Alchemy Emperor of the Divine Dao 1906-1907

 ตอนที่ 1906 หลิงฮันขึ้นครองตําแหน่ง

 

“ฉินกู่ยวี่ หลอมเม็ดยาเสริมแกร่งปฐพี ในหมู่เม็ดยานิรันดร์สองดาว ความยากในการหลอม ถือว่าอยู่ในระดับสูง คุณภาพของเม็ดยาคือระดับสูง การปรับแต่งขันแรกธรรมดา การปรับแต่งขัน สองธรรมดา” นักปรุงยาคนที่สามกล่าวรายงาน


 


เมื่อสิ้นคํากล่าว เหล่านักปรุงยาก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา


 


สําหรับนักปรุงยาสองดาว การที่หลอมเม็ดยานิรันดร์สองดาวที่มีความยากระดับสูง ได้ออกมามีคุณภาพสูงนั้น ถือว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก


 


ปรมาจารย์จื่อเฉิงเผยสีหน้าชื่นชมและกล่าวกับฉินกู่ยวี่ “เจ้าทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญ ญาณเมื่อสามแสนปีก่อน หรือว่าธาตุวิญญาณของเจ้าจะเป็นห้าธาตุของสวรรค์และปฐพี ? ” 


 


ในฐานะปรมาจารย์นักปรุงยา ชายชราสามารถคาดเดาอะไรบางอย่างได้ทันที


 


“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้อง! ” ฉินกู่ยวี่ตอบกลับอย่างสุภาพ “วิญญาณหยางของข้า คือวิญญาณธาตุพฤกษาวารี”


 


ธาตุวิญญาณพฤกษาวารี!


 


นักปรุงยาทุกคนเผยสีหน้าริษยาธาตุวิญญาณเช่นนั้นแม้จะไม่มีผลต่อพลังต่อสู้และการบ่มเพาะพลัง แต่สําหรับศาสตร์ปรุงยาแล้ว มันเปรียบเสมือนสมบัติอันล้ําค่าจากสวรรค์ ซึ่งมีเพียงแค่วิญญาณธาตุพฤกษาเพลิง หรือพฤกษาปฐพี่เท่านั้นที่จะเทียบเคียงได้


 


ปรมาจารย์จื่อเฉิงครุ่นคิดเล็กน้อย “ผลลัพธ์โดยรวมของเจ้า คือสิบเอ็ดแต้ม”


 


ฉินกู่ยวี่ผิดหวังเล็กน้อย เพียงแต่อย่างน้อยตัวนางในตอนนี้ ก็ถือว่าอยู่ในสถานะที่ทัดเทียมกับหลู่เซียนหมิง และเหนือกว่าชวีขาน หลังจากนี้ผู้สืบทอดคนอื่นๆ จะไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ของนางอีกต่อไป และจะเป็นการแข่งขันระหว่างนางกับหลู่เซียนหมิงแค่สองคน


ชวีขานรู้สึกสลดยิ่งขึ้นกว่าเดิม และรู้ตัวแล้วตอนว่าตอนนี้เขาไม่อาจเอื้อมถึงตําแหน่งประมุขอีกต่อไปแล้ว สมองของเขากลายเป็นว่างเปล่า พร้อมกับทรุดตัวลงกับพื้น


 


นักปรุงยาคนที่สี่ ห้า หก จนถึงเก้ารายงานผลลัพธ์จากการตรวจสอบเม็ดยาจนในที่สุดก็มาถึงคราวของหลิงฮัน


 


“ผู้สืบทอดหลิงฮัน เม็ดยาที่หลอมคือเม็ดยาอัคคีสวรรค์ ในหมู่เม็ดยาระดับสอง ความยากใน การหลอมถือว่าจัดอยู่ในระดับสูง คุณภาพของเม็ดคือระดับสูง การปรับแต่งขั้นแรกสมบูรณ์ การปรับแต่งครั้งที่สองก็สมบูรณ์” นักปรุงยาคนที่สิบรายงาน


 


ว่าไงนะ!


 


ทุกคนตกตะลึง


 


ถึงแม้เม็ดยาที่หลิงฮันหลอมขึ้นมาจะด้อยกว่าฉินกู่ยวี่เล็กน้อย แต่คุณภาพของมันก็ถูกจัดอยู่ ในระดับสูง ยิ่งหากนับอายุในศาสตร์ปรุงยาของหลิงฮันด้วยแล้ว ผลลัพธ์ของทั้งสองคนกลายเป็น ต่างชั้นกันอย่างสิ้นเชิง


 


นอกจากคุณภาพของเม็ดยาแล้ว การปรับแต่งทั้งสองครั้งของหลิงฮันก็ยังสมบูรณ์!


 


เหลือเชื่อ


 


เดียวสิ ถ้างั้นตอนนั้นเจ้าจะขมวดคิ้วทําไมกัน? เจ้าทําผิดพลาดตรงไหนงั้นรึ?


 


ปรมาจารย์จื่อเฉิงเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของนักปรุงยาหลายคน “พวกเจ้าทั้ง สิบลองตรวจสอบดูด้วยกันสิ”


 


นักปรุงยาระดับสามอีกเก้าคนรีบหันหน้าเข้ามามุงดู เนื่องจากพวกเขาทําใจเชื่อผลลัพธ์ของห ลิงฮันไม่ได้


 


ผ่านไปครู่หนึ่ง นักปรุงยาทั้งเก้าก็ต้องตกตะลึง ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้ ถึงแม้ความสามารถในศาสตร์ปรุงยาของหลิงฮัน ณ ปัจจุบันจะไม่สามารถเทียบเท่าพวกเขาได้ก็ตาม


 


“การปรับแต่งครั้งแรกสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ส่วนการปรับแต่งครั้งที่สองมีจุดที่พลาดอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าเป็นการปรับแต่งที่สมบูรณ์อยู่ดี” นักปรุงยาทั้งสิบคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะได้ข้อสรุป


 


“ข้าไม่เชื่อ! ” หลู่เซียนหมิงคําราม เนื่องจากต่อให้ตอนนี้ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะไม่ขานแต้ม แต่ทุกคนก็รับรู้แล้วว่าผู้ชนะการทดสอบคือหลิงฮัน


 


“ฮึ่ม เจ้ากล้าตั้งคําถามกับการตรวจสอบ ของพวกข้าทั้งสิบคนงั้นรึ? ” นักปรุงยาระดับสามทั้ง สิบกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์


 


ถึงแม้หลู่เซียนหมิงจะเป็นผู้สืบทอด แต่ความสําเร็จสูงสุดก็คงถูกจํากัดอยู่ที่ นักปรุงยาสามดาวเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือตอนนี้อีกฝ่ายมีสถานะเป็นนักปรุงยาสองดาวเท่านั้น อีกฝ่ายมีคุณสมบัติใบจะมาสงสัย ข้อสรุปจากพวกเขาที่เป็นนักปรุงยาสามดาวถึงสิบคน?


 


ปรมาจารย์จื่อเฉิงพยักหน้าและกล่าว “ข้าขอตัดสิบให้แต้มของหลิงฮันคือสิบห้าแต้ม พวกเจ้าคนไหนคัดค้านหรือไม่? ”


 


ทุกคนมองหน้ากันทันที ถึงแม้พวกเขาจะคิดว่าผลลัพธ์ของหลิงฮันนั้น เหนือกว่าหลู๋เซียนหมิง และฉินกู่ยวี่ แต่แต้มที่ควรได้ก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ สิบสองหรือสิบสามแต้มไม่ใช่สิบห้าแต้ม


 


แต่ไม่ว่าอย่างไรผลการตัดสินผู้ชนะก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี พวกเขาจึงไม่ได้คัดค้านการตัดสินของปรมาจารย์จื่อเฉิง ด้วยการที่ชายชราเป็นอาจารย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะต้องการยกยอเชิดชูศิษย์ตัวเอง


 


….คนเหล่านี้ช่างไม่เข้าใจเอาเสียเลย


 


เหตุผลที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงตัดสินใจให้หลิงฮันสิบห้าแต้มนั้น ไม่ใช่เพราะต้องการเชิดชูหลิงฮัน แต่เป็นเพราะทักษะการปรับแต่งของหลิงฮัน คือทักษะที่อีกฝ่ายคิดค้นด้วยตัวเอง เขาจึงมอบแต้มพิเศษเพิ่มให้สองถึงสามแต้ม


 


“ข้าขอประกาศให้หลิงฮัน เป็นผู้สืบทอดตําแหน่งประมุขคนต่อไปของเมืองวิถีโอสถ! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยเสียงที่ดังก้องกังวาน ไปทั่วทุกมุมของอาณาเขตที่ห้า “หลังจากนี้อีกสามร้อยล้านปี ข้าจะลงจากตําแหน่งและหลิงฮันจะขึ้นมาแทนที่ข้า”


 


“ไม่มีข้อคัดค้าน! ” นักปรุงยาทุกคนในอารามโค้งคํานับ ด้วยศักยภาพของหลิงฮัน พวกเขาทุกคนเชื่อว่าในอนาคต อีกฝ่ายจะสามารถบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวได้อย่างแน่นอน หรือดีไม่ดีอาจจะข้ามผ่านปรมาจารย์จื่อเฉิงไปด้วยซ้ํา


 


ต่อให้อีกฝ่ายเป็นนักปรุงยาห้าดาวไม่ได้ แต่ทักษะห้วงจิตปรับแต่งก็อาจจะบรรลุถึงขั้นที่แปด!


 


นักปรุงยาทุกคนจากไป โดยยังเหลือฉินกู่ยวี่กับหลู่เซียนหมิง ที่จดจ้องไปยังหลิงฮันด้วยแววตาขุ่นเคือง หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหลิงฮัน ไม่นางก็เขาคงได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองคนต่อไปเมืองวิดีโอสถแล้ว


 


“ขอแสดงความยินดีกับผู้สืบทอดหลิงด้วย! ” ผู้สืบทอดคนอื่นๆ เข้ามาแสดงความยินดีพวกเขารู้ว่าในอนาคตภายภาคหน้า พวกเขาจะต้องดํารงอยู่ภายใต้เงาของหลิงฮันไปตลอดกาล นอกเสียจากว่าจะออกไปจากเมืองวิถีโอสถ


 


หลิงฮันยิ้มและพยักหน้าให้กับผู้สืบทอดทั้งหลาย


 


“ผู้สืบทอดหลิง!” ชวีขานเดินเข้ามาใกล้ ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะซีดเผือด แต่ก็ยังแสดงความยินดีต่อหลิงฮัน


 


หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ชวีขานผู้นี้ในตอนแรกช่างยิ่งยโสเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่อีกฝ่านคิดจะรับเขาเป็นผู้ติดตาม แต่ยังข่มขู่เขาต่างๆนานาอีกด้วย


 


“เรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาก็ขอให้แล้วต่อกันไป หลังจากวันนี้ ข้ายินดีที่จะติดตามผู้สืบทอดหลิงฮัน และรับใช้เมืองวิดีโอสถ! ” ชวีขานคุกเข่าลงกับพื้นและประกาศความจงรักภักดีต่อหลิงฮัน


 


หลิงฮันเผยรอยยิ้ม เขาเป็นคนใจกว้างกับเหล่าคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็จริง แต่กับคนฝ่าย เดียวกันที่ไม่ซื่อสัตย์นั้น เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะลงมือกําจัดทิ้งอย่างโหดเหี้ยม


 


“ก็ดี มาพยายามด้วยกันเถอะ”


 


หลิงฮันพยุงร่างของชวีขานลุกขึ้นยืน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะจริงใจหรือไม่นั้น มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้


 


หลังจากนั้นที่เมืองวิดีโอสถที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ งานในคราวนี้ไม่ได้เชิญชวนคนนอกเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากกว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงจะสละบัลลังก์ให้กับหลิงฮัน ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งสามร้อยล้านปี


 


ห้าวันต่อมา หลังจากที่ความเอะอะเริ่มลดลง หลิงฮันก็เตรียมตัวออกเดินทางไปตามการนัดหมายของเอี้ยนเซียนลู่

 

 

 


ตอนที่ 1907 สถานที่บรรลุอํานาจแห่งเต๋...

 

หลิงฮันไม่ใช่คนที่จะฝักใฝ่กับอะไรเพียงอย่างเดียว


 


เขาหมกมุ่นในศาสตร์ปรุงยาก็จริง แต่กับศาสตร์วรยุทธแล้วเขาเองก็หมกมุ่นไม่ต่างกัน เพียงแต่ปัญหาที่พบเจอในศาสตร์ปรุงยาตอนนี้คือ เขาไม่สามารถทะลวงผ่านเป็นระดับห้านิพพานได้


 


เอี๋ยนเซียนลู่ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในยุทธภพ งานรวมตัวที่เขาจัดขึ้นจึงต้องเต็มไปด้วยอัจฉริยะอันดับต้นๆ เป็นแน่ ถ้าหากได้แลกเปลี่ยนวรยุทธกับอัจฉริยะเหล่านี้ หลิงฮันเชื่อว่ามันอาจจะช่วยให้เขาทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ห้านิพพานได้


 


ยิ่งกว่านั้น เอี๋ยนเซียนอู่ที่ว่าก็ต้องเป็นนิรันดร์ระดับห้านิพพานเป็นแน่ ถ้าได้ประมือกับอีกฝ่ายสองหรือสามกระบวนท่า มันจะช่วยให้เขาเข้าใจถึงความลึกลับของระดับห้านิพพานได้อย่างแน่นอน


 


เพราะงั้นงานรวมตัวครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไป


 


ศาสตร์ปรุงยาเป็นเพียงสิ่งเขาต้องฝึกฝนในตอนนี้ แต่สิ่งที่จะตัดสินชะตาชีวิตของเขาคือศาสตร์วรยุทธ


 


เขายังไม่ลืมเรื่องที่หอคอยน้อยและสุนัขตัวดํา กล่าวถึงอนาคตที่เขาจะพบเจอกับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้อย่าว่าแต่จะให้เผชิญหน้าเลย แค่จะรู้ว่าศัตรูเป็นใครพลังบ่มเพาะของเขาก็ต้องบรรลุเป็นระดับราชานิรันดร์เสียก่อน


 


เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะต้องเผชิญหน้าในอนาคต สถานะผู้สืบทอดหรือตําแหน่งประมุขในอนาคตนั้น ไม่นับเป็นอันใดเลยแม้แต่น้อย


 


ปรมาจารย์จ่อเฉิงต้องการจัดเตรียมเรือเหาะให้หลิงฮัน แต่หลิงฮันก็ปฏิเสธ


 


การเดินทางด้วยเรือรบจะตกเป็นเป้าหมายง่ายเกินไป ต่อให้เรือรบของขุมอํานาจสี่ดาว ที่สามารถสังหารตัวตนระดับตําหนักอมตะได้ แต่การจะรับมือกับตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ที่ ยังทําได้ยากอยู่ดี ยิ่งหลิงฮันล่วงเกินขุมอํานาจระดับราชานิรันดร์ไปด้วยแล้ว ถ้าหากราชานิรันดร์เหลยหยุนหรือราชานิรันดร์ชื่อเหอ คิดลงมือด้วยตัวเองล่ะ หลิงฮันจะทําอย่างไร?


 


เพราะงั้นทําตัวไม่โดดเด่นไว้จะดีกว่า


 


ที่สําคัญคือหากไม่มีใครอื่นร่วมเดินทางไปด้วยการจะเข้าออกหอคอยทมิฬก็ทําได้สะดวกกว่า


 


“ท่านผู้สืบทอด ช่วยพาสตรีตัวน้อยๆ อย่างข้าไปเปิดหูเปิดตาด้วยได้รึไม่? ” ธิดาโร่วปรากฏตัวด้วยใบหน้าที่ประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม


 


ตัวตนของหลิงฮันเริ่มน่าเกรงขามยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ได้กลายเป็นประมุขคนต่อไปของเมืองวิถีโอสถ สถานะนี้มีความสําคัญถึงขนาดที่แทบจะสามารถ ควบคุมการส่งเม็ดยาของทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกได้เลย


 


เพราะงั้นนางจึงต้องประชิดกุมตัวหลิงฮันเอาไว้ให้ได้ในอนาคตภายภาคหน้า นิกายซุ่นจะ สลัดคราบของขุมอํานาจสามดาว กลายเป็นขุมอํานาจสี่ดาวได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวนางแล้ว


 


“ไม่มีปัญหา คืนนี้ข้าจะนําตัวเจ้าขึ้นเตียงเอง” จักรพรรดินีเอ่ยแทรก


 


“พี่สาว ท่านช่างชอบพูดเรื่องตลกเสียจริง! ” ตอนนี้ธิดาโร่วเริ่มมีภูมิคุ้มกันต่อจักรพรรดินีแล้ว “ต่อหน้าความงดงามของพี่สาวแล้ว น้องสาวผู้นี้จะกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้สืบทอดได้อย่างไร? ” 


 


“เหอๆ ” จักรพรรดินีแสยะยิ้ม และยื่นมือไปจับคางกับธิดาโร่ว “จงเลือกว่าจะยอมเป็นสตรี ของตระกูลหลิงหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ล้มเลิกความคิดต่างๆ นานา ไปได้เลย”


 


“พี่สาว! ” ธิดาโร่วทําสีหน้าอ้อนวอนด้วยเสน่ห์อันยั่วยวน


 


จักรพรรดินีไม่หวั่นไหว นอกจากหลิงฮันแล้วนางไม่เคยเห็นใครอื่นในโลกนี้อยู่ในสายตา เพราะงั้นมีรีที่เสนห์ของธิดาโร่วจะส่งผลต่อนาง?


 


ธิดาโร่วเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นสตรีนกอมตะแทน ซึ่งไม่รู้ว่านางใช้วิธีการใดกันแน่ สตรีนกอมตะถึงได้ยอมให้นางติดตามพวกเขาทั้งสามมาด้วย


 


กลุ่มหลิงฮันสี่คนออกเดินทางด้วยการทําตัวไม่โดดเด่น หากเพียงแค่หลู่เซียนหมิงหรือฉินกู่ยวี่รู้เข้า และแพร่งพรายออกไปว่าหลิงฮันออกมาจากเมืองวิถีโอสถไปแล้ว ตัวตนที่ทรงพลังมากมาย จะต้องไล่ล่าเอาชีวิตหลิงฮันเป็นแน่


 


ยกตัวอย่างเช่นป้าเยา อีกฝ่ายรับรู้แล้วว่าหลิงฮันมีสมบัติบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกาย เพราะงั้นอีกฝ่ายย่อมไม่เลิกตามราวีแน่


 


นอกจากนั้นก็ยังมีอสูรเฒ่าเงาโลหิตอยู่อีก แต่เดิมอีกฝ่ายวางแผนมอบภารกิจให้หลิงฮันทําเป็นเวลาสิบล้านปี แต่ใครจะไปคาดคิดว่าในอีกห้าปีต่อมา หลิงฮันจะได้ขึ้นเป็นประมุข คนต่อไปของเมืองวิถีโอสถ เพราะงั้นหากรู้ว่าหลิงฮันออกเดินทาง อีกฝ่ายจะต้องตามหาเขาเพื่อบังคับเอายันต์ไม้ท้อผูกชะตาไปแน่นอน


 


ทั้งสี่คนจึงออกจากเมืองวิถีโอสถอย่างเงียบเชียบ และมุ่งหน้าไปยังขุนเขาทะลายเมฆา


 


เนื่องจากจุดหมายปลายทางอยู่หากจากเมืองวิถีโอสถหลายแสนไมล์ พวกหลิงฮันจึงไม่คิดจะเดินทางด้วยขาสองข้าง แต่เลือกที่จะนั่งเรือโดยสารขนาดใหญ่ผ่านทางน้ําไปแทน


 


ขุนเขาทะลายเมฆาตั้งอยู่ในอาณาเขตของวิหารอนันต์รุ่งโรจน์ ต่อให้ไปถึงวิหารอนันต์รุ่งโรจน์ก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะถึงขุนเขาทะลายเมฆา


 


แต่เพราะดินแดนแห่งเซียนนั้นมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล และนิรันดร์เองก็มีอายุขัยไม่จํากัด เพราะงั้นผู้คนจึงไม่คร่ําครวญเมื่อต้องสูญเวลาไปกับการเดินทาง


 


สี่เดือนต่อมา ในที่สุดพวกหลิงฮันก็เดินทางเข้าสู่อาณาเขตของวิหารอนันต์รุ่งโรจน์


 


ดินแดนแห่งเซียนนั้นไม่มีกลางวันหรือกลางคืน แต่ราชานิรันดร์หย่งชางได้ใช้พลังอันยิ่งใหญ่สร้างดวงอาทิตย์ขึ้นมา เพื่อแบ่งแยกกลางวันกลางคืนในอาณาเขตของตนเอง


 


เวลาผ่านไปอีกไม่กี่วัน พวกหลิงฮันก็มาถึงเทือกเขาอันกว้างใหญ่


 


ที่นี่คือขุนเขาทะลายเมฆา


 


ที่มันถูกตั้งชื่อแบบนี้ ก็เพราะมันเป็นขุนเขาที่มีความสูงเสียดฟ้า จนทะลุขึ้นไปบนชั้นเมฆ


 


ขุนเขาแห่งนี้มียอดเขาอยู่อีกหลายร้อยยอด ซึ่งจุดหมายที่หลิงฮันต้องไปคือยอดเขาสามตะวัน


 


ยอดเขาสามตะวันไม่ใช่ยอดเขาที่สูงที่สุดใน ขุนเขาทะลายเมฆา แต่มันคือยอดเขาที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุด เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่ราชานิรันดร์หย่งชางบรรลุเป็นราชานิรันดร์


 


เมื่อมีการบรรลุเป็นราชานิรันดร์ที่นี้ แน่นอนว่าต้องมีออร่าของราชานิรันดร์หลงเหลือเอาไว้ด้วย หากทําความเข้าใจและซึมซับมันได้ ย่อมได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย


 


วิหารอนันต์รุ่งโรจน์ไม่ได้ทําให้สถานที่แห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามส่วนตัวห้ามใครขึ้นไป เนื่องจากคนที่สามารถขึ้นไปได้ ย่อมหมายถึงคนผู้นั้นมีคุณสมบัติเพียงพอ


 


หลิงฮันแวะเมืองหนึ่งก่อนถึงขุนเขาและได้รับข้อมูลเรื่องนี้มา เขารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก สถานที่ที่ราชานิรันดร์ถือกําเนิดงั้นรึ? ที่แห่งนั้นจะมีความลึกลับแบบใดอยู่กันแน่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)