Alchemy Emperor of the Divine Dao 1920-1923
ตอนที่ 1920 อีกสามชั้นของหอคอยเปิดออก
หลิงฮันไม่คาดคิดแม้แต่น้อย ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่หอคอยน้อยว่า จะหมายถึงการที่หอคอยทมิฬสามชั้นที่เหลือเปิดออกพร้อมกัน!
“ครืนนน” หอคอยสามภพล่องลอยอยู่ภายในตันเถียนของเขา ชั้นทั้งเก้าของหอคอยส่องแสงสว่างเจิดจ้า ราวกับกําลังกําราบสวรรค์ด้วยออร่าที่ส่งผ่านมายังยุคบรรพกาล
“หืม?”
ราชานิรันดร์หย่งชางขมวดคิ้ว เมื่อครู่จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังที่อยู่เหนือระดับพลังของเขาไปไกลหลายขุม
ราชานิรันดร์ระดับเก้า!
หรือบางทีอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นอีก
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึง ราวกับเรื่องประหลาดเช่นนี้ไม่สมควรเกิดขึ้น
มือและเท้าของหลี่ว์ไห่หรงสั่นสะท้าน กลิ่นอายนี้ นางเคยพบเจอมาก่อน!
หรือจะเป็นผู้อาวุโสท่านนั้น?
ภายในภูเขา หลิงฮันยกหมัดขึ้นสูงและโจมตีใส่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ซึ่งการกระทําของเขา ส่งผลให้อํานาจของอสนีบาต,อสุนีบาตที่ผ่าลงมารุนแรงกว่าเดิม อันที่จริงเขาไม่ต้องรีบทําการตัดขาดสวรรค์และปฐพีก็ได้ หากรอให้เวลาเกือบครบหนึ่งวันและตัดผ่านนิพพานละก็ แม้ในตอนนั้นสวรรค์และปฐพีจะเกรี้ยวกราด แต่อย่างมาก พลังทําลายของอสนีบาต, อสุนีบาตก็จะคงอยู่ เพียงชั่วครู่ และสามารถผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปได้อย่างไม่ยากเย็น
เพียงแต่หลิงฮันไม่ทําเช่นนั้น เขาต้องการทดสอบความน่าสะพรึงกลัวของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
เพื่อที่จะก้าวขึ้นไปยังจุดสูงสุดของศาสตร์วรยุทธ เขาจําเป็นต้องอยู่เหนืออัจฉริยะทั้งมวล เพ ราะงั้นเขาจึงอยากพิชิตศัตรูที่อัจฉริยะคนอื่นไม่อาจเอาชนะได้ให้ได้
“ตูม!”
เพียงแค่การตอบโต้กับสวรรค์เพียงครั้งเดียว หลิงฮันก็รู้สึกชาไปทั่วแขนและเผยสีหน้าตกตะ ลึงเล็กน้อย อย่างที่รู้กันว่ากายหยาบของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน แม้แต่ปรมาจารย์ระดับ ตัดวิญญาณหยิน ก็ยากที่จะทําให้เขาบาดเจ็บ แต่ตอนนี้แขนของเขากลับรู้สึกชาเพียงแค่รับการโจมตีหนึ่งครั้ง
เพียงแต่ ก็ยอดเยี่ยมนัก!
หลิงฮันรู้สึกว่าภายในร่างกายของเขาในตอนนี้ เอ่อล้นไปด้วยพลังที่น่าเกรงขาม หลังจากที่ตัดขาดกับสวรรค์และปฐพีแล้ว ตันเถียนของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาด เขาไม่จําเป็นต้องชี้นําพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีมาควบแน่นเป็นปราณก่อเกิดอีกต่อไป
หลิงฮันคํารามและกระหน่ำปล่อยหมัดตอบโต้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ อํานาจต้นกําเนิดอย่างเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับ ถูกปกคลุมไปด้วยหมัดของเขา และสร้างตราประทับแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของจักรพรรดินีนั้น เมื่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ใกล้จะถึงเวลาสิ้นสุด นางก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาเพื่อตัดขาดสวรรค์และปฐพี นางรอจนกระทั่งอสนีบาต อสุนีบาต ระลอกสุดท้ายผ่าลงมา ถึงค่อยตัดนิพพานสู่ห้านิพพาน
ในเมื่อทั้งสองรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์พร้อมกัน หากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของจักรพรรดินี้สิ้นสุด ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของหลิงฮันเองก็ต้องสิ้นสุดเช่นกัน
เมฆสายฟ้าสองก้อนกระจัดกระจายหายไปอย่างพร้อมเพรียง หลิงฮันกับจักรพรรดินี้หันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
บรรลุห้านิพพานสําเร็จ!
จากนี้เป็นต้นไป ในที่สุดทั้งสองก็ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในระดับของอัจฉริยะแนวหน้าเสียที
“เจ้าหนู อย่าเพิ่งเหลิงจนเกินไป แม้แต่ในระดับห้านิพพาน ก็ยังมีความแตกต่างของพลังอยู่อีก” หอคอยน้อยกล่าวเตือน
หลิงฮันพยักหน้า ดูจากพวกเอี๋ยนเซียนลู่ ซานจี้ถง และเหลาซงเป็นตัวอย่างก็ได้ ในหมู่พวกเขาทั้งสามเห็นได้ชัดว่า เอี๋ยนเซียนลู่นั้นแข็งแกร่งที่สุด บางทีความแตกต่างของพลังต่อสู้อาจจะไม่ใช่แค่หนึ่งดาวด้วยซ้ํา
การที่เพิ่งบรรลุผ่านระดับห้านิพพาน ก็เหมือนกับเพิ่งก้าวผ่านธรณีประตู หลังจากนี้พวกเขา จะก้าวเดินต่อไปได้อีกไกลแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง
“หอคอยทมิฬอีกสามชั้นเปิดออกแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างงั้นรึ?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“เจ้าสามารถเร่งการไหลของกระแสเวลาได้” หอคอยน้อยกล่าว “อย่างสมุนไพรนิรันดร์ที่ถูกปลูกความเร็วในการเจริญเติบโตก็จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า และหากบีบระยะให้แคบลง การไหลลงของกระแสเวลาก็จะถูกเร่งได้ถึงพันเท่า”
หลิงฮันชะงักก่อนจะเผยท่าทีตื่นเต้น “นั่นหมายถึงหากข้าหลอมเม็ดยาในหอคอยทมิฬ ความเร็วในการหลอมก็จะเพิ่มขึ้นพันเท่านั้นรึ?”
“ไม่ผิด!” หอคอยน้อยพยักหน้า
หลิงฮันยิ้มไม่หุบ ในการวิเคราะห์หรือทําความเข้าใจ ต้นสังสารวัฏคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพียงแต่อํานาจของต้นสังสารวัฏนั้น ช่วยเร่งแค่ระยะเวลาภายในห้วงความคิดเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องการเร่งหัวงเวลาของร่างกายจริงๆ จําเป็นที่จะต้องพึ่งพาอํานาจของหอคอยทมิฬ
“นอกจากนั้น เจ้าก็ยังสามารถขึ้นําพลังส่วนหนึ่ง อย่างอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา อํานาจ แห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ และอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารจากหอคอยทมิฬใช้ได้”
หอคอยน้อยกล่าวต่อ “เอาล่ะ เลิกยุ่งกับข้าได้แล้ว ข้าต้องใช้เวลายกระดับตนเองเพื่อปรับตัวเข้ากับความสามารถใหม่อีก”
หอคอยอวดดีตนนี้ ยังคงพูดจาไม่เข้าหูเหมือนเคย
หลิงฮันเลือกที่จะเมินเฉย
เขายิ้มไปยังจักรพรรดินี “ไปกันต่อเถอะ”
ถึงแม้พวกเขาจะเสียเวลาไปสิบกว่าวัน แต่ก็ใช่ว่าจะไปถึงยอดเขาเป็นคนแรกไม่ได้ เนื่องจากขนาดพวกเขาใช้เวลามาหลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่สามารถขึ้นไปยังยอดเขาได้แค่ระยะเวลาสิบวัน ถึงแม้จะมีผลบ้างแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครไล่ตามพวกเขาทัน
แต่ก็แน่นอนอีกว่าใช่ว่าทุกคนจะเลือกเดินในเส้นทางเดียวกับพวกเขา เพราะยังไงเส้นทางที่เชี่อมต่อไปยอดเขาก็ยังมีเส้นทางอื่นอยู่อีก
หลิงฮันกับจักรพรรดินีจับมือเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กัน
เบื้องหน้าของพวกเขามีเมฆหมอกมารวมตัวกันอีกครั้ง และปรากฏเป็นร่างอัจฉริยะจากความ ทรงจําของราชานิรันดร์หย่งชางคนใหม่ เพียงแต่อัจฉริยะที่ปรากฏตัวในครั้งนี้คือตัวตนระดับตัด วิญญาณหยาง
ดูเหมือนว่าอํานาจของสวรรค์และปฐพี่ในที่แห่งนี้ จะถูกกําหนดเอาไว้ตามระดับพลังของจอมยุทธแต่ละคน เพื่อที่จะไม่ให้ใครใช้ข้อได้เปรียบจากระดับพลังที่สูงกว่าไต่เขาอย่างรวดเร็ว คู่ต่อสู้ ที่ปรากฏออกมาจึงต้องมีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกัน
“เข้ามา!” หลิงฮันหัวเราะ เขาอยากจะทดสอบความสามารถใหม่ของหอคอยทมิฬเต็มที่แล้ว
หลิงฮันพุ่งเข้าปะทะกับร่างความทรงจํา เพียงแต่สิ่งที่เขาทําคือการรับกระบวนท่าเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ตอบโต้ ในระหว่างนี้เขาได้สื่อสารกับหอคอยน้อยเพื่อไต่ถามถึงวิธีการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ และอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร
ด้วยศักยภาพในการทําความเข้าใจของเขา และหอคอยทมิฬคือส่วนหนึ่งในร่างกายของเขา หลิงฮันจึงเรียนรู้วิธีการใช้ได้อย่างรวดเร็ว เขาผลักฝ่ามือออกไปใส่ร่างความทรงจํา “จงหายไป!”
จู่ๆ ร่างความทรงจําก็ถูกแสงปกคลุมไปทั่วร่าง ตราประทับแห่งเต๋าค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาที่ละตัว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ใช้ไม่ได้รึ?” หลิงฮันประหลาดใจ เขาตั้งใจว่าจะใช้อํานาจแห่งกฏเกณฑ์ห้วงมิติ รวบร่างของร่างความทรงจําเข้ามาในหอคอยทมิฬ แต่กลับล้มเหลวเสียได้
“งั้นก็เปลี่ยนรูปแบบการใช้” เขาหัวเราะและผลักฝ่ามือออกไปอีกครั้ง “สะบั้น!”
“พรึบ พรึบ พรึบ” คมดาบวายุมากมายถูกปลดปล่อยเข้าใส่ร่างความทรงจํา คมดาบแต่ละเล่ม มีความยาวเพียงหนึ่งฟุต แต่ตราประทับแห่งเต๋าที่ส่องประกายอยู่ตามคมดาบกลับพรั่งพรูไปด้วยอํานาจแห่งสวรรค์และปฐพี่ที่น่าสะพรึงกลัว
ทันทีที่ถูกคมดาบวายุตัดผ่าน ร่างความทรงจําก็ถูกเฉือนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา
ง่ายเพียงนี้เลย
ตอนที่ 1921 วาสนาอยู่ตรงหน้า
ทรงพลังมาก!
ถึงแม้หลิงฮันจะสามารถจัดร่างความทรงจําตรงหน้าได้ด้วยพลังของตนเอง แต่ก็คงไม่ง่ายดายเพียงนี้
สมแล้วที่หอคอยสามภพคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด
ยิ่งกว่านั้นพลังที่เขานํามาใช้ก็ยังเป็นเพียงแค่พลังส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากมีข้อจํากัดในระดับพลัง
จักรพรรดิใช้เวลาประมือกับร่างความทรงจําอยู่นานสักพัก เนื่องจากนางมีพลังต่อสู้ด้อยกว่าหลิงฮันและไม่มีหอคอยทมิฬ
หลังจากมุ่งหน้าต่อไป คู่ต่อสู้คนใหม่ก็ปรากฏตัว
“กาลเวลแปรผัน!” หลิงฮันใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์เวลาของหอคอยทมิฬ ทันทีที่เขาผลักฝ่ามือออกไป ร่างความทรงจําก็สลายหายไปทันที
ไม่ใช่ว่ามันถูกบดขยี้ด้วยพลังทําลายอันน่าสะพรึงกลัว แต่มันถูกอํานาจห้วงเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด จากฝ่ามือของเขาเร่งให้เสื่อมสลายไป แน่นอนว่าหากความสามารถนี้ถูกนําไปใช้กับจอมยุทธทั่วไป ย่อมไม่ทําให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่
นั่นเพราะตัวตนระดับนิรันดร์นั้นมีอายุขัยที่ไร้ขีดจํากัด มีรึที่การเร่งกระแสเวลาจะทําให้พวกเขาแก่ชราและตายได้? ความสามารถนี้จึงสามารถใช้ทําให้การโจมตีหรือทักษะต่างๆ สลายไปเท่านั้น
หลังจากนั้น หลิงฮันก็ลองใช้อํานาจแห่งกฏเกณฑ์สังหาร
เขาสะบั้นดาบปลดปล่อยปราณพิฆาตทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ภายในพริบตารางความทรงพลัง อีกร่างก็ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ
อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสามช่างทรงพลังจนน่าอัศจรรย์
หลังจากลองจนเข้าใจแล้ว หลิงฮันก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป ทันทีที่เขาเห็นร่างความทรงจําปรากฏตัว เขาจะทําการบดขยี้พวกมันทิ้งในพริบตา และไต่ขึ้นไปยังยอดเขาด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าเดิม
หลิงฮันรับหน้าที่เป็นผู้โจมตีหลัก โดยที่จักรพรรดินีแทบไม่ได้ทําอะไรเลย
เพียงพริบตา เวลาหลายวันก็ผ่านพ้นไป
เอี๋ยนเซียนลู่ที่จิตใจอัดแน่นไปด้วยความทะเยอทะยาน ได้เคลื่อนที่ใกล้จะถึงยอดเขาแล้ว ตัวเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าวาสนาแห่งสวรรค์และปฐพีนี้ ไม่มีทางตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
ยิ่งเขาเดินหน้า เมฆหมอกรอบด้านก็ค่อยๆ สลายไป และแผ่นหินก้อนใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขาในที่สุด มันเป็นแผ่นหินที่แบนเรียบที่มีตราประทับแห่งเต๋า ส่องประกายอยู่เป็นระลอกราวกับมีชีวิต
หินก้อนใหญ่แผ่นนี้คือแผ่นหินที่ราชานิรันดร์หย่งชาง นั่งในขณะที่ทะลวงผ่านเป็น ราชานิรันดร์ ไม่ใช่สามารถราชานิรันดร์คนใดจะสามารถชี้นําให้เกิดวาสนาแห่งสวรรค์ปฐพีได้ มีเพียงราชานิรันดร์ที่มีที่พลังสูงส่ง อย่างราชานิรันดร์หย่งชางเท่านั้นที่ทําได้
ยิ่งเคลื่อนที่เข้าใกล้แผ่นหินเท่าไหร่ อู๋เซียนลู่ก็ยิ่งเผยสีหน้าตื่นเต้น ตราบใดที่เขานั่งไปบนแผ่นหินได้ พลังแห่งสวรรค์และปฐพีที่สั่งสมมานานหลายยุคสมัย จะหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขา ซึ่งจะสร้างโอกาสให้เขาสามารถไล่ตามอัจฉริยะที่ราวกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้ทัน
เพราะความรู้สึกอันตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อู๋เซียนลู่จึงเร่งฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ จิตใจของเขาก็ชะงักและรีบยกฝ่ามือขึ้น ตราประทับสีขาวพรั่งพรูออกมาจากมือของเขา และปรากฏร่างของเต่าอําพัน
“ตูม!”
การโจมตีของใครบางคนปะทะเข้ากับเต่าอําพัน ชั้นบรรยากาศรอบด้านเกิดรอยปริแตก ราวกับห้วงมิติถูกฉีกกระชาก
“ซานจี้ถง!” อู๋เซียนลู่กล่าวออกมาโดยไม่แม้แต่หันหลังไปมอง
“ที่นี้เจ้ารู้สึกเสียใจรึยัง ที่เชิญข้ามาที่นี่?” ซานจี้ถงปรากฏตัวออกมาจากระยะที่ห่างออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
เอี๋ยนเซียนลู่ยิ้มมุมปาก สายตาของเขาไม่ได้มองไปยังซานจี้ถง แต่มองไปยังอีกทิศทางหนึ่งก่อนจะกล่าว “น้องชายเหลา ยังไม่ออกมาอีกรึ? เจ้าจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่กัน”
ซานจี้ถงเปลี่ยนสีหน้าทันใด เนื่องจากเขาไม่รู้สึกตัวมาก่อนว่าเหลาซงจะแอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ถ้าหากเขากับซานจี้ถงเริ่มการปะทะกันล่ะก็ วาสนาจะต้องถูกอีกฝ่ายลอบแย่งชิงไปแน่นอน
แต่ประเด็นก็คือเขาสัมผัสไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเหลาซงนั้นอยู่ที่นี่ การที่เอี้ยนเซียนลู่สัมผัสได้ ย่อมหมายถึง อย่างน้อยในด้านความสามารถของการรับรู้ตัวเขากับเอี้ยนเซียนรู้มีความห่างชั้นกันอย่างมาก
“ฮ่าๆ หูตาของพี่ชายเอี้ยนช่างเฉียบคมนัก ข้ามั่นใจมากแท้ๆ ว่าแม้แต่ตัวตนระดับแบ่งแยก วิญญาณก็ไม่หาตัวข้าได้ แต่พี่ชายเอี้ยนกลับมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง” เสียงหัวเราะดังขึ้น พร้อ มกับร่างของเหลาซงค่อยๆ ก้าวเดินออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ใบหน้าของซานจี้ถงก็กลายเป็นบูดบึงจนน่าเกลียด เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าความสามารถในการรับรู้ของเอี้ยนเซียนลู่นั้นอยู่เหนือเขาจริงๆ
เอี๋ยนเซียนลู่ยิ้มและกล่าว “ข้าไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของเจ้าได้หรอกนะเหลาซง ข้าแค่คิดว่าในเมื่อน้องชายซานปรากฏตัวที่นี่แล้ว เจ้าเองก็น่าจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน”
บัดซบ ที่แท้เจ้าก็มั่วงั้นรึ
ซานจี้ถงแทนจะกระอักโลหิตออกมา เขาไม่คาดคิดว่าอัจฉริยะอย่างเอี้ยนเซียนลู่จะใช้วิธีการปลิ้นปล้อนเช่นนี้ด้วย ถ้าเกิดเหลาซงไม่ได้อยู่ที่นี่ขึ้นมาล่ะ อีกฝ่ายจะไม่รู้สึกอับอายบ้างรึ?
เอี้ยนเซียนลู่หัวเราะโดยไม่ตอบอะไร มีเพียงตัวเขาคนเดียวที่รู้ว่า ความจริงแล้วเขาสามารถสัมผัสถึงตัวตนของเหลาชงได้จริงๆ
ตัวเขาที่มีแก่นกําเนิดนิรันดร์สอดคล้องกับอํานาจแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ จะไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของใครอื่นรอบกายได้อย่างไร?
“วาสนาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ใครจะได้ครอบครองมันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง!” เซียนลูกล่าวออกมา พร้อมกันนั้นเองกลิ่นอายทั่วร่างของเขาก็เปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของเขาเปรียบดั่งดาบไร้เทียมทาน ที่ถูกเก็บอยู่ในปลอกดาบ จึงไม่แสดงอ อกถึงความน่าเกรงยําเกรง แต่ตอนนี้เมื่อดาบถูกชักออกมา คลื่นอํานาจที่สั่นสะท้านไปถึงสวรรค์ ถูกปลดปล่อยออกมา
“พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันทั้งสองคนนั่นล่ะ” อู๋เซียนลู่กล่าวกับเหลาซงและซานจี้ถง ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ราวกับทั้งสองเป็นเพียงจอมยุทธธรรมดาทั่วไป
ตอนที่ 1922 จักรพรรดิที่แท้จริง
“อู๋เซียนลู่ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” ซานจี้ถงเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด
ถึงแม้ชื่อเสียงของอู๋เซียนลู่จะเป็นที่โจษจัน ในฐานะนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่ง แต่เขากับเหลาซงเองก็เป็นจักรพรรดิเช่นกัน พลังของอู๋เซียนลู่กับพวกเขาจะแตกต่างกัน จนต้องร่วมมือกันได้อย่างไร?
อู๋เซียนลู่พาดมือไว้ที่ด้านหลังและกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าบ้าหรือไม่นั้น หลังจากลงมือเดี๋ยวก็
“ถ้างั้นก็มาสู้กัน!” ซานจี้ถงไม่คัดค้านที่จะร่วมมือกับเหลาซง และเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงสีดํา ก่อนจะไปปรากฏที่ด้านหน้าเอี๋ยนเซียนในพริบตาและปล่อยหมัดโจมตี
ถึงแม้หมัดนี้จะดูธรรมดา แต่อํานาจของมันก็ทรงพลังจนดูราวกับ แม้แต่สวรรค์และปฐพีก็สามารถถูกบดขยี้ได้ด้วยหนึ่งหมัดนี้
เหลาซงเองก็ลงมือ แขนของเขายืดยาวออกมาและแปรสภาพกลายเป็นอสรพิษสีเงิน เลื้อยไปพัวพันร่างของเอี๋ยนซียนลู่
“หมับ” อสรพิษสีเงินรัดร่างของอู๋เซียนลู่เอาไว้แน่น ราวกับต้องการจะบีบร่างของเขาให้ แหลกเป็นเสี่ยงๆ
“พี่ชายเอี๋ยน ท่านประมาทเกินไปแล้ว!” ดวงตาของเหลาซงปรากฏร่องรอยความไม่พอใจเนื่องจากเอี๋ยนเซียนลู่ดูถูกพวกเขาเกินไป จนไม่ทําการตอบโต้ใดๆ อสรพิษสีเงินจึงรัดร่างของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เอี๋ยนเซียนลู่ยิ้มโดยไม่ต่อล้อต่อเถียง โดยในขณะที่หมัดของซานจี้ถงกําลังพุ่งเข้ามาใกล้นั่นเอง เขาก็สามารถสลัดร่างหลุดออกจากอสรพิษสีเงินได้อย่างง่ายดาย และผลักฝ่ามือตอบโต้หมัดของซานจี้ถง
ตูม!
คลื่นกระแทกอันรุนแรงกระจัดกระจายออกไปทั่วทิศทาง
ทั้งซานจี้ถงและเหลาซงเปลี่ยนสีหน้าทันที
ทางด้านของซานจี้ถง เขาตกตะลึงที่เอี๋ยนเซียนลู่สามารถปัดป้องหมัดของเขาได้ด้วยการโจมตีลวกๆ จากฝ่ามือ ยิ่งกว่านั้นคือฝ่ายที่เสียเปรียบคือเขาด้วยซ้ำ แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ร่างก็ถูกส่งลอยกระเด็นออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังต่อสู้ของเขาต้อยกว่าอีกฝ่าย
ส่วนทางด้านของเหลาซง ตัวเขานั้นรู้อยู่แก่ใจดีว่าอสรพิษของเขามีอํานาจที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน แต่ทว่าเอี๋ยนเซียนลู่กลับสลัดตัวหลุดพ้น จากอสรพิษของเขาได้อย่างง่ายดายราวกับอสรพิษของเขาไม่ใช่อสรพิษต้นกําเนิด แต่เป็นเพียงเชื่อกธรรมดา
ใบหน้าของทั้งสองคนกลายเป็นอัปลักษณ์
พวกเขาทําใจยอมรับไม่ได้ที่เอี๋ยนเซียนลู่ สามารถเผชิญหน้ากับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แถมยังดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วย
พวกเขา… เป็นถึงจักรพรรดิเชียวนะ!
ใต้สวรรค์เหนือปฐพี จักรพรรดิคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุด เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะพ่ายแพ้?
“พวกเจ้าควรจะออกไปดูโลกบ้างนะ” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “ยุทธภาพอันกว้างใหญ่นี้มีอัจฉริยะอยู่มากมายราวกับหมู่เมฆ พวกเจ้าที่อยู่แต่ด้านหลังประตูที่ปิดตาย คิดจริงๆ รึว่าแค่เป็นจักรพรรดิก็จะไร้เทียมทานในระดับเดียวกันแล้ว?”
“จักรพรรดิเองก็มีความต่างชั้นของพลังเหมือนกัน!”
เมื่อกล่าวประโยคสุดท้าย ร่างของอู๋เซียนลู่ก็ดูราวกับส่องประกายไปด้วยแสงอันโชติช่วง ที่ไม่มีอะไรมาดับได้
จิตใจของซานจี้ถงและเหลาซงสั่นสะท้าน ถึงแม้เมื่อครู่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันเพียงหนึ่งกระบวนท่า และยังไม่ได้ใช้ทักษะที่ทรงพลังอื่นๆ แต่ด้วยระดับพลังของพวกเขา ย่อมสามารถตระหนักได้ไม่ยากว่า ฝ่ายไหนคือฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่า
เอียนเซียนคือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกอย่างแท้จริง
ไม่ใช่แค่ในด้านของพลังเท่านั้น แต่ในแง่ของความน่าเกรงขาม อู๋เซียนลู่ก็สามารถทําให้พวกเขารู้สึกราวกับ ต้องการยอมศิโรราบขอเป็นผู้ติดตาม
ทั้งสองตกตะลึงในเรื่องนี้มาก พวกเขาที่เป็นจักรพรรดิจะยอมติดตามผู้อื่นได้อย่างไร? เพียงแต่ไม่ว่าจะทําอย่างไร ความรู้สึกนี้ก็ไม่หายไปเสียที
“หลิงฮัน! หลิงฮัน!”
ในจังหวะนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านล่างยอดเขา
เอี๋ยนเซียนอู่ตกตะลึง แน่นอนว่าเขารู้ว่าใครคือหลิงฮัน แต่สตรีผู้นี้ต่างหากที่เป็นใคร?
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยอํานาจแห่งเต๋า สายตาของเขาจึงไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และมองเห็นระยะที่หางออกไปเพียงเลือนราง เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไปไม่นานภาพที่เลือนรางก็ค่อยชัดขึ้น และเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งกําลังวิ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์
งดงามมาก ช่างดูบริสุทธิ์และมีเสน่ห์น่าดึงดูดอะไรเยี่ยงนี้
ในโลกนี้มีสตริงดงามที่ดูบริสุทธิ์ขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร?
แม้แต่จิตใจที่หนักแน่นของเอี่ยนเซียนลู่ก็ยังหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็กลับไปสงบนิ่งในเวลาไม่นาน หากยังไม่บรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เขาจะไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากศาสตร์วรยุทธเด็ดขาด
แต่เดี๋ยวก่อน สตรีผู้นี้ เขาไม่ได้เชิญนางมาที่นี่! นอกจากนั้น เขาก็ไม่เห็นสตรีผู้นี้ที่ตีนเขาด้วย
อู๋เซียนลู่ตกตะลึงขึ้นมาในทันที นั่นหมายความว่าสตรีผู้นี้ต้องเริ่มไต่เขาขึ้นมา หลังจากที่พวกเขาทุกคนนําหน้าไปก่อนแล้ว ซึ่งทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นแต่นางก็ยังไล่ตามมาทันได้ แสดงให้เห็นพลังของสตรีผู้นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
แต่ก็น่าแปลก หากมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ เหตุใดเขาถึงไม่กัน?
ซานจี้ถงกับเหลาซงเองก็มีความคิดเดียวกัน ทั้งๆ ที่ออกตัวช้ากว่าพวกเขา แต่กลับสามารถมาถึงยอดเขาได้หลังจากพวกเขาเพียงเล็กน้อย แสดงว่าสตรีผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงๆ
อะไรกัน!
ยังไม่ได้ที่พวกอู๋เซียนลู่จะตั้งสติได้ ใบหน้าของพวกเขาสามคนก็แสดงท่าที่ตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด เนื่องจากภาพที่พวกเขาเห็นคือสตรีผู้นี้ไม่ได้วิ่งมาแค่คนเดียว แต่ยังพา “กองทัพ” ขนาดใหญ่ตามมาด้วย
กองทัพที่ว่าคือเหล่าอัจฉริยะ จากความทรงพลังของราชานิรันดร์หย่งชาน
พระเจ้า!
แม้แต่อัจฉริยะไร้เทียมทานอย่างเซียนลู่ก็แทบจะอุทานออกมา สตรีผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดนางถึงลากร่างความทรงจํามามากมายขนาดนี้?
ประเด็นสําคัญอยู่ที่นางสามารถวิ่งนําพวกมันมาได้ โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“พรึบ! พรึบ!”
เมฆหมอกที่อยู่ด้านหน้ารวมตัวกันกลายเป็นร่างมนุษย์ และปล่อยหมัดเข้าใส่สตรีงดงาม เพียงแต่ทันทีที่ร่างความทรงจําทะยานร่างพุ่งเข้าใส่ มันก็ถูกสตรีเตะจนลอยกระเด็นอย่างง่ายดาย
“หลบไป! ไสหัวไปให้พ้น!” สตริงดงามวิ่งเข้ามาตรงๆ ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ “ใครที่ไม่หลบ หนิวจะซัดให้กระเด็นไปให้หมด!”
ตอนที่ 1923 ทุบตีโดยไม่ไต่ถาม
ถึงแม้พลังของสตรีตรงหน้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่วาสนาที่รออยู่เบื้องหน้าพวกเขาก็ล้ำค่าหาสิ่งใดเปรียบเช่นกัน เพราะงั้นมีรีที่พวกเขาจะยอมยกมันให้ผู้อื่น?
“แม่นาง เจ้าเป็นใครกัน?” เอี๋ยนเซียนลู่ชิงลงมือก่อน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นั้น เขาไม่เคยคิดจะมอบวาสนาของราชานิรันดร์ให้ใครอื่นอยู่แล้ว เหตุผลที่เขาเรียกเหล่าอัจฉริยะทั่วล้ามารวมตัวกัน ก็เพื่อกระตุ้นอํานาจของสวรรค์และปฐพีในสถานที่แห่งนี้
ครั้งนี้เจี้ยนเซียนไม่ได้ทําเพียงป้องกันอีกต่อไป และเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พลังต่อสู้ของเขาถูกรีดเค้นให้สูงขึ้นจนผมสีดํากลายสภาพเป็นโปร่งใส ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นอํานาจแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ กลิ่นอายทั่วร่างของเขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
นี่คือพลังของแก่นกําเนิดนิรันดร์ กายหยาบวิถีนิรันดร์
ซานจี้ถงและเหลาซงตกตะลึง นี่น่ะรีพลังที่แท้จริงของอู๋เซียนลู่
พวกเขาจิตตกไปอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ฟื้นคืนความมั่นใจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
อํานาจของแก่นกํานิรันดร์ที่แข็งแกร่งกว่า สามารถช่วยให้อู่เซียนได้เปรียบเพียงแค่ในช่วงระดับพลังก่อนราชานิรันดร์เท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาบรรลุเป็นราชานิรันดร์แล้ว อํานาจแห่งกฏเกณฑ์ทั้งหมดจะมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน และขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถใช้พวกมันได้เชี่ยวชาญกว่ากัน
สําหรับจักรพรรดิเช่นพวกเขา พลังบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์ต่างหาก ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง
เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้ เอี๋ยนเซียนลู่ก็ถือว่าเป็นตัวตนไร้เทียมทานอย่าง
แท้จริงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการออกว่า ในยุทธภพนี้คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้ จะต้องเป็นสัตว์ประหลาดเช่นใด ส่วนเรื่องที่จะมีใครสามารถเอาชนะเขาได้น่ะ?
นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เอียนเซียนสู่ผู้นี้สมควรเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงแล้ว
ตูม!
เพียงแต่ยังไม่ทันที่ความคิดของพวกซานจี้ถงจะสิ้นสุด ภาพที่พวกเขาเห็นก็คือสตรีที่งดงามทําการพุ่งทะยานเข้ามาใกล้ราวกับสัตว์ป่า และซัดหมัดเข้าใส่ร่างเอี๋ยนเซียนลู่จนลอยกระเด็น
ใช่แล้ว ลอยกระเด็น
แม้แต้เอี๋ยนเซียนลู่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้งั้นรึ?
ปากของซานจี้ถงและเหลาซงตกตะลึง และอ้าปากกว้างจนแทบจะยัดไข่เข้าไปได้ทั้งใบ สีหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไร!
และในอีกครู่หนึ่งต่อมา ใบหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นปั้นยากทันที
นั่นเพราะสตรีตรงหน้าได้พุ่งทะยานต่อเข้ามายังทิศทางของพวกเขา ด้วยแววตาที่ราวกับต้องการบดขยี้ศัตรูให้สิ้นซาก “ปัง ปัง” นางปล่อยหมัดออกมาสองหมัด
ซานจี้ถงและเหลาซง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง สตรีผู้นี้ราวกับไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์อสูร หมัดของนางเอ่อล้นไปด้วยพลังอํานาจที่พวกเขาไม่อาจต่อต้านและต้องยอมถูกซัดจนลอยกระเด็นอย่างเลี่ยงไม่ได้
อะไรกัน ทําไมเจ้าต้องทุบตีพวกข้าด้วย? นี่ข้าไปล่วงเกินเจ้าตอนไหนกัน?
สตรีลึกลับวิ่งผ่านไป โดยมีกองกําลังร่างความทรงจําไล่ตามไปติดๆ จํานวนของร่างความทรงจํานั้นมีมากมายจนทําให้แม้แต่ พวกเอี๋ยนเซียนลู่ก็ไม่กล้าไล่ตามไปแก้แค้น
หากจะแก้แค้นพวกเขาก็ต้องฝ่าฟันกองทัพร่างความทรงจําไปให้ได้เสียก่อน เพียงแต่คิดว่าจะ มีใครบ้างที่กล้ารับมือกับจอมยุทธระดับเดียวกันนับหมื่นคนพร้อมกัน?
ใบหน้าของพวกเอี๋ยนเซียนลู่ทั้งสามกลายเป็นหดหูสิ้นหวัง ทั้งๆ ที่พวกเขามาถึงที่นี่ได้แล้วแท้ๆ แต่วาสนาตรงหน้ากลับต้องถูกสตร์ลึกลับแย่งชิงไป
ช่างน่ารังเกียจนัก
เพียงแต่หลังจากที่สตรีลึกลับวิ่งผ่านไป นางกลับเมินเฉยต่อแผ่นหินวาสนาราชานิรันดร์ และวิ่งต่อไปจนหยุดอยู่ที่ปลายยอดเขา
สถานการณ์แบบนี้มันขึ้นอะไรกัน?
พวกเอี๋ยนเซียนลู่ชะงักอีกครั้ง สตรีผู้นี้คิดอะไรอยู่กันแน่? ทั้งๆ ที่ซัดพวกเขาทั้งสามจนลอยกระเด็นไปแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่รีบครอบครองแผ่นหินราชานิรันดร์กัน? หรือนางต้องการเหยียดหยามพวกเขา?
“หลิงฮั่น! หลิงฮัน!” สตรีลึกลับนํามือมาครอบริมฝีปากและตะโกนจากยอดเขา
สตรีลึกลับผู้นี้แน่นอนว่าคือซูหนิว เมื่อนางหยุดยืนอยู่ที่ยอดเขาเช่นนี้ ร่างความทรงจํามากมายจึงไล่ตามนางทัน และพุ่งทะยานเข้าใส่นางอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
พวกอู่เซียนหมิงทั้งสามคนตกตะลึงจนไร้คําพูดอีกครั้ง
นี่นางบ้าไปแล้วรึไง?
จริงอยู่ที่นางมีพลังต่อสู้แข็งแกร่ง ที่แม้แต่อู๋เซียนลู่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่หากถูกร่างความทรงจํามากมายขนาดนี้จู่โจมใส่พร้อมกัน ต่อให้เป็นอู๋เซียนลู่ก็คงถูกทุบตีจนฟกช้ำไปถึงรูก้น
แล้วนางจะรับมือได้อย่างไร?
การที่จู่ๆ ก็ยืนหยุดอยู่ที่ยอดเขาเช่นนั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะกล่าวอะไรออกมาดี
คนที่มีสติปัญญาเช่นนี้สามารถบ่มเพาะพลังจนบรรลุห้านิพพานได้อย่างไรกัน?
ครืนน!
แต่ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางฝูงร่างความทรงจํา คลื่นแสงบางอย่างก็ส่องประกายออกมาทีละคลื่น สองคลื่น สามคลื่น จนกลายเป็นหลายล้านคลื่น และระเบิดพลังทําลายอันผันผวนออกมา “ตูม” ร่างความทรงจําทั้งหมดถูกบดขยี้ กลายเป็นเป็นเศษฝุ่นในพริบตา
ร่างของซูหนิวกลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง และปัดฝุ่นบนอย่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “แค่หาหลิงอันไม่เจอหนิวก็หงุดหงิดมากพอแล้ว เจ้าพวกนี้ยังกล้ามาหาเรื่องหนิวอีกรึ? ช่างน่ารังเกียจนัก!”
นางกวาดสายตามองไปทั่วพื้นที่ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด พวกเอี๋ยนเซียนลู่ทั้งสามคนที่เห็นเช่นนั้น ก็จิตใจสั่นสะท้านและเกิดความคิดอยากจะเผ่นหนี
ไม่จริง จักรพรรดิเช่นพวกเขาถูกทําให้สูญเสียจิตใจสู้รบเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฮูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “พวกเจ้ามองหนิวทําไม อยากมีเรื่องสั้นรึ?”
พวกเอี๋ยนเซียนลู่แน่นิ่งไร้คําพูด ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าหรอกที่เป็นคนกวาดสายตามองพวกข้าก่อน?
เพียงแต่ทั้งสามคนก็อดคิดไม่ได้ว่า ทักษะที่สตรีลึกลับผู้นี้ใช้เมื่อครู่คือทักษะใดกันแน่ การที่สามารถกําจัดร่างความทรงจํานับหมื่นได้ในพริบตาเช่นนั้น เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่แม้แต่ตัวตนระดับตัดวิญญาณหยาง หรือตัดวิญญาณหยินก็ทําไม่ได้
สตรีผู้นี้มีพลังบ่มเพาะระดับห้านิพพาน แต่กลับมีพลังต่อสู้เทียบเท่าตัวตนระดับตัดวิญญาณสวรรค์งั้นรึ?
ไม่มีทาง
พวกเขายอมรับว่าฮูหนิวแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่คิดว่านางจะมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนั้น การโจมตีเมื่อครูจะต้องเป็นทักษะลับบางอย่างแน่นอน
“โอ้ ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นของดีนะ!” ฮูหนิวมองไปยังแผ่นหินราชานิรันดร์ ดวงตาของนางส่องประกายและรีบวิ่งไปยังแผ่นหิน “ไม่เลวๆ นําไปมอบให้หลิงฮันดีกว่า!”
“แม่นาง!” เอี๋ยนเซียนลู่รีบเอ่ยแทรกโดยไม่คิด “นั่นไม่ใช่ของเจ้า!”
“พวกเจ้าคิดจะแย่งของของหนิวงั้นรึ?” หนิวมองไปยังทั้งสามคนด้วยแววตาโหดเหี้ยม ราวกับพยัคฆ์ที่กําลังจ้องมองเหยื่อ
จิตใจของซานจี้ถงและเหลาซงสั่นสะท้าน เนื่องจากทั้งๆ ที่พวกเขาสองคนยังไม่ทําอะไรแท้ๆ แต่ฮูหนิวกลับมองว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันกับเอี๋ยนเซียนลู่ไปเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน พวกเขาสองคนไม่ได้ขวางทางฮูหนิวเหมือนอู๋เซียนลู่แท้ๆ แต่ฮูหนิวก็ยังซัดร่างพวกเขาลอยกระเด็น โดยไม่เอ่ยปากถามอะไรแม้แต่น้อย
ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น