Alchemy Emperor of the Divine Dao 1862-1863
ตอนที่ 1862 ระวังเท้าเอาไว้
ถึงแม้การจับกลุ่มกันจะเป็นการกระทำที่ไร้ยางอาย แต่ก็ไม่ได้ผิดกฎของการประลอง
รุ่นเยาว์ชุดฟ้ายิ้มอย่างหยิ่งผยอง เขาวางแผนจะใช้จำนวนคนที่มีมากกว่าในการเอาชนะการประลองครั้งนี้ ส่วนในการประลองครั้งต่อๆไป เขาก็จะใช้เงินต่อรองคู่ต่อสู้ เพื่อที่ตนเองจะได้ผ่านเข้ารอบไปถึงอาณาเขตที่สี่
เมื่อผ่านไปถึงการประลองรอบนั้นได้เขาก็ไม่สนใจชัยชนะอีกต่อไป เพราะแค่ผ่านเข้ารอบไปยังอาณาเขตที่สี่ได้ ชื่อเสียงของเขาก็เขาเป็นที่รู้จักมากพอแล้ว
“ช่วยกันจัดการพวกมันก่อนเลย!” เสียงของใครบางคนเอ่ยดังขึ้นมา
เมื่อผู้เข้าประลองคนอื่นๆในยิน พวกเขาก็เห็นพ้องกันทันที ถึงแม้กลุ่มของรุ่นเยาว์ชุดฟ้าจะมีกันอยู่สิบกว่าคน แต่คนที่อยู่บนลานประลองแห่งนี้นั้นมีมากกว่าหนึ่งร้อยคน ด้วยจำนวนหนึ่งร้อยต่อสิบ มีรึที่พวกเขาจะพ่ายแพ้?
“ลุย!”
ผู้เข้าประลองนับร้อยพุ่งทะยานล้อมรอบรุ่นเยาว์ชุดฟ้าเอาไว้
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าชะงักและแสดงสีหน้าโง่งม เขาไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลายมาเป็นแบบนี้!
ศัตรูมีจำนวนมากเป็นหลักร้อย เขาจะต้านทานไหวได้อย่างไร?
เมื่อผู้ชมมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนลานประลอง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เหตุการณ์พลิกผันแบบนี้ถือว่าหาดูได้ไม่บ่อยเท่าไหร่
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ กลุ่มคนสิบกว่าคนของรุ่นเยาว์ชุดฟ้า ถูกรุมทุบตีจนหมดสภาพอย่างรวดเร็ว พวกเขาสิบกว่าคนเป็นแค่จอมยุทธทั่วไปที่มารวมกลุ่มกันเท่านั้น เพราะงั้นจึงไม่มีความสามารถท้าทายสวรรค์ที่จะสามารถรับมือศัตรูนับร้อยไหว
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น โดยที่ไม่รู้ว่ามีเท้าของใครต่อใครบ้างที่ประเข้าที่ร่างกายของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยกมือขึ้นมากุมหัวเอาไว้ ซึ่งในจังหวะนั้นเอง เขาก็เหลือมองไปยังรุ่นเยาว์ผู้นี่กำลังยิ้มมาที่เขา
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที อีกฝ่ายจะต้องจงใจยิ้มเยาะเย้ยเขาเป็นแน่!
คอยก่อนเถอะ ข้าจะจำใบหน้าของเจ้าเอาไว้!
คนที่ยิ้มเมื่อครู่ไม่ใช่ใครคือนอกจากหลิงฮัน อันที่จริงเขาคิดจะทำให้การประลองในครั้งนี้จบลงแบบไม่เอิกเกริกแท้ๆ แต่ผู้ร่วมประลองทุกคนกับร่วมมือกันจัดการกลุ่มของรุ่นเยาว์ชุดฟ้าเสียได้
หลิงฮันสะบัดมือและยิ้ม “ไสหัวไปได้แล้ว”
‘พรึบ’ ร่างของรุ่นเยาว์ชุดฟ้าถูกพลักลอยกระเด็นออกจากลานประลอง ซึ่งตามกฎถือว่าหมดสิทธิประลองต่อแล้ว
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าฝืนคลานลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าฟกช้ำ “เจ้ากับข้าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้! ไม่มีใครเคยล่วงเกินซานเถี้ยนอู๋ผู้นี้แล้วมีชีวิตรอดไปได้!”
หลิงฮันขมวดคิ้ว ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ รู้แบบนี้เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงจากลานประลองไปง่ายๆ และทุบตีต่อไปอีกดีกว่า
เมื่อซานเถี้ยนอู๋หมดสิทธิประลอง ผู้ร่วมประลองอีกร้อยกว่าคนก็ส่งเสียงเฮดีใจ และกอดคอกันราวกับว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกันและกัน
“อ้ากก เจ้าแท่งข้า!” แต่ทันใดนั้นใครบางคนก็ร้องโอดครวญออกมา เนื่องจากคนที่เขากอดคอด้วย จู่ๆก็นำดาบออกมาแทงเอาไว้เอวของเขา โชคดีที่พลังชีวิตของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานนั้นแข็งแกร่งพอ และไม่มีทางตายง่ายๆ
“ก้นของข้า!” ผู้เข้าร่วมประลองอีกคนถูกเตะเข้าที่บั้นท้าย จนล่วงออกจากลานประลอง
จอมยุทธนับร้อยที่ส่งเสียงเฮเมื่อครู่ เปลี่ยนมาตะลุมบอนโจมตีใส่กันทันที
“เจ้าหนู จงพินาศไปซะ!” ชายวัยกลางคนผู้นี้หวัดแกว่งกระบี่ยักษ์พุ่งเข้ามาหาหลิงฮัน
“ระวังเท้าด้วย” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ว่าไงนะ?
ชายวัยกลางคนชะงักเล็กน้อย ข้าเป็นคนกวัดแกว่งดาบใส่เจ้าแท้ๆ แต่เจ้ากลับบอกให้ข้าระวังเท้างั้นรึ? หมายความว่าอย่างไร หัวของเจ้ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า?
เขาครุ่นคิดในใจแต่ก็ไม่ได้หยุดยั้งมือ กระบี่ยักษ์ถูกกวัดแกว่งเข้าใส่ลำคอของหลิงฮัน
เมื่อเห็นว่ากระบี่กำลังจะสัมผัสถึงคอหลิงฮันแล้ว ชายวัยกลางคนก็แสยะยิ้มออกมา
เพียงแต่ทันใดนั้นเอง ภาพที่เขาเห็นคือจู่ๆหลิงฮันก็ยกมือขึ้นมา และออกแรงปัดเบาๆโดยที่ไม่ได้ใช้ทักษะอะไร กระบี่ที่กำลังจะสัมผัสกับคอของอีกฝ่ายเกิดเบี่ยงทิศทางตวัดลงสู่พื้น
ซึ่งตอนนั้นเขาเผอิญยื่นเท้าซ้ายไปด้านหน้าพอดี ทำให้ปลายกระบี่ทิ่มแทงเข้าใส่เท้าซ้ายของเขาเต็มๆ
“อ้ากกก” ชายวัยกลางคนร้องโอดครวญ กระบี่ที่ทิ่มแทงเข้าใส่เท้านั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาผสานเอาไว้ด้วย ทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นมีโลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกมา
ที่ว่าระวังเท้าด้วย หมายความว่าแบบนี้เองหรอกรึ
เขาจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาแข็งค้าง พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ดั่งใจต้องการ!
ชายวัยกลางคนเหงื่อไหลท่วม โชคยังดีที่อีกฝ่ายเมตตา เล็งแค่ฝ่าเท้าแทนที่จะเป็นน้องชายของเขา
“ขอขอบคุณเจ้ามาก!” เขากล่าวประโยคทิ้งท้าย ก่อนจะออกไปจากลานประลอง
ที่บนแท่งที่นั่งคนดู ผู้ชมทุกคนต่างเผยสีหน้าประหลาดใจและรู้สึกขบขัน ในโลกมีคนแบบนี้อยู่ด้วยรึ? ตนเองเป็นคนลงมือและพลาดทำกระบี่ทิ่มใส่เท้าเองแท้ๆ แต่กลับกล่าวขอขอบคุณอีกฝ่ายและถอนตัว
“ฮ่าๆ นั่นเพราะรุ่นเยาว์ผู้นั้นแข็งแกร่งมากยังไงล่ะ อีกฝ่ายสามารถควบคุมกระบี่ของศัตรูได้ตามใจ เพราะงั้นชายผู้นั้นถึงได้ขอขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่สังหารเขา” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งอธิบาย
“โอ้ นั่นมันเฉิงเฟิงหยุน อัจฉริยะแห่งตระกูลเฉิง!”
“มีคำกล่าวว่าเขามีศักยภาพที่เกือบจะเทียบเคียงได้กับราชาแห่งยุค!”
“ใครเมื่อเขากล่าวว่ารุ่นเยาว์ผู้นั้นแข็งแกร่ง งั้นรุ่นเยาว์ผู้นั้นก็คงจะแข็งแกร่งจริงๆ!”
เหล่าผู้ชมบริเวณใกล้เคียงเริ่มซุบซิบคุยกัน ในขณะที่มีใครบางคนเอ่ยถามออกไปอย่างห้าวหาญ “นายน้อยเฉิง ทำไมท่านไม่เข้าร่วมการประลองด้วยล่ะ?”
เฉืงเฟิงหยุนกล่าวด้วยท่าทางองอาจ “ล้อเล่นรึไง การประลองในครั้งนี้จ้าวชิงเฟิงก็เข้าร่วมด้วย แม้แต่ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ถึงสามคนก็ยังถอนตัวเพราะเขา พวกเจ้าคิดว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน?”
ทุกคนที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ล้วนแต่มีโชคชะตา ที่ต้องถูกจ้าวชิงเฟิงเหยียบย่ำ เพราะงั้นทำไมเข้าจะต้องร่วมประลองเพื่อสร้างความอัปยศให้ตัวเองด้วย?
ชื่อเสียงของเขามีมากพออยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้การประลองครั้งนี้เพื่อเพิ่มพูนชื่อเสียงให้ตนเอง
“นายน้อยเฉิง ในความคิดของท่าน รุ่นเยาว์ผู้นั้นจะเอาชนะการประลองในกลุ่มนี้ได้รึไม่?” ใครบางคนเอ่ยถาม
เฉิงเฟิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว “ไม่มีทาง! ตอนนี้เขาเปิดเผยความสามารถออกมาแล้ว เพราะงั้นจะต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้ร่วมประลองคนอื่นแน่ แทบจะไม่มีทางเลยที่เขาจะเอาชนะการร่วมมือกัน ของผู้รวมประลองนับร้อยได้”
ตอนที่ 1863 ความแข็งแกร่งที่พลิกผันสถ...
หลังจากฟังคำอธิบายของเฉิงเฟิงหยุน ผู้ชมรอบๆเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
ดูอย่างซานเถี้ยนอู๋เป็นตัวอย่างก็ได้ เพราะอีกฝ่ายทำตัวโดดเด่นถึงได้กลายเป็นเป้าหมายของผู้เข้าร่วมประลองจำนับร้อย และถูกผลักออกจากลานประลองจยหมดสิทธิอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ผู้เข้าร่วมที่ยังเหลือจะมีแค่ราวๆหกสิบคน แต่หลิงฮันเพียงคนเดียว ย่อมไม่สามารถรับมือไหวแน่นอน
เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ หลังจากเห็นพลังของหลิงฮัน ผู้เข้าร่วมประลองรอบกายเขา ก็จดจ้องเขาด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมราวกับหมาป่า
ต้องร่วมมือกันจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน เพื่อที่คนอ่อนแอจะได้มีโอกาสคว้าชัยชนะ
ในเมื่อเจ้าเผยพลังออกมาเอง พวกข้าก็จะจัดการเจ้าเป็นคนแรก
ผู้เข้าร่วมหกสิบคนขยับเข้ามาล้อมหลิงฮันเป็นวงกลม แทบจะทุกคนกวัดแกว่งอาวุธในมือ และควบแน่นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เชื่อมต่อกับอำนาจแห่งเต๋า คลื่นแสงแห่งเต๋าจำนวนมากส่องประกายขึ้นสู่ท้องฟ้า จนเกิดเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์
หลิงฮันยิ้ม “ระวังเท้าด้วย”
ประโยคนี้อีกแล้วรึ?
ชายวัยกลางคนที่ยังไม่ได้ไปไหนไกลแทบจะสะดุดล้มลงกับพื้น เขามีความหลังอันน่าหวาดกลัวกับประโยคนี้
“จัดการ!” จอมยุทธทั้งหกสิบกว่าคนลงมือโจมตีจากรอบทิศทาง
ใครกันจะต้านทานการโจมตีขนาดนี้ไหว?
หลิงฮันยื่นมือออกไปและออกแรงผลักเล็กน้อย ทันใดนั้นจอมยุทธทุกคนก็รู้สึกราวกับร่างกายของตนเองหนักหน่วง จนต้องทรุดตัวลงกับพื้นและไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ต่อมานั้นเอง อาวุธในมือของพวกเขาก็หลุดออกจากมือ และทิ่มเข้าใส่เท้าของพวกเขาแต่ละคน
“อ้ากกก!” เสียงคำรามของจอมยุทธมากมายดังลั่นไปทั่วบริเวณ ไม่ใช่แค่จอมยุทธที่มีอาวุธเท่านั้น ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ที่บริเวณฝ่าเท้าของพวกเขาก็มีแท่งหนามน้ำแข็งปรากฏขึ้นมา และทิ่มฝ่าเท้าของพวกเขาจนเป็นรู
เหตุการณ์ที่ผ่านๆมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมจำนวนมากเท่าไหร่ เพราะอย่างไรการประลองก็ถูกจัดขึ้นพร้อมกันหลายลานประลอง
แต่เมื่อมีเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นพร้อมกันมากมาย ลานประลองของหลิงฮันก็ดึงดูดความสนใจ ของผู้คนจำนวนมากในที่สุด
บรรยากาศในบริเวณแท่นผู้ชมที่เฉิงเฟิงหยุนนั่งอยู่กลายเป็นเงียบสงัด ผู้ชมมากมายรอบๆเขาพยายามกลั้นไม่ให้ส่งเสียงหัวเราะ
เมื่อครู่เจ้าบอกสินะว่าคนที่ทำตัวโดดเด่นเกินไป จะตกเป็นเป้าหมายและพ่ายแพ้ในทันที แล้วผลลัพธ์ของสถานการณ์ที่พลิกผันแบบนี้ล่ะเจ้าจะว่าอย่างไร?
ใบหน้าของเฉิงเฟิงหยุนกลายเป็นมืดมนจากความอับอาย และเค้นเสียงกล่าวอย่างรวดเร็ว “ต่อให้เขาจะเอาชนะการประลองของลานประลองนี้ไปได้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะไปต่อได้ไกลนัก เพื่อที่จะได้เม็ดยาเสริมรากฐานมาครอง การประลองในครั้งนี้มีอัจฉริยะมากมายไม่รู้เท่าไหร่ที่เข้าร่วมประลอง ต่อให้เขาจะเอาชนะการประลองในรอบนี้ไปได้ แต่ในรอบต่อไปเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
หลังจากแน่นิ่งไปพักหนึ่ง เขาก็กล่าวต่อ “หรือต่อให้เขาเข้าสู่รอบสุดท้ายได้จริง… ก็ยังมีจ้าวชิงเฟิงผู้ทรงพลังอยู่อีก ใต้ดวงตะวันนี้ มีใครบ้างที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของจ้าวชิงเฟิงได้?”
ใครหลายคนแม้จะไม่รู้ว่าจ้าวชิงเฟิงคือใคร แค่ก็คิดว่าคำพูดของเฉิงเฟิงหยุนนั้นถูกต้อง หลิงฮันแข็งแกร่งก็จริง แต่ในการประลองครั้งนี้ก็มีจอมยุทธที่ทรงพลังเข้าร่วมมากมาย
ลานประลองอื่นๆเริ่มประลองจบไปตามๆกัน โดยที่ผู้ชนะจากลานประลองอื่นๆได้จ้องมองมายังหลิงฮัน ด้วยสีหน้ายั่วยุ
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่สนใจท่าทางของคนเหล่านั้น เมื่อผู้ดูแลการประลองประกาศลำดับการประลองของเขาเสร็จ เขาก็ปัดก้นและเดินจากไป เพื่อรอประลองอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
สตรีนกอมตะลงมาจากแท่งที่นั่งผู้ชม และเดินออกจากสถานที่จัดการประลองไปพร้อมกับหลิงฮัน
เพียงใดทันทีที่ทั้งสองก้าวออกจากประตูลานประลอง พวกเขาก็พบเห็นซานเถี้ยนอู๋กำลังยืนขวางทางอยู่
เมื่ออีกฝ่ายเห็นหลิงฮัน ซานเถี้ยนอู๋ก็กระทืบเท้าอย่างเคียดแค้น และชี้นิ้วใส่หลิงฮัน “พวกเจ้าทุกคน ลงมือทุบตีเขาเลย!”
เขาได้มาทำการเฝ้าทางออกเอาไว้ทันทีหลังจากที่หมดสิทธิการประลอง เพราะต้องการสั่งสอนหลิงฮัน
“ขอรับ นายน้อย!” จอมยุทธหลายสิบคนพุ่งทะยานพร้อมกัน
หลิงฮันยิ้ม “ระวังเท้าด้วย”
จอมยุทธหลายสิบคนเหล่านี้ไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกมึนงง แต่ก็ไม่สนใจและพุ่งเข้าหาหลิงฮันต่อไป
“อ้ากก!” หนึ่งลมหายใจต่อมา จู่ๆพวกเขาก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา เนื่องจากไม่ว่าทำไมอาวุธที่พวกเขาถืออยู่ถึงล่วงหล่นใส่ฝ่าเท้าของพวกเขาเอง มีจอมยุทธ์คนหนึ่งใช้ขวานขนาดใหญ่เป็นอาวุธ ซึ่งขวานที่ว่าได้เฉือนเท้าข้างหนึ่งของเขาขาดสะบั้น
ซานเถี้ยนอู๋ล่าถอยหลังสองก้าว ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหวาดผวา
“ข้าบอกพวกเจ้าทุกคนแล้วไงว่าให้ระวังเท้า” หลิงฮันยิ้ม “เอาล่ะ พวกเจ้าจงทุบตีหมอนั่นให้ข้าซะ จัดหนักๆให้แม้แต่มารดาของมันก็จำไม่ได้ไปเลย!”
จอมยุทธหลายสิบคนมองหน้ากัน ซานเถี้ยนอู๋เป็นนายน้อยของพวกเขา พวกเขาจะไปกล้าทุบตีได้อย่างไร?
หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “หรือพวกเจ้าอยากจะระวังเท้าของตนเองอีกครั้ง?”
หัวใจของจอมยุทธนับสิบบีบรัด พวกเขาค่อยๆหันหน้าและจดจ้องไปยังซานเถี้ยนอู๋
“พะ พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!” ซานเถี้ยนอู๋หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด เหตุใดสายตาของคนของเขาถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้?
หลิงฮันกระแอมเบาๆเพื่อส่งสัญญาณ พริบตาต่อมาจอมยุทธนับสิบก็พุ่งทะยานร่างเข้าหาซานเถี้ยนอู๋ และทุบตีอย่างไม่ยั้งมือ
ถึงแม้ซานเถี้ยนอู๋จะพอมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังห่างไกลจากกับคำว่าอัจฉริยะ การที่เขาบรรลุระดับโลกียนิพพานได้นั้น เป็นเพราะตระกูลได้ทุ่มเททรัพยากรมากมายให้แก่เขา เพราะงั้นคิดรึว่าเขาจะต้านทานการกระหน่ำทุบตีจากจอมยุทธนับสิบได้?
หลิงฮันและสตรีนกอมตะเผยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป
คำคืนแรกผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว และทั้งสองได้กลับมายังสถานที่จัดงานประลองอีกครั้ง
เพียงแต่ว่า ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าสู่สถานที่จัดงานประลอง พวกเขาก็ถูกใครบางคนขวางทางเอาไว้
เป็นซานเถี้ยนอู๋อีกแล้ว
เขาพันผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้รอบหัว ทำให้หัวของเขาดูใหญ่โตกว่าปกติ ต่อให้เขาจะใช้สมุนไพรรักษาบาดแผลไปแล้ว แต่อาการบาดเจ็บจากการถูกทุบตีขนาดนั้น ก็คงไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพียงชั่วค่ำคืน
“ท่านพี่ หมอนั่นไงที่ทำข้า!” คราวนี้ซานเถี้ยนอู๋ไม่ได้พาผู้ติดตามจำนวนมากมาด้วย แต่พารุ่นเยาว์ที่ใบหน้าคล้ายเขาผู้หนึ่งมาแทน
รุ่นเยาว์ผู้นี้มีชื่อว่าซานเถี้ยนจิ่ว เขาคือพี่ชายของซานเถี้ยนอู๋
ซานเถี้ยนจิ่วจ้องมองหลิงฮันอยู่นานสองนาน ก่อนที่มุมปากจะแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “จงหักแขนและขาทั้งสองข้างของเจ้าซะ ไม่เช่นนั้นต่อให้ที่นี่จะเป็นเมืองวิถีโอสถ เจ้าก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงสามวัน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น