Alchemy Emperor of the Divine Dao 1848-1850

ตอนที่ 1848 ประสบปัญหาเพราะเนื้อย่าง

 

“หัวหน้า พวกเราออกมาตามหามาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว ข้าว่าเขาคงไม่…” สตรีชุดเกราะเงินผู้หนึ่งกล่าวกับหัวหน้ากองก๋วนด้วยท่าทางลังเล


ตั้งแต่ตอนที่พัดหลงกันหลิงฮัน พวกนางก็ออกตามหาตำแหน่งของเขามาตลอด ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่า ภายใต้คลื่นพลังที่ทรงพลังขนาดนั้น หลิงฮันไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน


เพียงแต่ว่าฮูหนิวนั้นยึดติดกับหลิงฮันเป็นอย่างมาก พวกนางจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกตามหาเขาด้วยความหวังลมๆแล้งๆจนถึงทุกวันนี้


หัวหน้ากองก๋วนแน่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะกัดฟันและนำวัสดุบางอย่างออกมาและติดตั้งเป็นรูปแบบอาคมขนาดเล็ก


พริบตานั้นเอง รูปแบบอาคมก็ส่องแสงสว่างทำหน้าที่เป็นกระจก ภายในกระจกมีร่างของสตรีงดงามผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมา ทันทีที่ร่างของสตรีผู้นั้นปรากฏ นางก็รีบกระโดดชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “พวกเจ้าเจอหลิงฮันของหนิวรึยัง?”


เมื่อมองไปยังท่าทางตื่นเต้นของฮูหนิว หัวหน้ากองก๋วนก็เหงื่อตก “เรียนประมุขหญิงน้อย คือว่าข้าพบเจอตัวหลิงฮันแล้ว แต่…”


“ไหนๆ หลิงฮันอยู่ที่ไหน?” ฮูหนิวหันมองซ้ายขวาราวกับเด็กน้อย โดยไม่หลงเหลือความสูงศักดิ์สิทธิ์ของ ผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเก้าเลยแม้แต่นิดเดียว


ทั้งหมดก็เป็นเพราะบุรุษผู้นั้น!


โชคดีที่ตอนนี้บุรุษผู้นั้นได้ตายไปแล้ว ถึงแม้ประมุขหญิงน้อยจะโศกเศร้าไปสักพัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง


“ประมุขหญิงน้อย ในระหว่างทางที่พวกเขาเดินทางกลับ พวกเราบังเอิญถูกลูกหลงจากการปะทะระหว่างตัวตนที่ทรงพลังเข้า ทำให้หลิงฮัน… ถูกสังหารไปแล้ว!” หัวหน้ากองก๋วนกัดฟันในขณะที่กล่าวออกไป


ฮูหนิวชักงักไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด “ไร้สาระ หลิงฮันของหนิวจะตายได้อย่างไร! พวกเจ้ารีบไปตามหาหลิงฮันกลับมาให้หนิวเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นหนิวจะโยนร่างของพวกเจ้าให้หมียักษ์กิน!”


หัวหน้ากองก๋วนเหงื่อไหลท่วมศีรษะ คนที่ตายไปแล้ว นางจะไปหาเจอได้อย่างไร?


ฮูหนิวมั่นใจเป็นอย่างมากว่าหลิงฮันจะต้องมีชีวิตอยู่ เนื่องจากนางรู้ถึงการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ หลังจากที่นางเติบโตจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นางก็ทำการตรวจสอบถึงต้นกำเนิดของหอคอยทมิฬ และพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะงั้นนางจึงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ว่าหลิงฮันจะถูกสังหารง่ายๆ


“ไม่ว่าอย่างไรหลิงฮันก็ไม่มีทางตาย หากพวกเจ้าหาเขาไม่เจอ ก็ไม่ต้องกลับมา!” ฮูหนิวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “ไม่สิ ข้าออกไปตามหาหลิงฮันเองดีกว่า! แล้วก็ตัวตนที่ทรงพลังอะไรนั่นรอหนิวก่อนเถอะ หนิวจะไปอัดทั้งสองคนนั่นให้เละเลย!”


“ประมุขหญิงน้อยห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด!” ไม่ใช้แค่หัวเราะหน้ากองก๋วน แต่สตรีชุดเกราะเงินคนอื่นก็อุทานออกมาเช่นกัน


การที่จะให้ประมุขหญิงน้อยออกเดินทางมายังโลกภายนอกนั้นอันตรายเกินไป ถ้าหากศัตรูของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์รู้เรื่องนี้เข้า และแอบลอบสังหารนางระหว่างทางล่ะ จะทำอย่างไร?


“ประมุขหญิงน้อยไม่ต้องกังวล พวกเราจะตามหาหลิงฮันให้พบอย่างแน่นอน!” หัวหน้ากองก๋วนคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น ต่อให้หลิงฮันตายไปแล้วจริงๆ นางก็จะยอมเสียเวลาตระเวนตามหาต่อไปอีกหลายหลานแสนปี


ฮูหนิวส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้อง หนิวจะออกตามหาด้วยตัวเอง”


หัวหน้ากองก๋วนและสตรีชุดเกราะเงินคนอื่นๆเหงื่อนไหลท่วมตัว


ถึงแม้พลังบ่มเพาะของนางจะสูงกว่าฮูหนิว แต่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็ยังเป็นขุมอำนาจที่ให้ความสำคัญกับชนชั้นสถานะ เหตุผลที่คำใช้เรียกฮูหนิวไม่ผู้สืบทอด แต่เป็นประมุขหญิงน้อยนั้นเป็นเพราะว่า ในอนาคตนางคือผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เพียงหนึ่งเดียว


เพราะงั้นมีรึที่พวกนางจะกล้ากล่าวห้ามฮูหนิว?


พวกนางได้แต่หวังเอาไว้ในใจว่า ผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่ยอมให้ฮูหนิวทำเรื่องเอาแต่ใจ


……

อ่านนิยาย

หลิงฮันเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียวในโลกภายนอก เนื่องจากจักรพรรดินีกำลังเก็บตัว เพื่อทะลวงผ่านระดับสี่นิพพาน ต่อให้มีความช่วยเหลือของก็ยังต้องใช้เวลานานพอสมควรอยู่ดี นางจึงไม่สามารถออกมาอยู่กับเขาได้ไปอีกสักพัก


แล้วเขาจะตามหาพวกหัวหน้ากองก๋วนอย่างไรดีล่ะ?


การตามหาใครสักคนในดินแดนแห่งเซียนอันกว้างใหญ่นี้ โอกาสที่จะพบนั้นแทบจะเท่ากับศูนย์


เพราะงั้นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ก็คือ เขาต้องสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง เมื่อใดที่ชื่อเสียงของเขาดั่งกระช่อนไปทั่ว พวกหัวหน้าก๋วนก็จะตามหาเขาพบ


อันดับแรกคือต้องหาเมืองให้พบก่อน แต่เนื่องจากว่าในอาณาเขตระแวกนี้ได้ถูกบดขยี้จนเหลือแต่ผืนดินอันว่างเปล่าไปแล้ว จึงไม่มีใครหลงเหลือให้เขาถามถึงตำแหน่งของเมืองที่ใกล้ที่สุด และต้องสุ่มหาทิศทางด้วยตัวเอง


แต่หลังจากเดินผ่านพื้นที่รกร้างอันว่างเปล่าเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว เขาก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยที่จะพบเจอเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว


หืม?


จมูกของหลิงฮันกระตุกเล็กน้อยเนื่องจากได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่าง ด้วยนิสัยจอมตะกละและความรอบรู้ในด้านสมุนไพร เขาจึงสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่า กลิ่นหอมที่โชยมานั้นเป็นกลิ่นของขากวางสามศิลาย่าง ที่ถูกหมักด้วยสมุนไพรอย่างน้อยสิบสามขนิด และสมุนไพรระดับสูงสามประเภท


หลิงฮันเดินตามกลิ่นไปจนพบเจอพื้นที่โล่งด้านหน้า ที่บริเวณนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหิน และตรงหน้าของชายหนุ่มมีเนื้อย่างที่กำลังส่งกลิ่นหอม จากการถูกเผาด้วยกองไฟ


เมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันหน้ามาทันที อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มร่างสูงผอม ที่ต่อให้กำลังนั่งอยู่เขาก็ยังสูงกว่าคนทั่วไปราวๆครึ่งศีรษะ รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอยู่ในช่วงอายุราวๆยี่สิบปีต้นๆ แถมยังหล่อเหลาเป็นอย่างมาก


ต่อให้อายุจะไม่มีความหมายในดินแดนแห่งเซียน แต่จากการไหลเวียนของพลังชีวิตของชายหนุ่มผู้นี้ ก็แสดงให้เห็นได้ว่าอายุของเขายังไม่มากเท่าไหร่


ใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงออกท่าทางประหลาดใจ เนื่องจากไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่


“สหาย ขอแบ่งอะไรให้ข้ากินบ้างได้รึไม่?” หลิงฮันกล่าว


ชายหนุ่มผู้นั้นชะงักไปก่อนเป็นอย่างแรก ก่อนจะเผยรอยยิ้มและสะบัดมือทำท่าทางเป็นเชิงอนุญาติ “เชิญ!”


หลิงฮันนั่งลงอย่างไม่มากพิธี เขานำมีดออกมาและหั่นชิ้นเนื้อย่างเข้าปากคำโต “อร่อย!”


“นายน้อย!” เพียงแต่ว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆร่างเจ็ดร่างก็วิ่งเข้ามาจากหลายทิศทาง และคุกเข่าแสดงความเคารพต่อหน้าชายหนุ่ม เพียงแต่เมื่อทั้งเจ็ดเห็นหลิงฮัน พวกเขาก็แสดงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด


ชายหนุ่มผู้นี้มีชื่อว่าหลู่เซียนหมิง สายตาของหันมองไปยังหลิงฮันก่อนจะค่อยแปรเปลี่ยนเป็นมืดมน “สหาย เจ้าไม่จำเป็นต้องเล่นละครแล้ว เจ้าสังหารเฉินสี่ไปแล้วหรือว่าเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน?”


เขาเพิ่งมานั่งพักที่นี่ได้ไม่นาน โดยที่ผู้ติดตามทั้งแปดคนของเขาได้แยกย้ายกันไปดูลาดลาวกันคนละทิศทาง เพียงแต่ว่าในทิศทางที่หลิงฮันปรากฏตัวนั้น เป็นทิศทางที่ผู้ติดตามที่เขาเรียกว่าเฉินสี่ไม่กลับมา ซึ่งเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


หลิงฮันเผยสีหน้าตกตะลึง นี่เขาเป็นตัวอัปมงคลแบบไหนกันแน่ เหตุใดเพียงแค่เดินตามกลิ่นเนื้อย่างมาก็พบเจอปัญหาเสียแล้ว?


นี่มันบ้าอะไรกัน!

 

 

 


ตอนที่ 1849 ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล

 

หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “อย่าได้เข้าใจผิด ข้าแค่ผ่านทางมาและไม่ได้รู้สี่รู้แปดอะไรด้วยเลย”


หลู่เซียนหมิงยิ้มเหยียดหยาม “ในเมื่อเจ้ายังคิดจะดื้อรั้น… จับกุมตัวเขาซะ!”


เขาต้องการรู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ติดตามของเขากันแน่ เพราะงั้นจึงไม่ได้สั่งให้สั่งสารหลิงฮันในทันที


“ขอรับ!” ผู้ติดตามทั้งเจ็ดคนน้อมรับคำสั่งและลงมือโจมตีใส่หลิงฮันทันที


หลิงฮันยังคงกินเนื้อย่างต่อและกล่าว “ข้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ บางทีคนของเจ้าอาจจะพบเห็นสตรีงดงามผ่านทางมา เลยเผลอตามนางไปก็ได้ไม่ใช่รึไง?”


“ไม่ต้องพูดมาก” ผู้ติดตามทั้งเจ็ดคนคำราม และกวัดแกว่งอาวุธด้วยจิตสังหารโหดเหี้ยม


หลิงฮันไม่แยแสแม้แต่น้อย คนเหล่านี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับโลกียนิพพานเท่านั้น แถมยังมีพลังต่อสู้เพียงแค่ทั่วไปอีก สำหรับเขาแล้วต่อให้คู่ต่อสู้เป็นราชาแห่งยุค หรือจักรพรรดิ เขาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย


ทั้งเจ็ดคนปิดล้อมและโจมตีจากทุกทิศทาง โดยที่หลิงฮันทำเพียงแค่ขยับตัวหลบหลีก


พรึบ!


เพียงแต่ทันใดนั้นเอง ปรารดาบคลื่นหนึ่งก็ได้พุ่งทะยานขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณที่หลู่เซียนหมิงกำลังยืนอยู่ คลื่นดาบที่พุ่งขึ้นมาส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วรัศมีความสูงหมื่นฟุต


คลื่นดาบนี้คือการลอบโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย นักฆ่าที่ทำการลอบสังหารนั้นสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ โดยที่แม้แต่หลิงฮันก็ไม่สังเกตเห็น และฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนลอบจู่โจมได้อย่างช่ำชอง


หลู่เซียนหมิงเค้นเสียงดูถูก หนึ่งคนทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจ ในขณะที่อีกหนึ่งคนแอบลอบโจมตีงั้นรึ? คิดว่าแผนการแบบนั้นจะทำอะไรเขาได้รึไง?


‘พรึบ’ เล่มดาบที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับปราณดาบ มีตราประทับสีเขียวเข้มสลักเอาไว้ ซึ่งก็คือยาพิษระดับสูง


หลู่เซียนหมิงสะบัดมือ ‘ฉัวะ’ ดาบรูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวปรากฏขึ้นมาในมือของเขา และปัดป้องดาบที่ฟันเข้ามาได้ทันท่วงที คลื่นกระแทกที่เกิดการการปะทะของดาบทั้งสอง ระเบิดออกราวกับคลื่นมหาสมุทรพร้อมกับถาโถมไปทั่วพื้นที่โดยรอบ


‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ร่างของหลู่เซียนหมิงถอยร่นไปด้านหลัง เนื่องจากนักฆ่าที่เป็นคนลอบโจมตีนั้น มีพลังต่อสู้ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา


และในจังหวะนั้นเอง ปราณดาบอีกคลื่นก็ทะลวงขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้ง นักฆ่าคนที่สองปรากฏตัว และกวัดแกว่งดาบเข้าใส่ช่วงอกของหลู่เซียนหมิง


การลอบโจมตีครั้งนี้เองก็เหมาะเจาะเช่นกัน เล่มดาบถูกสะบั้นเข้าใส่หลู่เซียนหมิง ในจังหวะที่การป้องกันกำลังอ่อนแออยู่พอดี


“ฮึ่ม!” หลู่เซียนหมิงไม่หวั่นเกรงและผลักมือซ้ายไปด้านหน้า ‘ครืนน’ ปราณก่อเกิดพรั่งพรูออกมาจากร่างของเขา และควบแน่นรวมกับเป็นโล่แสง


ปัง!


เล่มดาบถูกโล่แสงป้องกันเอาไว้ได้ เพียงแต่เมื่อนักฆ่าคนที่สองส่งเสียงคำราม อำนาจของดาบก็ทะยานสูงขึ้นหลายร้อยเท่า จนโล่แสงปรากฏรอยแตกร้าวและพังทลายลงในที่สุด


“ไสหัวไปซะ!” หลู่เซียนหมิงสูดหายใจตั้งหลักและกวัดแกว่งดาบรูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวในมือ


นักฆ่าคนที่สองหลบหลีกและขยับเป็นจังหวะล่าถอยไปด้านหลัง


‘พรึบ’ ปราณดาบคลื่นที่สามยังคงถาโถมเข้ามาพร้อมกับร่างของนักฆ่าคนที่สาม ครั้งนี้เป้าหมายของการโจมตีคือทิศทางด้านซ้ายของหลู่เซียนหมิง


ใบหน้าของหลู่เซียนหมิงเปลี่ยนสีทันใด


ถึงแม้การลอบโจมตีสองครั้งที่ผ่านมาจะดูยาวนาน แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นในระยะเวลาที่แทบจะพร้อมๆกัน ทำให้ตอนนี้ปราณก่อเกิดของเขาไม่สามารถควบแน่นมาเป็นโล่อีกครั้งได้ทัน


หลู่เซียนหมิงรู้ว่าดาบที่ใช้ลอบโจมตี คือดาบที่ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยหญ้าสลายวิญญาณ หากเพียงแค่ถูกปลายดาบเสียบแทง ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่จะถูกทำลาย แต่แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็จะถูกทำให้เน่าเปื่อยไปด้วยในพริบตา


นี่ชีวิตของเขาจะจบสิ้นแล้วรึ?


เมื่อมองไปยังปราณดาบที่พุ่งเข้ามา หลู่เซียนหมิงก็ทำได้เพียงรู้สึกขมขื่นในจิตใจ


“นี่ พวกเจ้าเจ้าจะรักหรืออยากฆ่ากันข้าไม่สนใจหรอกนะ แต่ช่วยอย่างใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อจะได้รึเปล่า?” หลิงฮันปรากฏตัวด้านหน้าหลู่เซียนหมิง และคว้ามือไปยังดาบพิษ


“อย่าได้ทำเชียว มันมีพิษ!” หลู่เซียนหมิงรีบสื่อสารผ่านสัมผัสสวรรค์ แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว


หลิงฮันทำเป็นไม่ได้ยิน และคว้าหมับไปที่ใบดาบ “เจ้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ! เจ้าไม่รู้รึไงว่าการที่ถูกถามแล้วไม่ตอบนั้นเป็นเรื่องที่เสียมารยาทขนาดไหน โดยเฉพาะกับเจ้าที่เป็นคนใช้ข้าเป็นตัวล่อด้วยแล้ว”


“รนหาที่ตาย!” ดวงตาของนักฆ่าคนที่สามส่องประกายโหดเหี้ยม กล้าใช้มือเปล่าสัมผัสดาบพิษงั้นรึ? เจ้าอย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอด!


แต่ก็สมควรแล้ว ใครใช้ให้เจ้าเข้ามาสอดในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน?


“ตายไปซะ!” นักฆ่าอีกสองคนเองก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ อันที่จริงแผนการลอบสังหารของพวกเขาสมควรจะสมบูรณ์แท้ๆ แต่กลับถูกขัดขวางเสียได้


ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเขาคงไม่ใช้หลิงฮันเป็นตัวล่อเพื่อเบี่ยงความสนในของหลู่เซียนหมิงหรอก


ทางด้านของผู้ติดตามทั้งเจ็ดนั้น หลังจากชะงักแน่นิ่งมาสักพัก พวกเขาก็ตั้งสติได้และลงมือทันที แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่หลิงฮัน แต่เป็นนักฆ่าอีกสองคน


“อะไรกัน ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลย!” นักฆ่าคนที่สามจ้องมองหลิงฮันด้วยดวงจาเบิกกว้าง นี่เจ้าเป้นสัตว์ประหลาดรึไงกัน ทั้งๆที่จับดาบพิษอยู่แท้ๆแต่เหตุใดร่างกายของเขาถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย


หลิงมองหันมองและกล่าว “ทำไมข้าจะต้องเป็นอะไรด้วย?”


เมื่อพบว่ามีบางอย่างไม่ปกติ นักฆ่าคนที่สามรีบดึงดาบเพื่อล่าถอยอย่างรวดเร็ว จะอย่างไรเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลาปะทะกับหลิงฮันอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายหนึ่งเดียวของพวกเขาคือหลู่เซียนหมิง


ที่มือของหลิงฮันมีอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ปกคลุมเอาไว้ ด้วยการที่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ระดับราชานิรันดร์คอยคุ้มกัน มีรึที่พิษจะลุกลามเข้าสู่ร่างกายของเขาได้?


หลิงฮันกำดาบเอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา ทำให้นักฆ่าคนที่สามไม่สามารถดึงมีดเพื่อล่าถอยได้


เขากล่าว “จะรีบไปไหนกัน? ไหนเจ้าสองอธิบายมาสิว่าทำไมถึงใช้ข้าเป็นตัวล่อ?”


นักฆ่าคนที่สามร้องหายโดยไม่มีน้ำตา เขาไม่ควรนำหลิงฮันเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเลยจริงๆ เพราะนอกจากคำพูดของอีกฝ่ายจะทำให้ประสาทเสียแล้ว พลังต่อสู้ของแข็งแกร่งเป็นอย่างมากด้วย


ทางด้านของหลู่เซียนหมิงนั้น เขายังไม่รีบลงมือโจมตีแทรก และเลือกที่จะดูการสนทนาที่น่าขบขันของหลิงฮันกับนักฆ่าคนที่สามต่อไปก่อน


“แต่ข้าก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ขอแค่เจ้าชดใช้ข้ามาด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบ หรือแร่โลหะกึ่งนิรันดร์ ข้าก็ยินดีที่จะลืมสิ่งที่เจ้าทำกับข้าเอาไว้” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงชอบธรรม


“สหาย ถ้าเจ้าช่วยข้าจัดการสามคนนี้ ข้าจะตอบแทบด้วยรางวัลที่เจ้าจะต้องพึงพอใจ!” หลู่เซียนหมิงรีบเอ่ยแทรก


“ไม่ๆๆ ทางข้าเองก็ยินดีจะชดใช้เช่นกัน!” นักฆ่าคนที่สามรีบกล่าวแย้งออกมา จากการที่หลิงฮันสามารถต้านทานพิษบนใบมีดของเขาได้นั้น ทำให้เขารับรู้ได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ที่ยากจะหยั่งถึงขนาดไหน


 

 

 


ตอนที่ 1850

 

หลิงฮันพยักหน้า “ถ้างั้นก็ต้องประมูลกัน เอาล่ะ เสนอกันมาเลยไม่ต้องเกรงใจ”


การประมูลแบบนี้มีด้วยรึ?


ไม่ใช่แค่นักฆ่าคนที่สามเท่านั้น แต่สีหน้าของหลู่เซียนหมิงก็ชะงักแข็งค้างเช่นกัน เขาเองก็เคยพบเจอคนแปลกประหลาดมาแล้วมากมาย แต่คนแบบหลิงฮันนั้น เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก


“ศิลาดวงดาวหนึ่งล้านก้อน!” ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่หลู่เซียนหมิงก็กล่าวออกมาในทันใด


ศิลาดวงดาวหนึ่งล้านก้อนนั้นถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลอย่างแท้จริง แต่หลู่เซียนหมิงผู้นี้กลับเสนอออกมาอย่างไม่คิดมาก ราวกับเงินจำนวนนี้เป็นเพียงเศษดิน


นักฆ่าคนที่สามเหงื่อไหลท่วม หากเป็นในเรื่องของทรัพยากรความมั่นคั่ง เขาจะไปเทียบกับผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถได้อย่างไร?


“สิบล้านศิลาดวงดาว!” เพียงแต่เขาก็ต้องตะโกนออกไปอย่างไม่มีทางเลือก


หลิงฮันมองไปยังนักฆ่าคนที่สามด้วยแววตาเคลือบแคลง “นี่ เจ้าคงรู้สินะว่าบทลงโทษของการเสนอราคามั่วซั่วคืออะไร?”


นักฆ่าคนที่สามรีบอธิบาย “ตราบใดที่สังหารหมอนั่นได้ พวกเราก็จะสามารถนำค่าหัวของเขา ไปแลกเปลี่ยนกับความมั่งคั่งอันไร้ที่สิ้นสุดได้ เมื่อถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่สิบล้านเลย ต่อให้เป็นร้อยล้านหรือพันล้านศิลาดวงดาว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มาครอบครอง!”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของหลู่เซียนหมิงก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ฟังจากคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย ชีวิตของเขาก็ยังมีค่ามหาศาล


หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าเจ้าก็มีส่วนที่ฉลาดกับเขาด้วย แต่ในเมื่อค่าหัวของหมอนี่มีค่าขนาดนั้น ข้าเป็นคนเอาไปแลกเปลี่ยนเองจะไม่ดีกว่ารึ?”


“แต่เจ้าไม่รู้ว่าต้องไปแลกค่าหัวกับใคร!” นักฆ่าคนที่สามคำรามออกมา ด้วยท่าทางองอาจเล็กน้อย


“นั่นก็จริง” หลิงฮันพยักหน้า ซึ่งทำให้หลู่เซียนหมิงและเหล่าผู้ติดตามทั้งเจ็ดใบหน้าเปลี่ยนสีทันที เนื่องจากพวกเขากลัวว่าหลิงฮันจะยอมรับข้อเสนอของเหล่านักฆ่า


ถึงแม้หลิงฮันจะยังไม่ได้ลงมือ แต่การที่อีกฝ่ายสามารถรับดาบพิษได้อย่างง่ายดายนั้น ได้ส่งผลให้ทุกคนหวาดกลัว และไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูด้วย


“สหาย เจ้าคงไม่รู้สินะว่านายน้อยของข้าคือใคร?” ผู้ติดตามคนหนึ่งกล่าว เพื่อเผยสถานะของหลู่เซียนหมิง “นายน้อยหลู่เซียนหมิงของข้า คือหนึ่งในสิบเอ็ดผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ แถมยังเป็นผู้สืบทอดที่มีโอกาสจะได้ขึ้นครองตำแหน่งมากที่สุด”


“เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจสี่ดาว ที่อยู่เหนือกว่าขุมอำนาจสี่ดาวทั่วไป เมืองวิถีโอสถของพวกเราถือครองสมุนไพรมากกว่าเก้าในสิบส่วนของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก และยังกล่าวได้ว่าเม็ดยาทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกนั้น อย่างน้อยสี่ในสิบส่วน ล้วนแต่มาจากเมืองเมืองวิถีโอสถ”


โอ้ ที่แท้ก็เป็นกลุ่มของนักปรุงยานี่เอง


หลิงฮันครุ่นคิดในใจก่อนจะเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก “หรือบางทีพวกเจ้าจะเป็นนักฆ่าที่คู่แข่งของหลู่เซียนหมิงส่งมา?”


หาเป็นเรื่องแก่งแย่งในพลังอำนาจล่ะก็ ต่อให้เป็นคนตระกูลเดียวกันก็สามารถเป็นศัตรูกันได้ หลิงฮันมีประสบการณ์พบเห็นเรื่องแบบมาแล้วตั้งแต่ที่โลกใบเล็ก ซึ่งต่อให้จะเป็นดินแดนแห่งเซียนแห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน


นักฆ่าคนที่สามไม่เอ่ยตอบ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการยอมรับ


หลิงฮันไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เขากล่าว “พวกเจ้าจะสังหารคนตระกูลเดียวกันหรืออะไร ก็ไม่ใช่เรื่องของข้า พวกเจ้ารีบๆเอาของในกระเป๋าออกมาประชันกันให้หมดรวดเดียวให้จบไปเลยดีกว่า”


“สหาย เจ้าได้ยินไม่ชัดรึไง? นายนายของข้าคือผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ!” ผู้ติดตามคนหนึ่งอดไม่ได้ ที่จะตะโกนออกไปเตือนสติหลิงฮัน


ภายใต้ขุมอำนาจราชานิรันดร์แล้ว เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง โดยที่ไม่มีขุมนาจสี่ดาวอื่นใดกล้ามาล่วงเกินพวกเขา ยิ่งเป็นในเรื่องของทรัพยากรความมั่งคั่งแล้ว ขุมอำนาจที่เกือบจะเทียบเคียงกับพวกเขาได้ ก็มีแค่ตำหนักกองกำลังสงครามเท่านั้น


ถึงแม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าก็เป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะสถานการในตอนนี้ล่ะก็ มีรึที่พวกข้าจะต้องทำตามคำพูดของเจ้า?


หลิงฮันมองไปยังผู้ติดตามคนนั้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ข้ากำลังทำการค้าอยู่ไม่เห็นรึไง?” เขาผลักออกฝ่ามือออกไป จนทำให้ร่างของผู้ติดตามคนนั้นล้มลงกับพื้นพร้อมกับมีเหงื่อไหลท่วมหน้าผาก


น่าพรึงกลัวอะไรอย่างนี้ ถึงแม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่คลื่นพลังอันรุนแรงที่ถาโถมเข้ามาเมื่อครู่ ก็ทำให้เขาหวาดกลัวจนแทบเยี่ยวราด


หลิงฮันดึงสายตากลับและยิ้ม “เอาล่ะ มาต่อกันได้”


คราวนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ทักท้วงใดๆอีกต่อไป พลังของหลิงฮันนั้นเพียงพอที่จะบดขยี้ทุกคนในที่นี้ เพราะงั้นหากเขาเลือกที่จะเข้าข้างฝั่งใด ฝั่งนั้นก็จะเป็นผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย


หลู่เซียนหมิงขมวดคิ้ว การเดินทางในครั้งนี้เขาไม่ได้พกศิลาดวงดาวติดตัวมาด้วยมากมายเท่าไหร่ เขาจึงกลัวว่าตนเองจะประมูลแพ้นักฆ่าทั้งสาม


‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ทั้งสองฝ่ายเริ่มนำสมบัติออกมากองไว้ด้านนอก


ในบริเวณที่ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ ทั้งศิลาดวงดาวและแร่โลหะได้ถูกนำออกมาจากอุปกรณ์มิติ และกองพะเนินรวมกันเอาไว้


หลิงฮันทำการเปรียบเทียบมูลค่าของสมบัติที่ทั้งสองฝ่ายนำออกมา ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายเองก็ไม่กล้านิ่งนอนใจ และพยายามต้นหาของมึค่าทั้งหมดออกมา


ในความเป็นจริงนั้น ทางกลุ่มของผู้ติดตามทั้งเจ็ดไม่ได้มีสมบัติติดตัวมากเท่าไหร่ สมบัติฝั่งพวกเขาที่นำออกมา จึงเป็นของหลู่เซียนหมิงทั้งหมด ส่วนทางด้านของนักฆ่าทั้งสามนั้น พวกเขาแต่ละคนสะสมความมั่งคั่งมาได้มากมายจนน่าตกใจ เพราะงั้นทั้งสองฝ่ายจึงนำสมบัติออกมาได้อย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร


เมื่อเวลาผ่านไป สมบัติที่ทั้งสองฝ่ายนำออกมาก็เริ่มน้อยลง เนื่องจากพวกเขาไม่หลงเหลือของมีค่าอะไรแล้ว ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายหยุดนำสมบัติออกมา หลิงฮันก็มองไปยังนักฆ่าทั้งสามด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย พวกเจ้าเป็นผู้ชนะการประมูล มีอะไรอยากจะกล่าวเสียหน่อยไหม?”


อยากกล่าวมารดาเจ้าสิ!


นักฆ่าทั้งสามสบถในใจ ถึงแม้พวกเขาจะชนะการประมูล แต่สมบัติทั้งหมดที่พวกเขาเก็บสะสมมาก็ไม่เหลืออยู่เลย!


โชคดีที่หลังจากสังหารหลู่เซียนหมิง พวกเขาก็ยังจะได้ค่าตอบแทนกลับมาบ้าง


ใบหน้าของหลู่เซียนหมิงเปลี่ยนไปทันที ผู้ติดตามทั้งเจ็ดคนเองก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยม และยกอาวุธขึ้นมาคุ้มกันหลู่เซียนหมิง


หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว”


นักฆ่าทั้งสามชะงัก ไหนเจ้าบอกว่าพวกข้าชนะประมูลไม่ใช่รึไง? ทำไมถึงบอกให้พวกข้าไสหัวไปกัน?


“สมบัติของพวกเจ้าคือค่าชดใช้ที่บังอาจใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ ข้าไปสัญญาด้วยตอนไหนกัน ว่าจะสังหารใครให้พวกเจ้า?” หลิงฮันถลึงตามอง “ถ้าพวกเจ้ายังไม่ไสหัวไปอีก การประมูลจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนักฆ่าทั้งสามก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความหวาดผวา และรีบเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขาสาบานกับตัวเองว่า ในชีวิตนี้จะไม่มีวันมาเจอหลิงฮันอีก


หลู่เซียนหมิงและเหล่าผู้ติดตามถอนหายใจโล่งอกได้ครู่ ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง เพราะว่าหลิงฮันไม่ใช่เก็บเพียงแค่สมบัติของนักฆ่าทั้งสามคน แต่ยังเก็บสมบัติของพวกเขาไปด้วย!


“สหาย เอ่อ…” ผู้ติดตามโอดครวญออกมาอย่างช่วยไม่ได้


หลิงฮันชำเลืองมองที่อีกฝ่าย “นี่เจ้าไม่เข้าใจกฎของโลกเลยรึไง? ข้าเป็นคนช่วยชีวิตพวกเจ้าเอาไว้ไม่ใช่รึ? แปลกตรงไหนที่ข้าจะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง?”


เหล่าผู้ติมตามทั้งเจ็ดหลายเป็นไร้คำพูด ในขณะที่หลู่เซียนหมิงประมือและหัวเราะออกมา “น้องชาย เจ้านี่ช่างเป็นยอดคนจริงๆ เจ้ามีชื่อว่าอะไรงั้นรึ?”


“หลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ในขณะที่กำลังเก็บสมบัติมากมายเข้าสู่หอคอยทมิฬ


“น้องชายหลิง เจ้าอยากจะทำงานให้ข้าหรือไม่? ไม่ว่าเจ้าอยากได้ค่าตอบแทนเป็นสิ่งใด ก็ขอให้เอ่ยมา!” หลู่เซียนหมิงกล่าวอย่างฮึกเหิมด้วยความมั่นใจ เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจสี่ดาวที่มั่งคั่งที่สุดในยุทธภพ ต่อให้เป็นตำหนักกองกำลังสงครามก็ยังด้อยกว่าขุมอำนาจของพวกเขาเล็กน้อย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)