู่ที่ใจกลางของเมืองหยางสวรรค์ แม้พวกเขาจะเดินเล่นอย่างไม่เร่งรีบ พวกเขาก็มาถึงตำหนักสมบัติวิญญาณภายในหนึ่งชั่วโมงต่อมา


“หยุด!” กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามพวกเขามา พวกมันสมควรเป็นคนของตระกูลชาง เมื่อพวกมันรู้ว่าคนของตระกูลถูกสังหารกลางถนน จึงไม่แปลกที่พวกมันจะมาล้างแค้น


หลิงฮันไม่สนใจพวกมันและเดินเข้าไปในตำหนักสมบัติวิญญาณ ฮูหนิวหันหน้ากลับไปหาพวกมันและแลบลิ้นปลิ้นตาใส่


“บัดซบ!” คนของตระกูลชางคำรามสาปแช่ง ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางสวรรค์คือตำหนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยา จะมีใครบ้างที่กล้าสร้างความวุ่นวายขึ้นในสองสถานที่นี้? พวกมันจึงทำได้เพียงยืนรออยู่ด้านนอก


กลุ่มของหลิงฮันสามคนเดินเข้าไปยังตำหนักสมบัติวิญญาณ ทันใดนั้นสาวใช้ที่รูปร่างงดงามก็เข้ามาทักทายพวกเขา “แขกทั้งสอง ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการซื้ออะไร?”


ฮูหนิวรู้สึกไม่พอใจและเอามือท้าวเอว “ยังมีหนิวอีกคนนะ!”


หลิงฮันหัวเราะและพูด “ไปแจ้งกับหยินหงว่าคนที่ให้คำมั่นสัญญาไว้กับเจ้ามาถึงแล้ว”

 

 

 


ตอนที่ 540

 

มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคกลาง

“ข้าต้องขอเสียมารยาทกับท่านด้วย หรือว่าท่านจะเป็นคนแซ่ฮัน?” สาวใช้ถาม


“ใช่แล้ว ข้าคือฮันหลิง” หลิงฮันพยักหน้า เขาได้ทำการนัดหมายกับหยินหงและจะมาในนามของฮันหลิง


“นายน้อยฮันนี่เอง!” สาวใช้เผยสีหน้าตกใจออกมา “คุณหนูกำลังรอคอยท่านอยู่! โปรดเดินตามข้ามา คุณหนูได้สั่งไว้ว่าเมื่อท่านมาถึงให้รีบพาไปพบทันที”


หลิงฮันพยักหน้าและให้สาวใช้นำทาง


ด้วยการนำทางของสาวใช้ ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงที่ที่หยินหงอาศัยอยู่และสาวใช้ก็ปลีกตัวจากไป


“นายน้อยฮันในที่สุดท่านก็มา!” หยินหงปรากฏตัวออกมา นางจ้องมองไปที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและสีหน้าเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและพูดว่า “ปรมาจารย์ฮันท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก แค่จูเสวี่ยนเอ๋อยังไม่พอ ท่านก็เปลี่ยนคนใหม่แล้ว?”


“ตกลงเจ้าจะเรียกข้าว่าปรมาจารย์ฮันหรือนายน้อยฮันกันแน่?” หลิงฮันไม่สนใจปัญหาส่วนตัวและพูดถามออกมาแทน


“ข้าอยากรู้ว่าท่านจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับน้องเสวี่ยนเอ๋อยังไง?” หยินหงยังไม่เลิกรา และแสยะยิ้มออกมา


“ผู้หญิงดื้อรั้น!” หลิงฮันคิดอยู่ในใจ


“ตามข้ามา น้องเสวี่ยนเอ๋อรอคอยท่านมาหลายวันแล้ว” หยินหงหันหลังกลับไปและแอบชำเลืองมองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเล็กน้อย


นางนำทางพวกเขาทั้งสามคนเข้าไปในบ้านและให้ใครบางคนไปแจ้งข่าวจูเสวี่ยนเอ๋อทราบ


หลังจากนั้นชั่วครู่ จูเสวี่ยนเอ๋อก็ปรากฏตัวออกมา ใบหน้าของนางปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีขาว ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของนางได้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นดวงตาที่เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจของนาง


ผู้หญิงที่งดงามอย่างนางเพียงแค่จ้องมองก็สามารถทำให้ผู้ชายหลงใหลแล้ว


“พี่ฮัน!” นางกรีดร้องออกมาพร้อมกับพุ่งกระโจนออกไปเพื่อเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลิงฮัน


หยุด!


นางยังไม่ทันได้พุ่งเข้าหาหลิงฮัน แต่ก็ถูกฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนขวางเอาไว้


“หลิงฮัน หนิวหนิวไม่อนุญาตให้แตะต้องผู้หญิงคนนี้!” ฮูหนิวพูดออกมา


“เจ้าคือใคร?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจ้องมองไปที่จูเสวี่ยนเอ๋อ ใบหน้าของนางดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก ก่อนที่จะมาที่นี่หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางปลูกฝังความคิดให้นางมากมาย อย่างเช่นห้ามผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้หลิงฮัน มิฉะนั้นหลิงฮันจะถูกแย่ง!


คนแรกที่นางเห็นคือหลิงฮัน นางเป็นเหมือนสัตว์ที่เพิ่งเกิดและนับถือคนที่เห็นคนแรกเป็นพ่อแม่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะติดหลิงฮันและไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นขโมยหลิงฮันไป


จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ นางไม่ได้ลืมอาการอิจฉาอย่างรุนแรงของฮูหนิว แต่หญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมนางถึงมีดวงตาสีฟ้า แม้จะดูแปลก แต่มันก็ดูมีเสน่ห์มาก


“นางคือจูเสวี่ยนเอ๋อ สหายของข้าเอง” หลิงฮันพูดกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


“อืม” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนวางมือ แต่ฮูหนิวยังคงยืนคั้นระหว่างจูเสวี่ยนเอ๋อและหลิงฮัน ในลักษณะที่ไม่ต้องการให้นางเข้ามาใกล้หลิงฮัน


จูเสวี่ยนเอ๋อจึงล้มเลิกความคิดที่อยู่ในใจ และส่งสายตาให้หลิงฮันแทน


“เดี๋ยวก่อนน้องเสวี่ยนเอ๋อมันไม่เร็วเกินไปหรือที่จะเรียกเขาว่าพี่ฮัน?” หยินหงพูดออกมาจากด้านข้าง


“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นไบ้หรอก” หลิงฮันยิ้ม


“ทำไม ข้าจะพูดคุยเรื่องของผู้หญิงมิได้เลยหรือ?” หยินหงเค้นเสียงออกมาไม่พอใจ


“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเราจะออกเดินทางกันได้แล้วหรือยัง?”


“ข้ารอคอยเจ้ามานานแล้ว ในเมื่อเจ้ามาถึงแล้วก็รีบออกเดินทางกันเถอะ”


แม้ว่านางจะพูดว่ารีบออกเดินทาง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเตรียมการหลายชั่วโมง ซึ่งการประลองจะเริ่มขึ้นที่ภูมิภาคกลาง และพวกเขาจะเข้าร่วมในฐานะตัวแทนตำหนักสมบัติวิญญาณแห่งภูมิภาคเหนือ


รถม้าของพวกเขาเป็นรถม้าที่หรูหรามาก มันไม่ได้มีเพียงแค่เก้าอี้และเตียงนอนเท่านั้น แต่ยังแบ่งออกเป็นสามส่วน ในตอนกลางวันจะสามารถพูดคุยกับคนขับรถม้าที่อยู่ด้านหน้าได้ ส่วนในตอนกลางคืนเหล่าหญิงสาวจะหลับนอนอยู่ในห้องที่สอง ส่วนหลิงฮันจะอยู่ส่วนที่สามของรถม้า


ภูมิภาคเหนือนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มันต้องใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะไปถึงทางแยกระหว่างภูมิภาคเหนือและภูมิภาคกลาง และภูมิภาคกลางนั้นกว้างใหญ่ไพศาลกว่า ซึ่งกว่าพวกเขาจะไปถึงจุดหมายคงต้องใช้เวลาอีกยี่สิบวัน


อย่างน้อยภายในหนึ่งเดือนพวกเขาก็ไปถึงจุดหมาย นั่นเป็นเพราะความเร็วของรถม้านั้นรวดเร็วมาก หากเป็นคนธรรมดาคงต้องใช้เวลาแปดปีหรือสิบปีกว่าจะเดินทางมาถึง


อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิ่งจะออกมาจากตำหนักสมบัติวิญญาณ แต่แล้วก็เผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ขวางทางพวกเขาอยู่


หยินหงรู้สึกประหลาดใจ ตรงประตูของตำหนักสมบัติวิญญาณมีกลุ่มคนกำลังขวางทางอยู่ นี่มันหมายความว่ายังไง?


“เจ้าหนู เตรียมตัวตายซะ!” เมื่อเห็นหลิงฮันปรากฏตัวออกมา ปราณกระบี่ห้าเล่มพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกันทันที


“สามห้าว!” เมื่อทหารยามของตำหนักสมบัติวิญญาณเห็นเช่นนั้น พวกเขาต่างกระโจนออกไปพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ ปัง ปราณกระบี่ห้าเล่มพังทลายอย่างรวดเร็ว


เมื่อผู้คนตระกูลชางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกมันรู้สึกไม่พอใจทันที “เจ้าเด็กนี่ฆ่านายน้อยของพวกข้า และเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในตำหนักสมบัติวิญญาณ พวกเราจึงไว้หน้าพวกเจ้าเลยไม่ได้บุกเข้าไป แต่ตอนนี้เจ้าเด็กนี่ออกมาแล้ว แต่พวกเจ้าก็ยังปกป้องมัน?”


ทหารยามของตำหนักสมบัติวิญญาณแสยะยิ้ม กลุ่มคนพวกนี้ช่างโง่เขลายิ่งนักที่กล้าโจมตีคุณหนูของพวกเขา ดูเหมือนพวกมันจะเบื่อชีวิตแล้ว! ตระกูลชางที่มีแค่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณกลับกล้าที่จะต่อกรกับตำหนักสมบัติวิญญาณ?


“ไสหัวไปให้พ้น!” ทหารยามคนหนึ่งพูดออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับจิตสังหาร “ข้าจะเตือนพวกเจ้าอีกครั้ง มิฉะนั้นพวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย!”


แน่นอนว่าผู้คนตระกูลชางไม่สนใจและตะโกนเรียกร้อง


“ตำหนักสมบัติวิญญาณขี้ขลาดตาขาวยิ่งนัก!”


“พวกเจ้าสังหารนายน้อยของพวกข้า และยังต้องการหลบหนีออกจากเมืองจักรพรรดิอีกงั้นรึ?”


“ส่งตัวคนที่สังหารนายน้อยมาให้พวกข้า!”


ทหารยามแสยะยิ้มและกวัดแกว่งดาบที่อยู่ในมือพร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้ามันก็แค่กลุ่มคนโง่เขลาที่ไม่รู้จักวิธีใช้ชีวิต!” หลังจากที่จัดการพวกมันหลายคน คนที่เหลืออยู่ต่างหวาดกลัว พวกมันจึงหันหลังกลับและวิ่งหลบหนีไป


หลิงฮันไม่ได้สนใจการต่อสู้นี้เลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ระดับนี้มันเป็นเหมือนเด็กเล่นกันในสายตาของเขา


จากนั้น รถม้าเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูมิภาคกลาง


หลิงฮันนั่งอยู่ในรถม้าอย่างสบายใจ ฮูหนิวนั่งอยู่บนตักของเขาและกอดเขาแน่นเพื่อไม่ปล่อยโอกาสให้กับจูเสวี่ยนเอ๋อ


“ข้ากังวลว่าเจ้าจะถูกไล่ล่าโดยคนหลายพันคนและไม่สามารถเข้าร่วมการปรุงยาให้ข้าได้ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะมีความสามารถเช่นนี้” หยินหงจ้องมองหลิงฮัน นางรู้สึกกังวลมาก


หลิงฮันยิ้มและถามว่า “แล้วปัจจุบันมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นบ้างไหม?”


“แน่นอน ทำไมจะไม่มี!” หยินหงรีบพูดออกมาทันที

 

 

 


ตอนที่ 541

 

ผู้หญิงอันธพาล

“เรื่องใหญ่โตอะไร?” หลิงฮันถาม


“มีนักปรุงยาระดับสวรรค์ได้รับมกดกของสิบสองพระราชวังและรู้ที่ซ่อนคลังสมบัติพระเจ้า นี่เป็นเรื่องใหญ่พอหรือเปล่า?” หยินหงถาม


หลิงฮันหัวเราะออกมาสองครั้งและพูดว่า “เรื่องนี้มันไม่ได้ตลกเลยแม้แต่น้อย”


“และว่ากันว่ามีเหตุการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในภูมิภาคกลาง” หยินหงกล่าว “เขตแดนลี้ลับในภูมิภาคกลางเปิดมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว และมีหลายคนที่ได้รับประโยชน์มหาศาล”


“โอ้ว เขตแดนลี้ลับอะไรงั้นรึ?” หลินฮันถามไปงั้น สำหรับอัจฉริยะอย่างเขา เขาไม่จำเป็นต้องสนใจ เขามั่นใจว่าเขาจะไม่แพ้ผู้ใด


“ลานประลองสวรรค์!” หยินหงกล่าว


“นั่นมันเขตแดนลี้ลับอะไรกัน?” หลิงฮันไม่เคยได้ยินมาก่อน


“สวรรค์จะนำพาผู้คนจำนวนมากเข้าไปในเขตแดนลี้ลับ และจะถูกแบ่งออกมาเป็นสิบแปดกลุ่ม และกลุ่มที่เหลือรอดเป็นกลุ่มสุดท้ายจะได้รับรางวัลตอบแทนที่น่าอัศจรรย์ และระดับพลังจะเพิ่มขึ้นสองถึงสามระดับ” หยินหงกล่าว


หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจมาก มันสามารถยกระดับพลังได้ถึงสองหรือสามระดับเลยงั้นรึ? แต่ทว่าเขากลับรีบส่ายหัวทันที อัจฉริยะที่แท้จริงไม่ควรไขว้เขว เพราะแต่ละระดับพลังมันต้องทำให้รากฐานมั่นคงเสียก่อน หากรากฐานไม่มั่นคง แม้ว่าระดับพลังจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่อาจเทียบกับจอมยุทธที่แท้จริงในระดับพลังเดียวกันได้


“และหากใครบางคนที่ได้รับสมบัติกลับมาจากเขตแดนลี้ลับและไม่ได้ใช้ พวกเขาจะนำมาที่ตำหนักสมบัติวิญญาณเพื่อนำมาประมูล”หยินหงพูดอีกครั้ง


หลิงฮันแสดงสีหน้าสนใจและพยักหน้า “มันคุ้มค่าที่จะลองไปดู”


“แล้วข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก และเกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ” หยินหงรู้สึกกังวล


“หืม แข็งแกร่งกว่าเสวี่ยนเอ๋ออีกงั้นรึ?” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะหลังจากที่สัมผัสสวรรค์ของจูเสวี่ยนเอ๋อถูกรักษา ความแข็งแกร่งของนางได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว


หยินหงพยักหน้าและพูดออกมาอย่างเค่งครึมว่า: “พวกมันเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่แข็งแกร่งมาก และมีพวกมันสองคนถึงขั้นทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานช่วงปลายแล้ว และมีคุณสมบัติที่จะท้าทายอัจฉริยะอย่างนักดาบอันดับสองของโลก”


หรือว่าจะเป็นย่าวหุยเยว่?


สีหน้าของหลิงฮันจริงจังมากยิ่งขึ้น หากต่อสู้ในระดับเดียวกัน เขามั่นใจว่าจะเป็นฝ่ายชนะย่าวหุยเยว่ แต่ถ้าระดับพลังของอีกฝ่ายแตกต่างกันสี่หรือห้าขั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมา


แม้ว่าพวกเขาจะเคยต่อสู้กันมาก่อน แต่หลิงฮันนั้นพึ่งพาพลังของเกราะอัสนีและดาบกำเนิดมาร  แต่ก็ไม่อาจเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้


และการต่อสู้ในครั้งนั้นยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของย่าวหุยเยว่


“แล้วคนที่เหลือคือใคร?” หลิงฮันถาม


“เซี่ยอวี่เริ่น จี้เหวินซาน เฟยหง อู๋ฮว่าหยุน หลางหวู่ซิน…” หยินหงพูดชื่อออกมาทีละคน


หลิงฮันขมวดคิ้วและพูดว่า “ทั้งหมดเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน?”


“ใช่แล้ว!”


“แล้วอายุเกินสามสิบปีหรือไม่?”


“ไม่!”


หลิงฮันรู้สึกตกใจมาก คนรุ่นนี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาและจักรพรรดิดาบกว่าจะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานอายุก็ปาเข้าไปสามสิบปีแล้ว แต่ในโลกนี้ดูเหมือนจะมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนปรากฏตัวออกมาได้ทุกเมื่อ


ไม่สิ ไม่เพียงแต่อัจฉริยะรุ่นนี้จะแข็งแกร่งกว่าเท่านั้น แต่สภาพแวดล้อมของพวกเขายังดีกว่ามาก ทั้งหมดเป็นเพราะเขตแดนลี้ลับที่ทำให้ผู้คนสามารถสร้างรากฐานบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็ว


ด้วยเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่จะมีอัจฉริยะเพิ่มมากขึ้นและแข็งแกร่งกว่า


หลิงฮันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาสามารถปะมือกับอัจฉริยะนับไม่ถ้วนได้ ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์กับเขาเป็นอย่างมากในการขัดเกลาพลังต่อสู้ของเขา ยิ่งไปกว่านั้น มันคงไม่สนุกที่เผชิญหน้าแต่คนอ่อนแออยู่ตลอด


“ข้าอยากสู้กับคนพวกนั้นจริงๆ!” หลิงฮันกล่าว


“เจ้าจะต้องมีโอกาสนั้นแน่นอน” หยินหงกล่าว


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาเท่านั้น ในเมื่อข้าเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธด้วย เจ้าต้องเพิ่มรางวัลตอบแทนให้ข้า ตกลงไหม!”


“เดี๋ยวก่อน มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะตกลงสู้กันเจ้าหรือไม่ และข้าคนนี้กำลังจะสร้างโอกาสให้กับเจ้า!” หยินหงกรอกของนางไปมา “ข้าไม่เคยเห็นคนแบบเจ้ามาก่อนเลย และข้าจะบอกเรื่องนี้กับศัตรู และทุกคนจะต้องหันมามองเจ้าว่าเจ้าเป็นคนโลภมาก”


หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าแค่สร้างผลตอบแทนเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อดู ‘ความจริงใจ’ ของเจ้า”


หยินหงกัดฟันของนางและพูดออกมาว่า “ผลึกก่อเกิดระดับสองดาวหนึ่งแสนผลึกเพียงพอหรือไม่?”


“ผลึกก่อเกิดระดับสองดาวงั้นรึ? มันเป็นเพียงแค่ขยะ!”  หลิงฮันประหลาดใจ หลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบาน ผลึกก่อเกิดระดับสองดาวมีผลกับเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


“ผลึกก่อเกิดสามดาวหนึ่งพันผลึก!” หยินหงหยิบมาวางบนโต๊ะ ราวกับถูกปล้นและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด


“หนิวหนิว เจ้าคิดว่าข้าดูเหมือนขอทานหรือไม่?” หลิงฮันหันหน้าไปถามฮูหนิว


“ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย!” แน่นอนว่าฮูหนิวต้องอยู่ข้างเดียวกับเขา


“เสวี่ยนเอ๋อ แล้วเจ้าล่ะ?” หลิงฮันหันไปถามจูเสวี่ยนเอ๋อ


“แน่นอนว่าพี่ฮันไม่ได้เป็นแบบนั้น!” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน


หลิงฮันหันไปมองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ก่อนที่เขาจะพูดถามนาง องค์หญิงเผ่าใต้สมุทรก็ชิงพูดออกมาว่า “หลิงฮันไม่ได้เป็นขอทาน!”


หลิงฮันหันหน้ากลับไปและพูดว่า “เห็นไหม ทุกคนต่างพูดว่าข้าไม่ได้เป็นขอทาน แต่เจ้ากลับให้ข้าเพียงแค่นี้ นี่เจ้าจะดูหมิ่นข้างั้นหรือ?”


หยินหงอย่างจะลงไม่ลงมือ ผลึกก่อเกิดสามดาวหนึ่งพันผลึกนี่มันยังไม่เพียงพออีกงั้นรึ? นางเป็นบุตรสาวของตำหนักสมบัติวิญญาณ แน่นอนว่าเกิดมาเพื่อทำการค้าขาย แต่นางกลับถูกคดโกง “ข้าให้ผลึกก่อเกิดระดับสามดาวกับเจ้าได้แค่หนึ่งพันผลึกเท่านั้น ไม่มีมากไปกว่านี้ หรือเจ้าจะหลับนอนกับข้าแทน”


หลิงฮันยอมแพ้ทันที การเผชิญหน้ากับหญิงสาวแบบนางมันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก เขาถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าทำตัวอันธพาลแบบนี้ ครอบครัวของเจ้าไม่รู้เลยงั้นหรือ?”


“หึ่ม ถ้าพระเจ้าไม่พอใจ แน่จริงก็ลงโทษข้า และข้ายินดีที่จะยอมรับมัน!” หยินหงกล่าวออกมาอย่างอวดดี


ตู้ม!


เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าดังมาจากด้านนอก พวกเขาทุกคนรู้สึกตกใจและรถม้าสั่นไหวไปมา


ใบหน้าของหยินหงกลายเป็นซีดขาว หรือว่าพระเจ้าจะได้ยินสิ่งที่นางพูด?


“ไม่ใช่ มีใครบางคนกำลังต่อสู้กันอยู่!” หลิงฮันกล่าว

 

 

 


ตอนที่ 542

 

สองอัจฉริยะ

หลิงฮันเดินออกมาจากรถม้าและเห็นคนสองคนกำลังปะทะกันอยู่


จอมยุทธที่สามารถเหาะเหินบนท้องฟ้า… ทั้งสองควรเป็นระดับบุปผาผลิบานเป็นอย่างน้อย


ด้วยระยะห่างที่ไกลหลิงฮันจึงไม่สามารถสัมผัสระดับพลังของทั้งสองได้ แต่หากให้กะด้วยสายตา ทั้งสองคนนั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่มีอายุประมาณยี่สิบปี


‘ตูม!’


การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกัน หนึ่งเป็นผู้ใช้ดาบในขณะที่อีกหนึ่งใช้กระบี่ ทั้งสองล้วนแต่ปลดปล่อยปราณดาบและปราณกระบี่สิบเก้าเล่มออกมาราวกับจะสะบั้นสรวงสวรรค์ทิ้ง


หลิงฮันตกตะลึง เขาเองก็สร้างปราณดาบได้สิบเก้าเล่มเช่นกัน ซึ่งก็หมายถึงรุ่นเยาว์ทั้งสองบนท้องฟ้านั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเขาเลย


โลหิตในร่างของหลิงฮันเดือดผล่านพร้อมกับจิตใจที่อยากจะทะยานขึ้นไปเข้าร่วมต่อสู้


‘ตูม! ตูม! ตูม!’


บนท้องฟ้า รุ่นเยาว์ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างสุดความสามารถ เจตจำนงที่พวกเขาปล่อยออกมาสามารถบดขยี้จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้อย่างง่ายดาย เนื่องจอมยุทธระดับบุปบาผลิบานมีบุปผาแห่งเต๋าในตันเถียนที่สามารถชักนำพลังแห่งสวรรค์และปฐพีมาช่วยโจมตี พลังทำลายล้างของกระบวนท่าพวกเขาจึงน่าสะพรึงกลัวมาก แม้ทั้งสองจะสู้กันอยู่บนท้องฟ้า แค่คลื่นพลังปั่นป่วนก็สามารถทำลายภูเขาให้พลังทลายได้เป็นแถบๆ


‘ตูม’ ยอดเขาแห่งหนึ่งพังทลายและร่วงลงมาใส่หัวหลิงฮัน แต่หลิงฮันก็ใช้ดาบผ่ายอดเขาออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย


เมื่อถูกลูกหลงแบบนี้ ในที่สุดหลิงฮันก็มีเหตุผลที่จะเข้าร่วมการต่อสู้แล้ว ร่างของเขาทะยานขึ้นฟ้าและตะโกนออกไป “พวกเจ้าทั้งสอง กล้าดีอย่างไรมาโจมตีข้าด้วยยอดเขา? รับดาบของข้าให้ดี!” หลิงฮันชักดาบและโจมตีให้ชายหนุ่มทั้งสอง


ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดและไม่เคยคิดคิดว่าจะมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง แต่ดาบที่หลิงฮันนั้นโจมตีมานั้นทรงพลังเกินไป ทั้งสองจึงต้องหยุดการต่อสู้กันชั่วคราวและร่วมมือกันป้องกันการโจมตีของหลิงฮัน


‘ตูม!’


เมื่ออัจฉริยะทั้งสองร่วมมือกัน พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจึงมหาศาลเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันก็ยังต้องก้าวถอย


ชายหนุ่มทั้งสองมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบานขั้นเจ็ดซึ่งสูงกว่าหลิงฮันที่เป็นระดับบุปผาผลิบานขั้นสองอยู่ห้าขั้น แต่พลังของทั้งสองคนนี้กลับมาสามารถต่อต้านเขาได้ คู่ต่อสู้เช่นนี้นับว่าหายากมาก


หลิงฮันไม่อาจยอมให้โอกาสทองเช่นนี้หลุดมือไปง่ายๆ เขาคำรามลั่นพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายและจิตสังหารออกมาจนแทบจะเผาผลาญท้องนภากลายเป็นเถ้าถ่าน


ชายสองคนทั้งตกตะลึงและโมโห พวกเขากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดแท้ๆแต่ดันถูกขัดจังหวะเสียได้


“จัดการเจ้าหนูนี่ก่อนแล้วค่อยมาตัดสินกันใหม่!”


“ก็ดีเหมือนกัน!”


ทั้งสองตกลงใจร่วมมือกันจัดการหลิงฮันเป็นอันดับแรก


‘ตูม’ ดาบของชายหนุ่มคนหนึ่งปลดปล่อยเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาพร้อมกับอีกคนที่ปลดปล่อยประกายแสงสีทองนับพัน พลังต่อสู้ของทั้งสองเรียกได้ว่าเกือบจะอยู่เหนือกว่าระดับบุปผาผลิบานไปแล้ว


แม้จะรู้สึกกดดันแต่หลิงฮันก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เขาโคจรปราณก่อเกิดและใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจพร้อมกับสะบั้นดาบโจมตีออกไปอย่างรุนแรง


เมื่อเห็นพลังต่อสู้ที่น่าตกตะลึงของหลิงฮัน อัจฉริยะทั้งสองก็เลิกร่วมมือกันและสถานการณ์ได้กลายเป็นการต่อสู้ตะลุมบอนสามคน


ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะที่มีความทะนงตนว่าสามารถจัดการคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังเท่ากันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการร่วมมือกันเพื่อโค่นศัตรูที่ควรค่าแก่การสู้ด้วย


บนท้องฟ้า การต่อสู้ของทั้งสามคนดำเนินไปอย่างดุเดือด คลื่นพลังทำลายล้างกระจัดกระจายออกมานับไม่ถ้วนจนทำให้พื้นที่บริเวณรอบๆพังทลาย


จูเสวียนเอ๋อสร้างโล่ป้องกันขึ้นมา ถึงแม้นางจะเป็นเพียงระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ แต่นางมีความสามารถพอที่จะต้านทานคลื่นกระแทกจากจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้


ฮูหนิวจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับแยกเขี้ยว ดูเหมือนว่านางเองก็อยากจะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน ส่วนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นมีสีหน้าที่หวาดกลัวและเอ่ยถาม “หลิงฮันจะบาดเจ็บรึเปล่า?”


“ฮ่าๆ บาดเจ็บก็ดีแล้ว ใครใช้ให้เขาทำตัวผลีผลามแบบนั้นล่ะ” หยินหงมองดูอย่างพึงพอใจ


“เจ้าคือคนไม่ดี!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพึมพำ


“พี่สาวคนนี้โตแล้วย่อมสามารถทำตัวเป็นคนไม่ดีได้!” หยินหงยืนยืนเชิดหน้าในขณะที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมีสีหน้าอับอาย ทำไมสตรีนางนี้ถึงได้มีนิสัยอันธพาลขนาดนี้?


“ฮ่าๆๆๆ!” บนท้องฟ้า ทั้งสามคนหัวเราะออกมาพร้อมกันและหยุดมือ


“สนุกจริงๆ! เป็นการต่อสู้ที่สนุกยิ่งนัก!” ชายผู้ใช้ดาบเอ่ยออกมา “ชื่อของข้าคือเฟยหง ไม่ทราบว่าน้องชายมีนามว่าอะไร?”


ที่แท้ก็เป็นเฟยหงนี่เอง เขาคือหนึ่งในรุ่นเยาว์หน้าใหม่ที่โดดเด่น น่าแปลกยิ่งนักที่โลกแสนกว้างใหญ่แต่พวกเขายังมาพบกัน


“ฮันหลิง” หลิงฮันพูดและมองไปยังชายผู้ใช้ดาบ “แล้วพี่ชายล่ะ?”


“หลางหวู่ซิน” ชายคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราวสุขุม แต่หากดูจากการต่อสู้ของเขาแล้วจะพบว่าเขานั้นเป็นคนที่เลือดร้อนและน่าสะพรึงกลัว


“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของน้องชายฮันมาก่อน!” เฟยหงประหลาดใจ “อัจฉริยะอย่างน้องชายฮันสมควรเป็นรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่ใช่รึไง”


หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้ากำลังจะไปสร้างชื่อเสียงขึ้นที่ภูมิภาคกลางอยู่นี่ไงล่ะ”


เฟยหงหัวเราะในขณะที่หลางหวู่ซินยังคงไร้สีหน้า


“พวกท่านทั้งสองควรเป็นคนของภูมิภาคกลาง ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?” หลิงฮันถาม


“หลังจากปะทะกับหมอนี่อยู่เป็นเวลานานถึงครึ่งเดือน ข้าก็พบว่าข้ามาอยู่ที่นี่โดยไม่รู้ตัวแล้ว” เฟยหงยิ้ม


จากภูมิภาคกลางมาภูมิภาคเหนือเลยงั้นรึ? สองคนนี้สู้กันโดยไม่สนอะไรเลยจริงๆ


“เอาล่ะ มาดื่มกัน!” หลิงฮันพาทั้งสองคนมาทักทายพรรคพวกที่รถม้า เขานำไวน์อมฤตที่ผลิตจากหยดวิญญาณสมุนไพรออกมาจากหอคอยทมิฬ


ไวน์นี้ไม่ใช่ไวน์ธรรมดา มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง


ไวน์ธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำให้จอมยุทธมึนเมาได้ แต่ไวน์อมฤตนั้นต่างออกไป มันมีฤทธิ์ที่รุนแรงมากพอจะสร้างความึนเมาให้กับจอมยุทธ


เพียงแค่ดื่มแก้วเดียว สติของเฟยหงก็เริ่มรู้สึกเคลิ้มๆทันที ส่วนทางด้านของหลางหวู่ซินนั้นทำหน้าตาขึงขังราวกับท่อนไม้


“น้องชายฮัน เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันของตำหนักสมบัติวิญญาณสินะ งั้นเจ้าก็ควรระวังตัวไว้ให้ดี ข้าได้ยินว่าคนที่เป็นตัวแทนของตำหนักสมบัติวิญญาณภูมิภาคใต้คือ ซวนหยวนจื่อกวง” หลังจากดื่มไปหลายแก้ว เฟยหงก็ใช้ไหล่ของหลิงฮันเป็นที่ยันตัว


“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันถาม เขาไม่ได้บอกไปว่าการแข่งขันที่เขาจะเข้าร่วมคือการแข่งขันปรุงยา แต่แน่นอนว่าถ้าเขารู้สึกสนใจเขาก็จะเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธด้วยเช่นกัน


“แข็งแกร่งมาก” หลางหวู่ซินพูดโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้ามืดมน “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”


หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย จากน้ำเสียงที่ได้ยินแล้ว ดูเหมือนว่าซวนหยวนจื่อกวงผู้นี้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

 

 

 


ตอนที่ 543

 

เนตรสวรรค์

การต่อสู้ก่อหน้านี้ทั้งสามคนมีพลังต่อสู้ไม่ต่างกันมากนัก แน่นอนว่าหลิงฮันยังไม่ได้ใช้ไม้ตายอย่างดาบลึกลับสามพันเล่ม แต่เขาก็เชื่อว่าอีกสองคนก็ยังไม่ได้เปิดเผยไพ่ลับของตนออกมาเหมือนกัน ไพ่ลับบางอย่างเป็นสิ่งจะใช้ก็ต่อเมื่อถูกต้อนให้จนมุมถึงตายเท่านั้น


.


แต่ถ้าซวนหยวนจื่อกวงเป็นคู่ต่อสู้ที่แม้แต่หลางหวู่ซินที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรียังต้องยอมรับก็แสดงว่าไม่ใช่แค่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่านิดๆหน่อยๆ แต่ต้องแข็งแกร่งกว่ามากทีเดียว


“หมอนั่นแข็งแกร่งมาก” เฟยหงพยักหน้า “แต่เหตุผลหนึ่งก็เพราะเขาได้เปรียบในเรื่องพลังบ่มเพาะ นั่นก็คือระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า ถ้ามีพลังบ่มเพาะระดับเดียวกันล่ะก็ข้ามั่นใจแน่นอนว่าข้าต้องไม่แพ้!”


“ไม่ แม้จะมีระดับพลังเท่ากันพวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” หลางหวู่ซินส่ายหัว


“เจ้ายังไม่ทันได้ลองเลย” เฟยหงปฏิเสธที่จะยอมรับ


หลางหวู่ซินกล่าว “แค่ทะลวงผ่านขั้นพลังเล็กๆพวกเราไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ แต่ถ้าเป็นฮันหลิงล่ะที่มีพลังระดับเดียวกันล่ะก็พอมีโอกาสที่จะชนะซวนหยวนจื่อกวงได้อยู่”


ครั้งนี้เฟยหงพยักหน้าเห็นด้วย “น้องฮันมีพลังบ่มเพาะเพียงแค่บุปผาผลิบานขั้นสองและสามารถสู้กับพวกเราได้อย่างสูสี แถมยังหากเป็นในด้านพลังต่อสู้ล้วนๆน้องชายฮันยังนับว่าแกร่งกว่าพวกเราอีกด้วย ตอนแรกพวกข้าคิดว่าจะสู้กับเพื่อขัดเกลาพลังเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบสัตว์ประหลาดที่มีพรสวรรค์เช่นนี้”


“ซวนหยวนจื่อกวงมาจากนิกายโบราณนิกายไหนรึเปล่า เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?” หลิงฮันถามด้วยความสนใจ


“ต้นกำเนิดของเขาลึกลับเป็นอย่างมาก ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเขา แต่ข้าเคยสู้กับเขาครั้งนึงทำให้รู้ว่าสายเลือดของเขาสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้ถึงสามดาว” หลางหวู่ซินพูดอย่างไม่มั่นใจ


สามดาว!


ถ้าคิดว่าการเพิ่มพลังต่อสู้ได้สามดาวเป็นเรื่องเล็กน้อยเชียว สำหรับอัจฉริยะอย่างพวกเขาการเพิ่มพลังต่อสู้ระหว่างการปะทะนั้นสามารถทำให้สถานการณ์พลิกผันได้เลย


หลางหวู่ซินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ถ้าเขาไม่ใช้พลังสายเลือด พลังต่อสู้ของเขาก็ไม่ต่างจากข้ามากนัก แต่ถ้าหากเขากระตุ้นใช้งานสายเลือดล่ะก็ พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล”


หลิงฮันพยักหน้า ในโลกนี้มีคนมากมายที่เขาไม่ควรดูถูก


“น้องฮัน แล้วไว้พบกันใหม่ที่ภูมิภาคกลาง!” หลังจากเฟยหงกับหลางหวู่ซินใช้เวลาอย่างสนุกสนานพอแล้ว พวกเขาก็กล่าวลาหลิงฮัน “การสู้กับเจ้าในวันนี้ได้สร้างแรงกดดันให้กับพวกข้ามากนัก พวกเราจำเป็นต้องผ่านการต่อสู้เสี่ยงตายให้มาก ถ้าพวกเรารอดมาได้ พลังต่อสู้ของพวกเราจะเพิ่มขึ้นมหาศาล”


“นั่นเป็นสิ่งที่ดี” หลิงฮันเห็นด้วย อัจฉริยะไม่ใช่สิ่งสวยหรูอย่างที่คนอื่นๆมองเห็น ใครบ้างจะไม่ต้องใช้ชีวิตตนเองเข้าเสี่ยงเพื่อให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น?


ทั้งสองคนบินจากไปคนละทิศทาง


“เฮ้อ!” หยินหงถอนหายใจ “ข้าคิดว่าพวกเรามีโอกาสที่จะชนะอยู่แล้วแท้ๆเชียว ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวออกมามากมายขนาดนี้! ไว้ปีหน้าเจ้าช่วยเข้าร่วมแข่งขันอีกทีได้ไหม?”


หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้าจะแนะนำปรมาจารย์ให้เจ้า ด้วยการช่วยเหลือจากปรมาจารย์คนนี้ข้ารับประกันว่าซวนหยวนจื่อกวงจะต้องถูกจัดการอย่างง่ายดาย”


“โอ้ เจ้าคงไม่บอกว่านั่นคือเจ้าหรอกนะ?” หยินหงจ้องมองหลิงฮันด้วยความสงสัย “ข้าบอกไปแล้วไงว่าถ้าข้าต้องจ่ายให้เจ้าเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นสามพันผลึกก่อเกิดล่ะก็ ข้าคงต้องไปขายตัวแล้ว!”


“ผิดแล้ว!” หลิงฮันกรอกตา “ปรมาจารย์ที่ข้าพูดถึงคือนาง” เขาชี้ไปยังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน


‘พรวด!’


หยินหงสำลักออกมาทันที นี่มันเรื่องตลกอันใด?


ใบหน้าของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นกังวลและหลบอยู่ด้านหลังหลิงฮัน มือทั้งสองของนางจับเสื้อของหลิงฮันไว้แน่น นางกลัวว่าตัวนางจะถูกหลิงฮันขายให้คนอื่น


หลิงฮันถอนหายใจ นางช่างไม่มีท่าทางของปรมาจารย์เอาเสียเลย


หลายวันต่อมากำแพงแห่งภูมิภาค


มันคือกำแพงโปร่งใสที่สูงสง่า ทุกคนคาดเดากันว่ามันถูกสร้างขึ้นจากรูปแบบอาคมบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบเจอแก่นอาคมที่ตั้งเอาไว้ ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงการคาดเดา


กำแพงโปร่งใสคือสิ่งที่แยกภูมิภาคกลางกับภูมิภาคทั้งสี่ออกจากกัน รวมถึงแยกพลังบ่มเพาะของจอมยุทธในแต่ละภูมิภาคให้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วย กำแพงโปร่งใสนี้จะไม่มีผลต่อคนธรรมดา แต่สำหรับจอมยุทธนั้น ยิ่งมีพลังบ่มเพาะสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับผลกระทบมากเท่านั้น ถ้าหากตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณข้ามผ่านกำแพงโปร่งใสนี้ ไม่เพียงแค่พลังบ่มเพาะของเขาจะลดลงชั่วคราว แต่แก่นแท้ในตันเถียนก็ยังถูกตัดขาดอีกด้วย


ดังนั้นถ้าหากต้องการเดินทางท่องเที่ยวทั่วทวีปก็ควรทำตั้งแต่ยังเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงแห่งภูมิภาคแต่ยังเป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งพอจะป้องกันตนเองด้วย


กำแพงแห่งภูมิภาคนั้นสูงทะยานเสียดฟ้าราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด


“จุดสิ้นสุดของกำแพงแห่งนี้คืออะไร?” หลิงฮันกล่าว


“จุดสิ้นสุด? ก็ต้องเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานไม่ใช่รึไง?” หยินหงเอ่ย


หลิงฮันส่ายหัว ในอดีตเขาเคยลองบินทะบานขึ้นสูงเสียดฟ้าแล้ว แต่ก็ต้องพบเจอกับพายุอันรุนแรงที่แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังไม่อาจต้านทาน เขาทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะทะยานขึ้นไปดูว่าด้านบนนั้นมีอะไรกันแน่


“สักวันหนึ่ง ข้าจะเปิดผนึกกำแพงแห่งนี้และขึ้นไปดูว่ามันมีอะไร!” หลิงฮันพูดด้วยความมั่นใจและความตื่นเต้น หากเป็นระดับทลายมิติแล้วก็ต้องบดขยี้ห้วงมิติและกลายเป็นพระเจ้า นั่นจะหมายถึงต้องทำลายกำแพงแห่งภูมิภาคนี้รึไม่?


‘ตูม!’


ทันใดนั้นบริเวณปลายสุดของท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปกลายเป็นบรรยากาศมืดสลัว จากนั้นก็มีก้อนเมฆสีดำที่ถูกปกคลุมไปด้วยอัสนีบาตสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏออกมา


อัสนีบาตสวรรค์?


เป็นไปไม่ได้ เพียงแค่ระดับบุปผาผลิบานจะดึงดูดอัสนีบาตสวรรค์ได้อย่างไร? มีคำกล่าวว่ามีเพียงตอนทะลวงผ่านระดับทลายมิติเท่านั้นถึงจะดึงดูดอัสนีบาตสวรรค์ได้


ณ บริเวณกึ่งกลางก้อนเมฆมีดวงตาขนาดใหญ่ดวงหนึ่งที่มีขนาดเทียบเท่าภูเขาจ้องมองมายังหลิงฮัน


หลิงฮันมั่นใจเลยว่าดวงตานั่นกำลังจ้องมาที่เขา ถึงแม้เขาจะมีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันของเมฆสีดำตรงหน้านี้เขาก็ยังรู้สึกราวกับวิญญาณภายในร่างกำลังจะระเบิดออก


แต่เขาไม่จำเป็นต้องหลบหนี ดวงตาตรงเมฆสีดำไม่ได้มีจิตสังหารใดๆ มันเพียงมองมาทางหลิงฮันอย่างดูถูกราวกับกำลังหัวเราะเยาะใส่เขา


เนตรสวรรค์แห่งเต๋า!


หลิงฮันกลายเป็นตึงเครียดทันที เขาเคยรู้มาตั้งแต่ยุคบรรพกาลถ้าเกินมีใครปากผล่อยพูดสิ่งที่จะทำให้สมดุลของสวรรค์และปฐพีเปลี่ยนแปลงออกมา เนตรสวรรค์แห่งเต๋าจะปรากฏเพื่อเป็นการตักเตือน


แน่นอนว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่ปากผล่อยแล้วเนตรสวรรค์แห่งเต๋าจะปรากฏ มีเพียงคนที่มีศักยะภาพมากพอจะสั่นคลอนสมดุลของสวรรค์และปฐพีได้เท่านั้นเนตรสวรรค์แห่งเต๋าถึงจะเคลื่อนไหว


หรือว่าที่เขาพูดจะทำลายกำแพงแห่งภูมิภาคนี่ในสักวันจะทำให้สมดุลของสวรรค์และปฐพีสั่นคลอน? เขามีศักยภาพเพียงพอที่จะทำเช่นนั้นได้อนาคต?


“เจ้าเมฆน่าเกลียด รีบๆไสหัวไปซะ หนิวไม่ชอบเจ้า!” ฮูหนิวกระโดดขึ้นมาบนหลังคาของรถม้า พร้อมกับเท้าเอวด้วยท่าทีขึงขัง


เนตรสวรรค์แห่งเต๋าจ้องมองมายังฮูหนิว ทันใดนั้นท่าทางของมันก็ราวกับรู้สึกหวั่นเกรง เมฆสีดำเริ่มจางหายพร้อมกับเนตรสวรรค์แห่งเต๋าที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย


ไม่น่าเชื่อ หรือว่ามันจะหวาดกลัวฮูหนิวจริงๆ?

 

 

 


ตอนที่ 544

 

ชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง

ฮูหนิวรู้สึกภูมิใจการกระทำของตัวเองมาก แม้นางจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นเพิ่งทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ลงไปก็ตาม แต่นางก็ภาคภูมิใจตัวเองตามภาษาเด็ก


แม้หลิงฮันจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่นั่นคือเนตรสวรรค์แห่งเต๋า!


ตามบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่า เนตรสวรรค์แห่งเต๋าคือผู้พิทักษ์สมดุลแห่งสวรรค์และปฐพี และยังสามารถควบคุมพลังของโลกได้อีกด้วย


เพราะการดำรงอยู่ของเนตรสวรรค์แห่งเต๋าในฐานะผู้พิทักษ์สมดุล แน่นอนว่ามันคือผู้ปกครองของโลกใบนี้และไม่มีใครสามารถเอาชนะกฎธรรมชาติได้


อย่างไรก็ตาม ตัวตนอย่างมันกลับถูกขับไล่โดยฮูหนิว!


หลิงฮันส่ายหัว มันไม่ได้จากไปเพราะถูกตำหนิ แต่ดูเหมือนมันจะจากไปเพราะรู้สึกหวาดกลัวมากกว่า


เด็กสาวตัวน้อยนี่น่ากลัวขนาดนั้นเชียว?


หลิงฮันรู้แค่ว่าภายในตันเทียนของนางมีบางอย่างที่คล้ายมนุษย์อยู่ แม้แต่สัมผัสสวรรค์ของเขาก็ไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้ แต่สัมผัสสวรรค์ของเขาเป็นของจอมยุทธระดับสวรรค์เท่านั้น หากเป็นระดับทลายมิติเขาอาจจะมองทะลุก็เป็นได้


แต่ฮูหนิวกลับข่มขู่ให้เนตรสวรรค์แห่งเต๋าให้จากไปได้ มันเป็นเพียงแค่รากฐานวิญญาณอย่างนั้นหรือ?


หลิงฮันรู้สึกกังวล ถ้ารากฐานวิญญาณของฮูหนิวกำลังหลับไหลอยู่ และถ้าวันหนึ่งมันตื่นขึ้นมาแล้วครอบงำร่างของฮูหนิวล่ะ? จิตวิญญาณของฮูหนิวจะต่อสู้กับมันได้หรือไม่?


“แปลกประหลาดอะไรขนาดนี้?” หยินหงอุทานออกมาด้วยความตกใจ นางรู้สึกหวาดกลัวมากถึงขั้นเผลอทรุดตัวนั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของนางดูซีดขาวพร้อมกับเม็ดเหงื่อ แรงกดดันของเนตรสวรรค์แห่งเต๋ารุนแรงกว่าตัวตนระดับพระเจ้า อย่างน้อยในทวีปฮงเทียน มันเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด


หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด มันคือเนตรสวรรค์แห่งเต๋า”


“เนตรสวรรค์แห่งเต๋า?” จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกแปลกใจ


“อาจเป็นเช่นนั้น” หลิงฮันไม่ค่อยแน่ใจนัก นั่นเป็นเพราะเนตรสวรรค์แห่งเต๋าเป็นดั่งตำนาน และบางทีมันอาจมีชื่ออื่นอยู่อีก


“เจ้ามันตัวซวยถึงกล้าไปยั่วยุเนตรสวรรค์แห่งเต๋า” หยินหงแทบจะเป็นบ้า นางไม่อยากเป็นต้นเหตุทำลายล้างมนุษยชาติ


หลิงฮันมองไปที่ใบหน้าของนางและพูดว่า “คนอย่างข้าพูดออกมาด้วยความซื่อสัตย์ ข้าคงไม่พูดเรื่องที่ทำไม่ได้ออกมา”


ดวงตาของหยินหงแดงเถือกด้วยความโกรธ


หลังจากนั้น ทุกคนไม่ได้พูดถึงเนตรสวรรค์แห่งเต๋าอีกต่อไป


พวกเขาเดินผ่านกำแพงแห่งภูมิภาค และเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างขึ้น แต่หลิงฮันไม่ได้รับผลกระทบ แล้วพวกเขาก็เข้าสู่ภูมิภาคกลางอย่างเป็นทางการ


“หืม!” หลิงฮันรู้สึกตกใจที่ภูมิภาคกลางมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาก้าวเข้ามา เขารู้สึกว่าพลังปราณในที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่นเล็กน้อย และดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรบางอย่างที่เอื้อต่อความก้าวหน้าในวิถียุทธ


ไม่แปลกที่ภูมิภาคกลางถึงมีแต่จอมยุทธที่แข็งแกร่ง


จากนั้นรถม้าได้มุ่งหน้าไปยังเมืองหมื่นสมบัติ มันไม่มีอันตรายเกิดขึ้นระหว่างทางเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะธงของตำหนักสมบัติวิญญาณที่ติดอยู่บนรถม้า โจรทั้งหลายจึงไม่กล้าลงมือ


มันแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตำหนักสมบัติวิญญาณแข็งแกร่งและน่าเกรงขามมากแค่ไหน แม้แต่รถม้ายังไม่กล้าที่จะลงมือปล้น


หลังจากผ่านไปเกือบเดือน ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหมื่นสมบัติ


ที่แห่งนี้คือสำนักงานใหญ่ของตำหนักสมบัติวิญญาณและสำนักงานใหญ่ของสมาคมนักปรุงยา ทั้งสองแห่งเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและมักพึ่งพากัน นั่นเป็นเพราะตำหนักสมบัติวิญญาณต้องการเม็ดยาระดับสูงของสมาคมนักปรุงยามาประมูล และสมาคมนักปรุงยาเองก็ต้องการให้ตำหนักสมบัติวิญญาณประมูลเม็ดยาของพวกเขาเพื่อผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงมีความใกล้ชิดกันมาก


ทั้งห้าคนลงจากรถม้าและด้วยนำทางของหยินหง นางได้พวกเขาไปหาที่พัก


ตำหนักสมบัติวิญญาณมีความสูงเจ็ดสิบฟุต ซึ่งทำให้ทุกคนต้องแหงนหน้ามอง และตำหนักสมบัติวิญญาณแห่งนี้ยังดูคล้ายกับพระราชวังที่น่าเกรงขามแสดงให้เห็นว่ามันเป็นสำนักงานใหญ่ของตำหนักสมบัติวิญญาณ


และนี่เป็นเพียงแค่ฉากหน้าของตำหนักสมบัติวิญญาณเท่านั้น สถานที่สำหรับงานประมูลที่อยู่ด้านหลังนั้นมีขนาดใหญ่โตกว่ามากราวกับจุคนได้นับไม่ถ้วน


ส่วนบันไดที่พาไปสู่ด้านบนปูด้วยหยกสีขาว ถ้ามองมันจากระยะไกล มันจะสะท้อนแสงราวกับก้อมเมฆที่ส่องประกายทำให้พระราชวังแห่งนี้ดูเหมือนเมฆและดูสง่างามมากยิ่งขึ้น


ด้วยการนำทางของหยินหง พวกเขาก้าวเดินขึ้นไป


แต่หลังจากเดินไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น พวกเขาได้เห็นใครบางคนเดินลงมา


มันเป็นเรื่องปกติที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แต่พลังปราณของคนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก และร่างกายของเขาส่องแสงออกมาราวกับเป็นบุตรของพระเจ้า


ทุกคนหยุดชะงักทันที แล้วจ้องมองขึ้นไปดูชายหนุ่มที่น่าทึ่งคนนั้น ซึ่งให้ความรู้สึกว่าต้องคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ


ชายหนุ่มคนนั้นมีร่างกายที่ผอม เส้นผมสีดำและมีผิวที่งดงามราวกับหยก และยังหล่อเหล่าอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงนับไม่ถ้วนต้องบ้าคลั่ง


ส่วนระดับพลังของเขานั้นอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า


หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ พลังปราณและระดับพลังของชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรรดา เขายังเยาว์วัยมากแต่กลับบรรลุระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้าแล้ว พรสวรรค์เช่นนี้น่าสะพรึงกลัวมาก


ชายหนุ่มคนนั้นก้าวเดินลงมาจากบันไดทีละขั้นทีละขั้น และพลังปราณที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกได้เพียงแค่หวาดความกลัวอันไร้ที่สิ้นสุด


เขาเดินผ่านกลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคนไป แต่หลังจากที่เดินผ่านไปได้เพียงแค่สองก้าว เขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหันและหันไปจ้องมองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนราวกับมองคนรัก


“นี่ เจ้ากำลังขวางทางข้าอยู่!” หลิงฮันตำหนิ


“ไปให้พ้น!” ชายหนุ่มคนนั้นรวมพลังปราณไว้ที่มือและตบไปที่ใบหน้าของหลิงฮัน


หลิงฮันเค้นเสียงออกมา เขาไม่มีเวลาที่จะชักดาบและฝ่ามือนั้นกำลังพุ่งเข้ามา ดังนั้นเขาจึงใช้กำปั้นคชสารคลั่งสงครามและมีภาพของมังกรเงินสิบเจ็ดร่างปรากฏออกมาและพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม


“อะไรกัน!” ชายหนุ่มรู้สึกตกใจ ดูเหมือนว่ามันจะประเมินความสามารถของหลิงฮันต่ำเกินไป แต่มันก็ไม่ได้สนใจมากนัก และพลังที่อยู่ในฝ่ามือขวาของมันก็รวดเร็วขึ้นอย่างฉับพลัน


ปัง!


ในความเป็นจริง กระบวนท่าของทั้งสองคนไม่ได้ปะทะกับร่างของหลิงฮัน แต่เป็นพลังก่อเกิดของพวกเขาทั้งสองคนที่ปะทะกัน และได้สร้างคลื่นกระแทกที่ทรงพลังขึ้นทำให้บันไดเกิดรอยร้าวทันที


ปัง ปัง ปัง หลิงฮันล่าถอยไปด้านหลังสิบเจ็ดก้าวและกลับมายืนมั่นคงอีกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 545

 

ซวนหยวนจื่อกวง

ในที่สุดชายหนุ่มคนนั้นก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา และจ้องมองไปที่หลิงฮันขณะพูดว่า “เจ้าสามารถต่อกรกับข้าได้? ไม่เลว จงบอกชื่อของเจ้ามา เจ้ามีคุณสมบัติที่จะให้ข้าต้องจดจำชื่อของเจ้าเอาไว้!”


“สมองของเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า?” หลิงฮันพูดออกมาอย่างเย็นชา ชายหนุ่มคนนี้คิดว่าตัวมันเองเหนือกว่าผู้ใด และทุกอย่างหมุนรอบตัวมันงั้นรึ?


“สามห้าว!” ชายหนุ่มคนนั้นโกรธและโจมตีอีกครั้ง ทันใดนั้น เปลวเพลิงที่มีรูปร่างคล้ายกับพยัคฆ์ยี่สิบสามตัวปรากฏออกมาและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน เปลวเพลิงพยัคฆ์แต่ละตัวนั้นเพียงพอที่จะสยบจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้าทั่วไปได้ ดังนั้นเปลวเพลิงพยัคฆ์ยี่สิบสามตัวจึงน่าสะพรึงกลัวมาก


พยัคฆ์อัคคียี่สิบสามตัว!


หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ แม้เขาจะสร้างปราณดาบได้สิบเก้าเล่ม แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสร้างได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม เขาเพียงแค่เค้นเสียงออกมาอย่างเย็นชาและปล่อยกำปั้นมังกรคชสารเงินสิบเจ็ดตัวออกไป


ปัง มังกรคชสารเงินและพยัคฆ์อัคคีปะทะกันและกัดกัน มันสามารถต่อสู้กับพยัคฆ์อัคคีได้สิบสามตัวเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพยัคฆ์อัคคีนั้นเหนือกว่า และพยัคฆ์อัคคีที่เหลืออีกสิบตัวยังคงพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


หลิงฮันใช้ทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจล่าถอย นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้และพูดว่า “รับอีกหมัดของข้าซะ!”


หลิงฮันปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาใส่เจตจำนงเข้าไปด้วย พลังของมังกรสิบเจ็ดตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่าและทำให้ชายหนุ่มคนนั้นต้องถอยร่น


“น่าสนใจดีนิ!” ชายหนุ่มสะบัดมือ และพยัคฆ์อัคคียี่สิบสามตัวปรากฏออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่งเสียงคำราม


ตู้ม!


ครั้งนี้ มังกรคชสารสิบเจ็ดตัวปะทะกับพยัคฆ์อัคคีได้สิบเจ็ดตัว ส่วนพยัคฆ์อัคคีที่เหลืออีกหกตัวยังคงพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


ไม่มีทาง ชายหนุ่มคนนี้มีความเข้าใจในวิถีวรยุทธมากกว่าหลิงฮัน เมื่อรวมกับระดับบ่มเพาะพลังที่เหนือกว่าหลิงฮัน ทำให้มันเป็นฝ่ายได้เปรียบ


ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายเองก็เป็นอัจฉริยะ และเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าอัจฉริยะทั่วไป


หลิงฮันตะโกนและใช้ทักษะเคลื่อนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าฝ่ายตรงข้าม เพื่อต่อสู้ระยะประชิด


“เจ้าต้องการต่อสู้ระยะประชิดกับข้า เจ้าไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน?” ชายหนุ่มแสยะยิ้มใส่หลิงฮันและความเร็วของมันรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


โดยปกติแล้วจอมยุทธจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระยะประชิดเพราะพวกเขาสามารถปล่อยพลังออกมาจากฝ่ามือได้ในพริบตา และจอมยุทธทุกคนต่างฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ดังนั้นร่างกายจึงไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก


เมื่ออยู่ในระยะโจมตีที่ไกลพอ จอมยุทธสามารถโจมตีผู้อื่นได้ในระยะไกลเพียงแค่ใช้ฝ่ามือหรือกวัดแกว่งดาบ


อย่างไรก็ตาม ฝีมือต่อสู้ระยะประชิดของฝ่ายตรงข้ามเองก็ยอดเยี่ยมมากไม่แพ้หลิงฮัน


นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเองก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งด้วยเช่นเดียวกัน


หลิงฮันส่งเสียงคำรามออกมาและต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด ปัง ปัง ปัง พวกเขาปะมือซึ่งหน้าทั้งยังรวดเร็วมาก โดยที่แต่ละฝ่ายไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมแต่อย่างใด


การต่อสู้ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายสู้กันได้อย่างสูสี


กายาของหลิงฮันแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย มันเป็นเพราะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และทักษะกายาเก้ามังกรทรราช แต่กายาของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งเท่าหลิงฮัน รวมถึงพละกำลังด้วย แต่เป็นเพราะพลังก่อเกิดของมันที่ทำให้ลบข้อด้อยนี้ได้


“ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้ามากเกินไป!” ชายหนุ่มคนนั้นกลายเป็นเย็นชาและดวงตาเผยให้เห็นถึงจิตสังหาร พรึบ พลังปราณที่สะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของมันและกลายเป็นดาบเพลิงหนึ่งพันเล่มพุ่งเข้าหาหลิงฮัน


แม้ร่างกายของหลิงฮันจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังคงถอยร่นเพื่อสร้างระยะห่าง


“ฮ่าฮ่าฮ่า อีกสิบลงหายใจเจ้าจะต้องคุกเข่าต่อหน้าข้า!” ชายหนุ่มหัวเราะและกระหน่ำปล่อยฝ่ามือ


หลิงฮันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถพลิกโฉมการต่อสู้ไม่ได้ นั่นเป็นเพราะดาบกำเนิดมารและทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มคือไพ่ลับของเขา ซึ่งที่แห่งนี้คือภูมิภาคกลาง หากเขาใช้ทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มออกมามันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปีศาจเฒ่าแห่งนิกายดาบสวรรค์ปรากฏตัวออกมา?


“หยุด!” เสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากด้านบนของพระราชวัง “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือสถานที่ใด?”


เสียงนั่นทั้งหนักแน่นและน่าเกรงขาม หลิงฮันและชายหนุ่มคนนั้นหยุดต่อสู้กันทันที หากไม่เชื่อฟังพวกเขาจะต้องได้รับบทเรียนอย่างแน่นอน


หลังจากนั้น ชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสยังคงจ้องมองไปที่หลิงฮันอย่างเย็นชาก่อนที่จะเลิกให้ความสนใจแล้วหันหน้าไปมองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพร้อมกับพูดว่า “ข้าคือซวนหยวนจื่อกวง ข้าอยากได้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า!”


เขาคือซวนหยวนจื่อกวง!


ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้


เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลิงฮันอย่างรวดเร็ว และแลบลิ้นใส่ซวนหยวนจื่อกวงเพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายน่ารำคาญ


หลิงฮันจ้องมองไปที่ซวนหยวนจื่อกวงด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ชายหนุ่มคนนี้ไม่รู้ว่านางเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ แม้ว่าตอนนี้นางจะความจำเสื่อม แต่เมื่อวันใดที่ความทรงจำของนางกลับมา อีกฝ่ายจะต้องลำบาก


เมื่อซวนหยวนจื่อกวงเห็นเช่นนั้น มันจึงหันไปมองหลิงฮันด้วยจิตสังหาร นางทำตัวใกล้ชิดกับหลิงฮันเกินไปหรือเปล่า? มันรู้สึกทนไม่ไหว และต้องการที่จะฆ่าหลิงฮันทิ้ง


“ออกไปให้พ้น เจ้าศพเดินได้” มันชี้นิ้วไปที่หลิงฮัน


หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มออกมาและพูดว่า “งั้นเจ้าคงต้องรอไปตลอดชีวิตข้าถึงจะออกไป!”


ซวนหยวนจื่อกวงไม่ได้คาดหวังอะไรกับหลิงฮัน มันเค้นเสียงออกมาและพูดว่า “แล้วเจ้าจะได้เห็นดีกัน!”


 

 

 


ตอนที่ 546

 

ตามหาหุบเขา

ซวนหยวนจื่อกวงหันหลังเดินจากไป แต่เมื่อเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงพึมพำของหลิงฮัน “งี่เง่า” ซวนหยวนจื่อกวงอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับมาและจ้องมองด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าพูดว่าอะไร?”


“โอ้ ก็พูดว่าเจ้างี่เง่าไง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะรู้จักชื่อของตนเองดีและรีบหันกลับมาแบบนี้” หลิงฮันยิ้ม


ซวนหยวนจื่อกวงกลายเป็นเกรี้ยวกราดในทันที โลหิตของเขาเดือดพล่านพร้อมกับหัวของเขาที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมากลายเป็นรูปร่างของมังกร นกอมตะและพยัคฆ์ขาวซึ่งแสดงให้เห็นว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดไหน


แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะไม่ด้อยกว่าจักรพรรดิดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เลย


“เมื่อใดที่เจ้าออกมาสถานที่นี้ ข้าจะสังหารเจ้า!” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างเย็นชาและหนักแน่น


“งี่เง่า เอาไว้เมื่อข้าอารมณ์ดีเดี๋ยวข้าจะเป็นคนไปเอาชีวิตของเจ้าเอง” หลิงฮันพูดอย่างเกียจคร้าน สำหรับตัวเขาที่ในชีวิตที่แล้วเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ รุ่นเยาว์ทุกคนในยุคสมัยนี้ไม่มีค่าพอจะมาเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา


ในความคิดของเขา คนที่เขาต้องการจะไล่ตามก็คือจักรพรรดิดาบ จักรพรรดิกระบี่ตะวันที่อาจจะทะลวงผ่านขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว


ซวนหยวนจื่อกวงไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับหลิงฮันต่อ มันเค้นเสียงดูถูกและสะบัดชายเสื้อเดินจากไป


ครั้งนี้หลิงฮันไม่ได้พึมพำอะไร


เขากำลังคิดว่าจะนำเส้นผมของซวนหยวนจื่อกวงเข้าไปใส่ในขวดหยกต้องสาปดีหรือไม่ เพียงแต่ว่าหากจอมยุทธได้บรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว เส้นผมของเขาจะไม่มีวันร่วงหล่นเองรวมถึงเล็บก็จะไม่ยาวด้วย


ดังนั้นการนำชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมาให้ได้จึงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก


ช่างมันเถอะ ก็แค่ระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า ตราบใดที่ขั้นพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย การจะสังหารอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก


“ไปกันเถอะ พวกเราต้องจัดเตรียมที่พักกันก่อน” หยินหงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยิ่งหลิงฮันกับซวนหยวนจื่อกวงมีความบาดหมางกันก็ยิ่งทำให้โอกาสที่หลิงฮันจะช่วยนางมีมากขึ้น


“เห็นข้ามีความบาดหมางแล้วต้องมีความสุขขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันหยอกล้อ


“ถ้านายหญิงคนนี้มีความสุขแล้วเจ้าจะทำไม?” หยินหงตบหน้าอก


ทั้งห้าคนเดินเข้าไปยังตำหนักสมบัติวิญญาณ เมื่อหยินหงบอกสถานะของตนไปก็ถูกต้อนรับให้ไปยังสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ด้านหลังคฤหาสน์หลัก เพราะว่าภูมิภาคเหนือคือภูมิภาคที่ระดับของเหล่าจอมยุทธอ่อนแอที่สุด ตำหนักสมบัติวิญญาณของภูมิภาคเหนือจึงมีสถานะต่ำสุดไปด้วย อำนาจของนางในที่นี้จึงมีไม่มากนัก


“เหอะ รอก่อนเถอะ ถ้านายหญิงคนนี้ได้อันดับหนึ่งของการแข่งขัน ใครกันจะกล้าดูถูกข้าอีก!” นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“พี่ชายฮัน ซวนหยวนจื่อกวงผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ท่านไม่ควรประมาท” จูเสวียนเอ๋อพูดกับหลิงฮันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน


หลิงฮันพยักหน้าและพูด “วางใจได้ ข้าไม่กลัวผู้ใดทังนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้ดูถูกผู้ใดเช่นกัน แม้ตอนนี้พลังของหมอนั่นจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ถ้าหากคาดหวังว่าจะสังหารข้าได้ก็ฝันไปเถอะ”


ด้วยไพ่ลับต่างๆของเขา หลิงฮันจึงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก


“จริงสิ ข้าขอถามอะไรเจ้าสักหน่อย” หลิงฮันพูดกับหยินหง “เจ้ารู้จักหุบเขาไร้ขอบเขตรึไม่?”


“หุบเขาอะไรนะ?” หยินหงสับสน


“หุบเขาไร้ขอบเขต!”


“นายหญิงผู้นี้อาศัยอยู่ในภูมิภาคกลางเพียงไม่กี่ปี แถมอาณาเขตของภูมิภาคกลางยังกว้างใหญ่ไพศาลอีกด้วย สำหรับตำแหน่งของหุบเขาไร้ขอบเขตนั้นข้าจะไปถามใครสักคนให้เอง” หยินหงเดินจากไป ผ่านไปสักพักนางก็ยังไม่กลับมา “เด็กไม่ดี นี่เจ้ากลั่นแกล้งนายหญิงผู้นี้รึ? ข้าไปถามคนมาหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของหุบเขาที่ว่ามาก่อนเลย”


คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน กาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ชื่อของสถานที่ต่างๆเปลี่ยนแปลง ปัญหาก็คือในภูมิภาคกลางที่กว้างใหญ่นี้ เขาจะหาหุบเขาที่เป็นเป้าหมายเจอได้อย่างไร?


“เดี๋ยวเถอะ นายหญิงกำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ ช่วยสนใจข้าหน่อยได้รึไม่?” หยินหงถามด้วยสีหน้าอับอาย


“นิสัยขี้น้อยใจแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้แต่งงานหรอก!” หลิงฮันกล่าวเตือน


“เหอะ นายหญิงผู้นี้ไม่แต่งงานกับใครง่ายๆหรอก!” หยินหงเค้นเสียง “เจ้าพักผ่อนไปก่อน พยายามอย่าไปมีเรื่องกับซวนหยวนจื่อกวงล่ะ เห้อ…การที่สาขาภูมิภาคใต้เชิญสัตว์ประหลาดเช่นนั้นมา ดูเหมือนการแข่งขันประลองยุทธจะหวังอะไรมากไม่ได้แล้ว”


หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้ามีวิธี”


“วิธีแบบใด” หยินหงถาม


“เจ้าต้องหาทางนำเส้นผมของซวนหยวนจื่อกวงมาให้ได้ ข้าจะใช้เส้นผมนั่นทำการสาปแช่งจนเขาไร้เรี่ยวแรงและต้องพ่ายแพ้ต่อเสวียนเอ๋อ” หลิงฮันยิ้ม


“พอเลย!” หยินหงมีสีหน้าโมโห เด็กหนุ่มคนนี้ล้อนางเล่นอีกแล้ว “นายหญิงผู้นี้จะพักผ่อนเสียหน่อย ยังเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนก่อนการแข่งขัน อย่าทำอะไรให้ร่างกายบาดเจ็บล่ะ”


‘พรึบ’


หลังจากหยินหงจากไป สตรีอีกสามคนก็แยกย้ายกันไปห้องของตนเอง


หลิงฮันนั่งลงและครุ่นคิดว่าจะหาหุบเขาไร้ขอบเขตอย่างไรดี


เขาเคยได้ยืนชื่อของหุบเขาไร้ขอบเขตมาก่อนในชีวิตที่แล้ว แต่เขาไม่เคยไปที่นั่นสักครั้ง เขารู้เพียงแค่ว่ามันอยู่ที่ไหนสักแห่งในภูมิภาคกลางเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเจาะจงพื้นที่ได้และค่อยๆค้นหาไปเรื่อยๆ


ห้องที่พักของตำหนักสมบัติวิญญาณค่อนข้างหรูหราทีเดียว แถมภายในห้องยังมีแผนที่ของภูมิภาคกลางวางเอาไว้ เพียงแค่มันไม่ใช่แผนที่ที่ละเอียดอะไรนัก มันทำสัญลักษณ์เอาไว้เพียงแค่พื้นที่ใหญ่ๆ เมืองเล็กๆบางเมืองหรือภูเขาบางแห่งยังไม่มีชื่อเขียนเอาไว้ด้วยซ้ำ


หลิงฮันพยายามจดจำข้อมูลในแผนที่และเปรียบเทียบกับความทรงจำในชีวิตที่แล้ว นิ้วของเขาชี้ไปยังแผนที่และพึมพำออกมา “ที่นี่คือแคว้นบุปผาลอยล่อง!”


อาณาเขตของภูมิภาคหลางกว้างใหญ่เกินไป ในภูมิภาคนี้มีแคว้นทั้งหมดสามสิบหกแคว้นและแคว้นบุปผาลอยล่องก็คือหนึ่งในนั้น เพียงแม้จะมีแคว้นมากมายถึงสามสิบหกแคว้น แต่แคว้นบุปผาลอยล่องก็ยังกว้างใหญ่กว่าดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวอยู่ดี


การจะค้นหาหุบเขาใดหุบเขาหนึ่งช่างเป็นเรื่องที่ลำบากยิ่งนัก!


ข้าหวังว่าในแคว้นบุปผาลอยล่องจะมีหุบเขาไม่มาก


ด้วยแผนที่เช่นนี้เขาไม่สามารถรู้ถึงภูมิประเทศของแคว้นต่างๆได้ละเอียดนัก หลิงฮันเรียกคนรับใช้มาเพื่อวานให้ไปซื้อแผนที่ของแคว้นบุปผาลอยล่อง ตำหนักสมบัติวิญญาณเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีทุกอย่าง ตราบใดที่มีเงินแม้ไม่ต้องออกไปก็สามารถหาซื้อของที่ต้องการได้


ผ่านไปไม่นานคนรับใช้ก็กลับมาพร้อมกับบอกว่าแผนที่นั้นมีทั้งหมดสามระดับ แผนที่ระดับธรรมดาสามารถซื้อได้ขอแค่มีเหรียญเงิน แผนที่ระดับกลางนั้นต้องใช้ผลึกก่อเกิดหนึ่งดาวในการแลกเปลี่ยน ส่วนแผนที่ระดับสูงนั้นต้องใช้ผลึกก่อเกิดสองดาวสิบก้อน


หลิงฮันคิดในใจว่าตำหนักสมบัติวิญญาณช่างหัวการค้ายิ่งนัก เขารีบส่งผลึกก่อเกิดสองดาวสิบก้อนให้คนรับใช้ไปซื้อแผนที่มา


ผ่านไปสักพักแผนที่ก็ถูกนำมา


แผนที่ที่ต้องใช้ผลึกก่อเกิดสองดาวสิบก้อนในการแลกเปลี่ยนแน่นอนว่าย่อมหรูหรา วัตถุดิบที่ใช้ทำแผนที่คือกระดองของเต่ามังกรชิงหลง


เต่ามังกรชิงหลงไม่ใช่สัตว์อสูรระดับสูง แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือความสามารถเฉพาะตัวของมัน กระดองของมันสามารถขยายใหญ่ได้ถึงหนึ่งร้อยเมตรและยังสามารถย่อขนาดให้เล็กได้เหลือเท่าฝ่ามือ


เพราะอย่างนี้เต่ามังกรชิงหลงจึงถูกล่าจนจำนวนของพวกมันแทบจะสูญพันธุ์


หลิงฮันเดินไปลานที่พักและยกมือขึ้น ทันใดนั้นกระดองเต่าขนาดเล็กในมือของเขาก็ขยายใหญ่พร้อมกับแสดงภาพภูเขาและแม้น้ำลำธารให้เห็น

 

 

 


ตอนที่ 547

 

ห้ามังกรสองนกอมตะ

จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งข้อความเอาไว้ในสถานที่ที่อันตรายที่สุด นางกล่าวว่าความลับทุกอย่างถูกซ่อนเอาไว้ในตำหนักสันตินิรันดร์ที่ตั้งอยู่ ณ หุบเขาไร้ขอบเขต หลิงฮันสงสัยเป็นอย่างมากว่าอะไรคือความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้ถึงหนึ่งหมื่นปี


ความลับนี้ถึงขนาดทำให้นางต่อต้านตัวตนระดับทลายมิติของเผ่าตนเอง แถมยังสละชีวิตเพื่อทิ้งความลับนี้ไว้


ในเมื่อเขามาถึงภูมิภาคกลางแล้ว ก็ได้เวลาตามหาความลับที่จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งเอาไว้ให้เสียที


กระดองขยายขนาดกว้างออกไปหนึ่งร้อยเมตร ซึ่งทำให้มีน้ำถึงหนึ่งพันปอนด์ แต่ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของหลิงฮัน เขาสามารถยกมันง่ายๆด้วยมือข้างเดียวโดยไม่ใช้ปราณก่อเกิด เขาจ้องมองไปยังแผนที่และพยายามค้นหาภูเขาหรือแม่น้ำที่คุ้นเคยจากความทรงจำ


“มีมากมายกว่ายี่สิบแห่ง” หลิงฮันส่ายหัว มีภูเขาจำนวนมากถึงยี่สิบเก้าเขาที่ตรงตามความทรงจำในชีวิตก่อน เพราะอย่างไรเขาก็แค่เคยได้ยินสภาพภูมิประเทศของหุบเขาไร้ขอบเขตมาเท่านั้นแต่ไม่เคยได้เดินทางไปเองเลยสักครั้ง


“จะไปสำรวจตอนนี้เลยหรือรอให้จบการแข่งขันก่อนดี?” หลิงฮันครุ่นคิด “การค้นหาตำหนักสันตินิรันดร์ในหุบเขาไร้ขอบเขตไม่ได้ใช้เวลาวันหรือสองวัน ในเมื่อให้สัญญากับคนอื่นเอาไว้แล้วก็ไม่อาจกลับคำ”


“แต่ข้าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่ภายในตำหนักสมบัติวิญญาณจริงๆรึ?”


“จริงสิ หยินหงกล่าวเอาไว้มีผู้คนจำนวนมากเพิ่งกลับออกมาจากโบราณสถาน ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะต้องการนำสมบัติที่ตนเองไม่ได้ใช้ออกมาประมูล ข้าลองไปถามช่วงเวลาวันจัดงานประมูลก่อนแล้วกัน”


ช่างบังเอิญเป็นอย่างมาก งานประมูลจะจัดขึ้นในเย็นวันนี้ แถมยังเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนอีกด้วย ส่วนในเดือนถัดไปนั้นจะเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบปี ซึ่งจะยิ่งใหญ่และอลังการมาก เห็นบอกว่าแม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและระดับสวรรค์ก็จะเข้าร่วม


แต่งานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนนั้นจำเป็นต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าร่วมได้ หลิงฮันได้ไปหาหยินหงเพื่อถามหาบัตรเชิญ เขาคิดว่าสถานะของหยินหงในตำหนักสมบัติวิญญาณนั้นจะต้องไม่ต่ำต้อย แค่บัตรเชิญคงจะไม่มีปัญหา


แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น


หยินหงกลับมาด้วยมือเปล่า


“น่าโมโหมาก!” ใบหน้าของหยินหงเต็มไปด้วยความโกรธ “นังหยินฉีที่น่ารังเกียจนั่น ที่นายหญิงผู้นี้ไม่ได้บัตรเชิญมาเป็นเพราะนาง!”


หลิงฮันขมวดคิ้วและถาม “ไม่ได้งั้นรึ?”


หยินหงนั่งลงและพูดอย่างไม่เต็มไป “นางขัดขวางข้าไม่ยอมให้ข้าได้รับบัตรเชิญ”


“นางมีความขัดแย้งกับเจ้า?” หลิงฮันถาม


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” หยิงหงครุ่นคิดชั่วขณะ “นางแค่อิจฉาข้าที่ข้ามีหน้าอกใหญ่กว่า!”


“ฮ่าๆๆ” หลิงฮันไม่เชื่อ


“ที่จริงนางเป็นบุตรสาวของท่านลุงของข้า และท่านลุงกับข้า… ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่” นางบอกความจริง


หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา ที่แท้ก็ปัญหาภายในตระกูลนี่เอง


“ข้าจะคิดหาทางอื่นนำบัตรเชิญมาให้เจ้า” หยินหงพูดอีกครั้ง


หลิงฮันส่ายหัว “ข้าจะใช้วิธีของตัวเอง”


“ด้วยตัวเจ้าเอง? ตอนนี้เจ้าจะทำอะไรได้?” หยินหงถาม


หลิงฮันยิ้มและพูด “อย่าลืมสถานะที่แท้จริงของข้า”


หยินหงตกตะลึงและพูดออกไป “เจ้าแน่ใจว่าจะทำอะไรเสี่ยงๆแบบนั้น?”


“ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตภายนอกที่ไร้ผู้คน ความเสี่ยงจึงลดลงมา” หลิงฮันหัวเราะ เขาตัดสินใจจะใช้โฉมหน้าที่แท้จริงปรากฏตัว ด้วยสถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ เขาจะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูลรึ? ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรในงานประมูล ทุกคนก็จะจำเขาในฐานะหลิงฮันไม่ใช่’ฮันหลิง’


เมื่องานประมูลจบลง หลิงฮันจะหายตัวไปและปรากฏตัวด้วยฐานะของฮันหลิงแทน เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็ปลอดภัย!


เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น หลิงฮันได้นำวัตถุดิบจากหอคอยทมิฬออกมาแจกจ่ายให้กับหญิงสาวทุกคน แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความสุขที่ได้กินอาหารจากวัตถุดิบเหล่านั้น โดยเฉพาะเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกับหยินหง พวกนางกินกันมูมมามจนเสียภาพลักษณ์อันงดงามไปหมด


“มอบอาหารเหล่านี้ให้ข้าทุกวันแล้วนายหญิงคนนี้จะเป็นของเจ้า” หยินหงกล่าว


แน่นอนว่าหลิงฮันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเดินออกไปจากตำหนักสมบัติวิญญาณและลบการแปลงโฉมออกกลับไปเป็นหน้าตาปกติพร้อมกับเดินกลับเข้ามายังตำหนักสมบัติวิญญาณอีกครั้ง


“แขกผู้มีเกียรติ งานประมูลในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อแขกพิเศษเท่านั้น” เมื่อกำลังเดินขึ้นบันไดเขาก็ถูกห้ามเอาไว้


หลิงฮันแสดงสถานะที่แท้จริงออกไป “ข้าคือหลิงฮัน หรือว่าแม้แต่นักปรุงยาระดับสวรรค์ก็ยังไม่นับว่าเป็นแขกพิเศษ?”


“อะไรกัน!” ชายคนนั้นตกตะลึงกับคำว่า ‘นักปรุงยาระดับสวรรค์’ หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะเขาก็รีบกล่าวออกมา “ได้โปรดรอสักครู่ ข้ารับใช้ผู้ต่ำต่อยคนนี้จะไปนำเรื่องนี้ไปรายงานทันที”


ชายคนนั้นเดินหายไปอย่างเร่งรีบ โดยมีคนอื่นมาทำหน้าที่รับรองแขกแทน


เวลานี้คือเวลาที่การประมูลกำลังจะเริ่ม ผู้คนที่ผ่านเข้ามามากมาย มีทั้งจอมยุทธวัยกลางคนที่ทรงพลัง จอมยุทธชราที่มีกลิ่นอายล้ำลึก จอมยุทธรุ่นเยาว์ที่เลือดร้อน


แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีบัตรเชิญ


คนที่เดินผ่านมาย่อมมองเห็นหลิงฮันที่หยุดอยู่ตรงทางเข้างาน บางคนถึงกับแสดงสีหน้าเหยียดหยามดูถูกออกมา ไม่มีบัตรเชิญแต่ยังคิดจะเข้าร่วมงานประมูล? ช่างน่าด้านจริงๆ!


“เจ้าหนู ทำไมไม่คุกเข่าอ้อนวอนข้าดูล่ะ บางทีข้าอาจจะพาเจ้าเข้าไปข้างในก็ได้” แน่นอนว่าย่อมมีพวกปากผล่อย ถึงแม้หลิงฮันจะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แต่ในภูมิภาคกลางแห่งนี้ ระดับบุปผาผลิบานไม่นับว่าแข็งแกร่งอะไร


หลิงฮันจ้องมองไปยังต้นเสียงอย่างเย็นชาและพูด “ปากที่เน่าเสียแบบนั้น ไม่กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลบ้างรึ?”


คนที่พูดคือรุ่นเยาว์อายุยี่สิบปี พลังบ่มเพาะของมันคือระดับห้วงจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ท่าทีของมันกลับหยิ่งยโสเหลือเกิน


“เจ้าหนู เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าคือใคร?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “แซ่ของข้าคือซุน”


“โอ้ ซุนงั้นรึ” หลิงฮันพยักหน้า


“บัดซบ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด


“ซุนฉ่าว อย่าไปสนใจ มันก็แค่เด็กบ้านนอกเท่านั้น! ที่นี่คือตำหนักสมบัติวิญญาณ ไม่ใช่สถานที่ที่จะสร้างปัญหาได้ง่ายๆ” ใครบางคนกล่าวเตือนรุ่นเยาว์คนนั้น


รุ่นเยาว์ผู้นั้นเค้นเสียงดูถูกและจ้องมายังหลิงฮัน “โชคดีไปนะ ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า!”


หลิงฮันส่ายหัว ด้วยสถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ของเขา แค่เม็ดปลวกตัวสองตัวทำไมจะต้องหวาดกลัว?


“ห้ามังกรสองนกอมตะมาที่นี่!”


“จริงรึ!”


“ช่างสง่างามยิ่งนัก!”


ทันใดนั้นผู้คนก็เริ่มส่งเสียงเอะอะและจ้องมองไปยังด้านหลัง คนเจ็ดคนกำลังใกล้เข้ามาอย่างองอาจ ห้าคนเป็นบุรุษส่วนอีกสองคนเป็นสตรี แต่ละคนดูมีอายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นห้ามังกรสองนกอมตะในหมู่จอมยุทธ ทั้งเจ็ดคนมีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบาน!


ในภูมิภาคกลางมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอายุต่ำกว่าสามสิบปีมากมาย แต่ที่นี่คือเมืองหมื่นสมบัติไม่ใช่นิกายดาบสวรรค์หรือนิกายนกอมตะเมฆาสวรรค์ จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าทั้งเจ็ดคนมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งแค่ไหน


ห้ามังกรสองนกอมตะ ทั้งเจ็ดคนคือรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองหมื่นสมบัติ ถ้าไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะที่มากพอ อัจฉริยะทั่วไปก็ไม่สามารถบรรลุระดับบุปผาผลิบานก่อนอายุสามสิบได้


ทั้งเจ็ดคนดูสูงส่งและสง่างาม พวกเขาเดินผ่านผู้คนไปอย่างมั่นใจ


“หืม?” มังกรคนหนึ่งสังเกตเห็นหลิงฮันและแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีระดับบุปผาผลิบานที่เยาว์วัยขนาดนี้! ฮ่าๆๆ เจ้าหนู มาเป็นผู้ติดตามข้าซะ”

 

 

 


ตอนที่ 548

 

เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอ?

“ว่าไงนะ เจี่ยชางต้องการรับเจ้าหนูนี่เป็นผู้ติดตาม?”


“เจ้าเด็กนี้ได้รับโอกาสเข้าประตูมังกรแล้ว!”


“บิดาของเจี่ยชางคือผู้ช่วยที่อายุน้อยที่สุดของปรมาจารย์คัง ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งการปรุงยาสูงมาก ความสำเร็จในอนาคตย่อมไร้ขีดจำกีด!”


“ปรมาจารย์คังคนไหน?”


“ฮ่าๆๆ ในเมืองหมื่นสมบัติแห่งนี้จะมีผู้ใดอื่นกล้าเรียกตัวเองว่าปรมาจารย์คัง?”


“หรือว่าจะเป็นปรมาจารย์คังสื่อฉีนักปรุงยาระดับสวรรค์”


“ถูกต้อง!”


ทุกคนอุทานด้วยความตกตะลึง ผู้คนมากมายมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาอิจฉา หากกลายเป็นผู้ติดตามเจี่ยชางก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรเม็ดยาอีกต่อไป มีผู้คนมากมายต้องการเป็นผู้ติดตามของเจี่ยชางแต่เจี่ยชางกลับไม่เหลียวมองพวกเขาเลย


แม้แต่รุ่นเยาว์ที่ทำตัวหยิ่งยโสกับหลิงฮันเมื่อครู่ก็ยังรู้สึกอิจฉา แม้ชีวิตของมันจะมั่งคั่งแต่ก็ไม่อาจเทียบกับเจี่ยชางได้ แม้จะต้องกลายเป็นสุนัขที่ติดตามมังกรมันก็ยินยอม


ทุกคนมองมายังหลิงฮันเพื่อรอดูว่าหลิงฮันจะตอบกลับไปอย่างไร


หลิงฮันจ้องมองเจี่ยชางและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแน่ใจว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะให้ข้าติดตาม?”


“ฮ่าๆๆๆ!” เจี่ยชางหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าสามารถบรรลุระดับบุปาผลิบานได้โดยอายุยังน้อยแบบนั้น นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลังจากระดับบุปผาผลิบานเป็นต้นไปพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก สิ่งที่จำเป็นคือเม็ดยาระดับสูง”


“บิดาของข้ามีความเกี่ยวกับข้องกับนักปรุงยาระดับสวรรค์ เจ้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติเพียงพอให้เจ้าติดตามรึไม่?”


สิ่งที่เจี่ยชางพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย ก่อนหน้าระดับบุปผาผลิบาน เม็ดยาส่วนใหญ่จะใช้สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น แต่หลังจากระดับบุปผาผลิบานเป็นต้นไป เม็ดยาจะช่วยในเรื่องการบ่มเพาะพลังอย่างขาดไม่ได้


การทำความเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีเป็นเรื่องยาก แต่นักปรุงยาระดับสูงมาสามารถชักนำให้เต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีเข้ามาอยู่ในเม็ดยาได้ การซึมซับเม็ดยาเหล่านั้นจอมยุทธจะสามารถเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีได้ง่ายขึ้น


หลิงฮันหัวเราะและพูด “เจ้าบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้ด้วยอายุที่ต่ำกว่าสามสิบปีนับว่าพอมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นผู้ติดตามก็แล้วกัน”


‘พรวด!’


ทุกคนสำลักออกมา เจ้าหนูนี้บ้าไปแล้ว คิดจะนำเจี่ยชาง หนึ่งในห้ามังกรไปเป็นผู้ติดตามงั้นรึ? อะไรทำให้เขามีความมั่นใจขนาดนั้น!


เจี่ยชางชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้จากหลิงฮัน


“ฮ่าๆๆ เจี่ยชาง เจ้าโดนดูถูกเสียแล้ว?” ใครบางคนในหมู่ห้ามังกรหัวเราะ


“อีกฝ่ายคือจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอายุน้อยกว่ายี่สิบปี ไม่ใช่ว่าเขามีศักยภาพมากกว่าเจ้ารึไง?” ใครบางคนกลัวว่าโลกจะสงบสุขเกินไปและพูดยั่วยุขึ้นมา


เจี่ยชางชักสีหน้าและพูด “แค่ระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง ข้าสามารถจัดการได้เพียงใช้แค่มือเดียว”


“เจี่ยชาง เจ้าเองก็มีพลังระดับบุปผาผลิบานขั้นสองเหมือนกันไม่ใช่รึไง” ใครบางคนพูดหักหน้า


“เหอะ แม้ขั้นพลังจะเหมือนกัน แต่พลังต่อสู้ของข้าห่างไกลกับอีกฝ่ายหลายแสนไมล์ พลังต่อสู้ของข้าคือเจ็ดดาว!” เจี่ยชางพูดอย่างภาคภูมิใจ


การสามารถก้าวข้ามพลังต่อสู้ห้าดาวในระดับบุปผาผลิบานได้นับว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก แค่มีพลังต่อสู้สองดาวก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว ส่วนห้าดาวนั้นคือสุดยอดอัจฉริยะ


“พอได้แล้ว!” หนึ่งในสองนกอมตะกล่าว นางคือสาวงามที่สวมชุดคลุมเขียว ใบหน้าของนางงดงามอย่างมาก ไม่ด้อยไปกว่าหลิวอู๋ตงกับหลีซื่อฉางเลย นางคือเทพธิดาที่น่าดึงดูด “งานประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว รีบเข้าไปกันเถอะ”


“เห็นแก่แม่นางหลี่ ข้าจะยกโทษให้เจ้าสักครั้ง” เจี่ยชางเค้นเสียง


หญิงสาวชุดแดงที่งดงามอีกคนมองไปยังหลิงฮันและพูด “ดูจากที่เจ้ายืนอยู่ที่นี่ เจ้าคงจะไม่มีบัตรเชิญสินะ มาเข้าไปพร้อมกับพวกเราเป็นไง? ยังไงห้องข้างในก็ใหญ่อยู่แล้ว มีคนมานั่งเพิ่มอีกคนนึงย่อมไม่ใช่ปัญหา”


หลิงฮันหัวเราะและพูด “ขอบคุณสำหรับคำเชิญ แต่ว่าข้าเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติ ข้าย่อมไม่ต้องการนั่งใกล้ชิดกับพวกหมาแมว เพราะงั้นคงต้องขอปฏิเสธ” หลิงฮันพูดเอ่ยคำดูถูกโดยสายตาจ้องไปยังเจี่ยชาง


เขาเปรียบเจี่ยชางเป็นดั่งสัตว์เลี้ยง


ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เจี่ยชางที่รู้สึกโมโห แต่อีกหกคนที่เหลือก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน พวกเขามากับเจี่ยชาง นั่นก็หมายความว่าพวกเขาก็เป็นหมาแมวด้วย?


“เจ้าหนู เจ้าเคยล้างปากตัวเองบ้างรึเปล่า?” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา


“โอ้?” หลิงฮันไม่แยแส “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการนำข้าไปเป็นผู้ติดตามหรอกรึ? เอาเถอะ วันนี้เข้าอารมณ์ดี ข้าจะรับพวกเจ้าทั้งหมดเป็นผู้ติดตามเลยแล้วกัน”


“ช่างอวดดี!” ห้ามังกรพูดออกมาพร้อมกับ เจ้าหนูนี่บ้าไปแล้ว? ในหมู่พวกเขาใครบ้างที่ไม่มีอำนาจ? เจ้าหนูนี่หาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว


หลิงฮันเค้นเสียงดูถูก “ไม่พอใจ? ถ้างั้นก่อนจะเปิดปากพูดอะไรก็คิดให้ดีเสียก่อน คนบางคนไม่ใช่ตัวตนที่พวกเจ้าจะไปล่วงเกินได้”


บ้า! บ้าไปแล้ว!


ต่อหน้าห้ามังกรสองนกอมตะเจ้าก็ยังบอกว่าพวกเขามีคนที่ไม่อาจล่วงเกินได้! เจ้ารู้รึเปล่าว่าทั้งเจ็ดคนนี้เป็นตัวแทนของขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองหมื่นสมบัติ


หลิงฮันน่าจะอายุไม่เกินยี่สิบปี รุ่นเยาว์อายุน้อยแบบนี้ไม่นับว่าเป็นอะไรได้ เขายังห่างไกลที่จะนำไปเทียบกับห้ามังกรสองนกอมตะ ถ้าเช่นนั้นแล้วเขาไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?


คำเดียวที่ใช้อธิบายหลิงฮันได้ก็คือ ‘บ้า’


“หรือว่าเป็นเพราะพวกเราเจ็ดคนไม่ได้ปรากฏตัวออกมานาน ใครบางคนถึงได้ลืมอำนาจของพวกเราไปแล้ว?” หนึ่งในเจ็ดคนพูด ชื่อของเขาคือล่ายฉิงหยุน หนึ่งในห้ามังกร ผู้เฒ่าของตระกูลเขาคือตัวตนระดับก้าวสู่เทวะ แม้จะอ่อนด้อยกว่าคนอื่นๆทั้งเจ็ดคน แต่พรสวรรค์ในศาสตร์แห่งวรยุทธของเขาสูงส่งเป็นอย่างมาก เพราะงั้นจึงได้รับฉายาห้ามังกร


หญิงสาวชุดเขียวขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ย “ก็แค่คนบ้าเท่านั้น” ชื่อของนางคือ หลี่เฟ้ยหยิน ตระกูลหลี่คือตระกูลใหญ่ที่มีรากฐานมาเป็นระยะเวลายาวนานของเมืองหมื่นสมบัติ ผู้พิทักษ์ของตระกูลหลี่คืออสูรเฒ่าระดับสวรรค์


หญิงสาวชุดเขียวเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ชอบความวุ่นวายมากที่สุด นางพูดยั่วยุหลี่เฟ้ยหยิน “พี่สาวหยิน เจ้าหนูนี่ช่างอวดดียิ่งนัก แสดงอำนาจของท่านให้เขาเห็นหน่อยเป็นอย่างไร”


ชื่อของนางคือติงป่านเชียง ตระกูลของนางมีผู้พิทักษ์ระดับสวรรค์เช่นกัน


ทั้งเจ็ดคนจ้องมองไปยังหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงออกมา


หลิงฮันไม่สะท้าน แม้คนเหล่านี้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังห่างไกลกับซวนหยวนจื่อกวง หลางหวู่ซินและเฟยหง คิดจะทำให้เขาหวาดกลัวงั้นรึ? ฝันไปเถอะ


“พวกเจ้าต้องการเล่นจ้องตา?” หลิงฮันยิ้ม


เจ้าหนูนี้ต้องบ้าแล้วแน่ๆ ขนาดเวลาเช่นนี้ยังหยอกล้อทั้งเจ็ดคนอีก


“เจ้าหนู เอ่ยชื่อของเจ้ามา!” เจี่ยชางคำราม


“อะไรกัน เจ้าต้องการจะทุบตีข้า?” หลิงฮันแสร้งทำเป็นตกตะลึง


“คนปากเสียก็ย่อมสมควรได้รับบทเรียน!” ล่ายฉิงหยุนพูดอย่างเย็นชา

 

 

 


ตอนที่ 549

 

ปรมาจารย์หลิง

พวกเขาไม่เกรงกลัว ที่นี่เป็นเพียงประตูทางเข้าเท่านั้น หากมีเรื่องวุ่นวายตำหนักสมบัติวิญญาณคงต้องไว้หน้าพวกเขาบ้าง


ใบหน้าของพวกเต็มไปด้วยความมั่นใจ


ห้ามังกรจ้องเขม็งมายังหลิงฮัน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา รุ่นเยาว์ผู้นี้อายุยังน้อยแต่ความสำเร็จกลับไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย เรื่องนี้ทำให้ทั้งห้าคนรู้สึกไม่พอใจ


หลิงฮันนำมือทั้งสองข้างพาดหลังและยิ้ม “จะเริ่มลงมือแล้ว? พวกเจ้าควรจะคิดให้ดีๆ ถ้าหากจะมาขอความเมตตาจากข้าทีหลังก็ต้องดูอารมณ์ข้าก่อน”


“ฮ่าๆๆๆ!” ห้ามังกรแสยะยิ้ม รุ่นเยาว์ผู้นี้สะกดคำว่าตายไม่เป็นรึไง?


ผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน พวกเขาเคยเห็นคนอวดดีมามากมาย แต่คนที่บ้าบิ่นขนาดหลิงฮัน พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก


“ช่างไม่รู้จักเจียมตัว!” เจี่ยชางพุ่งออกไป พวกเขาเป็นห้ามังกรที่มีเกียรติ จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ร่วมมือกันเพื่อจัดการศัตรูคนเดียว


แต่แค่พลังของเจี่ยชางก็ถือว่าน่าสะพรึงกลัวแล้ว หนึ่งมือของเขาปรากฏรูปแบบเจตจำนงควบแน่นกลายเป็นแสงสีทองที่มีรูปร่างเหมือนกับกรงเล็บมังกร


หลิงฮันยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไร้การตอบโต้


ทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน แค่กรงเล็บของเจี่ยชางก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว


กรงเล็บมังกรโจมตีออกไป แรงกดดันที่รุนแรงของมันสามารถทำให้ผิวหนังของระบุปผาผลิบานที่อ่อนฉีกขาดได้เลย


ในที่สุดหลิงฮันก็ลงมือ เขายกเท้าขึ้นอย่างลวกๆและถีบใส่เจี่ยชาง


จังหวะในการถีบของหลิงฮันสวยงามเป็นอย่างมาก เจี่ยชางนั้นเอาแต่มุ่งความสนใจไปกับการโจมตีใส่หลิงฮันโดยไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีตอบโต้ ดังนั้นพอเจี่ยชางรู้สึกตัวอีกที ฝ่าเท้าก็ใกล้เข้ามาตรงบริเวณใบหน้าของเขาเสียแล้ว


ใครจะไปยอมเสียเกรียติอย่างเช่นการถูกถีบหน้า? ดังนั้นก่อนที่กรงเล็บของเจี่ยชางจะปะทะเข้ากับร่างหลิงฮัน เจี่ยชางก็เลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบฝ่าเท้าแทน


แต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนใบหน้า เมื่อนำมือไปแตะถึงได้รู้ว่าบนใบหน้าของเขามีโลหิตไหลออกมา


แม้จะหลบลูกถีบของหลิงฮันได้พ้น แต่ลูกถีบของหลิงฮันก็ทำให้เกิดคลื่นลมที่คมกริบราวกับกระบี่


‘โฮ่!’


ทุกคนที่ท่าทีตกตะลึง เจี่ยชางหนึ่งในห้ามังกรได้เป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บในกระบวนท่าเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนที่ไม่ส่งผลอะไรจากพลังต่อสู้ แต่จอมยุทธในระดับพลังเดียวกัน มีคนที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเจี่ยชางได้ด้วยรึ?


แม้แต่เจี่ยชางยังต้องเลือดออก พลังต่อสู้ของหลิงฮันจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ


“ข้าประมาทเจ้าไปหน่อย!” เจี่ยชางใช้มือปาดโลหิตบนแก้ม ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราด


หลิงฮันพูด “ส่วนข้านั้นไม่จำเป็นต้องดูถูกเจ้า เมื่อครู่ข้าใช้พลังไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”


บัดซบ ช่างอวดดีจริงๆ!


ไม่ใช่แค่เจี่ยชางที่เกรี้ยวกราด แต่มังกรทั้งสี่คนที่เหลือก็ไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆได้ พวกเขามีฉายาร่วมกันว่าห้ามังกร การที่ชื่อเสียงของเจี่ยชางได้รับผลกระทบย่อมทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน


“ลองอีกครั้ง!” เจี่ยชางพูดอย่างเย็นชา ครั้งนี้เขาได้รับบทเรียนแล้ว เขาจะไม่ปะทะกับหลิงฮันด้วยกำปั้น แต่จะใช้พลังที่ควบแน่นจากปราณก่อเกิดแทน


“ปรมาจารย์หลิง!” ทันใดนั้นเองเสียงอันรีบร้อนเสียงหนึ่งก็ดังมาจากบันไดชั้นบน จากนั้นก็มีชายร่างอ้วนเดินลงมาอย่างรีบร้อน คนผู้นี้อ้วนเป็นอย่างมาก เขาอ้วนจนไม่อาจมองเห็นช่องว่างระหว่างขา ภาพที่ทุกคนมองเห็นจึงเป็นก้อนเนื้อที่กำลังกลิ้งลงมาจากบันได


แม้จะดูเป็นภาพที่ตลกแต่กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะแม้แต่คนเดียว เพราะว่าคนคนนี้คือตัวตนที่ทรงอำนาจของตำหนักสมบัติวิญญาณ สถานะของเขาสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง


ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักที่เจ็ด ยิ่นเฉวยาง


ตำหนักสมบัติวิญญาณของภูมิภาคกลางมีผู้อาวุโสทั้งหมดเก้าคน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสระดับสูงสุด ทั้งเก้าคนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์!


ตำหนักสมบัติวิญญาณมีตัวตนระดับทลายมิติหรือไม่? มีคำล่ำรือว่ามีแต่ไม่มีใครเคยเห็น


จอมยุทธระดับสวรรค์มาปรากฏตัวด้วยตัวเองและทักทายอย่างสุภาพว่า‘ประมาจารย์หลิง’ ตัวตนของประมาจารย์หลิงจะต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน?


นักปรุงยาระดับปฐพี? ไม่มีทาง แม้จะเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีก็ไม่มีคุณสมับัติขนาดนั้น… ที่เป็นไปได้คือนักปรุงยาระดับสวรรค์! แต่ปัญหาก็คือในโลกนี้มีนักปรุงยาระดับสวรรค์เพียงสองคน แต่ไม่มีใครเลยที่แซ่หลิง


เดี๋ยวก่อน จะว่าไปแล้วมีนักปรุงยาระดับสวรรค์คนหนึ่งเกิดขึ้นที่ภูมิภาคเหนือ มีข่าวออกมาว่านักปรุงยาระดับสวรรค์ผู้นั้นได้รับมรดกสืบทอดของสิบสองพระราชวังและครอบครองขุมสมบัติของพระเจ้า!


ไหน? อยู่ที่ไหนกัน? นักปรุงยาระดับสวรรค์คนนั้นอยู่ไหน?


ทุกคนหันมองไปรอบด้าน แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่ารุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาจะเป็นหลิงฮัน เพราะว่ารุ่นเยาว์ที่พวกเขาเห็นนั้นอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสวรรค์


ผู้อาวุโสก้อนเนื้อเดินลงมาอย่างเร่งรีบ ผู้คนที่ขวางทางอยู่ก็รีบหลีกทางให้ แต่ก้อนเนื้อก้อนนี้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป บางคนยังไม่ทันได้หลบก็ปลิวกระเด็นเสียแล้ว


ยิ่นเฉวยางไม่คิดจะหันกลับไปมองคนที่ลอยกระเด็น เขาเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ


ห้ามังกรตกตะลึงและรีบเขยิบไปด้านข้าง พวกเขาไม่มีคุณสมบัติจะยืนต่อหน้าจอมยุทธระดับสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย แม้แต่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลของพวกเขามาก็ต้องทำตัวอ่อนน้อมเมื่อพบยิ่นเฉวยาง


เพราะงั้นถ้าเกิดพวกเขายังยืนเฉยแล้วโดนกระแทกจนกระเด็น คงเป็นอะไรที่โชคร้ายมากแน่ๆ


มีเพียงหลิงฮันที่ไม่ขยับไปไหน


อะไรกัน เจ้าหนูนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถ้าเกิดถูกสังหารโดยจอมยุทธระดับสวรรค์ ไม่ว่าใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ อะไรทำให้เขาเป็นคนตาบอดขนาดนั้น?


ผู้อาวุโสก้อนเนื้อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาเขาก็มาถึงตัวหลิงฮัน


ทุกคนถอนหายใจส่ายหัว หลิงฮันจะต้องถูกชนจนกระเด็นแน่ๆ


แต่กลับกัน จู่ๆก้อนเหนือ… ไม่ใช่สิ จู่ๆยิ่นเฉวยางก็หยุดเคลื่อนไหวและยืนนิ่งตรงหน้าหลิงฮัน ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากความอ้วนที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นคอได้ ภาพลักษณ์ของยิ่นเฉวยางจึงดูตลกเป็นอย่างมาก


แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนรอบข้างก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะ


มีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่จู่ๆก็หัวเราะลั่นออกมา ทุกครั้งที่หลิงฮันหัวเราะ ปากของทุกคนก็จะกระตุกไปมาพร้อมกับความรู้สึกหนาวเย็นที่สั่นสะท้านไปทั่วหัวใจ


แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้น ยิ่นเฉวยางหัวเราะตอบโต้ด้วยท่าทีมีความสุข


“ปรมาจารย์หลิงอุตส่าห์มาทั้งที ได้โปรดยกโทษให้กับความล่าช้าของข้าด้วย!” ยิ่นเฉวยางพูดอย่างรู้สึกผิด


ไม่จริงน่า!


ทุกคนกลายเป็นสับสน จอมยุทธระดับสวรรค์กำลังทำตัวอ่อนน้อมต่อหน้าจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน? นี่ตาของพวกเขาใช้การไม่ได้ไปแล้วรึไง?


แถมยัง… ปรมาจารย์หลิง? รุ่นเยาว์คนนี้คือหลิงฮัน?


ใบหน้าของห้ามังกรกลายเป็นบิดเบี้ยวในทันที

 

 

 


ตอนที่ 550

 

หิน

หรือว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มคนนี้คือนักปรุงยาระดับสวรรค์? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!


อย่างไรก็ตาม มันคงไม่มีทางที่จอมยุทธระดับสวรรค์จะพูดจาหยอกล้อกับรุ่นเยาว์แบบนี้หรอกจริงไหม?


ทุกคนต่างครุ่นคิดกับสิ่งที่หลิงฮันได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนแรกมันเหมือนกับเขาแค่พูดจาอวดดีออกมา แต่ตอนนี้ทุกคนได้ตระหนักคำพูดของเขาแล้ว


นักปรุงยาระดับสวรรค์นั่นคือตัวตนที่แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังต้องเคารพ สถานะของเขาสูงส่งมาก


หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าข้าควรเรียกท่านว่าเช่นไรดี?”


มีหลายคนรู้จักเขาทำให้ยิ่นเฉวยางจึงรู้สึกยินดี แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน!


“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคือยิ่นเฉวยางผู้อาวุโสใหญ่แห่งตำหนักสมบัติวิญญาณที่เจ็ด ปรามาจารย์หลิง ถ้าท่านไม่รังเกียจท่านสามารถเรียกข้าว่าหยางน้อยก็ย่อมได้” ยิ่นเฉวยางยิ้ม


ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที มันจะมีสักกี่คนกันที่สามารถเรียกเขาว่าหยางน้อยได้ภายใต้ดวงตะวัน? นอกเหนือจากตัวตนระดับทลายมิติแล้วคงจะมีจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดไม่กี่คนเท่านั้น


“งั้นข้าจะเรียกท่านว่าเจ้าตำหนักที่เจ็ดแล้วกัน” หลิงฮันจะเรียกอีกฝ่ายว่าหยางน้อยได้ยังไง?


“ปรมาจารย์หลิงต้องการเข้าร่วมงานประมูลในวันนี้อย่างนั้นหรือ?” ยิ่นเฉวยางถาม


“ใช่แล้ว” หลิงฮันพยักหน้า


“เชิญ เชิญ!” ยิ่นเฉวยางรีบแสดงท่าทางต้อนรับอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันก้าวเดินไปข้างหน้า ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจี่ยชาง และคังสื่อฉี แต่แล้วหลิงฮันก็ได้หยุดเดินและพูดกับยิ่นเฉวยางว่า “เจ้าตำหนักที่เจ็ด ถ้าข้าของจัดการกับคนที่พูดข่มขู่ข้าสักเล็กน้อย มันจะเป็นปัญหาหรือไม่?”


ยิ่นเฉวยางรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “โอ้ว มีคนกล้าข่มขู่ปรามาจารย์หลิงด้วยงั้นหรือ?”


“คนหนึ่งต้องการให้ข้าเรียกว่าท่านปู่ ส่วนอีกคนต้องการให้ข้าเป็นผู้ติดตามทั้งยังต้องการทุบตีข้า” หลิงฮันยิ้ม


เมื่อได้ยินที่หลิงฮันพูดห้ามังกรสองนกอมตะอย่างจะร้องไห้ออกมา ถ้าก่อนหน้านี้พวกมันรู้ว่าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ แม้จะมีความกล้ามากกว่านี้หนึ่งพันเท่ามันก็คงไม่กล้าพูดจาแบบนั้นออกมา!


“แล้วคนพวกนั้นเป็นใครอย่างนั้นหรือ?” ยิ่นเฉวยางกวาดสายตามองด้วยสายตาดุดัน ในตอนนี้เขาไม่ได้ดูเป็นผู้อาวุโสอ้วนท่วมอีกต่อไป แต่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์และปฐพีได้


ดวงวิญญาณของทุกคนสั่นคลอน และไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย


หลิงฮันแอบพยักหน้าอยู่ในใจ พลังของจอมยุทธอ้วนคนนี้น่าจะบรรลุระดับสวรรค์ขั้นสี่แล้ว แม้แต่เขาก็ไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้ นั่นเป็นเพราะเขามีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์เท่านั้น


เจี่ยชางและอีกหกคนตัวสั่นและทรุดตัวล้มลงกับพื้นแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์หลิงได้โปรดยกโทษให้พวกข้าด้วย”


หลิงฮันไม่แม้แต่จะหันไปมองและพูดกับยิ่นเฉวยางแทน พวกมันไม่มีค่าพอ ดังนั้นเขาจึงเมินห้ามังกรสองนกอมตะอย่างสิ้นเชิง


แม้พวกมันจะคุกเข่า แต่ก็ไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้และจ้องมองไปที่หลิงฮัน


ห้ามังกรมองหน้ากันไปมา เมื่อพวกมันเห็นยิ่นเฉวยางจ้องมองมา ใบหน้าของพวกมันกลายเป็นบิดเบี้ยวกลัวว่ายิ่นเฉวยางจะฆ่าพวกมันทุกคนด้วยความโกรธ


“ปรมาจารย์หลิง งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว มันจะดีกว่าถ้าท่านรีบเข้าไปนั่งเตรียมพร้อมอยู่ด้านใน” ยิ่นเฉวยางกล่าวออกมา เขาไม่ต้องการให้ผู้คนกระจุกกันอยู่ที่หน้าประตูของตำหนักสมบัตวิญญาณ


หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มให้กับห้ามังกรสองนกอมตะ แล้วก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องโถง


ห้ามังกรสองนกอมตะต่างเหงื่อท่วมตัว แม้ว่าหลิงฮันจะไม่ได้ด่าทออะไรพวกมัน แต่การที่พวกมันไปล่วงเกินนักปรุงยาระดับสวรรค์มันจะจบง่ายดายอย่างนี้ได้อย่างไร?


……


ด้วยการนำทางของยิ่นเฉวยาง หลิงฮันได้เข้ามาอยู่ในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นห้องที่หรูหราที่สุดของตำหนักสมบัติวิญญาณ


ด้วยชื่อเสียงของหลิงฮัน เขาไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย และนั่งลงอยู่ในห้องเพื่อรอให้งานประมูลเริ่มต้นขึ้น


หลังจากที่ยิ่นเฉวยางพูดคุยกับหลิงฮันเสร็จ เขาได้ให้วงเงินกับหลิงฮันหนึ่งแสนผลึกก่อเกิดก่อนที่จะออกจากห้อง


หลิงฮันนั่งลงและดูของที่ถูกนำออกมาประมูลทีละชิ้น มันเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือน มีหลายอย่างที่ถูกนำมาประมูล แต่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของหลิงฮันเลย


ในทางกลับกัน งานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีของล้ำค่าถูกนำมาประมูลหลายอย่าง บางทีอาจจะต้องเป็นเดือนถัดไปหรืองานประมูลครั้งใหญ่ในรอบปีถึงจะมีสมบัติที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาให้เห็น


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้เข้าร่วมงานประมูลหัวเราะเสียงดัง


ตอนแรกหลิงฮันรู้สึกง่วงตอน แต่หลังจากที่เห็นฝูงชนแตกตื่น จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะลุกขึ้นมามอง และเห็นก้อนหินอยู่ในมือของผู้จัดงานประมูล


ก้อนหิน?


หลิงฮันเองก็อยากจะหัวเราะออกมา แต่คิดว่าตำหนักสมบัติวิญญาณคงไม่เล่นไร้สาระแบบนี้และเอาก้อนหินมาหลอกขายผู้คน ดังนั้นเขาจึงจ้องมองมันอย่างละเอยีด


ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ก้อนหิน มันแค่มีรูปร่างเหมือนเท่านั้น และถ้าจ้องมองมันให้ดีจะเห็นว่าขอบของมันไม่สม่ำเสมอราวกับว่าเดิมทีมันเป็นหินก้อนใหญ่ที่แตกออกมา


ด้านหนึ่งของหินนั้นแบนเรียบ แต่อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวอักษรหรือรอยขีดข่วนบางอย่าง และไม่รู้ว่ามันคืออะไร


“ก้อนหินนี่ถูกตรวจสอบอย่างรอยคอบโดยนักประเมินราคาของตำหนักสมบัติวิญญาณของพวกเรา แต่ก็ไม่สามารถวิเคาระห์ได้ว่ามันคืออะไรและใช้ยังไง สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้คือครั้งหนึ่งมันเคยเป็นแผ่นศิลาขนาดใหญ่ที่มีอายุอย่างน้อยหนึ่งแสนปี”


“ยิ่งไปกว่านั้น ก้อนหินนี้แข็งแกร่งมากและอาจมาจากโบราณสถานบางแห่ง”


หลิงฮันเปิดใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน


น่าสนใจดีนิ!


“ราคาเริ่มต้นคือผลึกก่อเกิดสิบผลึก” ผู้จัดประมูลกล่าว และไม่ได้หวังอะไรมากกับของชิ้นนี้


“ยี่สิบ”


“ห้าสิบ”


“หนึ่งร้อย”


แม้จะไม่รู้ว่าหินก้อนนี้คืออะไร แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีอายุอย่างน้อยหนึ่งแสนปี และมีหลายคนที่ยินดีจะประมูลมันเป็นของสะสม


“หนึ่งพัน” หลิงฮันเสนอราคาออกมาอย่างไม่แยแส สำหรับหลิงฮันผลึกก่อเกิดระดับหนึ่งดาวไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก


“สองพัน” ใครบางคนเสนอราคาสู้ เสียงนั่นดูคุ้นเคยเล็กน้อย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)