Alchemy Emperor of the Divine Dao 1873-1874

ตอนที่ 1873 พลังทำลายที่น่าสะพรึง

 

หลิงฮันคำรามและกวัดแกว่งดาบอสูรนิรันดร์ เข้าปะทะกับจ้าวชิงเฟิงอย่างไม่หวั่นเกรง


ผู้สืบทอดราชานิรันดร์บางคนที่ยังไม่จากไป เมื่อได้เห็นการปะทะกันของทั้งสองคน ก็ทดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่


ถึงแม้พวกเขาจะมีศักยภาพระดับราชาในหมู่ราชาเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับหลิงฮันและจ้าวชิงเฟิงแล้ว พวกเขารู้สึกว่าตนเองอยู่ในระดับที่ต่างชั้นออกไปอย่างสิ้นเชิง


ที่พวกเขารู้สึกยอมรับไม่ได้ยิ่งกว่าก็คือ พลังของทั้งสองคนนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของระดับโลกียนิพพาน


ประการแรกเลยคือ หลิงฮันนั้นยังเป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานสูงสุดเท่านั้น เมื่อใดที่เขาบรรลุสู่ระดับสี่นิพพาน พลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นกว่านี้หลายเท่าตัวแน่นอน


ประการที่สองคือ เหนือกว่าสองคนนี้ยังมีขุนเขาคงกระพันที่ไม่อาจถูกทำให้สั่นคลอนอยู่อีก


Anchor


เอี๋ยนเซียนลู่!


คะ… คนผู้นี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?


หลิงฮันลงมือบุก เขาโคจรทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทาน และทำการโจมตีด้วยทักษะระดับนิรันดร์มากมาย ด้วยแขนทั้งหมดข้าง


“ก็แค่ทักษะอ่อนหัด!” จ้างชิงเฟิงเค้นเสียงดูถูก ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ แต่จากจำนวนผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั้งหมด พลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าผู้สืบทอดเหล่านั้นเกินกว่าเก้าในสิบส่วน แถมเขายังเชี่ยวชาญทักษะระดับนิรันดร์มากมายอีกด้วย เขาโคจรทักษะนิรันดร์ทักษะหนึ่ง เพื่อทำการขยายร่างของตนเองให้ใหญ่กว่าเดิมสิบเท่า และใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบย่ำหลิงฮัน


“ทักษะของข้าอ่อนหัดงั้นรึ?” หลิงฮันแสยะยิ้ม ก่อนจะผลักฝ่ามือออกไปข้างหนึ่ง “มิติเอกเทศ”


ร่างขนาดใหญ่ของจ้าวชิงเฟิงถูกทำให้หายไปในพริบตา แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างของอีกฝ่ายก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง


‘ฟุบ’ หลิงฮันที่รอโอกาสอยู่ ปล่อยหมัดอันทรงพลังเข้าใส่ใบหน้าของจ้าวชิงเฟิง


“ฮึ่ม!” จ้าวชิงเฟิงไม่ตื่นตระหนก เส้นผมสีดำของเขาสยายออก และแปรสภาพกลายเป็นดาบแหลมคมทิ่มเข้าใส่ดวงตาซ้ายของหลิงฮัน


หลิงฮันไม่หลบหลีกการโจมตีที่สวนกลับมา เขาหลับตาซ้ายและเบี่ยงหน้าเล็กน้อย โดยยังคงปล่อยหมัดออกไป


ตูม!


ทั้งหมัดและดาบเส้นผม ต่างปะทะโดนเป้าหมายทั้งคู่


จ้าวชิงเฟิงโดนการโจมตีของหลิงฮันเป็นครั้งแรก ภายใต้คลื่นพลังอันรุนแรงของหมัด ร่างของเขาเดินกระโพลกกระเพลกถอยหลังไปหลายสิบเก้า


ที่บริเวณใบหน้าของเขาปรากฏหลุมรูปทรงหมัด ที่น่าแปลกประหลาดก็คือผิวหนังของเขานั้นไม่เกิดการฉีกขาด หรือมีโลหิตไหลออกมา แต่ปรากฏเป็นหลุมราวกับโลหะที่ถูกทุบจนเกิดรอยบุ๋มแทน


สมกับเป็นแก่นกำเนิดนิรันดร์ทองสัมฤทธิ์ พลังป้องกันไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ


ในขณะเดียวกัน ทางด้านของหลิงฮันที่โดนดาบเส้นผมเฉือนเข้าที่ใบหน้านั้น ปลายดาบไม่สามารถทิ่มผ่านผิวหนังของเขาได้อย่างสมบูรณ์ และปรากฏเพียงแค่รอยขีดข่วนจากบริเวณขอบตาจนถึงมุมปาก ซึ่งมีโลหิตซึมออกมาเล็กน้อย


หลิงฮันยกมือขึ้นปาดโลหิตพร้อมกับโคจรทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เพียงชั่วพริบตารอยขีดข่วนบนใบหน้าของเขาก็จางหายไป


การแลกเปลี่ยนกระบวนท่าในครั้งนี้… ไม่สามารถบอกได้ว่าฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายเหนือกว่า


“ข้ายิ่งอยากจะสังหารเจ้ามากขึ้นไปอีก!” จ้าวชิงเฟิงกล่าวในขณะที่รอยยุบบนใบหน้าของเขา ค่อยๆนูนกลับมาสู่สภาพเดิม แต่ก็ยังคงมีรอยหมัดเหลือทิ้งเอาไว้


เห็นได้ชัดว่าพลังป้องกันของเขา ไม่สามารถเทียบกับหลิงฮันได้


ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก อย่างแรกเลยคือพลังป้องกันของแก่นกำเนิดนิรันดร์ จะนำมาเทียบกับคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ได้อย่างไร? อย่างที่สองคือแก่นกำเนิดนิรันดร์ทองสัมฤทธิ์ มีความสามารถโดดเด่นในด้านโจมตีมากกว่าป้องกัน และอย่างที่สามคือพลังบ่มเพาะของเขานั้นเหนือกว่าหลิงฮัน ถ้าหากเป็นระดับพลังที่เท่ากันล่ะก็ รอยยุบเมื่อครู่จะไม่มีทางฟื้นคืนสภาพกลับมาได้ง่ายๆแน่นอน


หลิงฮันสูดหายใจลึกและยอมรับว่า ตั้งแต่ที่เข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนมา จ้าวชิงเฟิงผู้นี้คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยบพบเจอ


“เข้ามา!” จิตวิญญาณสู้รบของหลิงฮันเดือดพล่าน เขามั่นใจว่าหลังจากสิ้นสุดการประลองในครั้งนี้ ระดับพลังของเขาจะยกระดับขึ้นสู่ขั้นใหม่อย่างแน่นอน


“ข้าจะส่งเจ้าลงประตูยมโลกให้เอง!” จ้าวชิงเฟิงยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและผลักมือซ้ายออกมาด้านหน้า


‘พรึบ’ ที่ฝ่ามือของเขาถูกปกคลุมไปด้วยปราณพิฆาตนับไม่ถ้วน โดยที่ปราณพิฆาตเหล่านั้นค่อยๆถูกควบแน่นรวมกันจนกลายเป็นรูปร่างมนุษย์ โดยที่มนุษย์ที่ว่ามีรูปลักษณ์เหมือนกับจ้าวชิงเฟิงไม่มีผิดเพี้ยน แม้แต่ออร่าที่พรั่งพรูออกมาก็ไม่ต่างกัน


คราวนี้ผู้ชมที่มองดูอยู่รู้สึกหวาดผวาขึ้นมาอย่างแท้จริง เพียงแต่จ้าวชิงเฟิงคนเดียวก็ยากจะต่อกรแล้ว ถ้าหากจำนวนของจ้าวชิงเฟิงเพิ่มขึ้นมาเป็นสอง สาม สี่.. หรือหลายสิบคนล่ะก็ ในระดับโลกียนิพพานใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?


หลิงฮันหวาดสายตามอง แต่เพราะในปัจจุบันนี้เนตรแห่งสัจธรรมไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เขาจึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าในหมู่ร่างปราณพิฆาตเหล่านี้ ร่างไหนกันแน่ที่เป็นร่างจริง แต่ถึงอย่างเขาก็ไม่คิดมาก เพราะเขาเชื่อว่ากายหยาบของเขานั้นไร้เทียมทานที่สุดในระดับโลกีนิพพาน


ต่อให้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน แต่ตราบใดที่เขาบรรลุเป็นนิรันดร์สี่นิพพานแล้ว กายหยาบของเขาก็แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีได้ และถ้าหากเขาบรรลุเป็นระดับห้านิพพาน แม้แต่การโจมตีของระดับแบ่งแยกวิญญาณ เขาก็สามารถเมินเฉยได้อย่างสมบูรณ์


เพราะงั้นเชิญเจ้าบุกเข้ามาเลย!


จ้าวชิงเฟิงสร้างร่างแยกมาทั้งหมดเก้าสิบเก้าร่าง เมื่อรวมกับร่างหลักของเขาแล้ว จำนวนของจ้าวชิงเฟิงจึงมีถึงหนึ่งร้อยร่าง


จ้าวชิงเฟิงหัวเราะและชี้ดาบมายังหลิงฮัน ร่างแยกทั้งเก้าสิบเก้าร่างเองก็เคลื่อนไหวเหมือนกับและพร้อมเพรียงกัน


“คมดาบพิฆาต!” เขาพุ่งทะยานกวัดแกว่งดาบเข้าใส่หลิงฮัน ร่างแยกทั้งเก้าสิบเก้าเองก็เช่นกัน อำนาจแห่งเต๋าของธาตุทองคำเปล่งประกายแสงออกมาอย่างไร้สิ้นสุด


การโจมตีครั้งนี้คือการโจมตีที่ผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร และทองคำเอาไว้อย่างเต็มพลัง


หลิงฮันยิ้มและผลักฝ่ามือออกไป ‘ครืนน’ คลื่นพลังอันเย็นยะเยือกของวารีพลังหยินเร้นลับหลั่งไหลออกมา


รัศมีหลายพันลี้ถูกแช่แข็งในพริบตา!


‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ คลื่นพลังเย็นยะเยือกแพร่กระจายไปถึงค่ายกลอาคมป้องกัน และค่อยๆแช่แข็งรูปแบบอาคมแต่ละส่วน


‘เพล๊ง’ รูปแบบอาคมที่ถูกแช่แข็งแตกออกเป็นเศษน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย และลบล้างพลังของค่ายกลบางส่วนได้อย่างไม่คาดฝัน!


เหล่าปรมาจารย์ที่ทรงพลังเปลี่ยนสีหน้าพร้อมกันทันใด


เจ้ามันสัตว์ประหลาด!


รูปแบบอาคมที่ติดตั้งเอาไว้นี้คือรูปแบบอาคมระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ แต่รุ่นเยาว์ระดับโลกียนิพพาน กลับสามารถทำลายเศษเสี้ยวพลังของมันได้? นี่มันหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ?


มันหมายความว่าหลิงฮันมีความสามารถที่จะสังหาร ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ได้!


แน่นอนว่านั่นหมายถึงในกรณีที่ ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ไม่ได้ทำการต่อต้านใดๆเลย และยอมให้หลิงฮันค่อยๆใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมอย่างช้าๆ


แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้ทางทฤษฎีเท่านั้น เนื่องจากเพียงแค่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้สะบัดมือลวกๆ หลิงฮันก็ถูกสังหารในพริบตาแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร เพียงแค่มีความสามารถที่จะสังหารได้ในทางทฤษฎี ก็ถือว่าเหนือจินตนาการเป็นอย่างมากแล้ว


พระเจ้า… เจ้าหนูนี่เป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกันแน่?

 

 

 


ตอนที่ 1874 การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด

 

ภายใต้อำนาจของออร่าอันเย็นยะเยือก ร่างแยกมากมายของจ้าวชิงเฟิงก็เคลื่อนที่ได้เชื่องช้าลงและถูกจำกัดความเคลื่อนไหว มีเพียงร่างหลักเท่านั้นที่ยังคงพุ่งทะยานโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน


หากเหล่าร่างแยกไม่สามารถโจมตีสนับสนุนได้ ทักษะนี้ก็ไม่น่ากลัวเลยสักนิด


‘ปัง’ หลิงฮันกวัดแกว่งดาบตอบโต้ การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกัน และจ้าวชิงเฟิงเป็นฝ่ายล่าถอยกลับไป


“หากจะวัดกันด้วยร่างแยกก็มา!” หลิงฮันเค้นเสียงพร้อมกับโคจรแก่นกำเนิดพลัง ‘พรึบ’ สัตว์อสูรสงครามทั้งสามปรากฏตัวออกมา จากภายในร่างของเขา


แก่นพลังเปลวเพลิงแปรสภาพกลายเป็นวิหคเพลิง แก่นพลังวารีแปรสภาพกลายเป็นมงกรฟ้า และแก่นพลังอสนีแปรสภาพกลายเป็นอาชาอสนี


เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรสงครามอีกสองตัวแล้ว ม้าอสนีมีขนาดตัวที่เล็กกว่ามาก เนื่องจากแก่นกำเนิดพลังอสนีของหลิงฮัน ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับเพลิงเก้าสวรรค์ และวารีพลังหยินเร้นลับได้


ทันทีที่สัตว์อสูรสงครามปรากฏตัว พวกมันก็ส่งเสียงคำราม และปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังที่สะท้านไปทั่วสวรรค์ชั้นฟ้า


“พระเจ้า!” ด้านบนแท่นผู้ชม ผู้คนมากมายยกมือกุมหัวตัวเอง โดยที่ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “สัตว์อสูรเหล่านั้นเป็นเพียงพลังของทักษะจริงๆรึ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า พวกมันแต่ละตัวมีพลังมากพอที่จะสังหารข้าได้เลย?”


“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน” ใครบางคนเอ่ย


เมื่อเห็นสัตว์อสูรสงครามทั้งสาม จอมยุทธระดับโลกียนิพพานอย่างน้อย เก้าในสิบส่วนก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา แม้แต่ราชาแห่งยุคเองก็ยังเผยสีหน้าไม่ยินยอม


พวกเขายังพอทำใจ หากไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันหรือจ้าวชิงเฟิง ที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดได้ แต่การที่กับแค่สัตว์อสูรจากทักษะก็ไม่สามารถเอาชนะได้นั้น พวกเขารู้สึกยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง


ในที่สุดจ้าวชิงเฟิงเผยสีหน้าหวาดระแวงออกมาเป็นครั้งแรก เขาเองก็รู้สึกว่าพลังของสัตว์อสูรทั้งสามคนนี้น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน


พวกมันน่าสะพรึงกลัวจนขนาดที่ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองอาจจะถูกสังหารได้


เพียงแต่ความหวาดระแวงนั่น ก็ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เขารู้สึกตื่นเต้นและอยากสังหารหลิงฮันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก


“ฮ่าๆๆ!” จ้าวชิงเฟิงหัวเราะลั่น ทั่วร่างของเขามีตราประทับแห่งเต๋าหลั่งไหลออกมาทีละน้อย พร้อมกับร่างแยกทั้งเก้าสิบเก้าร่าง ได้แปรสภาพกลับไปเป็นปราณพิฆาต และควบแน่นรวมกับใหม่เป็นมนุษย์ยักษ์


“ตาย!” เขาพุ่งทะยานโจมตีใส่หลิงฮัน ในขณะที่มนุษย์ยักษ์พุ่งจู่โจมสัตว์อสูรสงครามทั้งสาม


ตูม! ตูม! ตูม!


ตอนนี้การต่อสู้ได้แบ่งออกเป็นสองคู่ คู่แรกคือการต่อสู้ระหว่างหลิงฮันกับจ้าวชิงเฟิง ในขณะที่อีกคู่คือ การต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรสงครามทั้งสามกับมนุษย์ยักษ์


ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ของคู่ไหน ก็ล้วนแต่ดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง


“ข้าพบจุดอ่อนของเจ้าแล้ว!” จ้าวชิงเฟิงแสยะยิ้มและใช้ดาบทิ่มทะลวงเข้าใส่ร่างของหลิงฮันในส่วนที่ไม่มีกระดูก ซึ่งทำให้อวัยวะภายในของหลิงฮันได้รับบาดเจ็บ


หลังจากการปะทะอันยาวนาน เขาก็ตระหนักได้ว่ากระดูกของหลิงฮันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พลังของเขาจะสั่นคลอนได้ เพียงแต่ผิวหนังและกล้ามเนื้อนั้น ไม่ได้แข็งทนทานเหมือนกับกระดูก เพราะงั้นหากโจมตีไปยังส่วนนั้น เขาก็จะสามารถสร้างความบาดเจ็บให้อีกฝ่ายได้


หลิงฮันเค้นเสียงดูถูก หากกายหยาบที่ขัดเกลาด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะจุดอ่อนแบบนั้น มันจะเรียกว่าเป็นทักษะระดับราชานิรันดร์ได้อย่างไร?


“หลิงฮัน ข้าเบื่อจะเล่นกับเจ้าเต็มทีแล้ว!” จ้าวชิงเฟิงคำรามเสียดัง ก่อนที่ทั่วร่างของเขาจะระเบิดคลื่นแสงสีทองครามออกมา พลังต่อสู้และจิตวิญญาณของเขาถูกรีดเค้นจนถึงขีดสุด


สถานการณ์ในตอนนี้ต่างมีแต่ความไม่แน่นอน เพราะงั้นเขาจึงต้องรีบสังหารหลิงฮันให้จบโดยไว และทำการทะลวงผ่านขีดจำกัดของตนเอง


“เจตจำนงกระบี่สวรรค์!” จ้าวชิงเฟิงคำราม คลื่นแสงสีทองครามควบแน่นร่วมกันกลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่


‘ครืนน’ พริบตานั้นออร่าอันทรงพลังเกินพรรณนาก็พรั่งพรูไปทั่วพื้นที่ หลิงฮันพบว่าร่างกายของเขาไม่สามารถขยับเคลื่อนที่ไปไหนได้ ราวกับแรงกดดันจากทักษะกระบี่ของอีกฝ่าย เป็นคำสั่งอันเด็ดขาดของสวรรค์ที่ไม่อาจขัดขืน


“ตัวข้าคือเจตจำนงสวรรค์!” จ้าวชิงเฟิงกล่าวอย่างอาจหาญ พร้อมกับกระบี่ได้พุ่งทะลวงเข้าใส่หลิงฮัน


นี่คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดสองเขา จากการกระตุ้นใช้งานอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์


ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งเพียงใด ต่อหน้าเจตจำนงสวรรค์ ชะตากรรมของเจ้าก็มีเพียงความตาย!


เจตจำนงของหลิงฮันเดือดพล่าน พร้อมกับสลายแรงกดดันที่เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นพลังของทักษะกระบี่ที่พุ่งเข้ามาก็ยังถือว่าน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี พลังทำลายของมันเรียกได้ว่า อาจจะใกล้เคียงกับระดับแบ่งแยกวิญญาณเป็นอย่างมาก


แต่แล้วมันยังไง?


‘ตูม’ กระบี่ทองคำปะทะเข้ากับร่างของหลิงฮันอย่างไร้ความปรานี คลื่นพลังแห่งเต๋าและอำนาจนิรันดร์ผันผวนไปทั่วลานประลอง


“ไม่ได้การแล้ว!” หลู่เซียนหมิงลุกขึ้นยืนกะทันหัน ถึงแม้จะมีรูปแบบอาคมป้องกันของค่ายกลคอยคุ้มกันลานประลองอยู่ แต่จิตวิญญาณของเขาก็ยังได้รับผลกระทบจากทักษะกระบี่เจตจำนงสวรรค์ เพราะงั้นจนถึงตอนนี้ร่างของเขาก็นั่งแข็งค้าง และเข้าแทรกการประลองไม่ทัน


จบสิ้นแล้ว… หลิงฮันต้องตายอย่างแน่นอน


ซุนตงตื่นเต้นและโห่ร้องออกมา ในที่สุดเขาก็กำจัดมารรูทหารของเขาทิ้งได้เสียที


เฉิงเฟิงหยุนเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน เขาวิเคราะห์การประลองมาหลายต่อหลายวัน ในที่สุดวันที่เขาวิเคราะห์ถูกก็มาถึง เขารู้สึกดีใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา


ธิดาโร๋วและสตรีนกอมตะเผยสีหน้าหวาดผวา และสติหลุดลอยออกจากร่าง ขนาดเสียงโห่ร้องดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าในบริเวณแท่นผู้ชม พวกนางก็ยังไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย


สตรีนกอมตะไม่ได้มั่นใจในพลังของหลิงฮันอย่างหนักแน่นเหมือนกับจักพรรดินี เพราะหากเป็นจักรพรรดินีล่ะก็ นางคงไม่แสดงความกังวลออกมาแม้แต่นิดเดียว


เมื่อคลื่นผันผวนของอำนาจนิรันดร์และอำนาจแห่งเต๋าสลายไป สิ่งที่ทุกคนมองเห็นก็คือ ภาพของกระบี่ที่ยังคงคาอยู่ชิดลำคอของหลิงฮัน โดยที่ไม่สามารถเฉือนผ่านเนื้อหนังเข้าได้


คราวนี้แม้แต่จ้างชิงเฟิงก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้เหนือกว่าความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง


การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดด้วยแก่นกำเนิดนิรันดร์นั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์บางส่วนของราชานิรันดร์ผสานเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีที่ว่าก็ไม่อาจทะลวงผ่านคอของหลิงฮันได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกตกตะลึงมากขนาดนี้


เสียงโห่ร้องดั่งลั่นจู่ๆก็กลายเป็นเงียบเฉียบดั่งป่าช้า


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดหลิงฮันถึงยังไม่ตายกัน? ไม่ใช่เพียงแค่ไม่ตายเท่านั้น แต่ทำไมแม้แต่โลหิตสักหยดก็ไม่มีให้เห็น?


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นี่น่ะรึการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเจ้า? ก็แค่งั้นๆ!”


ในชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ เขาได้ทำการโคจรอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ด้วยพลังป้องกันอันไร้เทียมทานชั่วคราว อย่าว่าแต่จ้าวชิงเฟิงเลย ต่อให้เอี๋ยนเซียนลู่ที่แม้จะเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน ก็ไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้


“งั้นก็รับการโจมตีของข้าไปด้วย!” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับโคจรแก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิง คลื่นเพลิงร้อนระอุปะทุออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด และทำการระเบิดทั่วทั้งลานประลอง จนผู้ชมไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในได้


เมื่อคลื่นเปลวเพลิงสลายไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ในลานประลองก็คือ ร่างของชายชราสูงโปร่งที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน ในมือของเขากำลังถือร่างของใครบางคนอยู่


ร่างที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจ้าวชิงเฟิงที่หมดสติ แขนและขาของเขาห้อยชี้ลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สภาพของเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายกันแน่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)