Alchemy Emperor of the Divine Dao 1891-1894
ตอนที่ 1891 เริ่มต้นด้วยเส้นทางของตนเอง
ในระหว่างขั้นตอนการปรับแต่งเม็ดยา หลิงฮันพบเจอปัญหามากมาย
เพียงแต่ด้วยนิสัยอันหยิ่งทะนง ถ้าหากไม่ใช่ปัญหาที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้จริงๆ เขาก็ไม่คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร ต่อให้ไม่มีปรมาจารย์ชื่อเฉิงอยู่ หลิงฮันก็เป็นพวกที่ชอบพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว
วันเวลาของโลกภายนอกผ่านไปสามเดือน ซึ่งภายในห้องหลอมเม็ดยาคือยี่สิบกว่าปี ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลิงฮันได้รับผลกระทบจากคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตมาแล้วมากมายหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งเขาก็พยายามขัดเกลาจิตใจให้สงบ จนสามารถเข้าใจแก่นแท้บางอย่างของคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตได้
หลิงฮันทำการออกจากห้องหลอมเม็ดยาเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่ห้าเพื่อพบเจอปรมาจารย์จื่อเฉิง
เนื่องจากปรมาจารย์จื่อเฉิงได้ออกคำสั่งอนุญาติเอาไว้ก่อนแล้ว เขาก็สามารถไปยังอาณาเขตที่ห้าได้ตามต้องการ
“โอ้ เหตุใดเจ้าถึงมาเอาป่านนี้กัน?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เขาบอกให้หลิงฮันแก้ปัญหาด้วยตนเองเท่าที่จะทำได้ก็จริง แต่เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้หลิงฮันมาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่เช่นกัน
ในตอนแรกชายชราคิดว่าหลิงฮันจะมาหาเขาหลังจากเวลาผ่านไปราวๆสิบวัน แต่นี่กว่าหลิงฮันจะมาหา เวลากลับผ่านไปแล้วถึงสามเดือน!
ศิษย์ผู้นี้คงไม่ได้มัวเกียจคร้านอยู่ในห้องหลอมเม็ดยาหรอกนะ?
แต่ทันทีที่หลิงฮันเอ่ยคำถามแค่ละอย่างออกมา ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็รู้ทันทีที่ว่าเขาคิดผิด หลิงฮันไม่ได้เกียจคร้านแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเลย ศิษย์ของเขานั้นฝึกฝนจนความเข้าใจในทักษะห้วงจิตปรับแต่งพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะไม่อย่างนั้นเขา หลิงฮันคงไม่สามารถกล่าวคำถามเหล่านี้ออกมาได้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่เพียงเป็นนักปรุงยามากประสบการณ์ แต่ยังมีสถานะเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงรู้ดีกว่าการที่หลิงฮันถามคำถามเหล่านี้ออกมาได้นั้นหมายความว่าอะไร
อัจฉริยะ!
อัจฉริยะไร้ที่เปรียบ!
ปรมาจารย์จื่อเฉิงรู้สึกอิ่มเอมใจ เขาอธิบายคำถามต่างๆที่หลิงฮันกล่าวออกมาอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ทางด้านของหลิงฮันส่งเสียง ‘โอ้ อ่อ อ่า’ ออกมาไม่หยุด
อย่ามองว่าการที่ปรมาจารย์จื่อเฉิง สามารถอธิบายปัญหาให้หลิงฮันเข้าใจได้ในสองสามประโยคนั้นเป็นเรื่องง่าย หากลองเปลี่ยนคนอธิบายเป็นนักปรุงยาสองดาว เกรงว่าคงไม่อาจอธิบายปัญหาที่หลิงฮันถามได้อย่างรวบรัดเช่นนี้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงคือนักปรุงยาที่ฝึกสอนนักปรุงยาสี่ดาวมาแล้วถึงสามคน เพราะงั้นประสบการณ์ของเขาจึงไม่ได้โชกโชนเพียงแค่ศาสตร์ปรุงยา แต่ความสามารถในการสอนของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
“เจ้าหนู เจ้าเป็นรุ่นเยาว์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!” ปรมาจารย์จื่เฉิงพยักหน้ากับตัวเอง และมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาเอ็นดู
ถึงแม้ศิษย์ตัวน้อยของเขาผู้นี้จะเพิ่งเข้าสู่ศาสตร์แห่งการปรุงยา แต่พรสวรรค์ที่แสดงออกมานั้นนับว่าน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ด้วยการสั่งสอนจากอาจารย์ที่มากประสบการณ์เช่นเขา ควบคู่ไปกับพรสวรรค์และความมุมานะของหลิงฮัน บางทีอาจจะมีนักปรุงยาห้าดาวถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้!
นักปรุงยาห้าดาว!
เพียงแค่คิด ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ตัวสั่นสะท้านและขนลุก
“ดูเหมือนการบรรลุทักษะห้วงจิตปรับแต่งในหนึ่งปี จะมีความหวังแล้ว!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ที่เขามอบเวลาให้หลิงฮันเพียงหนึ่งปี อันที่จริงเขาแค่อยากสร้างแรงกระตุ้นและความกดดันให้กับหลิงฮันเท่านั้น ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลิงฮันจะทำภารกิจที่เขามอบหมายให้ สำเร็จในหนึ่งปีจริงๆ
แต่เรื่องที่ชายชราไม่รู้ก็คือหลิงฮันนั้นมีต้นสังสารวัฏ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ขุมอำนาจราชานิรันดร์ก็ไม่อาจมีในครอบครอง มันคือปัจจัยหลักที่ช่วยมอบความหวัง ในการบรรลุห้วงจิตปรับแต่งภายในหนึ่งปีให้แก่หลิงฮัน
หลิงฮันเดินทางกลับอาณาเขตที่สี่ และทำการฝึกฝนศาสตร์ปรุงยาต่อ
หากเม็ดยาถูกหลอมขึ้นมาได้คุณภาพไม่ดีพอ ก็ยังสามารถยกระดับคุณภาพของมันด้วยทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้ แต่ถ้าหากทำการปรับแต่งล้มเหลว เม็ดยานิรันดร์เม็ดยานั้นก็จะกลายเป็นไร้คุณภาพ และไม่มีโอกาสให้ปรับแต่งใหม่อีกต่อไป
ด้วยเหตุผล ในช่วงเวลาการภายปีภายในห้องหลอมเม็ดยา ทรัพยากรที่หลิงฮันสูญเสียไปจึงมีมากมายมหาศาล
เขาหลอมเม็ดยาขึ้นใหม่เพื่อฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเม็ดยาที่ถูกทดลองทั้งหมดก็แหลกสลายกลายเป็นขยะไร้ค่า ซึ่งทุกครั้งที่ล้มเหลว หลิงฮันจะเข้าไปยังหอคอยทมิฬ และนั่งใต้ต้นสังสารวัฏวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ล้มเหลว เพื่อที่จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำสอง
ที่โลกภายนอก ระยะเวลาได้ผ่านมาครบหนึ่งปีแล้ว แต่หลิงฮันก็ยังปรับแต่งเม็ดยาไม่สำเร็จ ที่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาทำตามความหวังของคนอื่นไม่สำเร็จ เพียงแต่หลิงฮันก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากและทุ่มเทฝึกฝนต่อไป
ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงมาเห็นการใช้ทักษะของหลิงฮันในตอนนี้ ชายชราจะต้องตกตะลึงมากเป็นแน่ …นั่นเพราะ ทักษะการปรับแต่งที่หลิงฮันกำลังฝึกฝนนั้น เป็นสิ่งที่เขาพัฒนามาจากความเขาใจของตนเอง ไม่ได้เลียนแบบมาจากชายชราผู้เป็นอาจารย์ทั้งหมด
รับความรู้… ซึมซับ… และเปลี่ยนให้กลายเส้นทางของตนเอง ไม่ใช่การคัดลอกมาทั้งหมด
ถ้าหากหลิงฮันฝึกฝนตามเส้นทางของปรมาจารย์จื่อเฉิงล่ะก็ เขาสามารถปรับแต่งเม็ดจาได้สำเร็จตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว เพียงแต่เขารู้ดีว่ารากฐานคือตัวแปรที่สำคัญที่สุด ว่าในอนาคตเขาจะไต่เต้าไปยังจุดสูงสุดได้หรือไม่
เพราะงั้นต่อให้เขาต้องใช้เวลาฝึกฝนไปอีกสิบปี หรือร้อยปี เขาก็จะต้องทำรากฐานของตนเองให้มั่นคง
เนื่องจากหลิงฮันไม่ได้ไปอาณาเขตที่ห้าเป็นเวลานาน ปรมาจารย์จื่อเฉิงจึงแอบมาสอดส่องดูสถานการณ์ของหลิงฮันอย่างเงียบๆ ด้วยพลังระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถตรวจจับตัวตนของชายชราได้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงยืนอยู่นอกห้องหลอมเม็ดยาอยู่นานสองนาน โดยที่ใบหน้าของเขาทั้งแสดงออกถึงความตกตะลึงและความตื่นเต้น ผ่านไปอีกพักหนึ่งเขาก็กลับไปโดยที่ไม่ทำให้หลิงฮันรู้ตัว
ศิษย์ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้!
เขาคงต้องเริ่มเตรียมการแล้ว เพราะอีกไม่นานหลิงฮันคงจะฝึกฝนห้วงจิตปรับแต่งได้สำเร็จ และเขาก็ได้รับการตอบกลับจากนักปรุงยาชิวเย่แล้วด้วย ว่าอีกฝ่ายจะกลับมายังเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ในอีกครึ่งปี
เมื่อปรมาจารย์จื่อเฉิงกลับไปยังอาณาเขตที่ห้า เขาก็ทำการออกคำสั่งทันที คำสั่งที่เขาปล่าวประกาศออกมานั้น ได้จุดชนวนความโกลาหลครั้งใหญ่ไปทั่ว
ปรมาจารย์จื่อเฉิงแต่งตั้งหลิงฮันเป็นผู้สืบทอดคนที่สิบของเมืองวิถีโอสถ!
ผู้สืบทอด!
ขุมอำนาจอย่างเมืองวิถีโอสถ คือขุมอำนาจที่ครอบครองทรัพยากรเม็ดยา เกือบจะทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก เพราะงั้นสถานะผู้สืบทอดของจึงเป็นสถานะที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
แถมนอกจากสถานะผู้สืบทอดแล้ว หลิงฮันยังมีสถานะอีกอย่างคือ นักปรุงยาระดับหนึ่งที่เยาว์วัยที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะงั้นชื่อเสียงของเขาจึงเจิดจรัศ จนบดบังรัศมีของผู้สืบทอดคนอื่นจนมิด
เมื่อข่าวถูกแพร่งพรายออกไป ตระกูลจอมยุทธมากมายก็ต้องการที่จะรับตัวหลิงฮันเข้าตระกูลยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่หลู่เซียนหมิงและผู้สืบทอดคนอื่นๆ เริ่มลงมือวางแผนทำลายความได้เปรียบของหลิงฮัน
…การจะเป็นผู้สืบทอดได้ เพียงแค่การตัดสินใจของปรมาจารย์จื่อเฉิงยังไม่เพียงพอ แต่ต้องดูความสามารถของหลิงฮันด้วย
หมอนี่ยังเป็นแค่นักปรุงยาหนึ่งดาว เพราะงั้นมีรึที่จะใช้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้?
ตอนที่ 1892 ปรับแต่งเม็ดยาสำเร็จ
ตราบใดที่ทำให้หลิงฮันเสียหน้าต่อหน้าสาธารณะชนได้ ปรมาจารย์จื่อเชิงจะยังผลักดันให้หลิงฮันรับตำแหน่งผู้สืบทอดอยู่อีกงั้นรึ?
อีกฝ่ายจะไม่หวาดกลัวแรงต้านของประชาชนรึอย่างไร?
ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้ปรมาจารย์จื่อเฉิงมองพวกเขาไม่ดี แต่ถ้าหากหลิงฮันได้เป็นผู้สอบทอดขึ้นมาจริงๆล่ะก็ พวกเขาคงทำได้เพียงจ้องมองหลิงฮันกลายเป็นผู้ปกครองเมืองวิถีโอสถโดยไม่อาจทำอะไรได้
…
ภายในห้องหลอมเม็ดยา หลิงฮันฝึกฝนต่อเนื่องโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งปี ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกถึงความกังวล ก่อนจะชี้นำเพลิงเก้าสวรรค์เข้าปกคลุมเม็ดยา
เขาเคยล้มเหลวในขั้นตอนนี้มาแล้ว เนื่องจากเขาโคจรพลังของเพลิงเก้าสวรรค์มากเกินไป ทำให้เม็ดยาถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
แต่หลังจากที่ล้มเหลวมาและผ่านการวิเคราะห์มาหลายต่อหลายครั้ง หลิงฮันมั่นใจว่าครั้งนี้เขาจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน
‘ครืน’ เพลิงเก้าสวรรค์ปลดปล่อยคลื่นเพลิงออกมา เม็ดยาถูกตราประทับแห่งเต๋ามากมายพัวพันรอบด้าน และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกล้ำอย่างไม่คาดฝัน
สำเร็จแล้ว!
หลิงฮันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที กว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
ต่อให้เวลาภายใต้ต้นสังสารวัฏจะผ่านไปหลายหมื่นปี แต่นั่นก็เป็นเพียงเวลาภายในห้วงความคิดเท่านั้น กระแสเวลาของร่างกายและจิตวิญญาณของเขา ยังคงไหลไปตามเวลาของห้องเร่งเวลา ซึ่งก็คือร้อยห้าสิบปี!
ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานยิ่งนัก
แต่โชคดีที่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ทำได้สำเร็จ
หลิงฮันมองไปยังเม็ดยาในมือที่มีลวดลายสีทองพัวพันอยู่ เมื่อเทียบกับเม็ดยาที่ถูกปรับแต่งโดยปรมาจารย์จื่อเฉิงแล้ว ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่ลวดลายบนเม็ดยาที่เขาปรับแต่งเองนั้น เลือนลางกว่าของปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่รู้กี่เท่า
หลิงฮันถอนหายใจ ดังคำที่ว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า ทักษะของเขาเทียบกับชายชราไม่ได้เลยจริงๆ
ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงได้ยินความคิดของหลิงฮันล่ะก็ เขาจะเกรี้ยวกราดจะหนวดกระพือเป็นแน่
คิดว่าเขาอยู่ในศาสตร์ปรุงยามากี่ล้านปีแล้วกัน? ถ้าหากความสามารถของเขาถูกหลิงฮันไล่ตามได้ง่ายๆ ชีวิตของเขาจะไปต่างอะไรกับการผายลม!
ในทางกลับกัน การที่การปรับแต่งเม็ดยาครั้งแรกของหลิงฮันทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าน่าอัศจรรย์มากแล้ว ในการปรับแต่งครั้งแรกนั้น แม้แต่ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ยังทำได้ไม่ถึงขนาดนี้
หลิงฮันออกจากห้องหลอมเม็ดยา เมื่อเขากลับไปยังที่พักของตนเอง เขาก็พบสตรีนกอมตะกำลังเล่นอยู่กับเด็กน้อยทั้งสองคน
เมื่อเห็นว่าหลิงฮันเดินใกล้เข้ามา เด็กน้อยทั้งสองก็รีบวิ่งไปหลบด้านหลังสตรีนกอมตะ และชะโงกหน้าออกมามองหลิงฮัน
เด็กสองคนนี้คือเผ่าคนแคระที่ยังหลงเหลืออยู่
หลิงฮันยิ้ม “อะไรกัน พวกเจ้าจำข้าไม่ได้งั้นรึ?”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เด็กน้อยทั้งสองคนจะเป็นเพียงทารก แต่พรสวรรค์ของทั้งสองก็ยอดเยี่ยมกว่าคนทั่วไป เพราะงั้นต่อให้เคยเห็นหลิงฮันแค่ครั้งเดียว ก็ย่อมไม่มีทางลืม
ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่เด็กน้อยจ้องมองอยู่สักพัก ทั้งสองก็พุ่งทะยานร่างเข้าหาหลิงฮันทันที โดยที่คนหนึ่งเกาะที่ขาซ้าย ส่วนอีกคนเกาะที่ขาขวา “ท่านพ่อ!”
*干爹 = คือพ่อเลี้ยงนะครับ แต่ผมขอแทนว่าพ่อเฉยๆ*
นี่ข้าไปเป็นพ่อของพวกเจ้าทั้งแต่เมื่อไหร่?
สตรีนกอมตะยิ้มและกล่าว “เหล่ยเอ๋อร์ กับอวี่เอ๋อร์ถามหาเจ้าทุกวันเลย”
เด็กผู้ชายมีชื่อว่าซื๋อเหล่ย ส่วนเด็กผู้หญิงมีชื่อว่าซื๋ออวี่ ที่ทั้งสองถูกตั้งแซ่เช่นนี้ก็เพราะทั้งสองถือกำเนิดมาจากศิลา
*ซื้อ = ศิลา*
หลิงฮันพยายามสะบัดขา แต่เด็กน้อยทั้งสองก็เกาะเขาแน่นราวกับติดกาว เขาต้องกล่าวออกมาอย่างไม่มีทางเลือก “ปล่อยข้า!”
“ไม่!” เด็กน้อยทั้งสองเกาะแน่นไม่ปล่อย
สุดท้ายสตรีนกอมตะก็ต้องเป็นคนมาเกลี้ยกล่อม และอุ้มเด็กน้อยทั้งสองออกไป
หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่ห้า เพื่อบอกข่าวดีกับปรมาจารย์จื่อเฉิง
“สำเร็จแล้วงั้นรึ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว
ถึงแม้หลิงฮันจะใช้เวลาเกินกว่าที่มอบหมายให้ไปครึ่งปี แต่ก็ยังถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์อยู่ดี อย่างน้อยเมื่อเทียบกับตัวเขาแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของหลิงฮันก็รวดเร็วยิ่งกว่าหลายเท่า
หลิงฮันพยักหน้าและยื่นเม็ดยาที่ปรับแต่งเสร็จแล้วออกไป “เชิญอาจารย์ตรวจสอบดู”
ปรมาจารย์จื่อเฉิงรับเม็ดยามา แต่เพียงแค่ชำเลืองมอง สีหน้าของเขาก็ต้องชะงักแข็งค้าง
“นี่เป็นเม็ดยาที่เจ้าปรับแต่งสำเร็จเป็นครั้งแรกจริงๆรึ?” ชายชราเอ่ยถาม
หลิงฮันพยักหน้า “ฝีมือของศิษย์ยังหากไกลจากอาจารย์จริงๆ ข้าขออถัยที่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”
เขารู้สึกผิดหวัง และอับอายอย่างแท้จริง
สีหน้าของปรมาจารย์จื่อเฉิงกลายเป็นปั้นยาก เขาพยายามอดกลั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว “อืม นับว่าเป็นเรื่องดีที่เจ้าตระหนักถึงฝีมือของตนเอง ถึงแม้พรสวรรค์ของเจ้าจะไม่ได้แย่ แต่ก็ต้องประมาณตนเอาไว้ให้ดี เจ้าถึงจะบรรลุจุดสูงสุดของศาสตร์ปรุงยาได้”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” หลิงฮันพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
ชายชรามองไปยองท่าทีผิดหวังของหลิงฮัน และเกือบจะคำรามออกมาว่า ‘เจ้ามันเป็นสุดยอดอัจฉริยะ!’
ถึงแม้หลิงฮันจะปรับแต่งเม็ดยาได้ไม่สมบูรณ์เท่าเขา แต่ว่าเขาคือใครกัน? ปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาว ที่ใช้ห้วงจิตปรับแต่งได้ถึงเจ็ดขั้น!
ที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่พูดสิ่งที่คิดออกไป ก็เพราะไม่อยากทำให้หลิงฮันหยิ่งผยอง ในเมื่อหลิงฮันคิดว่าตนเองทำผลลัพธ์ออกมาได้ไม่ดีอยู่แล้ว เขาจึงเลือกที่จะตามน้ำไปแบบนั้น
“หลังจากนี้อีกสิบวัน จะเป็นวันที่เจ้าถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการ แต่การขึ้นรับตำแหน่งในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งเช่นกัน ในตอนนั้น อาจจะมีใครถามคำถามเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยากับเจ้า หรือเจ้าอาจจะต้องทำการหลอมเม็ดยาเพื่อพิสูจน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะงั้นในไม่กี่วันนี้จงพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่ออยู่ในสภาพที่เพรียบพร้อมที่สุดซะ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า “ศิษย์เข้าใจแล้ว”
หลังจากไม่ได้อยู่กับเหล่าภรรยามาหลายวัน ดูเหมือนจะได้เวลารวบยอดแล้วสินะ
“เจ้าไปได้แล้ว!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงสะบัดมือ
เมื่อหลิงฮันจากไป มุมปากของปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ค่อยๆยิ้มกว้างขึ้น และระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จนหมู่นกมากมายบนภูเขาตื่นตัว
ยอดเยี่ยม… นี่มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการได้รับเงินหลายแสนล้านศิลาดวงดาวเสียอีก!
เขารู้สึกพึงพอใจกับศิษย์คนนี้เป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เพื่ออนาคตของหลิงฮันแล้ว เขาจำเป็นต้องอดทนห้ามเอ่ยชมหลิงฮันเกินไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงฮันได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอด ศิษย์ผู้นี้ของเขาจะต้องกลายเป็นดาวที่เจิดจรัส ท่ามกลางดวงดาวทั้งหมดอย่างแน่นอน
“ด้วยการที่มีศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ชีวิตข้าจะยังต้องการอะไรอีก?” ชายชรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ
ตอนที่ 1893 สู้อีกครั้ง
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หลิงฮันไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร เนื่องจากเขาเก็บตัวฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งเพียงอย่างเดียว
เขาปรับแต่งเม็ดยาสำเร็จแล้วก็จริง แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าการปรับแต่งของเขา อยู่ห่างจากความสมบูรณ์แบบอีกเท่าไหร่
สมมุตลองให้นักปรุงยาที่ระดับต่างกัน มาหลอมเม็ดยาชนิดเดียวกันและปรับแต่งเม็ดยาสามขั้นเหมือนกัน คุณภาพของเม็ดยาย่อมแตกต่างกันราวกับฟ้าและปฐพี
หลิงฮันพยายามขัดเกลาทักษะห้วงจิตปรับแต่งของตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด แม้ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงจะบอกว่าเมื่อระดับของนักปรุงยาเพิ่มสูงขึ้น ความสามารถในการปรับแต่งเม็ดยาก็จะสูงขึ้นไปด้วยก็ตาม แต่ในเมื่อตอนนี้เขายังไม่สามารถยกระดับนักปรุงยาของตนเองได้ เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือไปกับการขัดเกลา ทักษะห้วงจิตปรับแต่งแทน
จากนักปรุงยาหนึ่งดาวไปสองดาวนั้น ความซับซ้อนของศาสตร์ปรุงยาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งร้อยเท่า เนื่องจากเม็ดยานิรันดร์หนึ่งดาว คือเม็ดยาสำหรับจอมยุทธระดับโลกียนิพพาน ส่วนเม็ดยานิรันดร์สองดาว คือเม็ดยาสำหรับจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ
ปรมาจารย์จื่อเฉิงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลิงฮันจะสามารถบรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาวได้ภายในระยะเวลาหนึ่งล้านปี
แน่นอนว่าระยะเวลาที่ว่านี้ คือเวลาที่ใช้ภายในห้องเร่งเวลา
เพียงแต่สิ่งที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่รู้ก็คือ เรื่องที่หลิงฮันนั้นมีต้นสังสารวัฏอยู่ในครอบครอง ด้วยความสามารถในการช่วยให้รู้แจ้งอันน่าอัศจรรย์ของมัน ระยะเวลาที่หลิงฮันจะบรรลุเป็นนักปรุงยาระดับสองได้ จึงลดลงมาเหลือเพียงพันปี
ก่อนหน้านี้หลิงฮันเคยลองจำลอง การหลอมเม็ดยาเพื่อเป็นนักปรุงยาสองดาวมาแล้ว แต่หลังจากจำลองขั้นตอนไปเพียง หนึ่งในหมื่นส่วนเขาก็ต้องหยุดกลางคัน
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ต้องใช้นั้นซับซ้อนเกินไป ต่อให้นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานจะสามารถหลอมเม็ดยานิรันดร์สองดาวขึ้นมาได้ แต่กว่าจะสำเร็จก็ใช้เวลานานเกินไป
ด้วยเหตุนั้นหลิงฮันจึงไม่รีบร้อน เขาตัดสินใจแผ่ขยายความรู้เกี่ยวกับเม็ดยานิรันดร์หนึ่งดาวให้กว้างขึ้น รวมถึงมุ่งเน้นไปที่การขัดเกลาทักษะห้วงจิตปรับแต่งก่อน
เมื่อเวลาผ่านไปสิบวัน จักรพรรดินีก็ออกมาจากการเก็บตัวบ่มเพาะพลัง
ที่นางออกมา ไม่ใช่ว่านางบรรลุระดับสี่นิพพานสูงสุดแล้ว แต่เนื่องจากวันนี้คือวันที่ยิ่งใหญ่ของหลิงฮัน แน่นอนว่านางย่อมต้องร่วมแสดงความยินดี ให้กับสามีของนางอยู่แล้ว
ในช่วงเช้าตรู่ หลิงฮันออกเดินทางไปพร้อมกับภรรยาทั้งสอง โดยมีธิดาโร๋วติดตามมาโดยไม่ได้รับเชิญ ถ้าหากหลิงฮันได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ โดยที่นางเองก็มีสถานะเป็นสหายกับหลิงฮันล่ะก็ ในภายภาคหน้าจะมีเม็ดยานิรันดร์ชนิดที่นางไม่สามารถหาได้?
ความจริงหลิงฮันนั้นไม่ได้ต้องการใกล้ชิดกับธิดาโร๋วมากนัก เหตุผลข้อแรกคือ สตรีผู้นี้มีเสนห์ที่น่าดึงดูดอย่างแท้จริง และเหตุผลที่สองก็คือ จักรพรรดินียังคงแสดงออกอย่างชัดเจนอยู่ตลอดเวลา ว่าเขาจะต้องนำกายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรมาครอบครองให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
‘พิธีแต่งตั้ง’ นั้นถูกจัดขึ้นในอาณาเขตที่สี่ เพราะงั้นทุกคนที่สามารถเข้าร่วมได้ จึงมีเพียงตัวตนที่ทรงพลัง หรือก็ไม่มีพื้นเพมาจากขุมอำนาจสามดาว
ตอนที่ 1894 มอบยาพิษร้ายแรง
งานพิธีที่สำคัญเช่นนี้ มีคนกล้ามาสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร?
สีหน้าของปรมาจารย์จื่อเฉิงกลายเป็นมืดมนทันที เพื่องานพิธีในวันนี้เขาได้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เอาไว้มากมาย โดยที่มุ่งเน้นไปที่ความราบรื่นของงานพิธีเป็นสำคัญ
กล่าวคือในวันนี้ เรื่องที่จะมีผู้บุกรุกเข้ามาป่วนได้นั้น ย่อมไม่สมควรเกิดขึ้น
อย่างในกรณีของจ้าวชิงเฟิงนั้น บาดแผลที่เขาได้รับจากการประลองได้ถูกรักษาเสร็จตั้งแต่เดือนแรกแล้ว ถึงแม้ในช่วงเวลาหลายเดือนมานี้อีกฝ่ายจะไม่ก่อปัญหาใดๆ ขึ้น แต่ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า อีกฝ่ายอาจจะปรากฏตัวและสร้างปัญหาให้วันนี้ก็เป็นได้ เพราะงั้นเขาจึงสั่งการทหารยามให้คอยเฝ้าระวังเอาไว้อย่างดีแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น จ้าวชิงเฟิงก็ยังปรากฏตัวได้!
“โอหัง ผู้สืบทอดคนใหม่กำลังจะเข้าพิธีรับแต่งแหน่ง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาสร้างความวุ่นวาย? ไสหัวไปซะ! ” ปรมาจารย์ระดับแบ่งแยกวิญญาณผู้หนึ่งตะโกน
แม้จ้าวชิงเฟิงจะมีพรสวรรค์ท้าทายสวรรค์ แต่ก็ยังเป็นแค่นิรันดร์สี่นิพพานเท่านั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องแยแส
จ้าวชิงเฟิงไม่แม้แต่ชำเลืองมองปรมาจารย์ผู้นั้น สายตาของเขาจดจ้องไปยังหลิงฮันอย่างเด็ดเดี่ยวและกล่าว “หลิงฮัน เจ้ากล้ามาสู้กับข้ารึไม่! ”
ดูความจิตวิญญาณสู้รบที่จ้าวชิงเฟิงปลดปล่อยออกมา พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายคงพัฒนาขึ้นมาก หลังจากอาการบาดเจ็บเป็นแน่
“สมกับเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ความพ่ายแพ้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาแม้แต่น้อย แถมยังพัฒนาพลังของตนเองขึ้นไปได้อีก”
“แต่ข้านึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ เขาเป็นนิรันดร์สี่นิพพานสูงสุดแล้วแท้ๆ แต่พลังกลับยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก”
“ช่างเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง”
“เรื่องนี้เริ่มจะน่าสนใจขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้หลิงฮันคว้าชัยชนะไปได้อย่างเฉียดฉิวเท่านั้น แต่ตอนนี้พลังต่อสู้ของจ้าวชิงเฟิงยกระดับสูงขึ้นจากเดิมแล้ว หากประลองกันอีกครั้ง เกรงว่าคงยากที่จะตัดสินได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้”
“เหอๆ ถึงแม้การประลองจะเป็นการวัดศักยภาพ ในศาสตร์วรยุทธไม่ใช่ศาสตร์ปรุงยา แต่ถ้าหากผู้สืบทอดคนใหม่เกิดพ่ายแพ้ในวันแรกที่ถูกแต่งตั้งล่ะก็ คงจะอัปยศมากเป็นแน่”
“ที่ข้าสงสัยคือเรื่องที่จ้าวชิงเฟิงมาที่นี่ได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าเขาจะสามารถปรากฏตัวขึ้นได้อย่างราบรื่นขนาดนี้”
“โอ้ เจ้าจะบอกว่า… มีใครบางคนแอบช่วยเหลือจ้าวชิงเฟิงอยู่งั้นรึ? ”
ผู้คนมากมายพูดคุยกันอย่างออกรส และไม่ว่าใครต่อใครต่างก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด
หลิงฮันมองไปยังจ้าวชิงเฟิงและกล่าวอย่างไม่แยแส “ทั้งๆ ที่พ่ายแพ้ไปแล้ว ยังกล้าพูดจาห้าวหาญอยู่อีกรึ? ”
“อดีตก็คืออดีต… ครั้งนี้ทุกอย่างไม่มีทางซ้ำรอย! ” ดวงตาของจ้าวชิงเฟิงส่องประกายอันหนักแน่น จิตสังหารของเขาควบแน่นรวมกันอย่างแน่นหนา จนกลายเป็นสสารที่สามารถจับต้องได้ หลังจากความพ่ายแพ้ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารของเขาก็ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น
เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่า ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารของเขาในตอนนี้ จะสามารถบดขยี้กายหยาบอันไร้เทียมทานของหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย
จักรพรรดินีก้าวเดินออกมาด้านหน้า และมองไปยังจ้าวชิงเฟิงด้วยแววตาอันเย็นยะเยือก สายลมหนาวเย็นที่กระทบกับกระโปรง ส่งผลให้ความโค้งเว้าของเรือนร่างของนางมองเห็นได้อย่างเด่นชัด
ความงดงามที่เกินจะพรรณนาได้นี้ แม้แต่สีหน้าของจ้าวชิงเฟิงที่เป็นศัตรูกับหลิงฮัน ก็ยังชะงักแข็งค้าง
งดงาม… ช่างงดงามยิ่งนัก ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้า แต่เพียงแค่เรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ กับกลิ่นอายที่สูงส่งของนาง ก็เพียงที่จะทำให้ผู้คนคุกเข่าแนบเท้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น