Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 525-537
ตอนที่ 525
น่าจือเหยียน
“ปรมาจารย์โปว ท่านไม่ต้องคิดถึงข้าขนาดนั้นก็ได้” หลิงฮันหัวเราะ
‘ปัง’ ฮูหนิวกระโดดออกมาและชกเข้าไปที่ท้องของโปวเหวินหลิง แม้จะเป็นหมัดเปล่า แต่ด้วยพลังต่อสู้ที่สู้ข้ามระดับได้ถึงสองระดับทำให้โปวเหวินหลิงจุกจนตัวงอเหมือนกุ้งในทันที
หลิงฮันจงใจถอนหายใจออกมาและพูด “ปรมาจารย์โปว ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้?”
ดวงตาของผู้ดูแลการประหารเปิดกว้าง ระดับพลังของโปวเหวินหลิงกับมันนั้นเท่ากัน แม้ในแคว้นอัคคีมันจะถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลัง แต่พลังของเด็กสาวตรงหน้านี้ดูน่าสะพรึงกลัวเกินไป
ถ้ามันลงมือ สภาพของมันก็คงไม่ต่างอะไรกับโปวเหวินหลิง?
อะไรกัน! สัตว์ประหลาดสองตัวนี้โผล่มาจากที่ไหนกัน!
หลิงฮันยิ้มไปยังผู้ดูแลการประหารและพูด “เจ้าจะทำตัวว่านอนสอนง่าย?”
“แน่นอน! ข้าจะยอมเชื่อฟังท่าน!” ผู้ดูแลการประหารรีบตอบกลับไปในขณะที่รู้ตัวว่ามันกำลังถูกฮูหนิวจ้องมองด้วยสายตาที่ดุร้าย
หลิงฮันหัวเราะ เขาเตะร่างของโปวเหวินหลิงไปยังบริเวณเท้าของผู้ดูแลการประหารและพูด “เจ้าจงพามันกลับไป”
แม้ผู้ดูแลการประหารจะรู้สึกโกรธที่โดนดูถูก แต่ตอนนี้มันก็เริ่มมองออกแล้วว่าโปวเหวินหลิงไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับหลิงฮัน มันเชื่อคำอธิบายของโปวเหวินหลิงที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลิงฮันและนักฆ่าสาวในทันที
แม้ฮูหนิวจะไม่ได้คิดเอาชีวิตของโปวเหวินหลิง แต่หมัดของเด็กสาวก็ไม่ใช่เบาๆ อวัยวะภายในทั้งห้าของเขาได้รับความเสียหายจนพูดอะไรไม่ออกและรู้สึกอยากจะสำรอกออกมา
หลิงฮันโบกมือให้กับโปวเหวินหลิงและพูด “ปรมาจารย์โปว แม้ท่านจะไม่สามาถติดตามข้าได้แล้วแต่ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดไปหรอกนะ”
ทันใดนั้นหลิงฮันก็เดินจากไป
ผู้ดูแลการประหารไม่กล้ารั้งหลิงฮันเอาไว้ มันรีบแบกโปวเหวินหลิงขึ้นมาและไล่ตามหลิงฮันไปราวกับเป็นคนรับใช้ซึ่งทำให้มันรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก
หลังจากเดินไปได้สักพัก โปวเหวินหลิงก็เริ่มเดินเองไหว แต่ทุกๆครั้งที่เท้ากระทบพื้นเขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดที่ช่วงท้อง เมื่อเปิดเสื้อออกมาดูก็พบกับรอยช้ำสีเขียวที่ตรงกลางเป็นสีดำ
เด็กสาวคนนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
“จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือ…”
“ที่พักของน่าจือเหยียน!”
“ไม่ดีแล้ว!”
โปวเหวินหลิงและผู้ดูแลการประหารมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของนักฆ่าสาวก่อนหน้านี้คือการสังหารน่าจือเหยียน และในเมื่องหลิงฮันรู้จักกับพวกนางจึงสามารถคาดเดาได้ไม่อยากว่าเป้าหมายของหลิงฮันคือการสังหารน่าจือเหยียนเช่นกัน
น่าจือเหยียนเป็นผู้ที่จักรพรรดิเพลิงโปรดปราน ถ้าหากหลิงฮันสังหารน่าจือเหยียนล่ะก็ พวกเขาทั้งสองคนที่ไม่ลงมือขัดขวางหลิงฮันเอาไว้จะต้องถูกโยนความผิดมาแน่ๆ
“เร็วเข้า พวกเราต้องรีบไปแจ้งให้ทุกคนทราบ!” ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันไม่ได้เร่งรีบอะไรราวกับเขาต้องการให้พวกโปวย่งเฟิงมีเวลาไปแจ้งข่าว เขาเดินเตร็ดเตร่อย่างเชื่องช้า กว่าจะมาถึงสถานที่เป้าหมายก็ปาไปยี่สิบกว่านาทีแล้ว
ที่พักของน่าจือเหยียนนั้นก่อนหน้านี้เคยเป็นขององค์ชาย แต่องค์ชายคนนั้นกลับก่อกบฏแย่งชิงอำนาจจักรพรรดิ ผลสุดท้ายก็ถูกจองจำ ดังนั้นที่พักแห่งนี้จึงถูกอายัดเอาไว้และตอนนี้ก็ถูกมอบให้กับน่าจือเหยียน
ด้านหน้าประตูทางเข้ามีทหารองครักษ์อาวุธครบมือเดินออกมา พวกเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์เดินอย่างองอาจโดยสวมหมวกเกราะเงินและเหน็บดาบเล่มยาวเอาไว้ที่เอว
ชายคนนี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ!
“ข้าคือหัวหน้าองครักษ์จักรพรรดิซื่อคงเชิง เจ้าอาชญากรตัวร้าย อย่าคิดว่าจะรอดกลับไปได้” เขาคำรามเสียงดัง
หลิงฮันมองไปรอบๆและยิ้มออกมา “ปรมาจารย์โปว ไหนบอกว่าทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมให้ข้าลงมือสังหารน่าจือเหยียนได้อย่างราบรื่นแล้วไง? นี่ไม่เห็นเหมือนกับที่พูดเอาไว้เลย?”
โปวเหวินหลิงเกือบจะโมโหจนตกตาย ทำไมเจ้าถึงนำข้าเข้าไปเกี่ยวอีกแล้ว?
“เจ้าอาชญากรน้อย ไม่ต้องเสียเวลาพูดอะไรไร้สาระ!” ซื่อคงเชิงจ้องมองหลิงฮันอย่างเย็นชาแต่ก็ไม่กล้าลงมือผลีผลาม
มันได้รับรายงานมาแล้วว่าเด็กสาวตัวน้อยที่อยู่ข้างกายหลิงฮันสามารถจัดการโปวเหวินหลิงได้ด้วยหมัดเดียว เพราะงั้นมันจึงไม่กล้าประมาท
หลิงฮันยิ้มและพูด “ข้ามาที่นี่เพื่อพูดคุยกับน่าจือเหยียน ทำไมพวกเจ้าต้องทำเหมือนจะมาสังหารข้าด้วย? เรียกน่าจือเหยียนออกมาซะ ถ้าพูดคุยกับรู้เรื่องทุกอย่างจะจบลงอย่างสงบสุข”
“บังอาจล่วงเกินนายท่านน่าจือเหยียน?” ซื่อคงเชิงพูดอย่างเย็นชา
หลิงฮันถอนหายใจและพูด “ช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว ฮูหนิว เจ้าว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“ทุบตีพวกมันเลย!” ฮูหนิวยกมือขึ้นและพูด “ต้องกำราบพวกคนเหล่านี้!”
ช่างเป็นเด็กดียิ่งนัก!
หลิงฮันยิ้มและพูด “พวกเจ้าได้ยินแล้วสินะ ในเมื่อน่าจือเหยียนไม่ยินดีที่จะออกมา ข้าก็คงต้องใช้กำลังในการตัดสินปัญหา”
เมื่อเห็นว่าหลิงฮันจะบุกเข้าไปในที่พักซื่อคงเชิงก็ชักดาบออกมาและฟันไปยังหลิงฮันทันที มันคือจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณจึงแข็งแกร่งกว่าโปวเหวินหลิงและผู้ดูแลการประหารมากนัก ดาบที่ฟันออกไปนอกจากปรารดาบสี่เล่มแล้วยังมีเปลวเพลิงที่เริงระบำอยู่กลางอากาศ ทำให้ดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
“หมัดเหล็กของหนิว!” ฮูหนิวกระโดดออกมา ‘ปัง’ นางซัดหมัดใส่ซื่อคงเชิงจนกระเด็น
‘พรวด!’
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนได้สำลักออกมา
นั่นคือซื่อคงเชิง จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเจ็ดเชียวนะ คนที่เทียบกับเขาได้ ทั่วทั้งแคว้นอัคคีนี้สามารถนับได้ไม่เกินสิบนิ้ว แต่ตอนนี้เขากลับถูกเด็กสาวตัวเล็กๆจัดการได้อย่างง่ายดาย เรื่องแบบนี้ใครจะทำใจเชื่อได้?
ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นเพียงแค่พลังของฮูหนิวคนเดียวเท่านั้น หลิงฮันยังไม่แสดงอำนาจใดๆออกมา
‘แปะ แปะ’ เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับชายผิวขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากที่พัก ชายคนนี้มีรูปร่างผอมและใบหน้าที่หล่อเหลา เส้นผมของเขาพลิ้วไหวราวกับอสรพิษโดยที่ไม่มีลมพัด
ชายคนนั้นมองมาที่หลิงฮันและพูด “สหายจากแดนไกล ข้าคือน่าจือเหยียน แล้วนามของเจ้าล่ะ?”
สายตาของหลิงฮันแสดงออกถึงความประหลาดใจ น่าจือเหยียนผู้นี้มีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบาน!
แปลกมาก ในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวแห่งนี้ไม่สมควรมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเกิดขึ้นมาได้ เหล่าอสูรเฒ่าที่คอยดูแลแต่ละแคว้นนั้นเป็นเพียงแค่ระดับบุปผาผลิบานครึ่งก้าวที่พึ่งพาอาศัยอำนาจแห่งจักรภพเท่านั้น
นอกเหนือจากอัจฉริยะอย่างจักรพรรดิพิรุณแล้ว หลิงฮันไม่เชื่อว่าจะมีคนที่เกิดในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวสามารถทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้
แต่น่าจือเหยียนที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับบุปผาผลิบานที่แท้จริงไม่ใช่พลังบ่มเพาะที่เกิดจากอำนาจแห่งจักรภพ
ด้วยพลังบ่มเพาะเช่นนั้นกลับยอมลดตัวมาเป็นคนของดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว?
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าเป้าหมายของน่าจือเหยียนจะต้องเป็นเหมืองต้องสาปนั่น
เขาพยายามชักจูงจักรพรรดิอัคคีให้เปิดใช้งานเหมืองจากยุคบรรพกาลอีกครั้ง สิ่งที่เขาต้องการอาจจะไม่ใช่แร่หินแต่เป็นสมบัติต้องสาปที่ถูกฝังอยู่ใต้เหมืองนั่น?
ตอนที่ 526
ทุบตีพวกมัน
“น่าจือเหยียน ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าภายใต้เหมืองมีอะไรถูกฝังเอาไว้จนถึงขนาดสามารถทำให้เจ้าที่เป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยอมลดพลังเป็นระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเพื่อแฝงตัวอยู่ที่นี่” หลิงฮันพูด
‘พรวด!’
ทันใดนั้นทุกคนก็กลายเป็นตกตะลึงในทันที น่าจือเหยียนคือตัวตนระดับบุปผาผลิบาน? เป็นไปไม่ได้!
ต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่ออกมาจากปากเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีจะสามารถเชื่อถือได้อย่างไร?
น่าจือเหยียนยิ้มและพูด “ระดับบุปผาผลิบานอายุน้อยเช่นเจ้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!”
ผู้คนมากมายล้มลงไปที่พื้นทันที
หลิงฮันเองก็เป็นตัวตนระดับบุปผาผลิบาน? ทั้งสองคนคงไม่ได้กำลังพูดหยอกล้อกันอยู่หรอกนะ?
หลิงฮันอายุเท่าใดกัน? ไม่เกินยี่สิบปีแน่นอน! และในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวอย่างมากรุ่นเยาว์อายุเท่านี้ก็มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับก่อเกิดธาตุเท่านั้น
จิตใจ้สำนึกของโปวเหวินหลิงเชื่อว่าหลิงฮันอาจจะเป็นระดับบุปผาผลิบานจริงๆ เพราะเขาจำได้ว่าตอนที่ถูกหลิงฮันจ้องมอง กลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้มันไม่ใช่ธรรมดาเลย
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากหลิงฮันเป็นระดับบุปผาผลิบานจริงๆ?
ความแค้นในเรื่องการตายของบุตรของมันคงต้องล้มเลิก… ไม่เช่นนั้นทั้งตระกูลของมันอาจจะล่มสลายได้
หลิงฮันหัวเราะและพูด “คนอย่างปรมาจารย์น่าก็นับว่าหายากเช่นกัน ในยุคสมัยนี้แม้จะไม่มีระดับบุปผาผลิบานที่อายุน้อยเช่นข้า แต่ในหน้าของประวัติศาสตร์จากยุคบรรพกาลใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะประวัติศาสตร์ในช่วงยุคหนึ่งหมื่นปีก่อนนั้นถูกลบหายไป”
“คำพูดของเจ้านับว่าถูกต้อง!” น่าจือเหยียนพยักหน้า “แต่ระดับบุปผาผลิบานที่อายุน้อยเช่นเจ้า ยังไงข้าก็ยังยืนกรานว่าในโลกนี้ไม่มีใครแล้วแน่นอน”
“หนิวหนิว เขาดูถูกเจ้าน่ะ” หลิงฮันยิ้มให้กับฮูหนิว
“ฮึ่ม!” ร่างของฮูหนิวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหายไปจากสายตาของทุกคน ทันใดนั้นนางก็ไปปรากฏอยู่ด้านหน้าน่าจือเหยียนและปล่อยหมัดเล็กของนางออกไป นางไม่เคยใช้ทักษะยุทธใดๆในการโจมตี สิ่งที่นางรู้มีเพียงการต่อย ข่วนและกัดเท่านั้น แต่แค่สามสิ่งนี้ก็เพียงพอที่ทำให้นางพิชิตโลกได้แล้ว
น่าจือเหยียนเค้นเสียงออกมา เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าฮูหนิวจะรวดเร็วขนาดนี้
ไม่สิ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเด็กสาวตัวเล็กขนาดนี้จะเป็นจอมยุทธแล้ว แต่ในตอนที่ฮูหนิวโจมตีเขาสามารถสัมผัสได้ นางคือจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน! ถ้าเขารับหมัดนี้ของนาง แม้จะไม่ตายแต่อวัยวะช่วงล่างของเขาก็ต้องระเบิดกระจุย
ฮูหนิวที่ตัวเล็กขนาดนี้ หมัดของนางจะไปปะทะเข้ากับบริเวณส่วนไหนของร่างกาย?
น่าจือเหยียนรีบเอื้อมมือออกไปและสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมา บนกำแพงน้ำแข็งมีรูปแบบตราประทับถูกสลักเอาไว้
‘หืม รูปแบบตราประทับเช่นนี้ถือว่าแปลกประหลาดไม่น้อย!’
หลิงฮันประหลาดใจ ตราประทับเหล่านั้นปลดปล่อยเจตจำนงแห่งเต๋าออกมา ถึงแม้รูปแบบตราประทับแห่งเจตจำนงของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่ก็ต้องมีสักส่วนหนึ่งที่มีรูปแบบคล้ายกัน อย่างเช่นทวีปฮงเทียนแห่งนี้ที่หลิงฮันอาศัยอยู่ ทุกคนต่างก็มีรูปแบบตราประทับที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษต้นกำเนิดคนเดียวกัน ซึ่งหากจะมีส่วนหนึ่งของตราประดับที่เหมือนกันก็ไม่แปลกอะไร
แต่รูปแบบตราประทับของน่าจือเหยียนนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาไม่ใช่คนของทวีปฮงเทียน
‘ปัง’ ฮูหนิวชกเข้าไปที่กำแพงน้ำแข็ง ‘แคร่ก แคร่ก แคร่ก’ ชั้นน้ำแข็งระเบิดออกกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆทันที แต่นั่นก็ทำให้น่าจือเหยียนมีเวลาในการตั้งตัว เพียงแต่ว่าฮูหนิวนั้นยังคงลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง กำปั้นที่ทรงพลังของนางทำให้น่าจือเหยียนต้องล่าถอยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้
“ฮึ่ม!” น่าจือเหยียนเริ่มเกรี้ยวกราดและคำรามอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเบื้องหลังของเขาก็ปรากฏคลื่นทะเลคลื่นหนึ่ง จากนั้นน่าจือเหยียนได้อ้าปากกลืนคลื่นทะเลเหล่านั้นเข้าไปและพ่นออกมาเป็นลูกศรวารี หากมองให้ดีๆจะเห็นว่าบนลูกศรวารีมีอักขระที่แปลกประหลาดสลักอยู่
ลูกศรนี่ไม่ใช่ลูกศรธรรมดา มันเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่สามารถเป็นภัยคุกต่อจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน!
ฮูหนิวเคลื่อนไหวอย่างรวดและม้วนตัวหลบลูกศรวารี จากนั้นนางก็ลงมือกระหน่ำโจมตีน่าจือเหยียนต่อ ซึ่งสถานการณ์ก็ทำให้น่าจือเหยียนต้องกลับไปล่าถอยเหมือนเดิม
สีหน้าของน่าจือเหยียนกลายเป็นตกตะลึงและพูด “เป็นไปได้อย่างไร ที่เด็กตัวแค่นี้จะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน?”
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอายุต่ำกว่ายี่สิบปีอย่างหลิงฮันก็ทำให้เขาตกตะลึงมากพอแล้ว นี่ยังต้องมาเจอกับฮูหนิวที่มีอายุเพียงห้าหรือหกปีอีก นี่นางบ่มเพาะพลังตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยรึไง?
คนที่ดูการต่อสู้อยู่รอบๆรู้สึกอยากจะเป็นลม
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดพร้อมกับกลิ่นอายของตัวตนระดับบุปผาผลิบานที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวไปถึงด้นบึ้งของจิตใจ ระดับบุปผาผลิบานนั้นอยู่เหนือสามัญสำนึกของทุกคนที่นี่ นอกจากจักรพรรดิหวู่ซงแล้ว กลิ่นอายของทั้งสองคนได้อยู่เหนือพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้แม้ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว ไม่ว่าจะน่าจือเหยียน หลิงฮัน หรือแม้แต่เด็กสาวอายุห้าหรือหกปีคนนี้ล้วนแต่เป็นตัวตนระดับบุปผาผลิบานทั้งสิ้น!
เมื่อใดกันที่ระดับบุปผาผลิบานสามารถเป็นได้ง่ายและมีเกลื่อนขนาดนี้? แถมหลิงฮันและฮูหนิวยังเด็กเกินไปอีกด้วย
ฮูหนิวแสยะยิ้มไปยังน่าจือเหยียน ตอนนี้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของนางยังไม่ได้ถูกใช้ออกมา
น่าจือเหยียนตกตะลึงและพูด “เจ้าเป็นศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์หรือตัวตนระดับสูงของนิกายนกอมตะเมฆาสวรรค์?”
“ไม่ใช่ทั้งคู่!” หลิงฮันส่ายหัว “ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาต้นกำเนิดของพวกข้า ข้าจะพูดแค่อย่างเดียวคือจงหยุดการขุดเหมืองโบราณนั่นซะ!”
“ถ้าเช่นนั้นการสังหารคงง่ายเสียกว่า!” น่าจือเหยียนส่ายหัว “เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะมาจากขุมอำนาจใดก็อย่าได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้… นี่คือคำแนะนำจากข้า ไม่เช่นนั้นชะตากรรมของเจ้าจะมีอย่างเดียวคือตาย!”
“โอ้ น่าสนใจขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันหัวเราะ “งั้นก็มาเล่นกันให้สนุกเถอะ!”
น่าจือเหยียนหงุดหงิดและพูดออกไป “เจ้าดูถูกพลังของข้า?”
“ก็ไม่เท่าไหร่ ข้าสามารถจัดการเจ้าได้ภายในสามกระบวนท่า!” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส
น่าจือเหยียนกลายเป็นเกรี้ยวกราดจนเกือบจะระเบิดเพลิงแห่งโทสะออกมา “ในสถานที่ที่ข้าจากมา มีผู้คนที่มีพลังบ่มเช่นข้าไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นหรือหนึ่งแสนคน และมีอย่างน้อยหนึ่งพันหรือสองพันคนที่แข็งแกร่งกว่าข้า!”
‘พรวด!’
ผู้คนของแคว้นเพลิงสำลักออกมา ช่างเป็นขุมอำนาจที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนับแสนคน? ต้องรู้ก่อนว่าที่จักรพรรดิคนก่อนของแคว้นอัคคีสามารถบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้ก็เพราะมีพลังแห่งจักรภพคอยเกื้อหนุน
แต่สถานที่ที่น่าจือเหยียนจากมากลับมีมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากมายแถมยังอีกหลายพันคนที่แข็งแกร่งกว่าด้วย
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก มันเป็นขุมอำนาจแบบใดกัน?!
หลิงฮันชะงักไปชั่วขณะและพูด “ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าเจ้ามาจากที่แห่งใดกันแน่?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า สิ่งเดียวที่เจ้าต้องรู้เอาไว้ก็คือหากเจ้าเป็นศัตรูกับข้าเจ้าจะต้องตาย!” น่าจือเหยียนคำรามอย่างเย็นชา
“หนิวหนิว เจ้าพูดให้หมอนั่นฟังสิว่าพวกเรากลัวรึไม่?” หลิงฮันหันไปถามฮูหนิว
“ไม่!” ฮูหนิวตอบโดยไม่คิด
“แล้วถ้าหากมีคนมาข่มขู่พวกเราจะต้องทำอย่างไร?” หลิงฮันถามอีกครั้ง
“ทุบตี! ทุบตีพวกมัน!” ฮูหนิวเป็นเด็กสาวที่ป่าเถื่อนอย่างแท้จริง
ตอนที่ 527
เผ่าใต้สมุทร
หลิงฮันจ้องมองไปที่น่าจือเหยียนด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “คติของพวกเราคือหากผู้อื่นใช้ความรุนแรงให้ใช้ความรุนแรงกลับ”
สีหน้าของน่าจื่อเหยียนเย็นชาขึ้นและพูดว่า “เจ้าหนู เจ้าไม่จำเป็นต้องผลีผลามขนาดนั้น หลังจากนี้……!”
มันยังไม่ทันพูดเสร็จ หลิงฮันก็เริ่มลงมือโจมตีแล้ว ร่างของเขาลอยขึ้นสูงและเท้าของเขากระแทกเข้ากับใบหน้าของมัน
“เจ้าหนู เจ้ากล้ามาก!” น่าจือเหยียนรู้สึกรำคาญ มันยกมือขึ้นมาและปรากฏหนามน้ำแข็งเจ็ดแท่งที่เต็มไปด้วยปราฏน้ำแข็ง ซึ่งทำให้อุณหภูมิลดลงหลายสิบองศาทันที
มันมีอักขระที่แปลกประหลาดบนหนามน้ำแข็งพวกนั้น ซึ่งก่อตัวเป็นอักระหลายแถว ราวกับหนามน้ำแข็งเจ็ดแท่งนั้นกลายเป็นทหารไร้พ่าย
ปัง!
หนามน้ำแข็งแตกสลายทันที และขาของหลิงฮันแทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย และเข้าปะทะกับใบหน้าของน่าจือเหยียน
เป็นไปได้ยังไง!
แม้ว่าน่าจือเหยียนจะไม่อุทานออกมา แต่ใบหน้าของมันยังคงแสดงออกมาให้เห็น มันรู้สึกตกใจมาก เหตุใดความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาสองคนถึงต่างชั้นขนาดนี้และอีกฝ่ายเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบเพียงข้างเดียว?
ปัง!
มันสายเกินไปแล้ว หลิงฮันเตะไปที่กลางใบหน้าของน่าจือเหยียน ภายใต้พลังอันเหลือล้นของหลิงฮัน หัวของมันทิ่มลงบนพื้นดินทันที ทำให้ตอนนี้มันดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดไร้หัว
พระเจ้า นี่มันน่าทึ่งมาก จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานกลับตกอยู่ในสภาพน่าอับอายแบบนั้น!
หน้าของน่าจือเหยียนมุดอยู่ในดินและใบหน้าของมันกลายเป็นซีดขาว ในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวเล็กแห่งนี้ มันกลับถูกทำให้อับอายจนอย่างจะฆ่าตัวตาย! โชคดีที่ตัวตนระดับสูงไม่ได้เห็นสภาพของมัน มิฉะนั้นมันคงจะไม่มีหน้าไปพบใครอีก
“เจ้า–”
ปัง!
มันพูดออกมาได้เพียงแค่คำเดียวก็ต้องถูกหลิงฮันเหยียบหน้าจมดินอีกครั้ง
ใบหน้าของถูกคนแสดงออกด้วยความเห็นอกเห็นใจ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเป็นตัวตนที่สูงส่งในหัวใจของคนทุกคน
“——” น่าจือเหยียนโผล่ออกมาจากดินเป็นครั้งที่สอง แต่เมื่อมันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา หลิงฮันก็เหยียบหน้าของมันจมดินอีกครั้ง
สามครั้ง ห้าครั้ง สิบครั้ง!
หลังจากผ่านไปสิบครั้ง ในที่สุดมันก็เข้าใจว่ามันไม่สามารถเทียบกับหลิงฮันได้เลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ใบหน้าของมันจะไม่สามารถโผล่ขึ้นมาบนดินได้เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถบ่นอะไรได้เลยด้วยซ้ำ
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ นี่มันน่าอับอายเกินไปแล้ว!
แต่ทุกคนรู้ว่านั่นเป็นเพราะหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป แล้วน่าจือเหยียนจะไปทำอะไรได้?
“สนุก!” ฮูหนิวปรบมือและกวาดสายตาไปมองข่มขู่ฝูงชนด้วยความไม่พอใจ
ทุกคนจึงรีบปรบมืออย่างรวดเร็วและไม่กล้าทำให้เด็กสาวตัวน้อยนี่ไม่พอใจ
หลิงฮันยิ้มออกมาและก้มลงบนพื้นพร้อมกับพูดว่า “น่าจือเหยียน พวกเราจะพูดคุยกันได้หรือยัง?”
น่าจือเหยียนอยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา มันรีบใช้มือตบลงบนพื้นเพื่อแสดงท่าทีให้เห็นว่ามันยินยอมที่จะพูดคุยด้วย
“พวกเราจะพูดคุยกัน และไม่ฝังหัวของเจ้าบนดินอีก เจ้าคงไม่มีอะไรคัดค้านใช่หรือไม่?” หลิงฮันยิ้ม
น่าจือเหยียนโผล่หัวออกมาและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ฝันไปเถอะ!”
“เจ้ายังไม่ยอมอีกงั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มออกมา
“ไม่ ข้ายอมแล้ว!” ครั้งนี้น่าจือเหยียนตัดสินใจได้ฉลาด
หลิงฮันตบไหล่ของมันและพูดว่า “นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ข้ารู้สึกพอใจมาก เจ้าควรทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจต่อไป มิฉะนั้นหากข้าไม่พอใจเจ้าเมื่อไหร่ เจ้าจะต้องลำบาก”
“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว” น่าจือเหยียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ถ้างั้นพูดถึงเรื่องของเจ้าออกมาก่อน” หลิงฮันรู้สึกอยากรู้มากว่ามันเป็นใครมาจากไหน และดูเหมือนว่าจอมยุทธอีกฝั่งหนึ่งจะแตกต่างจากทวีปฮงเทียน
“เอ่อ–” น่าจือเหยียนรู้สึกลังเล
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในความเป็นจริง ข้าสามารถถามดวงวิญญาณของเจ้าได้”
ใบหน้าของน่าจือเหยียนกลายเป็นสีเขียวทันที ถ้ามันถูกตรวจสอบดวงวิญญาณ มันก็จะหายไปและต้องตาย แต่คำถามคือมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนใดเยาว์วัยเท่าหลิงฮันและฮูหนิวหรือไม่?
ดังนั้นมันจึงค่อนข้างเชื่อในคำพูดของหลิงฮัน
“ข้ามาจากเผ่าใต้สมุทร!” น่าจือเหยียนกล่าว
“เผ่าใต้สมุทร?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินคำว่าเผ่าใต้สมุทรมาก่อนทั้งชีวิตนี้และชีวิตที่แล้ว พวกมันมาจากที่ไหนกัน? เดี๋ยวก่อน ด้านนอกดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวคือมหาสมุทร หรือว่าเผ่าใต้สมุทรจะอาศัยอยู่ในมหาสมุทร?
น่าจือเหยียนพยักหน้าและอธิบายต่อโดยไม่รอคำถามของหลิงฮัน “ในความเป็นจริง พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปฮงเทียนนั้นคือมหาสมุทร ข้ามาจากมหาสมุทรเหนือและมันยังมีอีกสี่คาบมหาสมุทรนั่นคือ มหาสมุทรตะวันออก มหาสมุทรตะวันตก มหาสมุทรใต้ และมหาสมุทรกลาง
ไม่น่าแปลกที่น่าจือเหยียนพูดว่าที่นั่นมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากกว่าแสนคนอยู่ และมีคนที่แข็งแกร่งกว่ามันหนึ่งพันถึงสองพันคน
“แล้วอะไรที่เจ้าหมายถึงมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากกว่าแสนคน นั่นคือจำนวนทั้งหมดทุกมหาสมุทรหรือเฉพาะมหาสมุทรเหนือของเจ้าเพียงแห่งเดียว?” หลิงฮันถาม
“มหาสมุทรเหนือของข้าเพียงแห่งเดียว” น่าจือเหยียนตอบด้วยความซื่อสัตย์
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ไปที่ภูมิภาคกลางและอีกสามภูมิภาค เขาก็ประมาณไว้คร่าวๆว่ามันมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานประมาณหนึ่งแสนคนในสี่ภูมิภาคของทวีปฮงเทียน ส่วนภูมิภาคเหนือนั้นมีจำนวนน้อยที่สุด หนึ่งหมื่นคนยังมีไม่ถึง
แต่ทว่ามันกลับมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนับแสนคนในมหาสมุทรเหนือ ถ้าหากความแข็งแกร่งของทั้งห้ามหาสมุทรนั้นเท่าเทียมกัน แล้วเผ่าใต้สมุทรนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
“แล้วมหาสมุทรแห่งใดที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าใต้สมุทรของเจ้า?” หลิงฮันถาม
“แน่นอนว่าต้องเป็นมหาสมุทรกลาง มันเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิเจ้าสมุทรอาศัยอยู่ และเป็นสถานที่ที่ทุกเผ่าใต้สมุทรต้องยำเกรง!” น่าจือเหยียนกล่าวด้วยความอึกอัก
“แล้วมหาสมุทรเหนือของเจ้าล่ะ?” หลิงฮั่นถามอีกครั้ง
ตั้งแต่ที่น่าจือเหยียนเปิดปากพูด มันไม่คิดที่จะปกปิดอะไรอีกต่อไป “ในมหาสมุทรเหนือของพวกเราถูกปกครองโดยตระกูลราชวงศ์แห่งมหาสมุทรเหนือ และมีแม่ทัพหลายคนอยู่ใต้บัญชาการ” เมื่อเห็นหลิงฮันจ้องมอง มันจึงรีบพูดต่อย่างรวดเร็ว “แต่ละตระกูลต้องมีจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเป็นอย่างน้อย และตระกูลราชวงศ์นั้นจะต้องมีจอมยุทธระดับสวรรค์เป็นอย่างน้อย และว่ากันว่ามีหลายคนทลวงผ่านระดับทหลายมิติแล้ว ซึ่งเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
ระดับทลายมิติ!
หลิงฮันอดที่จะคิดไม่ได้ว่า การขาดแคลนพลังปราณจากสวรรค์และปฐพีในอดีตของทวีปฮงเทียนนั้นทำให้จอมยุทธตกต่ำ มีเพียงแค่อัจฉริยะอย่างจักรพรรดิดาบเท่านั้นที่สามารถไปถึงสวรรค์ได้ และด้วยพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาของเขา ถ้าเขาเปลี่ยนมาใช้ในยุคปัจจุบัน เขาจะสามารถใช้ศาสตร์ปรุงยาก้าวข้ามระดับทลายมิติหรือแม้กระทั่งระดับพระเจ้าได้
ตอนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ
ตอนที่ 528
เพียงแค่ขวด
เมื่อพูดถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ ดูเหมือนว่าน่าจือเหยียนจะมีความมั่นใจกลับคืนมาและพูดว่า “เผ่ามนุษย์อย่างเจ้าแม้ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยม แต่ยังไงระดับบุปผาผลิบานก็ไม่มีทางต่อสู้กับเผ่าใต้สมุทรแห่งมหาสมุทรเหนือของข้าได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรับคำสั่งจากเบื้องบนให้ค้นหาวัตถุโบราณบางอย่างเพื่อนำมันกลับไป และเผ่าใต้สมุทรของข้านั้นเกลียดพื้นดินและไม่เคยคิดที่จะบุกดินแดนของเจ้า”
สิ่งที่มันพูดออกมาน่าเชื่อถือเล็กน้อย อย่างน้อยในชีวิตที่แล้วของหลิงฮันเขาก็ไม่เคยได้ยินเผ่าใต้สมุทรมาก่อน
หลิงฮันหัวเราะออกมาและพูดว่า “ข้าเป็นเผ่ามนุษย์ แต่เจ้ากลับพูดเรื่องสำคัญแบบนั้นออกมา?”
น่าจือเหยียนกลายเป็นตกตะลึง แม้เผ่าใต้สมุทรจะแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้มันตกอยู่ในเอื้อมมือของหลิงฮัน ชีวิตและความตายอีกฝ่ายเป็นคนตัดสิน เขาจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว”
“น่าอับอายยิ่งนัก จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานกลับทำตัวว่านอนสอนง่ายและยอมจำนน?”
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าหลิงฮันและน่าจือเหยียนกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ แต่ข้ามองเห็นใบหน้าที่จอมจำนนของน่าจือเหยียน” ฝูงชนกล่าว
น่าอับอาย!
“ตระกูลนั่นมีจอมยุทธระดับสวรรค์?” หลิงฮันลูบคางของเขาและคิดว่ามันแปลก “หากเผ่าใต้สมุทรของเจ้าแข็งแกร่งขนาดนั้น เหตุใดถึงส่งเจ้ามาแค่คนเดียว?”
“ผู้อาวุโสไม่ต้องการให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเหมืองแห่งนี้มันชั่วร้ายเกินไป ถ้าหากเผ่าใต้สมุทรมาแห่กันมาที่นี่ บางทีแม้แต่ตระกูลราชวงศ์ก็อาจตื่นตระหนก” น่าจือเหยียนกล่าว
“แล้วสิ่งที่เจ้าต้องการคืออะไร?” หลิงฮันถาม
น่าจือเหยียนลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “มันเป็นขวด”
“มันทำอะไรได้?”
“ข้าไม่รู้ แต่ผู้อาวุโสบอกว่ามันสำคัญมาก และข้ามีหน้าที่เพียงแค่นำขวดกลับไปเท่านั้น”
“แล้วเจ้าเป็นคนสำคัญอะไรหรือไม่?” หลิงฮันเค้นเสียง แต่เมื่อคิดแบบนั้น เผ่าใต้สมุทรและมนุษย์บนบกนั้นไม่ได้ติดต่อกัน มีผู้คนจำนวนมากต้องตกตายไปจากการขุดเหมือง แต่เผ่าใต้สมุทรคงไม่สนใจแม้แต่น้อย จากมุมมองนี้ น่าจือเหยียนน่าจะเป็นคนไม่สำคัญ
“ข้า…” น่าจือเหยียนรู้สึกสมเพช ความแข็งแกร่งของมันในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวสมควรจะอยู่ในอันดับต้นๆ แต่ภายในเผ่าใต้สมุทรมันแทบจะไร้ค่า
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “เจ้าจะต้องอยู่กับข้าซักพัก!” เขาตบน่าจือเหยียนจนสลบแล้วเดินไปในที่ลับตาคนก่อนที่จะพามันเข้าไปในหอคอยทมิฬ
เพราะเผ่าใต้สมุทร ทำให้ข้าไม่รู้ว่ามีเผ่ามนุษย์กี่คนที่ต้องตกตายไปแน่นอนว่าข้าไม่สามารถปล่อยมันไปได้ แต่หลิงฮันต้องการเค้นข้อมูลจากมันเพิ่ม ดังนั้นเขาจึงไม่มีแผนที่จะฆ่ามันตอนนี้
เมื่อเห็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานถูกหลิงฮันจัดการได้อย่างง่ายดาย ทุกคนจึงคิดอยู่ในใจว่าถ้าหลิงฮันต้องการฆ่าพวกเขามันก็ง่ายเหมือนกับการพลิกฝ่ามือ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
หลิงฮันหันไปมองโปวเหวินหลินด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “นายท่านโปว…”
“ข้ายอมแล้ว! ข้ายอมแล้ว!” โปวเหวินหลิงรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถต่อกรด้วยได้
หลิงฮันรู้สึกไม่พอใจและพูดว่า “นายท่านโปวดูเหมือนจะชอบต่อต้านคนอื่นเสียจริง”
“มากับข้า พาข้าะไปหาจักรพรรดิอัคคี” หลิงฮันยิ้ม
โปรเหวินหลินรู้สึกลังเลขึ้นมาทันที เขาคงจะไม่ถูกจักรพรรดิอัคคีฆ่าตาย แต่แล้วตัวมันเองล่ะ?
“เฮ้อ นายท่านโปวถ้าท่านไม่พูดแล้วข้าจะต้องเดินไปที่ไหนกันเล่า?” หลิงฮันยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ข้าเกลียดนักคนที่พูดด้วยแล้วเงียบ ท่านอยากให้ข้าเกลียดท่านหรือไม่?”
ฮูหนิวแยกเขี้ยวออกมา คนที่หลิงฮันเกลียดนางยินดีที่จะใช้หมัดทุบตีอีกฝ่ายให้
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานสองคนกำลังจ้องมองมาที่มัน โปวเหวินหลินจึงไม่อาจทำอะไรได้นอกจากพูดออกมาว่า “ตกลง!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นไปกันเถอะ”
ทั้งสามคนจากไป ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น แผ่นหลังของพวกเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่ออันหนาวเหน็บ แรงกดดันของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นข้าก็คงไม่กล้าขัดใจเขา เขาสามารถฆ่าคนอื่นได้ด้วยนิ้วมือเดียว”
“ข้าได้ยินมาว่าบุตรชายของโปวเหวินหลินถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แน่นอนว่าโปวเหวินหลินต้องทำการแก้แค้นและไล่ตามเขามา แต่ผลลัพธ์มันกลับกลับตาลปัตร”
“ดูเหมือนว่าพวกเราทุกคนห้ามดูถูกรุ่นเยาว์เสียแล้ว และอย่าได้รุกรานจอมยุทธลึกลับ มิฉะนั้นตระกูลของพวกเราอาจถูกทำลาย!”
“ใช่แล้ว!”
***************
ทั้งสามคนเดินตรงไปที่พระราชวัง ด้วยความเร็วที่ไม่ได้รวดเร็วนัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเดินมาถึงพระราชวัง มันก็มีการป้องกันที่แน่นหนารอคอยอยู่แล้ว
“หยุด!” ใครบางคนกล่าว “ที่แห่งนี้คือแคว้นอัคคี คนนอกไม่อาจเข้ามาได้!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องการพูดกับจักรพรรดิอัคคี จงเรียกเขาออกมาเพื่อพูดคุยกับซึ่งหน้า อย่าได้บังคับให้ข้าต้องลงมือ เพราะคนของข้านั้นเกลียดความรุนแรง”
ปากของโปวเหวินหลินถึงกับกระตุก และบ่นอยู่ในใจ “เกลียดความรุนแรงงั้นรึ?”
“รีบลงมือเร็วเข้า” มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในพระราชวัง ตอนนี้ทุกคนรับรู้พลังของหลิงฮันแล้ว แล้วใครจะกล้าปิดรูปแบบอาคม? ถ้าไม่มีรูปแบบอาคมป้องกัน แล้วมันจะป้องกันการรุกรานจากจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้อย่างไร?
หลิงฮันตบไหล่ของโปวเหวินหลินและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ารู้จักชายคนนี้หรือไม่? ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสิบลมหายใจ ถ้าข้ายังไม่เห็นจักรพรรดิอัคคี ข้าจะฆ่าชายคนนี้ซะ”
ทันใดนั้น โปวเหวินหลินรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที จักรพรรดิอัคคีจะเข้ามาเสี่ยงเพื่อชีวิตของมันไปทำไม? มันคงถึงฆาตแล้ว
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่พูดข่มขู่พวกมันเท่านั้น”
โปวเหวินหลินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที
“แต่ข้าจะตัดแขนขาของเจ้าแทน” หลิงฮันพูดต่อ
“ว่าไงนะ!” โปรเหวินหลินรู้สึกหวาดกลัวอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างตลกเสียจริง ลืมมันไปเถอะ ข้าแค่หยอกล้อเจ้าเล่น แต่ข้ายังคงต้องการพบจักรพรรดิอัคคี” หลิงฮันจ้องมองออกไปและเริ่มใช้เนตรแห่งสัจธรรมเพื่อหาจุดอ่อนของรูปแบบอาคม
ตอนนี้เขาเป็นปรมาจารย์รูปแบบอาคมระดับห้าแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างรูปแบบอาคมระดับหก แต่ถ้าเป็นการแก้รูปแบบอาคมนั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
ตอนที่ 529
จักรพรรดิอัคคียอมจำนน
รูปแบบอมคมขนาดใหญ่นั้น มีทั้งที่สามารถสร้างภาพมายาทำให้ผู้บุกรุกสับสนและกักขังผู้บุกรุกไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็สามารถสร้างอาคมสังหารที่เมื่อบุกรุกเข้าไปจะต้องพบกับการโจมตีนองเลือดอันไร้ที่สิ้นสุด หรือบางรูปแบบอาคมก็ใช้สำหรับป้องกันเพียงอย่างเดียว
รูปแบบอาคมของจักรพรรดิเพลิงนั้นคือรูปแบบอาคมป้องกัน ถึงแม้มันจะเป็นรูปแบบอาคมระดับหก แต่เนื่องจากมันคือรูปแบบอาคมป้องกันที่ราวกับเหล็กกล้า แม้จะเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ
หากจะสามารถทำลายจริงๆ จำเป็นต้องมีพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นกลางเป็นอย่างน้อย
พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดไปยังระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ แต่สิ่งที่เขาจะทำไม่ใช่ทำลายรูปแบบอาคม แต่เป็นการสร้างรอยร้าวให้กับมัน
ภายใต้การจ้องมองของเนตรแห่งสัจธรรม จุดอ่อนของรูปแบบอาคมไม่สามารถหลบพ้นไปจากสายตาของเขาได้
“วิธีสร้างรอยร้าวที่ง่ายที่สุดคือต้องทำลายแก่นอาคม แต่แก่นอาคมถูกตั้งอยู่ในรูปแบบอาคม ดังนั้นวิธีนี้จึงใช้ไม่ได้ ส่วนวิธีที่ลำบากขึ้นมาอีกเล็กน้อยคือโจมตีจุดอ่อนของรูปแบบอาคมซ้ำๆกันกลายครั้งจนเกิดเป็นช่องว่างให้รอดผ่านเข้าไปได้ชั่วคราว”
หลิงฮันพึมพำ “ข้าจะกระหน่ำโจมตีเจ็ดครั้งด้วยศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ข้าเชื่อว่าช่องว่างขนาดใหญ่ต้องเปิดออกแน่นอน”
หลิงฮันสูดหายใจลึก มือของเขาแบออก ทันใดนั้นลูกศรแห่งแสงทั้งเจ็ดดอกก็ปรากฏออกมา ตัวของลูกศรนั้นมีแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวกำลังหมุนวนเป็นเกลียวล้อมรอบพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมา
เนตรแห่งสัจธรรมและศรฆ่ามังกรทะลวงดาราคือการจับคู่ที่เหมาะสมที่สุด!
จู่qผู้คนที่อาศัยอยู่ในปราสาทก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นไปทั่วร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานจะเกิดสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น
‘ฟุบ’ หลิงฮันเกร็งนิ้วซ้ายทั้งห้าตั้งท่าเป็นคันศรและใช้มือขวาในการเหนี่ยวรั้ง ภายในเสี้ยววินาทีลูกศรทั้งเจ็ดก็ถูกยิงเข้าใส่รูปแบบอาคมขนาดยักษ์ ด้วยความเร็วและพลังที่มหาศาลขนาดนั้น คงไม่มีใครสามารถคว้าจับลูกศรเอาไว้ได้แน่นอน
‘ตูม’ ลูกศรที่ยิงออกไปไม่ได้ปะทะเข้ากับปราสาท แต่ปรากฏม่านบางอย่างขึ้นกลางอากาศและป้องกันลูกศรเหล่านั้นเอาไว้ แต่เมื่อม่านเหล่านั้นรับการโจมตีจากลูกศรเสร็จสิ้น รอยร้าวนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นที่จุดๆนั้นจนปริแตกออก
หลิงฮันยิ้ม ภายใต้เนตรแห่งสัจธรรมของเขา เขาสามารถตรวจพบจุดอ่อนของรูปแบบอาคมได้ทันที แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้รูปแบบอาคมขนาดใหญ่เกิดร้อยร้าวได้จริงๆก็คือศรฆ่ามังกรทะลวงดารา หากไม่มีศรฆ่ามังกรทะลวงดาราแล้ว แม้จะมองเห็นจุดอ่อนไปก็ไร้ความหมาย
แต่ถึงอย่างไรแก่นอาคมก็ยังไม่ถูกทำลาย มันดูดซับพลังจากสวรรค์และปฐพีอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูรอยแตกร้าว
“ลุย!” หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อลองพลังของศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ทันในเขากับฮูหนิวก็ผ่านเข้าร้อยร้าวนั้นไปข้างในทันที
“อะไรกัน!”
“เขาเข้ามาได้แล้วจริงๆ!”
“เป็นไปไม่ได้ รูปแบบอาคมขนาดใหญ่นั้นแม้แต่ระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ”
ทุกคนอุทานด้วยความตะลึง เรื่องแบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไป หลิงฮันเป็นเพียงระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น แต่ภายในพริบตาเขาสามารถสร้างรอยปริแตกให้กับรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ได้อย่างไร? หรือว่าเด็กนี่จะมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระตัวอ่อนวิญญาณ?
แล้วจะทำอย่างไรดี? แม้แต่การป้องกันของรูปแบบอาคมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วทีนี้ใครกันจะหยุดหลิงฮันได้?
“สหายน้อย ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดกับชายชราผู้นี้” ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา เขาดูมีอายุราวๆเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี ดวงตาของเขาดูอ่อนล้าราวกับจะสามารถปิดลงได้ทุกเวลา บนหัวของเขานั้นมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่
นั่นไม่ใช่เพลิงจริงๆ แต่เกิดจากพลังปราณ
“อดีตจักรพรรดิ!”
ทุกคนก้มหัวลงด้วยความหวาดกลัว
ชายชราผู้นี้คือจักรพรรดิรุ่นก่อนของแคว้นอัคคีและเป็นระดับบุปผาผลิบานเพียงคนเดียวของแคว้นแห่งนี้ แต่พลังของเขานั้นได้รับมาจากอำนาจแห่งจักรภพ เขาจะมีพลังเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในแคว้นอัคคีเท่านั้น
สำหรับดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวแล้ว ตัวตนระดับบุปผาผลิบานคืออาวุธลับที่ใช้ต่อต้านผู้บุกรุก
หลิงฮันนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาสามารถผ่านเข้ามายังรูปแบบอาคมได้ภายในการโจมตีเดียวทำให้ชายชราผู้นี้เปิดเผยตัวออกมา เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแคว้นอัคคีได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันขั้นสุดแล้ว
“ข้ามีเพียงคำขอเดียวคือการหยุดขุดเหมืองโบราณนั่นไปตลอดกาล” หลิงฮันกล่าว
อดีตจักรพรรดิแสดงสีหน้าลังเล
เหมืองโบราณนั่นคือสิ่งเดียวที่ช่วยให้จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณมองเห็นความหวังที่จะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน นั่นหมายความว่าอย่างไร? ภายในแคว้นอัคคีจะมีตัวตนระดับบุปผาผลิบานปรากฏตัวขึ้นมาเกินกว่าหนึ่งคน! จากนั้นแคว้นอัคคีก็จะมีอำนาจมากพอที่จะครอบงำแคว้นอื่นๆทั้งแปดและปกครองดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว
ยิ่งมีดินแดนและประชากรมาก อำนาจแห่งจักรภพก็จะแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงรากฐานของแคว้นอัคคีที่จะไม่อาจถูกสั่นคลอน
เหมืองโบราณมีความสำคัญมากเกินไป ดังนั้นอดีตจักรพรรดิจึงรู้สึกลังเล
“ก็ได้ ชายชราผู้นี้ให้คำมั่นสัญญาต่อเจ้า!” หลังจากคิดไปสักพัก อดีตจักรพรรดิก็พยักหน้าตกลง
…ถ้าต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ แผนการเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไร?
หลิงฮันพูด “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้ตอบรับเพียงปากเปล่า ไม่อย่างนั้น…” เขานำดาบกำเนิดมารออกมาพร้อมกับปลดปล่อยปราณดาบทั้งสิบเก้าเล่ม โดยปราณดาบแต่ละเล่มนั้นอัดแน่นไปด้วยอักขระที่ลึกลับ
มันคืออักขระที่เขาศึกษามาจากหัวกะโหลกของสัตว์อสูรจาดดินแดนพระเจ้าในสิบสองเขตแดนลี้ลับสวรรค์
หลิงฮันใช้ปราณดาบทั้งหมดโจมตีใส่ท้องฟ้าจนเกิดเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว บนท้องฟ้าได้ปรากฏช่องว่างมิติที่ปริแตก ราวกับท้องฟ้าได้ถูกบดขยี้
น่ากลัว! พลังของดาบนี้น่ากลัวเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้!
ร่างของทุกคนสั่นไหว ปราณดาบสิบเก้าเล่ม… หมอนี่ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า? แค่ปราณสิบอัน จอมยุทธผู้นั้นนับว่าเป็นสุดยอดราชันแล้ว แต่นี่เขาสร้างปราณดาบได้ถึงสิบเก้าเล่ม!
ในหมู่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน เขาไร้พ่ายอย่างสมบูรณ์!
ครั้งนี้อดีตจักรพรรดิละทิ้งความคิดที่จะหลอกลวงหลิงฮันทิ้งไปทั้งหมด
“ข้าไม่กล้า!” ท่าทีอดีตจักรพรรดิเปลี่ยนปราวกับจอมยุทธที่ต่ำต้อย
หลิงฮันพยักหน้าและจากไป เขาต้องทำการสอบปากคำน่าจือเหยียนอีก
ตอนที่ 530
ขวดหยก
เมื่อหลิงฮันเดินออกมาจากประตูเมืองเขาก็เข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับฮูหนิวและเริ่มสอบปากคำน่าจือเหยียน
เขาอยากรู้เกี่ยวกับเผ่าใต้สมุทรให้มากกว่านี้
ภายในหอคอยทมิฬ น่าจือเหยียนไม่มีอำนาจที่จะต่อต้าน ไม่ว่าหลิงฮันจะถามอะไรมันก็ทำได้เพียงตอบตามจริงไม่กล้าปิดบัง
คนที่น่าจือเหยียนรับใช้อยู่คือเฉวียนคงหยุน ซึ่งตระกูลเฉวียนคือหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาสมุทรทิศเหนือ เฉวียนคงหยุนคือสมาชิกที่สำคัญของตระกูลโดยที่พลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก้าวสู่เทวา จากที่น่าจือเหยียนได้ยินมา เฉวียนคงหยุนผู้นี้เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงมาก
ทำไมเฉวียนคงหยุนถึงไม่ส่งคนอื่นมาด้วย แต่กลับส่งน่าจือเหยียนมาเพียงคนเดียว?
นั่นเพราะเฉวียนคงหยุนไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ตัว แม้จะเป็นคนตระกูลเฉวียนเหมือนกัน แต่ถ้าหากมีสมบัติต้องสาปลึกลับเข้ามาเกี่ยวกับ เขาเองก็อยากจะได้มันมาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว
ดังนั้นหากมีแค่น่าจือเหยียนคนเดียว การลงมือปิดปากจึงทำได้ไม่ยาก
หลิงฮันสงสัยยิ่งขึ้นไปอีกว่าสมบัติแบบใดกันที่ทำให้ตัวตนระดับก้าวสู่เทวาเกิดความต้องการขนาดนั้น ถึงแม้มันจะเป็นสมบัติต้องสาปอย่างที่หอคอยทมิฬบอก แต่แล้วมันมีประโยชน์อย่างไรล่ะ?
ถ้าไม่ขุดมันขึ้นมาดูเองก็คงไม่รู้
โชคชะตาของหลิงฮันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และด้วยการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสาป เขาสามารถสำรวจเหมืองได้อย่างอิสระ
นอกจากนั้นแล้วเขายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ นั่นคือการพาคนเหมืองทุกคนเข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อชำระล้างคำสาป
หลิงฮันเดินทางมาถึงเหมืองโบราณและพบว่าองครักษ์จักรพรรดิได้นำม้วนบัญชาของจักรพรรดิอัคคีมาแจ้งแล้ว เหมืองแห่งนี้จึงถูกปิดตัวลงทันที ทุกอย่างเป็นไปตามที่หลิงฮันคิดเอาไว้
หลิงฮันเรียกให้คนเหมืองทุกคนมารวมตัวกันจากนั้นก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานใส่พวกเขาจนหมดสติและนำตัวเข้าไปยังหอคอยทมิฬ เมื่อชำระล้างคำสาปเสร็จเขาก็เดินทางออกจากเหมืองและโยนผู้คนเหล่านั้นออกไป ส่วนเรื่องที่ผู้คนเหล่านี้จะได้สติเมื่อใดนั้น เขาคร้านเกินไปที่จะมัวไปสนใจ
“นายน้อยฮัน ท่านไม่อาจเป็นศัตรูกับนายท่านคงหยุน!” น่าจือเหยียนอยากจะร้องไห้ออกมา “ข้าต้องคอยรายงานไปยังนายท่านคงหยุนทุกๆสิบวัน และพรุ่งนี้ก็คือวันที่ต้องรายงาน แค่ตอนนี้นายท่านคงหยุนก็ไม่พอใจในความคืบหน้าในตอนนี้อยู่แล้ว ถ้าหากการขุดเหมืองค้นหาสมบัติล่าช้าไปกว่านี้ล่ะก็ นายท่านคงหยุนอาจจะมาที่นี่ด้วยตนเอง! และโศกนาฏกรรมครั้งจะต้องเกิดขึ้น!”
ระดับก้าวสู่เทวาสามารถสังหารระดับตัวอ่อนวิญญาณได้เพียงแค่นึกคิด แม้จะเป็นความสามารถราวกับสัตว์ประหลาดของหลิงฮันก็ไม่อาจต่อกร
“เร็วขนาดเชียว?” หลิงฮันขมวดคิ้ว หลายวันมานี้แรงกดดันจากกลิ่นอายของซากศพพระเจ้าได้ลดลงไปมาก คิดว่ามันคงสามารถสร้างแรงกดดันได้แค่กับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน ซึ่งไร้ประโยชน์สำหรับหลิงฮันในตอนนี้แล้ว
กับจอมยุทธระดับบุปาผลิบานด้วยกัน เขาจำเป็นต้องใช้อะไรช่วยด้วยรึ?
“นายน้อยฮัน เพื่อชีวิตของพวกเราแล้ว ท่านไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้!” น่าจือเหยียนพยายามชักนำ จากการคาดเดาของมัน แม้แต่ตัวตนระดับก้าวสู่เทวาอย่างเฉวียนคงหยุนยังให้ความสำคัญขนาดนั้น ขวดหยกต้องสาปต้องเป็นสมบัติระดับสูงแน่นอน
นั่นเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าข่าวนี้รั่วไหลออกไป แม้แต่ตระกูลจักรพรรดิของเผ่าใต้ทะเลก็อาจจะเคลื่อนไหว
หลิงฮันส่ายหัว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดที่จะขุดเหมืองแห่งนี้ แต่ภัยคุกคามของตัวตนระดับก้าวสู่เทวาก็ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน ถ้าเขาได้รับสมบัติต้องสาปนั่นมา ตัวตนระดับก้าวสู่เทวาคนนั้นจะต้องไล่ตามเขาแน่นอน
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องไปภูมิภาคกลางอยู่แล้ว และแต่ละเขตแดนมีกำแพงที่กั้นระหว่างภูมิภาคอยู่ ถ้าหากตัวตนระดับก้าวสู่เทวาบุกรุกเข้ามาพลังของเขาก็จะถูกบั่นทอนลงไป และสำหรับภูมิภาคกลาง ตัวตนระดับก้าวสู่เทวาไม่ได้เรียกว่าเป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งอะไรมาก
ใช่แล้ว… หลิงฮันจะต้องค้นหาอาวุธต้องสาปอย่างเร่งด่วน
หลิงฮันกลับเข้าไปยังเหมืองโบราณและเริ่มลงมือสำรวจพร้อมกับฮูหนิว
เหมืองโบราณเป็นสถานที่ที่พิเศษที่อบอวลไปด้วยปราณคำสาป มันปิดกั้นการรับรู้ของสัมผัสสวรรค์ทำให้หลิงฮันไม่สามารถใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบได้ไกลนัก แต่เมื่อรู้ว่าขวดหยกต้องสาปคือต้นกำเนิดของปราณคำสาปเหล่านี้ สิ่งที่หลิงฮันต้องทำคือการค้นหาตำแหน่งที่มีปราณคำสาปหนาแน่นที่สุดและขุดลงไป
หากพูดถึงเรื่องการขุด แน่นอนว่าเขาทำได้เร็วยิ่งกว่าคนเหมืองหมื่นคนเสียอีก
อะไรคือพลังอำนาจของของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน? ถ้าเกิดมีหินหรือดินที่ขวางหน้า แค่ระเบิดมันทิ้งไปก็เรียบร้อยแล้ว แม้เศษที่ดินเกิดขึ้นจากการขุดจะไม่สามารถนำออกไปข้างนอกได้เพราะมันอันตราย แต่เขาก็สามารถโยนพวกมันเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
ผ่านไปเพียงครึ่งวันกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากใต้ดินก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เพียงแค่สัมผัสก็อาจจะทำให้ผิวหนังแตกและมีโลหิตไหลออกมา แถมยังมีจิตใจบางอย่างรุกล้ำเข้ามาในจิตใจและสังหารให้สังหารทุกสิ่ง
ด้วยอำนาจคำสาปที่รุนแรงเช่นนี้ ขุดไปได้เพียงสักพักหลิงฮันกับฮูหนิวก็รู้สึกถึงแรงกดดันและรีบเข้าไปยังหอคอยทมิฬ
“นี่ไม่ใช่พลังของคำสาป แต่เป็นไปได้ว่ามันคืออำนาจแห่งความตายที่รุนแรง ดูเหมือนว่าใต้ดินของเหมืองแห่งนี้จะได้รับผลกระทบจากมันมาเป็นเวลานานแล้ว” หอคอยน้อยพูด
หลิงฮันขมวดคิ้วและพูด “เจ้าหมายความว่าใต้เหมืองนี้ไม่ได้มีแค่สมบัติต้องสาปแต่ยังมีซากศพของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งด้วย?”
“อาจจะเป็นคนที่ถูกสังหารโดยสมบัติต้องสาป” หอคอยน้อยคาดเดา
หลังจากเข้ามาในหอคอยทมิฬได้สักพัก แรงกระตุ้นอันชั่วร้ายภายในร่างกายของพวกเขาก็ถูกขจัดออกไป ทั้งสองคนออกจากหอคอยทมิฬและลงมือขุดอีกครั้ง
“ช่างเป็นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงยิ่งนัก!” หลังจากขุดไปได้สิบนาที หลิงฮันก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเขา มันคืออำนาจลึกลับที่ทำให้เขารู้สึกถึงการคุกคาม
นี่คือพลังแห่งคำสาป?
พลังแห่งคำสาปจะไม่สังหารผู้คนในทันทีแต่จะค่อยรุกลามอย่างช้า จนสุดท้ายก็ต้องจบชีวิต
“ขวด!” ฮูหนิวชี้ไปยังใต้พื้นดิน
หลิงฮันพยักหน้า ภายในหลุมที่ฮูหนิวขุดมีปากขวดบางอย่างปรากฏขึ้นมา เขารีบไปขุดพื้นดินบริเวณขวดนั่นจนสามารถมองเห็นรูปร่างของขวดหยกได้ มันเป็นขวดหยกที่มีรูปร่างเรียวยาวและขนาดไม่ใหญ่มาก แม้จะถูกฝังอยู่ใต้ดินมาเป็นเวลานานก็ปรากฏร่องรอยเสียหายใดๆแม้แต่รอยเดียว
บนผิวของขวดหยกมีอักขระวาดเอาไว้มากมาย มันสมควรเป็นเจตจำนงแห่งเต๋าที่ใช้สำหรับสาปแช่ง
เขาเอื้อมมือลงไปหยิบขวดหยกแต่ก็ไม่สามารถทำได้
มันถูกยึดติดกับพื้นติดเอาไว้?
หลิงฮันต้องออกเพิ่มอีกนิดหน่อยขวดหยกถึงจะถูกยกขึ้นมาได้ แต่ทันใดนั้นตำแหน่งที่เคยมีขวดหยกวางอยู่ก็มีนำพุโลหิตทะลักออกมา กลิ่นอายที่สัมผัสได้จากน้ำพุโลหิตเหล่านี้ แม้แต่หลิงฮันที่เคยเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ก็ยังรู้สึกหวาดกลัว
“หนี!” เขาเก็บขวดหยกและคว้าตัวฮูหนิวเพื่อเผ่นหนี
ตอนที่ 531
สถานการณ์แปรปรวน
‘ตูม’ น้ำพุโลหิตเริ่มทะลักออกมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนแรกน้ำพุโลหิตพุ่งขึ้นสูงเทียบเท่ากับความสูงโดยทั่วไปของมนุษย์เท่านั้น แต่ผ่านไปไม่นานมันก็พุ่งสูงขึ้นจนบรรจบสวรรค์ โลหิตที่ทะยานขึ้นฟ้าราวกับจะสามารถย้อมโลกใบนี้ให้กลายเป็นสีโลหิต
หลิงฮันพุ่งหลบหนีอย่างรวดเร็ว ด้านใต้เท้าของเขาที่กำลังลอยอยู่ ระดับน้ำโลหิตกำลังเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนเกือบจะตามเขาทัน ด้วยอำนาจกัดกร่อนที่รุนแรงของมัน รองเท้าของหลิงฮันเริ่มถูกย่อยสลาย เมื่อลำธารโลหิตสัมผัสกับเท้าของเขา หนังที่เท้าของเขาก็เริ่มเน่าเปื่อยจนเหลือเพียงกระดูก
ช่างน่ากลัวเป็นอย่างมาก นี่เป็นเพียงแค่ไอระเหยที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากน้ำพุโลหิตเท่านั้น หากมันมีอำนาจในการกัดกร่อนขนาดนี้ ถ้าเกิดเขากินน้ำโลหิตเหล่านี้เข้าไป ไม่ใช่ว่าร่างของเขาจะสลายไปเลยรึไง?
ต้องรู้ก่อนว่าเขานั้นบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอาวุธวิญญาณในระดับเดียวกัน หากเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนอื่น ไอระเหยนี้คงทำให้พวกเขากลายเป็นแอ่งเลือดแล้ว
หลิงฮันรีบนำฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬและทะยานตัวขึ้นสูง
หรือว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นผนึกอาคมขนาดใหญ่และขวดหยกคือแก่นอาคม? การที่เขาดึงแก่นอาคมออกมาทำให้ผนึกหยุดทำงาน สิ่งที่ถูกผนึกเอาไว้จึงได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ?
ถ้าเช่นนั้นเขาก็เป็นตัวการก่อให้เกิดหายนะน่ะสิ?
โชคดีที่คนเหมืองถูกส่งออกไปด้านนอกแล้ว ไม่เช่นนั้นร่างของพวกเขาก็สลายกลายเป็นโลหิตแน่นอน
‘ฟุบ’ หลิงฮันทะยานขึ้นฟ้าล่องลอยอยู่เหนือเหมืองโบราณ
น้ำพุโลหิตทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้าและเริ่มไหลกลับลงมา โลหิตมากมายได้เปลี่ยนทั่วทั้งเหมืองโบราณให้กลายเป็นทะเลสาปโลหิตในทันที
หลิงฮันยืนปิดจมูกอยู่ริมทะเลสาบ กลิ่นของโลหิตเหล่านี้มีกลิ่นฉุนเป็นอย่างมาก แค่การสูดดมพวกมันเข้าไปก็ทำให้เขารู้สึกกระหายเลือดและกลายเป็นอสูรที่รู้จักแต่เพียงการไล่ล่าสังหาร
น้ำสีแดงเหล่านี้ใช่โลหิตจริงๆรึ? ถ้าเกิดใช่จริงๆล่ะก็ ต้องมีสิ่งมีชีวิตมากมายขนาดตกต้องถึงจะได้โลหิตจำนวนขนาดนี้?
หลิงฮันอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ เหมืองโบราณแห่งนี้มีขนาดใหญ่ขนาดไหน? เขาเห็นด้วยตาตนเองแล้ว แต่โลหิตที่ทะลักออกมาจากหลุมใต้ขวดหยกกลับสามารถกลบพื้นที่ของเหมืองโบราณได้ทั้งหมด แม้จะเป็นโลหิตของคนหลายพันคนก็ไม่เพียงพอ
“เจ้าเดาผิดแล้ว โลหิตเหล่านั้นเป็นโลหิตของคนไม่กี่สิบคนเท่านั้น” หอคอยน้อยกล่าว
“เป็นไปได้อย่างไร?” หลิงฮันอุทานออกมาทันที ถ้าเป็นโลหิตของคนเพียงสิบกว่าคนจริง ร่างกายของคนเหล่านั้นจะต้องใหญ่ขนาดไหน? ขนาดเท่าภูเขา?
“ยิ่งจอมยุทธมีระดับพลังสูง โลหิตก็มีเข้มข้นและมีจำนวนมหาศาลขึ้น โลหิตของจอมยุทธที่แข็งแกร่งบางคนสามารถมีจำนวนเทียบเท่ากับมหาสมุทรได้เลย มันมีสิ่งใดแปลกกัน?” หอคอยน้อยเอ่ยถาม “โลหิตที่เจ้าเห็นตรงหน้าเป็นเพียงโลหิตที่มีต้นกำเนิดจากคนไม่กี่สิบคนเท่านั้น”
หลิงฮันกำลังจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นร่างสีขาวหนึ่งในทะเลสาปโลหิต ร่างนั้นลอยไปตามคลื่นของทะเลสาปโลหิต ร่างนั้นคือบุรุษที่สวมชุดขาว หน้าอกของเขามีรูกลวงที่เกิดจากการถูกระเบิดหัวใจทิ้งในทันที
ทันใดนั้นในซากศพอีกซากหนึ่งก็ลอยขึ้นมา ศพนั้นคือชายหัวโล้นที่มีจุดเก้าจุดอยู่กลางหน้าผาก บริเวณหน้าอกสวมใส่สร้อยประคำเอาไว้ ช่างหน้าแปลกอย่างมาก บริเวณหัวใจของเขาก็มีรูกลวงที่เกิดจากการถูกระเบิดหัวใจเช่นกัน
“หรือว่านั่นจะเป็นศพของนักบวชบรรพกาลในตำนาน?” หลิงฮันเคยได้ยินเรื่องราวของนักบวชแห่งบรรพกาลมาบ้าง พวกเขาละเว้นการฆ่าฟันและอยู่เหนือบ่วงโซ่แห่งความชั่วร้าย
ซากศพร่างที่สามลอยขึ้นมา คราวนี้คือสตรีงดงามที่สวมชุดคลุมยาวสีแดง เมื่อชุดของนางผสมเข้ากับทะเลสาปโลหิตแล้ว ไม่สามารถแยกออกได้เลยว่าส่วนไหนคือโลหิตหรือเสื้อผ้าของนางกันแน่
ศพของนางไม่ได้ถูกระเบิดหัวใจ แต่บนหน้าผากที่งดงามของนางได้ปรากฏรูกลวงแทน
นางนั้นเป็นสตรีที่งดงามมาก หากใครมาเห็นก็ต้องรู้เสียดายที่นางต้อมางตกตายเช่นนี้
จากนั้นก็มีศพร่างที่สี่โผล่ขึ้นมา
หลิงฮันนับแล้วมีซากศพอยู่ทั้งหมดสิบสองศพ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ซากศพของพวกเขาจะถูกฝังเอาไว้ใต้เหมือง และตอนนี้ร่างของพวกเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับน้ำพุโลหิต
หลิงฮันสัมผัสมาแล้วว่าโลหิตเหล่านี้มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนขนาดไหน แต่ศพเหล่านั้นกลับไม่ถูกย่อยสลายหลังจากผ่านมาแล้วหลายหมื่นปี ตอนที่พวกเขายังมีชีวิตพวกเขามีพลังบ่มเพาะระดับใดกันแน่?
ระดับสวรรค์… ไม่มีทางแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น
บางทีคนเหล่านี้อาจจะเป็นตัวตนระดับทลายมิติ
ปัญหาก็คือถึงแม้ศพเหล่านี้จะมีจุดตายที่ต่างกัน แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือพวกเขาถูกสังหารด้วยหมัด ราวกับว่าพวกเขาพบเจอกับตัวตนระดับพระเจ้าและถูกสังหารในหมัดเดียว
หลังจากนั้นโลหิตของจอมยุทธที่ทรงพลังทั้งสิบสองคนจึงกลายเป็นทะเลสาบโลหิต
“นั่นมันอะไรกัน!” จู่ๆหลิงฮันก็มีท่าทีตกตะลึง บนทะเลสาบมีแมงมุมสีเงินขนาดเท่าภูเขาตัวหนึ่งลอยอยู่ ขาทุกข้างของมันแหลมคมราวกับหอก กลื่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่มันปลดปล่อยออกมาทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นถ้วยชามที่กำลังแตกร้าว
สิ่งเขารู้สึกไม่ใช่ภาพลวงตา หลิงฮันมองไปยังฝ่ามือของเขาและพบว่าบริเวณฝ่ามือปรากฏรอยแตกร้าวพร้อมกับโลหิตที่ไหลออกมา
น่ากลัวเกินไป! แค่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลขนาดนี้ก็ทำให้ร่างของเขาแตกสลายได้!
ระดับสวรรค์ไม่มีอำนาจขนาดนี้แน่นอน และในโลกเบื้องล่างแห่งนี้ยอมให้มีเพียงตัวตนที่มีพลังไม่เกินระดับทลายมิติดำรงอยู่เท่านั้น ดังนั้นแมงมุมร่างเงินตัวนี้ต้องเป็นอสูรระดับทลายมิติแน่นอน
อสูรแมงมุมเงินยักษ์ชำเลืองมองหลิงฮัน แต่ท่าทีของมันไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแม้แต่น้อย ราวกับไม่แยแสใดๆต่อมดปลวกอย่างหลิงฮัน
ทั้งสองต่างอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลิงฮันเป็นเพียงมนุษย์ที่อ่อนแอธรรมดา มันจำเป็นต้องแสดงท่าทีข่มขู่แมลงตัวเล็กๆด้วยรึ?
เมื่อผ่านไปชั่วขณะ หลิงฮันก็พบว่าร่างกายและวิญญาณของเขารู้สึกราวกับจะระเบิดออกมา
บางทีหลิงฮันอาจจะต้องกลับไปมีพลังระดับสวรรค์ก่อน ถึงจะสามารถต่อต้านอำนาจขนาดนี้ได้
‘ตูม’ ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีน้ำวนขนาดมหึมาปรากฏขึ้นที่ทะเลสาบโลหิต ระดับของทะเลโลหิตเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วจนภายในไม่กี่ลมหายใจทะเลสาปโลหิตที่หลิงฮันเห็นเมื่อครู่ก็หายไปจนหมด ซากศพทั้งสิบสองเองก็หายไปด้วย
ขาทั้งแปดของอสูรแมงมุมยักษ์สั่นไหวพร้อมกับร่างของมันที่หดตัวย่อขนาดลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นเส้นแสงมุดหายลงไปยังหลุมใต้เหมืองจนไม่สามารถมองเห็นได้อีก
ที่เหมืองโบราณแห่งนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน ในตอนแรกเขาคิดไว้ว่ามีเพียงสมบัติต้องสาปถูกฝังเอาไว้เท่านั้น แต่หลังจากได้สมบัติต้องสาปมา กลับปรากฏซากศพของจอมยุทธทรงพลังทั้งสิบสองและอสูรแมงมุมยักษ์ขนาดเท่าภูเขาที่มีชีวิต!
เขาไม่รู้ว่าแมงมุมยักษ์สีเงินนั่นเป็นวิญญาณจากยุคสมัยหลายล้านปีก่อนหรือเป็นสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่กันแน่
มันแข็งแกร่งจนถึงขนาดที่เขาไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ได้ จึงไม่แปลกที่หลิงฮันจะมองไม่ออกว่าที่จริงแล้วมันคืออะไร
ตอนที่ 532
ทดสอบคำสาป
หลิงฮันคิดว่าเมื่อขุดเหมืองและได้รับสมบัติต้องสาปมาทุกอย่างจะสิ้นสุด แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีสิ่งลึกลับปรากฏเพิ่มขึนมาแบบนี้
โลหิตสลายหายไปอย่างสมบูรณ์พร้อมกับเหมืองโบราณที่กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แต่หลิงฮันนั้นไม่อาจทำให้จิตใจของตนเองสงบได้ เขารู้ตัวแล้วว่าในทวีปฮงเทียนแห่งนี้มีความลับถูกซุกซ่อนเอาไว้มากมาย
ในชีวิตที่แล้วเขาเคยตระเวนไปยังโบราณสถานมานับไม่ถ้วน หากจะให้วัดความน่าสะพรึงกลัวแล้ว เหตุการณ์ทะเลสาบโลหิตนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายเป็นอันดับสอง
อันดับแรกก็คือการค้นพบหอคอยทมิฬที่บดขยี้ร่างกายของเขาในทันที แถมหอคอยน้อยยังชอบคุยโวหลายต่อหลายครั้งว่ามันสามารถทำลายทวีปฮงเทียนแห่งนี้ทิ้งได้ในพริบตา
หลิงฮันเข้าไปยังหอคอยทมิฬ ในเมื่อเขาไม่สามารถหาคำตอบของเหตุการณ์ทะเลสาบโลหิตได้ งั้นก็เริ่มจากตรวจสอบขวดหยกก่อนแล้วกัน
“หอคอยน้อย สิ่งนี้คืออะไร?” หลิงฮันถาม
“สมบัติต้องสาป” หอคอยน้อยปรากฏตัวและพูดอย่างไม่แยแส
หอคอยทมิฬนั้นยิ่งยโสมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หลิงฮันพบว่าไม่มีวิธีไหนเลยที่จะเถียงชนะหอคอยน้อย
“จะใช้มันได้อย่างไร?” หลิงฮันถามอย่างไม่ละอายใจ
หอคอยน้อยกล่าว “เจ้าอยากจะสาปใครก็นำชิ้นส่วนอย่างเช่น เส้นผม เล็บ หรืออะไรก็ได้จากคนๆนั้นและใส่เข้าไปในขวด เจ้าเห็นรูปแบบอาคมบนพื้นผิวภายนอกของขวดรึไม่ มันคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของคำสาป”
“คำสาปมีทั้งการทำให้เจ็บป่วย กลายเป็นบ้า ตาย โชคร้าย และอื่นๆ”
“ถ้าเจ้าต้องการสาปแช่งใครคำสาปจะส่งผลไกลได้ถึงหนึ่งพันไมล์”
หลิงฮันตกตะลึง เขาคิดว่ารูปแบบอาคมบนขวดหยกคือเจตจำนงแห่งเต๋าของใครบางคน ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่ใช้สำหรับสาปแช่งคนอื่น เขาอดที่จะพูดอย่างตื่นเต้นออกไปไม่ได้ “ก็หมายความว่าหากข้าได้เส้นผม เล็บ หรือโลหิตของใครมาข้าก็สามารถสาปแช่งคนๆนั้นได้?”
“แน่นอน” หอคอยน้อยพยักหน้า “เพียงแต่ว่าคำสาปจะแตกต่างออกไปในแต่ละบุคคล ยิ่งพลังบ่มเพาะและพลังชีวิตแข็งแกร่งก็ต้องใช้คำสาปที่มีระดับสูงขึ้น”
หลิงฮันพยักหน้า “คำสาปนี้น่าจะใช้ได้ผลกับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา” หัวใจของหลิงฮันเต้นแรง ถ้าแค่ระดับด้าวสู่เทวายังสาปไม่ได้ เฉวียนคงหมิงจะต้องการขวดหยกนี้ไปทำไม?
บางทีแม้แต่ตัวตนระดับสวรรค์หรือทลายมิติก็จะอาจจะได้ผล เพราะว่าขวดหยกคำสาปชิ้นนี้คือสิ่งที่ใช้ผนึกซากศพของจอมยุทธที่แข็งแกร่งทั้งสิบสองคนและแมงมุมเงินยักษ์ขนาดเท่าภูเขาเอาไว้ อำนาจของขวดหยกนี้จึงต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
“งั้นก็ลองทดสอบดูแล้วกัน” หลิงฮันเรียกน่าจือเหยียนมาและพูด “มอบผมของเจ้ามา”
“นายน้อยฮัน ท่านต้องการเส้นผมของข้าผู้ต่ำต้อยไปทำไม?” น่าจือเหยียนไม่กล้าปฏิเสธ เขาดึงเส้นผมออกมาและส่งให้หลิงฮันพร้อมกับถามด้วยความสับสน
หลิงฮันยิ้มและโยนเส้นผมลงไปในขวดหยด เมื่อเขย่าขวดหยกเสร็จเขาก็ถาม “เจ้ารู้สึกคุ้นๆกับขวดใบนี้รึไม่?”
‘รู้สึกคุ้นๆงั้นรึ?’
น่าจือเหยียนสับสบ หรือว่านั่นจะเป็นขวดที่หลิงฮันแอบหยิบออกมาจากบ้านของเขา?
หลิงฮันตบไหล่น่าจือเหยียนและพูด “ข้าแนะนำให้เจ้าเตรียมพร้อมให้ดี” หลิงฮันกดนิ้วลงไปยังรูปแบบอาคมบนขวดและปลดปล่อยปราณก่อเกิดเข้าไปเล็กน้อยตามที่หอคอยน้อยบอก
ทันใดนั้นรูปแบบอาคมคำสาปก็ถูกกระตุ้น ‘พรึบ’ เส้นผมเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตพร้อมกับปรากฏดอกไม้ขึ้นในขวดหยก
“นายน้อยฮัน ทำกำลังเล่นกลให้ข้าดู?” น่าจือเหยียนอดที่จะถามออกไปไม่ได้
ไม่ผิดแน่ หลิงฮันนำผมของเขาใส่ลงไปในขวด และทันใดนั้นมันก็กลายเป็นดอกไม้ นี่ต้องเป็นการเล่นกลแน่นอน หรือว่าเขาควรจะต้องปรบมือเพื่อทำให้หลิงฮันพึงพอใจพอ?
“อั่ก” ปากของน่าจือเหยียนกระตุ้นเล็กน้อย “ทำไมจู่ๆข้าถึงได้ปวดท้อง?”
ช่างเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งนัก ร่างกายของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนั้นไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดการเจ็บป่วยนอกเสียว่าจะถูกวางยาพิษ แต่เขาก็ไม่ได้กินอะไรลงไปไม่ใช่รึไง? แล้วเขาไปโดนวางยาพิษตั้งแต่ตอนไหน?
“นะ…นายน้อยฮัน!” ท้องของน่าจือเหยียนรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนขาทั้งสองข้างบิดไปมา “ข้า… ข้าผู้ต่ำต้อยขอตัวก่อน ไว้เดี๋ยวข้าหายดีแล้วจะมาพบนายน้อยฮันใหม่”
ได้ผลรวดเร็วขนาดนี้เชียว!
หลิงฮันนึกถึงคำพูดของหอคอยน้อย คำสาปจะส่งผลเร็วหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับระดับของสมบัติต้องสาปกับระดับพลังและพลังชีวิตของผู้ถูกสาป
ช่างเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมนัก!
หลิงฮันหัวเราะและหยุดส่งปราณก่อเกิดเข้าไปในรูปแบบอาคม ทันใดรูปแบบอาคมที่ส่องสว่างก็มืดลงทันที รวมถึงดอกไม้ที่ค่อยๆสลายไป
“หือ ท้องของข้าไม่ปวดแล้ว?” น่าจือเหยียนแปลกใจ ช่างเป็นเรื่องที่ประประหลาดจริงๆ ความเจ็บปวดทรมานเมื่อครู่จู่ๆก็หายไปเอง หากอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับมนุษย์ก็ยังพอรับได้ แต่มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเด็ดขาด
เขาจ้องไปยังหลิงฮันและเอ่ยถาม “นายน้อยฮัน หรือว่าท่านจะเป็นคนทำ?”
หลิงฮันยิ้มและพูด “ลองอีกครั้ง” เขากระตุ้นรูปแบบอาคมคำสาปอีกครั้ง
“นายน้อยฮัน ท่านจะทำอะไรกับข้ากันแน่?” น่าจือเหยียนหวาดกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ทันใดนั้นเอง น่าจือเหยียนก็ราวกับกลายเป็นคนไร้ชีวิต หัวของเขาห้อยลงไปที่พื้นราวกับคนอกหัก “คนบัดซบอย่างข้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ พระเจ้า! ได้โปรดเสกสายฟ้าลงมาผ่าข้าให้ตายที!”
“ข้ามันเป็นแมลง… ไม่สิแม้แต่แมลงยังดีกว่าข้าเลย”
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานถูกสาปให้สิ้นหวังจนหมดกำลังใจที่จะมีชีวิต!
ไม่ว่าจะยังไงหากพูดถึงการมีชีวิต ไม่ว่าใครก็ย่อมมีสัญชาตญาณที่จะรักชีวิตของตนเองเป็นอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนสัญชาตญาณที่ว่าจะถูกทำให้สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง ช่างน่ากลัวจริงๆ
หลิงฮันหยุดมืออีกครั้ง
น่าจือเหยียนกระโดดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวและสีหน้าที่หวาดกลัว ช่างน่ากลัว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อครู่เขาเพิ่งจะรู้สึกหดหู่จนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว เขามีเหตุผลอะไรที่อยากจะตายกัน?
ร่างของน่าจือเหยียนสั่นสะท้าน ความสามารถของหลิงฮันนั้นฝืนสวรรค์เกินไปแล้ว
หลิงฮันหันไปมองที่ขวดหยกและพบว่าเส้นผมหดเหลือเพียงครึ่งเดียว ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสาปใครสักคนไปตลอดกาล
น่าจือเหยียนชะงักและพูดออกมา “นะ…นั่นมันขวดหยกที่นายท่านคงหมิงตามหา!”
มีเพียงสมบัติเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้เฉวียนคงหมิงหวั่นไหว
ตัวเขาที่ทำงานมาเป็นเวลาครึ่งปี… แต่หลิงฮันที่เพิ่งเดินทางมาถึงไม่นานกลับสามารถค้นหาสมบัติต้องสาปเจอได้ง่ายๆ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
หลิงฮันตบไหล่ของน่าจือเหยียนและพูด “ข้าจะมอบภารกิจให้เจ้า”
น่าจือเหยียนกลายเป็นเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าหลิงฮันต้องไม่มอบภารกิจสบายๆให้กับเขาแน่นอน น่าจือเหยียนรีดเค้นความกล้าและถามกลับไป “ไม่ทราบว่านายน้อยฮันต้องการให้ข้าทำอะไร?”
หลิงฮันยิ้มและพูด “เป็นภารกิจง่ายๆ เจ้าต้องไปรายงานความคืบหน้าของการค้นหาขวดหยก และในตอนนั้นจงนำเส้นผม เล็บ ผิวหนังหรืออะไรก็ได้ที่เป็นชิ้นส่วนของร่างกายมันมาให้ข้า”
น่าจือเหยียนหวาดกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว อีกฝ่ายคือเฉวียนคงหมิงเชียวนะ!
ตอนที่ 533
กองทัพใต้สมุทร
“เจ้าจะปฏิเสธ?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
โดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาเดินเข้าไปหามันและดึงเส้นผมของมันมา จากนั้นโยนใส่เข้าไปในขวดหยกอีกครั้ง แล้วพูดออกมาว่า “คิดให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา”
น่าจือเหยียนอยากจะร้องไห้ออกมาแต่กลับไม่มีน้ำตา ก่อนที่จะถูกสาปรอบสองมันก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว โดยเฉพาะครั้งที่สองทำให้มันสูญเสียจิตใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
เห็นได้ชัดว่าหลิงฮันสามารถสาปมันได้ทุกเมื่อ และตอนนี้มันถูกหลิงฮันดึงเส้นผมไปหลายเส้นแล้ว และไม่รู้ว่าจะต้องตายไปสักกี่ครั้งกันถึงจะหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ใครบอกว่าคำสาปมีเพียงแค่ทำให้มันรู้สึกปวดท้องและต้องการที่จะตายสองอย่างกัน?
“ข้าจะทำ! มันเป็นความสุขของข้าผู้นี้ที่ได้ทำงานให้กับนายน้อยฮัน!” น่าจือเหยียนรีบพูดออกมาทันที
หลิงฮันตบไหล่ของมันและพูดว่า “นั่นแหละที่ข้าอยากได้ยิน เป็นลูกผู้ชายต้องพูดออกมาด้วยความซื่อสัตย์”
“ขอรับ นายน้อยฮันกล่าวได้ถูกต้อง!” น่าจือเหยียน
จากนั้นหลิงฮันได้ตบหน้ามัน ทำให้มันสลบทันทีแล้วพาตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ แม้ว่าเขาจะสามารถควบคุมคำสาปได้ แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ความลับของหอคอยทมิฬ เขาต้องเก็บมันไว้เป็นความลับจากคนนอก
หลังจากกลับไปที่เมืองจักรพรรดิพร้อมกับน่าจือเหยียน หลิงฮันได้ปลุกมันให้และพูดว่า “ไปตามทางของเจ้า และอย่าคิดว่าเจ้าจะหนีข้าพ้น หลังจากผ่านไปสามวัน ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกหวาดกลัวอีกครั้ง”
“นายน้อยฮัน ข้าเชื่อในตัวท่านว่าจะไม่พยายามทำแบบนั้น” น่าจือเหยียนรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว
“แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร? ข้าจะพิสูจน์ความจริงใจของข้าได้อย่างไร?” หลิงฮันรู้สึกไม่มีความสุข
การข่มขู่คนอื่นมันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจหรือไม่?
น่าจือเหยียนทำได้แค่ทำตามคำสั่งของหลิงฮัน นั่นจะเป็นโอกาสที่มันจะมีชีวิตรอด ตราบใดที่เฉวียนคงหยุนมึนเมาก็จะไม่รู้ว่ามันทำอะไรลงไป
คำสาปทำให้คนตาย? ฮ่าฮ่าฮ่า ใครจะไปเชื่อว่าเรื่องแบบนั้นมีจริง?
เหมือนกับที่มันต้องการฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้ ถ้ามันตายจริง ใครจะเชื่อว่านั่นเป็นเพราะคำสาป?
อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีข้อสงสัยบางอย่าง ถ้าห่างจากหลิงฮันไปหนึ่งแสนแปดหมื่นไมล์ คำสาปมันจะยังคงส่งผลอยู่หรือไม่? มันต้องยืนยันเรื่องนี้ให้ได้ก่อน มิฉะนั้นแม้ว่ามันจะไม่โกหกเฉวียนคงหยุน แต่ก็ยังคงโดนคำสาปอยู่ดีสุดท้ายยังไงมันก็ต้องตาย
ผ่านไปสามวัน มันออกเดินทางตลอดเวลาไม่หยุดพักเพื่อออกห่างจากหลิงฮันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้และเพื่อทดสอบว่าสมบัติของหลิงฮันสามารถฆ่าคนได้โดยที่ไม่ต้องมองเห็นหรือไม่
น่าจือเหยียนรีบดิ่งลงไปในทะเลอย่างรวดเร็วแทนที่จะบินอยู่บนท้องฟ้า
เมื่อมันลงไปในทะเล ขาของมันได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์และกลายเป็นหางปลา เมื่อหางของมันสะบัด ความเร็วของมันก็เพิ่มสูงขึ้นทันทีและว่ายลึกลงไปในทะเล ซึ่งรวดเร็วกว่าบินบนอากาศเสียอีก
เผ่าใต้ทะเลเหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในทะเลจริงๆ และพลังต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในทะเล
ก้นบึ้งของทะเลนั้นมืดมาก แต่มันก็ไม่ได้มีปัญหาสำหรับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน ฉากที่มันเห็นตลอดทางนั้นช่างคุ้นเคยและมีเผ่าใต้ทะเลหลายเผ่าปรากฏ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานไม่ได้ถือว่าเป็นตัวตนระดับสูงสุดของเผ่าใต้ทะเล แต่ก็ถือเป็นตัวตนระดับสูง ดังนั้น เมื่อมันเดินทางผ่าน เผ่าใต้ทะเลหลายเผ่าต่างมอบของขวัญให้กับมัน
หญิงสาวเผ่าใต้ทะเลบางคนนั้นมีเสน่ห์มาก และมีชื่อเสียงในด้านความงามและการดึงดูด
“เกิดอะไรขึ้น อ๊ากกก!” ภายในใจของน่าจือเหยียนรู้สึกทรมาน หัวของมันกระแทกเข้ากับก้นทะเล และปล่อยฟองอากาศออกมาจากปากขณะพูดออกมาว่า “ข้าเป็นแมลง ข้าสมควรตาย!”
ดวงตาของมันเผยให้เห็นถึงความตกใจ
คำสาป!
จากนั้นชั่วครู่ น่าจือเหยียนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และคิดออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าถ้ามันไม่ทำตามที่หลิงฮันสั่ง มันจะต้องตายอย่างแน่นอน
……
หลิงฮันไม่ได้สนใจน่าจือเหยียนและเฉวียนคงหมิงมากนัก นั่นเป็นเพราะเมื่อน่าจือเหยียนนำผิวหนังหรือเส้นผมของเฉวียนคงหมิงกลับมาได้ เขาก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ข้างเดียว แต่ถ้ามันไม่ได้ผล เขาก็จะไปที่ภูมิภาคกลางและปล่อยให้เฉวียนคงหมิงไล่ตามเขามาด้วยตัวมันเอง
เมื่อหลิงฮันกลับไปที่บ้าน เขาใช้เวลาอยู่กับครอบครัวสองสามวัน ถ้าหากสามารถแก้ไขปัญหาระหว่างเผ่าใต้สมุทรได้อย่างน่าพึงพอใจ ตระกูลหลิงก็จะไม่ต้องย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง
หลังจากนั้นสองสามวัน เขาได้เดินทางไปที่เมืองจักรพรรดิอีกครั้งเพราะเขาต้องมารอพบน่าจือเหยียนในช่วงสิบวันนี้
หลังจากที่อยู่เมืองจักรพรรดิได้แค่วันเดียว น่าจือเหยียนก็กลับมาและยื่นกระเป๋าให้กับหลิงฮันและพูดว่า “นายน้อยฮัน ข้านำเกล็ดผิวหนังของนายท่านคงหมิงกลับมาได้แค่สามชิ้นเท่านั้น” มันกลัวว่าหลิงฮันจะไม่พอใจและรีบกล่าวออกมาทันทีว่า “นายท่านคงหมิงเป็นเหมือนปีศาจใต้ท้องทะเล เกล็ดผิวหนังของเขาเป็นสมบัติสำหรับสร้างเกราะ ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าจะได้รับมันมา”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ตราบใดที่มันเป็นเกล็ดผิวหนังของมัน”
จากนั้นหลิงฮันตบตีน่าจื่อเหยียนจนสลบและพามันเข้าไปในหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาได้นำขวดหยกคำสาปออกมา แล้วบดขยี้เกล็ดผิวหนังของเฉวียนคงหมิงก่อนที่จะใส่เข้าไปในขวดและเปิดใช้งานรูปแบบอาคมคำสาปทันที
ทันใดนั้น ดอกไม้ก็เบ่งบาน
นี่หมายความว่าคำสาปสามารถได้ใช้ผล มิฉะนั้นถ้าระดับของอีกฝ่ายสูงเกินไปคำสาปก็จะไร้ผลและดอกไม้จะไม่เบ่งบาน
จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ก็สามารถถูกคำสาปฆ่าตายได้?
ตั้งแต่ที่คำสาปใช้ได้ผล หลิงฮันจึงกลับไปที่บ้านของเขาและตั้งใจที่จะอยู่ในเหมืองหยางสวรรค์อีกสองเดือน แล้วเข้าร่วมกับหยินหงและจูเสวี่ยนเอ๋อเพื่อเดินทางไปที่ภูมิภาคกลาง
แต่ทว่าวันเวลาที่สงบสุขกลับสั้นยิ่งนักเพียงแค่สิบห้าวัน
ในขณะนั้น ท้องทะลไหลเชี่ยวและเกิดความวุ่นวายขึ้น
แม้ว่าตระกูลหลิงจะกบดาลอยู่ในเมือง แต่ก็มีผู้คนเดินอยู่รอบที่พวกเขาอาศัยอยู่ และในไม่ช้าก็พบผู้ลี้ภัยเข้าในเมืองมากขึ้น เมื่อถามถึงสถานการณ์ พวกเขาได้บอกกับหลิงฮันว่ามันมีกองทัพปรากฏตัวออกมาจากทะเลและกำลังมุ่งหน้าตรงมาที่เมืองจักรพรรดิ
กองทัพ?
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ ไม่ใช่เฉวียนคงหมิงอยู่ในกำมือเขาแล้วหรอกหรือ? เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาและฮูหนิวรีบมุ่งหน้าไปที่เมืองจักรพรรดิทันที
เมื่อเขามาถึง กองทัพยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่ทะเล หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน กองทัพทหารก็ปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตา
ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างกองทัพของเผ่ามนุษย์กับเผ่าใต้ทะเล พวกมันทุกคนต่างเป็นทหารราบ และมีจำนวนหลายคน ทหารที่อยู่ด้านหน้าแต่ละกลุ่มกำลังถือธงอยู่และร่างกายเป็นเมล็ด มันดูแตกต่างเล็กน้อย และอาวุธของพวกมันส่วนใหญ่คือหอกและขวาน
นอกจากนี้ นิ้วมือและขาของพวกมันหลายคนเชื่อมติดกันและไม่ใส่รองเท้า ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เผ่าใต้สมุทร!
ตอนที่ 534
องค์หญิงแห่งท้องสมุทร
จำนวนทหารมีเพียงแค่หนึ่งหมื่นคนเท่านั้น และระดับพลังที่ต่ำสุดคือระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ และมีรถม้าคันหนึ่งที่ถูกลากโดยม้าสองหัวอยู่ในขบวนทัพ ผนังของรถม้าถูกตกแต่งด้วยลวดลายโบราณ
เมื่อจ้องมองไปที่มัน จิตใจของเขากลายเป็นว่างเปล่าทันที และเห็นมือขนาดใหญ่ปรากฏออกมาจากในอากาศที่ว่างเปล่าเพื่อจับตัวเขา
มือขนาดใหญ่นั่นมันน่ากลัวมาก ราวกับท้องฟ้ากำลังร่วงหล่น แต่เมื่อมองให้ดีจะเห็นได้ชัดว่านี่คือมือของผู้หญิง มันมีผิวเป็นสีขาวและละเอียดอ่อนนั่นเกือบจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ
แข็งแกร่งมาก!
หลิงฮันไม่มีเวลาแม้แต่จะขบคิด เขาพาฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีและหัวใจของเขากระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง แม้มันจะเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่มันก็เกือบเป็นเวลาที่อันตรายที่สุดในชีวิต
หากเขาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว เขาจะต้องถูกมือยักษ์นั่นจับแน่นอนและเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่จะเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ระดับสวรรค์…หรืออาจเป็นระดับทลายมิติ!
หลิงฮันส่ายหัว ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนเขาไม่สามารถคาดเดาได้ เขามีเพียงแค่เศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์ บางทีเขาอาจมองเห็นพลังของจอมยุทธระดับสวรรค์ช่วงต้นได้ แต่ถ้าเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ช่วงปลายนั้นเป็นเหมือนกับหมอก
ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าใต้สมุทรยังมีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่
สิ่งเดียวที่แน่นอนคือจอมยุทธที่อยู่ในรถม้าไม่มีทางเป็นเฉวียนคงหมิงไปได้ เพราะมันเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น
“หืม?” เสียงของความประหลาดใจดังมาจากด้านในรถม้า
“องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นกับท่านงั้นหรือ?” นักรบเผ่าใต้สมุทรรีบถามออกมาทันที
“มันน่าสนใจมาก!” คนที่อยู่ในรถม้ากล่าว
นักรบเผ่าใต้สมุทรรู้สึกประหลาดใจและหันไปมองเพื่อตรวจสอบดู แต่มันจะค้นพบการดำรงอยู่ของหอคอยทมิฬได้อย่างไร
“หายตัวไปแล้ว” คนในรถม้าพูดและพูดพึมพัมออกมาว่า “มันเป็นการเคลื่อนย้ายพริบตาจริงๆงั้นรึ? สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีความผันผวนของพื้นที่เวลา! แต่ถ้าไม่ใช่การเคลื่อนย้ายพริบตา แล้วมันจะหายตัวไปอย่างกะทันหันได้อย่างไร?”
เมื่อล้อรถม้าหมุน กองทัพก็ยังคงเดินหน้าต่อไปที่เมืองจักรพรรดิ
เมื่อกองทัพหายลับไปจากสายตา หลิงฮันและฮูหนิวก็ปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ
“ผู้หญิงที่น่ากลัวนั่นฮูหนิวจะเป็นคนทุบตีเอง!” ฮูหนิวกล่าวพร้อมกับตบหน้าอก
หลิงฮันพยักหน้า พลังของเผ่าใต้ทะเลนั้นน่าทึ่งมาก หรือว่าน่าจือเหยียนจะเปิดเผยความลับออกมา มิฉะนั้นเรื่องมันคงจะจบแล้วหลังจากที่เขาสาปเฉวียนคงหมิง แต่เหตุใดกันกองทัพใต้สมุทรถึงปรากฏออกมาพร้อมกับหญิงสาวที่แข็งแกร่งคนนั้น
บางทีนางอาจเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ หรือแม้กระทั่งระดับทลายมิติ แล้วถ้านางอาละวาดในภูมิภาคเหนือแล้วใครจะหยุดยั้งนางได้?
หลิงฮันนำตัวน่าจือเหยียนออกมาและถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน?”
น่าจือเหยียนกรีดร้องออกมา มันจะบอกความลับแบบนั้นให้กับหลิงฮันได้อย่างไร? ถ้าเผ่าใต้สมุทรรู้เข้าว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมของเฉวียนคงหมิง มันจะไม่ถูกฆ่าเป็นชิ้นๆเลยหรือไง? มันสั่นเทาและพูดออกมาว่า “คนผู้นั้นคือ องค์หญิงลำดับเจ็ดแห่งตระกูลราชวงศ์ องค์หญิงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน”
“แล้วระดับพลังของนางล่ะ?” หลิงฮันถาม
“ว่ากันว่านางเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์” น่าจือเหยียนคิดอยู่ชั่วครู่เพื่อยืนยัน “นางสมควรที่จะเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ องค์หญิงลำดับเจ็ดเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดแห่งราชวงศ์เฮ่อเหลียน แต่ยังไม่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ”
หลิงฮันจำได้ว่ามันเคยพูดออกมาว่ามีสามตระกูลใหญ่ในทะเลเหนือ นั่นคือเฮ่อเหลียน เสี่ยวยวี่ เหวินเหริน พวกเขาต่างมีตัวตนระดับทลายมิติหนุนหลัง ซึ่งมันเทียบได้กับนิกายใหญ่แห่งภูมิภาคกลาง
แม้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจะไม่ได้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่เพียงแค่ระดับสวรรค์ก็สามารถกวาดล้างทั้งภูมิภาคเหนือได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลิงฮันรู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาในชีวิตที่แล้วเสียอีก และอาจเทียบเท่ากับจักรพรรดิดาบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินเพราะนี่เป็นเพียงแค่การคาดเดา
ข้าคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะปรากฏตัวออกมาเพราะขวดหยกคำสาป มิฉะนั้นเวลามันคงไม่เหมาะเจาะขนาดนี้
แต่ถ้าน่าจือเหยียนไม่ปากโป้ง แล้วอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเฉวียนคงหมิงจะปล่อยความลับออกมาก่อนที่มันจะตาย?
หลิงฮันขบคิดเรื่องพวกนี้อยู่สักพัก และตบน่าจื่อเหยียนสลบอีกครั้งก่อนที่จะโยนเข้าไปในหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาก็เดินทางไปที่เมืองจักรพรรดิ ซึ่งกองทัพใต้สมุทรนั้นยังเดินทางมาไม่ถึง ความเร็วของพวกเขานั้นไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
แต่หลังจากนั้นไม่นาน สองวันต่อมากองทัพใต้สมุทรได้มาถึงรอบนอกของเมืองจักรพรรดิแล้ว
แคว้นอัคคีกำลังถูกศัตรูบุก บนกำแพงทหารทุกคนต่างกำดาบแน่นอยู่ในมือและลูกศรที่ตรึงอยู่บนเชือก คนที่อ่อนแอที่สุดในกองทัพศัตรูนั้นคือระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ
นี่มันไม่สมควรเรียกว่ากองทัพขนาดใหญ่ มันควรถูกเรียกว่าองครักษ์ขององค์หญิงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมากกว่า นั่นเป็นเพราะจำนวนผู้คนของฝ่ายศัตรูมีน้อยเกินไป
“ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของที่แห่งนี้ จงมอบสิ่งนั้นให้กับข้าทันที มิฉะนั้น หลังจากนี้อีกสามวันสถานที่แห่งนี้จะต้องเผชิญกับความพิโรธและหายไปจากดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยว!” ภายในรถม้า เสียงของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
นางปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมาบดบังพลังของสวรรค์และโลก ทำให้ทุกคนทิ้งอาวุธที่อยู่ในมือของตัวเองทันที ยกเว้นจักรพรรดิหวู่ซง
แต่พวกเขาจะไปทำอะไรได้?
พวกเขายังไม่รู้เลยที่อีกฝ่ายพูดว่า “สิ่งนั้น” คืออะไรและจะส่งมอบมันได้อย่างไร? ช่างโชคร้ายยิ่งนัก เมื่อไม่กี่วันก่อนผู้คนถูกฆ่าตายในพระราชวัง พวกเขาถูกบังคับให้ลงนามเป็นพันธมิตร และตอนนี้พวกเขากำลังจะถูกฆ่าภายในเมืองจักรพรรดิอีก
แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในรถจะไม่ได้แสดงตัวตนออกมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยในคำพูดของนาง เพียงแค่พลังปราณที่นางปลดปล่อยออกมาเล็กน้อยก็ทำให้ทุกคนรับรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
นางมีความแข็งแกร่งที่จะทำเช่นนั้น และแน่นอนว่านางจะต้องทำตามที่พูด
หลิงฮันขมวดคิ้ว และมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายมาเพื่อขวดหยกคำสาป หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาพาฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วขึ้นไปบนกำแพงเมือง
“นายท่าน!”
“นายท่าน!”
“นายท่าน!”
เมื่อทุกคนเห็นหลิงฮัน ทุกคนต่างคุกเข่าลงราวกับพวกเขาเจอผู้ช่วยชีวิต
หลิงฮันหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “อย่าเหมารวมข้า พวกมันหนึ่งหมื่นคนไม่ใช่คนเพียงคนเดียวที่สามารถจัดการได้”
เมื่อได้ยินหลิงฮันพูดแบบนั้นออกมา ทุกคนต่างเผยสีหน้าที่ผิดหวัง แม้แต่หลิงฮันยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกมันควรทำเช่นไรดี?
หลิงฮันจ้องมองออกไปในระยะไกลและตะโกนเสียงดังว่า “พวกเรามาพูดคุยกันเถอะ แต่ถ้าท่านโจมตีข้าอีกครั้ง ข้าจะจากไปทันที แล้วท่านจะไม่มีวันหาตัวข้าพบอีก”
“สามห้าว!”
“เจ้ากล้ามากที่พูดจากับองค์หญิงของพวกเราแบบนั้น!”
นักรบเผ่าใต้สมุทรส่งเสียงตะโกนออกมาและคิดอยู่ในใจว่า องค์หญิงเฮ่อเหลียนเป็นเหมือนพระเจ้าและไม่มีใครสามารถล่วงเกินได้ แต่เผ่ามนุษย์อันต่ำต้อยกลับต้องการพูดคุยกับองค์หญิงของพวกมัน? ไร้สาระ!
เสียงในรถม้าดังขึ้นและพูดออกมาว่า “มาพูดคุยกัน”
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่หลิงฮันหลบการโจมตีของนางได้ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้พิจารณาความสามารถในการหลบหนีของหลิงฮันไว้มากพอสมควร แต่ถ้าเขาหลบหนีไม่ได้ เขาจะมีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับนางได้อย่างไร?
ตอนที่ 535
ลากลงหลุม
หลิงฮันยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องยอมเจรจาแน่นอน
“ข้ามีคำถามเล็กๆน้อยๆอยากจะถามองค์หญิง” หลิงฮันพูด
“โอ้ งั้นเจ้าก็ต้องตอบคำถามองค์หญิงผู้นี้ก่อน ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องเจรจากัน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดอย่างสงบนิ่ง “ขวดหยกอยู่ในการครอบครองของเจ้า?”
อย่างที่คิด!
หลิงฮันไม่ได้ปฏิเสธ “ถูกต้อง”
ภายในรถม้าไม่มีเสียงใดๆดังออกมาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกตกตะลึงหรือไม่ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเอ่ย “แล้วสิ่งที่เจ้าอยากรู้คืออะไร?”
“องค์หญิงรู้เรื่องขวดหยกนี้ได้อย่างไร?” หลิงฮันถาม
“มันคือเรื่องที่ไม่สมควรให้คนจำนวนมากรับรู้ ไปหาสถานที่เงียบๆคุยกัน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “งั้นก็ตามข้ามา แต่อย่าเข้ามาใกล้ชิดเกินไป ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะกลัวจนไม่โผล่หน้าออกมาให้เจ้าเห็นอีกเลย”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเค้นเสียงด้วยความไม่พอใจ
หลิงฮันเดินนำโดยมีเผ่าใต้สมุทรเดินตามหลัง ตำแหน่งที่หลิงฮันกำลังมุ่งหน้าไปก็คือเหมืองโบราณ ถ้าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนผลีผลาม เขาจะพาพวกมันลงหลุมโลหิตเพื่อสังหารทิ้งทันที
เผ่าใต้สมุทรเคลื่อนไหวบนผืนดินได้ไม่รวดเร็วนัก แต่หลุมเหมืองตรงเหมืองโบราณก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย
“หยุด!” เสียงของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนดังออกมาจากรถม้า “เผ่ามนุษย์ ที่นี่คือเหมืองโบราณ?”
‘โอ้ นางรู้ด้วย!’
หลิงฮันหยุดเดินและหันกลับไปพูด “ถูกต้อง”
ร่างๆหนึ่งเดินลงมาจากรถม้าโดยมีชั้นแสงสีม่วงปกคลุมอยู่ทำให้อาจมองเห็นว่านางมีรูปร่างอย่างไร สิ่งที่มองเห็นก็คือชุดคลุมสีเขียวมรกตและเรือนผมอันยาวสลวยของนาง
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่” นางออกคำสั่ง
“ขอรับองค์หญิง!” ทุกคนตอบด้วยความพร้อมเพรียง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเดินเข้าไปใกล้หลิงฮัน นางมั่นใจมากว่าตราบใดที่ระยะห่างระหว่างนางกับหลิงฮันใกล้กันมากพอ นางจะสามารถจับกุมตัวเขาได้โดยไม่ปล่อยให้หลิงฮันมีโอกาสใช้ยันต์อาคมเคลื่อนที่
“ใกล้เกินไปแล้ว” หลิงฮันหัวเราะ ที่จริงถึงแม้อีกฝ่ายจะเข้ามาใกล้กว่านี้เขาก็ยังสามารถหลบหนีได้ทัน แต่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ถึงระยะจำกัดในการใช้ไพ่ลับ
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถอนหายใจ จากตำแหน่งที่นางยืนอยู่ตอนนี้ นางมั่นใจเพียงสามส่วนเท่านั้น
“เชิญองค์หญิงตอบคำถามข้าได้แล้ว” หลิงฮันพูด
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเค้นเสียงดูถูก มดปลวกกระดับบุปผาผลิบานกล้าทำตัวเทียบเท่านาง? แต่เพื่อขวดหยกแล้ว นางจำเป็นต้องระงับความโกรธเอาไว้ “ที่จริงข่าวนี้เฉวียนคงหมิงเป็นคนเปิดเผยเอง”
หลิงฮันประหลาดใจ เฉวียนคงหมิงเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง?
การถูกสังหารด้วยสมบัติต้องสาปจะไม่หลงเหลือร่องรอยให้เสาะหา แม้จะแปลกประหลาดแต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการตายธรรมชาติ เพราะว่าผู้ที่ทำการสาปแช่งไม่ได้เป็นคนลงมือเอง แล้วมันจะถูกเปิดเผยออกไปได้อย่างไร?
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
“หลังจากเฉวียนคงหมิงเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ เจ้าก็เลยคาดเดามันคงจะตกตายเพราะถูกคำสาปจากสมบัติบางอย่าง?” หลิงฮันคาดเดา
“ถูกต้องแล้ว เพราะงั้นองค์หญิงผู้นี้จึงออกตามหาเจ้า” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว
หลิงฮันถามต่อด้วยความสงสัย “เจ้าสมควรเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดแต่ก็ยังต้องการสมบัติต้องสาป หรือว่าเจ้าต้องการสังหารจอมยุทธระดับทลายมิติ?” ถ้าเกิดขวดหยกชิ้นนี้สามารถสังหารจอมยุทธระดับทลายมิติได้จริงๆ มันจะเป็นสมบัติระดับใดกันแน่? ระดับศักดิ์สิทธิ์?
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้น!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเค้นเสียง “สมบัติชิ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถครอบครองได้ ส่งมันมาให้องค์หญิงผู้นี้ซะ เจ้าจะไม่กลับไปมือเปล่าแน่นอน องค์หญิงผู้นี้จะมอบอาวุธวิญญาณเป็นค่าชดเชยให้เจ้า”
“โอ้ อาวุธวิญญาณแบบใดกัน? มันเทียบกับสิ่งนี้ได้รึเปล่า?” หลิงฮันนำดาบกำเนิดมารออกมา
ท่าทางของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนชะงักเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะมองระดับของดาบกำเนิดมารออก
อาวุธวิญญาณระดับสิบ! ถ้าเช่นนั้นนางต้องให้สมบัติแบบใดถึงจะทำให้หลิงฮันพึงพอใจได้?
ดูเหมือนมนุษย์อันต่ำต้อยผู้นี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
นางนิ่งเงียบไปชั่วขณะและพูด “ขวดหยกนั่นเป็นสิ่งที่องค์หญิงผู้นี้ต้องการ ข้าขอแนะนำให้เจ้าส่งมันมา ไม่เช่นนั้น… แม้เจ้าจะหลบหนีไปอยู่สุดขอบโลก องค์หญิงผู้นี้ก็จะตามล่าเจ้า”
หลิงฮันยิ้ม “งั้นรึ? เจ้าแน่ใจรึว่าไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนเจ้าจะตามมา?”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมีท่าทีสงบนิ่งก่อนที่จะมองไปยังเหมืองด้านหลังหลิงฮั่นและพูด “สิ่งที่เจ้าคิดอยู่คือการไปหลบซ่อนในเมือง? ช่างไร้เดียงสา! ในเมื่อขวดหยกถูกดึงออกมาแล้ว คำสาปที่ล่องลอยอยู่ตามอากาศในเหมืองก็ย่อมหายไปด้วย และเจ้าคิดว่าองค์หญิงผู้นี้เป็นใคร? ข้าคือองค์หญิงของตระกูลขุนนางแห่งมหาสมุทรภูมิภาคเหนือ แม้คำสาปจะยังอยู่ก็ไม่อาจทำอะไรองค์หญิงผู้นี้ได้!”
ช่างเป็นสตรีที่ยิ่งยโสยิ่งนัก แต่โชคร้ายที่นางไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง!
หลิงฮันหัวเราะและพูด “งั้นก็ตามมา บางทีถ้าเจ้าไล่ตามข้าทัน เจ้าอาจได้พบอะไรดีๆ” ร่างของหลิงฮันทะยานเข้าไปในเหมืองโบราณ
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่รู้ว่าคำพูดหลิงฮันหมายถึงอะไร แต่ถึงคิดไปก็ไม่รู้ความหมายอยู่ดี นางเค้นเสียงดูถูกและไล่ตามหลิงฮันไป
หลิงฮันคิดจะใช้ประโยชน์จากศพของจอมยุทธบรรพกาลทั้งสิบสอง น้ำพุโลหิตและแมงมุมยักษ์สีเงิน เขาไม่รู้ว่ามันจะจัดการเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้หรือไม่ แต่ขอแค่ข่มขู่นางกลับไปได้ก็พอ
หลังจากพบเจอกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวแบบนั้น เผ่าใต้สมุทรจะยังกล้ามาที่นี่อีกรึเปล่า?
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไล่ตามหลิงฮันและปล่อยฝ่ามือออกไป ปราณก่อเกิดของนางควบแน่นกันกลายเป็นฝ่ามือยักษ์ที่ทรงพลังและโจมตีใส่หลิงฮัน
แม้จะยังไม่ถูกฝ่ามือเข้าปะทะ แต่แรงกดดันที่น่าพรึงกลัวจากฝ่ามือนั่นก็ทำให้ผิวหนังของเขาแตกร้าวจนโลหิตที่หลั่งไหลออกมา
ต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเขาบ่มเพาะทักษะกายาเหล็กไหลซึ่งทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล็กล้ำค่าในระดับเดียวกัน แต่แค่แรงกดดันจากการโจมตีของนางก็ทำให้ผิวหนังของเขาแตกร้าวได้แล้ว ถ้าเกิดโดนฝ่ามือนั่นเข้าไป เขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่รึเปล่า?
“เป็นสตรีที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!” หลิงฮันอุทานและสะบัดมือโยนซากศพของพระเจ้าทั้งสองศพออกไปโดยไม่คิดจะเก็บพวกมันกลับมา แรงกดดันของซากศพพระเจ้าทั้งสองนั้นเริ่มไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว ปล่อยให้มันถูกฝังเอาไว้ที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ศพของจอมยุทธทั้งสิบสองคนก่อนหน้านี้ต้องมีพลังที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าซากศพพระเจ้าสองศพนี้แน่
“อะไรกัน?!” ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหยุดขยับ เมื่อเห็นซากศพของพระเจ้าทั้งสองศพ ใบหน้าอันงดงามของนางก็เปลี่ยนตกตะลึงโดยที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น “พวกมันคือตัวตนระดับพระเจ้า!” นางพูดพึมพำพร้อมกับสีหน้าที่กลายเป็นเคร่งเครียด
หลิงฮันครอบครองศพของพระเจ้าถึงสองศพ มนุษย์ผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ!
ภายในโลกนี้ถูกปกครองด้วยกฎแห่งสวรรค์ แม้จะเป็นตัวตนระดับพระเจ้าก็ต้องถูกบั่นทอนพลังจนไม่ต่างอะไรกับระดับทลายมิติ หลิงฮันคิดจะใช้ศพของพระเจ้าทั้งสองนี้ขัดขวางนาง?
ช่างไร้เดียงสา!
นางสะบัดมือปัดซากศพทั้งสองทิ้งไป แก่นวิญญาณของซากศพทั้งสองแห้งเหือดไปหมดแล้ว นางจึงไม่เห็นค่าใดๆต่อพวกมัน
“เจ้าไม่อาจหนีข้าพ้น!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดอย่างเย็นชา
หลิงฮันยิ้มและพูด “ใครบอกว่าข้ากำลังหนี?” เขามายืนหยุดอยู่ที่บริเวณที่ขวดหยกต้องสาปเคยวางเอาไว้ หลิงฮันยกกำปั้นขึ้น เขาโคจรปราณก่อเกิดอย่างและชกลงไปยังบริเวณหลุมด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
‘ตูม!’
คลื่นโลหิตทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 536
ไม่อาจต้านทาน
‘ตูม’ คลื่นโลหิตทะยานขึ้นฟ้าจนเกิดเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว หยดโลหิตที่ตกลงมาราวกับดวงดาราที่ต้องการทำลายพื้นปฐพี
หลิงฮันไม่ลังเลที่จะเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬ
หมอกโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วจนส่งผลต่อสัมผัสสวรรค์และการมอง เพราะงั้นในตอนแรกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจึงไม่รับรู้ถึงการหายไปของหลิงฮัน นางยังมองหาหลิงฮันเพื่อแย่งชิงขวดหยกมา
แต่ทันใดนั้นพื้นที่บริเวณเหมืองก็กำลังกลายสภาพเป็นทะเลสาปโลหิตอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเปลี่ยนสี ด้วยพลังบ่มเพาะของนาง นางย่อมรู้ถึงความน่ากลัวของโลหิตเหล่านี้ดี นางคาดเดาว่าหลิงฮันจะต้องใช้ยันต์เคลื่อนย้ายมิติหนีไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเพียงระดับบุปผาผลิบานจะต้านทานความน่าสะพรึงกลัวของโลหิตเหล่านี้ได้อย่างไร?
ทะเลสาบโลหิตสีชาติก่อตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีร่างซากศพของจอมยุทธพบรรพกาลทั้งสิบสองแต่ก็มีร่างของแมงมุมยักษ์สีเงินปรากฏอยู่ตรงหน้า ขนาดที่ใหญ่ราวกับภูเขาของมันปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
แมงมุมยักษ์สีเงินนั้นแข็งแกร่งจนเพียงแค่มองก็เกือบจะทำให้ร่างของหลิงฮันแตกสลาย ที่เขายังรอดมาได้ก็เพราะมีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์และบ่มเพาะกายาเหล็กไหล
ขนาดร่างกายของหลิงฮันที่แข็งแกร่งและทนทานยังเป็นแบบนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะ?
บริเวณที่ห่างออกไป เผ่าใต้สมุทรกรีดร้องโหยหวนออกมาและเริ่มตกตายไปทีละคน
แมงมุมยักษ์สีเงินกวาดสายตามองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ครั้งนี้มันไม่ได้มองนางเป็นมดปลวกและเดินผ่านไปเหมือนตอนหลิงฮัน มันยกขาขนาดมหึมาของมันขึ้นและแทงเข้าใส่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
หลิงฮันที่หลบอยู่ในหอคอยทมิฬตกตะลึงจนใบหน้าเปลี่ยนสี!
แข็งแกร่ง! ความแข็งแกร่งของแมงมุมยักษ์นั้นราวกับจะสามารถทิ่มแทงได้แม้กระทั่งดวงดาวบนท้องฟ้า!
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่สามารถหลบได้พ้น ‘ปัง’ เท้าของแมงมุมยักษ์ทะลวงผ่านร่างของนาง ปลายเท้าของมันที่ทะลุไปถูกปกคลุมไปด้วยรอยเลือด
‘อัก’ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสำลักโลหิตออกมา ภายในร่างของนางราวมีไฟฟ้าสถิตตกค้างจนทำให้โคจรปราณได้ไม่มั่นคง
แมงมุมยักษ์สีเงินแสดงสีหน้าอย่างไม่แยแส ทันใดนั้นร่างกายของมันก็หดเล็กลงและกลายเป็นเส้นแสงหายเข้าไปในหลุมใต้เหมืองพร้อมกับทะเลสาปโลหิต ทุกสิ่งทุกอย่างสลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ณ ด้านนอกเหมืองปรากฏซากศพของเหล่าเผ่าใต้สมุทรที่ใต้เป็นก้อนเนื้อพร้อมกับร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนที่ถูกแทงทะลุ
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก… แม้แต่ระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดก็ยังเกือบจะต้องตกตาย! เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขาเห็นถึงความแตกต่างของระดับสวรรค์และระดับทลายมิติแล้ว
ไม่อาจต้านทาน!
ยิ่งระดับพลังสูงความแตกต่างของพลังก็ยิ่งกว้างขึ้น แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดอย่างเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ต่อหน้าแมงมุมยักษ์
หลิงฮันลอยไปหาร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ตอนนี้แสงสีม่วงที่เคยโอบล้อมร่างของนางหายไปแล้ว เขาจึงสามารถมองเห็นรูปร่างของนางได้ชัดเจน
เป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก ไม่ว่าจะจมูก ริมฝีปากหรือส่วนบนใบหน้าล้วนแต่งดงามราวกับหยก เพียงแต่ดวงตาของนางปิดอยู่ ไม่เช่นนั้นความงดงามของนางจะต้องมากกว่านี้แน่นอน บริเวณไหล่ซ้ายของนางมีหลุมโลหิตปรากฏอยู่พร้อมกับโลหิตที่หลั่งไหลออกมา แน่นอนว่านั่นเป็นบาดแผลที่เกิดจากแมงมุมยักษ์
หลิงฮันตกตะลึง เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยังไม่ตาย!
แม้ว่าการโจมตีของแมงมุมยักษ์จะไม่ถูกจุดสำคัญ แต่พลังทำลายของมันก็เพียงพอที่จะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
ดูเหมือนว่าแมงมุมยักษ์จะยังไม่ได้เอาจริงกับนาง
หลิงฮันจ้องมองพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
สตรีนางนี้อันตรายเกินไป เขาต้องการจบภัยพิบัติตรงหน้าด้วยมือของเขาเอง
หลิงฮันนำดาบกำเนิดมารออกมา เขาไม่เคยใจอ่อนกับศัตรู ทันใดนั้นเขาก็สะบั้นลงใส่ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอย่างไม่ลังเล
‘ปัง!’
ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่องสว่างและมีอักขระปรากฏขึ้นมาป้องกันการโจมตีของดาบกำเนิดมาร
หลิงฮันพบว่าลำแสงที่ร่างของนางนั้นออกมาจากสร้อยคอที่นางสวมเอาไว้ จะพูดให้ถูกก็คือออกมาจากจี้ที่ติดอยู่กับสร้อยคอ
ก่อนหน้านี้ก็ที่แมงมุมยักษ์โจมตี ก็เป็นสร้อยคอชิ้นนี้ที่ส่องสว่างป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่จากแมงมุมยักษ์ และครั้งนี้ก็เป็นสร้อยคอนี้เช่นกันที่ป้องกันดาบของหลิงฮัน
หลิงฮันเดาว่าสร้อยคอนี้คืออาวุธวิญญาณประเภทที่จะป้องกันผู้สวมใส่ด้วยตนเอง แต่เพราะแมงมุมยักษ์สีเงินแข็งแกร่งเกินไป อาวุธวิญญาณชิ้นนี้จึงไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด แต่พลังโจมตีของหลิงฮันนั้นค่อนข้างอ่อนหากเทียบกับแมงมุมยักษ์ สร้อยคอเส้นนี้จึงสามารถป้องกันได้อย่างไม่ยากเย็น
“น่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก!” หลิงฮันกัดฟัน ทั่วทั้งภูมิภาคเหนือและดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวไม่ว่าใครก็ต้องเรียกเขาว่าปรมาจารย์หลิง แต่สถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์จะสามารถใช้กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและแมงมุมยักษ์ได้รึ?
หลิงฮันรู้สึกไม่ยินยอมและใช้ดาบโจมตีไปอีกหลายครั้ง การโจมตีแต่ละครั้งเขาใช้ปราณดาบออกไปเช่นกัน แต่พลังป้องกันของสร้อยคอนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไม่ได้ผล
หลิงฮันลองทุกอย่างแล้วแต่ก็ไร้ความหมาย
เขาต้องการจะนำร่างของนางเข้าไปในหอคอยทมิฬ มันไม่สำคัญว่าภายในนั้นเขาจะลงมือสังหารนางหรือไม่ แค่เขาสามารถกักขังองค์หญิงเผ่าใต้สมุทรไว้ได้ชั่วชีวิตก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าลำแสงที่สร้อยคอปลดปล่อยออกมาก็ทำการป้องกันสติของนางเอาไว้ทำให้หลิงฮันไม่สามารถนำนางเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
ผ่านไปสักพักเมื่อแสงจากสร้อยคอจางหายไป หลิงฮันก็สามารถมองเห็นใบหน้าที่งดงามและร่างกายอันบอบบางของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอีกครั้ง หลิงฮันจ้องไปที่นางและอเผลออุทานออกมา “หน้าอกแบนราบ!”
ที่จริงมันก็ไม่ได้แบนขนาดนั้น แต่หากเทียบกับ หลิวอู๋ตง หลีซื่อฉางและจูเสวียนเอ๋อ หน้าอกของนางเรียกได้ว่าย่ำแย่มาก
ที่น่าตกใจก็คือบาดแผลบนไหล่ซ้ายของนางกำลังรักษาตัวอย่างรวดเร็ว โลหิตของนางหยุดไหลและเริ่มตกสะเก็ด
อย่าลืมว่าบาดแผลนี้คือบาดที่ถูกสร้างโดยตัวตนระดับทลายมิติ ตราบใดที่เจตจำนงของแมงมุมยักษ์ยังติดอยู่ บาดแผลของนางก็ไม่สามารถฟื้นฟูได้!
เจตจำนงของตัวตนระดับทลายมิติจะคงอยู่ได้นานขนาดไหน? อาจจะหนึ่งพันปีหรือไม่ก็หนึ่งหมื่นปี!
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่สมควรมีพลังมากพอที่จะสลายเจตจำนงของตัวตนระดับทลายมิติ คงจะเป็นจะแมงมุมยักษ์เองที่ถอนเจตจำนงออกไปตอนที่ตัวมันสลายหายไป
ที่นางสลบไปเป็นเพราะนางถูกโจมตีด้วยอำนาจแห่งเต๋าอันทรงพลังของตัวตนระดับทลายมิติจนไม่สามารถประคับประคองสติไหว
ซึ่งก็หมายความว่า… นางสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา!
จิตใจของหลิงฮันเริ่มตึงเครียด ในเมื่อเขาไม่สามารถสังหารองค์หญิงของเผ่าใต้สมุทรได้ เขาก็ต้องนำร่างของนางไปปล่อยทิ้งไว้ในภูมิภาคกลาง เพื่อให้นางไปพบกับศัตรูและตกตายไปเอง
จะชักช้าไม่ได้!
แต่ทันใดนั้นดวงตาของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็สั่นไหวและเปิดออก
งดงามอะไรเช่นนี้!
ดวงตาของนางเป็นสีครามราวกับท้องมหาสมุทร เมื่อจับคู่กับผิวที่ขาวนวลราวกับหยกของนางแล้ว ช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนใจยิ่งนัก
“เจ้าเป็นใคร?” นางมองมายังหลิงฮันด้วยสีหน้าสับสน จากนั้นก็ก้มลงไปมองที่ตัวเอง “แล้วข้าเป็นใคร?”
ความจำเสื่อม?
ตอนที่ 537
ความจำเสื่อม
ภายใต้การโจมตีของแมงมุมยักษ์สีเงิน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสูญเสียความทรงจำของนางจริงงั้นหรือ?
มันค่อนข้างมีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น
เนื่องจากสมองของนางได้รับการกระทบกระเทือนจากตัวตนระดับทลายมิติ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะความจำเสื่อม แต่คำถามคือ นี่เป็นความจำเสื่อมชั่วคราวหรือความจำเสื่อมถาวร? ถ้าเป็นความจำเสื่อมชั่วคราว ความทรงจำของนางจะกลับมานานเมื่อใด หนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี?
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขาพบว่าพลังก่อเกิดของฝ่ายตรงข้ามเกิดความผันผวน หลังจากความจำเสื่อม พลังก่อเกิดก็ไม่อาจใช้ได้?
เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรือ?
หลิงฮันไม่มั่นใจ แต่ถ้าองค์หญิงใต้ท้องสมุทรไม่สามารถโคจรพลังก่อเกิดได้ แล้วนางจะเป็นภัยคุกคามให้กับเขาได้อย่างไร? ต้องรู้ก่อนว่าจอมยุทธแข็งแกร่งเพราะบ่มเพาะพลัง หากไร้ซึ่งพลังก่อเกิดความแข็งแกร่งของจอมยุทธก็จะไม่ได้แตกต่างไปจากคนทั่วไปมากนัก
แต่มีเพียงแค่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคนเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ เพราะนางมีอาวุธวิญญาณจึงสามารถปกป้องตัวเองได้ การที่จะฆ่านาง? แทบจะเป็นไปไม่ได้!
หลิงฮันถอนหายใจ เขาไม่อาจจัดการผู้หญิงที่ไร้ทางสู้ได้
ตอนนี้ข้าหวังแค่ว่าองค์หญิงจะสูญเสียความทรงจำของนางเป็นเวลานานมากพอที่ข้าจะก้าวหน้าขึ้นและไม่ต้องหวาดกลัวอีกฝ่ายอยู่ข้างเดียว
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจ้องมองหลิงฮันอย่างว่างเปล่า และมีประกายแห่งความหวังในดวงตาของนาง มันดูเหมือนกับว่าหลิงฮันจะสามารถบอกได้ว่านางเป็นใคร
หลิงฮันคิดว่าหญิงสาวคนนี้ดูน่ารักขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งก่อนหน้านนี้ดูหยิ่งยโส แต่ตอนนี้กลับเหมือนลูกสุนัขที่น่าสงสาร
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะยิ้มออกมาและพูดว่า “ข้าชื่อหลิงฮัน ส่วนเจ้าชื่อเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน เจ้าจำชื่อนั้นได้หรือไม่?”
“เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน? เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน?” องค์หญิงเผ่าใต้สมุทรส่ายหัว และเอานิ้วเข้าไปในปากของนาง หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน นางก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา “ข้าชื่อเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน?”
“พวกเราอยู่ที่ไหน? ทำไมพวกเราถึงอยู่ที่นี่? แล้วข้ากับเจ้าเป็นอะไรกัน?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถาม นางทำตัวสงสัยเหมือนกับเด็กน้อย
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ที่นี่คือแคว้นอัคคี และข้าแค่บังเอิญพบเจอกับเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร และคงต้องขอตัวลา!”
เขาหันหลังกลับไปและไม่ต้องการอยู่กับจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดอย่างนาง ใครจะไปรู้ว่าความทรงจำของนางจะกลับมาเมื่อใด และเมื่อความทรงจำของนางกลับมา เขาจะต้องถูกนางจัดการอย่างแน่นอน
ไร้ความเมตตา!
อึก เมื่อเขาเพิ่งจะก้าวเดินออกไป เขาก็รู้สึกว่าขาถูกตรึงไว้แน่น และถูกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกอด นางนั่งอยู่บนพื้นและกอดขาของเขาไว้แน่น โดยที่ไม่สนภาพลักษณ์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของหญิงสาวคนนี้นั้นน่ากลัวและหลิงฮันไม่สามารถต่อต้านได้
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!
นางไม่สามารถโคจรพลังก่อเกิดได้ แต่ทำไมถึงมีพละกำลังมากขนาดนี้?
มันเป็นไปได้ด้วยรึ?
หลิงฮันฉุดคิดขึ้นมาได้ทันที หญิงสาวผู้นี้เป็นเหมือนกับเขาที่บ่มเพาะกายา! แม้หลิงฮันจะมีพละกำลังมากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เมื่อถูกนางจับตัว
“ปล่อยมือของเจ้า!” หลิงฮันกล่าว
“ไม่!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพูดออกมาอย่างหนักแน่น และกอดหลิงฮันแน่นมากกว่าเดิม
ข้าไปด้วย!
ทันใดนั้น เสียงกระดูกแตกหักดังออกมาจากขาของหลิงฮัน ร่างกายของเขาซึ่งแข็งเหมือนกับเหล็กไหล ก็ไม่สามารถต้านทานพลังของนางได้
ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปกระดูกขาของเขาจะต้องแตกหัก!
หลิงฮันยอมจำนนอย่างรวดเร็วและพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าตามข้ามาก็ได้แค่นี้ก็เพียงพอแล้วใช่ไหม?”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสูญเสียความทรงจำของนาง แต่ดูเหมือนสติปัญญาของนางจะไม่ได้ลดลง นางจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยสายตามึนงงและพูดว่า “จริงหรอ?เจ้าไม่ได้โกหกข้าหรอกใช่ไหม?”
“ข้าจะโกหกเจ้าได้ยังไง!” หลิงฮันพูดออกมา
นางปล่อยมือและลุกขึ้นยืน แต่แล้วนางก็คว้าไปที่มือของหลิงฮันทันที ราวกับว่านางกลัวหลิงฮันจะหนีไป
หลิงฮันประหลาดใจ ถ้าความทรงจำของนางกลับคืนมาและจำได้ว่านางจับมือเขา เขาไม่รู้ว่านางจะโกรธเกรี้ยวมากแค่ไหนและจะต้องฆ่าเขาเป็นพันๆรอบอย่างแน่นอน
“เจ้าจงจำเอาไว้ด้วยว่าเจ้าเป็นคนจับมือของข้าเอง แล้วอย่างมาโวยวายทีหลังล่ะ” หลิงฮันกล่าว
“อืม” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสูญเสียความทรงจำ แน่นอนว่านางไม่ได้คิดอะไรมาก
“ไม่สิ เจ้าต้องให้คำมั่นสัญญา” หลิงฮันต้องทำเพื่อสร้างความมั่นใจ ถ้าความทรงจำของนางกลับมาในอนาคต นางอาจขุ่นเคืองแต่มอบโอกาสให้เขาหลบหนี
“สัญญาอะไร?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถาม
“ข้าจะให้เจ้าพูดว่า เจ้าเป็นคนจับมือข้าเอง ถ้าเจ้าลืมถือว่าเจ้าเป็นคนโง่เขลาที่สุดในโลก” หลิงฮันกล่าว
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่สงสัยในคำพูดของเขา และยกมือที่ขาวเนียนและนุ่มนวลขึ้นมาพร้อมกับเริ่มพูดให้คำมั่นสัญญา
หลิงฮันคิดอยู่ในใจว่า แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะดูโง่เขลาขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อคิดนึงถึงตัวตนของนางก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายจะต้องฆ่าเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอน
ถ้าอีกฝ่ายความทรงจำกลับคืนมา มันจะกลายเป็นว่าหลิงฮันกลายเป็นปลาที่อยู่บนเขียง
หลิงฮันจึงต้องสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น เขาต้องการที่จะดึงเส้นผมของนาง แต่ก็ถูกมือของนางปัดป้องทันที หลิงฮันเลยหมดหนทางและพูดว่า “ข้าขอเส้นผมของเจ้าหน่อย”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกัดฟันของนาง หลังจากนั้นชั่วครู่ นางก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่”
“ทำไมไม่ได้?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ หรือว่าความทรงจำของนางเริ่มกลับคืนมาแล้ว?
“ข้าดูเหมือนจะจำสิ่งที่ท่านแม่พูดกับข้าได้ว่าห้ามให้อะไรกับผู้ชาย” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวจริงจัง
ก็ได้!
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วขณะและพูดว่า “แล้วถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกันคงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม?” เขาสามารถพาฮูหนิวออกมาได้
“ไม่!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยังคงส่ายหน้าของนาง
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก แม้กระทั่งผู้หญิงที่สูญเสียความทรงจำเขาก็ยังหลอกไม่ได้ นี่มันล้มเหลวเกินไปแล้ว!
“เฮ้อ!” หลิงฮันถอนหายใจแล้วเดินจากไป
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบเดินตามและจับไปที่ชายเสื้อข้างหนึ่งของหลิงฮันทันที
หลิงฮันเดินไปที่จุดที่ทหารเผ่าใต้สมุทรอยู่ก่อนหน้านี้ซึ่งในตอนนี้มันเต็มไปด้วยกองเลือด ทุกคนต่างระเบิดและตาย มันไม่มีร่างกายที่ดูเป็นรูปเป็นร่างหลงเหลือเลย มันมีแค่กองเนื้อและกองเลือดเท่านั้น
“นี่มันอะไรกัน!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา และเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหลิงฮันทันที และกอดเขาแน่น
แคร๊ก แคร๊ก ซี่โครงของหลิงฮันส่งเสียงออกมา
“เบามือของเจ้าลงหน่อย ข้าจะตายอยู่แล้ว” หลินฮันอ้าปากค้าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น