Alchemy Emperor of the Divine Dao 1846-1847

ตอนที่ 1846 ราชานิรันดร์เหลยหยุนงั้นร...

 

สตรีชุดเกราะไม่แยแสสิ่งที่ซุนเจิ้นกล่าว นางยังคงผลักฝ่ามือต่อไป โดยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการสังหารซุนเจิ้น


ซุนเจิ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่กล้าปะทะกับสตรีชุดเกราะทองซึ่งๆหน้า เขารีบหันหลังเผ่นหนีกลับขึ้นไปบนเรือรบ เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบกลับคืนมา


‘เปรี๊ยะ’ ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยคลื่นส่ายฟ้าราวกับเทพอัสนี และพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว


อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีไม่ได้เป็นเพียงอำนาจที่มีพลังทำลายรุนแรง แต่ยังว่องไวมากอีกด้วย ซุนเจิ้นเคลื่อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศบนท้องฟ้าด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ เวลาผ่านไปแค่ชั่วพริบตา ร่างของเขาก็ลอยขึ้นมาอยู่เหนือเรือรบ


ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิด ทีนี้ก็ถึงคราวที่เขาจะตอบโต้บ้างแล้ว!


‘พรึบ’ แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเขาก็รู้สึกตึงที่หัวเข่า และพลังอันรุนแรงบางอย่างก็ดึงร่างของเขากลับลงไป


ที่เท้าของเขามีแส้พันเอาไว้!


‘ฟุบ’ ร่างของเขาร่วงลงสู้พื้นอย่างรวดเร็ว


“ไม่!” ซุนเจิ้นโอดครวญในใจ เนื่องจากเขาไม่สามารถต้านทานพลังฉุดรั้งของแส้ได้เลยแม้แต่น้อย ‘ตูม’ ร่างของเขากระแทกเข้าใส่พื้นดินอย่างรุนแรง จนปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่


ซุนเจิ้นตะเกียกตะกายคลานขึ้นมาจากหลุม “สะ… สหาย ข้าเองก็มาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์เช่นกัน หากเจ้าสังหารข้าก็มีแต่จะนำพาปัญหามาสู่ตัวเจ้าเองเสียเปล่าๆ!” ประโยคที่เขากล่าวออกไปนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นการข่มขู่ แต่แท้จริงแล้วคือการร้องขอชีวิต


สตรีชุดเกราะทองกล่าวอย่างองอาจ “ตำหนักเมฆาอัสนีน่ะรึ? ราชานิรันดร์เหลยหยุนเป็นเพียงราชานิรันดร์ระดับหนึ่งเท่านั้น หากนำเขามาอยู่ในAnchorตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถูกจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกเสียด้วยซ้ำ”


ถ้าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ไม่ได้ทำสงครามกับศัตรูที่ทรงพลัง และยังอยู่ในความรุ่งโรจน์เหมือนยุคสมัยก่อนล่ะก็ จำนวนของราชานิรันดร์ในคงมีมากถึงหนึ่งพันคนเลยด้วยซ้ำ!


“บังอาจดูหมิ่นราชาของข้า ชะตากรรมของเจ้าจะต้องพบเจอกับความตาย!” ซุนเจิ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แม้เขาจะต้องตาย ชื่อของราชานิรันดร์เหลยหยุนก็ไม่อาจถูกดูหมื่น!


“ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น!” สตรีชุดเกราะทองกล่าวอย่างไม่แยแส และสะบัดแส้ที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลัง ราวกับขุนเขากำลังล่วงหล่นออกไปอีกครั้ง


ซุนเจิ้นรีบเผ่นหนีพร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา พริบตานั้นเอง คลื่นแสงอันไร้ที่สิ้นสุดก็พรั่งพรูออกมาจากภายในร่างกายของเขา จนทำให้เขาดูราวกับเป็นดวงตะวัน


นี่ทักษะประกายแสงเร้นลับ ที่จะสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของผู้ใช้ได้หนึ่งขั้น


ตอบโต้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี!


สตรีชุดเกราะทองไม่แยแสแม้แต่น้อย นางยังคงสะบัดแส้ในมือด้วยท่าทางสงบนิ่ง ราวกับเป็นแมวที่กำลังเล่นไล่ล่าหนู


ด้วยความแตกต่างของพลังที่มีมากเกินไป สุดท้ายทักษะลับของซุนเจิ้นก็เริ่มหมดฤทธิ์ พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นก็ลดลงอย่างมหาศาลและถูกสตรีชุดเกราะทองสังหารในที่สุด


ปรมาจารย์ห้ารากฐานถูกสังหารไปอีกคนแล้ว!


ทุกคนร่างสั่นเครือและไม่กล้าสงเสียงอะไรออกมา


“จื่อจวน ให้เขาขึ้นขี่สัตว์ขี่ของเจ้า” สตรีชุดเกราะทองมองไปยังหลิงฮัน และกล่าวกับสตรีชุดเกราะเงินโดยไม่แม้แต่หันไปมอง


“เจ้าค่ะ!” สตรีชุดเกราะเงินผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากมังกรอินทรีของตน และย้ายไปนั่งกับสตรีชุดเกราะเงินอีกคน


“ไปกันได้แล้ว!” สตรีชุดเกราะทองกล่าวกับหลิงฮัน ถึงแม้นางจะคิดว่าหลิงฮันไม่เหมาะสมกับประมุขหญิงน้อยของนางก็ตาม แต่อันที่จริงแล้ว ในยุทธภพนี้ก็ไม่มีบุรุษแม้แต่คนเดียวที่เหมาะสม


หลิงฮันหัวเราะและกระโดดขึ้นไปบนหลังของมังกรอินทรีพร้อมกับจักรพรรดินี สัตว์อสูรระดับโลกียนิพพานตนนี้มีแผ่นหลังที่กว้างใหญ่มาก ซึ่งเพียงพอที่จะนำโต๊ะขนาดใหญ่ออกมาวางได้เลย


“ไปได้!” สตรีชุดเกราะทองคำรามเสียงเบา พร้อมกันนั้นเอง มังกรอินทรีทั้งสิบตัวก็กระพือปีกพร้อมกัน และเหาะเหินกลายเป็นจุดสีดำขนาดเล็กบนท้องฟ้า


ความเร็วของมังกรอินทรีน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก มันบินทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศได้อย่างมั่นคงโดยไม่ตะกุกตะกักแม้แต่น้อย หลิงฮันโอบร่างจักรพรรดินีเอาไว้ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องลมต้านที่ถาโถมเข้ามาใส่


สตรีชุดเกราะทองไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ประมุขหญิงน้อยอุตส่าห์คิดถึงบุรุษบัดซบผู้นี้ทุกวี่ทุกวันแท้ๆ แต่บุรุษผู้นี้กลับโอบกอดสตรีผู้อื่นต่อหน้านางเสียนี่!


แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องยอมรับว่า จักรพรรดินีนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ความงดงามของสตรีผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าประมุขหญิงน้อยของนางเลยแม้แต่น้อย เหตุใดบุรุษบัดซบผู้นี้ถึงโชคดีขนาดนี้กัน?


ภายในเวลาสามวัน มังกรอินทรีก็เหาะเหินข้ามผ่านขุนเขาและแม่น้ำไปแล้วนับพัน ด้วยความเร็วเช่นนี้คาดว่า พวกเขาจะไปถึงเขตมหาสมุนไร้พรมแดนได้ภายในระยะเวลาครึ่งปี


ทางด้านของจักรพรรดินีนั้น หลังจากออกเดินทางได้ไม่นานนางก็เข้าไปในหอคอยทมิฬ เนื่องจากพลังบ่มเพาะของนางบรรลุระดับสามนิพพานสูงสุดแล้ว นางจึงต้องการทะลวงผ่านระดับสี่นิพพาน เพื่อจะบรรลุขีดจำกัดห้านิพพานให้ได้เร็วที่สุด


หากไม่บรรลุระดับห้านิพพานล่ะก็ นางคงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเหล่าผู้สืบทอดของ ขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเจ็ดขึ้นไปได้


ในกรณีของหลิงฮัน เขาไม่อาจเข้าไปในหอคอยทมิฬ เนื่องจากหากเขาเข้าไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าหอคอยทมิฬจะถูกลมพัดลอยปลิวไปถึงไหน


สามเดือนผ่านพ้นไป


ในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น สตรุชุดเกราะทองก็ไม่สนใจและไม่พูดอะไรกับหลิงฮันเช่นกัน เพียงแต่ว่านางได้แซ่ให้หลิงฮันรับรู้ว่าแซ่ของนางคือก๋วน ซึ่งนางให้เขาเรียกนางว่า หัวหน้าก๋วน


ส่วนชื่อของนางคืออะไรนั้น นางไม่ได้บอกและหลิงฮันก็ไม่ได้ถาม


ในวันนี้ ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้านั้นสว่างไสวกว่าปกติและมีสายลมอุ่นๆพัดไปมา ในอาณาเขตต่างๆของดินแดนแห่งเซียน มีตัวตนทรงพลังที่สามารถสร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นมาได้อยู่ด้วย ซึ่งพวกเขาสามารถแบ่งแยกกลางวันกลางคืนได้ตามใจ ในอาณาเขตที่พวกเขากำลังบินอยู่เองก็มีดวงอาทิตย์สีแดงฉาน ล่องลอยอยู่เหนือน่านฟ้า


หากจะพูดให้เจาะจงเข้าไปอีกล่ะก็ ตัวตนที่สามารถทำแบบนี้ได้ จะต้องเป็นนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย


หลิงฮันจ้องมองไปยังดวงอาทิตย์สีแดง ภายในดวงอาทิตย์ดวงนี้นั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงอันทรงพลังอัดแน่นอยู่ จนส่งผลให้แก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิงในร่างของเขาสั่นไหว เขาอยากจะเคลื่อนที่เข้าไปและดูดซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดวงอาทิตย์ มาเป็นของตนเสียเหลือเกิน


แต่ก็แน่นอนว่าเรื่องแบบนั้นก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น อย่าเพิ่งพูดถึงว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการกระตุ้นความโกรธของตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้เลย ด้วยพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ ไม่มีทางแน่นอนที่จะดูดซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังขนาดนั้นไหว


แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆคลื่นเมฆาสีดำที่รุนแรงราวกับคลื่นมหาสมุทร ก็ลอยมาจากระยะที่ห่างไกลออกไป


ภายในเวลาชั่วพริบตา ดวงตะวันก็ถูกโอบล้อมไปด้วยหมู่เมฆสีดำและค่อยๆหม่นแสงลง หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง แรงระเบิดอันรุนแรงก็เกิดขึ้นภายในหมู่เมฆ และคลื่นความร้อนก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากหมู่เมฆสีดำ


สิ่งที่ระเบิดก็คือดวงอาทิตย์สีแดง!


 

 

 


ตอนที่ 1847 แค่ผ่านทางมา

 

“ไม่ได้การแล้ว!” ใบหน้าที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง ของหัวหน้ากองก๋วนจู่ๆก็เปลี่ยนสี “มีการปะทะกันของระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้เกิดขึ้น พวกเราต้องรีบหนี!”


นางไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งใดๆ เหล่าสตรีชุดเกราะเงินในกองกำลังของเขาก็มากประสบการณ์อยู่แล้ว สตรีชุดเกราะเงินทุกคนควบคุมทิศทางของมังกรอินทรีให้หันกลังอย่างรวดเร็ว โดยมีเพียงหลิงฮันที่ไร้ประสบการณ์เท่านนั้นที่ถูกทิ้งท้ายเอาไว้


เพียงแต่ว่ามังกรอินทรีที่เขาขี่อยู่ก็ไม่ได้โง่ การมันถูกฝึกฝนมาจนกระทั่งมีพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพานได้ สติปัญหาของมันจึงไม่มีทางต่ำเตี้ย มันส่งเสียงคำรามและกระพือปีกไล่ตามพรรคพวกไปอย่างรวดเร็ว


เพียงแต่ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของมันช้ากว่าการถูกวคบคุมมาก ทันทีที่มันกระพือเพื่อหลบหนี พวกหัวหน้ากองก๋วนก็กลายเป็นจุดสีดำในระยะที่ห่างไกลแล้ว


‘ครืนนน’ ที่ด้านหลังของหลิงฮัน คลื่นพลังทำลายสองระลอกโหมเข้าปะทะกัน คลื่นพลังหนึ่งเป็นสีดำทมิฬเหมือนกับหมู่เมฆก่อนหน้านี้ ในขณะที่อีกคลื่นพลังเป็นแดงฉาน


คลื่นพลังทำลายล้างค่อยๆโหมเข้ามายังหลิงฮันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกินกว่าที่มังกรอินทรีจะหนีทัน


มังกรอินทรีของหลิงฮันร้องโอดครวญด้วยความหวาดกลัว และพยายามกระพือปีกอย่างเอาเป็นเอาตาย


‘พรึบ’ ในจังหวะนั้นเอง แส้เส้นหนึ่งก็ลอยมาจากระยะไกล และพันร่างของมังกรอินทรีเอาไว้


หัวหน้ากองก๋วนออกแรงดึงร่างมังกรอินทรีของหลิงฮันเข้าหาตัว


เพียงแต่ว่าคลื่นอำนาจอันทรงพลังที่ถาโถมมาจากด้านหลัง ได้แผดเผาแส้ของหัวหน้ากองก๋วนหายไปในพริบตา


ในขณะที่นางคิดจะกลับไปเพื่อคว้าตัวหลิงฮัน คลื่นอาจอันไม่อาจต้านทานทั้งสองก็เข้าประชิดมาแล้ว นางจึงทำได้เพียงกัดฟันและหันหลังหนีไป


ต่อให้นางฝืนฝ่าฟันคลื่นพลังเข้าใจ หลิงฮันก็ไม่มีทางรอดชีวิตและคงถูกแผดเผาเป็นเศษขี้เถ้าไปแล้ว


มังกรอินทรีที่เหลือกระพือปีกและหลบหนีไป ต่อให้พวกหัวหน้ากองก๋วนจะมาจากตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ที่เป็นขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเก้าก็ตาม แต่ตอนนี้พวกนางก็ทำได้เพียงหลบหนี


ทางด้านของหลิงฮันนั้นไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ในตอนนี้คลื่นพลังผันผวนโหมกระหน่ำเข้ามาประชิด เขาได้ทำการโจมตีมังกรอินทรีให้สลบอย่างรวดเร็ว และพามันเข้าหอคอยทมิฬไปพร้อมกันทันที


‘ครืนนน’ คลื่นทำลายล้างอันน่าสะพรึงกวาดผ่านไปทั่วบริเวณจนผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน ถึงแม้พลังของมันจะไม่เพียงพอที่จะทำให้หอทมิฬสั่นไหวได้ แต่อำนาจของคลื่นพลังที่น่าสะพรึงนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หลิงฮันรู้สึกหวาดผวา


แต่ก็เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ที่ปะทะกันอยู่นั้น ไม่ได้จงใจโจมตีมายังพวกเขา เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ทั้งเขาและพวกหัวหน้ากองก๋วนคงถูกสังหารในพริบตา โดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหนี พวกเขาเพียงแค่โชคร้ายเท่านั้น ที่มาโดนลูกหลงของการปะทะระหว่างตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้


การต่อสู้ได้ดำเนินไปเป็นเวลาหลายต่อหลายต่อ ถึงแม้หลิงฮันที่อยู่ในหอคอยทมิฬจะมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าปรมาจารย์ทั้งสองคนยังคงปะทะกันอยู่


“รีบๆสู้กันให้เสร็จไม่ได้รึไงกัน? ข้ากำลังรีบอยู่นะ” หลิงฮันถอนหายใจ ถึงแม้ภายในหอคอยทมิฬจะมีจักรพรรดินี สตรีนกอมตะและทารกทั้งสองคอยเล่นอยู่กับเขาด้วย แต่ในตอนนี้เขาอยากเจอฮูหนิวกับครอบครัวต่างหาก ไม่รู้ว่าป่านนี้บุตรของเขาจะอายุเท่าไหร่แล้ว หรือบางทีเขาอาจจะมีหลานแล้วก็เป็นได้


……


“นังจิ้งจอกมาร เจ้าทำลายเมืองของข้าไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไม่คิดจะหยุดมืออีกรึ?” ที่บริเวณเหนือน่านฟ้า บุรุษที่ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยส่งเสียงตะโกนด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด


ในมือของเขาถือค้อนสงครามที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีม่วงเอาไว้ อำนาจของเปลวเพลิงนี้ ทรงพลังจนสามารถแผดเผา ปรมาจารย์ระดับห้ารากฐานได้อย่างง่ายดาย


“หลิวหลิงเฟิง ในขณะที่เก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่ เจ้าบังอาจลอบเข้ามาโจมตีข้าจนข้าเกือบจะต้องสูญเสีย พลังบ่มเพาะที่สั่งสมมาตลอดหลายร้อยล้านปีไป เจ้าคิดว่าหากไม่ได้สังหารเจ้า ข้าจะหายโกรธแค้นงั้นรึ?” ศัตรูของบุรุษถือค้อนคือสตรีสวมชุดแดง ที่ใบหน้าปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งเต๋าอันผันผวน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์


เรือนร่างของนางนั้นงดงามและเว้านูนอย่างมีเสน่ห์


ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนหลิงฮันไม่สามารถออกมาจากหอคอยทมิฬได้


หลิวหลิงเฟิงคือชายถือค้อนที่มีผมกระเซอะกระเซิงไปทั่วศีรษะ ปลายเส้นผมทุกเส้นของเขามีเปลวเพลิงแผดเผาอยู่เป็นระยะ ซึ่งใบหน้าของเขาในตอนนี้แสดงออกถึงความโกรธเป็นอย่างถึงที่สุด


สิ่งที่สตรีชุดแดงกล่าวล้วนแต่เป็นความจริง เขาฉวยโอกาสตอนที่นางกำลังเก็บตัวบ่มเพาะพลังในการลอบโจมตีเพื่อช่วงชิงผลแห่งเต๋าของนางมา แต่แผนการของเขากลับล้มเหลวอย่างไม่คาดฝัน เนื่องจากนางติดตั้งค่ายอาคมเอาไว้หลายชั้น


ผลลัพธ์จากการลอบโจมตีล้มเหลว ทำให้สตรีชุดแดงผู้นี้หวนกลับมาแก้แค้น โดยการบดขยี้เมืองของเขาไม่เหลือในกระบวนท่าเดียว ถึงแม้เมืองที่ว่าจะไม่ใช่เมืองรากฐานของตระกูลหลิว แต่เขาก็สร้างมันขึ้นว่าด้วยน้ำพักน้ำแรงหลายล้านปี


“นังจิ้งจอกมาร ตายซะ!” เขาหวดค้อนในมือเข้าใส่สตรีชุดแดง เปลวเพลิงนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนกลายเป็นอุกกาบาตจำนวนมากล่วงหล่นใส่พื้นดิน จนเกิดเป็นหลุมขนาดเท่าทะเลสาป


นี่คือความแข็งแกร่งของระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ การโจมตีของพวกเขาทรงพลังราวกับจะสามารถบดขยี้ได้แม้แต่สวรรค์และปฐพี


“เจ้าอันธพาลจอมหน้าด้าน!” สตรีชุดแดงเองก็เกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน นางถูกอีกฝ่ายลอบโจมตีจนเกือบจะต้องสูญเสียพลังบ่มเพาะที่ฝึกฝนมาหลายร้อยล้านปี หากหลิวหลิงเฟิงผู้นี้ไม่ตายล่ะก็ ความโกรธแค้นของนางย่อมไม่มีวันหายไป


การต่อสู้ดำเนินไปอีกสี่เดือน ปรมาจารย์ทั้งสองต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัส และจำเป็นต้องล่าถอยกันทั้งคู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเหมือนว่าความบาดหมางในครั้งนี้ จะถูกสะสางไม่ได้ง่ายๆแน่นอน


หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬได้ในที่สุด และถอนหายใจอย่างขมขื่น เนื่องจากภูมิประเทศถูกบดขยี้และกลายเป็นทะเลเพลิงไปหมดแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าตัวเขาในตอนนี้อยู่ห่างจากตำแหน่งที่พลัดหลง กับหัวหน้ากองก๋วนมาไกลแค่ไหนแล้ว


เขาทำได้เพียงค่อยๆตามหาตำแหน่งไปอย่างช้าเท่านั้น


แต่ตอนนี้เปลวเพลิงกำลังเผาผลาญไปทั่วบริเวณด้วย ต่อให้หลิงฮันจะมีแก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิง และเพลิงเก้าสวรรค์เป็นเกราะคุ้มกาย เขาก็ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ


เขาจำเป็นต้องเดินตามหาตำแหน่งให้ทั่ว แต่ด้วยทะเลเพลิงขนาดใหญ่เช่นนี้ เกรงว่ากว่าเขาจะเดินไปทั่วบริเวณได้ ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน


“หลิวหลิงเฟิง เจ้าตัวบัดซบ!” หลิงฮันกัดฟันสาปแช่ง ถ้าเจ้าหมอนั่นไม่ได้ลอบโจมตีล่ะก็ มีรึที่การปะทะครั้งนี้จะเกิดขึ้น?


ถ้าหากเขากลับไปรวมตัวกับหัวหน้ากองก๋วนไม่ได้ล่ะก็ ระยะเวลาที่เขาจะไปยังดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกและได้พบเจอฮูหนิว ก็คงจะยืดยาวออกไปอีก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)