Alchemy Emperor of the Divine Dao 1616-1633
ตอนที่ 1616
“ผู้นำหลง ท่านสงบสติอารมณ์รึยัง? พวกเราจะได้คุยกันเสียที” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของผู้นำตระกูลหลงกลายเป็นมืดมน “ถึงว่าทำไมเจ้าถึงกล้าสร้างปัญหา ที่แท้พลังของเจ้าก็แข็งแกร่งเพียงนี้! เพียงแต่ที่นี่คือตระกูลหลง พวกเรามีเซียนคอยคุ้มครองอยู่ถึงสองคนเจ้าคิดว่าจะแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขา?”
“ท่านช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน!” หลิงฮันกล่าว “ข้ามาสู่ขอแต่งงานเข้าตระกูลท่านด้วยความเป็นมิตรแต่ท่านกลับใช้ความรุนแรง นี่รึวิธีที่ท่านปฏิบัติต่อแขก?”
ผู้นำตระกูลหลงรู้สึกเกรี้ยวกราด ปัญหาคือสิ่งที่เจ้าร้องขอมันเกินไปต่างหาก เจ้าคิดจะให้ตระกูลหลงพังพินาศโดยการยกเลิกการหมั้นหมายกับขุมอำนาจของราชาเซียน?
เขาปลดปล่อยอำนาจมังกรเพื่อตอบโต้
เพียงต่อว่าต่อหน้าหลิงฮันผู้นำตระกูลหลงดูราวกับไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อย เขาทั้งระเบิดอำนาจมังกรและกระตุ้นพลังของสายเลือดก็แล้ว
ไม่ว่าจะฝืนดิ้นรนขนาดไหนผลสุดท้ายก็เป็นเขาที่เหนื่อยหอบในขณะที่หลิงฮันยืนนิ่งผ่อนคลายอย่างมาก
ผู้นำตระกูลหลงตกตะลึงอย่างแท้จริง ความต่างของเขากับหลิงฮันมีมากขนาดไหนกันแน่? เขากัดฟันก่อนจะนำดาบออกมาจากอุปกรณ์มิติ ใบดาบของดาบมีสีขาวโพลนเนื่องจากถูกสร้างขึ้นจากกระดูก ตามพื้นผิวของมันมีรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ประทับเอาไว้และปลดปล่อยประกายแสงออกมา
กระดูกที่ใช้สร้างดาบเล่มนี้คือกระดูกสันหลังของหนึ่งในประมุขตระกูลหลงรุ่นก่อน!
มันคืออุปกรณ์เซียน!
‘ครืนน’ ดาบกระดูกมังกรถูกกระตุ้น ด้วยการที่ผู้นำตระกูลหลงเป็นคนของตระกูลหลงเขาจึงสามารถดึงพลังของดาบออกมาใช้ได้ถึงขีดจำกัด ร่างเงาของมังกรแท้จริงสีชาดลอยออกมาจากตัวดาบและพุ่งทะยานเข้าใส่หลิงฮัน
ดวงตาของหลิงฮันเปิดกว้างเล็กน้อยด้วยความรู้สึกสนใจ เขากระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมสังหารในร่างและควบแน่นพลังปราณเป็นคลื่นดาบทะลวงเข้าใส่มังกรแท้จริง
และแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ร่างของมังกรแท้จริงนั้นจู่ๆก็รีบสะบัดหางหันหลังพุ่งกลับเข้าไปยังดาบกระดูกมังกร
หวาดกลัวจนเผ่นหนี!
ผู้นำตระกูลหลงกลายเป็นไร้คำพูด ดาบกระดูกมังกรหวาดกลัวหลิงฮัน!
ดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นจากกระดูกสันหลังของอดีตประมุขตระกูลหลงเพราะงั้นจึงมีเศษเสี้ยววิญญาณของประมุขสถิตอยู่ และด้วยการที่มันกลายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ความรู้สึกเดียวที่หลงเหลืออยู่ในเศษเสี้ยวดวงวิญญาณคือต้องปกป้องผู้ถือครองให้ได้
นี่หลิงฮันต้องทรงพลังขนาดไหนกันถึงทำให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ฟื้นคืนความรู้สึกหวาดกลัวกลับมาได้?
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “ผู้นำตระกูลหลง พวกเราจะคุยกันดีๆได้รึยัง?”
“คุยก็คุย” ผู้นำตระกูลหลงรู้สึกปวดหัว
ซึ่งแน่นอนว่าการสนทนาหลังจากนั้นของพวกเขาก็ไม่มีความหมาย ผู้นำตระกูลหลงอธิบายเหตุผลต่างๆนาๆออกไปแต่หลิงฮันก็ไม่รับฟังแม้แต่น้อย เขาดื้อรั้นที่จะสร้างปัญหาไม่หยุด
หลังจากพูดคุยกันได้สักพักหลิงฮันก็ขอตัว หลงอวี่ซานเองก็ทำตามแผน นางแพร่การจายข่าวเรื่องที่หลิงฮันต้องการสู่ขอนางแต่งงานออกไป
ผ่านไปไม่นานข่าวนี้ก็ถึงหูฉงปาตู้
ปัง!
ฉงปาตู้ทุบโต๊ะหินเบื้องหน้าและลุกยืนพรวดพราด แววตาของเขาโหดเหี้ยมปลดปล่อยจิตสังหารอันรุนแรง
ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่สังหารหลิงฮันเพราะไม่อยากล่วงเกินประมุขตระกูลหลง แต่ไม่ว่าคาดว่าหลิงฮันจะกล้าถึงขนาดคิดแย่งชิงสตรีที่เขาเพ่งเล็งอยู่!
ยอมไม่ได้!
“นายน้อย!” จิ่งอี้และหยางจือเกอเดินเข้ามา
ฉงปาตู้ระงับความโกรธและพาดมือไว้ด้านหลัง ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ยังเป็นเพียงข่าวลือ ตระกูลหลงจะกล้ายกเลิกงานแต่งของเขาได้อย่างไร พวกเขาไม่หวาดกลัวความเกรี้ยวกราดของราชาเซียนรึ?
เพียงแต่ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่เป็นดั่งที่เขาคิด ผ่านไปไม่นานก็มีข่าวแพร่กระจายต่ออีกว่าหลงอวี่ซานนั้นมีใจให้หลิงฮัน ประมุขตระกูลหลงก็ถึงกับต้องออกมาจากการบ่มเพาะพลังเพื่อจัดการงานแต่งใหม่
เรื่องนี้ทำให้ฉงปาตู้ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ตระกูลหลงกล้ายกเลิกงานแต่งงานจริงๆ?
เขาไม่ได้ชื่นชอบเพียงแค่ความงดงามและพรสวรรค์ของหลงอวี่ซาน สิ่งที่เขาสนใจยิ่งกว่าคือสายเลือดมังกรแท้ของนาง หากเขากับนางได้ครองคู่กัน ทายาทที่ถือกำเนิดในอนาคตจะต้องทรงพลังหาผู้ใดเปรียบเป็นแน่
ซึ่งงานแต่งครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งโดยตรงจากราชาไค่หยุนที่เขาจะต้องทำให้ลุล่วงให้ได้ ยิ่งกว่านั้นเรื่องงานแต่งงานก็เป็นที่รู้กันไปทั่วดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาแล้ว หากจู่ๆงานแต่งถูกยกเลิกเขาจะยังมีหน้าไปพบใครในดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาได้อีก?
ฉงปาตู้รีบไปตามหาหลงอวี่ซานทันที แต่นางก็เก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมาพบ ซึ่งทำให้อารมณ์ของเขากลายเป็นบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม
อีกไม่กี่วันต่อมาหลิงฮันได้ทำการขอท้าประลองฉงปาตู้
เงื่อนไขคือหากฉงปาตู้ชนะหลิงฮันจะยอมปัดตูดจากไป แต่หากฉงปาตู้แพ้ฉงปาตู้จะต้องยอมเพิกถอนงานแต่งด้วยตัวเอง
ช่างโอหังนัก! ฉงปาตู้เกรี้ยวกราด เขาคือทายาทของดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยถูกใครเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อน
เขาตอบรับคำท้าประลองของหลิงฮันอย่างไม่ลังเล
ฉงปาตู้แสยะยิ้มในใจ เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะหาโอกาสสังหารหลิงฮันในตอนที่อีกฝ่ายออกไปจากตระกูลหลง แต่ตอนนี้ในเมื่อหลิงฮันรนหาที่ตายเองเขาก็ยินดีจะเติมเต็มความปรารถนาให้
ทั้งสองตกลงกันว่าจะสู้กันบนห้วงอวกาศในอีกสามวัน
สามวันต่อมา หลิงฮันและฉงปาตู้ได้มาถึงห้วงอวกาศเป็นที่เรียบร้อย หยางจือเกอและจิ่งอี้ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังฉงปาตู้ในขณะที่ทางฝั่งของหลิงฮันไม่มีใคร ตระกูลหลงเองก็ตั้งตนเป็นกลางยืนคั่นระหว่างทั้งสอง
หลงเซียงเยว่คิดอยากจะให้กำลังหลิงฮันแต่นางก็ถูกหลงอวี่ซานห้ามเอาไว้
“หลิงฮัน!” ฉงปาตู้คำรามด้วยเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า ที่ไม่คาดคิดคือเสียงของเขาแฝงเอาไว้ด้วยร่องรอยของอำนาจมังกร
ดูเหมือนว่าที่ตระกูลฉงต้องการแต่งงานกับหลงอวี่ซานจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่อีก
หลิงฮันปิดหูก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ทำไมต้องตะโกนเสียงขนาดนั้น? ข้าไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย”
“ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าหูหนวกเพียงอย่างเดียว แต่เจ้ายังตาบอดอีกด้วย!” ฉงปาตู้แสยะยิ้ม “หากเจ้ามีตาเจ้าจะรู้ว่าตนเองไม่สมควรที่จะเป็นศัตรูกับข้า ต่อให้เจ้าเป็นเซียน โชคชะตาของเจ้าก็หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นเศษซากด้วยอำนาจของดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาของข้า!”
ฉงปาตู้จ้องหลิงฮันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้ามาจากขุมอำนาจใด?”
หากไม่มีราชาเซียนอยู่เบื้องหลัง อีกฝ่ายจะกล้าต่อต้านเขาได้อย่างไร?
“ข้าหลิงฮัน เป็นจอมยุทธพเนจร” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตายไปซะ” ฉงปาตู้ไม่ทนอีกต่อไป ร่างของเขาปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาเพื่อหวังบดขยี้หลิงฮันเป็นเศษซาก
ตอนที่ 1617
ครืนน!
อำนาจของเซียนระเบิดออกจากร่างฉงปาตู้ ตราประทับแห่งเต๋าผันผวนปกคลุมไปทั่วร่าง วงโคจรวิถีดาราจักรที่ปรากฏออกมามีดวงดาวอยู่เจ็ดล้านกว่าดวง
จำนวนดวงดาวของเซียนระดับต้นมีขีดจำกัดอยู่ที่สิบล้านดวง หรือก็คือฉงปาตู้ในตอนนี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ที่เซียนระดับต้นขั้นปลาย
เขาพลักฝ่ามือออกไปด้านหน้า ปราณก่อเกิดควบแน่นกลายฝ่ามือขนาดมหึมาที่มีดวงดาวขนาดใหญ่มากมายห้อมลอมอยู่
เป็นฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง!
หลิงฮันดีดนิ้วและกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมสังหาร ปราณก่อเกิดอัดแน่นกลายเป็นคลื่นดาบพุ่งทะลวงเข้าใส่ฝ่ามือมหึมา
เมื่อเทียบกันแล้วขนาดของคลื่นดาบนั้นเล็กเพียงสามฟุตเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ามือมหึมามีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าดวงดาว เพียงแต่ว่าเมื่อการโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน ฝ่ามือมหึมากลับถูกสะบั้นขาดเป็นสองส่วน
ฉงปาตู้เค้นเสียง เมื่อยกมือขึ้นมาดูก็พบว่าฝ่ามือของเขามีหยดโลหิตไหลออกมา
“จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ตัวจ้อยสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังได้เพียงนี้!” เขากล่าวพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ก่อนหน้านี้ที่เคยแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับหลิงฮันสองครั้งทำให้เขารู้ว่าหลิงฮันมีพลังต่อสู้ระดับเซียน เพียงแต่ที่เขาคาดไม่ถึงคือพลังต่อสู้ที่จะทรงพลังถึงขนาดต่อกรกับเขาได้
เหลือเชื่อ!
หยางจือเกอและจิ่งอี้หันมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด คงไม่ใช่ว่าฉงปาตู้จะแพ้หรอกนะ?
ไม่มีทาง!
ทั้งคู่รีบส่ายหัว ฉงปาตู้คือราชารุ่นเยาว์แห่งดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา พรสวรรค์อันโดดเด่นของเขาทำให้สามารถบรรลุเป็นเซียนได้เพียงอายุหนึ่งแสนปี ศักยะภาพเช่นนี้กล่าวได้ว่าท้าทายสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง!
ไม่ว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งขนาดไหนเขาก็ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ ต่อหน้าเซียนเขาไม่มีโชคชะตาอื่นนอกจากความพ่ายแพ้
“หลิงฮัน เจ้าช่างทำให้ข้ารู้สึกสนใจจริงๆ!” ฉงปาตู้แสยะยิ้ม การที่หลิงฮันมีพลังทัดเทียมกับเซียนได้ในระดับวารีนิรันดร์ อีกฝ่ายต้องมีความลับอะไรบางอย่างที่อัศจรรย์มากซ่อนเอาไว้อยู่แน่
เขาต้องชิงมันมาให้ได้!
หลิงฮันทำสีหน้าหวาดผวา “เจ้ามันรึโรคจิต ข้าไม่นึกว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นคนประเภทนี้!”
ฉงปาตู้ชะงัก เมื่อรู้ความหมายของคำพูดหลิงฮันเขาก็กลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที “ตาย!”
ผมสีดำของเขาสยายชี้ขึ้นฟ้า ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ชุดสวมใส่ของเขาระเบิดฉีกขาดเหลือเพียงกางเกง ดูแล้วกางเกงตัวนี้สมควรเป็นสมบัติอย่างหนึ่งมันถึงมีความทนทานขนาดนี้ได้
บนผิวของฉงปาตู้ปรากฏรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์แปลกประหลาด เพื่อสังหารหลิงฮัน เขาถึงได้ยอมเผยไพ่ลับใบนี้ออกมา
“มังกรอมตะ!” ฉงปาตู้คำราม ทันใดนั้นที่บริเวณหน้าอกของเขาก็มีร่างของมังกรทองแดงเหาะออกมา ร่างของมันมีขนาดยาวหลายพันฟุต กลิ่นอายที่มังกรทองแดงปลดปล่อยออกมาราวกับว่ามันเป็นตัวตนที่อยู่ในอดีตและอนาคตไม่ใช่ปัจจุบัน
“มังกรห้วงเวลา!” เหล่าคนของตระกูลหลงอุทาน ใบหน้าของพวกเขาเผยถึงความตะลึงอย่างปิดไม่มิด
ตามตำนานที่เล่าขาน มังกรตัวแรกที่ถือกำเนิดจากสวรรค์และปฐพีนั้นได้ถูกเรียกว่ามังกรต้นกำเนิด โดนที่มังกรต้นกำเนิดได้ให้กำเนิดบุตรเก้าตัว มังกรทั้งเก้ามีทั้งมังกรทองคำ มังกรคราม มังกรทมิฬ มังกรสีชาดและอื่นๆ โดยที่มังกรรุ่นที่สองเหล่านี้ก็ได้ให้กำเนิดเผ่าทายาทที่แบ่งแยกไปตามสายเลือดของพวกมัน
เผ่ามังกรแต่ละเผ่าจะมีพลังของสายเลือดต่างกัน
อย่างเช่นตระกูลหลงที่เป็นทายาทของเผ่ามังกรสีชาดนั้น พวกเขาจะมีพลังอำนาจแห่งเปลวเพลิง ในหมู่เผ่ามังกรแต่ละเผ่า มังกรทองแดงคือเผ่าที่มีอำนาจลึกล้ำที่สุดเนื่องจากมันเป็นผู้ครอบครองอำนาจแห่งกาลเวลา เพราะเหตุนั้นมังกรทองแดงถึงถูกเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่ามังกรห้วงเวลา
ห้วงเวลา ห้วงมิติ ความมืดและอำนาจสังหารคือความสามารถที่ฝึกฝนได้ยากลำบากที่สุด เพราะงั้นสายเลือดมังกรที่แฝงไว้ด้วยความสามารถเหล่านั้นจึงถือว่าเป็นเผ่ามังกรที่ทรงพลังที่สุด
“ไม่คาดคิดว่าตระกูลฉงจะมีสายเลือดของเผ่ามังกรด้วย!”
“หรือที่พวกเขาต้องการแต่งงานกับตระกูลหลงก็เพื่อที่จะได้ให้กำเนิดทายาทที่มีความสามารถทั้งอำนาจเปลวเพลิงและอำนาจห้วงเวลา?”
เหล่าคนของตระกูลหลงคาดเดา ไม่เช่นนั้นแล้วตระกูลฉงจะลงทุนเดินทางมาขอแต่งงานกับคนตระกูลหลงทั้งๆที่อยู่ห่างไกลกันหลายร้อยล้านไมล์เพื่ออะไร?
มังกรทองแดงพุ่งทะยานเข้าหาหลิงฮันด้วยอำนาจแห่งห้วงเวลา
หลิงฮันปล่อยหมัดตอบโต้ เพียงแต่ว่าพลังของเขาไม่ส่งผลใดๆต่อมังกรทองแดงเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เกล็ดของมันก็ไม่ปรากฏแม้แต่รอยขีดข่วน
มังกรทองแดงคือตัวตนที่ไม่ได้อยู่ห้วงเวลาปัจจุบัน มันจะถูกโจมตีได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้มและปล่อยหมัดอีกครั้ง คราวนี้เขาผสานอำนาจของกาลเวลาแปรผันพันปีเข้าไปในหมัดด้วย
ตูม!
ในที่สุดหมัดของเขาก็ได้ผลกับมังกรทองแดง เพียงแต่ว่าถึงแม้กาลเวลาแปรผันพันปีจะเป็นทักษะระดับนิรันดร์แต่พลังบ่มเพาะของหลิงฮันตอนนี้ก็อ่อนแอเกินไปที่จะดึงอำนาจของทักษะออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หมัดของเขาทำได้เพียงแค่ทำให้ร่างของมังกรทองแดงหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง ฉงปาตู้ตกตะลึง น่าเหลือเชื่อมากที่การโจมตีของหลิงฮันจะส่งผลกระทบต่อแม้กระทั่งอำนาจแห่งกาลเวลา
นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกสนใจมากขึ้นไปอีกกว่าหลิงฮันมีความลับแบบไหนซ่อนเอาไว้กันแน่
หลิงฮันลงมืออีกครั้ง อำนาจของรูปแบบอาคมสังหารถูกควบแน่นเป็นปราณดาบพุ่งเข้าปะทะกับมังกรทองแดง
น่าเสียดายที่มังกรทองแดงไม่ใช่ตัวตนที่อยู่ในห้วงเวลาปัจจุบัน ต่อให้การโจมตีของหลิงฮันจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บ
“ฮ่าๆๆ!” ฉงปาตู้หัวเราะ ตราบใดที่ร่างของหลิงฮันถูกมังกรทองแดงโจมตี อำนาจห้วงเวลาจะทำให้ร่างของเขาฉีกขาด บางส่วนอาจจะหลุดไปยังอนาคต บางส่วนอาจจะหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน หรือบางส่วนอาจจะหลุดลอยไปยังอดีต
แต่ที่แน่ๆคือร่างของหลิงฮันจะต้องถูกบดขยี้เป็นเศษซาก!
ร่างจำแลงมังกรทองแดงนี้คือทักษะระดับนิรันดร์ของดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาที่จะสืบทอดผ่านสายเลือดเท่านั้นและเป็นทักษะที่ทรงพลังมาก
มังกรทองแดงลอยมาถึงเป้าหมายในที่สุด มันกวัดแกว่งกรงเล็บทั้งสี่เข้าใส่หัวไหล่และขาของหลิงฮัน
“แหลกไปซะ!” ฉงปาตู้คำราม
เพียงแต่หลังจากรับกรงเล็บไปแล้วร่างของหลิงฮันก็ยังยืนนิ่งเฉยอยู่ในสภาพเดิม
“จงแหลก! จงแหลก! จงแหลก!” ฉงปาตู้ตะโกนลั่น ทุกครั้งที่เขาแผดเสียงเขาได้ส่งพลังไปให้กับมังกรทองแดงเพื่อที่อำนาจของมันจะได้เพิ่มสูงขึ้น
หลิงฮันเอียงคอเพื่อให้หน้าตนเองโผล่ออกมาจากร่างของมังกรทองแดงและกล่าว “เจ้าตะโกนเหนื่อยรึยัง? ถ้าเหนื่อยแล้วก็พักเสียบ้างเดี๋ยวคอจะบาดเจ็บเอา”
เป็นไปได้อย่างไร!
ฉงปาตู้กลายเป็นไร้คำพูด มังกรทองแดงนั้นมีอำนาจแห่งห้วงเวลาที่หากสัมผัสโดนร่างของคนผู้นั้นจะฉีกขาดทันที แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เขากระตุ้นพลังของมังกรทองแดงอย่างสุดความสามารถแต่ร่างของหลิงฮันก็ยังนิ่งเฉยราวกับขุนเขา
ไม่ใช่ว่าอำนาจแห่งห้วงเวลาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะกายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งเทียบเท่าแร่โลหะเซียนแล้ว อำนาจของมังกรทองแดงที่อยู่ในระดับเซียนระดับต้นจะทำลายวัสดุเซียนที่มีระดับเท่ากันได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเองร่างของหลิงฮันก็สั่นสะท้าน เขาควบคุมปราณก่อเกิดเพื่อขยายร่างของตนเองให้มีขนาดสูงพันฟุตและคว้าร่างมังกรทองแดงเอาไว้ หลิงคำรามและใช้มือเพียงข้างเดียวฉีกกระฉากร่างท่อนบ่นของมังกรทองแดงขาดกระจุยราวกับมันเป็นเพียงงูน้ำธรรมดาทั่วไป
ช่างไร้ความปรานี!
ตอนที่ 1618
กลางห้วงอวกาศ ร่างของหลิงฮันยืนกระหง่านท้าทายสวรรค์โดยที่แขนข้างหนึ่งกอดรัดมังกรทองแดงเอาไว้ราวกับตัวเขาเป็นเทพสงครามสังหารมังกร ภาพของหลิงฮันที่ทุกคนเห็น ณ ตอนนี้ทรงพลังจนพวกเขาลืมหายใจ
เหล่าสรีของตระกูลหลงแววตาส่องประกายด้วยความหลงไหล
หลิงฮันมองไปยังฉงปาตู้และกล่าว “ยังมีกระบวนท่าอื่นอีกไหม?” เสียงของเขาเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยจิตสังหาร
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องปะทะกับดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาอยู่แล้ว เขาจึงจะทำการลงมือสังหารฉงปาตู้ผู้นี้เพื่อเป็นการจุดชนวนความบาดหมาง เพราะตั้งแต่แรกเริ่มเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่อยู่แล้ว
ฉงปาตู้เริ่มหวั่นไหว มังกรห้วงการเวลาคือไพ่ลับที่ทรงพลังมากของเขาแต่กลับไม่สามารถทำให้หลิงฮันบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
หรือเขาจะพ่ายแพ้จริงๆ?
เขารีบส่ายหัวทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ไม่มีทาง เขาไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้น!
เขาคือตัวตนระดับเซียนอันเกรียงไกรของดินแดนต้องห้าม ไม่มีทางที่เขาจะแพ้ให้กับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์!
“ดาบนิรันดร์เก้าชีพจร!” ฉงปาตูเค้นเสียงกล่าวเบาๆ ทันใดนั้นเส้นชีพจรทั้งเก้าเส้นในร่างของเขาก็ปลดปล่อยแสงนิรันดร์อันเลือนราง เขานำอุปกรณ์เซียนออกมาและกระตุ้นพลังของมันทันที รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายเจิดจ้าพร้อมกับอำนาจเซียนที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด
ความน่าสะพรึงกลัวยังไม่จบเพียงเท่านี้ แสงนิรันดร์ในร่างของเขาค่อยๆควบแน่นมารวมกันที่ปลายดาบของอุปกรณ์เซียน
อย่าพูดถึงหลิงฮันที่ตอนนี้ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่อ่อนแอ ต่อให้เป็นเซียนระดับต้นหรือเซียนระดับกลางก็ไม่กล้าที่จะรับมือกับอำนาจของอุปกรณ์ดาบเซียนของฉงปาตู้ในตอนนี้ หากถูกปราณนิรันดร์บนใบดาบทะลวงเข้าใส่ร่างเกรงว่าดวงวิญญาณของเป้าหมายคงจะแหลกสลายในพริบตา
ปราณนิรันดร์ของฉงปาตู้มีต้นกำเนิดมาจากทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์!
น่าเสียดายที่ทักษะราชานิรันดร์ที่ราชาไค่หยุนได้รับมานั้นไม่ใช่ทักษะที่สมบูรณ์ ในตอนที่ราชาไค่หยุนคิดจะบุกเข้าไปยังห้องสมบัติเพื่อแย่งชิงทักษะก็ถูกราชันวารีสวรรค์ขัดขวางเสียก่อน
แต่ถึงแม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวทักษะก็ยังล้ำค่าเป็นอย่างมาก ขนาดบ่มเพาะแค่เศษเสี้ยวของทักษะก็ยังสามารถควบแน่นปราณนิรันดร์ขึ้นมาได้ทั้งๆที่มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสร้างสรรพสิ่งซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
‘ด้วยพลังขนาดนี้เขาจะยังกำจัดจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ตั้วจ้อยไม่ได้อีกรึ?’ ฉงปาตู้คิด
หลิงฮันมองไปที่ฉงปาตู้และมีท่าทางชะงักเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าดาบที่เป็นอุปกรณ์เซียนของอีกฝ่ายมีออร่าคล้ายคลึงกับดาบอสูรนิรันดร์
เป็นพลังระดับนิรันดร์!
เพียงแต่เมื่อเทียบกับดาบอสูรนิรันดร์แล้ว ปราณนิรันดร์บนอุปกรณ์เซียนของฉงปาตู้ยังถือว่าเบาบางเกินไปจนแทบจะเหมือนไม่มีอยู่
หลิงฮันไม่กล้าประมาท ไม่ว่าปราณนิรันดร์ของอีกฝ่ายจะเบาบางแค่ไหนแต่ขึ้นชื่อว่า ‘อำนาจนิรันดร์’ ก็เพียงพอแล้วที่จะคุกคามทุกชีวิตของโลกบรรพกาล
“ตาย!” ฉงปาตู้กวัดแกว่งดาบพุ่งเข้ามา
‘ครืน! ครืน! ครืน!’
ในขณะที่อุปกรณ์เซียนของฉงปาตู้ถูกกวัดแกว่ง ดวงดาวมากมายและห้วงอวกาศก็สั่นสะเทือน โดยเฉพาะอำนาจของปลายดาบที่ถูกควบแน่นไว้ด้วยเศษเสี้ยวปราณนิรันดร์ มันปลดปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงจนส่งผลให้ชั้นมิติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฉีกขาดและมีหลุมดำปรากฏออกมา
หลิงฮันสะบัดมือนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา
หากปะทะกันด้วยอุปกรณ์ ฝ่ายไหนกันแน่ที่จะต้องหวาดกลัว?
‘ตูม ตูม ตูม ตูม!’ ดาบอสูรนิรันดร์และอุปกรณ์ดาบเซียนเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ดาบทั้งสองเล่มเป็นอุปกรณ์ระดับสิบเจ็ดเหมือนกันทั้งคู่ เพียงแต่ว่าดาบอสูรนิรันดร์นั้นมีแก่นแท้คืออุปกรณ์นิรันดร์ ต่อให้ตอนนี้พลังของมันจะยังไม่ตื่นอย่างแท้จริง แต่เมื่อเทียบกับปราณนิรันดร์เพียงเศษเสี้ยวแล้วอำนาจของดาบอสูรนิรันดร์ทรงพลังกว่าไม่รู้กี่เท่า
ยิ่งดาบทั้งสองกระหน่ำสะบั้นเข้าใส่กัน ปราณนิรันดร์บนอุปกรณ์ดาบเซียนก็เริ่มสั่นไหวราวกับจะสลายหายไป
“อะไรกัน!”
ฉงปาตู้วิตกอย่างแท้จริง ดาบนิรันดร์เก้าชีพจรคือทักษะที่ทรงพลังที่สุดของเขา ในอดีตกาลแม้แต่ราชานิรันดร์ก็ยังถูกสังหารด้วยทักษะนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะถูกจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ทำให้เกือบจะสลายหายไป?
“ข้าขอสังหารเจ้าก่อนแล้วจะส่งราชาไค่หยุนตามไปภายหลัง!” หลิงฮันกวัดแกว่งดาบอสูรนิรันดร์ในมือขวาพร้อมกับปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ในมือซ้าย
“จะ เจ้าเป็นใครกันแน่?” ฉงปาตู้เอ่ยถามด้วยเสียงเบา
จากคำพูดของหลิงฮัน ดูเหมือนเขาจะมีความบาดหมางส่วนตัวกับดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา
“ไม่จำเป็นต้องรู้ ถึงเวลาที่เจ้าจะร่วงหล่นสู่ขุมนรกแล้ว!” หลิงฮันระเบิดพลังอำนาจทั้งหมดรูปแบบอาคมสังหาร พลังต่อสู้ของเขาพุ่งทะยานก้าวกระโดด เมื่อเสริมด้วยอำนาจของดาบอสูรนิรันดร์และเพลิงเก้าสวรรค์ เขาแทบจะไร้เทียมทานในช่วงพลังของเซียนระดับต้น
“บัดซบ!” ฉงปาตู้กวัดแกว่งดาบตอบโต้ ทุกครั้งที่การโจมตีของเขาปะทะกับการโจมตีของหลิงฮัน ร่างของเขาจะถูกบังคับให้ล่าถอยสิบก้าว กล่าวคือเขาถูกหลิงฮันกำราบโดยสมบูรณ์
หลิงฮันสร้างกรงเพลิงกักขังฉงปาตู้ด้วยเพลิงเก้าสวรรค์และเข้าปะทะกับอีกฝ่ายด้วยพลังทั้งหมด
ฉงปาตู้กระอักโลหิตหลายครั้ง เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากที่ตนเองไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้
เขาแทบจะเป็นบ้า เซียนระดับต้นพ่ายแพ้ต่อจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จากการปะทะซึ่งๆหน้าได้อย่างไร!
ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์เรื่องนี้ก็ดูไร้เหตุผลสิ้นดี!
“ข้าจะส่งเจ้าลงนรกในสามดาบ!” หลิงฮันกล่าวเย็นชา
“เพ้อฝัน!” ฉงปาตู้ทำการเผาผลาญพลังชีวิตและดิ้นรนอย่างถึงที่สุด
เพียงแต่ว่าต่อหน้าหลิงฮัน มีรึที่ความพยายามของเขาจะสัมฤทธิ์ผล?
ภายใต้กรงเพลิงเก้าสวรรค์แม้แต่จะหลบหนีฉงปาตู้ก็ไม่อาจทำได้!
“ช่วยแสดงความเมตตาด้วย!” เสียงอันสุภาพและหนักหน่วงดังก้องไปทั่วทั้งห้วงอวกาศ
อำนาจมังกรที่ส่งผ่านเสียงพูดโหมกระหน่ำรุนแรงราวกับคลื่นยักษ์
“คารวะท่านประมุข!” สมาชิกตระกูลหลงทุกคนคุกเข่าข้างเดียว
เจ้าของเสียงที่กล่าวแทรกกระทันเมื่อครู่คือประมุขตระกูลหลง… เซียนระดับกลาง!
จิตใจของฉงปาตู้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ด้วยการแทรกแซงของประมุขตระกูลหลงมีรึที่หลิงฮันจะกล้าสังหารเขา?
หลิงฮันไม่แยแส ในเมื่อเขาตัดสินจะสังหารแล้ว ไม่ว่าใครก็เกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้
ตาย!
ร่างของฉงปาตู้ที่เพิ่งโล่งอกไปเมื่อครู่กลายเป็นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวทันที
เซียนระดับกลางเปิดปากร้องขอด้วยตัวเองแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่หยุดมืออีก?
ฉงปาตู้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำการตอบโต้ต่อไป ภายใต้คลื่นกระแทกอันทรงพลังจากการโจมตีของหลิงฮันได้ทำให้เขากระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง
“ข้าบอกให้หยุด!” เสียงคำรามดังก้องอีกครั้ง คราวนี้อำนาจมังกรก่อตัวกลายเป็นร่างมังกรแท้จริงสีชาดและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันยังคงไม่แยแสและสะบั้นดาบเข้าใส่ฉงปาตู้อย่างโหดเหี้ยม
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะสังหารชายตรงหน้าให้ได้!
‘ตูม’ ร่างมังกรแท้จริงสีชาดกระแทกเข้ากับกรงเพลิง ภายใต้แรงกระแทกอันรุนแรง กรงเพลิงถูกทำให้สลายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยอำนาจอันทรงพลังของเพลิงเก้าสวรรค์ ร่างของมังกรแท้จริงสีชาดก็ถูกเผาเป็นเถ้าธุลีเช่นกัน
ฉงปาตู้ฉวยโอกาสนี้เผ่นหนี
“ดาบที่สาม!” เสียงคำรามอันเย็นชาของหลิงฮันสะท้อนดังมาจากด้านหลังฉงปาตู้
ตอนที่ 1619
‘พรึบ’ คลื่นดาบที่ทะยานออกไปส่งผลให้ห้วงอวกาศเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า
ฉัวะ!
คลื่นดาบผ่าร่างของฉงปาตู้ออกเป็นส่องส่วนพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณ
“ไม่!” ฉงปาตู้โอดครวญเสียงสั่น ใครบ้างจะไม่หวาดกลัวความตาย? สุดยอดอัจฉริยะเช่นเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งความตายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
มือซ้ายและขวาของเขาพยุงร่างส่วนล่างเอาไว้และพยายามต่อทั้งสองส่วนติดเข้าหากัน
เพียงแต่ว่าเมื่อถูกดาบอสูรนิรันดร์โจมตีผ่าร่างโดยตรงแล้วก็อย่าหวังว่าจะรอด!
‘ตูม’ ร่างของฉงปาตู้ระเบิดกระจุยเป็นฝนโลหิต วิญญาณของเขาถูกอำนาจของดาบอสูรนิรันดร์บดขยี้สิ้นซาก
“ฮึ่ม!” เสียงคำรามของใครบางคนดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า พริบตานั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวกลางอวกาศ เขาคือชายร่างสูงผมขาวโพลนที่แก่ชราเป็นอย่างมาก ออร่าที่เขาปลดปล่อยออกมาทรงพลังและรุนจนทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกหวาดกลัวไม่กล้ามองไปที่เขา
เขาคือประมุขตระกูลหลง… เซียนระดับกลาง
“เจ้าหนู ช่างรนหาที่ตาย!” ประมุกตระกูลหลงปล่อยหมัดทันใด
หืม?
หลิงฮันมีท่าทางประหลาดใจ ถึงแม้หมัดของอีกฝ่าจะดูทรงพลังมากแต่อำนาจที่พุ่งเข้ามาใส่เขากลับถูกจำกัดเอาไว้ในระดับหนึ่ง หากถูกจู่โจมด้วยหมัดนี้ร่างของเขาอาจจะถูกซัดลอยกระเด็นแต่ก็ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บหนัก
อีกฝ่ายกำลังเสแสร้งทำเป็นลงมือ!
น่าสนใจ!
ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ตัวของหลงอวี่ซานที่ไม่ต้องการแต่งงาน ความจริงแม้แต่ประมุขตระกูลหลงเองก็ไม่ปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าAnchorดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังเกินกว่าที่พวกเขาจะปฏิเสธได้ แต่ตอนนี้หลิงฮันได้สังหารฉงปาตู้ไปแล้ว เมื่อไม่มีเจ้าบ่าว งานแต่งจะถูกจัดได้อย่างไร?
เพียงแต่จะให้ประมุขตระกูลหลงตบไหล่หลิงฮันแล้วบอกว่าทำได้ดีมากพร้อมกับปล่อยไปได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงจำเป็นต้องแสดงละครต่อหน้าคนอื่น อันดับแรกเขาจะซัดหลิงฮันให้ลอยกระเด็นไปก่อนแล้วค่อยไล่ตามไป
หลิงฮันสามารถสังหารฉงปาตู้ได้แสดงว่าเขามีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับต้น ซึ่งการที่เซียนระดับกลางจะไล่ตามเซียนระดับต้นไม่ทันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก บางครั้งแม้แต่ราชาเซียนก็ไม่อาจไล่ตามเซียนระดับต้นได้ทันเช่นกัน
เมื่อถูกหมัดของประมุขหลงโจมตีหลิงฮันก็แสร้งทำเป็นกระอักโลหิตออกมา ร่างของเขาลอยกระเด็นไปไกลหลายพันไมล์ในพริบตาจนเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ
“อย่าคิดว่าจะหนีพ้น!” ประมุขตระกูลหลงเค้นเสียงพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นแห่งเต๋าสีทองไล่ตาม เขาแอบชื่นชมหลิงฮันในใจ อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาดไม่น้อยที่สามารถมองแผนออกเขาออกได้ในทันทีและให้ความร่วมมือ
หากหลิงฮันไม่ร่วมมือ คนอื่นอาจจะสงสัยได้ว่าหมัดของเขาทำให้หลิงฮันบาดเจ็บได้จริงรึเปล่า
ประมุขตระกูลหลงไล่ตามไปแต่กลับพบว่าตนเองหาหลิงฮันไม่พบ
อะไรกัน?
คราวนี้เขาตกตะลึงอย่างแท้จริง หลิงฮันเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วที่แม้แต่เขาก็ไม่สามารถไล่ตามทัน?
ประมุขตระกูลหลงหยุดยืนกลางห้วงอวกาศและทำเป็นใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ เขาตั้งใจจะใช้ความทรงจำส่วนนี้ในเป็นหลักฐานในการต่อรองกับดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาในอนาคต
ยอดเยี่ยม หากหลิงฮันมีวิธีหลบหนีที่รวดเร็วขนาดนี้ก็ช่วยเขาได้มาก
หลังจากตรวจสอบเสร็จเสร็จสิ้นเขาก็เคลื่อนที่กลับดาวหลัวไห่ การตายของเซียนที่มีผู้หนุนหลังคือราชาเซียนนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการให้รอบคอบ
……
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเคลื่อนที่จากไปอย่างสบายใจ
จุดหมายในครั้งนี้ของเขาไม่ใช่ดาวมู่ถูแต่เป็นดาวเหอหนิง
เมื่อเตรียมวัตถุทั้งสี่ครบแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องกลับไปหาจักรพรรดิเพลิงอัสนี
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลานานถึงสองปีครึ่ง เพียงแต่หลิงฮันก็ไม่ได้ทิ้งเวลาไปโดยเสียเปล่า เขากินเม็ดยาและบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถึงดาวเหอหนิง จักรพรรดินีก็ตื่นจากการบ่มเพาะพลังอันยาวนาน
นางทำสำเร็จ!
ดวงดาวสิบล้านดวง ขีดจำกัดที่แท้จริงของระดับวารีนิรันดร์
หลิงฮันรู้สึกดีใจแทนจักรพรรดินี ในโลกบรรพกาลไม่เคยมีใครบรรลุขีดจำกัดดวงดาวสิบล้านดวงของระดับวารีนิรันดร์สมบูรณ์มาก่อน ซึ่งหมายความว่าอนาคตของจักรพรรดินีย่อมส่องสว่างยิ่งกว่าใคร
“คงอีกไม่นานที่ข้าจะทะลวงผ่านเป็นเซียน” จักรพรรดินีกระซิบข้างหูหลิงฮัน
หลิงฮันสูดหายใจลึกและกอดเอวจักรพรรดินีแน่น “เจ้ากำลังยั่วยุข้า?”
“ไม่ผิด!” จักรพรรดินีพยักหน้าและยิ้มอย่างมีเสน่ห์
ทั้งสองออกจากหอคอยทมิฬโดยปล่อยให้สตรีนกอมตะฝึกฝนต่อไป วาสนาจากนกอมตะสวรรค์สามตัวช่างน่าอัศจรรย์ พลังบ่มเพาะในตอนนี้ของนางอยู่ห่างหากระดับเซียนอีกแค่ก้าวเดียว
พวกเขามาถึงจักรวรรดิต้าหลิงฮันในอีกหนึ่งวันต่อมา
“องจักรพรรดิ!”
“องจักรพรรดิ!”
“องจักรพรรดิ!”
คนของจักรวรรดิกล่าวต้อนรับเขาทีละคน พี่ชายทั้งสองของเขาอย่างเฟิงโปหยุนและมู่หลงชิงก็ปรากฏตัวเช่นกัน อสูรศิลาวิ่งวนไปมารอบรอบกายเขาราวกับกำลังเลียนแบบสุนัข
หลิงฮันหัวเราะและกอดไหล่พี่ชายทั้งสองกลับเข้าปราสาท
เขาใช้เวลาเล็กน้อยสำหรับพูดคุยระลึกความหลังกับพี่ชายทั้งสองกับยกระดับให้อสูรศิลาก่อนจะมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่จักรพรรดิเพลิงซ่อนตัวอยู่ เขาไม่รู้ว่าที่จักรพรรดเพลิงอัสนีอยู่ที่นั่นเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถูกกักเขาเอาไว้
ในทวีปฮงเทียนมีความลับมากมายถูกซ่อนเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นหอคอยทมิฬ
หลิงฮันและจักรพรรดินีมายังส่วนลึกที่สุดของภูเขา ถ้ำอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดปรากฏต่อหน้าพวกเขา แม้จะเป็นระดับพลังของทั้งสองคนในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถมองทะลุผ่านความมืดมิดของถ้ำไปได้
“เข้าจะผูกเชือกเอาไว้กับเอว หากข้ายังไม่ออกมาหลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ให้เจ้าดึงเชือกลากร่างของข้ากลับออกมา” หลิงฮันกล่าวกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีพยักหน้า
ครั้งนี้เขาเตรียมเอาไว้พร้อม เชือกที่ผูกเอาไว้ที่เอวถูกสานขึ้นจากใยของแมงมุมเมฆาครามที่เหนียวทนทานยากจะทำให้ขาด
หลิงฮันก้าวเท้าเดินเข้าสู่ความมืดมิด
ตอนที่ 1620
เมื่อหลิงฮันเดินเข้าสู่ถ้ำก็ถูกความมืดมิดโอบล้อม การมองเห็น ได้ยินหรือความรู้สึกจากการสัมผัสได้ลดลงฮวบจนในที่สุดก็สูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไปเหมือนกับครั้งก่อน
เขาสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งว่าเขามีตัวตนอยู่รึเปล่า
ขนาดพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่สามารถหลบหนีออกจากความมืดมิดของถ้ำได้!
เขากระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมสังหารในร่างและลงมือโจมตี ซึ่งความจริงเขาไม่รู้สึกแม้แต่น้อยว่าตัวเองกระตุ้นรูปแบบอาคมสังหารและโจมตีออกไปจริงๆรึเปล่า
ดูเหมือนว่าต่อให้เป็นพลังระดับเซียนก็ไม่สามารถสลายความมืดมิดที่นี่ได้
หลิงฮันมั่นใจทันที ความมืดมิดของถ้ำแห่งนี้ไม่อาจเป็นสิ่งอื่นใดนอกจากทักษะระดับนิรันดร์
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ทันใดนั้นแสงหลิงฮันก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างอันเรือนราง
ดูเหมือนว่าพลังระดับนิรันดร์จะสามารถต่อต้านความมืดมิดได้จริงๆ แต่อำนาจของดาบอสูรนิรันดร์ในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ
หลิงฮันเก็บดาบ ‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ ทันใดนั้นเองท่ามกลางความมืดมิดก็ราวกับมีเทียนแท่งหนึ่งถูกจุดขึ้นมา แม้เพลิงเก้าสวรรค์จะส่องสว่างได้เพียงในรัศมีหนึ่งแต่มันก็ได้ผล!
หลิงฮันตื่นเต้น สัมผัสทั้งห้าของเขาฟื้นคืนกลับมา เขารู้สึกเหมือนตนเองฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เขาเดินอย่างเชื่องช้าไปตามกำแพงถ้ำ อันที่จริงถ้ำแห่งนี้ก็ไม่ได้ลึกเท่าไหร่ แต่ด้วยการก้าวเท้าที่เชื่องช้าทำให้เขาใช้เวลาถึงครึ่งวันกว่าจะมาถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ
กลางห้องหินที่อยู่ในส่วนลึกสุดของถ้ำ มีรูปปั้นหินตั้งตระหง่านอยู่เหมือนที่เขาเคยเห็นคราวก่อน
“หืม เจ้าหนู เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เสียงของAnchorจักรพรรดิเพลิงอัสนีดังขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง ครั้งก่อนที่หลิงฮันมาถึงห้องหินได้เป็นเพราะมีฮูหนิวนำทาง หากไม่มีนางหลิงฮันก็ไม่ต่างกับแมลงวันไร้หัวที่คลำหาทางเองไม่เจอ
ทว่าคราวนี้หลิงฮันกลับเดินมาถึงที่นี่ได้ด้วยตนเอง เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้เขาเป็นอย่างมาก
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ถ้าผู้อาวุโสไม่ต้อนรับข้าก็ขอตัว”
“ช้าก่อน!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีรีบห้ามรั้ง “เจ้ารวบรวมของสี่อย่างครบแล้ว?”
“ไม่ผิด” หลิงฮันพยักหน้า
“แต่เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์… หืม!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีชะงัก “เจ้าไม่ใช่ธรรมดา ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะสลักรูปแบบอาคมสังหารเอาไว้ในร่างกายในมากมายขนาดนั้น แม้พลังของรูปแบบอาคมสังหารแต่ละอันจะอ่อนแอ แต่เมื่อรวมกันแล้วมันสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของเจ้าให้เพิ่มขึ้นจนเทียบเท่าเซียนระดับต้น!”
“สิ่งนี้… แม้แต่ตัวข้าในอดีตก็ทำไม่ได้”
หลิงฮันหัวเราะ “ทีนี้คงเชื่อแล้วสินะว่าข้าทำสัญญาที่ให้ไว้สำเร็จแล้ว?”
“อยู่ไหน รีบเอามาให้ข้า!” เสียงของจักรพรรดิเพลิงอัสนีสั่นเครือเล็กน้อย
“ยื่นหมูยื่นแมว การแลกเปลี่ยนต้องทำพร้อมกัน” หลิงฮันกล่าว
“เจ้าหนูบัดซบ คิดว่าข้าผู้นี้จะหลอกลวงเจ้า? ทักษะที่ข้าจะมอบให้ไม่ใช่ทักษะนิรันดร์ระดับสูงเด่นอะไร ทำไมข้าต้อ…” จักรพรรดิเพลิงอัสนีรีบหุบปากเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรออกไป
“โอ้” หลิงฮันพยักหน้า “ที่แท้ผู้อาวุโสก็คิดจะใช้ทักษะนิรันดร์ทั่วไปหลอกลวงข้า!”
“เหอๆ ทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานเป็นทักษะที่ข้าใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้รับมาจากในโบราณสถานแห่งหนึ่ง แม้มันจะไม่ใช่ทักษะที่ทรงพลังที่สุดของข้าแต่สำหรับเจ้ามันก็เพียงพอแล้ว ทักษะนี้ทรงพลังเกินกว่าที่เจ้าจะฝึกฝนได้ด้วยซ้ำ” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวอธิบาย
อันที่จริงหลิงฮันก็แค่พูดไปแบบนั้นเฉยๆ ทักษะนิรันดร์นั้นมีทั้งทักษะระดับสูงและต่ำ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่าทักษะนั้นๆจะเหมาะสมกับผู้ใช้หรือไม่ ซึ่งเขาก็คิดว่าทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานนั้นเหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นก็ขอให้ผู้อาวุโสสอนทักษะแก่ข้าด้วย” เขานำเขามังกรแท้จริง ขนนกอมตะสวรรค์และสมบัติอีกสองอย่างออกมา
รูปปั้นหินส่องประกายแสงเลือนรางพร้อมกับมีบอลแสงสีขาวลอยออกมาและลอยเข้าหาหลิงฮัน
หลิงฮันยื่นนิ้วออกไปรับบอลแสง ‘ครืนน’ พริบตานั้นตราประทับจำนวนนับไม่ถ้วนของทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานก็ผุดเข้ามาในห้วงจิตวิญญาณของเขา
“เจ้าหนู จงทำตามที่ข้าบอก นำวัสดุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ชิ้นไปว่างไว้รอบด้านรูปปั้นหิน” เสียงของจักรพรรดิเพลิงอัสนีเอ่ย
หลิงฮันทำตามที่อีกฝ่ายกล่าวอย่าว่าง่าย เพียงแต่ความจริงแล้วเขาได้สื่อสารกับหอคอยน้อยในใจว่าหากจักรพรรดิเพลิงอัสนีคิดทำอะไรชั่วร้ายล่ะก็ให้หอคอยน้อยจู่โจมกลับทันที แม้การกระทำเช่นนี้จะเสี่ยงต่อการถูกราชานิรันดร์พบเจอ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกตาย
‘เปรี๊ยะ’ ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากดวงตาซ้ายของรูปปั้นพร้อมกับคลื่นเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากดวงตาขวา ทั่วร่างของรูปปั้นหินส่องสว่างเลือนลางพร้อมกับวัสดุทั้งสี่ที่ค่อยๆลอยขึ้นที่ละชิ้นและผสานรวมกัน
ประกายสายฟ้าและคลื่นเปลวเพลิงพัวพันเข้าหากันทำให้เกิดเป็นคลื่นแสงสว่างเจิดจ้าจนหลิงฮันมองไม่เห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักและแสงสว่างจางหายไป ร่างของเด็กน้อยอายุราวๆสองขวบที่ไม่สวมเสื้อผ้าก็ปรากฏด้านหน้าหลิงฮัน
หลิงฮันสัมผัสได้ถึงอำนาจแห่งสายฟ้าจากอีกฝ่าย หรือเด็กน้อยคนนี้จะเป็นจักรพรรดิเพลิงอัสนี?
“เจ้าหนู มัวแต่มองหาอะไรอยู่? รีบเอาเสื้อผ้ามาให้ข้าใส่ได้แล้ว” แม้ร่างจะเป็นเด็กแต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นผู้ใหญ่ “ฮ่าๆๆ ผ่านมากี่ปีแล้วนะที่ข้าสามารถพูดคุยได้ด้วยปากของตัวเอง!”
หลิงฮันโยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายและกล่าว “ผู้อาวุโสได้รับบาดเจ็บหนักเลยต้องหนีมาเก็บตัวอยู่ที่นี่?”
“เจ้าเดาไม่ผิด” จักรพรรดิเพลิงอัสนีถอนหายใจ “ข้านั้นแต่เดิมเป็นจอมยุทธที่อัจฉริยะเป็นอย่างมากและได้ทำการล่วงเกินผู้คนไว้มากมาย ผลสุดท้ายคือข้าถูกตัวตนที่ทรงพลังไล่ล่าจนร่างกายแหลกสลายและเศษเสี้ยววิญญาณก็ได้ลอยออกมายังโลกบรรพกาล ตอนแรกข้าตั้งใจจะสิงสู่ร่างของใครสักคน แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆห้วงมิติจะเกิดการปั่นป่วนและส่งดวงวิญญาณของข้ามายังโลกใบเล็ก”
“ข้าได้ใช้เวลากว่าพันปีสร้างรูปปั้นขึ้นมาเพื่อชี้แนะใครบางคนให้มาช่วยข้าฟื้นคืนชีพ แต่ไม่คาดคิดว่าข้าจะควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ ความมืดมิดที่ตั้งใจจะใช้คงสภาพดวงวิญญาณกลับกลายเป็นกับดักปิดตายตัวเอง โชคดีที่ครั้งที่แล้วเด็กสาวผู้นั้นสามารถผ่านความมืดมิดมาได้และครั้งนี้ก็เป็นเจ้า ในที่สุดข้าจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที”
“ร่างกายนี้แม้จะเทียบไม่ได้กับร่างจากแก่นกำเนิดนิรันดร์และมันก็ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุเซียนทั้งสี่ ถือว่ายังพอใช้การได้”
“เพราะอย่างไรการที่จะกลายเป็นนิรันดร์ที่แข็งแกร่งได้นั้น ร่างกายไม่ใช่ปัจจัยหลักแต่เป็นดวงวิญญาณต่างหาก”
หลิงฮันฟังอยู่เงียบๆและคิดว่าจักรพรรดิเพลิงอัสนีผู้นี้ขี้คุยเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายอยู่คนเดียวมานานเมื่อพบเจอมนุษย์คนอื่นจึงเกิดความรู้สึกอยากสนทนาพูดคุย
เขากล่าว “แล้วผู้อาวุโสมีแผนการจะทำอะไรต่อไป?”
“แน่นอนต้องเป็นบ่มเพาะพลัง ร่างนี่ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุเซียนทำให้มีพลังบ่มเพาะเริ่มต้นที่ระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นต้นเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นดวงวิญญาณของข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย ในระยะเวลาสั้นๆคงไม่อาจฟื้นฟูให้กลับไปเป็นดังเดิมได้” จักรพรรดิเพลิงอัสนีถอนหายใจ
“ข้าขอถามหน่อยว่าแต่เดิมผู้อาวุโสมีระดับพลังอยู่ที่ระดับใด?” หลิงฮันสงสัย
“ขอบเขตตำหนักอมตะ!”
ตอนที่ 1621 อีกหนึ่ง
ถัดจากระดับโลกียนิพพานก็เป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณ ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้และระดับราชานิรันดร์
ระดับขอบเขตตำหนักอมตะเป็นระดับพลังที่สามของดินแดนแห่งเซียน เทียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือระดับดารา เรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
หลิงฮันมองไปยังเด็กน้อยตรงหน้าที่ดูไม่มีผู้อาวุโสแม้แต่น้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านมีชื่อรึไม่?”
“ข้าคือจักรพรรดิเพลิงอัสนี!” เด็กน้อยกอดอกแน่นด้วยท่าทางอวดดี
หลิงฮันจ้องมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลิกสนใจ ในเมื่อข้อตกลงระหว่างเขากับอีกฝ่ายบรรลุเสร็จสิ้นแล้วเขาไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อและหันหลังก้าวเดินออกจากถ้ำ
แต่ในขณะที่เขาเริ่มก้าวเท้านั่นเองเขาก็รู้สึกว่าเสื้อของตัวเองถูกดึงเอาไว้ เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่ามีมือขนาดเล็กจับชายเสื้อของเขาเอาไว้
“อย่าบอกนะว่าพอท่านกลับกลายมาอยู่ร่างของเด็กแล้วจะไม่กล้าไปไหนคนเดียว?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ่ม ใต้สวรรค์นี้ไม่มีโบราณสถานใดที่ข้าไม่กล้าบุกเข้าไปสำรวจ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาว่าร้ายเช่นนั้น!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“แล้วท่านจะจับข้าทำไม?” หลิงฮัยเอ่ยถาม
“…ข้าแค่ไม่รู้ว่าจะออกไปอย่างไร” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวด้วยสีหน้าอับอายเล็กน้อย
พรวด!
หลิงฮันหัวเราะจนสำลักออกมาทันที “ความมืดในถ้ำเป็นพลังที่เกิดจากตัวท่านเอง แต่ท่านกลับไม่สามารถกลับออกไปได้?”
“ไร้สาระ ที่นี่เป็นสิ่งที่ข้าสร้างไว้ในตอนที่ยังหลงเหลือความแข็งแกร่งอยู่ ด้วยพลังระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นต้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะกลับออกไปได้?” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกัดฟัน
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว “ท่านมีค่าเดินทางรึเปล่า?”
จะ เจ้าคนเห็นแก่เงิน!
จักรพรรดิเพลิงอัสนีตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นใครโลภมากเช่นเด็กหนุ่มตรงหน้ามาก่อน
หลิงฮันหัวเราะ “ข้าแค่ล้อเล่น ไม่เห็นจะต้องคิดเป็นจริงเป็นจังเลย! เพียงแต่หากท่านจะให้อะไรข้าเล็กๆน้อยๆเป็นการตอบแทนข้าก็ยินดีรับไว้”
จักรพรรดิเพลิงอัสนีกรอกตาและไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหลิงฮัน
หลิงฮันปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ออกมาเป็นสลายความมืดมิด
“โอ้!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีประหลาดใจ “เหตุใดเพลิงนั่นถึงทำให้ข้ารู้สึกได้ความหวาดกลัวได้ขนาดนี้? ต่อให้เป็นตัวข้าในอดีตก็ไม่คงไม่กล้าเอาตัวเองไปรับเพลิงนั่นตรงๆ”
หลิงฮันไม่กล่าวอธิบายใดๆ เพลิงบรรพบุรุษล้ำค่าเกินไป ตอนนี้เขากับอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์กันเพียงน้อยนิด บางทีสมบัติก็สามารถเปลี่ยนมิตรสหายให้กลายเป็นศัตรูได้
ทั้งสองคนเริ่มเดินกลับออกจากถ้ำ เพียงแต่ว่าหลังจากเดินกลับมาได้ราวๆสองในสามส่วน จู่ๆหลิงฮันก็หลิงฮันก็รู้สึกว่าเอวของตนเองกำลังถูกดึง ดูเหมือนเวลาถึงเวลาหนึ่งวันแล้วจักรพรรดินีเลยทำการดึงเชือกตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้ความเร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้น ผ่านไปเพียงไม่นานทั้งสองก็ออกมาจากถ้ำได้
“หืม?” จักรพรรดินีมองไปยังจักรพรรดิเพลิงอัสนีด้วยสายตาประหลาดใจ การที่คนหนึ่งเดินเข้าไปในถ้ำแล้วกลับออกมาพร้อมกับเด็กน้อยอีกคนนั้นเป็นภาพที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องประหลาดใจ
“เป็นสตรีที่งดงามนัก แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนข้าก็ไม่เคยพบเจอสตรีที่มีเสน่ห์เช่นนางมาก่อน” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวในขณะที่สำรวจจักรพรรดินีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นางเป็นภรรยาข้า อย่าได้มองเยอะเกินไป!” หลิงฮันเอื้อมมือไปปิดตาของอีกฝ่าย
“แค่มองไม่เห็นเสียหาย ทำขี้เหนียวไปได้” จักรพรรดิเพลิงอัสนีพึมพำก่อนจะเลิกมองจักรพรรดินี
“ไหนตอนนี้ข้าก็ไม่มีจุดหมายอยู่แล้ว ข้าจะติดตามเจ้าไปก่อนแล้วกัน เมื่อบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงเมื่อไหร่ค่อยเปิดเส้นทางกลับสู่ดินแดนแห่งเซียน”
หลิงฮันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าท่านอย่าได้เสียใจภายหลัง!” ตัวเขาสร้างศัตรูเอาไว้มากมาย ทั้งAnchorดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาที่สามารถบุกมาไล่ล่าเขาได้ตลอดเวลา หรือความบาดหมางระหว่างดินแดนต้องห้ามแปดศิลาเองก็ยังไม่สะสางดี ยิ่งกว่านั้นคือหากขุมอำนาจอื่นๆรู้ว่าเขาไม่สามารถยกระดับพลังบ่มเพาะเป็นราชาเซียนได้แล้วเกรงว่าเขาคงจะตกเป็นเป้าหมายของพวกเขาแน่นอน
นอกจากนั้นเขาก็บดขยี้กายหยาบของหานฉีที่เป็นทายาทของขุมอำนาจจากดินแดนแห่งเซียนไปแล้วอีกด้วย
การติดตามเขาไม่ต่างอะไรกับแทงดาบใส่ตัวเอง
หลิงฮันมุ่งหน้ากลับจักรวรรดิต้าหลิงเป็น หลังจากทิ้งทรัพยากรบ่มเพาะส่วนหนึ่งเอาไว้แล้วเขาก็ใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆามุงหน้าไปยังดาวมู่ถู ในระหว่างการเดินทางจักรพรรดินีได้เข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อบ่มเพาะพลังต่อ นางอยากจะบรรลุเป็นเซียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
จักรพรรดิเพลิงอัสนีไม่ประหลาดใจที่หลิงฮันมีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากในดินแดนแห่งเซียนสมบัติเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นสมบัติทั่วไป เขาคร้านที่จะสนใจและอยากจะนั่งอยู่เฉยๆบนอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเพื่อใช้เวลาส่วนตัว
เพียงแต่ว่าหลิงฮันได้ไต่ถามเรื่องราวต่างๆของดินแดนแห่งเซียนจากเขาจนไม่เหลือเวลาส่วนตัว เพียงแต่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเป็นตัวตนระดับระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ดังนั้นสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียนจึงมีเพียงในขอบเขตของระดับพลังของเขาเท่านั้น
ในดินแดนแห่งเซียนนั้นมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด เมืองแต่ละเมืองมีขนาดเทียบเท่ากับดวงดาวขนาดใหญ่ ในขณะที่เมืองขนาดใหญ่มีขนาดเทียบเท่าเขตดวงดาว!
ยิ่งกว่านั้นทำไมในดินแดงแห่งเซียนถึงเรียกจอมยุทธระดับนิรันดร์ว่านิรันดร์น่ะรึ? เหตุผลคือสภาพแวดล้อมของดินแดนแห่งเซียนนั้นมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีที่สามารถทำให้จอมยุทธระดับนิรันดร์มีอายุขัยได้อย่างไม่จำกัด เพียงแต่ว่าหากออกมาจากสภาพแวดล้อมของดินแดนแห่งเซียนนานเกินไป จอมยุทธระดับนิรันดร์จะไม่ได้มีอายุขัยไม่จำกัดอีกต่อไป อายุขัยพวกเขาจะเหลือไม่ต่างกับจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง
แต่แม้กระทั่งจักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ทำให้เกิดมหาโศกนาฏกรรมในดินแดนแห่งเซียนในอดีตกาล มีเพียงข่าวลือที่ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะตัวตนระดับราชานิรันดร์ เพราะงั้นจึงมีเพียงตัวตนระดับราชานิรันดร์เท่านั้นที่จะล่วงรู้เหตุผล
สองปีต่อมาอุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็มาถึงดาวมู่ถูในที่สุด
ด้วยการที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเพิ่งเกิดใหม่เขาจึงเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วทันที เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเซียนระดับต้นที่มีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับกลาง ต่อให้เจอศัตรูที่สู้ไม่ได้จักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ยังสามารถหลบหนีได้ หลิงฮันถึงไม่เป็นกังวลอะไร
“หลิงฮัน ให้ข้าออกไป!” เสียงของสตรีนกอมตะส่งมาถึงเขาผ่านหอคอยทมิฬ
หลิงฮันให้สตรีนกอมตะออกมาและพบว่าออร่าของนางในตอนนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก
นางกำลังจะทะลวงผ่าน…
ระดับสร้างสรรพสิ่ง!
ตอนที่ 1622 บรรลุเป็นเซียน
สตรีนกอมตะได้รับวาสนาสืบทอดมาจากนกอมตะสวรรค์ราชาเซียนสามตัวส่งผลให้สายเลือดของนางถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งนางมีเม็ดยาจากหลิงฮันและสามารถขัดเกลารากฐานพลังด้วยต้นสังสารวัฏได้ด้วยแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่พลังบ่มเพาะของนางจะพบกับคอขวดและไม่ทะยานสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
หากไม่ใช่เพราะไปอยู่ในดินแดนใต้พิภพมากว่าสิบปี พลังบ่มเพาะของนางคงพัฒนาขึ้นเร็วกว่านี้
นางยิ้มให้กับหลิงฮันและทะยานร่างขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
หากมีทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเซียนเกิดขึ้นที่นี่ เกรงว่าดาวมู่ถูทั้งดวงคงพังทลาย
แน่นอนว่าหลิงฮันต้องตามขึ้นไปยังห้วงอวกาศด้วย ถึงแม้เขาจะช่วยอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ควรอยู่ข้างๆนาง
ครืนนน!
เมฆสายฟ้าก่อตัวรวมกันท่ามกลางห้วงอวกาศอันมืดมิดเหนือศีรษะของสตรีนกอมตะ คลื่นสายฟ้าระลอกแรกผ่าลงมาอย่างไม่รีรอ
สตรีนกอมตะสยายปีกที่มีความยาวกว่าพันไมล์และต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อย่างดุเดือด
และทันใดนั้นเอง คลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองทั้งสิบคลื่นก็พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับร่างของเซียนซิงฉาและเซียนคนอื่นๆที่ค่อยๆปรากฏตัว พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมากที่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นี้เป็นของสตรีนกอมตะ
นอกจากเซียนซิงฉา เซียนคนอื่นๆที่ทำการเลือกศิษย์นั้นใครบ้างที่ตั้งความคาดหวังเอาไว้กับสตรีนกอมตะ? หากไม่ใช่เพราะเซียนเช่นพวกเขามีความทรงพลังดีเลิศเกรงว่าพวกเขาคงลืมนางไปแล้ว เพราะพรสวรรค์ของนางนั้นกล่าวได้ว่า ‘ธรรมดาสามัญ’
ไม่มีใครคาดคิดว่าศิษย์ที่ ‘ธรรมดาสามัญ’ เช่นนางจะกลายเป็นเซียนได้!
แม้แต่เซียนซิงฉาก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย ในตอนแรกเขาเลือกกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์สืบทอดเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลาไม่เกินหมื่นปีในการบรรลุเป็นเซียน ทว่าเวลายังผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ศิษย์ที่เขาคิดว่าไม่สำคัญอะไรกลับบรรลุเป็นเซียนแทนเสียนี่
บางทีคนที่อยู่รอบข้างหลิงฮันอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดกันทุกคน!
“ในระยะสามปีนี้ น่าเหลือเชื่อนักที่มีเซียนถือกำเนิดถึงสองคน!” เซียนทั้งสิบรู้สึกตะลึง
หลิงฮันแผยสีหน้าประหลาดใจ เซียนสองคน?
เขาขยับเข้าไปใกล้และเอ่ยถาม “ใครอีกคนรึที่เป็นเซียน?”
“เซียนหวู่เซียง” เซียนขวงยวี่กล่าว
โอ้… เซียนหวู่เซียงกลับมาเป็นเซียนได้อีกครั้งแล้ว!
หลิงฮันไม่แปลกใจ อีกฝ่ายเข้าใจแก่นแท้ของหลักการที่จะบรรลุเป็นเซียนอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นร่างกายของอีกฝ่ายก็คือกายาห้าธาตุ เมื่อมีการสนับสนุนจากเม็ดยาของเขาด้วยแล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่อีกฝ่ายจะบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วกว่าสตรีนกอมตะ
“แล้วเขาไปไหนแล้ว?” หลิงฮันเอ่ยถาม จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่พบเห็นเซียนหวู่เซียงเลย
“หนึ่งเดือนหลังจากบรรลุเป็นเซียนได้เขาก็หายตัวไปไหนไม่รู้” เซียนขวงยวี่กล่าวกล่าวอีกครั้ง ต่อหน้าหลิงฮันเขาไม่กล้าทำตัวเป็นผู้อาวุโสแม้แต่น้อย
หลิงฮันขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเซียนหวู่เซียงนั้นมีความเคียดแค้นในใจที่อยากจะสังหารศิษย์ทรยศทั้งสามของตนเอง แต่เซียนหวู่เซียงเพิ่งจะเป็นเซียนได้ไม่กี่ปีเท่านั้น ในขณะที่ศิษย์ทั้งสามเหล่านั้นอาจจะขัดเกลาระดับพลังเซียนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
เซียนหวู่เซียงอาจจะไม่สามารถเอาชนะทั้งสามได้และถูกสังหารอีกครั้ง
เพียงแต่เซียนหวู่เซียงก็หายตัวไปแล้ว หลิงฮันจะเป็นกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์และทำได้แค่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ฝืนทำอะไรเกินตัว
ครึ่งวันต่อมา สตรียกอมตะผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สำเร็จและเคลื่อนที่ด้วยคลื่นแสงแห่งเต๋ามายืนข้างหลิงฮัน แม้ภายนอกนางจะดูบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร
“ขอแสดงความยินดีด้วย!” เซียนระดับต้นทั้งเก้าผสานมือคารวะไปยังสตรีนกอมตะและกล่าวยินดี ตอนนี้นางคือตัวตนที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขาแล้ว
สตรีนกอมตะพยักหน้าและยิ้มอย่างถ่อมตัว นางไม่ได้มีนิสัยหยิ่งทะนงเหมือนจักรพรรดิรีและมีความสุภาพต่อคนอื่นๆ ภาพที่นางยืนอยู่ข้างหลิงฮันนั้นทำให้เซียนทุกคนต่างอิจฉา นอกจากในอนาคตหลิงฮันจะเป็นเซียนได้ด้วยตัวเองแล้วเขายังมีภรรยาที่เป็นเซียนเหมือนกันอีกด้วย
“หลิงฮัน!” เสียงของจักรพรรดินีเอ่ยดังขึ้นมา
หลิงฮันมีสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าก็จะทะลวงผ่านแล้วเหมือนกัน?”
“อืม” จักรพรรดินีพยักหน้ากล่าวตอบ
หลิงฮันสะบัดมือนำจักรพรรดินีออกมาจากหอคอยทมิฬ
นางไม่กล่าวอะไรและเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งเดิมของสตรีนกอมตะเพื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
‘ครืนน’ เมฆสีดำก่อตัวรวมกันอีกครั้ง
เซียนซิงฉา “…”
เซียนทั้งเก้า “…”
ตระพวกเจ้าเป็นร้านค้าเซียนรึอย่างไร เหตุใดกลุ่มของพวกเจ้าถึงได้มีคนรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพื่อเป็นเซียนติดต่อกันเยอะขนาดนี้?
“นั่นมัน” จู่ๆเซียนซิงฉาก็ชะงัก ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก่อนหน้านี้ของสตรีนกอมตะนั้นเป็นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทั่วไปอย่างที่ควรเป็น แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของจักรพรรดินีนั้นเขาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่เย็นยะเยือกไปถึงจิตใจ
เซียนระดับต้นทั้งเก้ารีบล่าถอยทัน ยังไม่ทันทีทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะผ่าลงมาพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวจนขนลุกทั่วร่าง
ครืนนน!
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระลอกแลกที่ผ่าลงมาเป็นสายฟ้ารูปร่างมนุษย์ที่ถือหอกอยู่ในมือ ร่างสายฟ้าสวรรค์นั่นกวัดแกว่งหอกโจมตีใส่จักรพรรดินี
“ฮึ่ม!”
เซียนระดับต้นทั้งเก้าตกตะลึง “การโจมตีนั่นสามารถสังหารข้าได้เลย!”
เซียนระดับต้นเช่นพวกเขานั้นต่อให้เป็นการโจมตีของเซียนระดับกลางก็ยากที่จะสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย มีเพียงการโจมตีของเซียนระดับสูงเท่านั้นมีจะทำเช่นนั้นได้! ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมแม้แต่เซียนซิงฉาก็ยังตกตะลึง ที่แท้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของจักรพรรดินีก็มีพลังทำลายเทียบเท่ากับการโจมตีของเซียนระดับสูง
พระเจ้า! นี่คือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของจอมยุทธที่เพิ่งจะทะลวงผ่านเป็นเซียนจริงๆ?
หากพบเจอศัตรูเป็นเซียนระดับสูง ต่อให้สู้ไม่ได้พวกเขาก็ยังหนีได้ แต่นี่เป็นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ใครกันจะหลบหนีพ้น?
หากเซียนระดับต้นรับการโจมตีของเซียนระดับสูงคงมีชะตากรรมเดียวคือความตาย
จักรพรรดินีไม่หวาดกลัว นางสะบัดมือปลดปล่อยทักษะนิรันดร์มากมายตอบโต้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ร่างมนุษย์โดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เซียนทุกคนที่อยู่ที่นี่กลายเป็นไร้คำพูด เจ้าเพิ่มทะลวงผ่านแท้ๆ เป็นไปได้อย่างไรที่เซียนระดับต้นจะสามารถต้านทานการโจมตีของเซียนระดับสูงได้ นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าสตรีนกอมตะเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่พวกเขาหลงลืม แต่ตอนนี้พวกเขาตระหนักรับรู้แล้วว่าสุดยอดอัจฉริยะที่แม้แต่กู่ต้าวอี้ก็ไม่สามารถเทียบได้นั้นแท้จริงแล้วคือจักรพรรดินี!
‘ครืนน ครืนน ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง ร่างสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ค่อยๆปรากฏเพิ่มขึ้นโดยแต่ละร่างมีพลังโจมตีเทียบได้กับเซียนระดับสูง
เมื่อจำนวนของร่างสายฟ้าสวรรค์เพิ่มขึ้นถึงห้าสิบร่าง ในที่สุดจักรพรรดินีก็เริ่มถูกกดดัน
“ฮึ่ม!” จักรพรรดินีถลึงตาเค้นเสียง ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ร่างแยกทั้งเก้าของนางปรากฏออกมา ทั้งสิบร่วมมือกันต่อต้านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
ตอนที่ 1623 ร่วมหลับนอน
เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
ตัวตนที่มีพลังระดับเซียนหกสิบคนกำลังเข้าห้ำหั่นกัน แถมทั้งหกสิบคนนั่นยังมีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับสูงด้วย ไม่ใช่แค่เซียนระดับต้นทั้งเก้าที่ตกตะลึงแต่เซียนซิงฉาเองก็เช่นกัน หากเขาพัวพันเข้าไปอยู่ในการต่อสู้ด้วยเกรงว่าเขาคงหนีไม่พ้นความตาย!
กล่าวคือเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดินี!
เหลือเชื่อ!
ต่อให้เขาจะเป็นเพียงเซียนระดับสูงขั้นต้น แต่จักรพรรดินีนั้นเพิ่งจะทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับต้น เป็นไปได้อย่างไรที่ความต่างของเขากับนางจะห่างไกลกันขนาดนี้?
มีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่รู้ว่าที่จักรพรรดินีมีพลังต่อน่าสะพรึงเช่นนี้เป็นเพราะนางขัดเกลาพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์จนบรรลุถึงขีดจำกัดแท้จริงอย่างดวงดาวสิบล้านดวงได้สำเร็จ
หากไม่สามารถมีพลังต่อสู้ขนาดนี้ได้ ใครจะมัวเสียเวลาขัดเกลาพลังให้บรรลุขีดจำกัดกัน?
ร่างทั้งสิบของจักรพรรดินีไม่เพียงสามารถช่วยกันโจมตีแต่ยังช่วยแบ่งเบาความเสียหายที่ได้รับให้กับร่างแยกได้ด้วย หรือก็คือความเสียหายที่นางได้รับจากการถูกโจมตีนั้นจะลดลงถึงสิบเท่า
ด้วยเหตุนั้นทำให้นางกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที
ครึ่งวันต่อมาในที่สุดทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็สลายไป ร่างของจักรพรรดิยืนตระหง่านแหงนมองสวรรค์เบื้องบนด้วยท่าทีเหยียดหยาม
แต่หลังจากนั้นเมื่อนางขยับมายืนใกล้หลิงฮัน จู่ๆใบหน้าก็กลายเป็นประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์
“ยินดีกับสหายด้วย!” เซียนซิงฉาเป็นคนกล่าวยินดีคนแรก
การที่เซียนซิงฉาเรียกนางว่าสหายเป็นเพราะเขายอมรับว่าจักรพรรดินีมีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมกับเขา แม้ความจริงแล้วเป็นนางต่างหากที่แข็งแกร่งกว่า
“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโส!” เซียนระดับต้นทั้งเก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ พวกเขาผสานมือและโค้งตัวเล็กน้อย
ใบหน้าของจักรพรรดินีเผยรอยยิ้มหยิ่งผยอง คิดว่าคำกล่าวยินของคนเหล่านี้จะทำให้นางรู้สึกภูมิใจ? โลกของนางมีคนเพียงคนเดียวก็พอแล้ว นางไม่ไปยังทุกคนด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ฮ่าๆ ขอขอบคุณทุกคนมาก” หลิงฮันกล่าวขอบคุณแทนจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะ
เซียนทั้งสิบรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มผูนี้ไม่ใช่มีเซียนเป็นภรรยาแค่คนเดียวแต่มีถึงสองคน!
ความจริงไม่ใช่สองแต่เป็นสาม ฮูหนิวนั้นบรรลุเป็นเซียนก่อนตั้งนานแล้ว แถมในดินแดนแห่งเซียนจูเสวียนเอ๋อกับพวกหลิวอวี๋ตงก็มีโอกาสจะบรรลุเป็นเซียนได้เช่นกัน
หลิงฮันกับภรรยาทั้งสองกลับลงไปที่ดาวมู่ถู เมื่อจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆรู้ว่าจักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะทะลวงผ่านเป็นเซียนได้สำเร็จพวกเขาก็ทั้งดีใจและรู้สึกกดดัน บุรุษเช่นพวกเขาจะถูกสตรีก้าวข้ามได้อย่างไร แถมนี่ยังมีถึงสองคน
ทั่วทั้งสำนักละอองดาราได้ทำการจัดงานเลี้ยงฉลอง
มีเซียนถือกำเนิดถึงสองคน ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์รึอย่างไร?
Anchor
ซื่อเฉินเฟิง เทียนเซี่ยตี้เอ้อ หงหม่าและสุดยอดอัจฉริยะคนอื่นถอนหายใจ แต่เดิมพวกเขาคิดว่าตนเองยังสามารถไล่ตามหลิงฮันได้ แต่ตอนนี้ภรรยาของหลิงฮันทั้งสองกลับนำกลายเป็นเซียนไปก่อนแล้ว แถมก่อนหน้านี้หลิงฮันยังสังหารราชาเซียนไปถึงสองคน ความต่างชั้นขนาดนี้มันอะไรกัน!
ในขณะที่ความต่างยังมีไม่มาก พวกเขาก็ยังมีแรงกระตุ้นให้ไล่ตาม แต่เมื่อความต่างเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงแหงนมองและหมดความมั่นใจที่จะไล่ตามเพื่อก้าวข้าม
งานเลี้ยงถูกจัดนานถึงครึ่งเดือนกว่าจะสิ้นสุด หลิงฮันรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยและตั้งใจว่าในตอนที่ตนเองทะลวงผ่านเป็นเซียนเขาจะไม่ทำตัวเป็นที่สนใจ
แต่เมื่อนึกถึงเสน่ห์ที่น่าเย้ายวนของจักรพรรดินีที่รอคอยเขาอยู่ ความเหนื่อยของเขาหายเป็นปลิดทิ้งและเข้าไปยังห้องของจักรพรรดินี
จักรพรรดินีแต่งชุดอยู่ด้านหน้ากระจก แต่ด้วยการที่นางดงามอย่างถึงที่สุดอยู่แล้วทำให้ต่อให้แต่งกายอย่างไรก็ไม่อาจงดงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หลิงฮันกลืนน้ำลาย เขาเข้าไปโอบกอดเอวอันเรียวบางของจักรพรรดินีและกล่าว “ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขเอง!”
จักรพรรดินียิ้มให้เขาผ่านกระจกด้วยเสน่ห์ที่ราวกับุปผานับพันเบ่งบาน ต่อให้ไม่ได้ดื่มสุราหลิงฮันก็ยังมึนเมาไปกับความเย้ายวนของจักรพรรดินี
ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม พวกเขาถอดเสื้อผ้าให้กันก่อนจะร่วมรักกันอย่างร้อนแรง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงฮันลืมตาตื่นอย่างมีความสุขโดยมีจักรพรรดินีนอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเขาราวกับลูกแมว เขาเผลอหัวเราะเนื่องจากไม่เคยคิดว่าจักรพรรดินีจะหลับด้วยท่าทางเช่นนี้
แม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นคู่รักกันมานานแต่ก็ไม่เคยมีแม้แต่ค่ำคืนเดียวที่พวกเขาหลับนอนด้วยกันจริงๆ
ผ่านไปหนึ่งวัน สองวัน สามวัน หลิงฮันกับจักรพรรดินีไม่ลุกออกจากเตียงเลยแม้แต่ก้าวเดียวราวกับว่าพวกจะอยู่ด้วยกันไปแบบนี้แม้เวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปี
จนกระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน สตรีนกอมตะก็ทนไม่ไหวจนต้องมาเรียกให้พวกเขาออกจากเตียง เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่านางถูกจับให้ลงไปนอนอยู่บนเตียงรวมกับพวกหลิงฮันแทน
นางอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีในขณะที่จักรพรรดินีไม่ใส่ใจอะไร ตราบใดที่หลิงฮันต้องการไม่ว่าเรื่องไหนนางก็จะสนับสนุน
เพียงแต่ว่าพวกเขาก็เสียเวลามากเกินไปแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการบ่มเพาะพลัง ในโลกบรรพกาลพวกเขายังไม่ใช่ตัวตนที่ทรงพลังที่สุด ราชาเซียนยังคงเป็นภูเขาสูงตระหง่านมีพวกเขาไม่อาจข้ามผ่านไปได้ในตอนนี้ ทั้งจักพรรดินีและสตรีนกอมตะเข้าหอคอยทมิฬไปบ่มเพาะพลังต่อ พวกนางจำเป็นต้องขัดเกลารากฐานให้มั่นคง ส่วนหลิงฮันนั้นสิ่งที่เขาต้องทำคือบรรลุขั้นสมบูรณ์แท้จริงของระดับวารีนิรันดร์ให้ได้และทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง
อำนาจอันทรงพลังของดวงดาวสิบล้านดวงภายจากร่างกายจักรพรรดิทำให้เขารู้สึกกดดันและต้องการยกระดับตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตอนที่ 1624 ตระกูลฉงมาถึง
เวลาค่อยๆดำเนินไปเรื่อยๆจนผ่านไปหนึ่งปี
จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะขัดเกลารากฐานได้สำเร็จ ในด้านของจักรพรรดินีนั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า ภายใต้ต้นสังสารวัฏระยะเวลาหนึ่งปีเทียบเท่ากับสามพันปี ด้วยพรสวรรค์ของนางและอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้พลังบ่มเพาะของจักรพรรดินีในตอนนี้บรรลุเป็นเซียนระดับต้นขั้นสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย
พลังต่อสู้แท้จริงของจักรพรรดินีในตอนนี้สามารถต่อกรได้กับเซียนระดับสูงขั้นสูงสุด กล่าวคือนางมีพลังต่อสู้สูงกว่าแปดดาว!
สตรีนกอมตะถูกทิ้งห่างไว้ไกล แม้นางจะมีวาสนาสืบทอดของนกอมตะสวรรค์สามตัว แต่หลังจากบรรลุเป็นเซียนแล้วพัฒนาการของนางก็เริ่มเป็นไปอย่างเชื่องช้าง ตัวนางในตอนนี้ยังมีพลังบ่มเพาะของเซียนระดับต้นขั้นต้นอยู่เหมือนเดิมและยังอีกห่างไกลกว่าจะบรรลุเป็นขั้นกลาง
หลิงฮันเองก็บ่มเพาะพลังอย่างบ้าคลั่ง เขากินเม็ดยาสะสมพลังปราณเป็นกิจวัตรประจำวัน จำนวนดวงดาวที่เขาควบแน่นได้ตอนนี้คือหกล้านดวง เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาถึงสามกว่าจะควบแน่นถึงสิบล้านดวงได้
ความเร็วระดับนี้คือขีดจำกัดสูงสุดแล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะมีทรัพยากรอย่างสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ ความเร็วในการควบแน่นดวงดาวถึงจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
สหายคนอื่นๆก็มีพัฒนาการยอดเยี่ยมเช่นกัน อย่างเช่นจักรพรรดิพิรุณ เขาบรรลุขั้นสมบูรณ์ของระดับวารีนิรันดร์เป็นที่เรียบร้อยและกำลังพยายามควบแน่นดวงดาวให้ถึงสิบล้านดวง แต่เรื่องที่คาดไม่ที่สุดคือเจ้าสุนัขตัวดำนั้นมันได้กลายเป็นเซียนแล้ว!
ไม่ใช่แค่หลิงฮันที่ประหลาดใจแต่ศิษย์ทุกคนของสำนักก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ใครจะไปนึกว่าสุนัขที่ไร้ยางอายไร้ศีลธรรมเช่นนั้นจะกลายเป็นเซียนได้จริงๆ
ตอนนี้สุนัขตัวดำก็มีสหายพี่น้องเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนคือเจ้ากระต่ายและโสมเฒ่า การรวมกลุ่มกันของทั้งสามตัวส่งผลให้ทั่วทั้งสำนักเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
นอกจากนั้นการปรากฏตัวของจักรพรรดิเพลิงอัสนีในร่างของเด็กน้อยก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยเช่นกัน
แต่โชคดีที่ทุกคนรู้ในเวลาต่อมาไม่นานว่าจักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นเป็นร่างกำเนิดใหม่ของ ‘เซียน’ ถึงทุกคนจะตกตะลึงกับความเร็วที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีใช้บ่มเพาะพลังกลับไปเป็นเซียน แต่ด้วยการที่อีกฝ่ายเป็นร่างกำเนิดใหม่ทุกคนจึงยังพอทำใจยอมรับได้
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้รวมๆแล้วมีเซียนถือกำเนิดถึงห้าคนซึ่งทำลายความเชื่อที่ว่าจะมีศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักที่จะสามารถบรรลุเป็นเซียนได้ทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ศิษย์ทุกคนรู้สึกมีกำลังใจ จะบ่มเพาะพลังช้าหรือเร็วนั้นไม่สำคัญ แต่ไม่ว่าใครก็ล้วนมีความหวังที่จะกลายเป็นเซียนได้ทั้งสิ้น
และในวันนี้เอง คลื่นแสงแห่งเต๋าได้ทะยานร่อนลงมาจากห้วงอวกาศ
เซียนทุกคนปรากฏตัวออกมาต้อนรับทันที หากอีกฝ่ายเป็นเซียนที่ไม่ประสงค์เกรงว่าดาวดวงนี้คงเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่
แต่ทว่ากลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ใครเป็นแต่เป็นเซียนหวู่เซียง
เมื่อรู้เรื่องนี้หลิงฮันก็รีบไปพบเซียนหวู่เซียงทันทีและได้พบกับสภาพย่ำแย่และบาดแผลสาหัสตามร่างกายอีกฝ่าย
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิงฮันเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลายปีที่ผ่านมา เซียนหวู่เซียนนั้นเป็นทั้งคนที่คอยชี้แนะและสหายของเขา เมื่อสภาพของอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ไม่แปลกที่หลิงฮันจะรู้สึกโกรธ
เซียนหวู่เซียงถอนหายใจและกล่าว “พอข้าบรรลุกลับเป็นเซียนได้อีกครั้งข้าก็มุ่งหน้าไปตามหาคนทรยศทั้งสามทันที แต่ผลสุดท้าย…”
หลังจากไต่ถามไปได้สักพัก หลิงฮันก็รับรู้ว่าหนึ่งในจอมยุทธที่เคยเป็นศิษย์ของเซียนหวู่เซียงนั้นได้ตายไปแล้ว ในขณะที่ศิษย์อีกสองคนบรรลุเป็นเซียนระดับกลางได้สำเร็จเพราะดูดซับแก่นพลังจากร่างของเซียนหวู่เซียง
นอกจะจะล้างแค้นไม่สำเร็จเซียนหวู่เซียงยังถูกไล่ล่ากลับอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะความเร็วของเซียนนั้นเทียบเท่าเขาเกรงว่าเขาไม่ได้แค่บาดเจ็บสาหัสแต่คงสิ้นชีพไปแล้ว
หลังจากรอคอยมาหลายปีเขาก็อุตส่าห์กลับเป็นเซียนได้อีกครั้งแท้ๆแต่ดันไม่สามารถล้างแค้นได้ ช่างน่าหดหู่นัก
ต้องบรรลุเป็นเซียนระดับกลางถึงจะแก้แค้นได้?
เขาไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น หลังจากเมื่อกลับมาสู่จุดเดิมแล้วก็เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะยกระดับพลังของตนเองขึ้นไปอีกได้ เวลาผ่านไปหลายร้อยล้านปีศิษย์ทรยศของเขาเพิ่งจะบรรลุเป็นเซียนระดับกลาง หากค่อยๆบ่มเพาะไล่ตามให้ทันเขาจะต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยล้านปีกว่าจะได้ล้างแค้น?
“มั่นใจในตัวเองไว้!” หลิงฮันตบไหล่เซียนหวู่เซียง “เอาไว้ข้าบรรลุเป็นเซียนเมื่อไหร่ข้าจะคิดค้นเม็ดยาระดับเซียนขึ้นมาเพื่อช่วยให้บ่มเพาะพลังได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถล้างแค้นศิษย์ทรยศทั้งสองได้ด้วยตัวเอง”
ความแค้นต้องชำระด้วยมือตนเอง หากหยิบยืมมือคนอื่นมาช่วยต่อให้ล้างแค้นได้ความโกรธก็ไม่หายไป
เซียนหวู่เซียงพยักหน้าด้วยท่าทางที่มั่นใจในตัวหลิงฮัน ก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ไม่เพียงหลิงฮันจะช่วยให้เขากลับมาเป็นเซียนได้เหมือนเดิม แต่อาจจะทำให้เขาสามารถบรรลุเป็นเซียนระดับกลางหรือเซียนระดับสูงด้วยก็เป็นได้
ไม่กี่วันถัดมา คลื่นแสงแห่งเต๋าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
Anchor
เซียนซิงฉาและเซียนคนอื่นๆไม่สบอารมณ์เล็กน้อย หรือพวกเขาแปะป้าย ‘ห้ามเซียนรบกวน’ ที่ด้านนอกดาวมู่ถูเอาไว้ดี? พักหลังนี้มีแต่เซียนปรากฏตัวป้วนเปี้ยนวุ่นวายไม่รู้จบ!
‘ครืนน’ คลื่นออร่าอันทรงพลังที่สัมผัสได้บ่งบอกว่าเซียนผู้นี้ไม่ใช่เซียนระดับต้น!
“ฮึ่ม!” เซียนซิงฉาตอบเค้นเสียงอย่างไม่พอใจและตอบโต้กลับด้วยออร่าอันทรงพลัง
“ข้าฉงเยี่ย มาจากAnchorดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา!” เสียงอันทรงพลังกล่าวดังก้องด้วยน้ำเสียงราวกับว่าตนเองอยู่เหนือกว่า
“เซียนระดับกลางตัวจ้อยกล้าทำท่าทางอวดดีเช่นนั้น?” เซียนซิงฉากล่าวตอบ
เมื่อคลื่นแสงแห่งเต๋าสลายไปก็ได้ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าหล่อเหลา มือทั้งสองของเขาพาดเอาไว้ที่ด้านหลังด้วยท่าทางไม่หวั่นเกรงต่อเซียนระดับสูงอย่างเซียบซิงฉา “ประมุขของข้าคือราชาเซียน ที่ข้ามาที่นี่เพราะได้รับคำสั่งโดยตรงจากประมุข หากเจ้าเสียมารยาทต่อข้าก็เปรียบเหมือนเจ้าเสียมารยาทต่อราชาเซียน”
ใบหน้าของเซียนซิงฉากลายเป็นบูดบึ้ง หากมีแค่เขาเพียงคนเดียวล่ะก็เขาคงไม่ปล่อยให้เซียนระดับกลางพูดพล่ามอย่างหยิ่งผยองเช่นนี้และจัดการอีกฝ่ายตามใจต้องการ เพียงแต่ว่าตัวเขามีสำนักละออกดาราเป็นความรับผิดชอบที่ต้องแบกเอาไว้
เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่อาจลงมือผลีผลามตามใจชอบและกล่าวกลับไปด้วยน้ำเสียงมืดมน “เจ้ามีธุระอะไรที่นี่?”
“นำตัวบัดซบที่ชื่อหลิงฮันมาออกมา!” ฉงเยี่ยกล่าวเย็นชา กล้าดีอย่างไรมาสังหารคนของดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา? ฮึ่ม!
เซียนซิงฉาชะงัก เหตุใดถึงต้องเป็นหลิงฮัน?
ดูเหมือนว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้จะสร้างปัญหาได้ไม่รู้จบจริงๆ
หลายปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยพบเห็นราชาเซียนเลยแม้แต่คนเดียว แต่พอหลิงฮันมาอยู่ที่สำนักละอองดารา ราชาเซียนกลับค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมาทีละคนสองคน
“โอ้ ในที่สุดตระกูลฉงก็หาตัวข้าพบสินะ” หลิงฮันปรากฏตัวด้วยรอยยิ้ม ข้างกายของเขาขนาบไว้ด้วยจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะ หลิงฮันต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่เป็นถึงเซียนระดับกลาง แน่นอนว่าพวกนางไม่ยอมให้หลิงฮันมาเพียงคนเดียวแน่นอน
ฉงเยี่ยหันมามองหลิงฮันอย่างรวดเร็วก่อนจะหรี่ตาเล็กน้อย หลิงฮันไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ อีกฝ่ายยังไม่แม้แต่บรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง
ตอนที่ 1625 ส่งตัวเจ้าหนูนั่นมา
การที่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สามารถสังหารเซียนได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป หากเป็นเช่นนั้นจริงลำดับของระดับพลังบ่มเพาะจะมีความหมายอะไร?
เพียงแต่อย่างมากรุ่นเยาว์ผู้นี้คงมีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับต้นสูงสุดอย่างฉงปาตู้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ถูกประมุขตระกูลหลงซัดลอยกระเด็นจนต้องหลบหนี
ฉงเยี่ยมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาเย็นชาและกล่าว “เห็นข้าอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังไม่คุกเข่าร้องขอความตายอีกรึ!”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องทำตามที่เจ้าพูด?”
“เหตุผล?” ฉงเยี่ยแสยะยิ้ม “ข้าคือเซียนระดับกลาง คำพูดของข้าคือเหตุผล! เจ้าที่สังหารคนตระกูลฉงไปแล้ว คิดว่าจะมีชีวิตต่อไปได้?”
Anchor
ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาไม่ได้มีอำนาจเหมือนกับดินแดนต้องห้ามอื่นๆเนื่องจากเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ในตระกูลฉงมีราชาเซียนอยู่เพียงคนเดียวและไม่มีเซียนระดับสูงอยู่เลย นอกจากเขาแล้วก็มีเซียนระดับกลางอีกสองและเซียนระดับต้นอีกสี่
ด้วยเหตุนั้นแล้วฉงปาตู้จึงมีความสำคัญต่อตระกูลฉงอย่างมาก ด้วยพรสวรรค์ของเขาย่อมสามารถบรรลุเป็นเซียนระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหา หรือบางทีอาจจะบรรลุเป็นราชาเซียนก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้นฉงปาตู้กลับถูกหลิงฮันสังหาร!
ไม่อาจยอมได้!
ไม่ใช่แค่หลิงฮันแต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับหลิงฮันจะต้องตาย ทว่าตอนนี้ที่นี่มีเซียนระดับสูงอยู่ เพื่อไม่เป็นการยั่วยุอีกฝ่าย เขาจึงจะแค่กำราบหลิงฮันและนำตัวกลับไปลงโทษที่ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาแล้วค่อยให้ราชาไค่หยุนมาจัดการทุกคนชีวิตบนดาวดวงนี้ด้วยตัวเอง
ฉงเยี่ยกวาดสายตามองรอบข้างหลิงฮันก่อนจะดวงตาเปิดกว้าง
สตรีเซียนสองคน!
แถมยังงดงามมากอีกด้วย! เขาจ้องมองใบหน้าของสตรีนกอมตะอยู่ชั่วครู่ และเมื่อเข้าหันไปมองใบหน้าของจักรพรรดินี จิตใจของเขาก็สั่นสะท้านทันที
ในฐานะเซียน ต่อให้สวรรค์ล่วงหล่นเขาก็คงไม่แสดงท่าทีตกตะลึง แต่ตอนนี้เพียงแต่จ้องมองสตรีตรงหน้าหัวใจของเขาก็สั่นรัวราวกับเพิ่งเคยเห็นสตรีเป็นครั้งแรก
ข้าต้องการสตรีผู้นี้!
“นางเป็นสตรีของเจ้า?” ฉงเยี่ยชี้ไปยังจักรพรรดินี
“อย่าได้คิดชั่วร้ายกับภรรยาข้าหากยังไม่ยากตายเร็ว” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
“ฮ่าๆๆ!” แน่นอนว่าฉงเยี่ยไม่เก็บคำขู่ของหลิงฮันมาใส่ใจ สตรีตรงหน้าเป็นเพียงเซียนระดับต้นเท่านั้น ต่อหน้าเซียนระดับกลางเช่นเขาต่อให้มีเซียนระดับกลางพันคนเขาก็ยังสามารถกำราบได้เพียงพลิกฝ่ามือ
“ข้ามาแล้ว!” สุนัขตัวดำปรากฏตัว ข้างกายของมันมีเด็กน้อยอายุราวๆสี่ถึงห้าปี กระต่ายยักษ์ที่สูงเท่ามนุษย์ครึ่งตัวและโสมเดินได้ขนาดเท่าแขนของมนุษย์ยืนอยู่ด้วย
ทั้งสี่คือสี่สหายจอมสร้างปัญญาแห่งสำนักละอองดารา
“ตัวอัปลักษณ์ เจ้ามีธุระอันใดกับน้องเล็กของข้า?” สุนัขตัวดำยืนสองขา มันเอาขาหน้าล้วงผ่านเข้าไปในกางเกงในโลหะและเกาก้นดัง แกร่ก แกร่ก ก่อนจะยกมือขาหน้ากลับมาสูดดมที่จมูกด้วยสีหน้าเคลิมเคลิ้ม
“ไปไกลๆข้า!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีถีบสุนัขตัวดำลอยกระเด็น ก่อนหน้าหันกลับมากล่าวด้วยน้ำเสียงน่ายำเกรง “เจ้าหนูนั่นเป็นคนของข้า เจ้าต้องการอะไรจากเขา?”
มุมปากของฉงเยี่ยกระตุก อีกฝ่ายเป็นได้ด้วยอายุเพียงเท่านั้น? ไม่มีทาง ต้องเป็นดวงวิญญาณของเซียนที่เข้าสิงร่างคนอื่นเป็นแน่
“โฮ่ง เด็กน้อยตัวเหม็น นายท่านหมาจะกัดก้นเจ้าแห่งแยกเป็นสามส่วน!” สุนัขตัวดำทะยานร่างกลับมาและโจมตีใส่จักรพรรดิเพลิงอัสนี
จักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นแต่เดิมเป็นถึงตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาเหนือว่าระดับเซียนหลายเท่า แต่ด้วยระดับพลังบ่มเพาะในปัจจุบันทำให้พลังต่อสู้ของเขาเทียบเท่าเซียนระดับต้นเท่านั้น
สุนัขตัวดำเองก็น่าอัศจรรย์ไม่แพ้กัน กายหยาบของมันทรงพลังเป็นอย่างมาจนแม้จะเป็นพลังโจมตีของเซียนระดับต้นก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้มัน มันตอบโต้กับจักรพรรดิเพลิงอัสนีได้โดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่น้อย
ฉงเยี่ยที่มองการปะทะของทั้งสองตกตะลึงจนแทบกระอักโลหิต
น่าสะพรึงกลัวนัก เซียนระดับต้นทั้งสองคนนี้มีพลังต่อสู้เทียบได้กับเซียนระดับกลาง กล่าวคือทั้งสองสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
นี่เขาเก็บตัวอยู่ในดินแดนต้องห้ามนานเกินไปจนโลกพัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้วงั้นรึ?
ฉงเยี่ยพยายามสงบสติอารมณ์ จะอย่างไรพวกเขาก็มีพลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับกลางเท่านั้น เทียบกับดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาที่มีตัวตนระดับเซียนอยู่แล้ว แค่พลังต่อสู้เทียบเท่าเซียนระดับกลางไม่นับเป็นอันใดได้
“พวกโอหัง!” ฉงเยี่ยเค้นเสียงและจดจ้องไปยังหลิงฮันอีกครั้ง “เจ้าบัดซบ นี่เจ้ายังไม่คุกเข่ารับบทลงโทษของตัวเองอีก?”
“ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่อย่าได้ฝันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ!” เซียนซิงฉาทนไม่ไหว ตัวเขาที่เป็นถึงเซียนระดับสูงจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายมาทำกร่างได้อย่างไร?
“ถ้าเจ้าไม่อยากทำให้ประมุขของข้าโกรธ ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่เฉยๆ!” ฉงเยี่ยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ในฐานะของจอมยุทธจากดินแดนต้องห้าม เขาจำเป็นต้องแยแสเซียนคนอื่นด้วย?
เซียนซิงฉาเกรี้ยวกราด เขาเค้นเสียงและกล่าว “อย่าคิดใช้ราชาเซียนมากดดันข้า เจ้าคิดว่าพวกข้าก็ไม่มีผู้หนุนหลังระดับราชาเซียน?”
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดินแดนต้องห้ามมากมายได้เข้าร่วมเป็นพันมิตรกับหลิงฮัน คิดว่าดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาของพวกเจ้าจะสามารถต่อกรกับดินแดนต้องห้ามจำนวนมากได้พร้อมกัน?
“ข้าว่าเจ้าคงบ้าไปแล้ว ถึงขนาดกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลของข้า!” ฉงเยี่ยแสยะยิ้ม ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆานั้นเก็บตัวนานเกินไป ไม่มีทางที่พวกเขาจะรับรู้ว่าหลิงฮันนั้นเคยสังหารราชาเซียนไปแล้วถึงสองคน
ฉงเยี่ยคิดว่าเซียนซิงฉาแค่หลอกเขา อีกฝ่ายไม่ได้มีผู้หนุนหลังแบบที่ว่าจริงๆ
เซียนซิงฉาอยากจะใช้ฝ่ามือตบฉงเยี่ยให้ตาย เพียงแต่ว่าการที่มีดินแดนต้องห้ามมากมายไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถผลีผลามทำอะไรตามใจได้ เพราะอย่างไรพันธมิตรที่ว่าก็ก่อตั้งขึ้นกับหลิงฮันไม่ใช่เขา
เซียนซิงฉาโกรธจนตัวสั่น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้และสะบัดมือกล่าว “ไสหัวไปจากที่นี่!”
“ส่งตัวเจ้าหนูบัดซบนั่นมาแล้วข้าจะยอมไป!” ฉงเยี่ยกล่างอย่างไม่แยแส ครั้งนี้เขาจะนำตัวหลิงฮันไปก่อนแล้วครั้งต่อไปค่อยให้ราชาไค่หยุนมาทำการสังหารหมู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวดวงนี้ด้วยตัวเอง!
แววตาของเซียนซิงฉาส่องประกายเย็นยะเยือกและทะยานร่างไปปรากฏด้านหน้าฉงเยี่ย นี่เขาต้องลงมือสังหารเซียนจริงๆ?
“หลบไป!” เสียงตำหนิของจักรพรรดินีดังขึ้น ร่างของนางพุ่งออกไปพร้อมกับปลดปล่อยออร่าทรงพลังออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนที่ 1626 วางแผนรับมือ
จักรพรรดินีพุ่งไปปรากฏตัวด้านข้างเซียนซิงฉา ‘ปัง’ นางผลักผ่ามือดันร่างของเซียนซิงฉาออกไป
พลังต่อสู้ของนางในตอนนี้แข็งแกร่งจนแม้แต่เซียนซิงฉาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้
ฉงเยี่ยคิดว่าเซียนซิงฉาแค่ยอมอ่อนข้อให้สตรีงดงามเท่านั้น เขาแสยะยิ้มไปยังจักรพรรดินี ในเมื่อนางเสนอตัวมาหาเขาเองงั้นเขาก็ขอรับไว้!
“กล้าคิดร้ายกับสามีของข้า?” ใบหน้าของจักรพรรดินีเต็มไปด้วยท่าทางหยิ่งยโส “เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหน?”
ความงดงามและสเน่ห์ของจักรพรรดินีนั้นต่อให้เกรี้ยวกราดก็ยังน่าหลงไหล ฉงเยี่ยรู้สึกหวาดหวั่นในใจ เขาที่เป็นเซียนเหตุใดถึงถูกทำให้หวั่นไหวง่ายดายขนาดนี้?
ความงามของสตรีผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก
เขาไม่กล่าวตอบและปล่อยหมัดออกไปหวังจะกำราบจักรพรรดินีให้เร็วที่สุด
“บังอาจ!” ฉงเยี่ยเค้นเสียงและสะบัดมัดตอบโต้ ‘พรึบ’ มืออันเรียวบางของนางหวัดแกว่งราวกับดาบปลดปล่อยคลื่นดาบออกไป
‘ฉัวะ’
ร่างของฉงเยี่ยถูกผ่าครึ่งในพริบตา ร่างซีกซ้ายและร่างซีกขวาๆค่อยๆแยกออกจากกัน ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
เหตุใดนางถึงทรงพลังขนาดนี้!
เซียนระดับกลางอย่างเขาไม่สามารถตอบสนองต่อหนึ่งกระบวนของนางทัน?
ฉงเยี่ยรีบโคจรปราณก่อเกิดและเผาผลาญพลังชีวิตอย่างต่อเนื่องเพื่อผสานร่างทั้งสองให้ต่อกลับเป็นหนึ่งเดียว เพียงแต่ว่าคลื่นดาบของจักรพรรดินีได้ผสานเอาไว้ด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึง ต่อให้เขาโคจรปราณก่อเกิดและพลังชีวิตช่วยก็ไม่ได้ผล
ใบหน้าของฉงเยี่ยเปลี่ยนเป็นซีดเผือด สำหรับเซียนเช่นพวกเขาการที่ร่างกายถูกผ่าครึ่งนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็ก ตราบใดที่ร่างยังแยกออกจากกันไม่มากและโคจรปราณก่อเกิดเอาไว้ ร่างที่แยกออกจากกันก็จะฟื้นสภาพกลับเป็นเหมือนเดิมได้ในเวลาไม่นาน
เพียงแต่ความจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น ภายในร่างกายของเขาถูกพลังทำลายของคลื่นดาบแทรกแซงด้วยความเร็วที่มากกว่าพลังฟื้นฟู หากปล่อยไว้เช่นนี้ ทั้งกายหยาบและดวงวิญญาณของเขาจะแหลกหลายไปด้วยกันทั้งคู่
ฉงเยี่ยรู้สึกหวาดกลัว ความหยิ่งผยองที่ตนเองเป็นคนของดินแดนต้องห้ามหดหายไปทันที
ดวงวิญญาณของเขารีบทิ้งกายหยาบลอยออกมาจากร่าง ในขณะที่ดวงวิญญาณกำลังลอยออกมา ฉงเยี่ยพบว่าจักรพรรดินีได้มองมาที่เขาด้วยใบหน้าอาฆาตและสะบัดมืออันเรียวงามอีกครั้ง
‘ฉัวะ’ ดวงวิญญาณของเขาถูกคลื่นบดขยี้ทันที โลหิตไหลทะลักออกจากกายหยาบราวกับห่าฝน
ฉงเยี่ยผิดเองที่ประมาท
โดยปกติแล้วหากเซียนเช่นเขาต้องการหลบหนีโอกาสสำเร็จนั้นมีสูงมาก แต่ใครใช้ให้เขาดูถูกจักรพรรดินีมากเกินไปกัน? เป็นเพราะเขาต้องการพาตัวจักรพรรดินีกลับไปด้วยเขาถึงต้องรับผลกรรมเช่นนี้
เซียนซิงฉาและคนอื่นๆเปลี่ยนสีหน้า ก่อนหน้านี้เป็นหลิงฮันที่สังหารเซียน ส่วนคราวนี้ก็เป็นจักรพรรดินี ราวกับว่าในสายตาของทั้งสองคนเซียนเป็นเพียงหมูที่สามารถเชือดทิ้งได้ตามใจ
เพียงแต่ในเมื่อจักรพรรดินีกล้าจะลงมือสังหารฉงเยี่ยก็หมายถึงนางไม่หวาดกลัวราชาเซียน หรือก็คือหลิงฮันยังสามารถยกระดับพลังของตนเองเพื่อสังหารราชาเซียนได้อีกครั้ง เมื่อคิดเช่นนี้เซียนซิงฉาและคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
ภายนอกหลิงฮันเผยรอยยิ้มแต่ในใจเขากลับกัดฟัน คราวหน้าราชาไค่หยุนคงเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองแน่ ตอนนี้เขาไม่มีวาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬหลงเหลือแล้วจะทำอย่างไรดี?
โชคดีที่ต่อให้ราชาไค่หยุนจะตามหาตำแหน่งของเขาผ่านบ่วงอาฆาตได้ แต่ขนาดฉงเยี่ยก็ยังเวลาๆตั้งสี่ถึงห้าปีกว่าจะมาถึงที่นี่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาอยู่ห่างจากที่นี่ไกลขนาดไหน
เขายังมีเวลาเตรียมตัวสี่ถึงห้าปี
“อืม…” หลิงฮันใช้มือลูบคาง หากเขาไปขอความช่วยเหลือจากดินแดนต้องห้ามอื่นนั่นก็เหมือนกับเปิดเผยว่าเขาไม่มีไพ่ลับสำหรับสังหารราชาเซียนเหลือแล้ว ดินแดนต้องห้ามบางขุมอำนาจก็อาจจะสื่อสัตย์แต่ก็มีบางขุมอำนาจน่ะรึ… เหอๆ
“อืม อีกสีปีข้างหน้าข้าจะจัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติและเชิญชวนราชาเซียนทั้งหมดมาที่นี่และก็ยังสามารถถ่วงเวลาพวกเขาต่อด้วยการแลกเปลี่ยนความเข้าใจในด้านวรยุทธได้อีก ในตอนนั้นหากราชาไค่หยุนบุกมา ราชาเซียนเหล่านั้นจะต้องออกหน้าแทนข้าแน่นอน”
“เอาตามนี้แล้วกัน!”
ที่สำนักละอองดวงดาวมีทายาทของดินแดนต้องห้ามเหล่านั้นอยู่มากมาย หลิงฮันแค่ฝากพวกเขาส่งข้อความไปบอกให้ราชาเซียนมารวมตัวกันที่ดาวมู่ถูในสี่ปีข้างหน้าก็พอ
ในขณะเดียวกันหลิงฮันเองก็เริ่มบ่มเพาะพลังอย่างหนัก
แม้จะสามารถใช้พึ่งพาราชาเซียนเหล่านั้นแต่ที่พึ่งที่ดีที่สุดยังไงก็หนีไม่พ้นพลังของตัวเอง
ระยะเวลาสี่ปีแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเป็นราชาเซียน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปหากแค่ทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับต้น ตราบใดที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่ระดับพลังของเซียน พลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นอีกมหาศาลและสามารถต่อสู้ทัดเทียมกับเซียนระดับสูงได้
ในตอนนั้นต่อให้สู้ไม่ไหว อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถหลบหนี
เมื่อคำเชิญถูกส่งไป ข่าวการตายของฉงเยี่ยก็ไปถึงหูของดินแดนต้องห้ามต่างๆด้วย เหล่าราชาเซียนยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าหลิงฮันยังมีไพ่ลับที่สามารถสังหารราชาเซียนได้อยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกหลิงฮันจะกล้าสังหารฉงเยี่ยได้อย่างไร?
หนึ่งปีครึ่งต่อมา จำนวนดวงดาวที่หลิงฮันควบแน่นได้เพิ่มเป็นแปดล้านดวง สามปีต่อมา จำนวนดวงดาวที่หลิงฮันควบแน่นได้เพิ่มเป็น 9999999 ดวง หลิงฮันก็เหมือนกับจักรพรรดินี ความเร็วในการควบแน่นดวงดาวของเขาลดฮวบและพบกับคอขวด
หลิงฮันไม่มีเวลาร่วมหลับนอนกับสตรีนกอมตะและจักพรรดินีแม้แต่น้อย เขาใช้เวลาในทุกวันไปกับการบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏ นั่นคือสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะทำเช่นนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ถูกจักรพรรดินีลากไปร่วมหลับนอนด้วย
หลิงฮันใช้เวลาอีกครึ่งปีจนในที่สุดก็ควบแน่นดวงดาวดวงสุดท้ายได้
ดวงดาวสิบล้านดวง… ขีดจำกัดแท้จริงของระดับวารีนิรันดร์!
หลิงฮันเก็บตัวบ่มเพาะพลังอีกครั้ง เมื่อผ่านไปอีกครึ่งปีในที่สุดตัวตนที่ทรงพลังของดินแดนต้องห้ามต่างๆก็มาถึงเพื่อเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนสมบัติและแลกเปลี่ยนศาสตร์วรยุทธตามคำเชิญของหลิงฮัน
หลิงฮันเลิกเก็บตัวบ่มเพาะพลัง ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากระดับสร้างสรรพสิ่งอีกแค่ปลายขอบและเชื่อว่าคงอีกไม่นานที่เขาจะสามารถทะลวงผ่านได้สำเร็จ
เขาขอให้จักรพรรดิเพลิงอัสนีมาทำการชี้แนะราชาเซียนเหล่านี้เพื่อถ่วงเวลา ตามความเป็นจริงแล้วราชาไค่หยุนอาจจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ได้ อาจจะเป็นตอนนี้ หนึ่งปีข้างหน้าหรือสิบปีข้างหน้า
แต่หลิงฮันเชื่อว่าราชาไค่หยุนจะปรากฏตัวในอีกไม่นาน เนื่องจากเซียนจากขุมอำนาจตนเองถูกสังหารไปถึงสองคนมีรึที่เขาจะทนอยู่เฉยไหว?
ในตอนที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีปรากฏตัวเพื่อทำการชี้แนะ ราชาเซียนทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบอารมณ์ จะให้พวกเขาฟังการชี้แนะจากเด็กน้อยที่ดูมีอายุน้อยกว่าสิบปีผู้นี้น่ะรึ? เพียงแต่พวกเขาก็ต้องตกตะลึงทันทีที่พบว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นถึงเซียนระดับกลาง!
เมื่อจักรพรรดิเพลิงอัสนีเปิดปากกล่าวชี้แนะ เหล่าราชาเซียนต่างก็นั่งนิ่งตั้งใจรับฟัง
ทุกคำพูดที่ถูกกล่าวออกมาล้วนแต่รวบรัดและลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
ตอนที่ 1627 เผ่นหนีด้วยความหวาดกลัว
จักรพรรดิเพลิงอัสนีคือตัวตนระดับใด?
Anchor
ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ!
ถึงแม้ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาจะลดลงมาเหลือเพียงระดับเซียน แต่ความเข้าใจในหลักแห่งเต๋าของเขาไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
เพียงแค่คำชี้แนะไม่กี่คำของเขาก็ทำให้ราชาเซียนทุกคนร่างสั่นสะท้านและรู้สึกเคารพเลื่อมใส
หลิงฮันไม่ได้กลับเข้าไปในหอคอยทมิฬเนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าตนเองกำลังจะทะลวงผ่านระดับในอีกไม่กี่วันนี้
จักรพรรดิเพลิงอัสนีชี้แนะเป็นเวลาสามเดือน แต่เหล่าเซียนคิดว่าเวลาผ่านไปเพียงวันเดียวเท่านั้น พวกเขาแต่ละคนต่างรู้แจ้งและรู้สึกราวกับจะทะลวงผ่านระดับได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงความรู้สึกที่พวกเขาคิดไปเอง ราชาเซียนส่วนใหญ่ต่างมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับราชาเซียนขั้นสูงสุดอยู่แล้ว หากจะทะลวงผ่านเป็นระดับโลกียนิพพานพวกเขาจำเป็นต้องบ่มเพาะพลังในดินแดนแห่งเซียนเท่านั้น เนื่องจากอำนาจสวรรค์และปฐพีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพนั้นไม่เพียงพอ
แม้ความรู้สึกที่จะทะลวงผ่านระดับจะเป็นเพียงความรู้สึกที่พวกเขาคิดไปเอง แต่หากสามารถซึมซับความรู้ที่ได้รับจากการชี้แนะของจักรพรรดิเพลิงอัสนีได้ พลังต่อสู้ของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
อันที่จริงคนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในการชี้แนะคือเซียนซิงฉาและเซียนระดับต้นอย่างพวกเซียนหมิงซิน การที่พวกเขาสามารถเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนสมบัติและได้รับการชี้แนะนั้นเป็นเพราะพวกเขาเป็นเจ้าที่ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาอยู่ในที่ที่มีแต่ราชาเซียน
พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กน้อยที่อยู่ในก๊วนสี่สหายแห่งความวุ่นวายจะมีความเข้าใจในศาสตร์วรยุทธสูงส่งจนแม้แต่ราชาเซียนก็ยังเคารพ
วันเวลาผ่านไปสามเดือน คลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองก็เคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ออร่าแห่งเซียนและจิตสังหารถูกปลดปล่อยออกมาท่วมท้นไปทั่วดาวมู่ถูอย่างไม่คิดปิดบัง
ราชาเซียน!
“หืม?”
เซียนทุกคนตื่นต่างสภาวะรู้แจ้ง ใบหน้าของพวกเขาเผยถึงความไม่สบอารมณ์อย่างแรง
นี่เจ้าปัญญาอ่อนรึเปล่า ที่นี่มีราชาเซียนอยู่หลายสิบคน เจ้ากล้าดีอย่างไรที่อยู่ๆก็โผล่มาท้าทายพวกเขา?
“ฮึ่ม!” เหล่าราชาเซียนเค้นเสียงไม่พอใจและปลดปล่อยออร่าเข้าใส่ผู้บุกรุก
AnchorAnchor
ราชาไค่หยุนตกตะลึงจนใบหน้าซีดเผือด!
หลังจากการตายของฉงเยี่ยเขาก็ไล่ตามบ่งอาฆาตมาทันที เขาเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมีที่มีคนกล้าลงมือสังหารทายาทของเขา
แต่ถึงแม้ราชาไค่หยุนจะอยากปลิดชีวิตตัวการที่สังหารคนของเขามากขนาดไหน ดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆาก็ตั้งอยู่ไกลเกินไป เขาจึงไม่สามารถล้างแค้นได้ในทันที ซึ่งเหตุผลที่เขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสถานที่ห่างไกลและโดดเดี่ยวเป็นเพราะว่าต้องการหลีกเลี่ยงดินแดนต้องห้ามต่างๆ เขามีบาปในจิตใจที่หวาดกลัวต่อการถูกดินแดนต้องห้ามมากมายรุมโจมตี
ด้วยความคับแค้นใจ เมื่อมาถึงดาวมู่ถูเขาจึงควบคุมจิตสังหารเอาไว้ไม่ไหวและระเบิดพลังออกมาทันที ราชาเซียนเช่นเขามีใครที่ต้องหวาดกลัว?
ทว่าคลื่นพลังที่ตอบโต้กลับมานั้นคือออร่าอันทรงพลังของราชาเซียนนับสิบคนโดยแต่ละคนไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
ราชาไค่หยุนรีบเผ่นหนีทันที สัญชาตญาณบ่งบอกเขาว่านี่คือกับดักที่ล่อเขามาฆ่า
ในอดีตที่เขาทำการทรยศราชันวารีสวรรค์นั้นเขาได้รับส่วนหนึ่งของทักษะบ่มเพาะระดับดาราชาเซียนมาครอบครอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความลับที่ดินแดนต้องห้ามอื่นๆไม่รู้ ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงหวาดกลัวว่าสักวันหนึ่งหากมีล่วงรู้ความลับของเขา เขาจะถูกดินแดนต้องห้ามมากมายล้อมโจมตีเหมือนราชันวารีสวรรค์
ในตระกูลฉง มีเพียงทายาทที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาเท่านั้นที่จะถูกสอนเศษเสี้ยวทักษะระดับราชานิรันดร์ ยิ่งกว่านั้นวิญญาณของทายาทที่ถูกสอนทักษะจะถูกผนึกเอาเพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบความทรงจำจากดวงวิญญาณได้
ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกล้อมสังหาร เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าของราชาเซียนหลายสิบคนราชาไค่หยุนก็จิตใจสั่นสะท้านจนเยี่ยวแทบราด
‘พรึบ’ เขาหันร่างทะยานหนีในพริบตา
หือ?
เหล่าราชาเซียนรู้สึกมึนงง อีกฝ่ายเป็นบ้าอะไร เหตุใดถึงปรากฏตัวมาทำท่าข่มขู่แล้วจู่ๆก็เผ่นหนีกลับไปง่ายๆแบบนั้น?
“นั่นมันเฒ่าฉงจากดินแดนต้องห้ามเปิดเมฆา?” ราชาเซียนคนหนึ่งเอ่ย
ในดินแดนแห่งนี้มีราชาเซียนอยู่ไม่มาก แน่นอนว่าพวกเขาต้องรู้สึกออร่าของราชาเซียนด้วยกันเป็นอย่างดี
“ยังคงขี้ขลาดเหมือนเคย!” ราชาเซียนชิงอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น
“หากเป็นเขาก็ไม่แปลกที่จะหลบหนี ฮ่าๆๆ” ราชาเซียนคนหนึ่งกล่าว
“หมอนั่นคงจะมาแก้แค้น แต่พอรู้ว่าที่นี่มีราชาเซียนอยู่มากมายจึงหวาดกลัวและรีบเผ่นหนี” ราชาเซียนทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หืม?
เหล่าราชาเซียนชะงักเล็กน้อย การที่จู่ๆราชาไค่หยุนก็ปรากฏตัวในขณะที่พวกเขาอยู่ที่นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน สถานการณ์เช่นนี้ราวกับว่าถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว
ทำไมหลิงฮันต้องเชิญพวกเขามาที่นี่เวลานี้?
หรือว่าเขาจะไม่มีไพ่ลับสำหรับสังหารราชาเซียนเหลืออยู่แล้ว? เพราะงั้นหลังจากการตายของฉงเยี่ย เขาจึงได้เรียกพวกเขามาที่นี่เพื่อเป็นดาบคุ้มกัน
เป็นไปได้!
เหล่าราชาเซียนครุ่นคิดเรื่องนี้ในใจ มีบางคนที่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเช่นเดิมและฟังการชี้แนะต่อไปในขณะที่มีบางคนที่ความคิดชั่วร้ายเริ่มผุดขึ้นในจิตใจ
บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสทอง!
หลิงฮันชำเลืองมองราชาเซียนที่มีท่าทางเปลี่ยนไปและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกๆท่าน ที่ข้าเชิญทุกคนมาที่นี่ในวันนี้มีอีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อเป็นสักขีพยานการก้าวสู่ระดับเซียนของข้า”
เขาปลดปล่อยออร่าที่พยายามระงับเอาไว้ ‘ตูม’ ออร่าอันทรงพลังแต่ไม่มั่นคงระเบิดออกมา พร้อมกันนั้นหมู่เมฆสีดำก็ลอยมารวมตัวกันเหนือฟากฟ้า
อะไรกัน เจ้าหนูนี่จะทะลวงผ่านเป็นเซียนแล้ว!
ราชาเซียนทุกคนตกตะลึง ตอนที่พวกเขาเห็นหลิงฮันเมื่อไม่กี่ปีก่อนเขายังเป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงอยู่เลยแท้ๆ แต่เวลาเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีเขากลับกำลังจะกลายเป็นเซียนแล้ว!
ไม่ได้การ!
หลังจากหลิงฮันเป็นเซียนแล้วต่อให้เขาจะไม่มีพลังต่อสู้สูงพอจะสังหารพวกเขา แต่ก็มีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง
หากเซียนระดับต้นคิดหนี ต่อให้เป็นราชาเซียนก็ไม่สามารถไล่จับได้ง่ายๆ
ราชาเซียนบางคนผุดความหนึ่งขึ้นมาในหัว ทำไมไม่ใช้โอกาสสุดท้ายนี้สังหารหลิงฮันเสียล่ะ?
โลกก็เป็นเช่นนี้ นอกจากดินแดนต้องห้ามจำนวนน้อยที่ต้องการเป็นสหายกับหลิงฮันจริงๆ ดินแดนต้องห้ามส่วนใหญ่ต้องการเป็นพันธมิตรกับหลิงฮันเพราะเขาสามารถสังหารราชาเซียนสองคนได้อย่างง่ายดาย
แต่ตราบใดที่หลิงฮันสูญเสียพลังที่ว่าไป พวกเขาก็จะเปลี่ยนท่าทีกลับมาช่วงชิงความลับอันน่าอัศจรรย์ที่เขาครอบครองอยู่แทน!
ณ เวลานี้มีราชาเซียนถึงเจ็ดคนที่เผยจิตสังหารออกมาและพร้อมลงมือ
ตอนที่ 1628 ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรง
หลิงฮันทะยานร่างขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
หืม?
ทันทีที่เขาแตะเท้าไปยังห้วงอวกาศ หลิงฮันก็สัมผัสได้ถึงออร่าคุกคามที่รุนแรง
ราชาเซียน!
AnchorAnchor
ราชาไค่หยุนยังไม่ได้ไปไหนไกลแต่ซุ่มดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ
“ตัวบัดซบ!” ราชาไค่หยุนเกรี้ยวกราดทันทีที่เห็นหลิงฮัน ร่างของอีกฝ่ายมีบ่วงอาฆาตติดอยู่!
Anchor
ฉงปาตู้ตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าหนูคนนี้!
นี่เขาออกมารับความตาย?
ครืนน!
แต่ก่อนที่ราชาไค่หยุนจะได้ลงมือ เขาก็พบเห็นเมฆสายที่ก่อตัวรวมกันอย่างแน่นหนา อัสนีบาตที่ผ่าลงมาแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์สายฟ้ายักษ์ปล่อยหมัดเข้าใส่หลิงฮัน
ร่างของราชาไค่หยุนหยุดชะงักทันที
ด้วยระดับพลังของเขาทำให้มองออกว่าหลิงฮันกำลังทะลวงผ่านจากระดับวารีนิรันดร์สู่ระดับเซียน แต่ปัญหาคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ผ่าลงมานั้นเหตุใดถึงมีความรุนแรงเทียบเท่ากับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเซียนระดับสูง!
เป็นไปได้อย่างไร!
ต้องเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันสวรรค์ถึงได้มอบทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเซียนระดับสูงให้กับเซียนระดับต้น?
ราชาไค่หยุนไม่กล้าลงมือ หากเขาโมตีหลิงฮันตอนนี้เขาก็จะได้รับลูกหลงจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปด้วย เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ราชาเซียนจะได้รับจากการแทรกแซงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงขนาดนี้นั้นจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แต่ที่แน่ๆคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ว่าจะมีอำนาจเพียงพอที่จะสังหารเขาแน่นอน
เพียงเพื่อสังหารเซียนระดับต้นเขาจำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย?
ยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าหลิงฮันจะมีชีวิตรอดจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงขนาดนี้ได้ ในโลกนี้จะมีที่ไหนที่เซียนระดับต้นจะต้านทานพลังทำลายที่เทียบเท่าเซียนระดับสูงได้?
‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองลอยใกล้เข้ามาพร้อมกับร่างของราชาเซียนจากดินแดนต้องห้ามได้ห้อมล้อมทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของหลิงฮันเอาไว้
“เฒ่าฉง!” เหล่าราชาเซียนกล่าวทักทายราชาไค่หยุน
ราชาไค่หยุนเตรียมตัวหลบหนีพร้อมกับพยักหน้ากลับ เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเอง เขาก็ได้รับข้อความผ่านสัมผัสสวรรค์ที่มีทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
หลิงฮันเคยสังหารเซียนมาแล้ว… แถมยังเป็นถึงราชาเซียนด้วย!
แถมในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จ้าวอสูรสวรรค์ที่ตกตายด้วยเงื้อมมือหลิงฮันก็มีมากมาย!
เจ้าหนูนี่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนได้ เพราะงั้นดินแดนต้องห้ามมากมายจึงให้ความสนใจหลิงฮันและหวังจะให้หลิงฮันพาพวกเขาเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนไปด้วย
ราชาไค่หยุนตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนมาแสยะยิ้ม ที่หลิงฮันเชิญให้ราชาเซียนจำนวนมากมาที่นี่เป็นเพราะคิดจะให้ช่วยขับไล่เขา หรือก็คืออีกฝ่ายไม่สมควรมีไพ่ลับที่สามารถยกระดับพลังขึ้นมาสังหารราชาเซียนได้อีกต่อไป
ดวงตาของเขาส่องประกายและลังเลว่าจะเสี่ยงลงมือแย่งชิงความลับจากอีกฝ่ายมาดีหรือไม่
ปัญหาคือหากหลิงฮันยังมีไพ่ลับซ่อนอยู่อีกล่ะก็ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทั้งนั้น ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้หากใครยื่นมือเข้าไปแทรกแซงคงหนีไม่พ้นความตาย!
หลิงฮันลังเลเล็กน้อย ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ย่อมสามารถต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่มีพลังทำลายเทียบเท่าราชาเซียนระดับสูงได้ แต่ปัญหาคือเขาต้องการขัดเกลากายหยาบทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์และจำเป็นต้องสลายการป้องกันทั้งหมด
แต่จะมัวลังเลอยู่ก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือพลัง มีเพียงพลังเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องเขาและคนของเขาได้
‘พรึบ’ หลิงฮันสลายการป้องกันของกายหยาบ
“ฆ่าตัวตาย?” ราชาเซียนทุกคนโอดครวญ
พวกเขารู้สึกเศร้าที่หากหลิงฮันตายก็จะไม่มีใครพาพวกเขาเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เสียดายอีกด้วยว่าหากร่างของหลิงฮันถูกทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์บดขยี้ไม่เหลือซาก ความลับในร่างของเขาก็จะสลายหายไปด้วย
เพียงแต่พวกเขาก็สัมผัสได้ในทันทีว่าออร่าของหลิงฮันยังไม่หายไป โดยเฉพาะราชาไค่หยุนที่สามารถรับรู้บ่วงอาฆาตจากร่างหลิงฮันได้
ยังไม่ตายจริงๆ!
“ถึงว่าทำไมกายหยาบของรุ่นเยาว์ผู้นี้ถึงได้น่าสะพรึงนัก ที่แท้เขาก็ขัดเกลากายหยาบด้วยทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์!”
“แถมในร่างของเขายังมีรูปแบบอาคมสังหารสลักเอาไว้จำนวนมาก!”
“แต่การกระทำของเขาช่างเสี่ยงชีวิตนัก เซียนระดับต้นที่รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเซียนระดับสูงก็ว่าอันตรายอยู่แล้ว แต่นี่เขายังไม่ต้านทานด้วยพลังทั้งหมดอีก นี่เขาคิดจะตายรึไง?”
“ความรู้สึกโหยหาพลังของเจ้าหนูนั่นช่างหนักแน่นยิ่งนัก!”
จักรพรรดินี สตรีนกอมตะ เจ้าสุนัขและคนอื่นๆตามถึงมายังห้วงอวกาศ พวกเขามั่นใจในตัวหลิงฮันว่าต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สำเร็จ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะเช่นเขาที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะ หากลดพลังลงมาเท่าหลิงฮันเกรงว่าตัวเขาก็คงด้อยกว่า
“เจ้าหนูช่างน่าอัศจรรย์!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีอุทาน
“แน่นอน ทั้งหมดนั่นถูกสอนโดยนายท่านหมาเอง!” สุนัขตัวดำมีท่าทางภาคภูมิใจ
จักรพรรดิเพลิงอัสนีเมินเฉย เขาจ้องหลิงฮันพร้อมกับพึมพำ “การที่ทะลวงผ่านเป็นเซียนด้วยดวงดาวสิบล้านดวงเช่นนี้ ต่อให้เป็นในดินแดนแห่งเซียนก็มีอัจฉริยะเพียงหยิบมือที่สามารถทำได้ อย่างน้อยในขอบเขตความรู้ของข้าก็มีแต่ทายาทของขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้นถึงจะทำได้!”
“แต่ในโลกบรรพกาลเช่นนี้ คนที่ทำได้กลับมีถึงสองคน!”
สำหรับหลิงฮัน ณ เวลานี้คือวิกฤตอย่างแท้จริง
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงเทียบเท่าเซียนระดับสูงเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดในการต้านทาน การที่เขาสลายพลังป้องกันของตนเองส่งผลเสียต่อเขาเป็นอย่างมาก
กระดูกภายในร่างของเขาถูกมนุษย์อัสนียักษ์โจมตีด้วยพลังทำลายที่เทียบเท่าเซียนระดับสูงจนแหลกเป็นเศษซากและเสี่ยงตายเป็นอย่างมาก
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปชีวิตของเขาจะต้องดับสิ้นแน่นอน
หลิงฮันโคจรหยดวารีอมตะเพื่อฟื้นฟูร่างกาย การสลายพลังป้องกันเช่นนี้ไม่ได้ช่วยขัดเกลากายหยาบแม้แต่น้อยแต่เป็นการแส่หาที่ตายมากกว่า เขาเริ่มโจมตีตอบโต้มนุษย์อัสนียักษ์ ในเมื่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มีความรุนแรงเช่นนี้ต่อให้ไม่ต้องสลายพลังป้องกันกายหยาบของเขาก็สามารถถูกขัดเกลาได้แม้จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์
เขาคำรามและปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
ทำไมถึงมีแต่เขากับจักรพรรดินีที่ต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงเช่นนี้?
บางทีอาจจะเป็นเพราะมีเพียงเขากับจักรพรรดินีเท่านั้นมีผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองให้เป็นหนึ่งได้!
หลิงฮันรับรู้ได้ทันที ถึงแม้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนจะผสานอยู่ในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไรอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพก็ยังคงเป็นปรปักษ์ของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
จากมุมมองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลิงฮันจึงเปรียบเสมือนผู้บุกรุกจากดินแดนใต้พิภพที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก
ตอนที่ 1629 หอคอยทมิฬชั้นที่หกเปิดออก
ดูเหมือนว่าสวรรค์และปฐพีจะปลดปล่อยอำนาจได้อย่างจำกัด ไม่เช่นนั้นอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คงไม่ใช่ระดับของเซียนระดับสูงแต่เป็นระดับราชาเซียน
การจะเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนจำเป็นต้องผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองและมีพลังบ่มเพาะระดับราชาเซียน ซึ่งตอนนี้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่เขาได้รับก็คือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับเซียน ดูเหมือนทั้งสองอย่างนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง
หลิงฮันคำรามพร้อมกับกระหน่ำปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ออกไปไม่ยั้ง
เพียงแต่ว่ามนุษย์อัสนียักษ์นั้นไม่มีวันตาย ต่อให้ร่างของมันถูกบดขยี้คลื่นสายฟ้าก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ จำนวนของพวกมันมีแต่จะเพิ่มขึ้นไม่ลดลง
เหมือนกับจักรพรรดินีก่อนหน้านี้ เมื่อมนุษย์อัสนียักษ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาถึงห้าสิบตัวอำนาจโดยรวมของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ทรงพลังจนน่าหวาดหวั่น
หลิงฮันไม่อาจต้านทานไหว เขากระอักโลหิตออกมาพร้อมกับกระดูกในร่างแตกหักทันที
แม้แต่เซียนซิงฉาที่มองดูอยู่ก็ใบหน้าซีดเผือด หากจะสามารถรอดชีวิตจากการโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นได้เขาต้องบรรลุเป็นเซียนระดับสูงขั้นกลางเสียก่อน แต่ในตอนนี้ตัวเขาที่เป็นเพียงเซียนระดับสูงขั้นต้นนั้นหากถูกกระหน่ำโจมตีใส่เหมือนกับหลิงฮัน เขาคงไม่อาจหนีพ้นความตายแน่นอน
ครั้งแรกก็จักรพรรดินี ครั้งนี้ก็หลิงฮัน สามีภรรยาคู่นี้เป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
แค่บรรลุเป็นเซียนระดับต้นยังทรงพลังขนาดนี้ หากทั้งสองบรรลุเป็นราชาเซียนใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของทั้งสองได้?
ไม่ใช่แค่เซียนซิงฉา แต่ราชาเซียนจากดินแดนต้องห้ามคนอื่นๆก็คิดเช่นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของราชาเซียนที่มีเป้าหมายคือเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนเช่นพวกเขานั้น ต่อให้หลิงฮันจะเป็นราชาเซียนที่ไร้เทียมทานพวกเขาก็ไม่คิดอะไร ในดินแดนแห่งเซียนไม่ว่าจะเป็นราชาเซียนที่แข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็ย่อมพ่ายแพ้ระดับพลังที่สูงกว่า!
หลิงฮันโคจรหยดวารีอมตะเพื่อฟื้นฟูบาดแผล ด้วยการที่ใช้หยดวารีอมตะติดต่อกันในระยะเวลาสั้นๆ ประสิทธิภาพของมันจึงลดลงมาก เขาคำรามพร้อมกับมีแขนทั้งสี่งอกออกมา
ทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทาน!
แม้ชื่อของทักษะนี้จะฟังดูยาว แต่อำนาจของมันทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาที่โคจรทักษะพลังต่อสู้ของหลิงฮันก็ทะยานสูงขึ้นหลายเท่าตัว หนึ่งมือถือดาบอสูรนิรันดร์ หนึ่งมือถือดาบไม้พุพัง หนึ่งมือปลดปล่อยอำนาจของมิติรูปแบบเอกเทศ หนึ่งมือปลดปล่อยศรฆ่ามังกรทะลวงดารา หนึ่งมือปลดปล่อยทักษะร่างเงามังกรทะยานและอีกหนึ่งมือปลดปล่อยกาลเวลาแปรผันพันปี
ร่างของมนุษย์อัสนียักษ์ที่พุ่งเข้ามาถูกทำให้หายไปด้วยมิติรูปแบบเอกเทศหรือไม่ก็ถูกทำให้สลายไปด้วยกาลเวลาแปรผันพันปี
ในขณะเดียวกัน กระดูกในร่างของหลิงฮันได้ทำการปลดปล่อยแสงสลัวสีทองออกมาพร้อมกับอักขระลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนเนื่องจากกายหยาบของเขากำลังอยู่ในสภาวะถูกขัดเกลาให้ทรงพลังยิ่งขึ้น
ตูมม!
หลิงฮันคำรามและเป็นฝ่ายบุกจู่โจม ร่างมนุษย์อัสนียักษ์ถูกดาบอสูรนิรันดร์ถูกผ่าครึ่งอย่างง่ายดายและใช้เวลาหลายลมหายใจกว่าจะฟื้นสภาพกลับมาได้เหมือนเดิม นี่แสดงให้เห็นถึงพลังทำลายอันน่าเกรงขามของดาบอสูรนิรันดร์
เหล่าราชาเซียนแน่นิ่งไร้คำพูด
ด้วยระดับพลังอันสูงส่ง ปกติแล้วไม่น่ามีอะไรทำให้พวกเขาตะลึงได้ ทว่าตอนนี้พวกเขากลับอยากจะได้ยาระงับความตกตะลึงเสียเหลือเกิน
แข็งแกร่งเกินไป… ในโลกนี้มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
เซียนระดับต้นที่สามารถต่อกรกับเซียนระดับสูงจำนวนมากได้ เรื่องเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน!
พวกเขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีเองก็ผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงเท่ากันมาก่อนแล้วเหมือนกัน
ใบหน้าของAnchorราชาไค่หยุนเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม ด้วยสายเลือดของมังกรทองแดงเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในร่างกายของหลิงฮันมีอำนาจแห่งห้วงเวลาถูกปลดปล่อยออกมา เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หากได้ดูดซับหลิงฮันอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาของเขาจะพัฒนาขึ้นขนาดไหน?
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาแทบจะเป็นอำนาจที่ไม่สามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง มีต้องดูดซับพลังของสมุนไพรหรือสมบัติล้ำค่าเท่านั้น
ในสายตาของราชาไค่หยุน หลิงฮันไม่ใช่คนอีกต่อไปแต่เป็นทรัพยากรบ่มเพาะ
หลิงฮันกระหน่ำโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทั่วร่างของเขาปลดปล่อยแสงสลัวสีทองและอักขระลึกลับออกมาไม่หยุด แม้แต่ตัวตนจากดินแดนแห่งเซียนที่ทรงพลังอย่างจักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิดเนื่องจากไม่สามารถทำความเข้าใจอักขระลึกลับบนร่างของหลิงฮันได้
“นั่นมัน! อักขระนั่น!” สุนัขตัวดำแสดงท่าทางตื่นตระหนกจนอยู่ไม่สุข ดวงตาของมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้าพร้อมกับตบหัวตัวเองอย่างแรง “ทำไมข้าถึงได้นึกไม่ออกกัน! อักขระนั่นดูคุ้นเคยนัก!”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าร่างกายของสุนัขตัวดำได้มีอักขระสีทองแวบออกมาครู่หนึ่งซึ่งคล้ายคลึงกับอักขระบนร่างของหลิงฮันอย่างมาก อันที่จริงแม้แต่ตัวของมันเองก็ไม่สังเกตเห็นเช่นกัน
ต่อให้ไม่ต้องสลายพลังป้องกันกายหยาบของหลิงฮันก็ยังถูกขัดเกลา ณ เวลานี้กายหยาบของเขายกระดับขึ้นมาเทียบกับเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบแปดเป็นที่เรียบร้อยและยังคงพัฒนาต่อไม่หยุด
ด้วยกายหยาบที่ทรงพลังขึ้นหลิงฮันก็ต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ง่ายขึ้น
“หอคอยทมิฬชั้นที่หกกำลังจะเปิด!” เสียงของหอคอยน้อยดังก้องอยู่ภายในห้วงจิตวิญญาณหลิงฮัน
ห้าชั้นแรกของหอคอยทมิฬคืออำนาจที่สอดคล้องกับธาตุพื้นฐานทั้งห้า ส่วนชั้นที่หกนั้นคืออำนาจแห่งสายฟ้า!
‘ครืนน’ สายฟ้าสวรรค์สีม่วงปรากฏขึ้นในหอคอยทมิฬและผ่าทำลายล้างสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้เป็นเศษซาก สมุนไพรกว่าเก้าในสิบส่วนในหอคอยทมิฬถูกทำลายทิ้งในพริบตา แต่สมุนไพรบางส่วนที่เหลือรอด มันได้ถูกสายฟ้าสวรรค์สีม่วงชำระล้างจนยกระดับคุณภาพขึ้นไปอีกขั้น
ต้นสังสารวัฏก็ได้รับความเสียหายหนักเช่นกัน ลำต้นครึ่งหนึ่งของมันถูกผ่าจนขาด ใบของมันเหี่ยวแห้งและพลังชีวิตหดหายไปเกือบหมด
ต้นสังสารวัฏต้นนี้ถูกเร่งการเติบโตด้วยหอคอยทมิฬเพราะงั้นมันจึงไม่ถือว่าเป็นต้นสังสารวัฏที่แท้จริง แต่ตอนนี้มันได้ถูกชำระล้างด้วยสายฟ้าสวรรค์สีม่วงซึ่งหากมันรอดพ้นความตายไปได้ ต้นสังสารวัฏก็จะงอกเงยขึ้นมาใหม่อีกครั้งกลายเป็นต้นสังสารวัฏที่แท้จริง
หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในหอคอยทมิฬก่อนจะตระหนักได้ว่า สายฟ้านั้นแม้จะเป็นอำนาจที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างแต่ก็สามารถมอบโอกาสให้เกิดเป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เขาแหงนหน้าขึ้นมองเมฆสายฟ้าเหนือศีรษะ ที่ผ่านมาจอมยุทธทุกคนต่างก็ยอมรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แต่โดยดี แต่ไม่มีใครคิดขึ้นไปดูเลยรึว่าส่วนลึกภายในเมฆสายฟ้ามีอะไรอยู่?
อำนาจทำลายล้างที่ทำให้เกิดชีวิต เบื้องหลังเมฆสายฟ้าที่ทำให้เกิดทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นั้น แท้จริงแล้วคืออะไร?
เมื่อผุดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาหลิงฮันก็ไม่ชักช้าและทะยานร่างขึ้นไปยังเมฆสายฟ้า
“บ้าไปแล้ว!”
เหล่าราชาเซียนตกตะลึงอย่างมากทันทีที่เห็นการกระทำของหลิงฮัน
ไม่เคยมีใครอยากขึ้นไปดูส่วนลึกภายในของเมฆสายฟ้า? ผิดแล้ว ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งหลายคนเคยคิดเช่นนี้ เพียงแต่ทุกคนที่กล้าทำล้วนแต่ตายไปหมดแล้ว!
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีปรมาจารย์กี่คนที่ตายไปเพราะความคิดนี้จนไม่มีใครกล้าทำตาม
ทว่าหลิงฮันกลับเลือกที่จะเดินตามรอยเส้นทางแห่งความตายนี้!
ตอนที่ 1630 ส่วนลึกภายในเมฆสายฟ้า
หลิงฮันพุ่งทะยานขึ้นสู่เมฆสายฟ้า
‘ครืนน! ครืนน! ครืนน!’
ก่อนหน้านี้จำนวนของมนุษย์อัสนียักษ์นั้นคงจำนวนไม่ที่ห้าสิบตัวโดยที่ไม่เพิ่มขึ้นอีก เพียงแต่ว่าหลังจากการกระทำอันหุนหันพลันแล่นของหลิงฮัน สวรรค์และปฐพีก็ราวกับรู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมาจึงได้เพิ่มจำนวนของมนุษย์อัสนียักษ์มากขึ้นอีก
มนุษย์อัสนียักษ์ที่เพิ่มขึ้นมามีทั้งตัวที่หวัดแกว่งหอก กวัดแกว่งดาบและปล่อยหมัดจู่โจมโดยตรง
หลิงฮันไม่หวาดกลัว พลังของสายฟ้าอันน่าเกรงขามจากภายในหอคอยทมิฬได้ส่งผ่านมายังร่างของเขาทำให้เขาผสานเป็นหนึ่งเดียวอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนี การโจมตีของมนุษย์อัสนียักษ์ไม่ส่งผลใดๆต่อเขาแม้แต่นิดเดียว
หลิงฮันในเวลานี้ราวกับเป็นตัวแทนของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีบาดที่อยู่เหนือพลังสายฟ้าทั้งปวง
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในหอคอยทมิฬนั้นมีระดับสูงกว่าอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“เป็นไปได้อย่างไร!” ราชาเซียนทุกคนอุทาน หากหลิงฮันสามารถบดขยี้มนุษย์อัสนียักษ์ทั้งหมดได้พวกเขาก็ไม่แปลกใจ แต่ภาพที่อำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไม่ได้ผลต่อหลิงฮันเลยแม้แต่น้อยนั้นน่าอัศจรรย์เกินไป
‘ครืนน ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ยิ่งปลดปล่อยอำนาจที่รุนแรงยิ่งขึ้น ตัวของมันคือตัวแทนของสวรรค์และปฐพีที่ไม่อาจถูกผู้ใดล่วงเกิน
จำนวนของมนุษย์อัสนียักษ์เพิ่มขึ้นเป็นสามร้อยตัว
คราวนี้แม้แต่ราชาเซียนก็รู้สึกหวาดกลัว ต่อให้เป็นพวกเขาหากให้ปะทะกับเซียนระดับสูงถึงสามร้อยคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีเพียงราชาเซียนสูงสุดเท่านั้นถึงจะไม่หวั่นเกรง
หลิงฮันพุ่งทะยานต่อเนื่องอย่างห้าวหาญ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยการที่หอคอยทมิฬชั้นที่หกเปิดออกเป็นครั้งแรก ร่างของเขาถึงได้อัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีและไร้เทียมทานต่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ชั่วคราว แต่ในอนาคตอาจจะไม่เป็นเหมือนครั้งนี้
ร่างของเขาผ่านเข้าไปยังหมู่เมฆสาฟ้าและพบเจอกับความมืดมิด หากไม่ใช่เพราะว่าเขามองเห็นประกายแสงบางอย่างกำลังส่องสว่างอยู่ เขาคงคิดว่าตนเองสูญเสียสัมผัสทั้งหกไปแล้ว
หลิงฮันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อ พลังของมนุษย์อัสยักษ์เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ดูเหมือนทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จะไม่คิดใช้จำนวนที่มากกว่ากำราบเขาอีกต่อไปแต่จะใช้ระดับพลังที่สูงกว่าแทน
มนุษย์อัสนียักษ์ในตอนนี้มีพลังเทียบเท่าราชาเซียน
หากไม่ใช่เพราะอำนาจสายฟ้าจากหอคอยทมิฬหลิงฮันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมนุษย์อัสนียักษ์ แต่ตอนนี้ไม่ว่ามนุษย์อัสนียักษ์จะโจมตีมาแบบใด เขาก็สามารถเมินเฉยได้อย่างสมบูรณ์
ด้านนอกเมฆสายฟ้า ไม่มีใครมองเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้านใน พวกเขารู้เพียงแค่ว่าหากเมฆสายฟ้ายังไม่สลายไปก็แสดงว่าหลิงฮันยังไม่ตาย
หลิงฮันเคลื่อนไปด้านหน้าไม่หยุดพัก เมื่อมาถึงด้านหน้าประกายแสงที่มองเห็นร่างของเขาก็หยุดชะงักด้วยความตะลึง ส่วนลึกที่สุดภายในที่เมฆสายฟ้ามีแท่นบูชาตั้งอยู่
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เป็นสิ่งที่ถูกคนสร้างขึ้น?
หลิงฮันรีบส่ายหัว แท่นบูชานี้ไม่สมควรถูกสร้างขึ้นด้วยมือของใคร แต่เป็นกฎธรรมชาติที่สร้างมันขึ้นมา ด้วยเหตุผลบางอย่างมันถึงได้มีรูปร่างเช่นนี้
บางทีแท่นบูชาที่ปรากฏให้เห็นบนโลกอาจจะอ้างอิงรูปร่างมาจากแท่นบูชานี้
แท่นบูชาตรงหน้านี้มีรูปแบบที่เรียบง่าบและสูงไม่เกินสิบฟุต วัสดุที่ใช้สร้างนั้นไม่อาจตรวจสอบได้ ที่บริเวณตรงกลางของแท่นบูชามีร่องปรากฏอยู่ โดยที่ร่องนั้นมีของเหลวบางอย่างที่ไม่สามารถระบุกลิ่นได้ไหลวนไปมา
“นั่นคือหยดสายฟ้าสวรรค์” หอคอยน้อยกล่าว “เจ้าโชคดีที่หอคอยทมิฬชั้นหกเปิดออกตอนนี้พอดีทำให้เจ้าสามารถมาถึงที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องบรรลุเป็นราชาเซียนเสียก่อนถึงจะมีคุณสมบัติได้ครอบครองหยดสายฟ้าสวรรค์”
หลิงฮันพยักหน้า เนื่องจากโลกบรรพกาลมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่จำกัดอยู่ที่ราชาเซียน เมื่อเขาบรรลุเป็นราชาเซียนจึงสามารถเข้าถึงส่วนลึกของเมฆสายฟ้าได้
แต่หากเขาบรรลุเป็นราชาเซียนที่ดินแดนแห่งเซียน สถานการณ์คงจะแตกต่างออกไป
“ข้าจะได้รับผลประโยชน์อันใดจากหยดสายฟ้าสวรรค์?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“เจ้าจะรู้แจ้งถึงเต๋าแห่งอัสนี” หอคอยน้อยกล่าว
“ไม่ใช่ว่าในหอคอยทมิฬก็มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีหรอกรึ?” หลิงฮันแปลกใจ
“มันไม่เหมือนกัน อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีในหอคอยทมิฬคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งเซียนที่มหาปราชสวรรค์นำมาใส่ไว้ซึ่งมีแต่ข้าที่ใช้งานได้ เจ้าไม่สามารถใช้มันขัดเกลาความเข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีของตัวเจ้าเอง” หอคอยน้อยอธิบาย บางทีอาจเป็นเพราะหอคอยทมิฬชั้นใหม่เพิ่งเปิดออกมันถึงได้อารมณ์ดีและไม่ทำท่าทางอวดดีเหมือนปกติ
หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปยังแท่นบูชา ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ มนุษย์อัสนียักษ์ปรากฏตัวและโจมตีหลิงฮันด้วยพลังที่เทียบเท่าราชาเซียน
ทว่าการโจมตีของมนุษย์อัสนีสายฟ้าไม่สามารถทำอะไรหลิงฮันได้แม้แต่น้อย
เขาเดินมาชิดแท่นบูชาและเก็บหยดสายฟ้าสวรรค์ใส่หอคอยทมิฬ
โอกาสล้ำค่าเช่นนี้ ทั้งชีวิตเขาอาจจะพบเจอเพียงสองหรือสามครั้งเท่านั้น
ในดินแดนแห่งเซียนเขาจะมีโอกาสเข้าสู่ส่วนลึกของเมฆสายฟ้าได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อเขาบรรลุเป็นราชาเซียนซึ่งจะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานต่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ส่วนอีกครั้งคงต้องรอให้บรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เพียงแต่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้วหยดสายฟ้าสวรรค์จะยังจำเป็นต่อเขาอยู่อีก?
หยดสายฟ้าสวรรค์ในแท่นบูชามีไม่มาก ปริมาณของมันมีอยู่ราวๆหนึ่งลิตรเท่านั้น สีของหยดสายฟ้าสวรรค์เป็นสีครามสว่างราวกับน้ำทะเลและมีกลิ่นที่สูดดมแล้วสดชื่น หลิงฮันมองไปที่แท่นบูชาซึ่งมีอักขระแห่งเต๋าจำนวนมากสลักเอาไว้ หากเขาทำความเข้าใจพวกมันได้เขาจะสามารถฝึกฝนอำนาจแห่งทัณฑ์สวรรค์ได้รึเปล่า?
เขาจ้องมองอักขระอย่างละเอียด แต่จ้องได้ไม่นานจู่ๆแท่นบูชาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมฆสายฟ้ารอบกายเขาก็สลายตัวเช่นกัน หลิงฮันพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่กลางห้วงอวกาศอันว่างเปล่า
ครึ่งวันผ่านไปแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จึงหายไป
น่าเสียดายนัก!
หลิงฮันรู้สึกเศร้าโศก หากให้เวลาเขามากหน่อยเขาคงสามารถจดจำอักขระแห่งเต๋าเหล่านั้นได้ ต่อให้ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีแต่ก็สามารถนำได้ศึกษาต่อภายหลังได้
“หลิงฮัน เจ้าพบเจออะไรในเมฆสายฟ้า?” ราชาเซียนรีบเข้ามาล้อมหลิงฮันด้วยท่าทีตื่นเต้น ในประวัติศาสตร์ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนว่าภายในเมฆสายฟ้ามีอะไร
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่มีทางเล่าความจริงออกไป คนเหล่านี้เป็นเพียงพันธมิตรเท่านั้นเขาไม่จำเป็นต้องเล่าความลับของหยดสายฟ้าสวรรค์ให้พวกเขาฟัง
“แค่มีทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มากขึ้นกว่าเดิม” เขากล่าวออกไป
แม้เหล่าราชาเซียนจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่อหลิงฮันกล่าวเช่นนี้แล้ว หากยังดื้อรั้นเค้นถามก็มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับหลิงฮันแย่ลง
ใครจะไปรู้ว่าเขายังมีไพ่ลับอะไรซ่อนอยู่อีก?
หรือต่อให้ไม่มีไพ่ลับใดๆ การไล่ล่าเซียนระดับต้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากหลิงฮันหนีรอดไปได้และบรรลุเป็นเซียนระดับกลางหรือเซียนระดับสูงล่ะก็ เกรงว่าด้วยพลังต่อสู้ราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นหลิงฮันคงสามารถสังหารราชาเซียนได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ หากรับประกันไม่ได้ว่าจะสามารถสังหารหลิงฮันให้ตายในการโจมตีเดียว ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับหลิงฮัน?
ตอนที่ 1631 ลอบโจมตี
ราชาไค่หยุนที่ยืนอยู่ห่างๆสะบัดแขนเสื้อและเคลื่อนที่จากไปด้วยคลื่นแสงแห่งเต๋า
แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะลามือแค่นี้แน่นอน แต่จะให้ลงมือตอนนี้ก็ดูจะผลีผลามเกินไป เพราะงั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ
หลิงฮันโอบกอดจักรพรรดิด้วยมือซ้ายและโอบกอดสตรีนกอมตะด้วยมือขวา เขาก้าวเท้าเคลื่อนที่ด้วยคลื่นแสงแห่งเต๋ากลับลงไปยังดาวมู่ถู
“ยินดีกับสหายหลิงด้วย!” เหล่าเซียนมากมายผสานมือคารวะหลิงฮัน
แม้หลิงฮันจะเป็นเพียงเซียนระดับต้น แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เมื่อครู่ทำให้รู้ได้ว่าหลิงฮันนั้นมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับเซียนระดับสูงขั้นกลางหรืออาจจะขั้นปลาย
เมื่อใดที่หลิงฮันบรรลุเป็นเซียนระดับกลาง ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเขาจะสามารถต่อกรกับราชาเซียนได้เลยรึไง?
ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็เคยสังหารราชาเซียนไปแล้วมากมาย เซียนทุกคนในที่นี้ถึงไม่กล้าดูหมิ่นเขา
หลิงฮันโค้งขอบคุณเหล่าเซียนทีละคนด้วยรอยยิ้ม
หลังจากเลี้ยงฉลองเสร็จ งานแลกเปลี่ยนสมบัติก็ถูกจัดขึ้น เพียงแต่ว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็มีงานแลกเปลี่ยนสมบัติถูกจัดไปแล้ว ในระยะเวลาๆสั้นพวกเขาจะหาสมบัติเพิ่มได้อย่างไร?
เหล่าราชาเซียนไม่สนใจงานแลกเปลี่ยนสมบัติเท่าไหร่
หลิงฮันกลายเป็นเซียนแล้ว ระยะเวลาที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนก็ใกล้เข้ามายิ่งขึ้น เพราะงั้นสิ่งที่เหล่าราชาเซียนสนใจก็คือต้องทำให้หลิงฮันพาคนของพวกเขาเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียนด้วยให้ได้ มีราชาเซียนจำนวนหนึ่งที่ทะเยอทะยานวางแผนจะลงมือกับหลิงฮันเช่นกัน หากไม่ลงมือเสียแต่ตอนนี้หลังจากหลิงฮันกลายเป็นเซียนระดับกลางได้ แม้แต่ราชาเซียนเช่นพวกเขาก็อาจจะไม่สามารถกำราบหลิงฮันได้
ต่อให้งานแลกเปลี่ยนสมบัติจะสิ้นสุดแล้ว แต่เหล่าราชาเซียนก็ยังหาข้ออ้างที่จะอยู่ต่อ
บรรยากาศในตอนนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมากราวกับจะมีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลอุบัติขึ้น
หลิงฮันไม่สนใจพวกเขาและใช้เวลาไปกับการรวบรวมพลังปราณ น่าเสียดายที่ต้นสังสารวัฏใช้การไม่ได้ชั่วคราว การขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะของเขาจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้าไล่ตามพลังปราณที่รวบรวมไปถึงระดับของราชาเซียนระดับต้นแล้วไม่ทัน
หอคอยทมิฬกล่าวว่าต้นสังสารวัฏจะใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองไม่เกินสองปี เมื่อถึงตอนนั้นประสิทธิภาพของมันจะยกระดับขึ้นมาก ระยะเวลาหนึ่งวันจะเทียบเท่าร้อยปี
ด้วยเหตุนี้หลิงฮันจึงไม่ใช้หยดสายฟ้าสวรรค์ หากจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้ได้มากที่สุดก็ต้องใช้ตอนที่อยู่ใต้ต้นสังสารวัฏ
แค่ระยะเวลาสองปีเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
บรรยากาศอึมครึมเริ่มก่อตัวขึ้นที่ดาวมู่ถู
ราชาเซียนหลายคนเริ่มทนไม่ไหว ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปพลังของหลิงฮันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สักวันหนึ่งพลังของหลิงฮันจะบรรลุถึงจุดที่แม้แต่ราชาเซียนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้
เหล่าราชาเซียนมั่นใจว่าหลิงฮันต้องครอบครองทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์ไม่ผิดแน่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะทรงพลังขนาดนี้ ภายใต้ความโลภราชาเซียนจำนวนมากเริ่มถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำ
“สถานการณ์เริ่มไม่ชอบมาพากล” วันนี้หลิงฮันได้เรียกจักรพรรดินี สตรีนกอมตะ จักรพรรดิพิรุณ สวีเหลิน ติงผิงและสหายคนอื่นๆมารวมตัวกัน “พวกราชาเซียนที่ท่าทีน่าสงสัย ข้าสูญเสียไพ่ลับที่จะใช้สังหารราชาเซียนไปแล้ว เรื่องที่ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
จักพรรดิพิรุณพยักหน้า เขาควบแน่นดวงดาวได้เกินกว่าเก้าล้านดวงแล้วและกำลังพบเจอกับคอขวด เขากล่าวน้ำเสียงขึงขัง “หลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นไว้ก่อนก็ดี ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องผลีผลามต่อสู้โดยไม่จำเป็น”
สวีเหลิน เซียนหวู่เซียงและคนอื่นๆพยักหน้า กับเหตุการณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต แผนการล่าถอยไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอายแต่อย่างใด
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ข้าอยากใช้โอกาสนี้ดูว่าใครบ้างที่มีความคิดชั่วร้าย คนเช่นนั้นข้าจะไม่มีทางพาไปยังดินแดนแห่งเซียน”
ทุกคนต่างรู้ว่าหลิงฮันเป็นคนที่สื่อสัตย์ต่อคำสัญญา เขาจะลองใช้ตัวเองเป็นแกนกลางผสานดินแดนตั้งสองให้กลับเป็นหนึ่งเดียวก่อนตามที่ตกลงไว้ แต่หากวิธีนี้เชื่องช้าเกินไปเขาก็จะเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนโดยตรงและพาคนจำนวนหนึ่งไปกับเขาด้วย
แต่หากคิดจะใช้ประโยชน์จากเขาแล้วยังอีกมีความคิดชั่วร้ายต่อเขาอีก หลิงฮันย่อมไม่มีวันยอมนิ่งเฉย
เขาบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะออกจากดาวมู่ถู
สองวันต่อมา ราชาเซียนชิงอวี่ได้มาหาเขาและโน้มน้ามเขาว่าในเมื่อเขาบรรลุเป็นเซียนก็ควรลองผสานดินแดนทั้งสองดู
หลิงฮันครุ่นคิดและตอบตกลงกับคำชักชวนของอีกฝ่าย
เขาอยากรู้ว่าคนที่มีความคิดชั่วร้ายต่อเขานั้นมีกี่คน ในเมื่อราชาเซียนชิงอวี่เอ่ยคำขอเช่นนี้เขาก็วางแผนจะใช้โอกาสนี้เปิดโปงความชั่วร้ายของราชาเซียนแต่ละคน
แน่นอนว่าพวกจักรพรรดิพิรุณได้เตรียมพร้อมและเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬเรียบร้อยแล้ว ส่วนพันธมิตรตัวป่วนทั้งสี่อย่างพวกสุนัขตัวดำนั้นไม่คิดจะตามมาด้วย พวกเขาบอกว่าเอาไว้จะมาหาหลิงฮันเองในตอนนี้ที่หลิงฮันคิดจะเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน
หลิงฮันปลดปล่อยคลื่นแสงแห่งเต๋ามุ่งหน้าไปยังพิกัดดวงดาวของดาวหยุนติ่งซึ่งอยู่ใกล้สนามรบสองดินแดนมากที่สุดในบริเวณนี้
ตอนนี้เขาเป็นเซียนแล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา คลื่นแสงแห่งเต๋านำพาร่างของเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ดวงดาวมากมายผ่านเข้ามาในระยะสายตาและก็หายไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้เหมือนกับตอนที่ทวีปฮงเทียนเปิดสวรรค์และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ความเร็วของเซียนคือความเร็วสูงสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีคลื่นแสงแห่งเต๋าหลายคลื่นพุ่งมาจากด้านหน้าเขา ถึงแม้คลื่นแสงเหล่านั้นจะยังมาไม่ถึงตัว แต่หลิงฮันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคลื่นแสงแห่งเต๋าเหล่านั้นพุ่งทะยานเข้ามาเพื่อกระหน่ำโจมตี
การโจมตีที่พุ่งเข้ามาคือการโจมตีระดับราชาเซียน การโจมตีเหล่านั้นเล็งมายังทุกส่วนของร่างเขาไม่ว่าจะเป็นส่วนบน ล่าง ซ้าย ขวา หรือด้านหลังทำให้ไม่สามารถหลบหลีกหรือล่าถอยได้
จะทำอย่างไรดี?
หลิงฮันยิ้มเจ้าเล่ห์ เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องถูกลอบโจมตีระหว่างทางเพราะเขาไม่ได้ปิดบังเรื่องที่ว่าจะมุ่งหน้าไปยังดาวหยุนติง
‘พรึบ’ เพียงแค่นึกคิดร่างของเขาก็หายเข้าไปในหอคอยทมิฬ ‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ ทันทีที่ร่างเขาหายไปการโจมตีของเหล่าราชาเซียนก็มาถึง คลื่นระเบิดอันทรงพลังปะทุไปทั่วห้วงอวกาศ โชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีดวงดาวอยู่แม้แต่ดวงเดียว ไม่เช่นนั้นดวงดาวทุกดวงคงพบเจอกับภัยพิบัติ
เมื่อคลื่นระเบิดสลายหายไป ร่างของราชาเซียนทั้งสิบแปดคนก็ปรากฏตัวและขมวดคิ้ว พวกเขาสัมผัสถึงออร่าของหลิงฮันไม่ได้แม้แต่นิดเดียวราวกับเขาไม่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อน
ตอนที่ 1632 หลอมเม็ดยาเซียน
หากการลอบโจมตีเมื่อครู่สามารถสังหารหลิงฮันได้ ห้วงอวกาศคงเต็มไปด้วยฝนโลหิตแล้ว
ราชาเซียนทั้งสิบแปดคนมึนงง ด้วยการกระหน่ำโจมตีของพวกเขาเมื่อครู่ต่อให้หลิงฮันซ่อนตัวอยู่ในอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ก็ยังยากที่จะหนีพ้นจากความตาย แต่ทว่าหลังจากการโจมตีของพวกเขา ห้วงมิติรอบๆนี้กลับว่างเปล่าอย่างน่าสับสน
ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ราชาเซียนทั้งสิบแปดคนที่ปรากฏตัวนี้เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนแม้แต่คนเดียว
แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ราชาเซียนจะมีจำนวนมากมายเท่าไหนกันเชียว?
หลิงฮันมั่นใจว่าราชาเซียนเหล่านี้ได้ปลอมแปลงรูปลักษณ์ของตนเองเพื่อที่ว่าหากการลอบโจมตีล้มเหลว หลิงฮันจะได้ไม่สามารถระบุตัวตนของพวกเขาได้และยังมีโอกาสร่วมเรือลำเดียวกับหลิงฮันเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน
“ฮึ่ม!” เขาเค้นเสียงเย็นชา คิดว่าอะไรจะง่ายดาบเช่นนั้น?
รูปลักษณ์อาจจะปลอมแปลงกันได้ แต่ไม่ใช่กับกลิ่นอาย!
จอมยุทธแต่ละคนที่กลิ่นอายพลังบ่มเพาะเฉพาะตัว หากอยู่ในสภาพปกติออร่าอาจจะถูกควบคุมไม่ให้เล็ดลอดออกมา แต่เมื่อใดที่ทำการโจมตีโดยเฉพาะกับการลอบสังหารที่ต้องใช้พลังทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมการเล็ดลอดของกลิ่นอายได้
หลิงฮันจดจำกลิ่นอายของราชาเซียนเหล่านี้เอาไว้เรียบร้อย เมื่อใดที่พบเจอกันครั้งหน้าเขาจะรับรู้ได้ว่าใครบ้างที่ลอบสังหารเขาโดยการบังคับให้ราชาเซียนทุกคนปลดปล่อยการโจมตี
“คอยก่อนเถอะ!”
พลังต่อสู้ของเขาเหมือนกับของจักรพรรดินี หากขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุเซียนระดับต้นขั้นสูงสุดแล้ว พลังต่อสู้ของเขาจะทัดเทียมกับเซียนระดับสูงขั้นสูงสุด และเมื่อเขาทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับกลาง เขาจะมีพลังต่อสู้ที่ไม่ต้องหวาดกลัวราชาเซียนอีกต่อไป
ต่อให้เอาชนะราชาเซียนสูงสุดไม่ได้ แต่เขาก็มีข้อได้เปรียบจากกายหยาบอันไร้เทียมทาน
เหล่าราชาเซียนยังไม่คิดจะจากไปไหนและนั่งอยู่กลางห้วงอวกาศ มนุษย์เราไม่สามารถหายไปอย่างสมบูรณ์ได้เด็ดขาด หลิงฮันจะต้องใช้วิธีการบางอย่างซ่อนตัวอยู่แน่
มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นอุปกรณ์นิรันดร์!
พวกเขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะไม่มีวันออกมาตลอดกาล
หนึ่งปีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันราวกับว่าหายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์ ราชาไค่หยุนที่เป็นหนึ่งในราชาเซียนที่ลอบสังหารหลิงฮัน การที่เขาสัมผัสถึงบ่งอาฆาตไม่ได้แสดงว่าหลิงฮันยังคงซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่ได้แอบปรากฏตัวแล้วหนีไปไหน
สำหรับราชาเซียน การรอคอบเป็นเวลาหมื่นๆปีไม่ใช่ปัญหา พวกเขาสงบอารมณ์รอคอยให้หลิงฮันปรากฏตัวออกมา
เพียงแต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปอย่างยาวนาน เหล่าราชาเซียนที่รอคอยอยู่ในดาวมู่ถูก็พบว่าหลิงฮันหายตัวไปและไม่ได้ปรากฏตัวที่ดาวหยุนติงพวกเขาจึงทำการออกตามหา
“แยกย้าย!”
เหล่าราชาเซียนที่ลอบโจมตีหลิงฮันเปลี่ยนสีหน้าและสลายตัวอย่างรวดเร็ว
หากราชาเซียนที่เหลือมาที่นี่แล้วไม่พบว่าพวกเขาอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ความจริงที่ว่าใครบ้างที่ลอบโจมตีหลิงฮันก็จะถูกเปิดโปง ตอนนี้พวกเขาไม่รู้แม้แต่ว่าหลิงฮันหายไปที่ไหน เพราะงั้นแล้วจึงยังไม่กล้าเปิดเผยตัวตน พวกเขาหันหลังแยกย้ายกันทันที
ภายในหอคอยทมิฬ หอคอยน้อยบอกข่าวดีกับหลิงฮัน ต้นสังสารวัฏแตกกิ่งก้านใหม่กลับมาอีกครั้งและสามารถใช้งานได้แล้ว!
ประสิทธิภาพของต้นสังสารวัฏยกระดับขึ้นหลายเท่า จำนวนคนที่สามารถใช้งานได้พร้อมกันเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยคนและระยะเวลาของใต้ต้นสังสารวัฏหนึ่งวันจะเท่ากับร้อยปี
หลิงฮันดีใจเป็นอย่างมาก การบ่มเพาะพลังโดยไร้ต้นสังสารวัฏนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมาก
ครึ่งปีต่อมาในที่สุดหลิงฮันก็บรรลุเป็นเซียนระดับต้นขั้นสูงสุด
หลังจากขัดเกลารากฐานของระดับพลังให้มั่นคง หลิงฮันก็เลือกที่จะยังไม่ทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับกลาง
หากพลังปราณที่สั่งสมไว้ยังไม่เพียงพอ ฝืนทะลวงผ่านไปก็มีแต่จะนำความตายมาสู่ตัว
หากต้องการสะสมพลังปราณให้มากพอจำเป็นต้องใช้เวลาดูดซับพลังวิญญาณหลายล้านปีหรือไม่ก็ต้องพึ่งพาเม็ดยา มีเพียงวิธีการเหล่านี้เท่านั้นการทะลวงผ่านระดับถึงจะไม่เผาผลาญพลังชีวิต
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมเลือกวิธีใช้เม็ดยา เหตุผลแรกคือการดูดซับพลังวิญญาณตามปกตินั้นใช้เวลานานเกินไป เหตุผลที่สองคือเขาเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยา เขาคงไม่โง่ถึงขนาดที่จะไม่ใช้เม็ดยาในเวลาแบบนี้
เพียงแต่ว่าเม็ดยาระดับเซียนนั้นยากที่จะเรียนรู้เป็นอย่างมาก หลิงฮันไม่รีบร้อน เขาค่อยๆใช้เวลาไปกับการยกระดับความรู้เกี่ยวกับศาสตร์เม็ดยาให้บรรลุสู่ระดับเซียน
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี หลิงฮันหยุดศึกษาศาสตร์เม็ดยา เขามั่นใจว่าความสามารถของตนเองในตอนนี้สามารถหลอมเม็ดยาระดับเซียนได้แล้ว
แต่เพื่อที่จะหลอมเม็ดยาเซียนจำเป็นต้องมีสมุนไพรเซียนเป็นวัตถุดิบหลัก หลิงอันมีอยู่ในมือไม่มีมาก จากงานแลกเปลี่ยนสมบัติครั้งก่อนเขามีเพียงสามต้นเท่านั้น
“หากหลอมสำเร็จทั้งสามเตา อาจจะโชคดีได้เม็ดยาถึงสิบเม็ด”
เขาลงมือหลอมเม็ดยาอย่างระมัดระวัง ด้วยการที่มีสมุนไพรเซียนเพียงสามต้นเขาจึงไม่ทำพลาดได้ หลิงฮันใช้เวลาสามเดือนในการหลอมเม็ดยาเซียนชุดแรก
“ก็หลอมสำเร็จอยู่หรอก แต่คุณภาพของเม็ดยาไม่ได้ตามที่ข้าหวังเอาไว้” หลิงฮันส่ายหัว แต่การที่สามารถหลอมเม็ดยาเซียนสำเร็จเพียงแค่การทดลองหลอมครั้งแรก พรสวรรค์แห่งศาสตร์เม็ดยาของเขาจะเป็นต้องอันดับหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย
“ลองอีกครั้ง!”
ด้วยประสบการณ์ที่เคยหลอมสำเร็จมาแล้ว หลิงฮันย่อมมีความมั่นใจและเชี่ยวชาญมากขึ้น หลังจากผ่านไปอีกครึ่งปีเม็ดยาเซียนอีกสองชุดก็ถูกหลอมสำเร็จโดยมีคุณภาพสูงกว่าครั้งก่อน
“เวลาไม่พอจริงๆ” หลิงฮันกล่าวอย่างเศร้าโศก
ในตอนนี้เมื่อเขาเป็นเซียนเขาก็สามารถสลักรูปแบบอาคมสังหารระดับเซียนลงบนร่างกายได้แล้ว แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นเขามีเรื่องมากมายให้ทำอย่างเช่นขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะเซียนระดับต้น ศึกษาศาสตร์ปรุงยาและหลอมเม็ดยา เขาไม่มีเวลาให้ฝึกฝนรูปแบบอาคมเลยแม้แต่น้อย
โชคดีที่ยังมีต้นสังสารวัฏ ไม่เช่นนั้นภายในระยะเวลาหนึ่งแสนปีเขาคงไม่มีเวลาให้ศึกษาศาสตร์รูปแบบอาคม
“เรื่องศาสตร์รูปแบบอาคมเอาไว้หลังจากที่ข้าทะลวงผ่านเซียนระดับกลางแล้วกัน”
เขาและจักรพรรดินีเตรียมพร้อมขั้นสุดท้าย ทั้งสองแบ่งเม็ดยาเซียนกันคนละห้าเม็ดและออกมากลางห้วงอวกาศ
ทั้งสองแยกย้ายออกห่างกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของพวกเขาเข้ามาพัวพันกัน
หลิงฮันและจักรพรรดินีระเบิดออร่าทั้งหมดออกมา พร้อมกันนั้นเมฆสายฟ้าก็ก่อตัวรวมกัน บรรยากาศอันกดดันแพร่จะจายไปทั่วห้วงอวกาศ
ในตอนที่พวกเขาทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับต้น พวกเขาได้รับทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงเทียบเท่ากับเซียนระดับสูง ตอนนี้เมื่อทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับกลาง ทัณฑ์สวรรค์ที่พวกเขาได้รับจะรุนแรงเทียบเท่าราชาเซียนหรือไม่?
ตูม!
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของหลิงฮันกับจักรพรรดินีผ่าลงมาแทบจะพร้อมกัน คลื่นสายฟ้าสวรรค์ทั้งสองคลื่นที่ผ่าลงมาแปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์ ‘ครืนน’ ออร่าอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกมาคือออร่าของราชาเซียน!
ตอนที่ 1633 ลองหยดสายฟ้าสวรรค์
จักรพรรดิเรียกร่างแยกทั้งเก้าออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบข้าง นางจึงปลดปล่อยพลังแท้จริงทั้งหมดออกมาตั้งแต่คราแรก ต่อให้จะเป็นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับราชาเซียนนางก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น
หลิงฮันไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนจักรพรรดินีเนื่องจากเขาจำเป็นต้องขัดเกลากายหยาบไปพร้อมๆกัน ด้วยความต่างของพลังถึงสองขั้นทำให้เขาไม่กล้าสลายพลังป้องกันเหมือนคราวที่แล้วและเลือกที่จะดูดซับและชี้นำอำนาจสายฟ้าให้ไหลเข้ามาในร่างทีละน้อยแทน
ครั้งนี้หลิงฮันไม่กล้าขึ้นไปยังส่วนลึกของเมฆสายฟ้าเพื่อเอาหยดสายฟ้าสวรรค์ แม้พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จะเทียบได้กับราชาเซียนขั้นต้น แต่หากจะขึ้นไปยังส่วนลึกสุดของเมฆสายฟ้า ไม่เพียงแค่ต้องการมีต่อสู้ระดับราชาเซียนแต่ยังต้องต้านการโจมตีระดับราชาเซียนจำนวนมากจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ด้วย ซึ่งกายหยาบของเขาในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ
หลังจากทัณสายฟ้าสวรรค์จบลง หลิงฮันกับจักรพรรดินีก็หันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้ทั้งสองมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังทุกคนบนโลกบรรพกาลแล้ว ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองที่ผ่านกันอย่างสมบูรณ์ทำให้พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังต่อสู้ที่แท้จริงได้ไม่ว่าจะเป็นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือในดินแดนใต้พิภพ
“จะไปจัดการพวกนั้นให้จบๆเลยไหม?” จักรพรรดินีถาม
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ไม่ พวกเราลองผสานดินแดนทั้งสองก่อนดีกว่า หากโลกบรรพกาลถูกรวมกลับเป็นหนึ่งด้วยมือของพวกเราได้จริงๆ วาสนาที่ได้รับคงล้ำค่าเกินพรรณนา”
ในตอนที่เขาเปิดสวรรค์ สวรรค์และปฐพีได้มอบวาสนาให้เขาคือพลังต่อสู้พิเศษสามดาวในระดับทลายมิติ แต่โลกใบเล็กนั้นมีอยู่มากมายอัจฉริยะหลายคนสามารถเปิดสวรรค์ได้ แต่โลกบรรพกาลล่ะ?
มันคือวาสนาที่มีเพียงหนึ่งเดียว!
จักรพรรดินีพยักหน้า นางกับหลิงฮันคือคนที่มีความทะเยอทะยานต้องการบรรลุเป็นราชานิรันดร์ แน่นอนว่าในระดับพลังเดียวกันยิ่งมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งก็ยิ่งดี
ทั้งสองกลับเข้าหอคอยทมิฬ จักรพรรดินีทำการขัดเกลารากฐานพลังให้มั่นคง ส่วนหลิงฮันได้คิดจะทำให้พลังต่อสู้ของตนเองยกระดับสูงขึ้นไปอีก
ความเข้าใจในศาสตร์รูปแบบอาคมของหลิงฮันมีเพียงพอแล้ว เขาเคยแก้รูปแบบอาคมมานับพันทำให้พื้นฐานของเขามั่นคง และเมื่อได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเซียงหมิงซินบ่อยๆ ความเข้าใจในศาสตร์รูปแบบอาคมของเขาในตอนนี้จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียงหมิงซิน
เขาตั้งสมาธิศึกษารูปแบบอาคมเซียนใต้ต้นสังสารวัฏ สามปีในโลกภายนอกผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ใต้ต้นสังสารวัฏผ่านไปถึงหนึ่งแสนปี!
หลิงฮันลืมตาตื่น ความเชี่ยวชาญในศาสตร์รูปแบบอาคมของเขาในตอนนี้ก้าวเข้าสู่ระดับเซียนอย่างสมบูรณ์แล้ว!
เพียงแต่ว่าเซียนหมิงซินนั้นเป็นเพียงเซียนระดับต้น ประสบการณ์ที่หลิงฮันเรียนรู้มาจากอีกฝ่ายจึงเป็นแค่ของรูปแบบอาคมเซียนระดับต้น
สำหรับหลิงฮันในตอนนี้ รูปแบบอาคมเซียนระดับต้นจะยังมีประโยชน์อยู่?
แน่นอนว่าไม่!
เพียงแต่ว่าตัวเขานั้นครอบครองรูปแบบอาคมนิรันดร์อยู่
แต่ด้วยกายหยาบของเขาในตอนนี้คงไม่สามารถทนต่ออำนาจของรูปแบบอามมนิรันดร์ได้ หรือต่อให้ทนได้เขาก็ไม่สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้อยู่ดี
เพียงแต่ว่าในแสนปีที่เข้าใช้เวลาศึกษาใต้ต้นสังสารวัฏ เขาได้ใช้รูปแบบอาคมนิรันดร์เป็นต้นแบบและแยกย่อยบางส่วนของรูปบบอาคมออกมา แม้อำนาจของรูปแบบอาคมที่ได้จะลดลงแต่มันก็ยังทรงพลังเทียบได้กับอำนาจของเซียนระดับสูงขั้นสูงสุด!
หลิงฮันควบแน่นเพลิงเก้าสวรรค์เป็นใบมีดและสลักอักขระของรูปแบบอาคมลงบนกระดูก
หากเขาไม่พึ่งพารูปแบบอาคม พลังต่อสู้ของเขาจะสามารถทัดเทียมได้กับราชาเซียนขั้นต้น แต่หากใช้งานรูปแบบอาคมในร่าง ต่อให้ศัตรูเป็นราชาเซียนสูงสุดเขาก็ไม่หวั่นเกรง
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม การเก็บตัวบ่มเพาะพลังสี่ปีที่ผ่านมาช่างคุ้มค่าอย่างยิ่ง!
หลังจากบรรลุระดับเซียนแล้ว ในโลกบรรพกาลก็ไม่มีเม็ดยาที่จะช่วยให้เขาบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วอีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะการทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งด้วยพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์สูงสุดจะช่วยให้บรรลุเป็นเซียนระดับต้นสูงสุดได้ง่ายดายกว่าปกติล่ะก็ เกรงว่าพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ก็คงยังค้างคาอยู่ที่เซียนระดับต้นขั้นต้น
ยกตัวอย่างเช่นสตรีนกอมตะ ตอนนี้นางก็ยังขะมักเขม้นบ่มเพาะพลังอยู่ในระดับพลังของเซียนระดับต้นโดยไม่สามารถยกระดับพลังได้อย่างรวดเร็วเหมือนเคย
หากจะพูดถึงว่ามีอะไรที่ทำให้พลังบ่มเพาะของเซียนยกระดับอย่างรวดเร็วได้คงจะมีเพียงสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติเช่นนี้จะพบเจอง่ายๆได้อย่างไร?
หลิงฮันตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาอยากบ่มเพาะพลังให้บรรลุระดับราชาเซียนในโลกบรรพกาลเพื่อที่เขาจะได้เข้าไปในเมฆสายฟ้าและเก็บเกี่ยวหยดสายฟ้าสวรรค์ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนให้เร็วที่สุด เขามั่นใจว่าที่นั่นต้องมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำอยู่มากมายแน่นอน
“อืม…”
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่นานสองนานก่อนจะตัดสินใจได้ “เอาไว้เมื่อข้ารับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ตอนทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับสูงข้าค่อยลองขึ้นไปยังส่วนลึกของเมฆสายฟ้าดู ข้าเชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นด้วยพลังของข้าย่อมมีความหวังที่จะทำสำเร็จ”
“เอาล่ะ ไหนลองดูหน่อยว่าหยดสายฟ้าสวรรค์จะมอบผลประโยชน์อะไรให้ข้า”
หลิงฮันลองจิบหยดสายฟ้าสวรรค์เล็กน้อย ทันใดนั้นเองคลื่นสายฟ้าก็ไหลผ่านเข้าไปทั่วร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง กระดูกในร่างเริ่มต้านทานอำนาจสายฟ้าไม่ไหวและเริ่มสึกกร่อน
รุนแรงอะไรอย่างนี้ ต้องรู้ก่อนว่าตัวเขาในตอนนี้คือเซียนระดับกลาง กระดูกภายในร่างมีวความทนทานเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบ ไม่น่าเชื่อว่าอำนาจสายฟ้าจะทำให้กระดูกของเขาเริ่มสึกกร่อนได้
“นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าหากข้ายังคิดจะไปส่วนลึกของเมฆสายฟ้าด้วยระดับพลังเท่านี้ คงไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย” หลิงฮันพึมพำกับตัวเอง “ที่หอคอน้อยบอกว่าห้ามให้คนอื่นใช้หยดสายฟ้าสวรรค์นั้นมีเหตุผล ในระดับพลังที่ต่ำกว่าระดับนิรันดร์คงมีแค่ข้าคนเดียวที่ต้านทานอำนาจของมันได้”
แม้แต่จักรพรรดินีก็ไม่ไหว!
แม้นางจะสามารถแบ่งความเสียหายที่นางได้รับให้กับร่างแยก แต่หากดื่มหยดสายฟ้าสวรรค์เข้าไปโดยตรง ร่างแยกก็ช่วยอะไรไม่ได้
หลิงฮันกัดฟันและโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เต็มพลัง
กระดูกภายในร่างเริ่มฟื้นสภาพอย่างช้าๆจนในที่สุดอำนาจอันรุนแรงของสายฟ้าก็ไม่สามารถคุกคามเขาได้
เพียงแต่สภาพเช่นนี้คงอยู่ได้ไม่นาน
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปหลิงฮันก็ต้องร้องเสียงโอดครวญ กระดูกที่ฟื้นฟูสภาพกลับมาเริ่มสึกกร่อนอีกครั้ง ผิวหนังของเขาปริแตกและมีโลหิตไหลออกมาไม่หยุด
บ้าไปแล้ว เพียงแค่ลองจิบเล็กน้อยเหตุใดอำนาจของมันถึงได้ทรงพลังขนาดนี้?
หอคอยน้อยบัดซบนั่น ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับข้าก่อน?
“เจ้าหอคอยปากเสีย ในอนาคตหากข้าไม่โยนเจ้าลงหลุมข้าจะขอเปลี่ยนแซ่เป็นของเจ้า!” หลิงฮันคำราม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น