Alchemy Emperor of the Divine Dao 1884-1887

 ตอนที่ 1884 ยอมอ่อนข้อ

 

“นายน้อยหลู่!” ซุนตงก้าวขึ้นมาใกล้และเผยสีหน้าโหดเหี้ยม


หลู่เซียนหมิงเหลือบมองอีกฝ่าย “ไม่ต้องกล่าวอะไรทั้งนั้น!” เขาจำเป็นต้องสงบสติลงเพื่อที่จะได้คิดวางแผนอย่างถี่ถ้วน


“ขอรับ” ซุนตงรีบถอยกลับไปที่เดิม มุมปากของเขาแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์


ตราบใดที่หลิงฮันไม่ช่วยเหลือหลิงฮัน หลิงฮันจะรอดชีวิตจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร?


คิดรึว่าทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาของปรมาจารย์จื่อเฉิงแล้ว จะหนีรอดไปได้ง่ายๆ?


‘ฮ่าๆๆ’ ซุนตงหัวเราะในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆกว้างขึ้น


ในอีกสถานที่หนึ่ง ขานชวี ฉินกู่ยวี่ และผู้สืบทอดึนอื่นๆกำลังปรึกษาหารือกับคนของตนเอง การผงาดอย่างกระทันหันของหลิงฮัน คือสิ่งที่ขัดขวางแผนการของพวกเขาอย่างแท้จริง ไม่แน่ว่าบางที หลู่เซียนหมิงอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่พวกเขาต้องร่วมมือกันกำจัดอีกต่อไป แต่อาจจะต้องไปร่วมมือกับหลู่เซียนหมิงเพื่อกำจัดหลิงฮันแทน


แต่หลังจากปรึกษากันแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจยังไม่ลงมือทำอะไร


หลิงฮันนั้นทำการล่วงเกินนักปรุงยาฝึกหัดโม่ไปแล้ว ด้วยนิสัยโมโหร้ายของปรมาจารย์จื่อเฉิง มีรึที่เขาจะปล่อยหลิงฮันไป?


ในเมื่อสุดท้ายปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ต้องเป็นคนจัดการเอง ทำไมพวกเขาจะต้องลงแรงให้เหนื่อยด้วย?


ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ขุมอำนาจมากมายเองก็หยุดแผนการรับตัวหลิงฮันเอาไว้ชั่วคราวเช่นกัน พวกเขาต้องการดูว่าหลิงฮันจะรอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้หรือไม่


ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลังจากแยกทางกับธิดาโร๋วแล้ว หลิงฮันก็ได้ทำการมุ่งหน้าไปยังวิหารนักปรุงยา


ในเมืองวิถีโอสถนั้น ตั้งแต่อาณาเขตที่สองขึ้นมาจะไม่มีโรงเตี๊ยมอีกต่อไป เนื่องจากคนที่สามารถเข้ามายังอาณาเขตที่สองได้ล้วนแต่ต้องมีสถานะพิเศษ ที่มีขุมอำนาจภายในรอบรับที่พักให้ เพราะงั้นหลิงฮันจึงทำได้เพียงมุ่งหน้าไปวิหารนักปรุงยา ที่ต่อให้ไม่มีเงินก็สามารถสามารถเข้าพักได้


ด้วยสถานะนักปรุงยาหนึ่งดาวของเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าย่อมมีคุณบัติเพียงพอที่จะเข้าพักในวิหารนักปรุงยา


เมื่อเห็นว่าหลิงฮันกลับมาพร้อมกับสาวงาม คนของวิหารนักปรุงยาก็เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน


นี่เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีกรึ?


หลังจากหายตกตะลึง สายตาของผู้คนมากมายก็จ้องมองไปยังจักรพรรดินี ซึ่งโชคดีที่ตอนนี้นางสวมใส่ผ้าคลุมหน้าเอาไว้


หลิงฮันยิ้มและสุ่มถามใครสักคน “ข้าได้ยินมาว่านักปรุงยาสามารถพักอาศัยที่นี่ได้สินะ?”


ใบหน้าของชายที่ถูกถามชะงักแข็งค้าง เขารู้สึกว่าตนเองโชคร้ายอย่างมาก คนอื่นก็มีตั้งเยอะแท้ๆ เหตุใดหลิงฮันถึงได้เลือกถามเขากัน? แต่ในเมื่อถูกถามแล้ว จะไม่ตอบก็ไม่ได้ หลิงฮันผู้นี้กล้าแม้กระทั่งทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ เพราะงั้นมีรึที่จะไม่กล้าทำอะไรเขา?


“ชะ ใช่แล้ว” เขาพยักหน้า


“อืม นำทางไปเลย ข้าต้องการพักที่นี่” หลิงฮันกล่าว


ที่พักของนักปรุงยานั้นมีห้องเร่งเวลาติดตั้งเอาไว้ด้วย เพราะงั้นหากหลอมเม็ดยาที่นี่ เขาจะสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้มหาศาล


ชายผู้โชคร้ายจำใจเดินนำทางหลิงฮันไป ตัวเขาเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นแรกเริ่มเท่านั้น เมื่อเทียบกับหลิงฮันที่เป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวแล้ว เขาจึงต้องทำตามคำพูดของอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก


ทุกคนในที่นี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลิงฮันเพิ่งทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ไปเมื่อวานแท้ๆ แต่วันนี้กลับยังกล้ามาที่วิหารนักปรุงยาอยู่อีก คนอะไรจะใจกล้าขนาดนี้?


แต่นั่นสินะ ถ้าไม่งั้นแล้ว เขาจะกล้าทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ได้อย่างไร?


เพียงแต่หลังจากมาถึงห้องพักได้ไม่นาน ร่างของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็ปรากฏตัว


“หลิงฮัน ออกมาซะ!”


หลิงฮันเดินออกจากห้องพัก ก่อนจะพบกับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ที่กำลังทำสีหน้าโหดเหี้ยม แน่นอนเขาว่าไม่หวาดกลัวอีกฝ่ายและยิ้มตอบกลับ “อะไรกัน เจ้ายังถูกทุบตีไม่หนำใจ ก็เลยมาหาข้าอีกครั้งสินะ?”


ใบหน้าของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กลายเป็นอดงฉาน ประสบการณ์ที่เขาได้รับก่อนหน้านี้คือความอัปยศยิ่ง! “อย่าได้หยิ่งทะนงไป ข้ามาในฐานะตัวแทนของปรมาจารย์จื่อเฉิง เพื่อพาเจ้าไปพบกับเขา!”


นั่นไง!


ผู้คนรอบข้างพยักหน้าในใจ ปรมาจารย์จื่อเฉิงนั้นเป็นที่รู้จักกันดีกว่า เขาเป็นคนที่โมโหง่ายขนาดไหน ด้วยเหตุนี้เองผู้ช่วยนักปรุงยาจึงสามารถกร่างไปทั่วไปได้ ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่ใช่พวกโมโหง่าย มีรึที่ทุกคนจะหวาดกลัวผู้ช่วยนักปรุงยาโม่?


หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา ก่อนจะกล่าว “นี่เจ้าแต่งเรื่องอีกแล้วงั้นรึ? ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงสั่งเช่นนั้นจริง ไหนล่ะหลักฐาน?”


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ชะงักเล็กน้อย ข้าจะไปเอาหลักฐานมาจากไหน?


ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ ใครบางที่ไม่รู้ว่าเขาคือผู้ช่วยนักปรุงยาของปรมาจารย์จื่อเฉิง? เพราะงั้นคำพูดที่เขากล่าวออกมา จึงเปรียบเสมือนคำพูดของปรมาจารย์จื่อเฉิง เพราะงั้นแล้ว หลายครั้งเขาจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ไปหลอกข่มขู่ให้ผู้อื่นหวาดกลัว


เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาพูดจริง! ปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นคนกล่าวว่าให้เขาพาตัวหลิงฮันกลับไปพบ ถึงแม้ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงจะไม่ได้บอกว่าให้พาตัวหลิงฮันกลับไปทำไม แต่ด้วยการที่เขาเป็นคนโปรดของปรมาจารย์จื่อเฉิง ถ้าเขาอีกฝ่ายไม่เรียกหลิงฮันไปเพื่อลงโทษ แล้วจะเรียกไปเพื่ออะไร?


“เจ้ากล้าสงสัยคำพูดของข้างั้นรึ?” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวอย่างเกี้ยวกราด


หลิงฮันส่ายหัว “ข้าคือนักปรุงยาหนึ่งดาว ส่วนเจ้าเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาตั้วจ้อย ทำไมข้าจะสงสัยเจ้าไม่ได้? ยิ่งกว่านั้นสำหรับนักปรุงยาแล้ว ลำดับขั้นเป็นกฎเหล็กที่เข้มงวดมาก แต่ผู้ช่วยนักปรุงยาเช่นเจ้ากลับข้าชี้นิ้วสั่งข้างั้นรึ? ดูเหมือนข้าจะยังสั่งสอนเจ้าไม่พอสินะ”


“เจ้ากล้ารึ!” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวหนักแน่น แต่เท้ากับก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ความทรงจำที่ถูกหลิงฮันทุบตีนั้น เขายังจดจำได้ดี


หลิงฮันหัวเราะ “ถ้าเจ้าไม่ได้แต่งเรื่อง แล้วจะถอยหลังหนีทำไม?”


ที่ข้าถอยหลัง ก็เพราะว่ากลัวเจ้าไงล่ะ!


“หลิงฮัน ข้าไม่ได้แต่งเรื่องอะไรทั้งนั้น ปรมาจารย์จื่อเฉิงบอกให้ข้ามาพาเจ้าไปจริงๆ” เขาพยายามลดทิฐิของตัวเองลง เพื่อไม่แสดงท่าทางที่หยิ่งยโสเกินไป


ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการพาหลิงฮันไปยังอาณาเขตที่ห้า ตราบใดที่ไปถึงที่นั่น และปรมาจารย์จื่อเฉิงออกคำสั่งเด็ดขาด หลิงฮันย่อมไม่มีทางหลบหนีไปไหนพ้น


หลิงฮันส่ายหัว “ข้าไม่เชื่อคำพูดลอยๆหรอกนะ!”


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่แทบจะบ้าคลั่ง เหตุใดเจ้าถึงได้ไร้เหตุผลเช่นนี้? เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อ่นจะกัดฟันและกล่าวออกมา “ถ้างั้นข้าต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะยอมไปกับข้า?”


เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนรอบด้านก็ตกตะลึงทันที ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ยอมคนงั้นรึ!


หรือแท้จริงแล้วหมอนี่จะเป็นพวกจิตไม่ปกติ? ยิ่งมีปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งทำท่าทางหยิ่งยโสมากขึ้นเท่านั้น แต่หลังจากที่ถูกหลิงฮันทุบตี เขากลับกลายมาเป็นยอมอ่อนข้อเสียได้

 

 

 


ตอนที่ 1885 ยั่วยุอีกครั้ง

 

สำหรับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ การกระทำของเขาในครั้งนี้แทบจะเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต


เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก ที่ต้องมายอมอ่อนข้อให้กับคนที่ทุบตีเขา เพียงแต่เขาทำให้ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่พอใจ เพราะพาหลิงฮันกลับไปไม่ได้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะงั้นครั้งนี้เขาจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร?


หลิงฮันยิ้ม “อืม รู้สึกเหมือนขาของข้าจะปวดนิดหน่อยนะ” เขานำเก้าอี้ออกมานั่ง และยื่นขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า การกระทำของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไร


ผู้คนรอบข้างจิตใจสั่นสะท้าน หลิงฮันช่างกล้าอะไรอย่างนี้ นี่เขาคิดจะให้ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่นวดขาให้งั้นรึ? ไม่ว่าอย่างไรผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็เป็นคนของปรมาจารย์จื่อเฉิง เจ้าคิดว่าตนเองเป็นปรมาจารย์จื่อเฉิงคนที่สองรึไง ถึงได้กล้าทำเช่นนั้น?


ใบหน้าของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กลายเป็นสีแดง


เจ้า! มันจะเกินไปแล้ว!


“หลิงฮัน เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะยังมีไปไหนได้งั้นรึ?” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่คำราม


“ข้าจะหนีพ้นหรือไม่แล้วเจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส


หลิงฮันหัวเราะแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้และคิดถึงภาพรวม


หากเขายังทำตามคำสั่งของปรมาจารย์จื่อเฉิงล้มเหลวอีกครั้ง ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะยังคอยสนับสนุนเขาอยู่อีกงั้นรึ?


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่รู้ดีว่า ที่ผู้คนมากมายจะแสดงความเคารพต่อเขา นั้นเป็นเพราะบารมีของปรมาจารย์จื่อเฉิง เขาจำไม่ได้ว่าคนที่เขาเคยไปล่วงเกินนั้นมีอยู่มากเท่าไหร่ ถ้าหากสูญเสียการสนับสนุนจากปรมาจารย์จื่อเฉิงไป คิดว่าอะไรบ้างที่จะรอเขาอยู่?


ผู้คนมากมาย จะต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน!


เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็รู้สึกหวาดกลัวและกัดฟันค่อยๆเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ?


ไม่จริง ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ยอมทำตามหลิงฮันงั้นรึ?


ทุกคนหันมองหน้ากัน และมองเห็นแววตาอันกตกตะลึงของแต่ละคน


ที่แท้ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ผู้นี้ก็ขี้ขลาดถึงเพียงนี้! ที่ผ่านๆมาไม่ว่าใครก็หวาดกลัวเขา แต่ความเป็นจริง อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ลูกแกะที่หุ้มหนังเสือเท่านั้น!


ทุกคนรู้สึกสลดกับการกระทำที่ผ่านๆของตนเอง แต่พวกเขาจะไปโทษใครก็ไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาไม่รอบคอบเอง จริงอยู่ที่ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่คือคนที่มีอำนาจของปรมาจารย์จื่อเฉิงคอยคุ้มกะลาหัว แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาเท่านั้น ซึ่งมีรึที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ตัวนักปรุงยาตัวจ้อย?


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก้าวมาหยุดอยู่ที่ข้างกายหลิงฮัน หลังจากพยายามระงับความรู้สึกอัปยศ เขาก็ย่อตัวลงและนวดขาให้หลิงฮัน


เมื่อหลิงฮันไม่บอกให้หยุด ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็ไม่กล้าหยุดมือ หลังจากเวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่ว หลิงฮันก็ยืดตัวและกล่าว “เอาล่ะ ขาของข้าไม่รู้สึกแย่เท่าไหร่แล้ว ไปกันได้แล้ว”


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ถอนหายใจโล่งอก พร้อมกับหรี่ตาด้วยแววตาอาฆาตแค้น


รอให้เขาทำคำสั่งของปรมาจารย์จื่อเฉิงให้ลุล่วงก่อน เขาจะต้องเอาคืนหลิงฮันอย่งแน่นอน ถ้าหากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าความตายไม่ได้ ข้าจะไม่ขอใช้แซ่โม่อีกต่อไป


หลิงฮันมองไปยังแววตาของอีกฝ่าย ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “แววตาของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกกลัวมาก เพราะงั้นข้าขอนั่งอยู่ที่นี่ต่อไปอีกดีกว่า” หลิงฮันหย่อนก้นกลับลงไปนั่งที่เก้าอี้


น้องสาวเจ้าสิ!


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่แทบจะสำลักโลหิต เขารีบกล่าว “จะทำให้ปรมาจารย์จื่อเฉิง


รอนานไปกว่านี้ไม่ได้”


ถึงแม้ประโยคนี้จะดูเหมือนคำพูดหว่านล้อม แต่น้ำเสียงของเขากลับดูเหมือนกำลังอ้อนวอนเสียมากกว่า


หากหลิงฮันมองลึกเข้าไปยังภายในร่างกายของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ได้ เขาจะเห็นเลยเวลาหัวใจของอีกฝ่ายกำลังเต้นแรงราวกับจะระเบิด


“เอาล่ะ ไปก็ไป” หลิงฮันกล่าว


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่รับนำทางไปอย่างเร่งรีบ โดยที่หลิงฮันเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างเกียจคร้าน ส่วนทางด้านของสตรีนกอมตะกับจักรพรรดินีนั้น พวกนางเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬรีบร้อยแล้ว


กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ หากเป็นในกรณีที่ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นคนที่ต่างจากที่เขาคิดไว้ และใช้กำลังกับเขาล่ะก็ ต่อให้ในตอนนั้นเขาหลบเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬได้ แต่ภรรยาทั้งสองล่ะจะทำอย่างไร?


ในขณะที่มองหลิงฮันกับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่เดินจากไป ใครหลายคนก็ส่ายหัวและรู้สึกว่าหลิงฮันเป็นคนที่โอหังจริงๆ


ถึงแม้ในการเผชิญหน้ากับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ หลิงฮันจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ตราบใดที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่พอใจในตัวหลิงฮันแม้แต่เล็กน้อย หลิงฮันก็ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ได้อย่างสงบสุข


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่นำทางมายังค่ายกลอาคมเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ด้วยสถานะของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ พวกเขาจึงสามารถใช้งานรูปแบบอาคมเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตที่ห้าได้ โดยไม่ต้องจ่ายศิลาดวงดาวแม้แต่ก้อนเดียว


ในความเป็นจริงนั้น อาณาเขตที่ห้านั้น มีพื้นที่เล็กยิ่งกว่าอาณาเขตที่สี่


แต่ถึงแม้จะบอกว่าเล็กกว่า พื้นที่ที่ว่าก็ยังกว้างใหญ่ไพศาลอยู่ดี ภายในอาณาเขตที่ห้านั้น มีภูเขาอยู่ทั้งหมดสิบเจ็ดลูก ซึ่งในแต่ละลูกล้วนแต่มีปรมาจารย์ที่ทรงพลังพำนักอาศัยอยู่อย่างสันโดษ แม้แต่เหล่าทายาทหรือคนในตระกูลของพวกเขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ จะมีให้เห็นก็แค่ลูกศิษย์หรือผู้ช่วยนักปรุงยาของพวกเขาคนสองคนเท่านั้น


ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่นำทางหลิงฮันไปยังภูเขาลูกที่เจ็ด ซึ่งการจัดเรียงลำดับของภูเขาแต่ละลูกเป็นอย่างไรนั้น หลิงฮันก็ไม่รู้เหมือนกัน


บนภูเขาไม่มีทางเดินปูเอาไว้ พวกหลิงฮันจึงเหาะเหินขึ้นไปยังยอดเขาโดยตรง ซึ่งบนยอดเขาแห่งนี้มี มีบ้านพักขนาดเล็กตั้งอยู่ มันเป็นบ้านพักที่เล็กมากจริงๆ หากเทียบกับภูเขาทั้งลูกแล้วก็เปรียบเสมือนกับหยดน้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทร


“เข้าไปได้ ปรมาจารย์จื่อเฉิงรอเจ้านานแล้ว!” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวพร้อมกับแสยะยิ้ม การที่หลิงฮันกล้ามาพบปรมาจารย์จื่อเฉิงล่าช้าเช่นนี้ หากไม่เรียกว่าแส่หาความตายแล้วจะเรียกว่าอะไร?


หลิงฮันยิ้ม เขาก้าวเดินเข้าไปในที่พัก โดยที่ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ไม่ได้เข้าไปด้วย แต่ทำหน้าที่ปิดประตูและเฝ้าอยู่ด้านนอกแทน


ภายในที่พักปห่งนี้ ห้องที่เตะตามากที่สุดก็คือห้องหลอมเม็ดยาที่เป็นห้องเร่งกาลเวลาหนึ่งร้อยเท่า ดูเหมือนว่าการเร่งเวลาเท่านี้ จะเป็นขีดจำกัดของขุมอำนาจสี่ดาวแล้ว


หลิงฮันกวาดสายตามองและพบเห็นชายชราผู้หนึ่งกำลังดื่มชาอยู่ในสวน ศีรษะของชายชราผู้นี้ปกคลุมไปด้วยเส้นผมอันขาวโพลน จิตวิญญาณของอีกฝ่ายในตอนนี้นั้นลุกโชนไปด้วยโทสะ และจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาโหดเหี้ยม


“เจ้าหนู เจ้าช่างกล้านักนะ!”

 

 

 


ตอนที่ 1886 เดิมพันอย่างอาจหาญ

 

ชายชราผู้นี้แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์จื่อเฉิง ชายชรามองมายังหลิงฮันด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ถึงแม้เขาจะยังไม่ลงมือทำอะไร แต่เพียงหนึ่งความคิดของชายชราก็ทรงอำนาจราวกับจะสามารถบดขยี้สวรรค์ชั้นฟ้า


ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ แน่นอนว่าความแข็งแกร่งย่อมมีมากเกินพรรณนา


ภายในหัวของเขาหลิงฮันมีความคิดมากมายผุดขึ้นมา แต่ก็ยังพยายามทำหน้าตาสงบนิ่งและเผยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส รุ่นเยาว์ไม่ทราบจริงๆว่าไปทำอะไรให้ผู้อาวุโสโกรธ”


“ข้าเรียกเจ้ามาพบก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เจ้ากลับบ่ายเบี่ยง เจ้าคิดว่าตนเองมีอำนาจบารมีเหนือกว่าข้าผู้นี้งั้นรึ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน อำนาจแห่งเต๋าค่อยๆก่อตัวรวมกันเบื้องหลังของเขา และขยับไปมาเป็นรูปทรงมากมาย


‘ชายชราผู้นี้ทรงพลังยิ่งกว่าอสูรเฒ่าเงาโลหิต’


หลิงฮันครุ่นคิดในใจ ถึงแม้เขาจะไม่สามารถนถออร่าของปรมาจารย์ทั้งสองมาเทียบกันได้ แต่แรงกดดันที่เขาสัมผัสได้นั้น ปรมาจารย์จื่อเฉิงถือว่าแข็งแกร่งกว่ามาก


เขายิ้มและกล่าวตอบ “นั่นเพราะรุ่นเยาว์ถูกปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้อง!”


“โอ้ งั้นเจ้าจะบอกว่าการที่เจ้าทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาของข้า เป็นการกระทำที่ถูกต้องงั้นสิ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงยิ้มอย่างโหดเหี้ยม


หลิงฮันยังคงมีท่าทางสงบนิ่ง ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงผู้นี้คิดจะลงโทษเขาจริงๆ อีกฝ่ายจะมัวพล่ามให้เสียเวลาอยู่ทำไม? สำหรับนักปรุงยาระดับสี่ดาวแล้ว ต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพียงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานและนักปรุงยาหนึ่งดาวอยู่ดี ไม่มีความจำเป็นที่อีกฝ่ายจะต้องมาแยแสแม้แต่น้อย


หากต้องการสังหาร เพียงแค่หนึ่งความคิดก็สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็น


หลิงฮันกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้เคารพ แต่ก็ไม่ได้อวดดี “คนผู้นั้นเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาตัวจ้อยเท่านั้น การที่เขากล้ามาข่มขู่นักปรุงยาหนึ่งดาวเช่นข้า ข้าคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง!”


“เหอๆ เพราะงั้นเจ้าเลยทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาของข้างั้นสินะ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวอย่างไม่แยแส ใบหน้าของเขาไม่แสดงออกแม้แต่น้อยว่ากำลังคิดอะไรอยู่


หลิงฮันยิ้ม “เป็นอย่างที่ผู้วุโสกล่าว”


“เจ้าไม่รู้จักคำพูดที่ว่า หากจะตีสุนัขก็ต้องดูหน้าเจ้าของเอาไว้งั้นรึ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว ก่อนจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาและตบโต๊ะเบาๆ ถึงแม้แรงตบจะเบาจนไม่มีเสียง แต่ภายในห้วงจิตใจของหลิงฮันกลับรู้สึกสั่นสะท้าน ราวกับสวรรค์กำลังล่วงหล่น


นี่คือพลังอำนาจของตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ ทุกๆการเคลื่อนไหวสามารถส่งผลกระทบไปถึงจิตใจของผู้คน


“เห็นแก่พรสวรรค์ของเจ้า ข้าจะมอบโอกาสให้” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงมา “เจ้าจงไปอ้อนวอนขอโทษผู้ช่วยนักปรุงยาของข้า แล้วข้าจะยอมไว้ชีวิต”


หลิงฮันตอบกลับอย่างไม่ลังเล “รุ่นเยาว์ไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดรุ่นเยาว์ถึงต้องเป็นฝ่ายขอโทษ?”


“ฮ่าๆๆ ข้ามีชีวิตมานานกว่าหลานแสนล้านปี แต่เพิ่งเคยพบเจอรุ่นเยาว์เช่นเจ้าเป็นครั้งแรก ในเมื่อเจ้าอาจหาญกล้าจนไม่แยแสใครอยู่ในสายตา งั้นก็จงตายอย่างมีเกียรติซะ!” ปรมาจารยจื่อเฉิงทำการผลักฝ่ามือออกไป ‘ครืนน’ ออร่าอันทรงพลังควบแน่นกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดยักษ์ที่อัดแน่นไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันทรงพลัง


สำหรับนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน อย่าเพิ่งกล่าวถึงอำนาจของฝ่ามือนี้เลย ‘นิยายเรื่องนี้ก๊อปมาจาก www.thai-novel.com’ เกรงว่าเพียงแค่จ้องมอง ก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวอันไร้ก้นบึ้งแล้ว


แต่หลิงฮันไม่ใช่ เขาพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลัง และยืนตรงตระหง่านราวกับใบดาบ นี่คือการเดิมพันของเขาต่อปรมาจารย์จื่อเฉิง ถ้าหากเขาเดิมพันผิดพลาด ค่าตอบแทบที่เขาต้องจ่ายก็คือชีวิต


 


ในความเป็นจริง ด้วยการที่มีหอคอยทมิฬอยู่ในครอบครอง หลิงฮันไม่จำเป็นต้องเดิมพันแม้แต่น้อย ตราบใดที่คนที่เขาเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่ราชานิรันดร์ แค่เข้าไปหลบซ่อนตัวในหอคอยทมิฬเขาก็ปลอดภัยแล้ว เพียงแต่ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้น เขาก็ยิ่งไม่อยากพึ่งพาหอคอยทมิฬมากเกินไป


“จงร้องขอความเมตตาซะ แล้วข้าจะมอบโอกาสให้เจ้า!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องราวกับฟ้าผ่า


หลิงฮันไม่กล่าวอะไรตอบแม้แต่คำเดียว และยังคงยื่นผงาดอยู่เช่นเดิม


‘ตูมม’ เมื่อฝ่ามือตกกระทบ อำนาจอันทรงพลังก็ส่งผลให้ทั่วทั้งภูเขาลูกที่เจ็ดสั่นสะเทือน


เมื่ออำนาจอันน่าสะพรึงกลัวสลายไป ร่างของหลิงฮันก็ค่อยๆปรากฏ โดยที่ไม่มีบาดแผลตามร่างกายแม้แต่นิดเดียว


ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะหลิงฮันมีพลังท้าทายสวรรค์ ที่สามารถต้านทานการโจมตีของตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ได้ แต่เป็นเพราะในตอนที่การโจมตีกำลังจะตกกระทบ การโจมตีได้เบี่ยงหลบเขาไปเอง เพราะไม่งั้นแล้ว ไม่เพียงแค่ชีวิตของเขาจะดับสูญ แต่เกรงว่าแม้แต่กระดูกสักท่อนก็คงไม่เหลือ


“ฮ่าๆๆ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะลั่น แรงกดดันอันเกรี้ยวกราดรอบกายของเขาสลายไป ใบหน้าของเขายิ้มแย้มด้วยอารมณ์ที่เบิกบานแทน


ถึงแม้หลิงฮันในตอนนี้จะเหงื่อท่วมเต็มหลัง แต่ใบหน้าของเขาก็ยังสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และรับรู้ทันทีว่าตนเองเดิมพันถูกแล้ว


ในความเป็นจริง ต่อให้เขาเดิมพันผิดพลาดก็ใช้ว่าจะไม่มีท่าหนีรอด คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์สามารถทำให้เขาถือกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้ ซึ่งนั่นจะเป็นการมอบโอกาสให้เขาอีกครั้งหนึ่ง และหากเขาใช้ทักษะกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านล่ะก็ คำสาปอสูรทมิฬอาฆาตก็จะถูกชำระล้างไปด้วย


แต่ถึงอย่างไร การจะใช้ทักษะกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านเพื่อการนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรนัก เนื่องจากเขายังต้องการใช้คำสาปอสูรทมิฬอาฆาตในการขัดเกลาตนเองอยู่


“เจ้าหนู ความกล้าหาญของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว


ท่าทีของหลิงฮันกลายมาเป็นน้อบน้อมและกล่าว “ขอขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก ที่ไม่สังหารรุ่นเยาว์!”


ปรมาจารย์จื่อเฉิงเผยสีหน้าพึงพอใจกับความยืดหยุ่นของหลิงฮัน ที่รู้ว่าตอนไหนควรแข็งกร้าน ตอนไหนควรนอบน้อม


หลังจากรอคอยมาหลายปี ในที่สุดเขาก็พบเจออัจฉริยะที่ทำให้เขาพอใจเสียที


“เจ้าไม่คิดว่าข้าจะสังหารเจ้ารึ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเอ่ยถาม


หลิงฮันยิ้ม “รุ่นเยาว์มั่นใจเจ็ดถึงแปดส่วน ว่าผู้อาวุโสจะไม่ทำเช่นนั้น”


“แต่ก็ยังไม่ใช่สิบส่วนอยู่ดี หากเจ้าคาดการณ์ผิดล่ะ?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเอ่ยถามอีกครั้ง


หลิงฮันยังคงยิ้ม “เพียงแค่เจ็ดถึงแปดส่วน ก็คุ้นที่จะเสี่ยงแล้ว” แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล่าวออกไป ว่าต่อให้เขาเดิมพันผิดพลาด ก็ยังมีทักษะถือกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านอยู่อีก


“เป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยม!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเลิกคิ้ว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความชื่นชม “เจ้ามานั่งตรงนี้สิ”


หลิงฮันก้าวเดินไปนั่งคุกเข่าตรงข้ามปรมาจารย์จื่อเฉิงด้วยท่าทางสุภาพ


ปรมาจารย์จื่อเฉิงรู้สึกพึงพอใจมากกว่าเดิม เขามองหลิงฮันด้วยสายตาชื่นชมและยิ้ม “ในความคิดของเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่จะยอมปล่อยให้คนของตนเอง ไปทำตัวยิ่งยโสและกร่างใส่คนอื่นรึไม่??”


หลิงฮันกล่าวตามตรง “ในตอนแรกที่ข้าไม่รู้จักผู้อาวุโส และได้เห็นท่าทีอันหยิ่งทะนงของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่เป็นครั้งแรก ข้าคิดไปแล้วจริงๆว่าผู้ช่างเป็นคนที่สายตาคับแคบจริงๆ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ข้าสั่งสอนผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ไปแล้ว แต่ทางเมืองวิถีโอสถก็ยังไม่บังคับกฎมาลงโทษข้าเสียที ซึ่งก็เป็นในตอนนั้นเองที่ข้ารู้ผู้อาวุโสไม่ใช่คนเช่นนั้น”


“ฮ่าๆๆ!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะยิ่งกว่าเดิม “ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่า ทำไมข้าถึงยอมปล่อยให้เสี่ยวโม่ทำตามใจชอบ จนผู้คนคิดไปเองว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นล่ะ?”

 

 

 


ตอนที่ 1887 หลอมใหม่

 

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีผู้อาวุโสอาจจะต้องการเฟ้นหาใครบางคนที่ไม่หวั่นเกรงอำนาจ?”


“เจ้าเป็นคนที่หลักแหลมมาก!” ปรมาจารย์จื่อเฉิ่งหัวเราะ “ที่ข้าจงใจปล่อยให้เสี่ยวโม่ทำตามใจก็เพราะ อยากเห็นว่าจะมีคนที่กล้าต่อต้านเขาหรือไม่ แต่น่าเสียดายจริงๆที่จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครสักคนเลยที่กล้ายืนหยัด”


ชายชราเผยสีหน้าผิดหวัง “สิ่งที่ข้าทำคือการทดสอบเหล่าผู้สืบทอด ถ้าหากกับแค่ลิ่วล้อตัวจ้อยก็ยังไม่กล้าต่อต้าน แล้วจะมีคุณสมบัติไปปกครองขุมอำนาจได้อย่างไร?”


หากพวกหลู่เซียนหมิงได้ยินประโยคนี้ พวกเขาทุกคนคงรู้สึกหดหู่มากเป็นแน่


ที่พวกเขายอมไว้หน้าผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ ก็เพราะหวาดกลัวปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่ใช่รึไง?


แต่เมื่อคิดดีๆแล้ว ในฐานะผู้สืบทอด การรักษาเกียรติและแสดงอำนาจอันสูงส่งออกมานั้นคือสิ่งที่จำเป็น ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดแล้ว จะยอมให้ลิ่วล้ออย่างผู้ช่วยนักปรุงยาโม่มาดูหมิ่นได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าผู้สืบทอดจะต้องกำราบเขาให้อยู่หมัดหรอกรึ?


“โอ้ แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ อย่างนั้นตอนนี้ก็มีคนที่กล้ายืนหยัดแล้วคนหนึ่ง” มุมปากของปรมาจารย์จื่อเฉิงยิ้มอย่างพึงพอใจ “เจ้าหนู เจ้าสนใจเข้าร่วมกับเมืองวิถีโอสถหรือไม่?”


หลิงฮันยิ้ม “ถ้าหากผู้อาวุโสเป็นฝ่ายเอ่ยปากเชิญชวนล่ะก็ รุ่นเยาว์ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ!”


ในความเป็นจริงเขาเองก็ต้องการศึกษาหลายๆอย่างจากเมืองวิถีโอสถเช่นกัน ขุมอำนาจแห่งนี้คงอยู่มานานแล้วไม่รู้กี่พันล้านปี หรือบางทีอาจจะหลายยุคสมัย ตำราเม็ดยาที่ถูกเก็บอยู่ในเมืองวิถีโอสถจะต้องมีมากมายนับไม่ถ้วนแน่นอน ซึ่งสำหรับหลิงฮันแล้ว ตำราเหล่าคือสมบัติที่ไม่ได้มีค่าน้อยไปกว่าทักษะระดับราชานิรันดร์


ต้องรู้ก่อนว่าในอดีตนั้น เมืองวิถีโอสถแห่งนี้เคยมีแม้กระทั่งปรมาจารย์นักปรุงยาห้าดาว!


“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็จะเป็นผู้สืบทอดคนที่สิบของเมืองวิถีโอสถ!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว เขาแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เพียงแต่ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นเป็นสถานะที่สำคัญมาก ข้าไม่อาจแต่งตั้งให้เจ้าตามอำเภอใจได้ เพราะงั้นเจ้าต้องใช้ความสามารถของตัวเจ้าเองพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับ”


หลิงฮันยิ้ม “พิสูจน์งั้นรึ? ด้วยพลังของรุ่นเยาว์ ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะกำราบผู้สืบทอดคนอื่นได้อย่างง่ายดาย”


ปรมาจารย์จื่อเฉิงชะงักเล็กน้อย เขาลูบเคราของตนเองอย่างไร้คำพูด


นักปรุงยาคือกลุ่มคนที่แตกแยกออกมาจากโลกวรยุทธ จะให้นักปรุงยาเช่นพวกเขาไปเข่นฆ่าสังหารกันเองได้อย่างไร?


“แน่นอนว่าต้องพิสูจน์ด้วยความสามารถของศาสตร์ปรุงยา!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงรีบกล่าวอย่างหนักแน่น


“โอ้” หลิงฮันผิดหวังเล็กน้อย ทั้งๆที่เขาสามารถสะสางปัญหาได้ด้วยกำปั้นแท้ๆ ทำถึงไมถึงต้องทำให้ยุ่งยากกัน?


ปรมาจารย์จื่อเฉิงผิดหวังเล็กน้อย เหตุใดรุ่นเยาว์ผู้นี้ถึงได้ป่าเถื่อนนัก? เขากล่าวต่อ “หากเจ้าต้องการเป็นผู้สืบทอดคนที่สืบ เจ้าจำเป็นต้องใช้ความสามารถในศาสตร์ปรุงยาเป็นข้อพิสูจน์”


หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องศาสตร์ปรุงยารุ่นเยาว์ก็ไม่แพ้ใคร”


ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะ “เพียงแค่หลอมเม็ดยาได้นิดหน่อย เจ้ายังเรียกตนเองว่านักปรุงยาไม่ได้หรอกนะ”


หลิงฮันไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เม็ดยาชุดแรกที่เขาหลอมได้สำเร็จก็มีคุณภาพระดับกลางแล้ว แบบนี้ยังไม่เพียงว่ายอดเยี่ยมอีกรึ?


“อย่าเพิ่งหงุดหงิดไป” ปรมาจารย์จื่อเฉิงหัวเราะ “พรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาของเจ้านั้นเป็นของจริง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่เจาะจงเลือกเจ้ามาเปลี่ยนแปลงความเสื่อมโทรมของเมืองวิถีโอสถในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าในศาสตร์ปรุงยานั้น ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ยังถือว่าเป็นมือใหม่ ไม่ว่าผู้สืบทอดคนใดก็ล้วนแต่อยู่เหนือกว่าเจ้าหลายร้อยเท่า”


หลิงฮันยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก แต่ในขณะที่เขากำลังจะเปิดปากพูด ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็สะบัดมือบ่งบอกให้เขาเงียบ


“การหลอมยาก็เปรียบเสมือนการหลอมอาวุธ ที่ไม่ใช่หลอมเสร็จแล้วก็จบ แต่จำเป็นต้องขัดเกลาต่ออีก” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวอย่างเนิบนาบ


หลิงฮันตกตะลึง การหลอมเม็ดยาจำเป็นต้องขัดเกลาเม็ดยาอีกรอบด้วยรึ? นี่ท่านกำลังล้อเล่นอยู่รึไงกัน? หากเม็ดยาถูกหลอมได้สำเร็จก็เป็นจบขั้นตอน ‘นิยายเรื่องนี้ก๊อปมาจาก www.thai-novel.com’ ส่วนถ้าหากหลอมล้มเหลวก็คือล้มเหลว นอกจากความเป็นไปได้สองอย่างนี้จะยังมีอะไรอื่นอีก?


ปรมาจารย์จื่อเฉิงมองเห็นความเคลือบแคลงของหลิงฮันจึงกล่าว “นำเม็ดยานิรันดร์ที่เจ้าหลอมออกมานี่”


หลิงฮันนำเม็ดยาออกมาและส่งมอบให้กับปรมาจารย์จื่อเฉิง


“ตามข้ามา” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเดินนำหลิงฮันเข้าไปยังห้องหลอมเม็ดยา ก่อนจะทำการจุดเพลิง ซึ่งดูออกได้ไม่ยากว่าชายชราคิดจะทำการหลอมเม็ดยา


ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่กล่าวอธิบายใดๆ เขาโยนเม็ดยาลงไปยังเตาหลอมและผลักฝ่ามือปลดปล่อยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิง ที่อัดแน่นไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันเจิดจ้า


ภายใต้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิง เม็ดยานิรันดร์ค่อยๆถูกหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งทันใดนั้นเอง ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ส่งเสียงคำรามและผลักฝ่ามือประทับแสงเจิดจ้าเข้าสู่เม็ดยา


หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากภาพที่เขาเห็นคือ เม็ดยาที่กำลังหลอมละลายถูกหยุดชะงักกลางคันและเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง


ห้องหลอมเม็ดยาก็คือห้องเร่งเวลารูปแบบหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่งวันของโลกภายนอก เท่ากับหนึ่งร้อยวันในห้องนี้!


เพราะงั้นในขณะที่เวลาของโลกภายนอกผ่านไปเกือบหนึ่งวัน เวลาภายในห้องหลอมเม็ดยาก็ผ่านไปแปดสิบวันแล้ว


หลิงฮันมองดูทักษะของปรมาจารย์จื่อเฉิงอย่างใจจดใจจ่อ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่เท่าไหร่ แต่เขาก็เชื่อว่าสถานะนักปรุงยาสี่ดาวของชายชราย่อมไม่ได้มาเพราะโชคช่วย และชายชราก็ย่อมไม่ได้กำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ด้วย


เมื่อเวลาผ่านมาถึงวันที่เก้าสิบสาม ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็เค้นเสียงเบาและอ้าปากปลดปล่อยคลื่นพลังสีม่วงออกมา ซึ่งหากมองให้ดี จะพบว่าแท้จริงแล้วคลื่นพลังนั่นก็คือเปลวเพลิวสีม่วงที่ส่องแสงสุกสกาว


มันคือแก่นพลังของปรมาจารย์จื่อเฉิง!


โดยปกติแล้วจอมยุทธทุกคนจะมีแก่นพลังเพียงหนึ่งเดียว นอกเสียจากว่าจอมยุทธคนใดจะโชคดี ที่ได้ครอบครองแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพีเพิ่มถึงสองชนิดเหมือนหลิงฮัน


แก่นกำเนิดพลังเปลวเพลิงที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงปลดปล่อยออกมา เคลื่อนที่โอบล้อมไปทั่วเม็ดยา


ตามหลักแล้วการทำเช่นนี้เม็ดยาสมควรจะถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน เพียงแต่เม็ดยาที่อยู่ในเตาหลอมกลับหมุนวนไปมาท่ามกลางเปลวเพลิง และค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นใสกระจ่างราวกับผลึก


“ออกมา!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงยื่นมือออกไปด้านนั้น ซึ่งในขณะเดียวกันเม็ดยาก็ลอยเข้าสู่ฝ่ามือของชายชรา


“ลองตรวจสอบดู” เขาสะบัดโยนเม็ดยาให้กับหลิงฮัน


หลิงฮันรับเม็ดยามาและมองดูอย่างรอบคอบ ก่อนจะพบว่าที่ผิวของเม็ดยานั้นถูกพันเอาไว้ด้วยลวดลายสีทอง ใบหน้าของเขาชะงักแข็งค้างพร้อมกับอุทาน “คุณภาพของเม็ดยาพัฒนาขึ้นเป็นระดับสูง!”


นี่มันน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก คุณภาพของเม็ดยาสมควรถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่หลอมเสร็จสิ้นแท้ๆ แต่ความจริงมันสามารถนำกลับมาหลอมใหม่ได้ด้วยงั้นรึ?


นี่มันเป็นทักษะนิรันดร์แบบใดกัน?


หลิงฮันแหงนหน้ามองปรมาจารย์จื่อเฉิง ด้วยความสงสัยและสนใจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)