Alchemy Emperor of the Divine Dao 1855-1857

 ตอนที่ 1855

 

หลิงฮันก้าวเดินขึ้นหน้าไปยังหลิวอวี้


“เดี๋ยวก่อน ถ้ามีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา อย่าเพิ่งลงมือกันเลย!” จูจิ่นรีบพุ่งเข้ามาโน้มน้าว ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลพ่อค้า เขาจึงสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่จะอย่างไรก็เถอะ ในเรื่องราวครั้งนี้หลิวอวี้ถือว่าทำเกินไปจริงๆ อีกฝ่ายอุตส่าห์ยกห้องบ่มเพาะกาลเวลาให้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงต้องไปแสดงกิริยาอวดดีแบบนั้นด้วย?


“จูจิ่น เจ้าหลบไป!” หลิวอวี้ออกคำสั่งและแสดงท่าทีเหยียดหยาม “ข้ายังเผชิญโลกมาไม่มากพอจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าพบเจอคนที่กล้าสั่งให้ข้ากล่าวขอโทษ!”


หลิงฮันดีดนิ้วเบาๆเพื่อดันร่างของจูจิ่นให้ถอยห่างออกไป ก่อนจะยื่นมือไปคว้าร่างของหลิวอวี้ที่อยู่ด้านหน้า


เมืองวิถีโอสถก็มีกฎของเมืองวิถีโอสถ ความบาดหมางของรุ่นเยาว์ก็ต้องให้รุ่นเยาว์จัดการกันเอง ปรมาจารย์ระดับสูงกว่าไม่สามารถเข้ามาแทรกแซง


หลิงฮันรู้กฎข้อนี้ดีจึงลงได้อย่างไม่หวั่นเกรง ตราบใดที่เขาไม่สังหารใคร ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเขา


“ช่างโอหัง!” หลิวอวี้แสยะยิ้ม และผลักฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน


อย่าคิดว่าเขาเป็นนายน้อยผู้หยิ่งยโสเพียงอย่างเดียว หากพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเขาไม่โดดเด่นล่ะก็ มีรึที่เขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลหลิวสาขาวรยุทธได้?


ตระกูลหลิวคือผู้ปกครองเมืองเอกภพดาราคราม และเป็นขุมอำนาจที่ฝึกฝนศาสตร์ปรุงยา!


เมืองเอกภพดาราครามเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองวิถีโอสถ ตระกูลหลิวมีประมุขอยู่สองคนคือ ประมุขที่เป็นปรมาจารย์นักปรุงยาระดับหนึ่ง และประมุขที่เป็นปรมาจารย์ในระดับแบ่งแยกวิญญาณ


ด้วยเหตุนี้ตระกูลหลิวถึงได้ถูกแบ่งออกเป็นสองสาขา หากสมาชิกตระกูลคนใดมีพรสวรรค์ใดด้านวรยุทธ ก็จะถูกเน้นให้บ่มเพาะพลัง ส่วนสมาชิกคนใดที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยา ก็จะถูกเน้นให้ฝึกฝนหลอมเม็ดยา


อย่าวหลิวอวี้ผู้นี้นั้น แม้เขาจะไม่มีพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยา แต่ก็มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธ เพราะงั้นเขาจึงได้เป็นคนของตระกูลหลิวสาขาวรยุทธ


และด้วยขุมอำนาจเบื้องหลังหลิวอวี้นี้เอง เมื่อครั้งนี้เขามายังเมืองวิถีโอสถ เหล่าตระกูลพ่อข้ามากมายจึงต้องการสร้างสายสัมพันธ์กับเขา เพื่อเปิดลู่ทางในการซื้อขายเม็ดยาใหม่ๆ


ทั้งๆที่เขาเป็นบุคลสำคัญขนาดนั้น แต่หลิงฮันยังกล้าลงมือกับเขาอีกงั้นรึ?


เพราะเขามาจากตระกูลปรุงยา อีกฝ่ายเลยคิดว่าเขาอ่อนแองั้นรึไง? ช่างอ่อนต่อโลกนัก


หลิงฮันไม่แยแสแม้แต่น้อย ขนาดราชาในระดับสี่นิพพานสูงสุดเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วมีรึที่นิรันดร์ที่ไม่ใช่แม้แต่ราชาและเพิ่งทะลวงผ่านระดับสองนิพพาน อย่างหลิวอวี้จะทำอะไรเขาได้?


‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาเอื้อมไปกำลำคอของหลิวอวี้ และยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นสูงจากพื้น


‘อั่ก!’ หลิวอวี้รู้สึกทรมานและสะบัดแขนขาไปมา แต่ต่อหน้าหลิงฮันแล้ว เขาก็ไม่ต่างอะไรจากลูกไก่ในกำมือ


“สหาย! สหาย!” จูจิ่นลุกลี้ลุกลน ถ้าหากหลิวอวี้ได้รับบาดเจ็บล่ะก็ ตระกูลของเขาคงไม่มีทางทำการค้ากับตระกูลหลิวได้แน่ หรือในกรณีร้ายแรง ตระกูลหลิวอาจจะบอกนักปรุงยาคนอื่น ไม่ให้ทำการค้ากับตระกูลของเขาด้วยก็เป็นได้


แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถเข้าประชิดหลิงฮันได้ ภายใต้กลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่ปลดปล่อยออกมา เขาทำได้เพียงแค่คุกเข่าต่อหน้าหลิงฮันเท่านั้น


เมื่อรู้ว่าพลังของหลิงฮันนั้นยากจะหยั่งถึงแค่ไหน จูจิ่นก็ทำได้เพียงถอนหายใจและสาปแช่งหลิวอวี้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายยอมมอบห้องบ่มเพาะกาลเวลาให้แล้วแท้ๆ เจ้าจะไปท้าทายอีกฝ่ายทำไม?


แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่อาจมองดูอยู่เฉยๆ ไม่ว่าเขาจะรังเกียจหลิวอวี้ขนาดไหน เขาก็ไม่อาจมองดูอีกฝ่ายถูกทุบตีต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ทำอะไรเลย


เขาพยายามพูดโน้มน้าวหลิงฮัน โดยนำขุมอำนาจเบื้องหลังของหลิวอวี้มาอ้าง


เพียงแต่มีรึที่หลิงฮันจะฟัง? เขาจ้องมองไปยังหลิวอวี้และกล่าว “เหตุใดปากของเจ้าถึงได้เหม็นอย่างนี้ นี่เจ้าโตมาจากการกินดินโคลนรึไง?” เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะบดขยี้ให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย และยัดเข้าใส่ปากของหลิวอวี้


“อุบ!” หลิวอวี้อยากจะพบเศษหินออกมา แต่ก็ไม่อาจทำได้


ในความเป็นจริงด้วยระดับพลังบ่มเพะของเขาแล้ว การกินก้อนหินไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่ความอัปยศ!


ใครหลายคนที่เพิ่งใช้ห้องเร่งเวลาเสร็จและก้าวเดินออกมา ต่างระเบิดเสียงหัวเราะทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า


หลิวอวี้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดนฉานจากความอับอาย สายตาที่จ้องมองมาของผู้คนเปรียบได้ดั่งกระบี่ ที่ทิ่มแท่งใส่เขาอย่างเจ็บปวดทรมาน


ไม่ ข้าจะเสียหน้าไม่ได้!


เขาจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด และสาบานว่าจะต้องสังหารบุรุษตรงหน้าให้ได้!


“โอ้ ยังไม่สำนึกอีกรึ?” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา ‘เพี๊ยะ’ เขายกฝ่ามือขึ้นและตบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย


อ่อก!


เศษหินในปากของหลิวอวี้กระเด็นออกมาพร้อมกับฟันที่แตกหักหลายซี่ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาปูดบวมด้วยแรงตบ


แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกไป เพราะไม่อย่างนั้นหลิวอวี้ผู้นี้คงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว


ปัง!


หลิงฮันทุ่มร่างของหลิวอวี้ลงกับพื้น จนหัวของอีกฝ่ายทะลุติดกับพื้นดิน และแหงนก้นชี้ขึ้นฟ้า


หลิงฮันอดนึกไม่ได้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ หากเป็นสุนัขตัวดำมันจะทำเช่นไร?


ใบหน้าของเขาค่อยๆปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย “ภรรยาข้า เจ้าหลบไปก่อน”


สตรีนกอมตะพยักหน้าและถูกส่งเข้าไปในหอคอยทมิฬ


หลิงฮันนำแท่งไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุเซียนออกมา ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนแท่งนี้มีความทนทานที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งกว่ามันจะเติบโตได้ต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งพันล้านปี กล่าวได้ว่ามันคือสมบัติที่ล้ำค่าพอสมควร


หลิงฮันแสยะยิ้มก่อนจะนำแท่งไม้ไผ่แท่งเข้าใส่ก้นของหลิวอวี้


“อ้ากกกกกกก” หลิวอวี้ที่กำลังมึนงงจากการที่หัวถูกกระแทกกับพื้น ได้สติกลับคืนมาและร้องโอดครวญด้วยความทรมานทันที เขาดิ้นรนพยายามส่ายก้นไปมา เพื่อที่จะสะบัดสิ่งแปลกปลอมที่แทงเข้ามาให้หลุดแต่ก็ไม่อาจทำได้


“หลังจากที่ก็ทำตัวดีๆเสียล่ะ เพราะในยุทธภพนี้ยังมีคงที่แข็งแกร่ง และมีภูมิหลังที่สูงส่งกว่าเจ้าอยู่อีกมากมาย เจ้าควรดีใจนะที่ที่นี่คือเมืองวิถีโอสถ ไม่เช่นนั้นข้าคงสังหารเจ้าเพื่อระบายโทสะไปแล้ว” หลิงฮันตบท่อนไผ่ให้ส่ายไปมา จนทำให้หลิวอวี้ส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความทรมานที่ยิ่งกว่าเดิม



 

 

 


ตอนที่ 1856 หาคนช่วย

 

หลิงฮันไม่รู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่ทำลงไปแม้แต่น้อย เนื่องจากเขายังไม่ได้ล้ำเส้นกฎ


เขาปัดฝุ่นที่มือและยอมสละแท่งไผ่วัสดุเซียนชิ้นนี้ทิ้งไป เพราะมันจะคงจะมีกลิ่นเหม็นติดไปอีกยาวนาน


หลิงฮันใช้แผ่นป้ายเปิดห้องบ่มเพาะกาลเวลา หลังจากเข้าไปแล้วเขาก็นำเตาหลอมออกมาและเตรียมการหลอมเม็ดยา


“นายน้อยอวี้!” จูจิ่นรีบวิ่งมาช่วยหลิวอวี้ โดยการดึงหัวของอีกฝ่ายขึ้นมาจากพื้นดินก่อนเป็นอย่างแรก


“ก้นข้า! ก้นของข้า!” หลิวอวี้คิดจะจับก้นของต้นเอง แต่ทันทีที่เอื้อมมือไปด้านหลัง ความเจ็บปวดอันมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา


ใครบางคนเพิ่งออกมาจากห้องบ่มเพาะกาลเวลา เมื่อเห็นสภาพของหลิวอวี้ที่มีแท่งไผ่เสียบก้นเอาไว้จากด้านหลัง เขาก็ชะงักไปชั่วครู่และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น เมื่อประตูอีกบานเปิดออก และคนอีกคนเดินออกมา คนผู้นั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมามาพร้อมน้ำตาในทันที


“พี่ชายหม่า บุรุษผู้นั้นกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”


“ข้าว่าดูเหมือนเขาจะมีรสนิยม ชอบหาของมาเสียบก้นของตัวเองนะ!”


“เป็นรสนิยมที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก!”


เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนที่เพิ่งออกมาจากห้องเร่งเวลานั้นรู้จักกัน พวกเขาจ้องมองหลิวอวี้และพูดคุยกันอยู่สักพัก ก่อนจะเดินจากไป


หลิวอวี้ที่ได้ยินคำพูดของทั้งสองคนก็กัดฟันและกล่าว “เจ้าโง่ ยังไม่รีบดึงออกให้ข้าอีกรึ!”


จูจิ่นพยักหน้าและยื่นมือทั้งสองไปจับแท่งไผ่


“เจ็บบบ!” หลิวอวี้ร้องโอดครวญทันใด


จูจิ่นออกแรงดึงจนแท่งไผ่หลุดออกมาในที่สุด ‘ฉัวะ’ แต่พร้อมกันนั้นเอง น้ำพุโลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากก้นของหลิวอวี้


“อ้ากกก” หลิวอวี้โอดครวญอีกครั้ง แต่ความเจ็บปวดชั่วครู่ก็ดีกว่าความเจ็บปวดระยะยาว หลังจากที่แท่งไผ่ถูกดึงออกไปแล้ว ถึงแม้เขาจะเจ็บแสบ แต่ก็ไม่รู้สึกทรมานอีกต่อไป


เขาลูบก้นของตนเองด้วยมือข้างหนึ่ง โดยที่กางเกงของเขาในตอนนี้ถูกย้อมเป็นสีแดงฉานด้วยโลหิต เขาถลึงดวงตาอย่างเกรี้ยวกราดราวกับเปลวเพลิงจะปะทุออกมา


“เจ้าตัวบัดซบนั่น ข้ากับมันไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้!”


“นายน้อยอวี้ ข้าว่าลืมๆมันไปดีกว่า” จูจิ่นกล่าวโน้มน้าว ในฐานะที่เป็นประชากรของเมืองวิถีโอสถ เขาย่อมเข้าใจกฎของเมืองนี้เป็นอย่างดี


หากหลิวอวี้ต้องการแก้แค้นล่ะก็ อีกฝ่ายจำเป็นที่จะต้องหานิรันดร์ในขอบเขตพลังระดับโลกียนิพพานมาช่วย หรือไม่ก็ต้องรอให้หลิงฮันออกไปสถานที่ลับตาคนนอกเมือง อีกฝ่ายถึงจะให้นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณช่วยแก้แค้นได้


แต่ดูจากอำนาจที่หลิงฮันแสดงให้เห็นเมื่อครู่ ในระดับโลกียนิพพานจะมีสักกี่คนที่กันสามารถเอาชนะเขาได้?


บางทีคนที่จะทำได้ก็คงมีแต่ราชาแห่งยุค


แต่คำถามก็คือ จะต้องทำอย่างราชาแห่งยุคถึงจะยอมลงมือช่วย?


“ไปให้พ้นๆหน้าข้า!” หลิวอวี้ผลักจูจิ่นออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ ในความคิดของเขานั้น จูจิ่นจะต้องอยากเห็นสภาพอันน่าอนาถของเขาเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เหตุใดก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถึงไม่เข้ามาช่วยเหลือเขากัน? แถมหลังจากที่ได้รับความอัปยศขนาดนี้ อีกฝ่ายยังบอกให้เขาลืมๆไปอีก


“นายน้อยอวี้…” จูจิ่นยังคงฝืนอยู่ต่อ เพราะอย่างไรหลิวอวี้ก็มีความสำคัญต่อการค้าของตระกูลเขา


“ฮึ่ม!” เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนจะเดินจากไป แต่ด้วยความเจ็บปวดบริเวณก้น เขาจึงนำมือมาพยุงบั้นท้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัว และเคลื่อนที่เดินไปด้านหน้าด้วยสภาพที่หนีบขาทั้งสองเข้าหากัน


แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ยังคงเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ต่อให้จะเดินในสภาพแบบนั้น หลิวอวี้ก็ยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและหายไปจากสายตาในที่สุด


จูจิ่นถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่หลังจากครุ่คิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ไล่ตามหลิวอวี้ไป


….


หลังจากที่จากมาได้สักพัก หลิวอวี้ก็หยุดเดินและเริ่มครุ่นคิด


จะไปหาใครมาแก้แค้นให้ดี?


เขาเองก็รู้กฎของเมืองวิถีโอสถดี เพราะงั้นถ้าหากคนที่มาช่วยเหลือไม่แข็งแกร่งพอ ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองอัปยศอีกครั้ง


“ใช่แล้ว ซุนตงไงล่ะ!” ดวงตาของเขาส่องประกายและปรบมือทำท่านึกออก แต่เพราะเผลอขยับตัวแรงเกิน ก้นของเขาจึงได้รับแรงสั่นไหวไปด้วย จนต้องร้องโอดครวญออกมา และกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนตามถนน


หลิวอวี้รีบเข้าสู่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว และทำการเปรียบเสื้อผ้า


“อำนาจของตระกูลซุนทรงพลังมากทีเดียว แถมซุนตงก็ยังเป็นนิรันดร์สี่นิพพานสูงสุดด้วย”


“เหอๆ ตระกูลซุนเป็นขุมอำนาจที่คอยสนับสนุนผู้สืบทอดหลู่เซียนหมิง ถ้าหากซุนตงจัดการเจ้าหมอนั่นไม่ได้ อีกฝ่ายจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากหลู่เซียนหมิงแน่นอน”


“ถ้าหากแม้กระทั่งหลู่เซียนหมิงก็ยังจัดการหมอนั่นไม่ได้… ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับชะตากรรม!”


หลิวอวี้ออกจากอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ และมุ่งหน้ามาถึงโรงโสเภณีแห่งหนึ่ง


ตระกูลซุนคือขุมอำนาจสามดาวที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตที่สี่ของเมือง หากหลิวอวี้ต้องการไปยังตระกูลซุน เขาจำเป็นต้องติดต่อกับสมาชิกตระกูลซุนเสียก่อน เพื่อให้สมาชิกตระกูลซุนผู้นั้นพาเขาเข้าไปยังอาณาเขตที่สี่


แต่หลิวอวี้จะมีเวลาขนาดนั้นงั้นรึ?


โชคดีที่ซุนตงนั้นเป็นบุรุษเจ้าสำราญ และอาณาเขตที่ห้าก็เป็นอาณาเขตที่มีโรงโสเภณีมากที่สุด เพราะงั้นในหนึ่งปีอีกฝ่ายจะอาศัยอยู่ที่นี่แปดเดือนเป็นอย่างน้อย


ทางด้านหลิวอวี้เองก็เคยมาเพลิดเพลินอยู่ที่นี่บ่อยครั้ง เพราะงั้นเขาจึงคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี


เนื่องจากเขาเป็นลูกค้าขาประจำ เมื่อเขามาถึงพนักงานทุกคนจึงเอ่ยต้อนรับเขาทันที


“โอ้ นายน้อยอวี้ เหตุใดท่านถึงจับก้นของตัวเองเอาไว้แน่นขนาดนั้นกัน คงไม่ใช่ว่าเมื่อคืนท่านเล่นสนุกเกินไปหน่อย จนถูกแทงเข้าที่ก้นหรอกนะ?” พี่สาวคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาต้อนรับ และใช้มือลูบไล้หน้าอกของหลิวอวี้


หากเป็นในสถานการณ์ปกติ หลิวอวี้คงจะหัวเราะและฉวยโอกาสลูบไล้หน้าอกของอีกฝ่ายคืนไปแล้ว แต่ด้วยความเกรี้ยวกราดในตอนนี้ ‘เพี๊ยะ’ เขาจึงสะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของพี่สาวคนนั้นในทันที


“เจ้าหาว่าใครถูกแทงก้นกัน?” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอาฆาต


พริบตานั้นเอง รอบด้านก็กลายเป็นนิ่งเงียบ โดยไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่คนเดียว


“ฮ่าๆๆ หลิวอวี้ เหตุใดเจ้าถึงต้องอารมณ์เสียขนาดนั้นด้วย?” เสียงเราะดังขึ้นพร้อมกับร่างของรุ่นเยาว์ผู้นี้ได้ก้าวเดินเข้ามา มือสองข้างของรุ่นเยาว์ผู้นี้กำลังโอบกอดสตรีนุ่งน้อยห่มน้อยเอาไว้ถึงสองคน


เขาคือซุนตง


“นายน้อยตง!” หลิวอวี้รีบวิ่งไปทักทาย ต่อหน้าอีกฝ่ายแล้วเขาไม่กล้าแสดงท่าทีหยิ่งยโสแม้แต่น้อย

 

 

 


ตอนที่ 1857 ครบเวลา

 

“หลิวอวี้ เจ้าคงไม่ได้ถูกใครแทงก้นจริงๆหรอกสินะ?” ซุนตงมองไปยังหลิวอวี้ ซึ่งท่าทางของอีกฝ่ายดูจะเป็นแบบนั้นจริงๆ


ใบหน้าของหลิวอวี้กลายเป็นแดงฉานด้วยความโกรธทันที


“ฮ่าๆๆ!” ซุนตงหัวเราะลั่น โดยไม่สนว่าหลิวอวี้จะรู้สึกอย่างไร


คนอื่นๆภายในโรงโสเภณีไม่กล้าหัวเราะ แต่ละคนทำได้เพียงพยายามใช้มือปิดปากตนเองเอาไว้


“หลิวอวี้ ข้าไม่นึกเลยจริงๆว่าเจ้าจะมีรสนิยมแบบนี้!” ซุนตงเอ่ยกล่าว คำพูดของเขาไม่ใช่คำชมอย่างแน่นอน


หลิวอวี้รีบแก้ตัว “นายน้อยตงกำลังเข้าใจผิด ข้าถูกรังแกมาต่างหาก ท่านต้องแก้แค้นให้กับข้า!”


หลิวอวี้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกไปอย่างหน้าไม้อาย เขาไม่ได้บอกว่าในตอนนั้นเขาทำตัวหยิ่งยโสขนาดไหน แต่เน้นเล่าไปที่เรื่องของความงดงามของสตรีนกอมตะ และความอวดดีของหลิงฮัน


“โอ้?” ซุนตงรู้สึกสนใจขึ้นมา “ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ มีคนที่อวดดีขนาดนั้นอยู่ด้วยงั้นรึ? อีกอย่าง เจ้าแน่ใจนะว่าสตรีผู้นั้นงดงามอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ?”


“งดงามเหมือนดั่งที่ข้ากล่าวไปแน่นอน!” หลิวอวี้กล่าวรับประกัน


ซุนตงดีดนิ้วและกล่าว “ดี นำข้าไปเลย”


หลิวอวี้ตื่นเต้นและรีบนำทางซุนตงไปทันที


เพียงแต่ว่าเมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย หลิงฮันก็เข้าสู่ห้องบ่มเพาะกาลเวลาไปแล้ว ซึ่งทั้งสองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไต่ถามว่าระยะเวลาใช้ห้องของหลิงฮันคือเท่าไหร่ และค่อยกลับมาในภายหลัง


……


ที่ด้านในห้องบ่มเพาะกาลเวลา หลิงฮันนำเตาหลอมออกมาและทำการหลอมเม็ดยา


ถึงแม้จะเป็นเม็ดยานิรันดร์ระดับต่ำสุด ก็ยังจำเป็นต้องมีส่วนผสมเป็นสมุนไพรนิรันดร์ แต่จำนวนที่จำเป็นต้องใช้นั้นไม่มีขั้นต่ำ เพราะงั้นขอแค่ใช้เศษเสี้ยวสมุนไพรนิรันดร์เป็นส่วนผสมหลัก และใช้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทดแทนส่วนต่าง ก็ย่อมสามารถหลอมเม็ดยานิรันดร์ขึ้นมาได้ แต่แน่นอนว่ายิ่งใช้สมุนไพรนิรันรด์จำนวนมากเท่าไหร่ คุณภาพของเม็ดยาก็จะยิ่งสูงขึ้น


หลิงฮันเพิ่งเริ่มหลอมครั้งแรก เขาจึงไม่ใช่สมุนไพรนิรันดร์ในปริมาณที่มากเกินไป เพราะการหลอมเม็ดยาในครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้ว เป้าหมายของหลิงฮันคือต้องการสะสมประสบการณ์จากความผิดผลาด และพัฒนาการหลอมครั้งต่อไปให้สำเร็จ


หลังจากปล้นชีพสมบัติของผู้สืบทอดมากมาย มากจากเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง ตัวเขาในตอนนี้ถือว่ามีความมั่งคั่งอย่างมาก สมุนไพรนิรันดร์ที่เขาครอบครองอยู่มีถึงสี่ต้น โดยที่สามในสี่คือสมุนไพรจากAnchorจื่อเหอปิงอวิ๋นและลั่วAnchorจ่างเฟิง


มั่งคั่งสมกับเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์จริงๆ แต่สมุนไพรนิรันดร์เองก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับเช่นกัน โดยประเมินจากอายุและธาตุ ยิ่งเป็นสมุนไพรนิรันดร์ห้วงมิติ หรือสมุนไพรนิรันดร์ห้วงเวลา คำล้มค่าจะยิ่งมีมากขึ้น


หลิงฮันนำสมุนไพรนิรันดร์ออกมาหั่นส่วนเล็กๆออกมาอย่างระมัดระวัง เขาโยนเศษสมุนไพรลงไปในเตาหลอม พร้อมกับโคจรเพลิงเก้าสวรรค์เพื่อหลอมเม็ดยา


เมื่อถึงคุณสมบัติในการหลอมเม็ดยาแล้วล่ะก็ หลิงฮันถือว่าได้เปรียบกว่านักปรุงยาทุกคนเนื่องจากเขามีเพลิงเก้าสวรรค์!


สิ่งสำคัญที่สุดในศาสตร์ปรุงยาคือทักษะการควบคุมเพลิง เนื่องจากเพลิงเก้าสวรรค์เป็นถึงหนึ่งในเก้าเพลิงบรรพบุรุษ นักปรุงยาที่จะเทียบเคียงกับเขาได้ ก็คือนักปรุงยาอีกแปดคนที่ครอบครองเพลิงบรรพบุรุษเหมือนกัน


แต่ในหมู่นักปรุงยาคิดว่าจะมีสักกี่คนที่ครอบครองเพลิงบรรพบุรุษ? เกรงว่านอกจากเขา ก็คงไม่มีเลย


‘พรึบ’ เมื่อเพลิงเก้าสวรรค์ถูกจุด หลิงฮันก็โยนสมุนไพรชนิดอื่นๆลงไปยังเตาหลอมอย่างไม่เสียดาย เพราะในดินแดนแห่งเซียนแห่งนี้ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ค่า


หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เตาหลอมก็ระเบิด


ล้มเหลว…


หลิงฮันหยุดมือและเข้าสู่หอคอยทมิฬ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่ล้มเหลว


“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทักษะในการหลอมของข้า แต่ปัญหาอยู่ที่เตาหลอม”


“เพลิงเก้าสวรรค์ทรงพลังเกินไป จนเตาหลอมต้านทานไม่ไหว”


เพียงแต่ว่าตอนนี้หลิงฮันก็ไม่ได้มีเตาหลอมที่คุณภาพดีกว่านี้ เขาจึงทำได้เพียงนำเตาหลอมแบบเดิมออกมาอีกอัน และฝึกฝนหลอมเม็ดยาต่อไป


สองเดือนต่อมา ‘ตูม’ เตาหลอมก็เกิดการระเบิดอีกครั้ง


หลิงฮันใช้เวลาวิเคราะห์ไม่นาน ก็นำเตาหลอมอันใหม่ออกมาและหลอมเม็ดยาต่อ


เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน การหลอมเม็ดยาก็ล้มเหลวอีกครั้ง ต่อให้เขาจะมีศักยภาพเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยา แต่เส้นทางที่จะหลอมเม็ดยานิรันดร์ได้สำเร็จ ก็ยังเต็มไปด้วยขวากหนามอยู่ดี เพียงอุปสรรคเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้เลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน มันทำให้เขารู้สึกท้าทายเสียด้วยซ้ำ


หลิงฮันหลอมเม็ดยาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนระยะเวลาห้าเดือนภายในห้องบ่มเพาะกาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และประตูห้องก็เปิดออกเอง


“หลังจากผ่านมาหนึ่งเดือน คำร้องขอเข้าสู่อาณาเขตเมืองส่วนที่สองของข้า สมควรจะถูกอนุมัติเรียบร้อยแล้ว หากไปอาณาเขตที่สองคุณภาพของห้องเร่งเวลาก็จะสูงขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ามั่นใจว่าภายในระยะเวลาหนึ่งปี ข้าจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับนิรันดร์ได้แน่นอน”


หลิงฮันลุกขึ้นยืนและออกจากห้อง แต่ทันทีที่ออกมา เขาก็พบเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังยืนรอเขาอยู่นอกประตู แต่แทนที่จะเรียกว่ายืนรอ เรียกว่ายืนขวางทางอยู่น่าจะเหมาะสมกว่า


หนึ่งในสองคนคือหลิวอวี้!


ส่วนชายหนุ่มอีกคนนั้น หลิงฮันไม่รู้จักแม้แต่น้อย และก็ไม่สนใจที่จะรู้จักด้วย


“เจ้า!” เมื่อหลิวอวี้เป็นหลิงฮัน เขาก็กัดฟันอย่างเกรี้ยวกราดทันที แม้เวลาจะผ่านไปสักพักแล้วแต่ก้นของเขาก็ยังไม่หายดี เนื่องจากแท่งไผ่ที่แทงเข้ามาในก้นของเขา หลิงฮันได้ผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เอาไว้ด้วย กว่าแผลจะหายดีก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือน


หลิงฮันชะเลืองมองไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “ก้นของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วรึ?”


ปลอดภัยน้องสาวเข้าสิ! เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกรึ!


หลิวอวี้เกรี้ยวกราด แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน เขาจึงรีบกล่าวกับซุนตง “นายน้อยตง ขนาดท่านอยู่ที่นี่แท้ๆ แต่หมอนั่นก็ยังทำตัวอวดดีราวกับไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา!”


ซุนตงไม่คิดจะยับยั้งอารมณ์ เขาแหวกเสื้อคลุมยาวเผยกล้ามอกที่ปกคลุมไปด้วยขนหนาสีดำ และจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาเย็นชา “เจ้าหนู เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าผู้นี้งั้นรึ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)