Alchemy Emperor of the Divine Dao 1876-1877
ตอนที่ 1876 หลอมเม็ดยาอีกครั้ง
ชายผู้นี้มีชื่อว่าซีเหมินต้า ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
วันนี้อากาศดี เขาเลยเกิดอารมณ์อยากชวนสองสาวขึ้นเขา มาทำกิจกรรมกลางแจ้งด้วยกันสามคนแท้ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มกิจกรรม จู่ๆเมฆสายฟ้าก็ก่อตัวรวมกันเสียได้
ใครบางคนกำลังจะรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์!
โดยปกติแล้วสวรรค์จะมีตา ตราบใดที่ไม่แทรกแซงขัดขวางทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของคนอื่น ผู้คนรอบข้างก็จะไม่ถูกทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปด้วย เพียงแต่หลังจากที่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมาแล้ว คนรอบข้างจะโดนลูกหลงไปด้วยไหมนั้น ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่สวรรค์จะสนใจ
เพราะงั้นเมื่อใดที่มีใครบางคนกำลังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ผู้คนโดยรอบก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงออกจากรัศมี
นอกจากว่าจอมยุทธที่รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เป็นนิรันดร์ระดับโลกียิพพาน แต่คนรอบข้างเป็นนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณ ในกรณีเช่นนี้ต่อให้ยืนอยู่ใกล้ก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่ประเด็นก็คือหลิงฮันกับจักรพรรดินีนั้น มีศักยภาพที่ใกล้เคียงกับจักรพรรดิเป็นอย่างมาก เพราะงั้นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในระดับสี่นิพพานของทั้งสอง จึงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ซีเหมินต้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพยายามพาสตรีข้างกายทั้งสอง หลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
“บัดซับ นี่พวกเจ้าจงใจสินะ!” หลังจากหลบมายืนอยู่ในรัศมีที่ปลอดภัยแล้ว ซีเหมินต้าก็ชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า และสบถออกมา
เพียงแต่ว่าทันทีที่สายตาของเขามองไปที่จักรพรรดินี ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความตกตะลึง
ไม่จริง… ในโลกนี้มีสตรี้ที่งดงามขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร!
“หืม หมอนั่นมัน!” เขามองไปที่หลิงฮันด้วยท่าทีหวาดผวา
“นั่นมันบุรุษที่โค่นจ้าวจิงงงเฟิงลงได้!” จู่ๆร่างกายของเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือก และใบหน้ากลายเป็นซีดเผือด
ตระกูลชีเหมินคือขุมอำนาจทรงพลัง ที่มีประมุขเป็นตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ตระกูลเขาพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นขุมอำนาจที่สำคัญอะไรนัก
ในช่วงนี้ขุมอำนาจทรงพลังที่สนใจหลิงฮันนั้นมีอยู่มากมาย บ้างก็ต้องการรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์ หรือไม่ก็ต้องการไปเป็นบุตรเขย กล่าวคือหลิงฮันในตอนนี้ คือบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก
ด้วยเหตุนนี้การจะล่วงเกินหลิงฮัน จึงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเท่าไหร่
ถึงแม้ชีเหมินต้าจะเป็นพวกบ้าตัณหา แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
“ตระกูลชีเหมินเองก็ต้องการตัวเขาเช่นกัน แต่จะให้ไปแข่งขันกันขุมอำนาจที่ทรงพลังอื่นๆก็คงเป็นไปไม่ได้” ชีเหมินต้าครุ่นคิด “เพียงแต่จากเหตุการณ์ในวันนี้ ถือว่าเขาติดหนี้ข้าแล้ว ซึ่งข้าสามารถใช้โอกาสนี้สร้างสายสัมพันธ์กับเขาได้!”
เขามองไปยังหลิงฮันกับจักรพรรดินี และรอให้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของทั้งคู่สิ้นสุด
แต่ยิ่งมองนานเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเปลี่ยนไป
นั่นใช่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของระดับสี่นิพพานจริงๆรึ?
เมื่อตอนนี้เขาทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์สี่นิพพาน ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเขาไม่ได้มีพลังทำลายล้างที่ทรงพลังเช่นนี้… ไม่สิ หากเทียบพลังทำลายล้างกันแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเขานั้น เทียบไม่ติดเลยแม้แต่หนึ่งในหมื่น
สมกับเป็นบุรุษที่โค่นจ้าวชิงเฟิงลงได้!
เดี๋ยวก่อน ถ้าแค่หลิงฮันก็ว่าไปอย่าง แต่เหตุใดแม้แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของสตรีผู้นั้น ก็น่าสะพรึงกลัวเหมือนกัน?
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คือเกณฑ์สำหรับวัดศักยภาพของจอมยุทธที่แม่นยำที่สุด ยิ่งทัณฑ์สายฟาสวรรค์รุนแรง ก็หมายความว่าจอมยุทธผู้นั้นทรงพลัง
สัตว์ประหลาด… สัตว์ประหลาดสองตัว!
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวัน ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็จบลง และเมฆสายฟ้าก็ค่อยๆสลายไป หลิงฮันกับจักรพรรดินีล่อนลงสู่พื้น และมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
ความแข็งแกร่งของหลิงฮันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก กายหยาบของเขาในตอนนี้ ถูกขัดเกลาจนมีความทนทานเทียบเท่าแร่โลหะกึ่งนิรันดร์สามดาว ถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ จะยังเทียบกับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณไม่ได้ แต่ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณก็สังหารเขาไม่ได้ง่ายๆเช่นกัน
ต่อให้ตัวตนระดับนั้นหล่อหลอมเขาด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ก็ต้องใช้เวลายาวนานนับปี
ตอนนี้หากพูดถึงจ้าวชิงเฟิงล่ะก็ หลิงฮันมั่นใจว่าเขาจะสามารถสังหารอีกฝ่าย ได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า!
ถูกแล้ว…ไม่ใช่เอาชนะ แต่เป็นสังหาร
หลิงฮันมองไปยังชีเหมินต้าและยิ้ม “สหาย ข้าขออภัยด้วยที่มารบกวนเจ้า พอดีข้าคิดว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่! ข้าเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรด้วย” ชีเหมินต้าหัวเราะ “ข้ายังไม่ได้ยินดีกับนายน้อยหลิงเลยที่ทะลวงผ่านขั้นพลังสำเร็จ ทีนี้นายน้อยหลิงฮันจะบรรลุเป็นตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณตอนไหน ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ารู้จักข้าด้วยรึ?”
“ในเมืองวิถีโอสถตอนนี้ ใครบ้างจะไม่รู้จักนายน้อยหลิง?” ชีเหมินต้ากล่าว แน่นอนว่าคำพูดของเขาดูจะเกินจริงไปมาก แต่ที่เขาจงใจพูดแบบนี้ออกมา ก็เพราต้องการเยินยอหลิงฮัน
อย่างน้อยจักรพรรดินีที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจ การที่คนอื่นมาชื่นชม เคารพ หรือหวั่นเกรงนางนั้น นางไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับคำพูดชื่นชมหลิงฮันนั้น นางได้ยินแล้วรู้สึกดีเป็นอย่างมาก
หลิงฮันยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหลงระเริงเพราะคำพูดเยินยอของอีกฝ่าย แต่เขาก็คิดว่าการนับอีกฝ่ายเป็นสหายก็ไม่เลว
“นายน้อยหลิงจะว่าอย่างไร หากข้าจะชวนท่านมาฉลองที่ตระกูลชีเหมิน?” ชีเหมินต้ากล่าว
หลิงฮันส่ายหัว “คงทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีก แต่ตอนนี้ข้าพักอาศัยอยู่ในที่พักของหลู่เซียนหมิง เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
“ได้เลย! ได้แน่นอน!” ชีเหมินต้าที่ผิดหวังในประโยคแรก เมื่อได้ยินประโยคต่อมา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและรีบพยักหน้า
หลิงฮันยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะจับมือจักรพรรดินีและกลับที่พักของหลู่เซียนหมิง
หลู่เซียนหมิงที่ได้ยินว่าหลิงฮันออกจากการเก็บตัวแล้ว ก็แสดงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด เขาคิดว่ากว่าหลิงฮันจะทะลวงผ่านขั้นพลังสำเร็จ เขาต้องรอไปอีกหลายหมื่นปีเสียอีก แต่นี่เวลาผ่านไปแค่สองเดือน หลิงฮันกลับทะลวงทะลวงผ่านขั้นพลังสำเร็จแล้ว!
สัตว์ประหลาด!
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมจ้าวชิงเฟิงถึงได้พ่ายแพ้ หลิงฮันผู้นี้มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่น่าอัศจรรย์เกินพรรณนาอย่างแท้จริง โชคดีที่สถานะของเขาคือนักปรุงยา ไม่เช่นนั้นศักยภาพของหลิงฮัน อาจจะสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้
หลู่เซียนหมิงต้องการจัดงานฉลองให้หลิงฮันแต่ก็ถูกปฏิเสธ หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลา เนื่องจากต้องการบรรลุเป็นนักปรุงยาระดับนิรันดร์ให้เร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้มีปรมาจารย์ที่ทรงพลังมากมายมาหาหลิงฮัน เพื่อที่จะยื่นข้อเสนอรับเขาเข้าตระกูล แต่เมื่อมาถึงและเห็นว่าหลิงฮันเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ พวกเขาก็ต้องยอมรอคอยอย่างไม่มีทางเลือก ปรมาจารย์บางคนถึงขนาดแสดงความไม่พอใจออกมา ‘เจ้าเป็นเพียงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานตัวจ้อยแท้ๆ แต่ข้ากลับต้องมารอเจ้างั้นรึ?’ ช่างอวดดีนัก
เพียงแต่เมื่อได้รับข่าวว่าหลิงฮันทะลวงผ่านระดับสี่นิพพานสำเร็จภายในเวลาสองเดือน ความเกรี้ยวกราดของปรมาจารย์เหล่านั้นก็หายไปทันที
อัจฉริยะ! เป็นพรสวรรค์น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้!
พวกเขารีบกลับไปทบทวนแผนการดึงตัวหลิงฮัน โดยเพิ่มข้อเสนอที่เย้ายวนใจยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนี้ หลิงฮันไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย เขาพยายามหลอมเม็ดยาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย อยู่ภายในห้องบ่มเพาะกาลเวลา
ในอาณาเขตที่สี่ของเมือง ประสิทธิภาพของห้องเร่งเวลานั้นมีตั้งแต่ยี่สิบเท่าจนถึงสามสิบเท่า แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็ขูดเลือดขูดเนื้อไม่แพ้กัน ห้องเร่งเวลาสามสิบเท่านั้น มีค่าใช้จ่าต่อวันอยู่ที่สามหมื่นศิลาดวงดาว! ต่อให้ผู้คนจากอาณาเขตแรกมาที่นี่ คนที่สามารถใช้งานห้องเร่งเวลาได้ ก็คงมีเพียงหยิบมือเท่านั้น
หลิงฮันเช่าห้องบ่มเพาะกาลเวลาสามสิบเท่าเป็นเวลาสิบวัน
ระยะเวลาสิบวัน หลังจากที่เร่งเวลาแล้วก็จะเท่ากับสามร้อยวัน ซึ่งเวลาเท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้ว ที่เขาจะหลอมเม็ดยาเตาแรกได้สำเร็จ
หลังจากหลอมเม็ดยาล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้ง ในวันที่ห้าของโลกภายใน และเป็นเวลากว่าร้อยห้าสิบวันในห้องเร่งเวลา ในที่สุดหลิงฮันก็เผยสีหน้าดีใจ เนื่องจากเขาใกล้จะหลอมเม็ดยาชุดแรกสำเร็จแล้ว
“อั่ก!” เพียงแต่ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา และลมตึงลงกับพื้น ‘ตูม’ พร้อมกันนั้น เตาหลอมที่สูญเสียการควบคุมก็เกิดการระเบิด
ตอนที่ 1877 คำสาปทำงาน
ที่หน้าผากของหลิงฮัน มีเส้นเลือดปูดบวมออกมา และรู้สึกเจ็บปวดเกินจะพรรณนา
คำสาปอสูรทมิฬอาฆาตกำลังออกฤทธิ์!
ถึงเวลาระยะเวลาในโลกจริงจะยังไม่ถึงกำหนดหนึ่งปี แต่เวลาที่หลิงฮันใช้ในห้องเร่งเวลานั้น ผ่านไปครบปีแล้ว
เนื่องจากไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น หลิงฮันจึงเผลอปล่อยมือออกจากการควบคุมเตาหลอม ทำให้เตาหลอมเกิดการระเบิด
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องนั้น หลิงฮันกัดฟันพยุงตัวขึ้นมานั่ง และอดทนต่อความเจ็บปวดจากคำสาปอสูรทมิฬอาฆาต
ตามร่างกายของเขา ลวดลายสีดำสนิทค่อยปรากฏออกมา และเผยแพร่ความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
หลิงฮันกัดฟันจ้องสำรวจคำสาปอสูรทมิฬอาฆาต
อย่างที่รู้ว่าคำสาปนี้เกิดจากพลังอำนาจของตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่นิรันดร์ทั่วไปจะสามารถตรวจสอบคำสาปได้ ความเจ็บปวดจากคำสาปจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย จนเจ้าของร่างจะรับรู้เพียงความรู้สึกทรมานอันแสนยาวนาน และลืมสนใจตรวจสอบคำสาป
เพียงแต่ด้วยความมุมานะอันแรงกล้า หลิงฮันได้ฝืนอดกลั้นความเจ็บปวด และตรวจสอบคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตอย่างละเอียด จนรับรู้ได้ว่า ตราบใดที่พลังของเขาสูงขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง เขาจะสามารถถอนคำสาปภายในร่างนี้ได้ด้วยตัวเอง
ความเจ็บปวดจากคำสาปคงสภาพอยู่เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนจะหายไป ทั่วร่างของหลิงฮันในตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ จิตวิญญาณของเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงมาก แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ จิตวิญญาณที่อ่อนแรงของเขาถูกขัดเกลาให้มั่นคงขึ้น
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม อสูรเฒ่าเงาโลหิตผู้นั้นคงคาดไม่ถึงเป็นแน่ ว่าคำสาปที่ตนเองประทับเอาไว้ เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้หลิงฮันไม่หลงลืมภารกิจ จะกลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยขัดเกลาจิตวิญญาณของหลิงฮัน ผ่านความทุกข์ทรมานแทน
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ยังไม่ชื่นชอบวิธีการของอสูรเฒ่าผู้นี้อยู่ดี
เมื่อไหร่ที่เขาแข็งแกร่งพอ เขาขอสาบานเลยว่าจะต้องเด็ดหัวสุนัขเฒ่าบัดซบตนนี้ให้ได้!
หลิงฮันพักผ่อนเป็นเวลาสิบวัน เมื่อสภาพจิตวิญญาณฟื้นฟูกลับมา เขาก็ทำการหลอมเม็ดยาต่อ
ระยะเวลาภายในห้องบ่มเพาะกาลเวลาผ่านไปอีกสองเดือน สีหน้าของหลิงฮันค่อยๆเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นก่อนจะคำรามเสียงดัง ‘ตูม’ เตาหลอมเกิดการระเบิดอีกครั้ง พร้อมกับเม็ดยาสามเม็ดที่ลอยออกมา ในครั้งนี้เตาหลอมไม่ได้ระเบิดเอง แต่มันถูกหลิงฮันทำลาย
‘พรึบ’ เม็ดยาทรงกลมทั้งสามลอยไปมากลางอากาศและพยายามหนีขึ้นฟ้า แต่เนื่องจากห้องเร่งเวลาเป็นสถานที่ปิดตาย พวกมันจึงไม่อาจหนีไปไหนได้
หลิงฮันหัวเราะและเอื้อมมือออกไปคว้าเม็ดยาทั้งสามมาไว้ในมือ
หลอมเม็ดยาสำเร็จ!
เม็ดยาทั้งสามนี้คือเม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณ คุณสมบัติของมันคือ ช่วยในการข่มจิตวิญญาณ ของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
การบ่มเพาะพลังนั้น จอมยุทธจะต้องทำการเชื่อมสัมผัสกับอำนาจแห่งเต๋า เพียงแต่ว่าอำนาจแห่งเต๋านั้นยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต ซึ่งจิตวิญญาณของจอมยุทธอาจจะหลงทางอยู่ใน อำนาจแห่งเต๋าอันกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างง่าย เม็ดยาเม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณจึงมีเอาไว้เพื่อไม่ให้ จอมยุทธหลงทางและสูญเสียความเป็นตัวเองไป
การหลอมเม็ดยานั้น มีการใช้ปริมาณสมุนไพรนิรันดร์ที่ต่างกัน และทักษะของนักปรุงยาก็ไม่เหมือนกันด้วย เพราะงั้นเม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ ซึ่งก็คือระดับต่ำ กลาง สูง และสูงสุด
“เม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณของข้า น่าจะถูกจัดอยู่ในเม็ดยาระดับกลาง” หลิงฮันกล่าวประเมิน
“หลอมเม็ดยาสำเร็จครั้งแรกก็ได้เม็ดยาระดับกลางแล้ว ข้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ” หลิงฮันกล่าวด้วยความภูมิใจ
หลิงฮันสัมผัสสวรรค์ของตนเองเป็นดาบ และสลักอักษร ‘ฮัน’ ลงไปบนเม็ดยา
นักปรุงยาทุกคนจะสลักสัญลักษณ์ของตนเองลงไว้ที่ผลงาน ถึงแม้เม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณสามเม็ดนี้จะไม่ใช่ผลงานที่น่าภาคภูมิใจ แต่ก็เป็นเม็ดยาชุดแรกที่เขาหลอมสำเร็จ
ควรค่าแก่การจดจำมันเอาไว้
เนื่องจากระยะเวลาภายนอกยังไม่ถึงสิบวัน หลิงฮันจึงใช้เวลาที่เหลือหลอมเม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณเพิ่ม ในครั้งนี้คุณภาพของเม็ดยาไม่ได้เพิ่มขึ้น และยังอยู่ในระดับกลางเหมือนเดิม
ต่อให้จักรพรรดิปรุงยาเช่นเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มคุณภาพเม็ดยาให้สูงขึ้น ในการหลอมครั้งเดียว
เมื่อเวลาของห้องบ่มเพาะกาลเวลาสิ้นสุด หลิงฮันก็มุ่งหน้ากลับสู่ที่พักของหลู่เซียนหมิง ในเวลานี้ มีตัวแทนจากขุมอำนาจที่ทรงพลังมากมายหลายสิบคน มายืนรอเขาอยู่
บางขุมอำนาจต้องการรับเขาเป็นศิษย์ ในขณะที่บางขุมอำนาจต้องการรับเขาเป็นบุตรเขย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหลิงฮันก็ปฏิเสธไปทั้งหมด
ช่างน่าขันยิ่งนัก คนเหล่านี้กำลังดูถูกเขาอยู่รึไงกัน? เป้าหมายของเขาคือการเป็นผู้ปกครองเมืองวิถีโอสถในอนาคตต่างหาก!
เมื่อเห็นว่าหลิงฮันปฏิเสธคำเชิญของทุกคน หลู่เซียนหมิงก็คิดไปเองว่าที่หลิงฮันทำเช่นนี้ก็เพื่อเขา เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หลิงฮ่นไถ่ถามข้อมูล และได้รู้ว่าในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ การจะเป็นนักปรุงยาได้นั้น จำเป็นต้องไปรับการตรวจสอบคุณสมบัติที่วิหารนักปรุงยาเสียก่อน
ระดับของนักปรุงยานั้นเริ่มจาก ผู้ช่วยนักปรุงยาแรกเริ่ม ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลาง ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูง และหลังจากนั้นถึงจะเป็นรักปรุงยาหนึ่งดาว
คุณสมบัติในการเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูง คือต้องหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบให้ได้
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้เขาก็สามารถ เป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงได้แล้วนี่เอง แต่ก็ช่างมัน ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เขาสามารถเริ่มต้นจากการเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้ ซึ่งสถานะของเขาก็จะยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
เขาออกเดินทางไปยังวิหารนักปรุงยาเพื่อรับการทดสอบ
ครั้งนี้หลิงฮันต้องเพียงแค่ต้องการสถานะนักปรุงยาเท่านั้น เขาจึงไม่ได้พาจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะไปด้วย เพราะไม่ต้องการทำตัวโดดเด่น
ด้วยการที่ไม่เสียเวลาเต็ดเตร่อยู่ข้างทาง เวลาผ่านไปไม่นานหลิงฮันก็มาถึงวิหารนักปรุงยา วิหารแห่งนี้ทั้งใหญ่โตและดูอย่างเกรงขามเป็นอย่างมาก สิ่งก่อสร้างของวิหารกลืนกินพื้นที่รอบด้านไปหลายหมื่นไมล์ แถมยังสูงเกินพรรณนา
ที่แห่งนี้เป็นเพียงหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองวิถีโอสถเท่านั้น หากเป็นวิหารนักปรุงยาในอาณาเขตที่ห้าล่ะก็ ความน่าเกรงขามของมันจะมีมากกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า
หลิงฮันยืนและแหงนมองวิหารอันสูงลิบลิ่ว
บรรไดที่ใช้เดินขึ้นวิหารในแต่ละขั้นนั้น เรียงยาวต่อกันไปร้อยฟุต แถมยังถูกเคลือบเอาไว้ด้วยแร่หยกที่ส่องประกายงดงาม
“หลิงฮัน!” แต่ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา เมื่อแหงนมองขึ้นไปจะพบเห็นรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่บนบรรได และมองลงมายังหลิงฮันด้วยแววตาที่ดูเหมือนตนเองสูงส่งกว่า รุ่นเยาว์ผู้นี้ก้าวเดินลงบรรไดมาและกล่าว “ข้าคือชวีข่าน”
ชวีข่านคือหนึ่งในผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ
แต่ถึงอย่างนั้น เหตุใดเขาถึงปรากฏตัวขวางทางหลิงฮันกันแน่?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น