Alchemy Emperor of the Divine Dao 1851-1852

ตอนที่ 1851 เฒ่าชรา

 

หลิงฮันหัวเราะ “ข้าจะเอ่ยข้อเสนอแบบใดไปก็ได้งั้นรึ?”


“ขอแค่เจ้าเอ่ยปากบอกมา” หลู่เซียนหมิงตอบด้วยรอยยิ้ม


ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา แต่พรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยและถูกจัดอยู่ในศักยภาพระดับราชา ถึงอย่างนั้นเมื่อเทียบกับพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธกับหลิงฮันแล้ว ตัวของเขากลับไม่สามารถนับเป็นอันใดได้ เพราะงั้นเขาจึงต้องการตัวหลิงฮัน


ถ้าหากอัจฉริยะระดับนี่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา ตำแหน่งผู้สืบทอดของเขาก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น


หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวออกมา “ข้าไม่ใช่คนโลภมากอะไรอยู่แล้วด้วยสิ ข้าขอแค่ทักษะระดับราชานิรันดร์สิบทักษะ และอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีประเภทธาตุทั้งห้า ประเภทอำนาจห้วงเวลา และประเภทอำนาจสังหารอย่างละชนิดก็พอ”


รอยยิ้มบนใบหน้าของหลู่เซียนหมิงหายไป และสีหน้ากลายเป็นเกรี้ยวกราด


นี่เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าอยู่รึไง?


ทักษะระดับราชานิรันดร์งั้นรึ?


ในขุมอำนาจสี่ดาวข้าจะไปหามาให้เจ้าจากไหน? แถมเจ้ายังต้องการถึงสิบทักษะอีก


แล้วก็อำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีด้วย ความล้ำค่าของสมบัติเช่นนั้นมีมากยิ่งกว่าทักษะระดับราชานิรันดร์เสียอีก


หลิงฮันยิ้ม “แค่ข้อเสนอต่ำๆแบบนี้ก็มอบให้ไม่ได้งั้นรึ? งั้นก็ช่างมันเถอะ เอาไว้ข้าไปเสนอคนอื่นก็ได้”


เขาเก็บสมบัติที่กองบนพื้นจนหมด ก่อนจะหยิบเนื้อย่างหนึ่งชิ้นบนที่ย่างและเดินจากไป


เมื่อเห็นแผ่นหลังของหลิงฮันที่หายไปจากสายตา พวกหลู่เซียนหมิงและเหล่าผู้ติดตามก็ถอนหายใจโล่งอก หลิงฮันนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เวลาที่อยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย จิตใจของพวกเขาจะรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีหินอยู่ในอก


“นายน้อย บุรุษผู้นั้นช่างโอหังนัก หลังจากพวกเขากลับไปแล้ว พวกเราส่งคนไปจัดการเขาดีรึไม่?” ผู้ติดตามคนอื่นเอ่ยกล่าว


หลู่เซียนหมิงจ้องมองผู้ติดตามคนนั้นด้วยแววตาขุ่นเคือง และกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ พวกเราจะต้อบแทบน้ำใจด้วยการแก้แค้นได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าชีวิตของข้ามีค่าแค่สมบัติเล็กๆน้อยๆพวกนั้นน่ะรึ?”

novel-lucky

“ข้าไม่กล้าคิดเช่นนั้น!” ผู้ติดตามทั้งเจ็ดคุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว


“อย่าได้พูดแบบนี้กับข้าอีก” หลู่เซียนหมิงดึงสายตากลับ และฟื้นคืนความสงบนิ่งกลับมา “ไปกันได้แล้ว!”


ถึงแม้เขาจะเป็นคนใจดีแค่ไหน แต่การถูกลอบสังหารในครั้ง ก็ทำให้จิตใจของเขาหนักแน่นขึ้น


……


หลิงฮันรู้สึกดีเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะเป็นตัวอัปมงคลที่ดึงแต่ปัญหาเข้าตัว แต่ก็เป็นความโชคร้ายนั้นเอง ที่ทำให้ครั้งนี้เขากอบโกยศิลาดวงดาวและแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์มาได้จำนวนมาก


เขาที่กำลังฮัมเพลงอย่างสบายใจ จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงคาวมรู้สึกไม่ชอบมาพากล ราวกับหัวใจกำลังบีบรัด


‘กะ กะ กะ’ เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดขึ้น พร้อมกับร่างของชายวัยกลางคนที่โผล่มายืนอยู่เคียงข้างกายเขา อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี โดยที่เส้นผมขาวโพลนบนศีรษะหลุดร่วงไปเกือบหมดราวกับคนใกล้ตาย


แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ไม่กล้าคิดว่าอีกฝ่ายอ่อนแอแม้แต่น้อย เพราะกลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้จากชายชรานั้น ทรงพลังยิ่งกว่าของหัวหน้ากองก๋วนเสียอีก


ถ้าหัวหน้ากองก๋วนคือตัวตนที่ทรงพลังในระดับห้ารากฐานล่ะก็ ชายชราผู้นี้ก็ต้องเป็นตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้!


“ผู้อาวุโสมีเรื่องอันใดจะพูดกับรุ่นเยาว์งั้นรึ?” หลิงฮันไม่สามารถขยับตัวหลบหนีไปไหนได้ เนื่องจากเขาถูกออร่าอันน่าเกรงขามของอีกฝ่ายกดดันเอาไว้ ตราบใดที่เขาคิดหลบหนี ชายชราจะลงมืออย่างไร้ความเมตตา โดยที่เขาคงจำเป็นต้องหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬอย่างไม่มีทางเลือก


ภายใต้ระดับราชานิรันดร์ ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด!


ชายชราหัวเราะและตบไหล่หลิงฮัน “หนุ่มน้อย เจ้าดูสงบสติอารมณ์ดีจริงๆ หากเป็นคนทั่วไปคงหวาดกลัวข้าผู้นี้ และวิ่งหนีตัวสั่นไปแล้ว”


“ฮะๆ ผู้อาวุโสก็ชมเกินไป!” หลิงฮันขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าในขณะที่ชายชรากำลังตบไหล่เขา อีกฝ่ายได้ส่งอำนาจแห่งกฎเกณฑ์บางอย่าง เข้ามาในร่างกายของเขาด้วย


ต้องไม่ใช่สิ่งดีแน่


ชายชราดึงมือกลับพร้อมกับกล่าว “สิ่งที่ข้าชี้นำเข้าสู่ร่างกายของเจ้าไปคือคำสาปอสูรทมิฬอาฆาต ซึ่งเป็นทักษะพิเศษของชายชราผู้นี้ หากข้าไม่ถอนคำสาปด้วยตัวเองล่ะก็ ต่อให้นิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้นับร้อยมาช่วยกันก็ไร้ประโยชน์”

novel-lucky

เขากระดิกนิ้วเล็กน้อย ซึ่งพร้อมกันนั้นเองใบหน้าของหลิงฮันก็เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ราวกับหัวใจกำลังถูกตาข่ายบีบรัด


หลิงฮันเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ และกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “รุ่นเยาว์ไม่ใช่ล่วงเกินผู้อาวุโสเลยแท้ๆ เหตุใดท่านถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้?”


“กะ กะ กะ ข้าแค่อยากให้เจ้าช่วยเหลืออะไรนิดหน่อย แต่เพราะเกรงว่าเจ้าจะไม่เต็มใจช่วยอย่างเต็มที่ ข้าเลยประทับคำสาปเอาไว้เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ลืมหน้าที่” ชายชราหัวเราะด้วยเสียงประหลาด


หลิงฮันพยายามตั้งสติ ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการให้เขาช่วยเหลือบ้างอย่างล่ะก็ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ คงไม่มีอันตรายอันใดเกินขึ้นกับเขา “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสต้องการให้รุ่นเยาว์ช่วยเหลืออะไร?”


“ขโมยบางอย่างมาให้ข้า” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตัวข้ามีชื่อว่าเซวี่ยอิ่งโม่ แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักเรียกข้าว่าอสูรเฒ่าเงาโลหิต ซึ่งข้าก็ชอบชื่อนั้นเหมือนกัน กะ กะ กะ”


หลิงฮันนิ่งอึ้งไร้คำพูด “รุ่นเยาว์ต้องขโมยอะไร และต้องไปที่ไหน?”


อสูรเฒ่าเงาโลหิตมองไปยังหลิงฮันและแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าในร่างกายของเจ้าจะมีอะไรบางอย่างอยู่นะ แต่เอาเอาไว้ก่อน ธุระของข้าสำคัญกว่า!”


หัวใจของหลิงฮันเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกจากร่าง ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ไม่สามารถพบเจอการมีอยู่ของ หอคอยทมิฬและอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพี ได้ด้วยการจ้องมองเพียงก็จริง แต่หากสัมผัสตรวจสอบเข้าไปในร่างของเขาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โชคยังดีที่เฒ่าชราผู้นี้สนใจเรื่องการให้เขาไปขโมยของให้มากกว่า ไม่เช่นนั้นหากอีกฝ่ายตรวจสอบให้ดี อย่างน้อยก็ต้องพบเจอเพลิงเก้าสวรรค์ และวารีพลังหยินเร้นลับเป็นแน่


อำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีคือ สมบัติที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ยังต้องหวั่นไหว เพราะงั้นถ้าหากอสูรเฒ่าผู้นี้พบเจอ อีกฝ่ายจะต้องสังหารเขาและช่วงชิงไปอย่างไม่ลังเลแน่นอน


“ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปในเมืองวิถีโอสถ และขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาให้ข้าสองชิ้น” อสูรเฒ่าเงาโลหิตกล่าวสิ่งที่ต้องการออกมาในที่สุด


หลิงฮัน “….”


นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปรึเปล่า?


หากเขาต้องการทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ห้านิพพานล่ะก็ เพื่อที่จะสามารถรอดพ้นจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ สิ่งจำเป็นก็คือยันต์ไม้ท้อผูกชะตา


ช่างบังเอิญนัก ที่เฒ่าชราผู้นี้ก็ต้องการให้เขาไปขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาให้


ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเห็นตอนที่เขา พบเจอกับผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ ชายชราจึงต้องการให้เขาแทรกซึมเข้าไปในเมืองวิถีโอสถ


“ท่านเห็นเหตุการณ์น่าขันที่เกิดขึ้นเมื่อครู่สินะ?” หลิงฮันเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


สีหน้าของอสูรเฒ่าเงาโลหิตเผยถึงความรู้สึกชื่นชมยิ่งกว่าเดิม “เจ้าเป็นรุ่นเยาว์ที่เข้าใจอะไรได้ง่ายจริงๆ!”



 

 

 


ตอนที่ 1852 ลักขโมย

 

ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้แบ่งออกเป็นสามขั้นย่อย คือข้ามผ่านแรกเริ่ม ข้ามผ่านขั้นสูง และข้ามผ่านสมบูรณ์


อสูรเฒ่าเงาโลหิตคือตัวตนระดับข้ามผ่านแรกเริ่ม และติดอยู่ในขั้นพลังนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาผ่านบาปเคราะห์แห่งสวรรค์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ระดับพลังก็ไม่เพิ่มขึ้นเสียที


เขามีความรู้สึกว่า ถ้าหากยังไม่ทะลวงผ่านขั้นพลังต่อไปล่ะก็ เขาจะไม่สามารถต้านทานบาปเคราะห์แห่งสวรรค์ครั้งต่อไปได้อย่างแน่นอน


ทำไมผมของเขาถึงเป็นสีขาวและหลุดร่วงจนแทบหมดหัวน่ะรึ? เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น และทำให้เขามีสภาพเหมือนคนชราแบบนี้ก็เพราะ บาปเคราะห์แห่งสวรรค์ ไม่เช่นนั้นหากเป็นรูปลักษณ์เดิมล่ะก็ ความหล่อเหลาของเขาจะสามารถดึงดูดสตรีงามได้นับพัน!


เพียงแต่พอนึกว่าจะต้องทะลวงผ่านขั้นพลัง เขาก็ไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะ ผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปแล้ว เพราะงั้นความหวังทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับยันต์ไม้ท้อผูกชะตา


แต่จะอย่างไรก็ตาม ทั่วยุทธภพนี้ยันต์ไม้ท้อผูกชะตากว่าเก้าในสิบส่วน ล้วนแต่อยู่ในมือของขุมอำนาจราชานิรันดร์ แถมยังเป็นราชานิรันดร์ระดับห้าขึ้นไปเสียด้วย เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะทำการขโมย


แต่เพราะชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย อสูรเฒ่าเงาโลหิตจึงสืบหาข้อมูลจากทุกสารทิศ จนได้รู้ว่าในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้มียันต์ไม้ท้อผูกชะตา!


จากที่ได้ยินว่าเห็นว่าในอดีต ราชาโอสถของเมืองวิถีโอสถสามารถหลอมเม็ดยาระดับราชานิรันดร์ได้สำเร็จ ราชานิรันดร์ไร้เทียมทานผู้หนึ่งจึงได้มอบยันต์ไม้ท้อผูกชะตาห้าอันให้แก่เขา


เนื่องจากราชานิรันดร์ผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ขุมอำนาจอื่นๆจึงไม่กล้ามีความที่จะ ลักขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตาทั้งห้า


เมื่อเวลาผ่านพ้นๆ ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาของเมืองวิถีโอสถก็ถูกไปแล้วถึงสามอัน ซึ่งในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่สองเท่านั้น


ในความเป็นจริงเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดลักขโมย แต่เพราะชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย จึงมีแต่ต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้น


แต่ไม่ว่าอย่างไรคนที่ลงมือขโมยก็ไม่ใช่เขาอยู่ดี ตราบใดที่ฆ่าปิดปากหลิงฮัน เรื่องราวก็จะไม่มีทางสาวมาถึงตัวเขาได้เด็ดขาด


“ยันต์ไม้ท้อผูกชะตาสามารถลดทอน อำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้หนึ่งระดับ” เฒ่าชรากล่าวอธิบายแก่หลิงฮัน “ในเมืองเมืองวิถีโอสถมียันต์ไม้ท้อผูกชะตาอยู่สองอัน ข้าต้องการแค่อันเดียวเท่านั้น เพราะงั้นอีกอันจึงยกให้เจ้า”


“เจ้ามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น พอที่จะบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน แต่ก็คงไม่อาจรอดชีวิตจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้อยู่ดี เพราะงั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องมียันต์ไม้ท้อผูกชะตามาช่วย”


อสูรเฒ่าเงาโลหิตพูดหลอกล่อหลิงฮัน โดยที่แท้จริงเขาตั้งใจจะครอบครองยันต์ไม้ท้อผูกชะตาเอาไว้เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว ถึงแม้อีกอันที่เหลือเขาจะไม่ได้ใช้ แต่มันก็สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างอื่นได้


แน่นอนว่าหลิงฮันไม่เก็บคำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ ถ้าหากเขาเชื่อคำลวงของเฒ่าชราผู้นี้ล่ะก็ หมูคงบินได้ไปแล้ว หลิงฮันไม่ได้กล่าวสิ่งที่คิดออกไปและเอ่ยถาม “แล้วรุ่นเยาว์จะไปขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาได้อย่างไร?”


สมบัติที่ล้ำค่าขนาดนั้น คิดว่าเขาจะขโมยมาได้ง่ายๆรึไง?


“เหอ เหอ ก็ใช้ประโยชน์จากชายหนุ่มที่เจ้าเพิ่งพบเมื่อครู่นี้ไงล่ะ” อสูรเฒ่าเงาโลหิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชายหนุ่มที่เจ้าเพิ่งพบเจอเมื่อครู่คือผู้สืบทอด ที่มีโอกาสจะขึ้นครองตำแหน่งของเมืองวิถีโอสถมากที่สุด ซึ่งข้าได้แอบลอบคอยช่วยเหลือเขามาสักระยะแล้ว”


หลิงฮันเข้าใจได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายคิดจะให้เขาพึ่งพาอำนาจของหลู่เซียนหมิง ในการขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตา


หลู่เซียนหมิงที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต ย่อมมีโอกาสเข้าสู่ห้องสมบัติอย่างแน่นอน


“เจ้าจงไปพบหลู่เซียนหมิง และติดตามเขาเพื่อช่วยให้เขาเป็นผู้ครองบัลลังก์ในอนาคต เมื่อใดที่เจ้ามีโอกาสได้เข้าสู่ห้องสมบัติ เจ้าจะต้องฉวยโอกาสขโมยขโมยยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาให้ได้” ชายชรากล่าว


“ข้าให้เวลาเจ้าสิบล้านปี หากถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายังนำยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตา”


เขากล่าวประโยคสุดท้ายออกมา ด้วยท่าทางเหี้ยมโหด


หลิงฮันถอนหายใจและครุ่นคิด เขาเองก็ต้องการยันต์ไม้ท้อผูกชะตาอยู่จริงๆ ซึ่งไม่ใช่แค่อันเดียว แต่ยังต้องการอีกอันมาให้กับจักรพรรดินีด้วย


เขาตัดสินใจก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะพยายาม”


“ไม่ใช่จะพยายาม แต่เจ้าต้องทำให้สำเร็จถ้าไม่อยากตาย!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตตบไหล่หลิงฮันต่อ ทุกครั้งที่ถูกฝ่ามือสัมผัส พลังงานบางอย่างก็ค่อยๆไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายของหลิงฮัน


“ข้าตั้งเวลาที่คำสาปจะทำงานเอาไว้แล้วสิบล้านปี แต่เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ลืมภารกิจและเร่งทำงานให้แก่ข้า คำสาปอสูรทมิฬอาฆาตที่ข้าตั้งไว้จึงจะปลดปล่อยอำนาจออกมาทุกๆปี” อสูรเฒ่าเงาโลหิตดึงมือกลับก่อนจะเผยสีหน้าแปลกประหลาด เขาสัมผัสได้ว่าหลิงฮันมีอะไรบางอย่างอยู่ในร่างกายแน่นอน


เพียงแต่ตอนนี้ชีวิตของเขาสำคัญกว่า รอให้ได้ยันต์ไม้ท้อผูกชะตามาก่อน แล้วค่อยสังหารเจ้าหนูนี่และตรวจสอบก็ไม่สาย


“นี่คือแผนที่ที่ข้าทำสัญลักษณ์ระบุตำแหน่งของเมืองเอาไว้ รีบๆออกเดินทางได้แล้ว!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตสะบัดมือสั่งหลิงฮัน


หลิงฮันเริ่มออกเดินทาง ด้วยสภาพที่ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้


ไม่ว่าอย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องหาวิธีจักการกับคำสาปอสูรทมิฬอาฆาต ภายในร่างกายให้ได้เสียก่อน


ไม่รู้ว่าอำนาจของหอคอยทมิฬจะได้ผลรึเปล่า


แต่เพราะอสูรเฒ่าเงาโลหิตอาจจะสงสัยขึ้นมาได้ อย่าเพิ่งใช้งานหอคอยทมิฬไปสักพักจะดีกว่า


เมืองวิถีโอสถอยู่ในระยะทางที่ห่างออกไปไกลมาก แต่โชคดีที่หลิงฮันมีมังกรอินทรีอยู่กับตัว เขานำมันออกมาจากหอคอยทมิฬพร้อมกับปลุกให้ตื่น และมุ่งหน้าสู่เมืองวิถีโอสถตามแผนที่


เขารู้ว่าอสูรเฒ่าเงาโลหิตจะต้องแอบตามมาแน่นอน ในกรณีที่เขาคิดหนี อีกฝ่ายจะทำการกระตุ้นคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตในทันที


หลิงฮันออกเดินอยู่นานหนึ่งเดือน ก่อนที่เมืองขนาดมหึมาจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า


ขุมอำนาจสี่ดาว เมืองวิถีโอสถ!


เมืองทั้งเมืองถูกสร้างเป็นรูปทรงของเตาหลอม และมีรูปแบบค่ายกลอาคมจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมเอาไว้เพื่อคุ้มกันเมือง ภายใต้ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ เกรงว่าค่ายกลอาคมนี้สมควรเป็นการป้องการที่ไร้เทียมทานที่สุด ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก


หลังจากที่เข้าสู่เมืองไปได้แล้ว อสูรเฒ่าเงาโลหิตคงไม่กล้าไล่ตามหลิงฮันอีกต่อไป


เพราะเมื่อใดที่จอมยุทธทรงพลังเข้าสู่เมือง จอมยุทธผู้นั้นจะดึงดูดความสนใจและถูกจับตามองจากทั่วทั้งเมืองวิถีโอสถ หากดูจากฉายาของชายชราที่ถูกเรียกว่า ‘อสูรเฒ่า’ แล้ว อีกฝ่ายคงเป็นเป้าหมายของผู้คนจำนวนมาก และไม่กล้าโผล่หน้าออกมาง่ายๆ เพราะกลัวว่าจะถูกรุมทุบตีอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)