Alchemy Emperor of the Divine Dao 1718-1724

ตอนที่ 1718 มีใครน่าโมโหกว่านี้ไหม?

 

“หลิงฮัน!” เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับร่างของเม่าไต้ที่เดินใกล้เข้ามา


หลิงฮันรีบผสานมือคำนับอย่างรวดเร็วและกล่าว “คารวะผู้อาวุโสเม่าไต้!” เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่ายเป็นอย่างมากที่ชี้แนะวิธีการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานอีกวิธีให้แก่เขา


สีหน้าของเม่าไต้ไม่ค่อยรื่นรมย์เท่าไหร่ เขากล่าว “เจ้าต้องการเข้าร่วมกับตระกูลติงจริงๆรึ?”


เขารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ขนาดตัวเขายังไม่มีคุณสมบัติจะเป็นอาจารย์ของหลิงฮัน แต่หลิงฮันกลับเลือกที่จะเข้าร่วมกับตระกูลติงเสียได้


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าจะเข้าร่วมตระกูลติงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะยอมรับข้ารึไม่”


หมายว่าอย่างไรกัน?


เม่าไต้สับสน ตระกูลติงถึงขนาดจะเปิดวิหารบรรพบุรุษเพื่อเจ้า ซึ่งวันนี้ชื่อของเจ้าจะถูกประทับลงบนประวัติศาสตร์ตระกูลติง เจ้ายังจะสงสัยอีกรึว่าพวกเขาจะยอมรับเจ้ารึไม่? ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อใดที่เจ้าเปลี่ยนแซ่เป็นของตระกูลติง ไม่ว่าตระกูลติงจะทำเรื่องโหดร้ายแบบใดกับเจ้า คนนอกก็ไม่สามารถยื่นมือเข้ามายุ่งได้


“ผู้อาวุโสไม่ต้องเป็นกังวล ข้ารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร” หลิงฮันกล่าวโน้มน้าวให้เม่าไต้สบายใจ


เม่าไต้จ้องมองหลิงฮันอย่างลึกซึ้งก่อนจะพยักหน้าและตัดสินใจเฝ้าดูเหตุการณ์ในวันนี้เอาไว้ให้ดี


ประมุขตระกูลต้วนและตระกูลล้งก็มาเช่นกัน พวกเขาต้องการเกลี้ยกล่อมหลิงฮันเป็นครั้งสุดท้าย


“นายน้อยฮัน” รุ่นเยาว์ของตระกูลติงผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาหลิงฮันด้วยท่าทางสุภาพ


ตอนนี้หลิงฮันยังไม่ใช้คนของตระกูลติงอย่างเป็นทางการก็จริง แต่อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีตระกูลติงอาจจะยอมละทิ้งความบาดหมางในอดีตกับหลิงฮันและหันมาทุ่มเทฝึกฝนให้แทนก็เป็นได้


หลิงฮันพยักหน้าโดยไม่กล่าวอะไร เขาไม่ได้รู้สึกชื่นชอบตระกูลติงเลยแม้แต่น้อยจึงไม่อยากจะพล่ามอะไรให้มากความ


รุ่นเยาว์ตระกูลติงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขากล่าว “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว โปรดตามข้ามา”


เนื่องจากหลังจากนี้หลิงฮันจะต้องไปยังวิหารบรรพบุรุษอันเป็นสถานที่ศักด์สิทธิ์ รุ่นเยาว์ตระกูลติงจึงได้นำพาหลิงฮันเดินผ่านประตูเข้ามาและไปเตรียมตัว


แน่นอนว่าคนที่มาเข้าร่วมชมพิธีเข้าร่วมตระกูลไม่ได้มีแค่คนของตระกูลติง ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมก็ได้ไปรอยังวิหารบรรพบุรุษก่อนแล้ว


โดยปกติ แค่การที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเข้าร่วมตระกูลติงนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงดูดความสนใจของตัวตนระดับโลกียนิพพาน แต่ใครใช้ให้ชื่อเสียงของหลิงฮันโด่งดังกัน? เขาคือราชาแห่งยุคที่มีพรสวรรค์เทียบเท่ารัชทายาทของนิกายจันทราหม่นแสง ความสำเร็จภายภาคหน้าของของเขาย่อมไร้ขีดจำกัด!


เพราะเหตุนั้น ในพิธีรับคนเข้าตระกูลครั้งนี้ จึงไม่ได้มีเพียงแค่ประมุขของตระกูลติงที่เข้าร่วม แต่ตัวตนระดับสูงของตระกูลล้ง ตระกูลต้วน หรือแม้แต่เม่าไต้ก็มาก็เช่นกัน


หลิงฮันเดินตามรุ่นเยาว์ตระกูลติงมาถึงลานที่พักแห่งหนึ่ง หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมงไปกับการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลิงฮันก็แต่งโฉมด้วยชุดใหม่และเปิดประตูเดินออกมา


สิ่งที่ไม่คาดคิดคือคนที่รอเขาอยู่หน้าประตูไม่ใช่รุ่นเยาว์ตระกูลติงคนเดิมแต่เป็นติงเซี่ยวเฉิน


“หลิงฮัน!” ติงเซี่ยวเฉินกัดฟันแค้นและกล่าว “เจ้าอาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่เจ้าไม่มีวันหลอกข้าได้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องวางแผนชั่วร้ายเอาไว้อย่างแน่นอน!”


หลิงฮันหัวเราะก่อนจะกล่าว “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นพวกไร้สมองเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพอฉลาดอยู่บ้าง”


“ฮึ่ม ครั้งนี้เจ้าพลาดแล้ว!” ติงเซี่ยวเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อเจ้าเข้าร่วมตระกูลติงแล้ว ชีวิตของเจ้าจะเป็นหรือตายนั้นตระกูลติงคือผู้กำหนด!”


“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า?” หลิงฮันยิ้ม


“ตั้งแต่ตอนที่เจ้าเหยียบย่ำเข้ามายังตระกูลติง โชคชะตาของเจ้าก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว” ติงเซี่ยวเฉินเค้นเสียง “เจ้าไม่มีวันหันหลังกลับได้!”


ท่าทีของหลิงฮันยังคงสงบนิ่งไม่ร้อนรน เขากล่าว “เจ้าเข้าใจผิดไปนะ ข้ายังไม่ได้เข้าร่วมตระกูลติงเสียหน่อย แต่เดี๋ยวก่อน… จะว่าไปข้าเองก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกันว่าตระกูลติงของเจ้าจะไม่รับข้าเข้าตระกูล!”


“จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งตัวจ้อยเช่นเจ้าจะสร้างปัญหาได้แค่ไหนกันเชียว ตระกูลข้าถึงจะไม่รับเข้าตระกูล?” ติงเซี่ยวเฉินไม่คิดเช่นนั้น


“ข้าไม่น่าชมเลยว่าเจ้าพอจะมีสมองอยู่บ้าง สุดท้ายสมองของเจ้าก็โง่งมไม่ต่างอะไรกันแมลงสาป” หลิงฮันถอนหายใจและส่ายหัว


“เจ้า…” ติงเซี่ยวเฉินเกี้ยวกราวขึ้นมา


หลิงฮันยิ้ม “หรืออยากจะสู้?”


ติงเซี่ยวเฉินพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ ต่อหน้าหลิงฮันพลังของเขาไม่อาจทำอะไรได้


“มากับข้า ถึงเวลาต้องไปวิหารบรรพบุรุษเพื่อสักการะเหล่าบรรพบุรุษแล้ว” เขาสะบัดแขนเสื้อและเดินนำออกไป แต่หลังจากเดินไปได้สักพักร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงักและหันกลับมาเนื่องจากหลิงฮันไม่ได้เดินตามมาเลยแม้แต่ก้าว เข้าเค้นเสียงกล่าว “รีบๆตามมา”


“หากเจ้าบอกให้ตามไปข้าก็ต้องตามไปงั้นรึ? คิดว่าข้าไร้ศักดิ์ศรีหรือยังไง?” หลิงฮันไม่เดินตามไปและเลือกที่จะนั่งลง “เจ้าจะพล่ามอะไรก็ตามสบายข้าไม่รีบ”


เจ้าไม่รีบแต่ข้ารีบ!


หากหน้าที่เพียงเท่านี้ยังไม่สามารถทำได้ แล้วประมุขตระกูลจะมองเขาอย่างไร?


“หลิงฮัน อย่าได้สำคัญตนผิด!” เขาไม่ยินยอมที่จะร้องขอให้หลิงฮันตามมาแต่เลือกที่จะพูดคุกคาม


หลิงฮันจ้องมองติงเซี่ยวเฉินด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์


“หลิงฮัน!” ติงเซี่ยวเฉินขึ้นเสียง


หลิงฮันยกเข่าขึ้นหนึ่งข้างและแคะหู “ลองเห่าอีกครั้งสิ ข้าได้ทุบตีคนแถวนี้แน่”


“แล้วข้าต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมตามมา?” ติงเซี่ยวเฉินพยายามระงับอารมณ์


หลิงฮันเผยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าว “คำพูดที่หยาบคายของเจ้าเมื่อครู่ช่างเสียดแทงจิตใจของข้า จนทำให้ข้าไม่อยากขยับตัวไปไหนแล้วตอนนี้


เสียดแทงน้องสาวเจ้าน่ะสิ!


ติงเซี่ยวเฉินไม่กล้าขึ้นเสียงและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ได้ ข้าขอโทษ!”


“เจ้ายังจริงใจไม่พอ!” หลิงฮันส่ายหัว


แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าจริงใจ?


ติงเซี่ยวเฉินกัดฟัน “ข้าขออภัยด้วย เป็นข้าเองที่ปากพล่อยเมื่อครู่ ด้วยจิตใจอันกว้างใหญ่ของเจ้าหวังว่าจะไม่ถือโทษโกรธข้า”


หลิงฮันยังคงส่ายหัว “จิตใจอันกว้างใหญ่อะไร ข้าใจแคบจะตาย”


บัดซบ!


ปกติติงเซี่ยวเฉินไม่ใช่คนที่จะสูญเสียอารมณ์จนควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮันเขาถึงได้ไม่เคยสบอารมณ์เลยสักครั้ง เขาจ้องมองหลิงฮันอย่างรังเกียจก่อนจะโค้งตัวก้มหัวและกล่าว “ข้าขออภัยจริงๆ”


หลิงฮันลุกขึ้นยืนและกล่าว “จะมัวยืนนิ่งทำไม? รีบไปได้แล้ว หากไปพิธีสำคัญเช่นนี้สายเจ้าคิดว่าตัวเองจะรับผิดชอบไหวรึไง?”


ประโยคนี้ทำให้ติงเซี่ยวเฉินรู้สึกเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องยอมเดินนำทางหลิงฮันไปอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนที่หลิงฮันจะเข้าร่วมตระกูลติงอย่างเป็นทางการ เขาจำเป็นต้องยอมหลิงฮันไปก่อนในทุกๆเรื่อง

 

 

 


ตอนที่ 1719 เริ่มการแสดง

 

หลิงฮันเดิมตามติงเซี่ยวเฉินไปยังวิหารบรรพบุรุษ


ตระกูลติงมีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก พื้นที่ในตระกูลกว้างขวางถึงขนาดมีภูเขาใหญ่ยักษ์สูงเสียดเมฆตั้งตระหง่านเอาไว้ด้วย ขนาดของตระกูลติงสามารถเทียบได้กับเมืองทั้งเมืองในโลกบรรพกาล!


เพราะงั้นต่อให้ทั้งสองคนจะเป็นราชาเซียนสูงสุดก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงวิหารบรรพบุรุษ


วิหารแห่งนี้มีสีทองอร่ามงดงามและดูน่าเกรงขาม


หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและกล่าว “ช่างน่าเสียดายนัก”


น่าเสียดายอะไรของเจ้า?


ติงเซี่ยวเฉินคิดในใจแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม เพราะทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับหลิงฮันทีไรเขาจะต้องถูกทำให้อัปยศกลับมาทุกที


ตัวตนระดับสูงจำนวนหนึ่งได้มารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว หลังจากพาหลิงฮันมาถึงจุดหมายได้สำเร็จ ติงเซี่ยวเฉินก็ถอนหายใจโล่งอกก่อนจะจ้องมองหลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราดและหันหลังเดินจากไป


“หลิงฮัน!” เสียงของติงหู่เอ่ยดังขึ้น เขาจดจ้องมายังหลิงฮันและกล่าว “ใกล้จะได้เวลาแล้ว จงมาทำการสักการะเหล่าบรรพบุรุษของตระกูลติงและพวกเราจะรับเจ้าเป็นสมาชิกตระกูลอย่างเป็นทางการ”


หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ตระกูลติงต้องการรับข้าเข้าตระกูลจริงๆรึ?”


นี่เจ้าบ้ารึเปล่า คิดว่าพวกข้าเปิดวิหารบรรพบุรุษเพื่อแกล้งเจ้าเล่นๆรึไง?


“แน่นอน” ติงหู่พยักหน้า เนื่องจากวันนี้มีคนจากสองตระกูลอื่นมาร่วมงานพิธีด้วยเขาจึงจำเป็นต้องรักษาหน้าเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งตัวจ้อยเช่นนี้ เขาคงคำรามกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ออกไปแล้ว


“พวกเจ้าจะไม่เสียใจภายหลังจริงๆสินะ?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม


เขาพยายามถ่วงเวลาเอาไว้พร้อมกับพึมพำกับตัวเอง ‘เหตุใดสุนัขตัวดำยังไม่มาเสียที?’


มุมปากของติงหู่กระตุก นี่เจ้าเป็นบ้าอะไร? เขาเค้นเสียงและกล่าว “แน่นอน พวกข้าไม่มีวันเสียใจภายหลัง! เจ้…”


หลิงฮันเปิดปากเอ่ยแทรกโดยไม่รอให้ติงหู่พูดจบ “ตระกูลติงจะรับผิดชอบปัญหาทุกอย่างที่ข้าเคยก่อไว้?”


ติงหู่โมโหจนอยากจะสังหารใครสักคน เขาเริ่มรู้สึกเสียใจแล้วที่เป็นคนรับหน้าที่นี้ เขาพยายามสงบสติอารมณ์และกล่าว “ในเมื่อเจ้าเป็นคนของตระกูลติงแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกข้าก็จะเป็นผู้หนุนหลังให้เจ้า”


“จริงรึ? แน่ใจนะ?” หลิงฮันเอ่ยถามไม่หยุด


มือของติงหู่กระตุกไปใกล้จะหมดความอดทน


แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงเอะอะของอะไรบางอย่างก็ดังมาจากทิศทางที่ห่างไกลราวกับกำลังจะมีความโกลาหลเกิดขึ้น


หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าสุนัขตัวดำก็มาเสียที


“เจ้ามารเฒ่าไร้น้ำยา เมื่อเช้าเจ้าไม่ได้กินอาหารรึไง? หรือเมื่อคืนเจ้าเล่นสนุกกับสตรีหนักเกินไป ขาของเจ้าถึงได้ไร้เรี่ยวแรงเช่นนั้น? นี่เวลาก็ผ่านมานานแล้วเจ้ายังไล่ตามนายท่านหมามาไม่ทันเสียที!” เสียงของสุนัขตัวดำตะโกนหยอกล้อใครบางคน “หรือข้าจะยอมอ่อนข้อให้เจ้าดี?”


‘พรึบ’ เงาสีดำร่างหนึ่งลอยข้ามผ่านท้องฟ้าเข้ามายังตระกูลติง มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสุนัขตัวดำที่สวมกางเกงในเหล็กสะท้อนแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า มันงอขาข้างหนึ่งเอาไว้และใช้เพียงสามขาวิ่งหนีอะไรบางอย่าง


ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดถึงได้มีสุนัขปรากฏตัวขึ้นที่วิหารบรรพบุรุษอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลติง?


“ช่างกล้านัก!” ติงหู่ทำการคว้ามือไปยังสุนัขตัวดำในทันทีโดยที่ตัวเขาเองก็ยังสงสัยว่าสุนัขที่มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสร้างสรรพสิ่งสามารถเล็ดลอดเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร


แต่เมื่อลงมือด้วยตัวเอง ติงหู่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสุนัขตัวนี้ถึงได้โผล่มาที่นี่ได้ ในขณะที่ถูกมือปราณก่อเกิดพุ่งเข้าใส่ จู่ๆร่างของสุนัขตัวดำก็เปิดช่องว่างมิติหลบหนีไปและปรากฏตัวออกมาอีกครั้งในรัศมีที่ไกลจากมือปราณก่อเกิดของติงหู่


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคน


เป็นไปได้อย่างไรที่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานจะโจมตีพลาด?


ไม่เพียงแค่ติงหู่ที่ตกตะลึงจนร่างแข็งค้าง แต่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งคนอื่นๆอย่างเม่าไต้หรือเหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลต้วนและตระกูลล้งก็เผลออุทานออกมาเช่นกัน


ดวงตาของเม่าไต้หันไปมองที่หลิงฮันทันที ก่อนหน้านี้หลิงฮันเคยกล่าวคำพูดแปลกๆออกมา หรือว่าจะหมายถึงสุนัขตัวดำตนนี้?


‘ครืนน’ คลื่นพลังอีกระลอกพุ่งทะยานเข้ามา แรงกดดันจากคลื่นพลังที่เพิ่งปรากฏนี้ ส่งผลให้ทุกคนที่มีระดับพลังต่ำกว่าโลกียนิพพานใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันใด


ติงหู่เกรี้ยวกราด เมื่อครู่ก็สุนัขตัวดำ แล้วคราวนี้ใครอีก?


พวกเจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน ถึงได้อยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป?


“ฮึ่ม! เจ้าเป็นใครกัน กล้าดีอย่างไรถึงบุกรุกเข้ามาในตระกูลติงของข้า?” เขาเหาะเหินขึ้นไปยืนขวางร่างที่กำลังพุ่งเข้ามา


ตูม!


เมื่อร่างทั้งสองเข้าประชิดกัน เงาที่เพิ่งพุ่งเข้ามาก็ทำการตบเข้าที่ใบหน้าของติงหู่จนร่างลอยกระเด็นทะลุกำแพงที่อยู่ไม่ไกลทันที


อะไรกัน!


ติงหู่คือนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ต่อให้จะยังเป็นเพียงหนึ่งนิพพาน แต่ตราบใดที่บรรลุระดับพลังนี้ได้ใครบ้างจะไม่ใช่อัจฉริยะที่ทรงพลัง? ทุกคนจ้องมองไปยังร่างที่เพิ่งปรากฏตัวด้วยท่าทางจริงจัง ภาพที่พวกเขามองเห็นคือชายชราผู้หนึ่งกำลังอุ้มรุ่นเยาว์อีกคนเอาไว้ในมือ ละลอกคลื่นพลังที่เกิดจากออร่าของชายชรานั้นรุนแรงราวกับคลื่นมหาสมุทร


“สี่นิพพาน!” เม่าไต้ ผู้อาวุโสสามนิพพานของตระกูลล้งและตระกูลต้วนอุทานออกมาพร้อมกัน


แต่เมืองธุลีจันทรามีตัวตนระดับสี่นิพพานเพียงแค่สามคนเท่านั้นคือประมุขของสามตระกูลใหญ่ ซึ่งชายชราผู้นี้ไม่ใช่หนึ่งในสามประมุขที่ว่าแน่นอน ถ้าเช่นนั่นแล้วเขาเป็นใครมาจากไหน?


หลิงฮันรู้ว่าชายชราผู้นี้คือใคร อีกฝ่ายต้องเป็นคนจากตระกูลหานที่ครั้งนี้มาเมืองธุลีจันทราพร้อมกับหานฉีอย่างแน่นอน


“ผู้อาวุโสหาน ท่านมีโทสะเพราะเหตุอันใด?” ติงซานและติงซงรีบกล่าวทักทาย แน่นอนว่าทั้งสองย่อมต้องรู้จักชายชราผู้นี้เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนที่ถูกตระกูลหานส่งมาสืบสวนเมื่อครั้งก่อน


ชายชรามีชื่อว่าหานลู่ แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งของตระกูลหาน แต่สำหรับที่นี่เขาเปรียบได้ดั่งตัวตนที่ทรงพลังที่สุด


พรวด!


จู่ๆใครบางคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเนื่องจากมองเห็นว่าที่บริเวณก้นของหานลู่นั้นกางเกงบางส่วนได้ถูกฉีกขาดหายไป จากรูปทรงของรอยขาดแล้วมันต้องเป็นรอยกัดไม่ผิดแน่ เมื่อนำไปคิดรวมกับสุนัขตัวดำที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ คงเดาไม่ยากว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น


หานลู่ถูกสุนัขกัดก้นและไล่ตามมันมาจนถึงที่นี่


หานลู่เมินเฉยติงซานและติงซง สายตาของเขากวาดผ่านมองหาสุนัขตัวดำ แต่ทว่าสุนัขตัวดำนั้นราวกับว่าได้ระเหยหายไปกับอากาศ ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรก็ไม่พบร่องรอยออร่าของมันเลยแม้แต่น้อย


“อ้ากก” ติงหู่คำรามอย่างเกรี้ยวกราดและพุ่งออกมาจากรูกำแพง เพียงแต่ร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงักอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่าคนที่ตบหน้าเขาคือหานลู่!


ความเกรี้ยวกราดของติงหู่สลายหายไปทันที ใบหน้าของเขาปรากฏถึงความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้จะอยากระบายความโกรธสักแค่ไหนแต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินได้


“เฒ่าชราบัดซบ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าลงมือในตระกูลติงของข้า เจ้าแก่จนเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ?” ทันใดนั้นเสียงอันก้องกังวานก็ดังขึ้นมา


เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหลิงฮัน

 

 

 


ตอนที่ 1720 ความเสียหายครั้งใหญ่

 

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงฮัน สมาชิกตระกูลติงทุกคนก็หวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น


บ้าไปแล้ว! เจ้าไม่รู้ไงว่าชายชราผู้นั้นเป็นใคร?


ต่อหน้านิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน เจ้ากล้าพูดจาเช่นนั้นได้อย่างไร?


แต่เมื่อเห็นว่าหานลู่ไม่ได้แสดงท่าทีเกี้ยวกราดอะไร ติงซงก็รีบกล่าวออกมา “โปรดผู้อาวุโสอย่าถือสารุ่นเยาว์ผู้โง่เขลาของตระกูลข้า! เขาเป็นเพียงกบก้นบ่อที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”


เนื่องจากวันนี้เป็นพิธีรับหลิงฮันเข้าสู่ตระกูล ติงซงจึงกล่าวออกไปว่าหลิงฮันเป็นสมาชิกของตระกูลติงตามจิตใต้สำนึก


หานลู่กวาดสายตามอง แม้ใบหน้าของเขาจะปรากฏร่องรอยของความโกรธอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ต่อให้ตระกูลติงจะไม่นับเป็นอันใดได้ในสายตาของเขา แต่ตระกูลติงก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลฟู่ หากเขาสังหารใครมั่วซั่วอาจจะกลายเป็นการหักหน้าตระกูลฟูได้


แต่ก็แน่นอนว่าหากเขาจะสังหารจริงๆก็ย่อมทำได้ ใครใช้ให้หลิงฮันกล้าพูดจาเหยียดหยามนิรันดร์สี่นิพพานเช่นเขากันล่ะ?


แต่ทว่า สิ่งที่อยู่ในหัวหานลู่ในตอนนี้มีเพียงความต้องการที่จะสังหารสุนัขตัวดำที่กล้ามากัดก้นเขา!


แต่พูดก็พูดแล้ว เจ้าสุนัขตัวดำเองก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก มันสามารถกัดก้นของนิรันดร์สี่นิพพานได้แถมยังหนีพ้นอีกด้วย


“พวกท่านจะไปยอมง่ายๆได้อย่างไร?” ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกถึงความชอบธรรม “พวกท่านก็เห็นไม่ใช่รึว่าผู้อาวุโสหู่ถูกเขาตบหน้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส? ที่นี่คือวิหารบรรพบุรุษตระกูลติงอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา หากเฒ่าชรานั่นลงมือวิวาทที่นี่นั่นหมายถึงเขาไม่เห็นตระกูลของเราอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย หากเราไม่ลงโทษเขาให้เข็ดหลาบ ตระกูลติงจะยังมีหน้าไปพบใครได้อีก?”


ติงซง ติงซานและติงหู่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว การกระทำของเจ้ากำลังพาตระกูลติงไปสู่ความพินาศ!


ใบหน้าของหานลู่เผยให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราดอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป มดปลวกตัวจ้อยระดับสร้างสรรพสิ่งกล้าดูถูกเขางั้นรึ? ช่างรนหาที่ตาย


“ใช่แล้ว เป็นเจ้า!” จู่ๆรุ่นเยาว์ที่หานลู่จับอยู่ในมือก็เปิดปากพูด เขาจดจ้องมายังหลิงฮันด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุด


รุ่นเยาว์ที่ว่าคือหานฉี หลังจากที่กายหยาบถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก ด้วยวิธีการลึกลับบางอย่างก็ได้ทำให้เขาได้รับร่างใหม่ที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับร่างก่อนไม่มีผิดเพี้ยน


สมกับเป็นขุมอำนาจระดับขอบเขตตำหนักอมตะ


หลิงฮันจ้องมองไปยังหานฉีและกล่าว “ผู้ใหญ่กำลังพูดกันอยู่ เด็กเช่นเจ้าหุบปากไป! เฒ่าชราบัดซบ เจ้าจงคุกเข่าขออภัยผู้อาวุโสตระกูลข้าเดี๋ยวนี้!”


หานลู่มองไปยังหานฉีและกล่าว “ฉีเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สถานะของหานฉีนั้นสูงส่งเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายเป็นถึงบุตรของประมุขตระกูลหาน


ร่างของหานฉีสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เวลาผ่านมาหลายปีในที่สุดเขาก็หาตัวคนร้ายพบ! เขากล่าวพูดคุยกับหานลู่ผ่านสัมผัสสวรรค์ด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม


หานลู่ที่รับรู้เรื่องราวแล้วก็รู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมาเช่นกัน


เจ้าพวกตระกูลติง! ไหนพวกเจ้าบอกว่าคนร้ายที่สังหารหานฉีในโลกบรรพกาลไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเจ้ากัน? ถ้าเช่นนั้นแล้วรุ่นเยาว์ตรงหน้านี่ล่ะเป็นใคร! พวกเจ้าช่างกล้านักที่โกหกข้าหลายต่อหลายครั้งว่าตระกูลพวกเจ้าไม่มีคนร้ายอยู่จนข้าเกือบหลงเชื่อ


หานลู่พยายามระงับสีหน้าให้สงบนิ่งเหมือนปกติและหันไปกล่าวกับพวกตงซวนทั้งสามคน “รุ่นเยาว์ผู้นั้นเป็นคนของตระกูลเจ้า?”


“เขาเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลอันต่ำต้อยของพวกข้าเอง” ติงซงตอบกลับอย่างนอบน้อมไปโดยไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังเทน้ำมันใส่กองเพลิง


ฮึ่ม พวกเจ้ายอมรับแล้วสินะ!


“ตระกูลติง พวกเจ้าช่างหาญกล้า!” หานลู่คำรามออกมา คลื่นเสียงอันทรงพลังของเขาแผ่กังวานไปทั่วทิศทาง


มาถึงจุดนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าตระกูลฟู่แล้ว ตระกูลติงเป็นฝ่ายบดขยี้กายหยาบของสมาชิกตระกูลหานที่เป็นถึงขุมอำนาจสามดาว ต่อให้เขาแก้แค้นโดยการลบตระกูลติงให้หายไปตระกูลฟู่ย่อมไม่กล่าวโทษ


‘ครืน ครืน ครืน ครืน’ คลื่นกระแทกที่เกิดจากพลังเสียงของนิรันดร์ระดับสี่นิพพานได้ส่งผลให้วิหารบรรพบุรุษถูกทำลายไปกว่าหนึ่งในสามส่วน รุ่นเยาว์ตระกูลติงมากมายกระอักโลหิตออกมา บ้างก็บาดเจ็บสาหัส บ้างก็เสียชีวิต


“ผู้อาวุโสหาน!” พวกติงซานทั้งสามคนคำรามเสียงดัง การที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้กับตระกูลติงนับว่าเกินไป


“ฮึ่ม วันนี้ข้าจะบดขยี้ตระกูลติงของพวกเจ้า!” หานลู่กระหน่ำลงมืออย่างโหดเหี้ยม แต่การโจมตีทั้งหมดของเขานั้นไม่ได้เพ่งเล็งไปยังหลิงฮันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากหลิงฮันเป็นคนร้ายที่ต้องจับกลับไปรับโทษที่เมืองเก้าสันติ


หลิงฮันเผยสีหน้ามีความสุข การแสดงถูกดำเนินมานานแสนนาน ในที่สุดฉากที่ตื่นเต้นเร้าใจก็มาถึงเสียที


พวกติงซานทั้งสามคนลงมือตอบโต้ แต่ต่อหน้านิรันดร์ระดับสี่นิพพาน พวกเขาจะทำอะไรได้?


คราวนี้ตระกูลติงได้พบเจอกับหายนะที่แท้จริงแล้ว


ที่สำคัญคือที่นี่คือวิหารบรรพบุรุษของตระกูลติงซึ่งเก็บรักษาศพและแผ่นจารึกความทรงจำของเหล่าบรรพบุรุษเอาไว้ เมื่อถูกหานลู่กระหน่ำโจมตี ทั้งศพและแผ่นความทรงจำย่อมถูกบดขยี้ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก


ตระกูลติงตกอยู่ในสภาวะที่ทั้งโศกเศร้าแล้วเกรี้ยวกราด หานลู่นั้นโหดเหี้ยมเกินไป ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงมือแม้กระทั่งกับแผ่นจารึกความทรงจำของบรรพบุรุษพวกเขา แถมทุกครั้งที่หานลู่ลงมือจะต้องมีสมาชิกตระกูลติงที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต!


คนที่พวกเขารังเกียจที่สุดย่อมไม่พ้นหลิงฮัน หากไม่ใช่เพราะคำพูดของหลิงฮันล่ะก็ มีรึที่หานลู่จะโมโหขนาดนี้? ไม่แปลกที่ตระกูลติงจะคิดว่าความเกรี้ยวกราดของหานลู่นั้นมาจากคำพูดยั่วยุของหลิงฮัน พวกเขาไม่มีทางคาดเดาได้แน่นอนเรื่องนี้จะมีเหตุผลลึกๆซ่อนอยู่อีก


ติงหู่รีบลงมือปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน


เขาต้องการจัดการรุ่นเยาว์ผู้นี้เพื่อเป็นการแสดงคำขอโทษต่อตระกูลหาน


ทุกอย่างเป็นความผิดของหลิงฮันและตระกูลติงเป็นผู้บริสุทธิ์! เพราะไม่ว่าอย่างไรหลิงฮันก็ยังไม่ได้สักการะบรรพบุรุษของพวกเขา จึงยังไม่ถือว่าเป็นสมาชิกตระกูลติงอย่างเป็นทางการ


“เจ้าตัวบัดซบ ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าหากเจ้าอยู่ด้วยย่อมไม่มีสิ่งดีๆเกิดขึ้น!” ดวงตาของติงหู่เปลี่ยนเป็นแดงฉาน วิธีการเดียวที่จะทำให้ตระกูลหานยกโทษให้พวกเขาได้ มีเพียงแต่ต้องสังหารหลิงฮันเท่านั้น


หากรู้ว่าเรื่องนี้ถูกหลิงฮันวางแผนเอาไว้แต่แรกแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าติงหู่จะรู้สึกอย่างไร


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เข้ามา ข้ารอให้เจ้าลงมืออยู่นานแล้ว!”


ตูม!


การโจมตีของติงหู่กระแทกใส่ร่างของหลิงฮันจนลอยกระเด็น แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือร่างของหลิงฮันนั้นไม่ถูกบดขยี้เป็นเศษซากแต่ยังคงสภาพเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


กายหยาบของเขาในตอนนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก ด้วยพลังของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานไม่มีทางสังหารเขาได้ วิธีเดียวที่จะสังหารเขาในระดับโลกียนิพพานคือต้องค่อยๆใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมกายหยาบของเขาอย่างช้าๆ


ฮึ่ม ยังจะเล่นละครกันต่ออีกรึ!


หานลู่มองดูพร้อมกับแสยะยิ้ม นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานนั้นสามารถสังหารจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งได้อย่างง่ายดาย แต่การโจมตีของเจ้ากลับไม่สามารถทำให้เจ้าหนูนั่นกระอักโลหิตเลยแม้หยดเดียว ช่างแสดงละคนได้อ่อนหัดนัก


“พี่ชายหาน ท่านล้ำเส้นเกินไปแล้ว!” ติงเหยาหลงปรากฏตัวในที่สุด


หากเขาไม่โผล่มาในตอนนี้ ตระกูลติงคงพังทลายไม่เหลือซาก

 

 

 


ตอนที่ 1721 ตัวโง่งมที่หลอกง่าย

 

การปรากฏตัวของติงเหยาหลงทำให้หานลู่ไม่กล้าผลีผลามลงมืออีกต่อไป


แม้ติงเหยาหลงจะเป็นนิรันดร์สี่นิพพานของตระกูลอ่อนแอและทักษะระดับนิรันดร์ของอีกฝ่ายก็เทียบกับทักษะจากขุมอำนาจสามดาวอย่างตระกูลหานไม่ได้ แต่การที่อีกฝ่ายสามารถบรรลุเป็นนิรันดร์สี่นิพพานได้ทั้งๆที่อยู่ในขุมอำนาจอ่อนแอนั้น แสดงให้เห็นว่าติงเหยาหลงมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเพียงใด ซึ่งอาจจะทดแทนความต่างของทักษะนิรันดร์ได้


อีกฝ่ายเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม


หานลู่จ้องมองติงเหยาหลงอย่างเย็นชาโดยไม่คิดจะพล่ามอะไร หากเขารับมืออีกฝ่ายไม่ไหวจริงๆเขาก็จะกลับตระกูลหานเพื่อรายงานให้ผู้อาวุโสระดับแบ่งแยกวิญญาณเคลื่อนไหว


“พี่ชายหาน มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า?”ติงเหยาหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ด้วยการที่พวกเขาอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฟู่ ตราบใดที่ตระกูลติงไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวตระกูลหาน


หากตระกูลติงและตระกูลหานมีความบาดหมางต่อกันก็ว่าไปอย่าง แต่หากตระกูลหานคิดจะรังแกพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียว ตระกูลฟู่ย่อมไม่มีวันนิ่งเฉย


“เข้าใจผิด… ฮึ่ม เข้าใจผิดงั้นรึ!” หานลู่โมโห นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่เหมือนลิงหรืออย่างไร?


ติงเหยาหลงเป็นคนฉลาดที่อ่านสถานการณ์ได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเหตุใดจู่ๆหานลู่ถึงได้เกรี้ยวกราดขึ้นมา?


อีกฝ่ายโกรธถึงขนาดลงมือทำลายแผ่นจารึกดวงวิญญาณของตระกูลติง


“พี่ชายหานโปรดสงบสติอารมณ์ก่อน ข้าจะเป็นคนพาท่านออกจากเมืองธุลีจันทราให้เอง!”


ต่อให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นความผิดของตระกูลหาน ติงเหยาหลงก็ไม่กล้าล่วงเกินหานลู่ เขาทำได้เพียงขอให้อีกฝ่ายออกจากเมืองนี้ไปอย่างสันติเพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้


“ฮ่าๆๆๆ!” หานลู่หัวเราะ “ตระกูลติงของเจ้าช่างหาญกล้านัก เป็นเพียงขุมอำนาจอ่อนด้อยระดับโลกียนิพพานแท้ๆ แต่กลับกล้าท้าทายตระกูลหานของข้า! ข้าขอนับถือพวกเจ้าเลยจริงๆ”


เขากล่าวชื่นชมในขณะที่เผยสีหน้าอันเกรี้ยวกราดและเหยียดหยาม


สีหน้าของติงเหยาหลงเปลี่ยนเป็นมืดมน เจ้าทำลายวิหารบรรพบุรุษตระกูลติงของข้าแล้วยังสบถเหยียดหยามพวกข้าอีก? ต่อให้เจ้ามาจากขุมอำนาจสามดาวก็ไม่มีสิทธิ์มารังแกคนอื่นเช่นนี้!


“ข้าคงต้องขอเสียมารยาท!” ติงเหยาหลงลงมือเพื่อบังคับให้หานลู่ออกจากเมืองนี้ไป


แต่ก็แน่นอนว่าหานลู่ย่อมไม่ยินยอม เขาลงมือต่อต้านและปะทะกับติงเหยาหลงอย่างดุเดือด


ทั้งสองคนคือปรมาจารย์ระดับสี่นิพพานเหมือนกัน แต่ในแง่ของพลังต่อสู้ติงเหยาหลงเป็นฝ่ายเหนือกว่าหนึ่งขั้น เนื่องจากด้วยพรสวรรค์ของเขานั้นหากได้อยู่ในขุมอำนาจระดับสามดาว ต่อให้จะบรรลุระดับขอบเขตตำหนักอมตะไม่ได้ แต่ก็ต้องบรรลุระดับแบ่งแยกวิญญาณเป็นอย่างน้อย


แต่ปัญหาก็คือที่นี่คือวิหารบรรพบุรุษของตระกูลติง ถึงแม้หลายๆส่วนจะถูกทำลายไปแล้วก็ยังมีสมาชิกตระกูลติงมากมายที่อยู่ที่นี่ ติงเหยาหลงจึงไม่กล้าโจมตีด้วยพลังทั้งหมด


แต่ในด้านของหานลู่นั้นเขาไม่ออมมือแม้แต่น้อยและปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา


ยิ่งการต่อสู้เริ่มลุกลาม ตัวตนระดับสี่นิพพานของอีกสองตระกูลอย่างตระกูลล้งและตระกูลต้วนก็ต้องปรากฏตัวเพื่อเกลี้ยกล่อม


ไม่ว่าจะอย่างไรที่นี่ถือว่าเป็นอาณาเขตของเมืองธุลีจันทรา หากมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น ทั้งสามตระกูลย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกัน


เมื่อมีนิรันดร์ระดับสี่นิพพานอีกสองคนเข้ามาแทรกแซง หานลู่จึงรับไม่ไหวและต้องยอมหยุดมือ เขากวาดสายตาเย็นชามองไปยังนิรันดร์สี่นิพพานทั้งสามคนก่อนจะกล่าว “ดี… ดีมาก พวกเจ้าทั้งหมดคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหานสินะ?”


“พี่ชายหาน ระหว่างพวกท่านกับตระกูลติงมีความบาดหมางอะไรกันแน่?” ประมุขตระกูลล้งเอ่ยถามอย่างสุภาพ


หานลู่เอ่ยตอบ “เจ้าถามเขาเองสิ!” เขาชี้ไปยังติงเหยาหลง


ถามข้า?


ติงเหยาหลงมึนงง ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นฝ่ายเริ่มทำลายวิหารบรรพบุรุษของตระกูลข้าก่อนหรอกรึ? ต่อให้ถามข้าแล้วข้าจะรู้รึไงว่าเจ้าโมโหเรื่องอะไร? เขาสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับกล่าว “ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ที่ข้ารู้มีเพียงท่านเกือบจะทำลายตระกูลติงของข้า!”


หานลู่อยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆร่างของเขาก็หยุดชะงักและชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความเกรี้ยวกราดจนมือสั่น “ดี! ดีมาก! พวกเจ้าวางแผนกันเอาไว้เป็นอย่างดีเลยสินะ!”


หมายความว่าอย่างไร?


ติงเหยาหลงและประมุขสองตระกูนหันไปมองยังทิศทางที่นิ้วของหานลู่ชี้ไป แต่นอกจากร่างของสุนัขตัวดำที่ยืนอยู่กับใครบางคนแล้ว พวกเขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด


ความโกรธของหานลู่ทะยานสูงขึ้นกว่าเดิม


หลิงฮันคือคนร้ายที่สังหารหานฉี แถมตอนนี้เขายังยืนอยู่ข้างสุนัขตัวดำที่กัดก้นของเขาอีกด้วย! นี่หมายความว่าอะไรน่ะรึ? มันหมายถึงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นแผนการของตระกูลติง!


“ข้าจะสู้กับเจ้าจนตัวตาย!” หานลู่คำรามและกระหน่ำโจมตีใส่ติงเหยาหลงด้วยแววตาแดงฉาน


ถึงแม้ติงเหยาหลงจะสับสนและไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะยั้งมือเขาก็ต้องทำการตอบโต้กลับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมีประมุขตระกูลล้งและตระกูลต้วนเข้ามาแทรกแซงด้วยแล้ว เรื่องราวปั่นป่วนขึ้นไปใหญ่


ในระยะที่ห่างออกไป เม่าไต้กำลังยืนมองด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน


เขามั่นใจเกินแปดส่วนว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้องเป็นแผนการของหลิงฮันแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหลิงฮันทำให้หานลู่เกิดความเกลียดชังต่อตระกูลติงได้อย่างไร เดี๋ยวก่อน… จะว่าไปทำไมหลิงฮันถึงได้เข้าร่วมตระกูลติงกันล่ะ?


จู่ๆเม่าไต้ก็นึกถึงเหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลหานถึงมาตระกูลติงหลายต่อหลายครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับใดๆ ตระกูลหานเคยกล่าวเอาไว้ว่าสมาชิกตระกูลหานของพวกเขาคนหนึ่งถูกสังหารในโลกบรรพกาล ซึ่งคนร้ายก็คือคนของตระกูลติง


ถ้าหากว่าหลิงฮันคือคนร้ายที่ว่าล่ะ? หากเป็นเช่นนี้เรื่องทั้งหมดก็จะลงตัวทันที


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอยู่ดีว่าหลิงฮันไปอยู่ที่โลกบรรพกาลได้อย่างไร เพราะอย่างที่รู้ว่าการจะไปที่นั่นได้จำเป็นต้องมีการช่วยเหลือจากตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณที่แข็งแกร่ง


หานลู่โจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถต่อกรกับประมุขทั้งสามได้ การต่อสู้จึงกลับมาหยุดนิ่งอีกครั้ง


“ท่านประมุข!” ทันใดนั้นเอง จู่ๆติงซานและติงซงก็ลอยเข้ามา ที่พวกเขาไม่มาให้เร็วกว่านี้ก็เพราะการต่อสู้เมื่อครู่รุนแรงเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใกล้ได้


“มีอะไร?” ติงเหยาหลงกล่าวอย่างเย็นชา


“เรื่องราวทุกอย่างต้องเป็นเพราะเจ้าหนูนั่นแน่!” ทั้งสองคนชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน ก่อนหน้าพวกเขาเองก็สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้พอได้เห็นหลิงฮันยืนอยู่กับสุนัขตัวดำแล้ว พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมากว่าครึ่ง


หากสุนัขตัวดำไม่นำพาติงหู่ผ่านมาที่นี่ มีรึที่เรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น? ยิ่งพอได้นึกถึงการที่หลิงฮันไม่เข้าร่วมตระกูลอื่นแต่เลือกเข้าร่วมตระกูลติงของพวกเขาด้วยแล้ว ทุกอย่างยิ่งกระจ่างชัด


“ว่าไงนะ!” ติงเหยาหลงอุทานออกมา ที่วิหารบรรพบุรุษของตระกูลต้องเละเทะเป็นเศษซากเช่นนี้ มีต้นเหตุมาจากจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งตัวจ้อย?


หานลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา เนื่องจากท่าทางตกตะลึงของติงเหยาหลงดูไม่เหมือนการเสแสร้งแม้แต่น้อย


นิรันดร์ทั้งสี่คนหันไปมองหลิงฮันพร้อมกันทันที


หลิงฮันเผยรอยยิ้มและกล่าว “หานลู่ ติงเหยาหลง ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าสองคนด้วยที่ได้เป็นตัวโง่งมแสนหลอกง่ายที่สุดในประวัติศาสตร์”

 

 

 


ตอนที่ 1722 น่าอัศจรรย์เกินไป

 

“ฮ่าๆๆ!” สุนัขตัวดำกลิ้งไปมาพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ


เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฮันและเห็นท่าทางของสุนัขตัวดำ ติงเหยาหลงและหานลู่ก็รู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมา


ช่างน่ารังเกียจนัก!


ดวงตาของทั้งสองแดงฉานราวกับเปลวเพลิง ถ้าตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ตัวอีกว่าถูกหลิงฮันปั่นหัว พวกเขาก็ไม่สมควรเป็นนิรันดร์สี่นิพพานแล้ว


คนอื่นๆที่มองดูสถานการณ์อยู่ชะงักแน่นิ่งไร้คำพูด พวกเขาไม่คิดว่าหลิงฮันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ที่สำคัญคือเขากล้ายอมรับด้วยว่าตนเองเป็นคนทำ


ติงหู่คำรามและลงมือโจมตีหลิงฮันอีกครั้ง เขารังเกียจหลิงฮันเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างโหดเหี้ยมราวกับจะกลืนกินหลิงฮันทั้งเป็น


ในโลกนี้ เกรงว่าคงจะมีเพียงหลิงฮันคนเดียวที่สามารถทำให้นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานสติแตกขนาดนี้ได้


ปัง! ปัง! ปัง!


หลิงฮันทำได้เพียงรับมือกับการโจมตีของติงหู่ที่กระหน่ำเข้าใส่ พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ยังห่างไกลเกินกว่าที่จะตอบโต้กับกับจอมยุทธระดับนิรันดร์ แต่ด้วยกายหยาบอันไร้เทียมทานของเขา ต่อให้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่อีกฝ่ายได้ แต่ตัวเขาเองก็ไม่แม้แต่กระอักโลหิต


เหล่าผู้คนที่มองดูตกตะลึงอ้าปากค้า


อัศจรรย์ยิ่งนัก! พลังป้องกันของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?


ณ เวลานี้หากยังมีคนบอกว่าติงหู่ยังเล่นละครอยู่ พวกเขาก็คงเชื่อ


“ฮึ่ม!” หานลู่คว้ามือไปยังหลิงฮัน ‘ครืนน’ ฝ่ามือปราณก่อเกิดขนาดมหึมาปรากฏขึ้นมาราวกับเป็นภูเขายักษ์ใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันน่าสะพรึง


“สับขาวายุ!” สุนัขตัวดำรีบเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว


“เจ้ากับข้าต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน” หลิงฮันเอื้อมมือไปคว้าจับหางของสุนัขตัวดำเอาไว้ และด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของสุนัขตัวดำทำให้ร่างของหลิงฮันสะบัดปลิวไปมาราวกับว่าว


“ปล่อยข้า ตัวเจ้ามันหนักเกินไป!” สุนัขตัวดำโอดครวญ


“ไม่มีปัญหา ข้าเชื่อใจเจ้า!” หลิงฮันหัวเราะ


‘ตูม’ ที่ด้านหลังของพวกเขา ฝ่ามือปราณก่อเกิดมหึมาสัมผัสโดนแต่เพียงอากาศที่ว่างเปล่า


“คิดหนี?” ติงเหยาหลงลงมือ ทั่วร่างของเขาพัวพันไปด้วยตราประทับของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนจนแทบมองไม่เห็นร่างกาย


‘พรึบ’ ร่างติงเหยาหลงพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงจนแซงขึ้นหน้าสุนัขตัวดำ แม้ความเร็วของเขาในตอนนี้จะเกิดจากการเผาผลาญแก่นพลังชีวิตทำให้คงสภาพอยู่ในเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ตราบใดที่สามารถเคลื่อนที่ไปขัดขวางได้ มีรึที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งที่อ่อนแอจะหนีไปจากมือของเขาพ้น?


“ตาย!” เขาคำรามและปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮันอย่างโหดเหี้ยม


หานลู่จิตใจสั่นสะท้าน เขาอยากจะห้ามติงเหยาหลงไม่ให้ลงมือเพราะหลิงฮันอาจจะมีความลับของราชานิรันดร์อยู่กับตัว แต่พอคิดให้ดีแล้ว ต่อให้หลิงฮันตาย ตราบใดที่เขายังสามารถช่วงชิงดวงวิญญาณของอีกฝ่ายมาได้ เขาก็ยังตรวจสอบความทรงจำเพื่อเค้นหาความลับได้อยู่ดี


‘ตูม’ ฝ่ามือขนาดมหึมาของติงเหยาหลงปิดทางหนีของพวกหลิงฮันเอาไว้ อย่างน้อยด้วยความเร็วของสุนัขตัวดำในตอนนี้ย่อมไม่อาจหลบหนีพ้น


หลิงฮันเผยรอยยิ้ม เขาปล่อยมือจากสุนัขตัวดำและใช้เท้าเตะก้นของมัน ‘ปัง’ ร่างของสุนัขตัวดำถูกแรงเตะส่งลอยกระเด็นพุ่งออกจากรัศมีการโจมตีของติงเหยาหลง


ครืนน!


คลื่นกระแทกที่เกิดจากฝ่ามือมหึมาส่งผลให้ทั่วทั้งเมืองธุลีจันทราสั่นไหว เหล่าผู้คนในเมืองตกอยู่ในความอลหม่านทันที เนื่องจากว่าโครงสร้างของดินแดนแห่งเซียนนั้นทนทานเป็นอย่างมาก ในดินแดนแห่งนี้จึงไม่เคยเกิดแผ่นหินไหวหรือแผ่นดินแยกตัวตามธรรมชาติ เพราะงั้นหากเมื่อใดที่พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน ย่อมเป็นผลมาจากการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ที่ทรงพลัง


“ไม่นะฮันน้อย ความตายของเจ้าช่างอนาถยิ่งนัก!” ในระยะที่ห่างออกไป สุนัขตัวดำกำลังลูบกางเกงในเหล็กของตัวเองที่มีรอยเท้าประทับเอาไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงเตะของหลิงฮันรุนแรงขนาดไหน


มันใช้เท้าหน้าทาบอกและกล่าวโอดครวญ “เพื่อช่วยให้นายท่านหมารอดชีวิต เจ้าถึงขนาดยอมสละชีวิตของตัวเอง ช่างน่านับถือนัก! เพื่อที่เจ้าจะได้ไปสู่สุคติโดยไวข้าจะเผารูปของสตรีงดงามจำนวนมากไปให้ ส่วนเรื่องแก้แค้นนั้น คนชั่วช้าอย่างเฒ่าชราสองคนนั่นต้องต้องตายไวอยู่แล้ว นายท่านหมาไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้”


“ที่น่าเสียดายที่สุดคือความลับในตัวเจ้า หากรู้ว่าต้องตายล่ะก็ เจ้าน่าจะมอบมาให้ข้าเสียก่อน!” ยิ่งสุนัขตัวดำกล่าว คำพูดของมันก็ยิ่งไร้สาระขึ้นเรื่อยๆ


พลังของฝ่ามือที่ปะทะโดนเป้าหมายแล้วค่อยๆสลายไปพร้อมกับฝุ่นควัน เมื่อทุกอย่างกลับมามองเห็นได้ชัดดังเดิม ใบหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด


หลิงฮันยังคงยืนอยู่อย่างองอาจ!


พรวด!


ใครหลายคนสำลักออกมา นี่เจ้าเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งจริงๆรึ? ที่เจ้าต้านทานการโจมตีของนิรันดร์หนึ่งนิพพานได้นั้นพวกข้ายังพอรับได้ แต่นี่ถึงขนาดเจ้ารับการโจมตีของนิรันดร์สี่นิพพานเข้าไปเต็มๆก็ยังไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย… เจ้ามันสัตว์ประหลาด!


แม้ใบหน้าของหลิงฮันจะประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในใจนั้นกำลังโอดครวญอย่างขมขื่น นิรันดร์สี่นิพพานก็ยังคงเป็นนิรันดร์สี่นิพพาน เพียงการโจมตีครั้งเดียวเมื่อครู่ก็ทำให้เขาต้องเผาผลาญปราณก่อเกิดในร่างจนหมดสิ้น หากติงเซี่ยวเฉินโจมตีอีกครั้ง เขาคงไม่สามารถใช้อำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ต้านทานได้อีกต่อไป


“โอ้ ฮันน้อย เจ้ายังไม่ตายรึ?” สุนัขตัวดำทำเป็นปาดน้ำตาโดยที่ดวงตาของมันไม่มีน้ำตาอยู่เลยแม้แต่หยดเดียว “นายท่านหมาเสียความรู้สึกเพราะเจ้าไปแล้ว เจ้าจะชดใช้นายท่านหมาอย่างไร?”


“เหอๆ” หลิงฮันหัวเราะและเมินเฉยสุนัขตัวดำ ในทางกลับกันเขาได้หันไปกล่าวกับหานลู่และติงเซี่ยวเฉิน “พวกเจ้าสองคนเล่นไร้สาระอะไรกันอยู่? คนหนึ่งก็โจมตีไม่โดย ส่วนอีกคนทั้งๆที่โจมตีโดนก็ทำอะไรข้าไม่ได้แม้แต่น้อย เห้อ ข้าล่ะรู้สึกขายขี้หน้าแทนพวกเจ้าจริงๆ”


สีหน้าของหานลู่และติงเซี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นมืดมน พลังของสุนัขตัวดำและหลิงฮันนั้นน่าอัศจรรย์เกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการ ตัวหนึ่งมีความสามารถในการเคลื่อนที่ข้ามมิติ ในขณะที่อีกคนมีพลังป้องกันที่ไร้เทียมทานฝืนสวรรค์


“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?” หานลู่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


อย่างแรกเลยนั้น หากไม่มีความช่วยเหลือจากจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเช่นหลิงฮันจะไปปรากฏตัวที่โลกบรรพกาล และอย่างที่สองคือ หากอีกฝ่ายไม่ใช่คนของขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสามารถต้านทานการโจมตีของนิรันดร์สี่นิพพานได้?


ระดับโลกียนิพพานคือระดับพลังที่อยู่เหนือระดับสร้างสรรพสิ่งอย่างสิ้นเชิง เรื่องพื้นฐานเช่นนี้ไม่ว่าจะไปถามใคร ทุกคนย่อมตอบตรงกัน


หนึ่งสุนัขหนึ่งคนที่น่าอัศจรรย์คู่นี้ จะต้องมีผู้หนุนหลังที่ทรงพลังมากอยู่แน่นอน

 

 

 


ตอนที่ 1723 แผดเผา

 

“ข้าเป็นใคร?” หลิงฮันยิ้ม “บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่ทิ้งรากเหง้าหรือเปลี่ยนชื่อแซ่ ข้าคือติงเซี่ยวเฉินแห่งตระกูลติง!”


พรวด!


ติงเซี่ยวเฉินสำลักอีกครั้งและเผยสีหน้าบูดบึ้ง


นี่เจ้าเสพติดการแอบอ้างเป็นข้าไปแล้วรึไง?


แต่ถึงแม้จะไม่พอใจขนาดนั้นเขาก็ไม่กล้าตะโกนตำหนิหลิงฮันต่อหน้า ไม่เห็นรึไงว่าแม้แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ยังทำอะไรหลิงฮันไม่ได้? หมอนั่นมันคือสัตว์ประหลาด


“หลิงฮัน ลองพล่ามไร้สาระดูอีกครั้ง ข้าจะฉีกกระชากปากของเจ้าออกมาให้ดู!” ติงหู่คำรามด้วยดวงตาแดงฉาน


หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เห้อ ข้าก็ไม่ได้ดูถูกอะไรเจ้าหรอกนะ แต่คนอย่างเจ้านี่ช่างเป็นขยะไร้ค่าจริงๆ”


ติงหู่คำรามและลงมือโจมตีอีกครั้ง


“ข้าจะยอมสู้ด้วยก็ได้ หากเจ้าสามารถทำให้ผมแม้แต้เส้นเดียวของข้าร่วงได้ จะถือว่าเจ้าเป็นผู้ชนะ” หลิงฮันไม่มีปราณก่อเกิดหลงเหลืออยู่แล้วและไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ เขาจึงทำเป็นใจกว้างยอมให้อีกฝ่ายโจมตีใส่


ตูม! ตูม! ตูม! ติงหู่กระหน่ำโจมตีด้วยพลังทั้งหมดแต่ก็ไม่มีการโจมตีครั้งไหนเลยที่ทำให้หลิงฮันบาดเจ็บได้


“หล่อหลอมเขาด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์!” ติงเหยาหลงกล่าวแทรกขึ้นมา


ดวงตาอันแหลมคมของเขาสามารถมองเห็นจุดอ่อนในกายหยาบของหลิงฮันอย่างรวดเร็ว


“ขอรับท่านประมุข!” ติงหู่เปลี่ยนแผนโจมตี เขาแสยะยิ้มและปลดปล่อยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ออกมาปกคลุมไว้ที่มือทั้งสองข้างพร้อมกับผลักฝ่ามือเข้าใส่ศีรษะของหลิงฮัน ตราบใดที่เขาใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมสลายการป้องกันในส่วนศีรษะของหลิงฮันได้ ห้วงจิตวิญญาณของหลิงฮันก็จะระเบิดออกและส่งผลกระทบไปถึงดวงวิญญาณทันที


หลิงฮันแอบโคจรพลัง เขาไม่คิดหลบหลีกหรือเข้าไปแอบซ่อนในหอคอยทมิฬ


‘หมับ’ มือทั้งสองข้างของติงเหยาหลงจับเข้าที่หัวของหลิงฮัน ‘ครืนน’ เขารีบทำการชี้นำอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดเข้าสู่ร่างกายหลิงฮันเพื่อหล่อหลอมกายหยาบ


“ข้าว่าเจ้ารีบเอามือออกไปจะดีกว่านะ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์


“ช่างเป็นการดิ้นรนที่ไร้ความหมาย” ติงหู่แสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เขาสัมผัสได้ถึงอำนาจแห่งเปลวเพลิงที่กำลังปะทุออกมาจากร่างของหลิงฮัน แต่ในความคิดของเขา อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงที่ควบคุมโดยจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งจะทรงพลังได้สักแค่ไหนกัน?


เมื่อมาเผชิญหน้ากับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขา อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงของอีกฝ่ายย่อมสลายไปอย่างง่ายดาย


“จิ้งจอกเฒ่า ข้าทนเจ้ามานานมากพอแล้ว ไปลงนรกซะ!” จู่ๆหลิงฮันก็ระเบิดพลังออกมา ‘ตูม’ เพลิงเก้าสวรรค์พรั่งพรูออกจากศีรษะของเขาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าติงหู่


ติงหู่ไม่อาจหลบการโจมตีนี้พ้น


อย่างแรกเลยคือหลิงฮันได้ระเบิดอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ออกมาด้วยความเร็วของแสงอัสนี อย่างที่สองคือระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้ชิดกันเกินไปจนแทบไม่มีพื้นที่ให้ติงหู่หลบ และอย่างที่สาม… ติงหู่ดูถูกหลิงฮันเกินไป


แต่เขาจะประมาทก็ไม่ใช่เรื่องแปลก นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานคนใดบ้างที่จะเก็บจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งมาใส่ใจ? ถึงแม้หลิงฮันจะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทาน แต่พลังป้องกันนั้นแตกต่างกับพลังโจมตีอย่างสิ้นเชิง


เพราะเหตุนั้นเอง เมื่อกำลังจะถูกเพลิงเก้าสวรรค์ปะทะเข้าที่ใบหน้า ติงหู่จึงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของอำนาจเปลวเพลิงนี้


พลังของเปลวเพลิงนั้นไม่ได้น่าหวั่นเกรงอะไร เพียงแค่เขาเป่าลมจากปากก็สามารถสลายเปลวเพลิงที่ว่าได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้นคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในเปลวเพลิง


ติงหู่อดคิดไม่ได้ว่า การโจมตีเช่นนี้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งได้อย่างไร?


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนั้น จะให้เคลื่อนที่หลบตอนนี้ก็คงหลบไม่พ้น เขาจำเป็นต้องพ่นแก่นโลหิตออกมาเพื่อผลักเปลวเพลิงให้ย้อนกลับไปหรือไม่ก็เพื่อถ่วงเวลาเอาไว้เล็กน้อยให้เขาได้มีโอกาสล่าถอย


แก่นโลหิตคือสิ่งที่ควบแน่นมาจากพลังชีวิต หากสูญเสียไปจะทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างสาหัส แต่เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรเขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้ออกมา


ตราบใดที่มีชีวิตรอดเขาก็ยังสามารถหาวิธีการมาฟื้นฟูพลังชีวิตได้ แต่หากตายไปตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้น


แต่ทว่าความหวาดกลัวของติงหู่ก็ต้องยกระดับสูงขึ้นไปอีก นั่นเพราะแม้เขาจะพ่นแก่นโลหิตออกไปสกัดกั้นเปลวเพลิงแล้ว แต่คลื่นความร้อนที่มองไม่เห็นของอำนาจเปลวเพลิงก็ยังแผ่ขยายมาถึงใบหน้าของเขาและสร้างความเสียหายของดวงวิญญาณในทันที


“อ้ากกก” ติงหู่โอดครวญ เขาไม่สนใจเรื่องหล่อหลอมกายหยาบของหลิงฮันอีกต่อไปและก้าวถอยหลังออกมาอย่างโซซัดโซเซ


‘ฟุบ’ ดวงวิญญาณของติงหู่ลอยออกมาจากร่างกาย เขาตั้งใจจะสละกายหยาบเพื่อเอาชีวิตรอด!


ทุกคนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ตกตะลึงและชะงักแน่นิ่ง


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก… เป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งจะสามารถไล่ต้อนนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานให้จนมุมจนต้องสละกายหยาบ?


เพียงแต่เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงแค่นั้น


ติงหู่พบว่าแม้ดวงวิญญาณของเขาจะหนีออกมาจากร่างกายแล้ว แต่ดวงวิญญาณของเขาก็ยังถูกแผดเผาไม่หยุด แถมอำนาจของเปลวเพลิงก็ยังทรงพลังถึงขนาดที่ไม่ว่าเขาจะใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ใดๆออกมาก็ไม่สามารถสลายดับอำนาจของเปลวเพลิงได้


หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ดวงวิญญาณของเขาคงถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่านและหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล


“ไม่!” ดวงวิญญาณของติงหู่ร้องโอดครวญ คนทุกคนล้วนแต่หวาดกลัวความตาย โดยเฉพาะเหล่าจอมยุทธที่บรรลุระดับนิรันดร์จนมีอายุขัยอันไร้ขีดจำกัดด้วยแล้ว พวกเขายิ่งไม่อยากตายมากกว่าใครๆ


“เจ้าหนู หยุดเปลวเพลิงนั่นเดี๋ยวนี้!” ติงเหยาหลงจ้องมองหลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราด


สำหรับตระกูลติงแล้ว จอมยุทธระดับนิรันดร์ทุกคนล้วนแต่มีความสำคัญหาสิ่งใดเปรียบ กว่าจะบ่มเพาะจอมยุทธระดับนี้ขึ้นมาได้สักคนไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาไปกี่ร้อยล้านปี หากนิรันดร์ตายไปแม้แต่คนเดียว ตระกูลติงจะต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่


หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “เป็นเขาที่แส่หาที่ตายเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย!”


“ถ้างั้นเจ้าก็ตายซะ!” ติงเหยาหลงระเบิดอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ออกมา เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับติงหู่เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้หลิงฮันอีกต่อไปเพราะกลัวจะตกที่นั่งเดียวกัน เพียงแต่ด้วยพลังระดับนิรันดร์สี่นิพพานทำให้เขาสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมหลิงฮันได้แม้จะเว้นระยะห่างออกมาหลายฟุต


แต่ความเป็นจริงแล้วติงเหยาหลงนั้นหวาดระแวงเกินไป แม้เพลิงเก้าสวรรค์จะน่าสะพรึงกลัวแต่อำนาจของมันก็ถูกจำกัดเอาไว้ที่ระดับพลังของหลิงฮัน หากจอมยุทธระดับนิรันดร์ไม่ประมาทเหมือนติงหู่และปกคลุมร่างของตนเองเอาไว้ด้วยตราประทับแห่งเต๋า อำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ย่อมไม่อาจลุกลามเข้าสู่ร่างกายได้


แต่หลังจากที่ได้เห็นดวงวิญญาณของติงหู่ถูกแผดเผาอย่างน่าอนาถ ติงเหยาหลงจะกล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปใกล้หลิงฮันได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นแม้การเว้นระยะห่างจะทำให้ใช้เวลาในการหล่อหลอมด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์นานขึ้น แต่เขาก็ยังสามารถสังหารหลิงฮันได้อยู่ดี

 

 

 


ตอนที่ 1724 ออกจากเมือง

 

ในความเป็นจริง ติงเหยาหลงไม่ได้รู้เลยว่าหากเขาโจมตีหลิงฮันอีกครั้ง หลิงฮันย่อมไม่สามารถต้านทานไหว


ปราณก่อเกิดของเขาถูกเผาผลาญหมดสิ้นไปกับการป้องกันการโจมตีของติงเหยาหลงก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทว่าติงเหยาหลงกลับคิดว่าเขามีพลังป้องกันที่สามารถต้านทานการโจมตีจากนิรันดร์สี่นิพพานได้อย่างสมบูรณ์ จึงเลือกที่จะหล่อหลอมเขาให้ตายด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แทน


“ทักษะลับเงาเหินข้ามเวลา!” หลิงฮันตะโกนชื่อทักษะออกไปทั่วๆและเข้าสู่หอคอยทมิฬ


นิรันดร์สี่นิพพานยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือเกินไป ด้วยพลังของติงเหยาหลงคงใช้เวลาเพียงไม่นานในการหล่อหลอมกายหยาบของเขาด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์


ร่างของคนหนึ่งคน จู่ๆก็หายไปในพริบตา


ใบหน้าของติงเหยาหลงกลายเป็นบูดบึ้ง ภายใต้การหล่อหลอมจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ การเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างมิติของคู่ต่อสู้ที่มีพลังต่ำกว่าเขาย่อมต้องถูกขัดขวางเอาไว้


เมื่อสมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว หลิงฮันหายไปได้อย่างไร? ต่อให้หลบหนีเข้าไปในอุปกรณ์มิติ อุปกรณ์มิติที่ว่าก็ต้องพังทลายในพริบตา


‘พรึบ พรึบ’ หานลู่ ประมุขตระกูลล้งและประมุขตระกูลต้วนเคลื่อนที่เข้ามา พวกเขาเองก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก


“หรือเจ้าหนูนั่นจะเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างมิติหลบหนีไปจริงๆ?” ปรมาจารย์ทั้งสี่คนคาดเดา การที่คนคนหนึ่งจะหายอย่างไร้ร่องรอยได้เช่นนี้มีเพียงการเคลื่อนที่ข้ามมิติเพียงวิธีเดียว


“ในเมืองธุลีจันทราไม่หลงเหลือออร่าของเจ้าหนูนั่นเลยแม้แต่น้อย” หานลู่กล่าวในขณะที่สายตาเหลือบมองไปยังสุนัขตัวดำ ความอัปยศที่ถูกกัดก้นเขาไม่มีวันลืมง่ายๆ


แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องของหลิงฮันก็สำคัญยิ่งกว่า อีกฝ่ายไม่เพียงสังหารรุ่นเยาว์ของตระกูลหานแต่ยังอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับความลับของราชานิรันดร์อีกด้วย!


ระ… หรือว่า! จู่ๆหานลู่ก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมาได้


หรือความจริงแล้วหลิงฮันจะเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์? เพราะงั้นเขาถึงได้มีความสามารถที่น่าอัศจรรย์มากมาย


หานลู่รู้สึกหวาดผวาเล็กน้อยเนื่องจากไม่ใช่แค่หลิงฮันแค่คนเดียว แต่สุนัขตัวดำนั่นก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก แม้จะมีระดับพลังเพียงระดับสร้างสรรพสิ่ง แต่ความสามารถกลับยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่แม้แต่ตัวตนระดับนิรันดร์ก็อาจจะไม่สามารถทำอะไรได้


หากทั้งสองมาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์จริงๆ ก็จะอธิบายได้ทุกอย่าง


ยิ่งคิดหานลู่ก็ยิ่งเป็นกังวล เขารีบคว้าร่างของหานฉีและออกไปจากเมือง เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานให้ประมุขตระกูลทราบเนื่องจากสถานะของเขาไม่สูงส่งพอที่จะตัดสินใจได้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป


ติงเหยาหลงไม่ห้ามรั้งหานลู่ เพราะต่อให้รั้งเอาไว้พวกเขาก็ไม่มีทางเรียกค่าเสียหายจากอีกฝ่ายได้อยู่ดี


ดวงวิญญาณของติงหู่ยังคงร้องโอดครวญและพลังชีวิตค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ


เกรงว่าในประวัติศาสตร์โลกวรยุทธ เขาอาจจะเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานคนแรกที่ตายด้วยเงื้อมมือของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง ความอัปยศนี้จะติดตัวเขาไปตลอดแม้จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม


“ท่าน… ประมุข…” เสียงโอดครวญครั้งสุดท้ายของติงหู่ดังขึ้นพร้อมกับดวงวิญญาณได้ถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่าน


ติงเหยาหลงกำหมัดแน่น แววตาของเขาแฝงไว้ด้วยโทสะอันแรงกล้า


“ท่านประมุข พวกเราจะทำอย่างไรต่อดี?” ติงซงและติงซานเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง


“แยกย้ายกันตามหาและสังหารเจ้าหนูนั่นซะ!” ติงเหยาหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“ขอรับ!”


ตระกูลติงแทบจะบ้าคลั่ง ภายในหนึ่งวันนอกจากวิหารบรรพบุรุษจะถูกทำลายแทบไม่เหลือซากแล้ว นิรันดร์หนึ่งคนยังเสียชีวิตตามไปอีก ความเสียหายในครั้งนี้หนักหนาสาหัสเกินพรรณนา


ในขณะที่เหล่าปรมาจารย์ระดับนิรันดร์ออกจากตระกูลไปตามล่าตัวเขาในเมือง หลิงฮันก็ถือโอกาสออกมาจากหอคอยทมิฬ แม้สมาชิกตระกูลติงจะมาพบเจอเขา ภายใต้ระดับโลกียนิพพานทุกคนต่างถูกเขาซัดหมอบภายในหมัดเดียว


หลังจากออกมาพ้นจากอาณาเขตของตระกูลติง หลิงฮันก็หลบเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้งเพื่อลบร่องรอยของออร่าเผื่อที่ว่าปรมาจารย์จากตระกูลติงมาตรวจสอบจะได้ไม่พบ


หลังจากเข้าๆออกๆหอคอยทมิฬอยู่หลายครั้ง หลิงฮันก็มาถึงค่ายกองกำลังเพื่อพบเม่าไต้


เขาต้องการไหว้วานขอให้เม่าไต้ช่วยเหลือโดยการพาเขาออกจากเมืองธุลีจันทรา ตระกูลติงจะต้องให้ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งคุ้มกันทางออกเมืองเอาไว้แน่ เพราะงั้นคงเป็นเรื่องยากหากเขาจะทำการหนีออกไปตรงๆ แต่หากเม่าไต้ยื่นมือเข้ามาช่วย นอกเสียจากติงเหยาหลงจะลงมือด้วยตัวเอง เม่าไต้ย่อมไม่ต้องหวาดกลัวใคร


“คนอย่างเจ้านี่มัน… เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง” เมื่อเห็นหลิงฮันปรากฏตัว เม่าไต้ก็ส่ายหัวไปมาโดยยังรู้สึกตกตะลึงไม่หาย


ให้พูดกันตรงๆแล้ว ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะรับมือกับนิรันดร์สี่นิพพานถึงสองคนพร้อมกันและหลบหนีมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้


หลิงฮันยิ้ม “ผู้อาวุโสก็เอ่ยชมกันเกินไป”


“เจ้าต้องการหลบซ่อนตัวที่นี่?”  เม่าไต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานแต่เขาก็ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจของสามตระกูลใหญ่ของเมืองเนื่องจากเขาได้สร้างสายสัมพันธ์กับตระกูลฟู่เอาไว้แล้ว เมื่อใดที่บรรลุเป็นนิรันดร์สี่นิพพาน เขาก็จะออกจากเมืองนี้และเพื่ออนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม


หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าอยากขอให้ผู้อาวุโสช่วยข้าออกจากเมือง”


เม่าไต้ชะงักแน่นิ่งเล็กน้อยและเผยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าคิดจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน?”


“ขอรับ” หลิงฮันพยักหน้า


เม่าไต้ตกตะลึงราวกับมองเห็นภูตผีปรากฏอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่ที่หลิงฮันบรรลุเป็นราชาเซียนเวลาเพิ่งผ่านมาไม่เท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายคิดจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแล้ว? เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าคิดให้ดีเสียก่อน ระดับโลกียนิพพานไม่ใช่ว่าจะทะลวงผ่านกันได้ง่ายๆ หากโชคร้ายเจ้าอาจจะบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียชีวิต!”


โดยปกติการจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานจำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมตัวราวๆร้อยล้านปีถึงพันล้านปี แม้จะเป็นอัจฉริยะเช่นเขาก็ยังไม่ทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์จนกระทั่งอายุเจ็ดล้านปี


แล้วคิดว่าเขาบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อตอนอายุสามหมื่นปี!


เขายอมรับว่าหลิงฮันมีพรสวรรค์ที่สูงส่งยิ่งกว่าตัวเขาเอง แต่จะมีอัจฉริยะที่สามารถสะสมพลังปราณที่เขาต้องใช้เวลาถึงเจ็ดล้านปีเสร็จในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีได้อย่างไร?


เม่าไต้ทำใจเชื่อไม่ลง


หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ข้าไตร่ตรองมาดีแล้ว”


เจ้าไตร่ตรองดีแล้วจริงๆ?


เม่าไต้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่โน้มน้าวต่อ ก่อนหน้านี้แม้แต่การโจมตีอันเกรี้ยวกราดของนิรันดร์สี่นิพพานอีกฝ่ายก็ยังเคยผ่านมาแล้ว หากหลิงฮันจะสร้างปาฏิหาริย์อย่างอื่นอีกก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ


“ตกลง ข้าจะพาเจ้าออกจากเมืองให้เอง”


เม่าไต้ไม่พูดมากความ เขานำรถม้าออกมาและพาหลิงฮันมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทันที


“น้องชายเม่า!” ที่บริเวณประตูมีติงซานนั่งเฝ้าอยู่ เขาผสานมือทักทายเม่าไต้และกล่าว “เหตุใดจู่ๆเจ้าถึงจะออกจากเมืองกัน?”


“การที่ข้าจะออกจากเมืองจำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าด้วย?” เม่าไต้กล่าวอย่างเย็นชาโดยไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย


สีหน้าของติงซานชะงักและเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาพยายามระงับความไม่พอใจเอาไว้และกล่าว “น้องชายเม่า ช่วยเปิดประตูรถม้าและอุปกรณ์มิติให้ข้าตรวจสอบด้วย!”


“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?” เม่าไต้กล่าวอย่างไม่แยแส


“น้องชายเม่าช่วยให้ความร่วมมือด้วย!” ติงซานคำรามขึ้นเสียง เขารู้ว่าเม่าไต้ให้ความสำคัญกับหลิงฮันเป็นอย่างมาก จึงไม่มีทางที่เขาจะยอมปล่อยเม่าไต้ออกจากเมืองไปโดยไม่ตรวจสอบแน่นอน


เม่าไต้ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ก็แล้วแต่เจ้า!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)