Alchemy Emperor of the Divine Dao 1924-1929

 ตอนที่ 1924 มัจฉาวายุภักษ์สำแดงอํานาจ


 


“แม่นาง ข้าขอท้าประลองกับเจ้า!” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวด้วยจิตวิญญาณที่ลุกโชน


 


สตรีผู้นี้แข็งแกร่งจริงๆ บางทีนางอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่เส้นทางของจักรพรรดิ ก็คือการเอาชนะศัตรูที่ดูเหมือนจะไม่สามารถเอาชนะได้ และไต่เต้าขึ้นไปยืนอยู่จุดสูงสุด


 


เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเขากับเหล่าอัจฉริยะฝืนชะตาสวรรค์นั้น มีความแตกต่างกันขนาดไหน ซึ่งสิ่งที่จะทําให้ความต่างที่ว่าลดลงได้ก็คือแผ่นหินราชานิรันดร์ตรงหน้านี้ เพราะงั้นมีรึที่เขาจะยอมยกมันให้ผู้อื่น?


 


“ไม่เพียงแค่จะแย่งชิงของของหนิว แต่ยังคิดจะหาเรื่องหนิวด้วยงั้นรึ?” ฮูหนิวกล่าวด้วยท่าทีไร้เหตุผล นางมองไปยังอู๋เซียนลู่และชี้นิ้วออกไป “หนิวจะบดขยี้เจ้าเอง!”


 


นางเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน “พรึบ” ที่ด้านหลังของนางมีสองข้างงอกออกมา ปีกทั้งสองนี้ปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋ที่ทรงพลัง พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายบรรพกาลอันสูงส่งออกมา


 


“วิหควายุภักษ์!” ซานจี้ถงและเหลาซงอุทานออกมาพร้อมกัน


 


“ที่แท้สตรีผู้นี้ก็เป็นทายาทของวิหควายุภักษ์ ในหมู่บรรพบุรุษต้นกําเนิด วิหควายุภักษ์ถือว่าเป็นตัวตนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง”


 


“พรึบ” ฮูหนิวกระพือปีกพุ่งทะยานมาปรากฏตัวด้านหน้าอู๋เซียนลู่ พร้อมกับปล่อยหมัดออกไป


 


ไม่มีรูปแบบการต่อสู้ที่ซับซ้อนใดๆ นางทําเพียงปล่อยหมัดออกไปเท่านั้น


 


ใบหน้าของอู๋เซียนลู่ปรากฏร่องรอยของความเกรี้ยวกราด เขาคือสุดยอดอัจฉริยะที่เกิดมาพร้อมแก่นกําเนิดนิรันดร์วิถีนิรันดร์ ในระดับพลังเดียวกัน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเหยียดหยามเขาได้


 


ฮูหนิวไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ในขณะที่นางปล่อยหมัดออกไป ตราประทับแห่งเต๋า บนหมัดก็ระเบิดคลื่นแสงออกมา และปรากฏเป็นภาพเงาของมัจฉาขนาดใหญ่


 


ถึงแม้ภาพเงานี้จะดูเลือนรางไม่สมบูรณ์ แต่อํานาจของตราประทับที่ส่องสว่างออกมา ก็น่าสะพรึงกลัวราวกับจะทําให้สวรรค์ร่วงหล่น


 


“มะ…ไม่ใช่วิหควายุภักษ์!” เหลาซงกลืนน้ำลาย


 


“มัจฉาวายุภักษ์ ซานจี้ถงกล่าวออกมาในช่วงเวลาแทบจะพร้อมกัน ดวงตาของทั้งสองคนเบิกกว้างด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ


 


ในตอนที่สวรรค์และปฐพี่ถือกําเนิดขึ้น สิ่งมีชีวิตที่ถือกําเนิดขึ้นเป็นกลุ่มแรกและสามารถบรรลุระดับราชานิรันดร์ได้ จะถูกเรียกว่าสัตว์อสูรต้นกําเนิด สัตว์อสูรต้นกําเนิดบางชนิดสิ้นชีพลง เมื่อกาลเวลาไหลผ่านไป ในขณะที่สัตว์อสูรต้นเนิดบางชนิดสามารถยกระดับพลังของตนเองให้สูงขึ้นไปอีกได้หลายขั้น


 


วิหควายุภักษ์คือสัตว์อสูรต้นกําเนิดที่ความแข็งถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง เพียงแต่เหนือ จากอันดับหนึ่งก็ยังมีสัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชาอยู่อีก!


 


นอกจากมังกรต้นกําเนิด กับวิหคเพลิงต้นกําเนิด มัจฉาวายุภักษ์เองก็เป็นสัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชาเช่นกัน


 


ตํานานกล่าวเอาไว้ว่า สัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชานั้นมีอยู่ราวๆ ยี่สิบเผ่าพันธุ์ แต่ในปัจจุบันนี้หลงเหลืออยู่เพียงสิบเผ่าพันธุ์เท่านั้น ซึ่งทั้งสิบเผ่าพันธุ์ล้วนแต่มีตัวตนที่ทรงพลังจนสามารถสั่นคลอนพิภพนี้ได้


 


ราชานิรันดร์ระดับเก้า!


 


ต่อหน้าราชานิรันดร์ระดับเก้า ต่อให้เป็นราชานิรันดร์ระดับแปดก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตัวจ้อย


 


เพราะงั้นถึงแม้เอี๋ยนเซียนลู่ จะเป็นผู้สืบทอดขุมอํานาจราชานิรันดร์ระดับแปด แต่เมื่อเทียบกับสตรีลึกลับแล้ว เขาย่อมไม่นับเป็นอันใด! อู๋เซียนลู่ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะไป เทียบชั้นกับนางเสียด้วยซ้ำ


 


ตูม!


 


การโจมตีของฮูหนิวและอู๋เซียนลู่เข้าปะทะกัน อํานาจแห่งกฏเต๋าและอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนที่น่าสะพรึงกลัวกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ เมื่อการโจมตีสิ้นสุดอู๋เซียนลู่ก็เป็นฝ่ายถูกทําให้ล่าถอย


 


แม้ครั้งนี้เขาจะไม่ถูกขัดจนกระเด็น แต่สถานการณ์ที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ร่างของเขาล่าถอยไปด้านหลังถึงสามร้อยเมตร กว่าจะทรงตัวได้


 


“แข็งแกร่งมาก!” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว แววตาของเขาไม่ปรากฏร่องรอยของความสิ้นหวังแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน จิตวิญญาณสู้รบของเขายิ่งลุกโชนขึ้นกว่าเดิมอีก


 


“มาอีกครั้ง!” เขาคํารามเสียงดัง อํานาจของแก่นกําเนิดนิรันดร์ถูกรีดเค้นออกมาเต็มที่ จนร่างกายของเขาแทบจะดูราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียว กับอํานาจแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพี


 


อํานาจแห่งเต๋อันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพี ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสร้างความเสียหายให้ได้ เพราะงั้นศัตรก็ย่อมสร้างความเสียหายให้เขาไม่ได้เช่นกัน


 


นิสัยอันโหดเหี้ยมของฮูหนิวนั้นยากจะแก้ไข ด้วยอารมณ์ที่กําลังเดือดพล่าน นางจึงพุ่งทะยานปล่อยหมัดอีกครั้ง ตราประทับและร่างเงาที่ไม่สมบูรณ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ในครั้งนี้ อํานาจของมันกลับรุนแรงจนราวกับเหนือสวรรค์และปฐพี


 


ตูม!


 


ร่างของอู๋เซียนลู่ถูกซัดลอยกระเด็นราวกับดาวตก


 


ใช่แล้ว ถึงแม้อู๋เซียนลู่จะมีแก่นกําเนิดนิรันดร์ที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับอํานาจแห่งเต๋าของสารรค์และปฐพีได้ จึงทําให้เขาสามารถรับรู้การโจมตีของศัตรูได้ล่วงหน้า และทําการหลบหลีกกัน เพราะงั้นในขณะที่เขากําลังเป็นหนึ่งเดียวกับอํานาจแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ใครกันจะสามารถสร้างความบาดเจ็บให้เขาได้?


 


เพียงแต่ฮูหนิวนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก การโจมตีของนางรวดเร็วจนปฏิกิริยาตอบโต้ของเอี๋ยนเซียนลู่ไล่ตามไม่ทัน ทําให้ยังไม่ทันที่เขาจะสัมผัสถึงการโจมตีของฮูหนิวได้ เขาก็ถูกหมัดซัดเข้าใส่และไม่อาจหลบพ้นเสียแล้ว


 


“อ่อนหัด ช่างน่าเบื่อ!” ฮูหนิวปัดฝุ่นที่มือก่อนจะมองไปยังพวกซานจี้ถง และดวงตาส่องประกายโหดเหี้ยมอีกครั้ง


 


พวกซานจี้ถงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ขนาดอู๋เซียนลู่ยังถูกชัดลอยกระเด็นอย่างง่ายดาย พวกเขาจึงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ให้กับฮูหนิวได้อย่างแน่นอน ทางที่ดีอย่าไปยั่วยุนางเลยจะดีที่สุด


 


“พวกเจ้าก็อ่อนแอเหมือนกัน สู้ไปมีแต่จะทําให้เมื่อยิ่งกว่าเดิม” ฮูหนิวกล่าวก่อนจะเดินไปยังแผ่นหินราชานิรันดร์


 


ทั้งซานจี้ถงและเหลาซงแทบจะกระอักโลหิต เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร จริงอยู่ที่พวกข้าอ่อนแอกว่าเจ้า แต่ถึงอย่างไรพวกข้าก็ยังเป็นถึงจักรพรรดิที่มีเกียรติ


 


ฮูหนิวเดินไปยังมุมหนึ่งของแผ่นหินราชานิรันดร์ นางยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปยังจับแผ่นหินเพื่อหวังเก็บมันเข้าไปในอุปกรณ์มิติ และนําไปมอบให้หลิงฮัน


 


“หืม น่าแปลก ทําไมถึงได้มีอะไรบางอย่างเข้ามาในร่างหนิวกัน?” นางประหลาดใจ “อะไรกัน ทําไมมันถึงติดมือแน่นเช่นนี้?”


 


“ไม่ สิ่งนี้ต้องไม่ใช่ของดีแน่ๆ!” ฮูหนิวพยายามโยนแผ่นหินราชานิรันดร์ทิ้ง แต่แผ่นหินก็ติดอยู่กับมือของนางแน่นหนาจนไม่สามารถสะบัดออกได้


 


เมื่อเห็นภาพตรงหน้า พวกเซียนลู่ทั้งสามคนก็แทบจะร้องไห้ออกมา เจ้าไม่ต้องการมัน แต่พวกข้าต้องการ!


 


เพียงแต่แผ่นหินราชานิรันดร์ได้ทําการปลดปล่อยวาสนาออกมาแล้ว อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีอันไร้ที่สิ้นสุดจะไหลเข้าสู่ร่างของฮูหนิว และช่วยขัดเกลากายหยาบของนางให้เข้าใกล้เต๋าอันยิ่งใหญ่มากขึ้น


 


ฮูหนิวหยุดการดิ้นรนที่ไร้ความหมาย และยอมรับวาสนาของแผ่นหินราชานิรันดร์ ด้วยสีหน้าขยะแขยง


ตอนที่ 1925 ในที่สุดก็ได้พบฯ


 


จิตใจของพวกอู๋เซียนลู่ทั้งสามคนรู้สึกหดหู่เกินพรรณนา


 


เมื่อวาสนาของราชานิรันดร์ถูกฮูหนิวดูดขับไปแล้ว ก็จะไม่มีใครอื่นที่สามารถรับวาสนาต่อได้


 


แผ่นหินราชานิรันดร์ส่องประกายแสงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนเจิดจรัสยิ่งกว่าดวงตะวันที่ราชานิรันครหย่งชางสร้างขึ้นบนท้องฟ้า เพียงแต่หลังจากนั้นส่องแสงเจิดจ้าอยู่ได้ไม่เกินสิบลมหายใจ แสงของแผ่นหินราชานิรันดร์ก็ค่อยๆ กลับมาเลือนราง และหม่นแสงลง


 


แก่นพลังของราชานิรันดร์หย่งชาง กับวาสนาแห่งสวรรค์และปฐพีที่สั่งสมมาหลายยุคสมัยถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของฮูหนิวจนหมดสิ้น


 


“ตุบ” แผ่นหินร่วงหล่นสู่พื้น โดยมีสภาพไม่ต่างอะไรจากหินธรรมดาทั่วไป


 


“เจ้าหินบัดซบ! เจ้าหินชั่วร้าย!” ฮูหนิวใช้เท้ากระทืบเข้าใส่แผ่นหินอย่างเกรี้ยวกราด


 


“แต่อย่างไรก็เถอะ ดูเหมือนกายหยาบจะพัฒนาขึ้นมาหน่อยๆ แฮะ” ในขณะที่กําลังก ระทืบเท้านางเอียงคอและพึมพํากับตัวเอง


 


พัฒนาขึ้นมาหน่อยๆ งั้นรึ?


 


พวกเอี๋ยนเซียนลู่ทั้งสามคนตกตะลึง แผ่นหินราชานิรันดร์แผ่นนี้ หลังจากที่สั่งสมวาสนาแห่งสวรรค์และปฐพีมาหลายยุคสมัย พลังของมันจึงสามารถทําให้กายหยาบทั่วไป พัฒนากลายเป็นแก่นกําเนิดนิรันดร์ได้เลย


 


ถึงอย่างนั้น นางกลับบอกว่ากายหยาบของนางพัฒนาขึ้นนิดหน่อยงั้นรึ?


 


ถ้าหากฮูหนิวไม่ได้โกหก นั่นหมายความว่ากายหยาบของนางถูกขัดเกลาจนถึงขีดจํากัดสูงสุดอยู่แล้ว จึงแทบไม่มีช่องว่างให้วาสนาของแผ่นหินราชานิรันดร์เข้าไปช่วยเหลือ


 


เพียงแต่ฮูหนิวดูเหมือนเป็นคนพูดโกหกรึไง?


 


ด้วยเหตุนี้ พวกอู๋เซียนลู่ทั้งสามคนจึงตกตะลึง และเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดฮูหนิวถึงแข็งแกร่งเพียงนี้


 


แม้จะเป็นนิรันดร์ห้านิพพานเหมือนกัน แต่กายหยาบที่ทรงพลังก็ย่อมได้เปรียบกว่า โดยเฉพาะสายเลือดของมัจฉาวายุภักษ์ที่เป็นสัตว์อสูรต้นกําเนิดที่ทรงพลังที่สุดภายใต้สวรรค์และปฐพี!


 


“อืม… ฮูหนิวรอหลิงฮันอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน!” ฮูหนิวนั่งลงบนโขดหินก้อนหนึ่ง ด้วยท่าทางงดงามและสงบนิ่ง


 


เพียงแต่หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน นางก็รู้สึกเบื่อและลุกขึ้นมาเตะก้อนหินเล่น จนภาพลักษณ์อันงดงามเมื่อครูไม่หลงเหลืออีกต่อไป


 


…..


 


ในตอนที่ฮูหนิวดูดซับอํานาจจากแผ่นหินราชานิรันดร์จนหมด บรรยากาศทั่วทั้งภูเขาก็ผันผวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสงบนิ่ง


 


ถึงแม้แรงกดดันอันรุนแรงจะยังอยู่ แต่เมฆหมอกก็ไม่ได้กลายมาเป็นร่างความทรงจําอีกต่อไป


 


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น จึงทําให้ความเร็วในการไต่เขาของทุกคนเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า


 


“ดูเหมือนวาสนาจะถูกแย่งชิงไปแล้วนะ” หลิงฮันกล่าวออกมาตามสัญชาตญาณ


 


จักรพรรดินีหยักหน้า นางเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน


 


เพียงแต่สําหรับทั้งสองคน การทะลวงผ่านห้านิพพานสําเร็จคือวาสนาที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว


 


“บางทีคนที่ได้ครอบครองวาสนานั่น อาจจะเป็นฮูหนิว” หลิงฮันยิ้ม การเคลื่อนที่ของฮูหนิวนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ต่อให้เขากับจักรพรรดินี้ไม่ได้เข้าไปบ่มเพาะพลังในหอคอยทมิฬ ฮูหนิวก็สามารถไล่ตามพวกเขาทัน เพราะงั้นจึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่คนที่ครอบครองวาสนาจะเป็นฮูหนิว


 


หลังจากมุ่งหน้าต่อไปได้อีกครึ่งวัน หลิงฮันกับจักรพรรดินีก็มาถึงยอดเขา


 


“เจ้า!” ทันทีที่มาถึง จู้เสี่ยเกอก็กระโดดเข้ามาและชี้นิ้วใส่หลิงฮัน ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจ จะท้าทายหลิงฮัน แต่ก็ถูกขัดจนต้องไปประมือกับคนอื่นแทนและลืมเรื่องท้าประลองหลิงฮันไปเสียสนิท


 


“มีอะไรงั้นรึ?” หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม


 


แม้แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่าย ยิ่งตอนนี้เขาบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพานแล้ว แถมยังมั่นใจด้วยว่าตนสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับอู๋เซียนลู่ได้ เพราะงั้นเขาจึงไม่มองจู้เสี่ยเกอผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้อีกต่อไป


 


“เข้ามา!” จู้เสี่ยเกอก็พุ่งทะยานเข้าใส่


 


“หลิงฮัน!” เพียงแต่พร้อมกันนั้นเอง ร่างของสตริงดงามก็พุ่งเข้ามาหาหลิงขั้นราวกับสัตว์ป่า “ไสหัวไป! หลบไปให้พ้น!” ฮูหนิวคําราม


 


“อะไรของเจ้า อ้ากก!” จู้เสี่ยเกอที่กําลังทะยานร่างถูกหมัดซัดลอยกระเด็นกลายเป็นจุดบนท้องฟ้า และหายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


“หลิงฮัน!” ฮูหนิวโผกระโดดกอดรัดหลิงฮันราวกับลิงเกาะต้นไม้


 


หลินฮันยิ้มและกอดตอบเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่ได้พบเจอกันมาหลายร้อยปี เขาเองก็คิดถึงนางมากเช่นกัน


 


“หลิงฮัน เจ้าคิดถึงหนิวบ้างรึเปล่า?” ฮูหนิวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง ราวกับที่นี่มีเพียงแค่นางคนเดียว


 


“ข้าต้องคิดถึงหนิวของข้าอยู่แล้ว!” หลิงฮันกล่าว


 


ใบหน้าอันงดงามของซูหนิวยิ้มกว้าง และยื่นปากไปจูบแก้มหลิงฮัน “หลิงฮัน มาทําเด็กกันเถอะ!”


 


เด็กสาวผู้นี้ยังไม่รู้จักคําว่าเขินอายเหมือนเคย


 


“อะแฮ่ม!” จักรพรรดินีกระแอมเล็กน้อย พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ดูสูงส่งน่าเกรงขาม


 


“จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!” ฮูหนิวหันไปมองก่อนจะเผยสีหน้ารังเกียจ และแสดงท่าที่เป็นปรปักษ์ “หืม หนิวรู้สึกเหมือนเคยเห็นเจ้ามาก่อน!”


 


จักรพรรดินีที่นางเคยเห็นนั้นเป็นเพียงร่างแยกเท่านั้น ถึงแม้ใบหน้าของร่างแยกในตอนนั้นจะแตกต่างกัน แต่กลิ่นอายที่สัมผัสได้ก็คือกลิ่นอายเดียวกัน


 


“หลิงฮัน จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่น่ารังเกียจผู้นี้คือใครกัน?” ฮูหนิวยังคงเกาะร่างของหลิงฮันเอาไว้แน่นและเอ่ยถาม


 


“ครอบครัวนะ” หลิงฮันยิ้ม


 


“ฮึ่ม หนิวไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันนาง!” ฮูหนิวจ้องมองจักรพรรดินีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


จักรพรรดินีไม่หวาดกลัว และจ้องมองฮูหนิวกลับ


 


ในสายตาของพวกเนาง การได้เป็นคนสําคัญที่สุดของหลิงฮัน คือสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งใดทั้งหมด


 


“อะแฮ่ม ในเมื่อทุกคนมาถึงที่นี่แล้ว มานั่งลงและพูดคุยกันก่อนดีกว่า” อู๋เซียนลู่พยายามปรับเปลี่ยนบรรยากาศที่เขาพ่ายแพ้ให้กับฮูหนิวเป็นเพราะข้อได้เปรียบในด้านกายหยาบเท่านั้น เพียงแต่ข้อได้เปรียบของกายหยาบจะมีผลก็เพียงแค่กับระดับพลังก่อนราชานิรันดร์เท่านั้น หลังจากบรรลุเป็นราชานิรันดร์แล้ว อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของทุกคนจะเท่าเทียมกัน


 


เหตุผลที่เขาเรียกเหล่าอัจฉริยะมารวมตัวกัน ไม่ใช่แค่เพราะต้องการกระตุ้นวาสนาของราชานิรันดร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีจุดประสงค์ที่สําคัญอื่นอยู่อีก เพราะงั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เล็กน้อยๆ มาสร้างวุ่นวายกับงานรวมตัวของเขาได้


 


“หุบปาก!” ฮูหนิวและจักรพรรดินีหันหน้าพร้อมกัน และคํารามด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง


 


อู๋เซียนลู่ “…”


ตอนที่ 1926 เหนือฟ้ายังมีฟ้า


 


หุบปาก!


 


มีคนที่กล้าพูดว่าหุบปากใส่เอี๋ยนเซียนลู่ด้วยงั้นรึ?


 


“ฮึ่ม” ทุกคนสูดหายใจลึก และเผยสีหน้าตกตะลึง


 


ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสองคน


 


ที่ทําให้ทุกคนประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือ แม้จะถูกตะคอกใส่เช่นนั้น อู๋เซียนลู่ก็ไม่แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายทําเพียงส่ายหัวด้วยสีหน้าหมดหนทาง


 


ต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นเพราะว่าอู๋เซียนลู่ถือคติ บุรุษที่ดีย่อมไม่ทําร้ายสตรีเป็นแน่


 


เพียงแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดเช่นนั้น ใครหลายคนมองไปยังฮูหนิว และจําได้ว่าพวกเขาไม่เคยพบเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน ซึ่งหมายความว่านางไม่ได้รับการเชิญชวนจากอู๋เซียนลู่


 


ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่อู๋เซียนลู่ก็ยังไม่เกรี้ยวกราดกับนาง นั่นหมายความว่าอย่างไรน่ะ?


 


“นางคือ สตรีปีศาจตนนั้น!”


 


ใครบางคนจดจําฮูหนิวได้ เนื่องจากพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ถูกฮูหนิวแซงหน้า ในขณะที่กําลังไต่เขา


 


พริบตานั้นเอง ผู้คนอย่างน้อยสิบคนก็จดจ้องสายตาไปที่ฮูหนิวด้วยความโกรธ


 


ถึงแม้ฮูหนิวจะเป็นสตรีที่มีความงดงามล่มเมือง แต่เสน่ห์ของนางก็แตกต่างกับของจักรพรรดินีอย่างสิ้นเชิง


 


จักรพรรดินีเป็นสตรีที่มีเสน่ห์น่าเกรงขามและดูสูงส่ง ผู้ชมมากมายใต้ดวงตะวันล้วนแต่ยินยอมที่จะศิโรราบต่อนาง แต่ฮูหนิวนั้นไม่ใช่แบบนั้น นางมีนิสัยที่ป่าเถื่อนและหยาบคาย เหมือนกับเด็กที่ยังไม่โต


 


ฮูหนิวแยกเขี้ยวราวกับเสือดาวเพศเมียที่กําลังเกรี้ยวกราด “ทําไม พวกเจ้าอยากปะทะรึไง?”


 


ใครหลายสิบคนเกรี้ยวกราดยิ่งไปกว่าเดิม เจ้าเป็นคนทําให้ร่างความทรงจํามากมายมาเหยียบย่ำพวกข้าก่อนแท้ๆ แต่ยังกล้าพูดจาเช่นนั้นงั้นรึ?


 


“ฮ่าๆ ทุกคนอย่าได้มีโทสะกันไปเลย!” อู๋เซียนลู่ลุกขึ้นยืนและผายมือออกไปด้านหน้า “ยังไงก็มาฟังกันก่อนดีกว่า ว่าข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร”


 


อันที่จริงตอนนี้เขาเองก็รู้สึกไม่สบอารมณ์มากเช่นกันทุกครั้งที่ผ่านว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนเขาก็คือจุดศูนย์กลางของทุกคน เพียงแค่เขากล่าวคําพูดออกมาครั้งเดียว ไม่ว่าใครก็ต้องหันหน้ามารับฟังอย่างตั้งใจ ผิดกับครั้งนี้ที่เขาต้องย้ำคําพูดตนเองหลายครั้ง


 


เพียงแต่ว่าฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งเกินไป นางมีทักษะบางอย่างที่สามารถบดขยี้ร่างความทรงจํานับหมื่นได้ในพริบตา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจทัดเทียมได้


 


ฮูหนิวคิดจะส่งสายตาข่มขู่อีกครั้ง แต่หลิงฮันก็ลูบหัวห้ามปรามนางเอาไว้ ทําให้สีหน้าของนางแสดงออกถึงความสุข ไม่หลงเหลือท่าที่เหี้ยมโหดอีกต่อไป


 


“อะแฮ่ม ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้ เหตุผลหลักก็คือต้องการสร้างพันธมิตร” เอู๋เซียนลู่กล่าวเข้าประเด็น


 


“ฮ่าๆๆ!” ซานจี้ถงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “พันธมิตรงั้นรึ? ข้าอยากให้ตายไปเลยจริงๆ เจ้าต้องการให้ข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรกับเศษสวะเหล่านี้งั้นรึ?” เขากวาดมองฝูงชนด้วยสายตาเหยียดหยาม แน่นอนว่าในขณะที่มองไปยังฮูหนิว เขาได้รีบทําการปิดตาลงอย่างรวดเร็ว


 


ความโหดเหี้ยมของฮูหนิวยังคงประทับอยู่ในจิตใจของเขา!


 


อู๋เซียนลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “น้องชายซาน ถ้าเจ้ามีข้อกังขาอะไรก็เชิญกลับไป แต่ข้าขอบอกเลยว่าเจ้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน!”


 


ซานจี้ถงเผยสีหน้าลังเลว่าควรจะอยู่ต่อหรือจากไปดี


 


หากอยู่ต่อเขาก็ต้องทนต่อความอัปยศที่ถูกพูดจาหักหน้าเมื่อครู่ แต่หากจากไป อู๋เซียนลู่ก็กล่าวเอาไว้ว่าเขาจะต้องเสียใจ


 


หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ ซานจี้ถงก็เลือกที่จะกลับไปนั่งที่โขดหินก้อนเดิม และไม่กล่าวอะไร


 


ถึงแม้ซานจี้ถงจะถูกหักหน้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะและแสร้งทําเป็นหน้าตายราวกับไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงเหลาซงเท่านั้นที่แสยะยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยามไปยังซานจี้ถง


 


“ตลกจัง!” ฮูหนิวปรบมือชอบใจเสียงดัง


 


ซานจี้ถงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดตา แสร้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็น


 


ทุกคนตกตะลึง ดูเหมือนว่าทั้งซานจี้ถงและเอี๋ยนเซียนลู่ จะมีความยําเกรงต่อสตรีผู้นี้อย่างมาก จนทุกคนเริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นไปอีกว่าสตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่


 


“ดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการ เขตมหาสมุนไร้พรมแดนคือชายแดนที่แบ่งแยกดินแดนแห่งเซียนออกเป็น อาณาเขตตะวันตกและตะวันออก โดยในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกของพวกเรานั้น ยังสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็นอีกสามสิบสามอาณาเขตสวรรค์” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวอธิบายความรู้ในเชิงภูมิศาสตร์


 


เรื่องนี้ทําให้ผู้คนหลายคนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เจ้าเรียกพวกข้ามาเพื่อฟังเรื่องนี้น่ะรึ?


 


“หากกล่าวตามตรง อาณาเขตสวรรค์ไท่อัน (สันติคงกระพัน) ของพวกเรานั้น ถูกจัด อยู่ในอันดับสุดท้ายของสามสิบสามอาณาเขตสวรรค์ รองจากอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง (มหาเอกะโชติช่วง) และอาณาเขตสวรรค์เหยี่ยนหนาน (ทักษิณผงาดฟ้า) ” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกนั้น มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก อาณาเขตสวรรค์ไท่อันของเราก็ยังมีความอ่อนแอรั้งท้าย”


 


“เมื่อไม่นานมาอยู่ ข้าได้วางแผนคิดจะเดินทางไปฝึกตนที่ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะมุ่งหน้าไปหาประสบการณ์ ที่อาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งก่อน”


 


“ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ… ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย!”


 


ทันทีที่ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าฝูงคนก็กลายเป็นเอะอะกันทันที


 


“พี่ชายเอี๋ยน คู่ต่อสู้ที่ท่านสู้ด้วยมีระดับพลังที่สูงกว่าท่านใช่หรือไม่?” ใครบางคนหัวเราะแห้งและเอ่ยถามด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ


 


เอี๋ยนเซียนลู่ส่ายหัว “ไม่ คนผู้นั้นมีพลังบ่มเพาะระดับห้านิพพานเหมือนกับข้า”


 


เมื่อสิ้นประโยค ทุกคนก็แน่นิ่งไร้คําพูด


 


ซานจี้ถงที่ต้องการจะกล่าวอะไรสักอย่าง จู่ๆ ก็กลายเป็นพูดไม่ออก


 


เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่ก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นมีพลังต่อสู้ด้อยกว่าเอี๋ยนเซียนลู่ ถ้าหากแม้แต่เอี๋ยนเซียนลู่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วเขาจะนับเป็นอันใดได้?


 


เหลาซงยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาของเขาค่อยๆ หรี่ลงราวกับอสรพิษ


 


“ผู้ที่ข้าประลองด้วยมีชื่อว่า ซื๋อซิวเหวิน” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวต่อ “จากที่เขาบอกมา ภายในการจัดอันดับของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งเป็นอันดับที่เก้าเท่านั้น!”


 


“พรวด” ใครหลายคนสําลักทันที


 


ไม่มีทาง! เป็นไปไม่ได้


 


เอี๋ยนเซียนลู่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถูกโค่นล้มโดยจอมยุทธที่แข็งแกร่งเป็นอันดับเก้าของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งงั้นรึ….ใครจะทําใจเชื่อได้ลงกัน?


ตอนที่ 1927 พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ


 


หลิงฮันเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที พลังของเอี๋ยนเซียนลู่นั้นไม่ได้เป็นที่กังขาเลย แต่กลับถูกใครบางคนที่มีความแข็งแกร่งเพียงอันดับเก้าโค่นลงได้งั้นรึ?


 


อย่างที่รู้กันว่าอู๋เซียนลู่เป็นที่รู้จักกันในนามของตัวตนระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่งมาตลอด ต่อให้เขาทะลวงผ่านเป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณก็คงจะอีกไม่นานที่เขาจะถูกเรียกว่าตัวตนอันดับหนึ่งภายใต้ระดับตําหนักอมตะ


 


“พี่ชายเอี๋ยน อาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งในปัจจุบันนี้ แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวรึ?” เหลาซงอดไม่ได้ที่จะเปิดปากเอ่ยถาม


 


ดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป เพียงแค่อาณาเขตสวรรค์ไม่อันก็ต้องใช้เวลาพันล้านปีในการออกเดินทางสํารวจแล้ว ซึ่งอัจฉริยะทุกคนที่ถูกเรียกตัวมาในที่แห่งนี้ ใครบ้างที่มีอายุเกินกว่าพันล้านปี?


 


สําหรับอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งนั้น พวกเขาเพียงแค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้น


 


เอี๋ยนเซียนลู่พยักหน้า “เป็นความจริง”


 


“พี่ชายเอี๋ยน หรือที่ท่านเรียกพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อต้องการต่อกรกับอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง? ” ใครบางคนเอ่ยถาม เมื่อได้ยินเรื่องที่เอี๋ยนเซียนลู่เล่าทุกคนก็พอคาดเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้


 


เอี๋ยนเซียนลู่ส่ายหัว ก่อนจะพยักหน้า “ทั้งใช่และไม่ใช่”


 


เขากล่าวต่อ “เมื่อราวๆ หนึ่งร้อยล้านปีก่อน อาจารย์ของข้าได้ค้นพบเขตแดนลี้ลับแห่งหนึ่งที่อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพี่กําลังก่อตัวอยู่ ซึ่งพร้อมกันนั้น แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเช่นกัน แถมยังใกล้จะเติบโตเต็มที่แล้วด้วย”


 


อู๋เซียนลู่หยุดพูดไปครู่หนึ่ง และหันมองใบหน้าของทุกคนที่กําลังสูดหายใจลึก


 


แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่นั้น กล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจากสวรรค์และปฐพี ที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ต้องหวั่นไหว เนื่องจากมันสมบัติประเภทนี้สามารถช่วยย่นระยะเวลา การฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างมหาศาล


 


ยิ่งกว่านั้นอํานาจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีก็ยังสามารถช่วยยกระดับพลังต่อสู้ได้ด้วย เพียงแต่พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเท่าไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับวาสนา เนื่องจากแม้อํานาจแก่นกําเนิดจะมีพลังระดับราชานิรันดร์ แต่พลังของมันก็อาจจะเป็นเพียงราชานิรันดร์ระดับหนึ่งเท่านั้น หรือโชคดีก็อาจจะเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเก้า


 


จากที่กล่าวมาจึงเป็นเหตุผลว่า ทําไมการได้รับอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ในระดับโลกียนิพพานจึงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก


 


“เนื่องจากแก่นกําเนิดนิรันดร์นี้กําลังอยู่ในกระบวนการก่อตัว อาจารย์จึงไม่ได้เก็บเกี่ยวในทันที นอกจากนั้นอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ก็ยังน่าสะพรึงกลัว มากด้วย นอกจากราชานิรันดร์ระดับเก้าแล้ว ตัวตนระดับราชานิรันดร์ระดับแปดลงไป จะถูกอํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีกดขี่อย่างรุนแรง”


 


“ไม่ใช่แค่ราชานิรันดร์เท่านั้น แต่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ ระดับตําหนักอมตะ หรือระดับแบ่งแยกวิญญาณก็ไม่สามารถเข้าไปได้เช่นกัน ราวกับว่าสวรรค์และปฐพี ยินยอมมอบวาสนานี้ให้กับจอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้น”


 


เมื่อเอี๋ยนเซียนลู่กล่าวประโยคนี้ออกไป สีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด แม้แต่เหลาซงกับซานจี้ถงเองก็ยากจะปกปิดสีหน้าของตนเอง


 


“พี่ชายเอี๋ยน เรื่องราวมันคงไม่ง่ายแบบนั้นหรอกสินะ? ” หลิงฮันกล่าว หากแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ตรงหน้าเพียงเอื้อมล่ะก็เอี๋ยนเซียนลู่จะนําเรื่องนี้มาเล่าให้พวกเขาฟังทําไม


 


ยิ่งกว่านั้น เหตุใดเขาถึงต้องเอ่ยถึงอาณาเขตสวรรค์กว่างลงด้วย?


 


เหล่าอัจฉริยะในที่นี้ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าทุกคนย่อมตระหนักถึงเรื่องนี้


 


เอี๋ยนเซียนลู่พยักหน้าช้าๆ “ถูกแล้ว อาณาเขตสวรรค์กว่างลังเองก็พบเขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพีแห่งนี้เหมือนกัน เพราะงั้นเมื่อใดที่เขตแดนลี้ลับเปิดออก อาณาเขตสวรรค์กว่างลงจะกลายเป็นศัตรูของพวกเรา”


 


เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป


 


ก่อนหน้านี้เอี๋ยนเซียนลู่เพิ่งบอกไปเองว่า แม้แต่จอมยุทธระดับโลกียนิพพานที่แข็งแกร่งเป็นอันดับเก้าของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งก็สามารถโค่นล้มเขาได้ ต่อให้อู๋เซียนลู่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับที่สิบ อาณาเขตสวรรค์กว่างลังก็ยังมีสัตว์ประหลาด ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่อีกหลายคนอยู่ดี


 


การจะเอาชนะพวกเขาคือภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้!


 


“เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงต้องร่วมมือกัน” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว “ข้าได้ศึกษาค่ายกลสําหรับสิบคนเอาไว้แล้ว ภายใต้อํานาจของค่ายกล พลังต่อสู้ของทุกคนจะซ้อนทับกัน จน แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า! ”


 


ซ้อนทับกันถึงสิบเท่า!


 


เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที ต่อให้ซื๋อซิวเหวินผู้นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะแข็งแกร่งกว่าอู๋เซียนลู่ถึงสิบเท่า แม้แต่อัจฉริยะที่ทรงพลังที่สุดของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งก็เช่นกัน


 


“พี่ชายเอี๋ยน หลังจากได้รับแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมาแล้ว พวกเราจะแบ่งกันอย่างไร? ” ใครบางคนเอ่ยถาม เนื่องจากอู๋เซียนลู่ ซานจี้ถง และเหลาซงนั้นเป็นถึงจักรพรรดิในระดับโลกียนิพพานของพวกเขา ใครจะแย่งชิงวาสนากับทั้งสามได้?


 


เอี๋ยนเซียนลู่ยิ้มเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าการจะได้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมาครอบครองจ้องทําอย่างไร? มันจะเป็นผู้เลือกนายด้วยตัวเอง หากไม่มีใครเลยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมันก็หนีหาย ไป ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่พวกเราจะใช้กําลังฝืนกําราบมันได้”


 


“เพราะงั้นพวกเราแค่แย่งชิงโอกาส ในการครอบครองอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมาก็พอ ส่วนวาสนาจะตกเป็นของใครนั้น ก็ให้อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเลือกเอง”


 


หลิงฉันกล่าวแทรก “พี่ชายเอี๋ยน จากที่เล่ามานานสองนาน แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีที่ว่าเป็นอํานาจแก่นกําเนิดแบบใดงั้นรึ? ”


 


ตัวเขานั้นมีอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี คือแก่นกําเนิดพลังธาตุเพลิงและธาตุวารอยู่แล้ว ถ้าหากอํานาจแก่นกําเนิดที่อู๋เซียนลู่เล่ามาเป็นแก่นกําเนิดพลังธาตุเดียวกัน ถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็คงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่


 


หอคอยน้อยเคยกล่าวเอาไว้ว่า ให้เขาพยายามรวบรวมแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีให้ได้มากที่สุดก่อนระดับราชานิรันดร์ เพื่อที่หลังจากทะลวงผ่านระดับราชานิรันดร์ไปแล้ว ขั้นพลังที่เขาจะบรรลุได้สูงสุดก็จะเพิ่มมากขึ้น


 


ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีที่ว่า เป็นธาตุอื่นนอกจากวารีและเพลิงล่ะก็ เขาจะพยายามแย่งชิงมันมาให้ได้แน่นอน แต่าหากไม่ใช่ความกระตือรือร้นของเขาก็คงจะลดลงมากทีเดียว


 


นอกจากนั้นก็อย่างที่อู๋เซียนลู่ว่า อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีไม่ใช่สิ่งที่ใครจะครอบครองก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่ามันต้องการติดตามมาด้วยตัวเองหรือไม่


 


ในร่างของหลิงฮันมีอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสองแล้ว ถ้าหากอํานาจแก่นกําเนิดที่สามยังเป็นธาตุเพลิงหรือวารีอีก โอกาสที่มันจะเลือกหลิงฮันเป็นนายก็แทบจะเท่ากับศูนย์


 


เอี๋ยนเซียนลู่มองไปยังหลิงฮัน เขาไม่แยแสในพลังของหลิงฮันเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เขาหวาดกลัวคือฮูหนิวที่หลงใหลในตัวหลิงฮันจนโงหัวไม่ขึ้นต่างหาก


 


ความแข็งแกร่งของฮูหนิว ทําให้เขานึกว่าสัตว์ประหลาดที่ท้าทายสวรรค์เหล่านั้น


 


อู๋เขียนลู่กล่าวตอบ “อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีนี้คืออํานาจแก่นกําเนิดธาตุพฤกษา ที่เรียกว่า พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ”


 


น่าแปลกนัก ในเมื่อมันเป็นอํานาจแก่นกําเนิดธาตุไม้ แต่เหตุใดมันถึงเรียกว่า อสนีบาตเพลิงพิโรธกัน?


ตอนที่ 1928 เพียงแค่นักปรุงยา


 


“พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ มีกระบวนการถือกําเนิดที่ซับซ้อน ในระหว่างขั้นตอนการกําเนิดของมัน มันถูกเปลวเพลิงที่รุนแรงแผดเผา และถูกทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าเข้าใส่” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว


 


“ในตอนที่พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธสิ้นสุด มันให้กําเนิดต้นกล้าพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธออกมาอีกมากมาย ซึ่งต้นกล้าเหล่านี้จะคงสภาพอยู่ได้ในช่วงเวลาหนึ่งและเหี่ยวเฉาไป”


 


“ ต่อให้ไม่ถูกพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธเลือก แต่เพียงแค่ได้ครอบครองต้นกล้าที่เที่ยวเฉาของมัน ก็สามารถช่วยเพิ่มความเข้าใจในอํานาจแห่งกฏเกณฑ์ได้อย่างมหาศาลแล้ว”


 


เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนที่ตอนแรกไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรมาก ก็เกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที


 


การจะได้ทําให้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพียอมรับได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยทั่วไปแล้วมีเพียงราชานิรันดร์เท่านั้นที่สามารถทําได้ เพราะงั้นเพียงแค่ต้นกล้าที่เที่ยวเฉาของพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ ก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ยังต้องบ้าคลั่ง! 


 


“หลิงฮัน เจ้าอยากได้รึเปล่า? ” ฮูหนิวกอดแขนหลิงฮันและเอ่ยถาม “หนิวจะแย่งชิงมาให้เอง! 


 


หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เพียงแค่นึกถึงการเดินทางกับฮูหนิว เขาก็รู้สึกได้ถึงความสนุก ที่เอ่ยเป็นคําพูดออกมาไม่ได้แล้ว


 


“ข้าขอเข้าร่วมด้วย! ”


 


“ข้าเองก็เช่นกัน!”


 


ภายในพริบตา คนมากมายก็ขอเสนอตัวเข้าร่วมกลุ่มกับอู๋เซียนลู่


 


ทางด้านของซานจี้ถงและเหลาซง ถึงแม้ทั้งสองจะรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ พวกเขาถึงไม่เอ่ยขอเข้าร่วมด้วยตัวเอง แต่รอให้เอี๋ยนเซียนลู่เป็นฝ่ายเชิญชวน


 


อู๋เซียนลู่เมินเฉยทุกคนอย่างสิ้นเชิง ค่ายกลที่เขามีสามารถทําให้พลังของคนสิบคนซ้อนทับกันได้ถึงสิบเท่า ซึ่งทั้งสิบคนจะต้องแบกรับแรงกดดันอันมหาศาล หากคนที่เข้าร่วมกลุ่มไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอ เกรงว่ายังไม่ทันจะได้ต่อกรกับศัตรู คนในกลุ่มก็คงร่วงหมดแรงไปก่อนแล้ว


 


หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่ง อู๋เซียนลู่ก็คัดเลือกคนมาได้หกคน


 


ซานจี้ถงและเหลาซงเผยสีหน้าภาคภูมิใจออกมา ที่เอี๋ยนเซียนลู่เป็นฝ่ายเชิญชวนพวกเขาก่อน


 


“แม่นาง เจ้าสนใจเข้าร่วมกับข้ารึไม่? ” เอี๋ยนเขียนลู่กล่าวชวนฮูหนิว


 


“หนิวไม่ต้องการ!” ฮูหนิวมองไปยังเอี๋ยนเซียนลู่ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “บังอาจคิดไม่ดีกับหนิวงั้นรึ หนิวจะตัดหัวสุนัขของเจ้าไปให้สุนัขกิน! ”


 


เอี๋ยนเซียนอู่ทําให้เพียงยอมรับความอัปยศ จากการถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดี


 


เพียงแต่ฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บางทีนางอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซื๋อซิวเหวินเลยด้วยซ้ำ ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาค่ายกลนางก็คงสามารถเอาชนะซื๋อซิวเหวินได้ ยิ่งกว่านั้นฮูหนิวก็ยังเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อันด้วย ต่อให้พวกเข้าร่วมกลุ่มกับเขาก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร


 


“อาจารย์กล่าวเอาไว้ว่า โอกาสในครั้งคือวาสนาของทุกคนในอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน เพราะงั้นพวกเขาทุกคนจึงสามารถเข้าร่วมได้ แต่หลังจากที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับแล้ว ข้าหวังว่าทุกคนจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เนื่องจากศัตรูของเราคือ อาณาเขตสวรรค์กว่างลัง! ” 


 


เอี๋ยนเซียนสู่กล่าวต่อทันที “หากข้าพบเจอใครที่ขัดแข้งขัดขากันเองในเขตแดนลี้ลับ ในอนาคตก็อย่าได้หาว่าข้าเสียมารยาท”


 


“อืม! ” ทุกคนพยักหน้า


 


เอี๋ยนเซียนลู่เองก็พยักหน้าตอบ เพียงแต่การที่ศูหนวปฏิเสธเข้าร่วมกลุ่มของเขานั้น ทําให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยจริงๆ หากจอมยุทธที่ทรงพลังเช่นนั้นเข้าร่วมกลุ่มด้วยล่ะก็ โอกาสที่จะคว้าชัยชนะมาได้ก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล เพียงแต่เมื่อเห็นว่าฮูหนิวนั้นตัวติดกับหลิงฮันขนาดไหน เขาจึงลองตัดสินใจเปลี่ยนแผนดู


 


“หลิงฮัน ในที่สุดเราก็ได้พบกัน” อู๋เซียนลู่กล่าวและยิ้มเล็กน้อย


 


หลิงฮันพยักหน้า “ข้าได้ยินชื่อเสียงของพี่ชายเอี๋ยนมานานแล้ว ซึ่งพี่ชายเอี๋ยนก็ไม่ทําให้ข้าผิดหวังจริงๆ ”


 


“ฮึ่ม” เมื่อได้ยินคําพูดของหลิงฮัน ทุกคนก็สูดหายใจลึกทันที “เจ้าช่างปากกล้าอะไรอย่างนี้


 


เจ้าที่เป็นคนของศาสตร์ปรุงยา กล้าพูดอะไรบ้าบินเช่นนี้ได้อย่างไร?


 


เอี๋ยนเซียนลู่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ถึงแม้จ้าวซึ่งเพิ่งจะไม่ได้ถูกหลิงฮันสังหารโดยจริง แต่การตายของอีกฝ่ายก็เกี่ยวข้องกับหลิงฮัน


 


เพียงแต่ว่าหลิงขั้นนั้นยังเยาว์วัยเป็นอย่างมาก นอกจากพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาจะน่าอัศจรรย์แล้ว ศักยภาพในศาสตร์วรยุทธก็ถือว่ายอดเยี่ยม เพราะงั้นเขาจึงต้องการเชิญชวนหลิงฮันให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกับตน


 


ในมุมมองของเขา หากถูกราชาในหมู่รุ่นเยาว์ของอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน อย่างเขาเชิญชวนล่ะก็ หลิงฮันจะต้องยอมตกลงในทันทีแน่นอน


 


“เจ้าสนใจร่วมกลุ่มกับข้ารึไม่? ” เขาพยายามสงบอารมณ์และเอ่ยถาม พร้อมกับชาเลืองมองไปยังฮูหนิว


 


หลิงฮันยิ้ม “งั้นก็มาสู้กัน หากข้าชนะ ต้องเป็นพี่ชายเอี๋ยนที่เป็นฝ่ายเข้าร่วมกับข้า! ”


 


เอี๋ยนเซียนไม่แสดงท่าที่โมโหใๆ ในความคิดของเขาตอนนี้ หลิงฮันเป็นเพียงคนบ้าคนหนึ่งเท่านั้น เพราะงั้นเขาจึงไม่ต้องเก็บคําพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ เขากล่าวตอบ “แล้วถ้าเจ้าแพ้ล่ะ?”


 


“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็จะปัดกันไปจากที่นี่” หลิงฮันยิ้ม


 


เอี๋ยนเซียนลู่ถลึงตามอง นี่เจ้าจะเอาแต่ใจเกินไปหน่อยรึเปล่า?


 


ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมน และต้องการจะสั่งสอนหลิงฮัน “ตกลง งั้นก็มาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันสองกระบวนท่า”


 


หลิงฮันลูบหลังฮูหนิวเพื่อสื่อว่าให้นางขยับตัวถอยไป


 


“ไม่เอา สู้ไปทั้งๆที่ให้หนิวเกาะไปแบบนี้ก็ได้! ” ฮูหนิวรัดแขนหลิงฮันไม่ปล่อย นางไม่ต้องการแยกห่างจากหลิงฮันแม้แต่วินาทีเดียว


 


หลิงฮันครุ่นคิด ก่อนจะเดินขึ้นไปทั้งๆแบบนี้


 


เมื่อระดับพลังบรรลุมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่าว่าแต่คนเพียงคนเดียวเกาะแขนเลย ต่อให้มีคนนับหมื่นมากอดรั้งก็ไม่ได้ทําให้พลังต่อสู้ลดลงไปแม้แต่น้อย ในเมื่อฮูหนิวร้องขอแบบนี้ เขาเองก็ไม่อยากขัดคําขอเล็กๆน้อยๆของนาง


 


“เข้ามา! ” หลิงฮันกวักนิ้วไปยังเอี๋ยนเซียนลู่


 


นี่คือสภาพของคนที่กําลังท้าทาย ตัวตนระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่งั้นรึ? ช่างประมาทอะไรอย่างนี้


 


เอี๋ยนเซียนลู่ไม่กล้าประมาท เขารู้จักความแข็งแกร่งของฮูหนิวดี หากนางลงมือช่วยล่ะก็ โอกาสที่เขาจะกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อมมีสูงมาก


ตอนที่ 1929 นักปรุงยาจะทรงพลังขนาด นี้ได้อย่างไร?


 


เอี๋ยนเซียนลู่ก้าวเดินออกมา เสื้อคลุมของเขาสยายตามสายลมอย่างองอาจ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่ได้หล่อเหลาจนน่าหลงใหล แต่กลิ่นอายรอบตัวเขาก็น่ายําเกรงจนผู้คนโดยรอบต้องเกิดความรู้สึกเคารพ


 


ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ แต่คนที่เป็นคู่ต่อสู้กับเอี๋ยนเซียนลู่ กลับแบกเด็กสาวผู้หนึ่งเอาไว้บนร่างกายอย่างน่าขบขัน


 


นี่เจ้าตั้งใจจะสู้จริงๆ รึเปล่า?


 


ใบหน้าของอู๋เซียนลู่มืดมนอย่างมาก แต่เดิมแผนการของเขาถูกวางเอาไว้ดีอยู่แล้วแท้ๆ การที่เขารวบรวมเหล่าอัจฉริยะมากมายมาก็เพื่อเปิดวาสนาราชานิรันดร์ ตามแผนแล้ว เมื่อเขาเป็นคนแรกที่ได้รับวาสนาจากแผ่นหินราชานิรันดร์ กายหยาบของเขาก็จะถูกยกระดับขึ้นและสามารถไปแย่งชิง แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีในเขตแดนลี้ลับได้


 


หากได้ครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ในระดับพลังเดียวกันเขาจะจําเป็นต้องหวาดกลัวใครอีก?


 


เพียงแต่แผนการที่วางเอาไว้กลับฟังตั้งแต่เริ่ม แผ่นหินราชานิรันดร์ถูกฮูหนิวแย่งไปครอบครอง ซึ่งหากไม่ใช่เพราะหลิงฮันล่ะก็ มีรีที่นางจะมาปรากฏตัวที่นี่?


 


ความแค้นเดิม เมื่อผสานรวมกับความแค้นใหม่ ได้ส่งผลให้เอี๋ยนเซียนลู่เกลียดชัง “คนถ่อยอย่างหลิงฮันมากยิ่งขึ้น


 


อู๋เซียนลู่ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าและเค้นเสียงในลําคอ ครืนน คลื่นอากาศโดยรอบสั่นสะเทือนและก่อตัวรวมกับเป็นดาบยาวมาปรากฏในมือของเขา ด้วยการหักเหของแสง ดาบที่สร้างจากคลื่นอากาศเล่มนี้จึงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


 


หลิงฮันยิ้ม เนื่องจากแขนข้างหนึ่งของเขาแบกฮูหนิวเอาไว้อยู่ เขาจึงใช้แขนอีกข้างยื่นไปด้านหน้าและรวบนิ้วทั้งสี่เข้าหากัน เหลือไว้เพียงนิ้วโป้งนิ้วเดียวที่ชี้เข้าหาอู๋เซียนลู่


 


“เข้ามา!” เขียนลูกวัดแกว่งดาบ “พรึบ” ทันใดนั้นเองท้องฟ้าก็ส่องแสงเจิดจ้า ราวกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากําลังสั่นสะเทือน


 


หลิงฮันยังคงยืนนิ้วค้างเอาไว้ คลื่นดวงดาราหลายร้อยล้านดวงภายในร่างกายของเขาส่องประกายพร้อมกัน และรวมตัวกันเป็นอํานาจแห่งเต๋อยู่บนปลายนิ้ว เมื่อเขาดันนิ้วออกไป อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีก็สั่นสะท้านตอบรับ แปรเปลี่ยนกลายเป็นมังกรและนกวิหคเพลิง


 


มังกรและวิหคเพลิงเต้นรําและพุ่งทะยานเข้าปะทะกับคลื่นดาบ


 


ตูม!


 


ทันทีที่คลื่นดาบกับมังกรและวิหคเพลิงเข้าปะทะกัน คลื่นพลังอันสว่างไสวก็ระเบิดออกมาราวกับดวงตะวัน ที่กําลังส่องสว่างไปทั่วพิภพ


 


เมื่อคลื่นพลังสลายไป หลิงฉันกับเอี๋ยนเซียนลู่ก็ยังคงยืนตรงข้ามกันเช่นเดิม โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครล่าถอยหรือได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย


 


อะไรกัน!


 


ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึง


 


หลิงอันมีพลังต่อสู้ที่เทียบเคียงอู๋เซียนลู่ได้งั้นรึ?


 


เหลือเชื่อ อู๋เซียนลู่เป็นถึงจักรพรรดิเชียวนะ!


 


ระดับห้านิพพานคือขั้นพลังที่ยากจะบรรลุได้ ทั่วทั้งอาณาเขตสวรรค์ไท่อันที่มีขุมอํานาจราชานิรันดร์อยู่นับร้อย ขุมอํานาจที่เป็นราชานิรันดร์ระดับห้าขึ้นไปนั้นมีเพียงราวๆ ยี่สิบขุมอํานาจเท่านั้น ซึ่งภายในขุมอํานาจอันน้อยนิดนั่น จะมีอัจฉริยะสักกี่คนที่มีศักยภาพระดับจักรพรรดิ?


 


หากนับเพียงแคในหมู่จอมยุทธระดับโลกียนิพพาน อัจฉริยะที่มีศักยภาพเช่นนั้นมีเพียงสามคนเท่านั้น


 


ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทําไมหลิงยันถึงกล้าทําตัวโอหัง เมื่อเป็นถึงจักรพรรดิแล้วแน่นอนว่าเขาย่อมไม่จําเป็นต้องยําเกรงใคร


 


แต่ประเด็นก็คือเจ้าเป็นนักปรุงยาไม่ใช่รึไง นักปรุงยาจะเป็นจักรพรรดิที่ทรงพลังได้อย่างไร? 


 


บ้าชัดๆ!


 


สายตาของอู่เซียนสู่ส่องประกาย เขาไม่ได้รู้สึกริษยาหรือรังเกียจหลิงอันที่เป็นจักรพรรดิเหมือนกันแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามเลยจิตวิญญาณสู้รบของเขาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม แถมยังเกิดความรู้สึกโล่งใจ


 


อาณาเขตสวรรค์ไท่อันนั้นอ่อนแอเกินไป จึงจําเป็นต้องมีอัจฉริยะศักยภาพระดับจักรพรรดิเพิ่มขึ้นอีกจํานวนมาก ไม่ใช่นั้นหากในอนาคต ดินแดนแห่งเซียนมีสงครามที่รุนแรงเกิดขึ้น อาณาเขตสวรรค์ไท่อันที่อ่อนแออาจจะถูกขุมอํานาจจากอาณาเขตอื่นรุกรานได้


 


“ยอดเยี่ยม!” เซียนสู่คํารามเสียงเบา “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเพียงพวกหยิ่งทะนงเท่านั้น แต่ดูเหมือนข้าจะคิดผิดสินะ ต้องขออภัยด้วย”


 


หลิงฮันยิ้มและกล่าวตอบ “ตอนแรกข้าก็คิดว่าพี่ชายเอี๋ยนเป็นพวกอวดดีเช่นกัน แต่ตอนนี้ข้าคงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อท่านใหม่แล้ว”


 


ทั้งสองมองหน้ากันและเผยรอยยิ้ม


 


จํานวนของจักรพรรดินั้นมีอยู่น้อยนิด เพราะงั้นแต่ละคนนอกจากจะเป็นคู่ต่อสู้กันแล้ว ยังสามารถเป็นสหายต่อกันด้วย


 


“หลิงฮัน ไม่ต้องไปเสียเวลาพูดคุย รีบๆ ทุบตีเขาได้เสร็จเร็วเข้า หนิวอยากจูบเจ้าจะแย่แล้ว!” ฮูหนิวคล้องแขนที่คอหลิงฮันและกล่าวออกมาอย่างไม่มีความเขินอาย


 


หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “พี่ชายเอี๋ยน มาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันสิบกระบวนท่า”


 


มุมมองที่เขามีต่อเอี๋ยนเซียนลู่เปลี่ยนไปมาก เพราะงั้นเขาจึงไม่คิดจะโค่นอีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นหินรองเท้าอีกต่อไป


 


“ตกลง สิบกระบวนท่าตามที่เจ้าว่า” เอี๋ยนเซียนลู่พยักหน้า


 


เขาเป็นคนที่ยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีก็จริง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ด้วย หากเป็นราชาในหมู่ราชาหรือราชาทั่วไปมีรึจะทําให้เขายอมรับได้? มีแค่อัจฉริยะในระดับจักรพรรดิเหมือนกันเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติพอจะยืนหยัดทัดเทียมกับเขา


 


หลิงฮันลงมือ เขาพุ่งทะยานร่างปลดปล่อยการโจมตีราวกับคลื่นแสง ทางด้านของเอี๋ยนเซียนลู่ก็ไม่อ่อนข้อ และทําการโจมตีตอบโต้หลิงชั้น


 


“ตูม ตูม ตูม ปัง ปัง ปัง”


 


ทั้งคู่ไม่มีใครออมมือ ต่างฝ่ายต่างปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ออกมา เพื่อแสดงจุดยืนที่แข็งแกร่งที่สุด


 


สิบกระบวนท่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนหยุดมือพร้อมกันและเผยรอยยิ้ม


 


นี่คือการแสดงสายสัมพันธ์ระหว่างบุรุษ


 


“ลงเขากันเถอะ!”


 


ทุกคนเดินเคียงบ่ากันลงจากยอดเขา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งกีดขวางอีกแล้ว ความเร็วของพวกเขาจึงไม่เชื่องช้า เพียงแค่ระยะเวลาสิบวันพวกเขาก็มาถึงตีนเขา


 


“กะ กะ กะ เจ้าหนู เจ้าคิดว่าจะหนีจากเงื้อมมือของข้าได้?” ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาด ชายผู้นี้ได้ปรากฏตัว “ครืนนน” แรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ขยายไปทั่วสวรรค์สามสิบสามชั้น


 


ร่างของเหล่าอัจฉริยะทุกคนสั่นสะท้าน ถึงแม้พวกเขาจะเป็นราชาในหมู่ราชา หรือจักรพรรดิ แต่พลังของพวกเขาก็ถูกจํากัดอยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น ต่อให้จักรพรรดิในระดับโลกียนิพพานจะสามารถต่อกรกับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณได้ ชายชราผู้นี้ก็ไม่ใช่ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้


 


ถึงแม้ทุกคนจะตกตะลึง แต่ก็ไม่มีใครเลยที่รู้สึกหวาดกลัว


 


สถานที่แห่งนี้คืองานรวมตัวที่จัดขึ้นโดยเอี๋ยนเซียนลู่ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเอี๋ยนเซียนลู่ก็คือราชานิรันดร์ระดับแปด


 


หากชายชราผู้นี้ลงมือจริง ราชานิรันดร์จะต้องปรากฏตัวและบดขยี้เขากลายเป็นเศษเนื้อในพริบตา


 


หลิงฮันหรี่ตาและกล่าว “อสูรเฒ่าเงาโลหิต!”


 


“เจ้าหนู ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ข้าคิดว่ากว่าเจ้าจะนํายันต์ไม้ทอผูกชะตามาให้ข้าได้ คงใช้เวลานับสิบล้านปี ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เจ้าก็ทําภารกิจของข้าสําเร็จแล้ว เอาล่ะ รีบๆ ส่งของมาให้ข้าได้แล้ว!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง


 


ทุกคนล้วนแต่หวาดกลัวความตาย โดยเฉพาะกับคนที่ยืนอยู่ในจุดที่สูงส่ง


 


อสูรเฒ่าเงาโลหิตได้รับผลกระทบจากบาปเคราะห์แห่งสวรรค์มาแล้ว หากเขาต้องรับบาปเคราะห์แห่งสวรรค์อีกครั้ง ชีวิตของเขาจะต้องดับสูญเป็นแน่ เพราะงั้นเขาจึงโหยหายันต์ไม้ท้อผูกชะตาเป็นอย่างมาก


 


หลิงฮันยักไหล “ขอโทษด้วย แต่ข้าใช้มันไปแล้ว”


 


“ชะ ใช้ไปแล้ว!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตชะงัก ปฏิกิริยาแรกของเขาหลังจากที่ได้ยินคือ การปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง


 


ศีรษะของเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าหนู เจ้ากล้าหลอกลวงขาเช่นนี้ หรือว่าเจ้าอยากตายงั้นรึ?”


 


ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง


 


“พรึบ เพียงแต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวอย่างไม่ให้ลุ้มให้เสียง และผลักฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน คลื่นอํานาจแห่งอัสนีอันไร้ที่สิ้นสุด ระเบิดพลังทําลายล้างน่าสะพรึงกลัวออกมา


 


ป้าเยา!


 


เขารอคอยหลิงขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะงั้นเมื่อเห็นหลิงขั้นปรากฏตัวจึงรีบลงมือทันที เขาไม่ได้ต้องการยันต์ไม้ท้อผูกชะตาจากหลิงฮันเหมือนกับอสูรเฒ่าเงาโลหิต เขาจึงคิดสังหารหลิงฮันและแย่งชิงสมบัติมาโดยตรง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)