Alchemy Emperor of the Divine Dao 1585-1598
ตอนที่ 1585
“ในเมื่อเจ้าลงมือสังหารผู้อื่นไปแล้วก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก นำตัวเขาไป!” จ้าวอสูรระดับดำที่ไม่คุ้นหน้ากล่าว เขาคือคนของตระกูลโก้วที่อยู่ฝ่ายไม่เปิดรับคนนอก
“ช้าก่อน!” ทันใดนั้นเอง ร่างของกู่เฟิงก็ทะยานเข้ามาอย่างไม่คาดฝันและหยุดยืนด้านหน้าหลิงฮันต่อต้านเหล่าจ้าวอสูรระดับดำ “ผู้ฝึกสอนทั้งหลาย เรื่องนี้จำเป็นต้องมีการไต่สวนกันก่อน ถึงแม้หลิงฮันจะทำเกินไปแต่เป็นสามคนนั้นเองที่ทำตัวยั่วยุไร้ยางอาย”
ทุกคนตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนยื่นมือช่วยเหลือหลิงฮันในสถานการณ์แบบนี้จริงๆ
จ้าวอสูรสวรรค์เบื้องบนกำลังขัดแย้งกันอยู่ในเรื่องนี้ การที่เจ้าเข้ามาแทรกแซงเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
“ฮึ่ม คนที่บังคับใช้กฎคือข้า เจ้าถอยออกไป!” จ้าวอสูรตระกูลโก้วกล่าวพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อคลุมด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
แต่อีกฝ่ายก็เป็นจ้าวอสูรเหมือนกัน ต่อให้จะอ่อนแอกว่าเขาแต่ก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายบ้าง
กู่เฟิงยังคงยึดมั่น เขากล่าว “หลิงฮันต้องได้รับโทษอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ถึงอย่างนั้นโทษที่เขาได้รับก็ไม่สมควรเป็นความตาย ขอให้ผู้ฝึกสอนทั้งหลายโปรดเมตตา!”
ทุกคนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก นี่เจ้ามีความสัมพันธ์กับหลิงฮันแบบใดกันแน่ เหตุใดในสถานการณ์เช่นนี้ถึงต้องปกป้องเขาขนาดนั้น?
แม้แต่หลิงฮันก็ยังไม่เข้าใจ หากกู่เฟิงเป็นจักรพรรดิพิรุณ เฟิงโปหยุน จักรพรรดินีหรือฮูหนิวเขาก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะคนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นพี่น้องและคนรักของเขา
แต่กู่เฟิงล่ะเป็นใคร? สิ่งที่เขารู้คือชื่อของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
“ไสหัวไป ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกลงโทษด้วย!” จ้าวอสูรตระกูลโก้วกล่าวอย่างเย็นชา แต่เดิมเขาคือคนของฝ่ายไม่เปิดรับคนนอกอยู่แล้ว เขาไม่ยอมรับทุกคนที่ไม่ใช่คนของดินแดนต้องห้าม ในเมื่อเขายอมไว้หน้ากู่เฟิงแล้วครั้งหนึ่งเมื่อครู่ หากอีกฝ่ายยังดื้อรั้นอยู่ก็คงต้องใช้กำลัง
คิดรึว่าเขาจะไม่กล้าลงมือ?
กู่เฟิงแสดงท่าทีไม่ยินยอมและกำหมัดแน่น ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขากำลังยอมตัดใจแล้วจู่ๆกู่เฟิงก็ส่ายหน้าหนักแน่นและกล่าว “ข้าไม่ไป!”
ช่างใจกล้านัก!
เจ้ากำลังพยายามทำอะไรกันแน่? ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหลิงฮันเจ้าก็ไม่มีแต่ก็ยังดันทุรังเอาชีวิตตัวเองเข้ามาเสี่ยง
“ฮึ่ม งั้นข้าจะจัดการเจ้าไปพร้อมกัน!” จ้าวอสูรตระกูลโก้วกล่าวเย็นชา
“กู่เฟิง!” หลิงฮันส่งเสียงกล่าวกับอีกฝ่ายผ่านสัมผัสสวรรค์ “เดี๋ยวข้าจะใช้สัมผัสสวรรค์โอบล้อมตัวเจ้าเอาไว้ เจ้าอย่าได้ต่อต้าน”
แววตาของกู่เฟิงส่องประกายประหลาด เขาลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้า
หลิงฮันก้าวขึ้นหน้าและหัวเราะ “วันนี้พอกันแค่นี้แล้วกัน ช่วยนำข้อความของข้าไปบอกเฒ่าตระกูลถังด้วยว่าหากอยากพบข้าก็ให้เขามาหาด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นในชีวิตนี้อย่าได้หวังว่าจะหาข้าเจอ!”
“คิดจะหลบหนี?” จ้าวอสูรตระกูลโก้วลงมือ เขาเอื้อมมือออกไปคว้าจับหลิงฮัน แต่ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามือที่เอื้อมออกไปนั้นสัมผัสโดนเพียงความว่างเปล่าโดยที่หลิงฮันหายตัวไปแล้ว
ร่างของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับเป็นอากาศ
ไม่ใช่แค่หลิงฮัน กู่เฟิงเองก็หายไปด้วย!
จ้าวอสูรทุกคนชะงักแข็งค้าง มนุษย์เราจะหายไปได้อย่างไร?
“ไม่มีร่องรอยมิติถูกฉีกขาด เขาไม่ได้ใช้ยันต์อาคมเคลื่อนย้ายมิติ”
“อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์!”
เหล่าจ้าวอสูรได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว พวกเขาจำนวนหนึ่งแสยะยิ้ม คิดรึว่าจะซ่อนตัวจากพวกเขาด้วยอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ได้?
เหล่าจ้าวอสูรปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ตามหาอุปกรณ์มิติ แต่ทว่ายิ่งค้นหาใบหน้าของพวกเขาก็ยิ่งกลายเป็นบูดบึ้ง
ไม่พบ… ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่มี
เป็นไปได้อย่างไร!
จ้าวอสูรหลายคนมองหน้ากันและพบเห็นความตกตะลึงในสายตาของแต่ละคน
“ที่เขาหายตัวไปเป็นเพราะอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่!”
“แต่ต้องเป็นสมบัติแบบใดกันถึงจะสามารถลบตัวตนได้โดยไม่เหลือร่องลอย?”
“หรือว่า!”
พวกจ้าวอสูรสูดหายใจลึก “อุปกรณ์นิรันดร์!”
อุปกรณ์นิรันดร์… สิ่งที่แม้แต่ราชานิรันดร์ทั่วไปก็ยังไม่สามารถครอบครอง
“ในอดีตที่เกิดมหาโศกนาฏกรรม มีราชานิรันดร์จำนวนหนึ่งตกตาย แม้กระทั่งราชานิรันดร์ระดับเจ็ดหรือแปดก็เช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าเจ้าหนูนั่นจะได้รับอุปกรณ์นิรันดร์เนื่องมาจากเหตุการณ์นั้น”
“ใช่แล้ว ที่เขาสามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้ก็ต้องเป็นเพราะทักษะบ่มเพาะของราชานิรันดร์เป็นแน่!”
“ต้องหาเขาให้เจอ!”
จ้าวอสูรหลายคนดวงตาแดงฉาน ต่อหน้าทักษะระดับราชานิรันดร์และอุปกรณ์นิรันดร์ พวกเขาไม่สามารถควบคุมความโลภได้อีกต่อไป
เพียงแต่ว่ามีรึที่พวกเขาจะหาหอคอยทมิฬพบ?
ช่างเพ้อฝัน!
หลังจากตามหาอยู่หลายวันพวกเขาก็ต้องยอมแพ้และรายงานเบื้องบนให้ส่งจ้าวอสูรที่แข็งแกร่งมา เพียงแต่ว่าต่อให้จ้าวอสูรปฐพีหรือจ้าวอสูรสวรรค์มาที่นี่พวกเขาจะทำอะไรได้? พวกเขาเพียงแค่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนใต้พิภพ ไม่มีทางเลยที่จะตรวจพบอำนาจของนิรันดร์
Anchor
โอวหยางไท่ซานเองก็มาด้วย ดวงตาของเขาเย็นชาเป็นอย่างมาก รอบกายเขาปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังออกมา “ที่แท้เหตุผลที่พวกเจ้านำข้าไปยังดาวเยว่หลางนั้นไม่ใช่เพราะมีคนติดอยู่ในเขตแดนลี้ลับของดาวดวงนั้น แต่เพื่อล่อข้าออกไปและหาโอกาสลงมือกับหลิงฮัน!”
จ้าวอสูรสวรรค์หลายคนมองหน้ากันก่อนที่จ้าวอสูรสวรรค์คนหนึ่งจะก้าวเดินออกมาและกล่าว “เหอๆ เรื่องที่เกิดไปแล้วจะพูดออกมาให้ได้อะไร? เรื่องสำคัญตอนนี้คือพวกเราต้องล่อเจ้าหนูนั่นออกมาให้ได้ พวกเราจะสามารถกลับเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้หรือไม่นั้นทุกอย่างล้วนอยู่ที่เขา”
โอวหยางไท่ซานเกี้ยวกราดแต่ก็เถียงไม่ออก เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูด เขายังต้องการให้หลิงฮันช่วยผสานดินแดนทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียว
“พูดกันตามตรง ข้าว่าเจ้าหนูนั่นไม่เหมาะสมที่จะครอบครองมรดกของราชานิรันดร์ซึ่งมาจากดินแดนแห่งเซียนของพวกเรา! เพียงแต่ในเมื่อสมบัติของราชานิรันดร์ตกไปอยู่ในมือของเขาก่อน พวกเราจะยอมให้เขาบ่มเพาะทักษะระดับราชานิรันดร์ต่อไป แต่สำหรับอุปกรณ์นิรันดร์นั้นเขาต้องมอบให้พวกเรา!” จ้าวอสูรสวรรค์อีกคนกล่าว
ช่างไร้สาระอะไรเยี่ยงนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการแย่งชิงของจากหลิงฮันแต่ก็ยังแสร้งทำเหมือนกับว่าตนเองใจกว้าง
โอวหยางไท่ซานคร้านจะต่อล้อต่อเถียง เขาตัดสินใจว่าทันทีที่หลิงฮันปรากฏตัวเขาจะพาอีกฝ่ายหลบหนีไปทันที เขาเป็นคนพาหลิงฮันมาที่นี่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นคนรับผิดชอบ
จ้าวอสูรสวรรค์หลายคนมองหน้ากันและพยักหน้า พวกเขาคนหนึ่งขยับตัวไปคุมโอวหยางไท่ซานเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายแทรกแซง
พวกเขาเป็นจ้าวอสูรสวรรค์เหมือนกันและบ่มเพาะพลังบรรลุขั้นสูงสุดเท่ากันจึงมีความสามารถพอที่จะรั้งโอวหยางไท่ซานเอาไว้
“ไปเรียกเฒ่ากุ่ยผู้นำตระกูลถังมา ถึงแม้เจ้าหนูนั่นอาจจะแค่พูดลอยๆ แต่พวกเราก็ต้องลองดู!”
ตอนที่ 1586
ด้านในหอคอยทมิฬ
กู่เฟิงตกอยู่ในความตะลึง อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเช่นนี้ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
เขาแหงนมองและพบกับคลื่นพลังสีดำและขาวกำลังพัวพันกันอยู่บนท้องฟ้า คลื่นพลังเหล่านั้นคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดน
“มาสิ ข้าจะพาเจ้าไปดูที่ต่างๆ” หลิงฮันยิ้ม เขาพากู่เฟิงไปดูสวนสมุนไพรต่างๆ ภายในนี้ระยะเวลาปลูกสมุนไพรหนึ่งปีจะเท่ากับพันปี
กู่เฟิงแน่นิ่งไร้คำพูดและเดินตามหลิงฮันไปด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ใครที่เข้ามาในหอคอยทมิฬก็ต้องตกตะลึงจนอยู่ในสภาพนี้เป็นเรื่องธรรมดา
และสุดท้ายหลิงฮันก็ได้พากู่เฟิงมายังต้นสังสารวัฏที่จักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะกำลังบ่มเพาะพลังอยู่ ตอนนี้อำนาจของต้นสังสารวัฏได้ถูกยกระดับขึ้นแล้ว หนึ่งวันใต้ต้นสังสารวัฏจะเท่ากับสิบปีและจำนวนของคนที่ร่วมบ่มเพาะได้ก็เพิ่มจากสิบคนเป็นยี่สิบคน เพราะงั้นสตรีนกอมตะจึงไม่ต้องขอแบ่งพื้นที่จากจักรพรรดินีทั้งสิบ
“นี่คือต้นสังสารวัฏ” หลิงฮันกล่าว “หากบ่มบ่มพลังใต้ต้นไม้ต้นนี้ การไหลของเวลาหนึ่งวันจะเท่ากับสิบปี”
ปากของกู่เฟิงกระตุก “ถึงว่าทำไมเจ้าที่อายุน้อยกว่าห้าร้อยปีถึงมีพลังบ่มเพาะเกือบจะเข้าใกล้ระดับสร้างสรรพสิ่งเร็วขนาดนี้!”
หลิงฮันยิ้ม ต้นสังสารวัฏก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ที่เขาบรรลุพลังในทุกวันนี้ได้เป็นเพราะที่ผ่านๆมาเขาพบเจอกับภัยอันตรายมานับไม่ถ้วนและพบเจอวาสนาจากเขตแดนลี้ลับมากมาย
แต่ในเมื่อกู่เฟิงจคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะต้นสังสารวัฏก็แล้วแต่
“หลิงฮัน เจ้าเชื่อใจข้ามากถึงขนาดยอมให้ข้าเห็นสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้?” กู่เฟิงเผยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ
“คนที่อุตส่าห์ออกหน้าแทนข้าในสถานการณ์เช่นนั้น ทำไมข้าจะไม่เชื่อใจ? แล้วก็…”
ตูม!
หลิงฮันยังไม่ทันกล่าวจบ จู่ๆกู่เฟิงก็ลงมือจู่โจมอย่างรุนแรงแบบไม่คาดคิด หมัดของอีกฝ่ายกวัดแกว่งเข้าใส่หน้าอกของเขา
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
กู่เฟิงโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก เขากระหน่ำโจมตีต่อเนื่องไม่หยุด เขาคือจ้าวอสูร ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้หรืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ล้วนแต่สามารถบดขยี้หลิงฮันได้อย่างไม่ยากเย็น นอกเสียจากว่าหลิงฮันจะโคจรอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ซึ่งจะทำให้สามารถรับการโจมตีของจ้าวอสูรได้สิบครั้ง
พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มสูงขึ้น ย่อมไม่แปลกที่จะสามารถรับการโจมตีของจ้าวอสูรได้มากขึ้น
หลิงฮันยืนนิ่งไม่หลบหลีกและปล่อยให้กู่เฟิงลงมือโจมตีใส่เขาตามใจชอบ
หลังจากจู่โจมไปได้ร้อยกว่าหมัด กู่เฟิงก็ชะงักและเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด หมอนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ไหนจะสามารถต้านทานการโจมตีของระดับสร้างสรรพสิ่งได้มากขนาดนี้? ประเด็นคือเขายังไม่เห็นหลิงฮันโคจรปราณก่อเกิดเลยด้วยซ้ำ
หลิงฮันส่ายหัวและยิ้ม “เจ้าช่างใจร้อนจริงๆ รอให้ข้าพูดจบก่อนค่อยลงมือก็ได้! เหอๆ ขอบอกก่อนว่าภายในนี้ข้าคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด หากมีใครคิดทำอะไรไม่ซื่อข้าสามารถกำจัดทิ้งได้อย่างง่ายดาย!”
“ฮึ่ม!” หอคอยน้อยปรากฏตัวด้วยท่าทางไม่พอใจ
หลิงฮันถอนหายใจ “ขอให้ข้าโอ้อวดสักครั้งไม่ได้รึไง? รู้แล้วๆ คนที่มีอำนาจสูงสุดในหอคอยทมิฬคือเจ้า ข้าแค่ควบคุมหอคอยทมิฬผ่านเจ้าเท่านั้น”
กู่เฟิงตกตะลึงจนใบหน้าเปลี่ยนสี “วิญญาณศาสตรา! เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ที่มีดวงวิญญาณ เหตุใดถึงได้ยอมรับมดปลวกตนนี้กัน?”
อุปกรณ์นิรันดร์ที่มีอำนาจสูงส่งถึงขนาดสามารถสังหารราชานิรันดร์ระดับล่างได้กลับยอมรับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ให้เป็นนาย จะให้เขาทำใจเชื่อได้งั้นรึ?
“ความรู้ของเจ้ากว้างขวางใช้ได้!” หอคอยน้อยกล่าวเย็นชาด้วยท่าทางอวดดี
กู่เฟิงสูดหายใจลึกและกล่าว “วิญญาณศาสตรา ขอให้เจ้ายอมรับข้าเป็นนายคนใหม่! ตัวข้ามีดีกว่าหมอนั่นหลายร้อย หลายพันเท่า ข้าสามารถทำให้เจ้าหวนคืนสู่จุดสูงสุดได้แน่นอน!”
“คนโง่เขลา!” หอคอยน้อยสั่นไหวเล็กน้อย “ข้าคร้านจะสนใจเจ้าแล้ว”
หอคอยน้อยส่ายไปมาก่อนจะหายไป
กู่เฟิงคิดจะไล่ตามแต่ก็ไม่รู้ว่าตามไปอย่างไร
หลิงฮันยิ้ม “นี่คือธาตุแท้ของเจ้า?”
ณ เวลานี้จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะได้หยุดบ่มเพาะพลังและเดินมายืนเคียงข้างหลิงฮัน พวกนางมองไปยังกู่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา
“ธาตุแท้? เจ้าหมายถึงอะไร!” กู่เฟิงทำเป็นสงบนิ่ง
หลิงฮันไม่รีบร้อน เขามีเวลาเหลือเฟืออยู่แล้ว “ข้ากับเจ้านั้นเรียกว่าเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกันเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้าก็ยังออกหน้าแทนข้า… ข้าเชื่อว่าคนที่มีคุณธรรมเช่นนั้นมีอยู่จริงในโลกแต่ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเป็นคนแบบที่ว่า”
“ทำไมกัน?” กู่เฟิงกล่าวเสียงแข็ง
“เพราะในครั้งแรกที่เราพบกัน เจ้ามองข้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร” หลิงฮันกล่าว
“เพียงเพราะเหตุผลนี้?”
“แน่นอนว่านั่นก็ส่วนหนึ่ง” หลิงฮันกล่าว “เพราะงั้นข้าถึงได้ยอมให้เจ้าเข้ามาในหอคอยทมิฬ หากเจ้าเป็นคนดีที่ยอมออกหน้าเพื่อคนแปลกหน้าจริงข้าก็จะให้เจ้าได้รับผลประโยชน์จากหอคอยทมิฬด้วย”
“แต่หากในกรณีที่เจ้าไม่ได้เป็นคนดี ข้าก็ยังเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของที่นี่”
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมของหอคอยน้อยดังขึ้นมา
กู่เฟิงไม่กล่าวอะไร สายตาของเขาจดจ้องไปยังสตรีนกอมตะและจักรพรรดินี
“อย่าคิดจะจับพวกนางเป็นตัวประกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่สามารถทำได้” หลิงฮันส่ายหัว “อันที่จริงตัวตนของเจ้านั้นเดาไม่ยากเลย”
“งั้นก็ลองพูดมา” กู่เฟิงกล่าวเสียงเบา
“เจ้าใช้แซ่กู่แทนฮู และเฟิง(风)แทนเฟิง(枫)” หลิงฮันยิ้ม “ฮูเฟิง ข้าปราบปลื้มจริงๆที่เจ้าตามข้ามาถึงในดินแดนใต้พิภพแห่งนี้และหาข้าพบในที่สุด แถมยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเองเพื่อเข้าร่วมหุบเขาวารีครามด้วย!”
ร่างของกู่เฟิงสั่นไหวและปลดปล่อยแสงสลัวออกมาเบาๆ พริบตาเดียวรูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
รูปลักษณ์ของเขากลับไปเป็นฮูเฟิง สุดยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนต้องห้ามแปดศิลา!
หลิงฮันปรบมือและกล่าว “ข้าขอชื่นชมที่เจ้าฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพได้รวดเร็วเพียงนี้”
ฮูเฟิงเค้นเสียงฮึดฮัด เพื่อที่จะแย่งชิงสมบัติมาจากหลิงฮันเขาลงทุนเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเองและดึงดูดความสนใจของพันธมิตรทลายสวรรค์เพื่อเข้ามาในหุบเขาวารีคราม ในตอนแรกแผนของเขาคือหาโอกาสลอบสังหารหลิงฮันและชิงสมบัติมา แต่ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะก่อปัญหาเช่นนั้นขึ้นเขาจึงต้องเดิมพันเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสเพื่อซื้อความเชื่อใจหลิงฮัน
เขารู้ว่าหลิงฮันมีอุปกรณ์นิรันดร์ที่สามารถหลบซ่อนตัวได้อย่างไร้ร่องรอย อย่างน้อยเซียนเช่นเขาก็ไม่อาจหาเจอ
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างหลิงฮันไร้คุณธรรมและไม่พาเขาหลบหนีไปด้วยเขาก็จะเปิดเผยสถานะแท้จริงของตัวเองออกมา ตระกูลฮูเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของพันธมิตรทลายสวรรค์ ต่อให้การกระทำของเขาจะสร้างปัญหาใหญ่ยังไงก็ไม่ถึงขั้นถูกลงโทษจนถึงชีวิต
ตอนที่ 1587
ที่ฮูเฟิงยอมเสี่ยงขนาดนี้เขามีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือเพื่อให้ได้ครอบครองทักษะระดับราชานิรันดร์และอุปกรณ์นิรันดร์
ไม่เช่นนั้นหากพันธมิตรดินแดนต้องห้ามของดินแดนใต้พิภพได้สมบัติไป พันธมิตรของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะได้ส่วนแบ่งอะไร?
ในเมื่อทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ให้เป็นหนึ่งและช่วยให้เข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้ พันธมิตรทลายสวรรค์จะยังมีความหมายอีกต่อไป? และความร่วมมือกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะยังจำเป็นอยู่?
พวกเขาจะช่วยผสานดินแดนทั้งสองให้เป็นหนึ่งเพื่อทุกคน? ไร้สาระ! ในเมื่อสามารถเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้เองแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น
พรึบ!
ร่างของฮูเฟิงพุ่งทะยาน เป้าหมายของเขาคือสตรีนกอมตะและจักรพรรดินี ในเมื่อหลิงฮันได้รับการคุ้มกันจากวิญญาณศาสตรา เขาก็ต้องใช้ประโยชน์จากสตรีทั้งสองนี้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
“บอกไปแล้วไม่ใช่รึว่าข้าคือผู้มีอำนาจสูงสุดของที่นี่” หลิงฮันสะบัดฝ่ามือ ‘ตูม’ ร่างของฮูเฟิงถูกผลักลอยกระเด็นราวกับว่าวเชือกขาด
อัก!
ฮูเฟิงกระอักโลหิต ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตะลึง… นี่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮันงั้นรึ!
เซียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ ใครจะทำใช้เชื่อลง?
“อย่าได้คิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง หากมีพลังต่ำกว่าราชานิรันดร์ ใครก็ตามที่เข้ามาในหอคอยทมิฬย่อมต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
ฮูเฟิงฝืนลุกขึ้นยืน หลิงฮันไม่ได้คิดจะสังหารเขาทันทีเพราะหากอีกฝ่ายต้องการเขาคงจบชีวิตด้วยฝ่ามือเมื่อครู่แล้ว เขารู้สึกอิจฉาและไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ที่หลิงฮันมีอำนาจขนาดนั้นได้เพียงเพราะแค่ครอบครองอุปกรณ์นิรันดร์!
“ไม่ สมบัตินี้จะต้องเป็นของข้า! ข้าคือฮูเฟิงผู้มีพรสวรรค์ท้าทายสวรรค์และสักวันจะกลายเป็นใหญ่ในดินแดนแห่งเซียน วิญญาณศาสตราจงฟังข้า หากเจ้าติดตามข้า ข้าจะนำพาเจ้าหวนคืนสู่จุดสูงสุด!” ฮูเฟิงตะโกนใส่ท้องฟ้า
เขารู้แล้วว่าในที่นี้ตัวเขาไม่สามารถขัดขืนหลิงฮันได้ เพราะงั้นความหวังสุดท้ายคือต้องทำให้วิญญาณศาสตรามาเป็นพวก
หอคอยน้อยปรากฏตัวและหันไปทางหลิงฮัน “ที่เขาพูดก็เป็นความจริงอยู่บ้าง เจ้าหนู รีบๆอ้อนวอนให้ข้ายอมอยู่กับเจ้าต่อสิ”
หลิงฮันยิ้ม เขารู้ว่าหอคอยอวดดีตนนี้แค่ล้อเล่นเท่านั้น
ฮูเฟิงราวกับพบความหวังที่จะรอดชีวิต “วิญญาณศาสตรา ข้าขอสัญญาว่าตราบใดที่เจ้าติดตามข้า ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างเท่าเทียมและไม่ออกคำสั่งกับเจ้า!”
หอคอยน้อยเค้นเสียงดูถูก อย่างกับว่าในตอนนี้หลิงฮันสามารถสั่งการมันได้อย่างนั้นล่ะ
หลิงฮันปรบมือ “ฮูเฟิง เลิกดิ้นรนและยอมรับชะตากรรมของเจ้าเสียเถอะ”
“ฮึ่ม คนที่พึ่งพาอำนาจของอุปกรณ์นิรันดร์เช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้า เจ้ากล้าใช้เพียงพลังของเจ้ามาสู้กับข้ารึเปล่า?” ฮูเฟิงกล่าวอย่างดิ้นรน หากไม่ใช่วิธีนี้เขาก็ไม่มีโอกาสเอาชีวิตรอด
“เจ้าต่างหากที่มีพลังระดับสร้างสรรค์พสิ่งแต่คิดจะเอาเปรียบสามีของข้า ช่างไร้ยางอายนัก!” สตรีนกอมตะสบถ
ฮูเฟิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพื่อเอาชีวิตรอดเขาไม่สนใจทั้งนั้นว่าตัวเองจะไร้ยางอายแค่ไหน
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ฮูเฟิง ก่อนหน้านี้ในตอนที่เจ้าไล่ตามข้าทำไมเจ้าไม่ลดระดับพลังของตัวเองมาสู้กับข้าล่ะ? จริงสิ ในสายตาเจ้าข้าคงเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องแยแส ตอนนี้ก็เหมือนกัน ในสายตาข้าเจ้ามีค่าเทียบเท่ามดปลวกไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ข้าเสียเวลาพล่ามไร้สาระกับเจ้ามานานแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าอุตส่าห์รนหาที่ตายมาถึงในดินแดนใต้พิภพ ข้าจะส่งเจ้าไปยังเส้นทางที่เจ้าเลือกให้เอง!”
“ไม่!” ฮูเฟิงคำรามด้วยความไม่ยินยอม
‘ครืนน’ เขาเผลาผลาญแก่นพลังชีวิตของตนเองและดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย
จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งที่เผาผลาญพลังชีวิตนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ในหอคอยทมิฬนี้หลิงฮันคือผู้แข็งแกร่งที่สุด
หลิงฮันชี้นิ้ว ‘พรึบ’ คลื่นพลังอันไร้ที่สิ้นสุดตกกระทบลงมาใส่ร่างฮูเฟิงจนล้มไปนอนกับพื้น แขนขาทั้งสี่ของเขากางออกโดยไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
“ข้าไม่ยอมรับ! ไม่มีทาง!” ฮูเฟิงถลึงตาเหี้ยมโหดและไม่ร้องขอความเมตตา เขารู้สึกโกรธแค้นตัวเองเป็นอย่างมากที่ทำไมไม่รีบสังหารหลิงฮันตั้งแต่เนิ่นๆ
“เจ้าแค่นำไปก่อน อีกไม่นานเมื่อข้ากลับไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาก็จะตามเจ้าไป!” หลิงฮันเค้นเสียงและกดฝ่ามือลง ‘ครืนน’ ร่างของฮูเฟิงสั่นสะท้านก่อนจะแหลกสลายเป็นเศษฝุ่นในพริบตา
หลิงฮันสะบัดมือเก็บความทรงจำของฮูเฟิงเอาไว้และตรวจสอบอุปกรณ์มิติของอีกฝ่าย
ฮูเฟิงสามารถสร้างอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ได้ก็จริงแต่พื้นที่นั้นมีจำกัด เพราะงั้นต่อให้เขาเป็นจ้าวอสูรเขาก็ยังพกพาเพียงอุปกรณ์มิติทั่วไป
หลังจากดูความทรงจำของฮูเฟิง หลิงฮันก็เข้าใจว่าทำไมฮูเฟิงถึงหาเขาพบ เมื่อสังหารคนของตระกูลฮูจะมีสิ่งที่เรียกว่าบ่วงอาฆาตเกิดขึ้น การจะขจัดบ่วงอาฆาตที่ว่าทิ้งจำเป็นต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สามครั้ง
เพียงแต่ว่าในส่วนที่เป็นความลับของตระกูล ความทรงจำของฮูเฟิงถูกผนึกเอาไว้ทำให้ไม่สามารถอ่านได้
“ไม่ใช่ปัญหา อย่างน้อยข้าก็รู้แล้วว่าดินแดนต้องห้ามแปดศิลาอยู่ไหน อีกไม่นานข้าจะไปอาละวาดที่นั่น!” หลิงฮันพึมพำ
“เอาล่ะ ตอนนี้เหลือแค่รอให้เฒ่าตระกูลถังมาถึง”
หลิงฮันแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “หอคอยน้อย วาสนาศักดิ์สิทธิ์สามครั้งจะทำให้ข้ามีพลังต่อสู้เท่าใด ข้าจะสามารถกำราบจ้าวอสูรสวรรค์และราชาเซียนได้ทุกคนเลยรึไม่?”
หอคอยน้อยปรากฏตัว “พลังบ่มเพาะของเจ้าจะยกระดับเป็นระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ส่วนในด้านของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เจ้าก็จะเหนือกว่าจ้าวอสูรสวรรค์และราชาเซียนทุกคนหนึ่งขั้น”
“หมายความว่าในการปะทะตัวต่อตัวข้าจะเอาชนะศัตรูได้แน่นอน?” หลิงฮันถาม
“ถูกต้อง”
“แล้วถ้าเป็นหนึ่งต่อร้อยหรือมากกว่านั้นล่ะ?”
“ในสถานการณ์เช่นนั้นเจ้าคงต้องเผ่นหนีอย่างสุดชีวิต” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่แยแส “ต่อให้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเจ้าจะทรงพลังกว่า แต่จ้าวอสูรสวรรค์และราชาเซียนคนอื่นๆก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเจ้ามากนัก หากหนึ่งต่อสิบยังพอสามารถเสมอได้ แต่ถ้าศัตรูมีมากกว่าสิบแล้วยังฝืนสู้ เจ้าคงมีชะตากรรมเดียวคือความตาย”
หลิงฮันถอนหายใจและคำนวณ จำนวนของราชาเซียนสูงสุดและจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดที่เขาสามารถสังหารได้นั้นมีจำกัด เขาคงต้องใช้วาสนาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามครั้งติดต่อกันทันทีหากต้องการสังหารจ้าวอสูรสวรรค์หรือราชาเซียนยี่สิบถึงสามสิบคนพร้อมกัน
เพียงแต่ว่าจำนวนของราชาเซียนและจ้าวอสูรสวรรค์ของดินแดนต้องห้ามนั้นมีอยู่ไม่มาก แถมพวกเขาก็ใช้ว่าจะมาพร้อมกันหมดทุกคนด้วย เพราะงั้นแค่เขาใช้วาสนาศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอ
ตอนที่ 1588
หลิงฮันกลับไปสนใจอุปกรณ์มิติของฮูเฟิงซึ่งส่วนใหญ่เต็มไปด้วยผลึกก่อเกิดและมีเม็ดยาอยู่เพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำอยู่เลย
เวลาค่อยๆผ่านไป หลิงฮันบ่มเพาะพลังและฝึกฝนหลอมเม็ดยาทุกวันอย่างไม่หยุดหย่อน
ในตอนที่เขาเห็นข้อพิพาทระหว่างโอวหยางไท่ซานกับจ้าวอสูรสวรรค์คนอื่นๆหลิงฮันก็รู้สึกอุ่นใจ อย่างน้อยก็มีคนบางส่วนที่ไม่ทรยศและเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเขา
ทักษะระดับราชานิรันดร์และอุปกรณ์นิรันดร์เป็นสมบัติที่ล้ำค่าเกินไป เหล่าตัวตนที่ทรงพลังของดินแดนต้องห้ามต่างๆเริ่มปรากฏตัวไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเปิดรับคนหรือฝ่ายไม่เปิดรับ
อุปกรณ์นิรันดร์นั้นมีเพียงชิ้นเดียวซึ่งเอาไว้ว่ากันทีหลัง แต่ใครบ้างจะไม่ต้องการทักษะระดับราชานิรันดร์?
หากผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ดินแดนทั้งสองกลับมาเป็นหนึ่งเดียวและมุ่งหน้าเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้เลย!
การผสานดินแดนทั้งสองให้กลับเป็นหนึ่งคือความเป็นไปได้ทางทฤษฎีเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าต่อให้มีคนช่วยทำหน้าที่เป็นแกนกลางแล้วก็ตาม จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะรวมดินแดนทั้งสองได้?
หนึ่งร้อยล้านปี? หนึ่งพันล้านปี? หมื่นล้านปี? สู้ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์ไปเลยจะไม่ดีกว่ารึ?
เพราะงั้น คนของฝ่ายเปิดรับคนนอกเองจึงได้เกิดความขัดแย้งกันเอง พวกเขาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับฝ่ายไม่เปิดรับคนนอกคือให้หลิงฮันส่งมอบทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์มา ส่วนอุปกรณ์นิรันดร์ที่มีเพียงชิ้นเดียวก็ค่อยๆตัดสินกันไปว่าจะตกเป็นของใคร
จ้าวอสูรสวรรค์ที่ยังอยู่ฝั่งเดียวกับโอวหยางไท่ซานมีน้อยมาก หากนับโอวหยางไท่ซานด้วยแล้วมีเพียงสามคนเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านโอวหยางไท่ซานนั้นมีถึงยี่สิบห้าคน
ผู้นำตระกูลถังมาถึงแล้ว เขาพาจ้าวอสูรสวรรค์อีกคนมาด้วยซึ่งมีอายุน้อยกว่าเขามาก จ้าวอสูรสวรรค์ผู้นี้คือคนที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาและปกป้องตระกูลถังในอนาคต
“เจ้าหนูนั่นล่ะ?” ผู้นำตระกูลถังกล่าวเมื่อมาถึง ลมหายใจของเขามีอุณภูมิร้อนแรงจนเกิดคลื่นเพลิงมังกรออกมาจากจมูก
“ยังไม่ปรากฏตัวเลย” จ้าวอสูรสวรรค์คนหนึ่งกล่าว
ในเมื่อหลิงฮันไม่ปรากฏตัวพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกคนนั่งลงล้อมเป็นวงกลม
นอกจากพวกเขาแล้วจ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรดำก็มาเช่นกัน แต่จ้าวอสูรเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใดๆกับจ้าวอสูรสวรรค์และทำได้เพียงนั่งอยู่เฉยๆในระยะที่ห่างไกล
หลิงฮันใช้ชีวิตอย่างสบายใจอยู่ในหอคอยทมิฬโดยไม่รู้สึกเครียดเลยแม้แต่น้อย
เขาขอให้หอคอยน้อยตรวจสอบพลังของปรมาจารย์แต่ละคน
จ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดเก้าคน จ้าวอสูรธรรมดาสิบหกคน จ้าวอสูรปฐพีสามสิบเจ็ดคนและจ้าวอสูรดำห้าสิบเอ็ดคน ส่วนจ้าวอสูรเหลืองนั้นเขาไม่คิดแม้แต่จะแยแส
ในสายตาหลิงฮันมีเพียงจ้าวอสูรสวรรค์เก้าคนเท่านั้นที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังมีโอวหยางไท่ซานและจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดอีกสองคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา
รวมๆแล้วเขาต้องสู้กับจ้าวอสูรสวรรค์ถึงยี่สิบห้าคน!
การร่วมมือกันของทั้งยี่สิบห้าคนถือว่าน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย แต่โชคดีที่จ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดนั้นมีแค่เก้าคน ยิ่งกว่านั้นหากพวกโอวหยางไท่ซานสามารถรับมือกับจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดให้กับเขาได้บ้าง จำนวนของจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดที่เขาต้องเผชิญหน้าก็จะลดลง
หลิงฮันยิ้มและมองไปยังจักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะ “ภรรยาทั้งสอง สามีของพวกเจ้าจะรีบกลับมา”
“ระวังตัวด้วย” สตรีนกอมตะกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
แต่จักรพรรดินีนั้นไม่ใช่ นางกล่าวอย่างมั่นใจในตัวหลิงฮัน “จัดการพวกมันให้สิ้นซาก!”
หลิงพยักหน้า ร่างของเขาหายไปและปรากฏตัวขึ้นที่โลกภายนอก
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า” เขาผายมือทันทีที่ออกมา “แต่หากใครกล้าจู่โจม ข้าจะหายตัวไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ที่กำลังจะลงมือก็ต้องหยุดชะงัก พวกเขาสัมผัสไม่ได้เลยว่าหลิงฮันปรากฏตัวออกมาได้อย่างไร หากหลิงฮันจะหายตัวไปอีกครั้งพวกเขาก็คงไม่อาจหยุดยั้งได้
“หนุ่มน้อย ทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์เป็นสิ่งล้ำค่าเกินกว่าที่เจ้าจะครอบครองคนเดียว” หนึ่งในจ้าวอสูรสวรรค์กล่าว “มอบทักษะบ่มเพาะให้พวกข้า ส่วนปัญหาต่างๆที่เจ้าก่อขึ้นพวกเราจะยอมมองข้ามไป”
“ฮึ่ม!” ผู้นำตระกูลถังเค้นเสียงไม่พอใจอย่างถึงที่สุด คนที่ถูกหลิงฮันสังหารนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนตระกูลถังของเขา!
หลิงฮันชำเลืองมองไปยังผู้นำตระกูลถังและชี้นิ้ว “ข้าไม่ชอบท่าทางของตาเฒ่าคนนั้นเลย ใครก็ได้ขับไล่เขาออกไปทีจะได้ไหม?”
“เจ้าเด็กเปรต!” ผู้นำตระกูลถังคำรามและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
‘พรึบ’ ร่างของหลิงฮันหายไปในพริบตาต่อหน้าต่อตาจ้าวอสูรสวรรค์มากมาย
ทุกคนช่วยกันตรวจสอบแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ
สุดท้ายแล้วสวรรค์ก็มีทางเลือกให้พวกเขาทางเดียวคือพวกเขาไม่อาจทำอะไรหลิงฮันได้
สองวันต่อมาหลิงฮันปรากฏตัวอีกครั้งและกล่าว “ทีนี้รู้แล้วรึยัง? ข้าขอกล่าวอีกแค่ครั้งเดียว หากใครลงมือกับข้า ข้าจะไม่ปรากฏตัวอีกตลอดกาล!”
จ้าวอสูรสวรรค์หลายคนใบหน้าแดงก่ำ แต่เพื่อทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องอดทนไว้
หลิงฮันพยักหน้า “ต้องแบบนั้น เอาล่ะทีนี้ก็มาคุยกัน”
“เจ้าหนู…” หนึ่งในจ้าวอสูรสวรรค์อ้าปากเอ่ยกล่าว
“เจ้าหนูบิดาเจ้าสิ นี่เจ้ามีชีวิตอยู่มานานจนสมองเลอะเลือนไปแล้ว? เจ้าไม่รู้จักวิธีเรียกคนอื่นด้วยความเคารพรึไง?” หลิงฮันยอกย้อนโดยไม่แยแสว่าอีกฝ่ายจะเป็นจ้าวอสูรสวรรค์ที่สูงส่งเพียงใด
จ้าวอสูรสวรรค์ผู้นั้นโมโหจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว หากลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่พูดเช่นนี้กับเขาล่ะก็ เขาจะตบอีกฝ่ายให้ตายสิ้นชีพไปเลย แต่ปัญหาคือกับหลิงฮันเขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้และต้องพยายามระงับอารมณ์เอาไว้
“หากคิดจะพูดกับข้าก็ใช้กิริยาให้เหมาะสม” หลิงฮันกล่าวต่อ
“สหายน้อยหลิง!” จ้าวอสูรสวรรค์อีกคนกล่าว
“นี่สิถึงจะถูก” หลิงฮันหันไปหาจ้าวอสูรคนนั้น “เฒ่าชรา เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
จ้าวอสูรสวรรค์คนนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน เฒ่าชรา?
“สหายน้อยหลิง เจ้าจะมอบทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์ให้พวกข้าได้รึไม่?” จ้าวอสูรคนที่สามรีบเอ่ยเข้าเรื่องเนื่องจากไม่ต้องการให้หลิงฮันยั่วยุใครไปมากกว่านี้
แต่ทว่าหลิงฮันกลับยิ้มไปเจ้าเล่ห์ไปยังผู้นำตระกูลถังและแสร้งทำหน้าตกตะลึง “โอ้ เฒ่าชรากุ่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย?”
ผู้นำตระกูลถังเกือบเผลอลงมืออีกครั้ง คนอื่นเรียกเจ้าว่าเจ้าหนู เจ้าบอกว่าไม่กิริยาไม่เหมาะสม แต่ทีตัวเองกลับเรียกข้าว่าเฒ่าชรากุ่ย?
แต่เมื่อเขานึกถึงคำขู่ของหลิงฮัน เขาก็ต้องระงับความไม่สบอารมณ์เอาไว้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ที่ข้าออกมาพบพวกเจ้าทุกคนถือว่าเป็นความจริงใจอันล้นเหลือของข้า เพราะงั้นไม่คิดรึว่าพวกเจ้าก็สมควรแสดงความจริงใจออกมาด้วย?” หลิงฮันกล่าวก่อนจะชี้นิ้วไปยังผู้นำตระกูลถังและสะบัดนิ้วไล่
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนแทบจะเป็นบ้า ก่อนหน้านี้หลิงฮันบอกว่าให้เรียกผู้นำตระกูลถังมาที่นี่เขาถึงจะออกมา แต่ตอนนี้เขากลับจะขับไสไล่ส่งผู้นำตระกูลถังให้จากไป? นี่เจ้าจะเปลี่ยนใจเร็วไปหน่อยรึเปล่า?
ตอนที่ 1589
แต่ใครใช้ให้หลิงฮันเป็นผู้กุมชะตาของพวกเขากัน?
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ซุบซิบกันอยู่สักพักก่อนที่สุดท้ายก็ได้ไล่ผู้นำตระกูลถังให้ไปไกลๆจากบริเวณนี้ เรื่องนี้ทำให้ผู้นำตระกูลถังโมโหเป็นอย่างมาก เขาคือจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดที่ยืนอยู่เหนือสรรพสิ่งของดินแดนใต้พิภพ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับต้องถูกจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่อ่อนแอขับไล่
บัดซบ!
“สหายน้อย…” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลโก้วเอ่ย
“จริงสิ ข้าเพิ่งนึกออก!” จู่ๆหลิงฮันก็กล่าวแทรก “เฒ่ากุ่ยตระกูลถังเมื่อครู่ ข้าลืมไปเลยว่ามีเรื่องกับเขานิดหน่อย พวกเจ้าเรียกเขากลับมาสิ”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์แทบจะกระอักโลหิต นี่เจ้าสนุกไหมกับการปั่นหัวคนอื่น?
ต่อให้เป็นจ้าวอสูรที่ใจเย็นขนาดไหนสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์
“ถ้าไม่ทำข้าก็คงต้องขอตัว” หลิงฮันจงใจแสร้งทำเป็นหันหลังทั้งๆที่เขาสามารถเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ทันทีโดยไม่ต้องขยับตัว
“ช้าก่อน!” จ้าวอสูรสวรรค์ทั้งหลายตะโกนพร้อมกัน
ผู้นำตระกูลถังถูกพากลับมาด้วยสีหน้ามืดมน นี่คิดว่าเขาเป็นสุนัขรึไงถึงได้อยากจะไล่ก็ไล่อยากจะเรียกให้มาก็เรียก?
“สหายน้อย เข้าเรื่องกันเลย” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลโก้วกล่าว “พวกเราแสดงความจริงใจให้สหายน้อยเห็นแล้ว”
“พวกเจ้าช่างไม่มีอารมณ์ขันกันเสียเลย” หลิงฮันถอนหายใจ เขาแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “งั้นก็มาพูดถึงค่าเสียหายที่ข้าต้องได้รับกันก่อน”
ค่าเสียหายอะไรของเจ้า? นี่เจ้าเสียหายอะไรตรงไหน?
จ้าวอสูรตระกูลโก้วกล่าว “สหายน้อย ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะเสียหายอะไรตรงไหน?”
“ทำไมจะไม่?” หลิงฮันมองด้วยแววตาขึงขัง “เฒ่าชรา นี่เจ้าโง่ขนาดไม่รับรู้เรื่องราวเลย? ข้าถูกคนของตระกูลถังสามคนด่าทอเป็นเวลาหลายวันจนจิตใจได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งวัน แบบนี้ยังไม่เรียกว่าข้าเสียหายอีก?”
ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูด ผู้นำตระกูลถังที่ตั้งใจว่าจะคอยดูอยู่เฉยๆเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฮันก็อารมณ์เดือดดาลทันที เจ้าบอกว่าจิตใจได้รับบาดเจ็บสาหัสงั้นรึ แล้วที่เจ้าสังหารคนตระกูลถังของข้าทั้งสามคนนั้นไปแล้วล่ะจะว่าอย่างไร?
จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลโก้วแทบจะลมออกหู เขาสูดหายใจลึกเพื่อระงับความไม่พอใจเอาไว้และกล่าว “ก็ได้ ชายชราขอรับประกันว่าจะชดเชยค่าเสียหายที่ทำให้เจ้าพึงพอใจแน่นอน”
หลิงฮันสะบัดมือและกล่าว “ที่จริงข้าก็ไม่ได้เป็นคนโลภมาก แค่ชดเชยมาเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำหลายสิบต้นก็พอ”
ไม่โลภเลยจริงๆ… เจ้าแค่ต้องการสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำสิบกว่าต้น!
ทุกคนไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรออกไปหรือต่อลองอย่างไรดี
“เรื่องนั้นไม่อาจเป็นไปได้!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลจางกล่าวแทรก ล้อเล่นรึเปล่า? เจ้าคิดว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำคืออะไร? ต่อให้เป็นดินแดนต้องห้ามเช่นพวกเขาก็ปลูกสมุนไพรเช่นนั้นได้เพียงหนึ่งหรือสองต้นเท่านั้น แถมการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้งยังต้องรอคอยถึงร้อยล้านปี
หลิงฮันยิ้ม “ข้าบอกไปแล้วว่าไม่ใช่คนโลภ หากให้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำกับข้าไม่ได้ งั้นแค่ให้ผู้นำตระกูลถังมาขอโทษข้าเรื่องที่เคยรังแกข้าก็พอ”
ฮึ่ม!
ทุกคนชะงักทันทีที่ได้ยิน
ผู้นำตระกูลถังเป็นจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุด ทั่วทั้งดินแดนใต้พิภพเขาคือคนที่ยืนอยู่บนปลายยอด
อย่าว่าแต่หลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่อ่อนแอเลย ต่อให้ดินแดนต้องห้ามทั้งแปดร่วมมือกันกดดัน ผู้นำตระกูลถังก็คงไม่ยินยอมที่จะก้มหัว
ผู้นำตระกูลถังไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เขามองไปยังจ้าวอสูรคนอื่นๆก่อนจะระงับความโกรธเอาไว้ในใจและกล่าว “หนุ่มน้อย ชายชราให้สัญญาว่าตราบใดที่เจ้ามอบทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์มา ความบาดหมางทั้งหมดกับตระกูลถังจะไม่มีอีกต่อไป!”
ใบหน้าของเขาบูดบึ้งเป็นอย่างมากเมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป
ต่อให้เขาอยากจะสังหลิงฮันมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจทำได้ ตอนนี้หลิงฮันถือไพ่อยู่เหนือพวกเขา และหากเขาไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆเลยในตอนนี้ก็อาจจะถูกดินแดนต้องห้ามทั้งแปดกล่าวหาได้ในภายหลัง
เพราะงั้นเพื่อทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์แล้ว เขาต้องทนให้ได้!
หลิงฮันมีท่าทีเกรี้ยวกราด “เฒ่าชรา เจ้าช่างเป็นคนไร้เหตุผลอะไรเช่นนี้! คนของเจ้าเป็นฝ่ายมาล่วงเกินข้าก่อนแท้ๆ ไม่ว่าดูอย่างไรข้าก็เป็นผู้เสียหาย แต่ทว่าเจ้ากลับกล่าวว่าจะยอมละทิ้งความบาดหมางกับข้า?”
ผู้นำตระกูลถังโมโหจนทนไม่ไหว “เจ้าหนู ข้าอดทนเจ้ามานานเกินพอแล้ว เจ้าแค่ปรากฏตัวมาเพื่อสร้างความวุ่นวายเท่านั้น!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์คนอื่นๆก็ไม่สบอารมณ์เช่นกัน เหตุใดพวกเขาต้องมาให้คนอื่นปั่นหัวเช่นนี้ด้วย?
หลิงฮันหัวเราะ “อย่าทำให้ข้ากลัวสิ หากข้ากลัวแล้วเผลอหายตัวไปจะทำยังไง!” เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เอาแบบนี้ดีไหมเฒ่ากู่ตระกูลถัง เจ้ากล้าสู้กับข้าตัวต่อตัวรึไม่?”
สะ… สู้ตัวต่อตัว!
ทุกคนแน่นิ่งไร้คำพูดทันที
จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ตั้วจ้อยกล้ากล่าวออกมาว่าจะขอสู้กับจ้าวอสูรตัวต่อตัว แถมยังไม่ใช่จ้าวอสูรทั่วไปอีกด้วย ผู้นำตระกูลถังคือจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนใต้พิภพ
หลิงฮันรนหาที่ตาย?
จ้าวอสูรตระกูลถังที่กำลังเกรี้ยวกราดจู่ๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กันแน่ แม้แต่มดปลวกระดับวารีนิรันดร์ยังกล้าที่จะท้าทายเขา? เขาเค้นเสียงและกล่าว “เจ้ามีคุณสมบัติสูงส่งเพียงใดที่ข้าต้องลดตัวลงไปสู้ด้วย?”
“คุณสมบัติงั้นรึ?” หลิงฮันยิ้ม “หากเอาชนะข้าได้ ข้าจะมอบทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์ให้เจ้า”
ง่ายๆเช่นนั้นเลย?
จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะเป็นคู่ต่อสู้ของจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดได้อย่างไร? นี่ไม่ต่างกับว่าเขาเป็นฝ่ายยินยอมยอมมอบทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์ให้พวกเขาเลย
ผู้นำตระกูลถังลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้า ตราบใดที่หลิงฮันไม่เข้าไปหลบซ่อนในอุปกรณ์นิรันดร์เขาย่อมสามารถกำราบหลิงฮันได้แน่นอน
“ตกลง!” เขากล่าวยอมรับคำท้า
ตอนที่ 1590
กับเรื่องนี้ที่จะปะทะกันนี้ไม่มีจ้าวอสูรคนไหนเอ่ยห้าม
ในหมู่พวกเขาใครบ้างที่หวาดกลัวหลิงฮัน? สิ่งเดียวที่พวกเขากลัวคือกลัวหลิงฮันจะหลบหนีเข้าไปในอุปกรณ์นิรันดร์ ในเมื่อหลิงฮันเป็นคนยื่นข้อเสนอท้าประลองมอบโอกาสให้พวกเขาเองทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
Anchor
โอวหยางไท่ซานขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในเมื่อหลิงฮันเป็นคนกล่าวเช่นนั้นเอง เขาก็เชื่อมั่นว่าหลิงฮันต้องมีแผนการอะไรบางอย่างจึงไม่ได้ห้ามปราม
ทางเข้าเขตแดนลี้ลับถูกเปิดออก ทั้งสองจะทำการประลองกันบนห้วงอวกาศเนื่องจากหากผู้นำตระกูลถังลงมือจริงๆ เขตแดนลี้ลับคงไม่อาจต้านทานไหว
ท่ามกลางห้วงอวกาศอันมืดมิดและเงียบสงัด หลิงฮันและผู้นำตระกูลถังยืนห่างกันราวๆสิบไมล์โดยหันหน้าเข้าหากัน
“เจ้าหนู แน่ใจว่าจะไม่หลบซ่อน?” ผู้นำตระกูลถังกล่าวกับหลิงฮัน หากในขณะที่กำลังจะกำราบหลิงฮันได้แล้วหลิงฮันเกิดเข้าไปหลบในอุปกรณ์นิรันดร์ล่ะก็เขาคงหมดสิ้นหนทาง
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “สุนัขเฒ่าเช่นเจ้าข้าสามารถสังหารได้เพียงพลิกฝ่ามือ อย่าได้พล่ามไร้สาระให้เสียเวลา!”
“ก็ดี!” ผู้อาวุโสตระกูลถังขมวดคิ้วและปลดปล่อยจิตสังหารอันท่วมท้น
เขาลงมืออย่างไม่รีรอ ‘ตูม’ ฝ่ามือขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่หลิงฮัน รูปแบบอาคมอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนปลดปล่อยเปลวเพลิงอันร้อนระอุออกมา
“หอคอยน้อย” หลิงฮันกล่าวเบาๆในใจ
‘ครืนนน’ พลังอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดปะทุออกมาจากภายในร่างของหลิงฮัน ออร่าของเขายกระดับทรงพลังกว่าเดิมหลายร้อยหลายหมื่นล้านเท่า ในพริบตาเดียวที่พลังอำนาจปะทุออกมานี้ หลิงฮันรู้สึกราวกับว่าตนเองสามารถบดขยี้ได้ทุกสรรพสิ่ง
หลิงฮันปล่อยหมัดตอบโต้ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามา
จ้าวอสูรจำนวนมากที่มองดูอยู่เผยสีหน้าตกตะลึง หลิงฮันกล้าสู้กับผู้นำตระกูลถังจริงๆ เขาน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆว่าขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์
“เดี๋ยวก่อน ข้ารู้สึกเหมือนว่าพลังของเจ้าหนูนั่นจะทะยานสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า”
“นั่นสิ ทำไมดูแล้วเหมือนจะแข็งแกร่งพอๆกับเฒ่าตระกูลถังเลย”
“เป็นไปไม่ได้!”
สายตาทุกคู่เผยถึงความตะลึงก่อนจะเห็นภาพที่หลิงฮันปล่อยหมัดบดขยี้ฝ่ามือของผู้นำตระกูลถัง
นี่มัน!
จ้าวอสูรทุกคนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เจ้าหนูนั่นกินสมุนไพรหรือเม็ดยาแบบใดเข้าไปกันถึงแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัวขนาดนั้น?
ต้องเป็นเพราะทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์แน่ๆ!
สายตาของผู้นำตระกูลถังหรี่ลงเล็กน้อย ผลลัพธ์ตรงหน้าคือสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน เขาเค้นเสียงและกล่าว “ถึงว่าทำไมเจ้าถึงกล้าเป็นคู่ต่อสู้ของข้าคนนี้ ที่แท้เจ้าก็มีอำนาจสนับสนุนจากทักษะราชานิรันดร์!”
ผู้นำตระกูลถังอิจฉาเป็นอย่างมาก ทักษะที่สามารถทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงกลายเป็นจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดในพริบตาเช่นนี้ หากได้ฝึกฝนบ้างตัวเขาจะทรงพลังขนาดไหน?
บางทีเขาอาจจะสามารถฉีกช่องว่างมิติเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้โดยตรงเลย?
หลิงฮันรู้สึกพึงพอใจกับพลังในตอนนี้มาก แต่น่าเสียดายที่พลังนี้ไม่ใช่ของเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจว่าในอนาคตไม่ไกลนี้เขาจะสามารถครอบครองพลังเช่นนี้ได้ด้วยตัวเอง
“เฒ่ากู่ ข้าจะส่งเจ้าลงนรกให้เอง!” หลิงฮันจู่โจมด้วยมือเปล่า พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมากเนื่องจากเขาคือคนที่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้สำเร็จ พลังของเขาอยู่เหนือจ้าวอสูรสวรรค์และราชาเซียนทุกคน
ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดกลางห้วงอวกาศโดยที่ผู้นำตระกูลถังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหนูนั่นจะทรงพลังขึ้นได้ขนาดนั้น!”
“แม้เฒ่ากู่จะไม่ใช่จ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขาก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่ในสิบอันดับแรกแน่นอน”
“การจะไล่ต้อนเฒ่ากู่ให้จนมุมได้แบบนั้นเกรงว่าคงมีเพียงจ้าวอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงสองสามคน”
“แต่ไม่มีทางที่พลังของเจ้าหนูนั่นจะคงอยู่ตลอดกาล ไม่งั้นแล้วลำดับชั้นของระดับพลังจะมีความหมายอะไร”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์แลกเปลี่ยนความเห็นกันผ่านสัมผัสสวรรค์ นอกจากโอวหยางไท่ซานกับจ้าวสวรรค์อีกสองคนแล้ว จ้าวอสูรสวรรค์คนอื่นๆต่างๆจ้องมองหลิงฮันตาไม่กระพริบ อันที่จริงโอวหยางไท่ซานเองก็หวั่นไหวต่อทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์เช่นกัน แต่เขามีสามัญสํานึกมากพอ
“ไม่ได้การ ดูเหมือนเฒ่ากู่จะต้านไม่ไหวแล้ว!”
“ลงมือพร้อมกันเลย!”
หลังจากปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่า ผู้นำตระกูลถังก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะถูกกำราบได้ตลอดเวลา เรื่องนี้ทำให้เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไปและต้องช่วยกันกำราบหลิงฮัน
“ฮึ่ม พวกไร้ยางอาย!” โอวหยางไท่ซานลงมือขัดขวางเหล่าจ้าวอสูรที่เป็นอดีตพันธมิตร “หลิงฮัน เจ้ารีบหนีไป!”
ทว่าจ้าวอสูรทั้งสองที่มีความเห็นเดียวกันกับโอวหยางไท่ซานนั้นเลือกที่จะไม่ลงมือ สำหรับพวกเขาการที่ไม่ขัดขวางโอวหยางไท่ซานก็ถือว่าเป็นการไว้หน้ามากแล้ว
หลิงฮันกวาดสายตามองและจดจำใบหน้าทุกคนเอาไว้ สำหรับใครที่เลือกลงมือกับเขา เขาจะจัดการลงโทษคนเหล่านั้นแน่นอน
“เจ้าหนู วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจหนีไปไหนพ้น! ส่งมอบทักษะราชานิรันดร์มาแต่โดยดีแล้วเจ้าจะได้รับการไว้ชีวิต!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลเย่คำราม แม้เขาจะกล่าวไปเช่นนั้นแล้วกลับปล่อยหมัดออกไปอย่างไร้ความเมตตาเรียบร้อยแล้ว
ที่จริงต่อให้หลิงฮันตายพวกเขาก็สามารถดึงความทรงจำจากดวงวิญญาณได้ เมื่อเป็นเรื่องของทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์พวกเขาไม่คิดจะเชื่อคำพูดของหลิงฮันเท่าไหร่ หากพวกเขาบ่มเพาะทักษะผิดๆไปตามคำพูดของหลิงฮันผลสุดท้ายคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอำนาจแห่งเต๋า
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะส่งพวกเจ้าลงนรกไปด้วย!” หลิงฮันตะโกนและไม่ปกปิดพลังอีกต่อไป
ใช่แล้ว ที่ผ่านมาเขายังไม่ได้เอาจริง ไม่เช่นนั้นแล้วผู้นำตระกูลถังจะสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้หลายร้อยกระบวนท่าได้อย่างไร?
เขาอยากรู้ว่าจ้าวอสูรทุกคนจะเลือกทางไหนจึงจงใจถ่วงเวลาเอาไว้
ตอนนี้เมื่อรู้เจตนาของแต่ละคนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องออมมืออีกต่อไปและเริ่มการสังหารได้
“ตาย!” หลิงฮันสะบัดมือ ทันใดนั้นดาบไม้ผุพังก็ปรากฏขึ้นที่มือซ้าย และดาบอสูรนิรันดร์ปรากฏที่มือขวา ดาบทั้งสองปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
ณ เวลานี้อำนาจของดาบไม้ผุพังทรงพลังกว่าดาบอสูรนิรันดร์
เนื่องจากมันคืออุปกรณ์อสูรระดับยี่สิบ ด้วยพลังของหลิงฮันในตอนนี้อำนาจของมันจึงถูกกระตุ้นออกมาเต็มที่ แต่ในทางกลับกัน ดาบอสูรนิรันดร์นั้นยังเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ด อำนาจที่ปลดปล่อยออกมาเมื่อเทียบกับดาบไม่ผุพังแล้วอ่อนแอกว่าพอสมควร
เพียงแต่หากถูกโจมตีด้วยดาบอสูรนิรันดร์โดยตรง ไม่ต้องกล่าวถึงจ้าวอสูรสวรรค์ ต่อให้เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ต้องสิ้นชีพ ดาบเล่มนี้คืออุปกรณ์นิรันดร์ในอนาคต จุดเด่นของมันคือพลังทำลายล้างที่ไม่อาจต้านทาน
เมื่อหลิงฮันกวัดแกว่งดาบทั้งสองในมือ จ้าวอสูรคนอื่นๆก็ไม่กล้าปะทะซึ่งๆหน้าอีกและเบี่ยงหลบหนีไปทั่วทิศทาง
“ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ!” หลิงฮันปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ ‘ครืนนน’ ความมืดมิดอันเป็นอนันต์โอบล้อมจ้าวอสูรทุกคนที่อยู่โดยรอบ
ยิ่งพลังบ่มเพาะสูงขึ้นอำนาจของทักษะรัตติกาลเงาทมิฬก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ตอนมีแม้แต่จ้าวอสูรสวรรค์ก็ยังได้รับผลกระทบเต็มๆ
Anchor
ทักษะดาบฟ้าคำรามถูกปลดปล่อยออกมาตามๆกัน หลิงฮันไม่เพ่งเล็งว่าเป้าหมายจะเป็นใคร เขามุ่งเป้าอย่างเดียวคือสังหาร!
ตอนที่ 1591
ความมืดปกคลุมไปทั่วพื้นที่ จ้าวอสูรทุกคนรู้สึกได้ว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาถูกปิดกั้นไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินอะไรแม้แต่น้อยในระยะที่เกินกว่าสิบฟุต
เรื่องนี้นับว่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก จ้าวอสูรสวรรค์เช่นพวกเขานั้นสามารถใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบได้แม้แต่ดวงดาวขนาดใหญ่ทั้งดวง แต่ตอนนี้ระยะที่พวกเขาสามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้กลับลดเหลือเพียงสิบฟุตเท่านั้น
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบคู่ในมือด้วยความเร็วที่ดูราวกับมีมือนับพัน
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ หัวของจ้าวอสูรแต่ละคนถูกตัดลอยกระเด็นขึ้นฟ้า เป้าหมายของหลิงฮันนั้นไม่เจาะจง จ้าวอสูรที่ตกตายจึงมีทั้งจ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรระดับดำ ส่วนจ้าวอสูรระดับเหลืองนั้นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมการต่อสู้และมีทางเลือกเดียวคือหลบหนี
ไม่ว่าจะเป็นดาบอสูรนิรันดร์หรือดาบไม้พุพังก็ล้วนแต่มีจุดเด่นที่พลังทำลายล้าง จ้าวอสูรทุกคนที่ถูกดาบทั้งสองตัดหัวตกตายในทันทีโดยที่แม้แต่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณก็ไม่สามารถหลบหนีไปไหนพ้น
“พวกเศษเดนไร้ค่า!” หลิงฮันกล่าวเย็นชาในขณะที่มือขวายังคงสะบัดดาบอสูรนิรันดร์ตัดหัวจ้าวอสูรไม่หยุด เขาไม่หลบโลหิตที่สาดกระจายเข้าใส่ทำให้ร่างของเขาในตอนนี้ถูกอาบไปด้วยโลหิต
“ข้าอุตส่าห์เมตตาจะช่วยผสานดินแดนทั้งสองให้เพื่อที่พวกเจ้าจะได้มีโอกาสกลายเป็นนิรันดร์ แต่นี่รึคือสิ่งตอบแทนจากพวกเจ้า?”
“ในเมื่อเส้นทางนี้คือเส้นทางที่พวกเจ้าเลือก พวกเจ้าก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้!”
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ หัวของจ้าวอสูรอีกหลายคนถูกสะบั้นขาดออกจากบ่า
“ล่าถอย!” จ้าวอสูรสวรรค์คนหนึ่งตะโกนออกมา “ใครที่พลังบ่มเพาะต่ำกว่าจ้าวอสูรสวรรค์ให้รีบล่าถอยออกไป อยู่ที่นี่มีแต่จะทิ้งชีวิตโดยเสียเปล่า!”
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนเคร่งเครียด จ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรระดับดำคือเสาหลักของตระกูลพวกเขาในอนาคต และหากเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนได้จ้าวอสูรเหล่านี้คือเหล่าคนที่มีโอกาสที่บรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
การที่ต้องเห็นเสาหลักตระกูลในอนาคตถูกสังหารไปทีละคนทำให้เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์รู้สึกเกรี้ยวกราดและสิ้นหวัง แต่ท่ามกลางความมืดมิดอันไร้สิ้นสุดนี้ปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาถูกทำให้ข้าลงกว่าปกติหลายเท่า แค่ป้องกันการโจมที่พุ่งเข้าตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว พวกเขาจะช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร?
จ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรดำพยายามหลบหนี แต่ตอนนี้พวกเขาอ่อนแอกว่าหลิงฮันมากแค่ไหน?
ท่ามกลางความมืดมิดที่ประสาทสัมผัสทั้งห้าแทบจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ พวกเขาจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังหลบหนีไปทางไหน
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงจ้าวอสูรปฐพีและจ้าวอสูรดำทั้งหมดก็ตกตาย โลหิตจำนวนมากสาดกระจายไปทั่วทิศทางราวกับสวรรค์กำลังร่ำไห้
ร่างของหลิงฮันถูกชโลมไปด้วยโลหิต ณ เวลานี้เขาสามารถควบคุมดาบไม้พุพังได้อย่างสมบูรณ์ทำให้ตัวดาบปลดปล่อยอำนาจอสูรออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด
หนึ่งคนสองดาบกำลังยืนทะนงอยู่กลางห้วงอวกาศ
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์กลายเป็นไร้คำพูด พวกเขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าการที่ตัดสินใจล่วงเกินรุ่นเยาว์สัตว์ประหลาดผู้นี้ช่างเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้พวกเขายอมร่วมมือกับหลิงฮันแต่โดยดีเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากดินแดนทั้งสองผสานกลับเป็นหนึ่งได้พวกเขาก็ยังมีโอกาสกลายเป็นนิรันดร์
แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่จะเป็นนิรันดร์เลย แค่จะเอาชีวิตรอดไปได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้
“พวกเราไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลจางกล่าวเย็นชา “ทุกคนร่วมมือกันใช้ทุกอย่างที่มีออกมา หากไม่สังหารเจ้าหนูนี่ในวันนี้ อนาคตภายภาคหน้าพวกเราจะพบเจอกับภัยพิบัติอันไม่มีที่สิ้นสุด!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์พยักหน้า ต่อให้หลิงฮันจะยกระดับพลังเป็นจ้าวอสูรสวรรค์ได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่เขาก็มีอุปกรณ์นิรันดร์ หากเข้าไปเก็บตัวอยู่ภายในนั้นมีรึที่พลังบ่มเพาะของเขาจะไม่มีการพัฒนาใดๆ?
ตราบใดที่หลิงฮันบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง พลังต่อสู้ของเขาจะอยู่เหนือจ้าวอสูรสวรรค์และราชาเซียนทุกคนเนื่องเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้สำเร็จ
ศัตรูที่ทรงพลังเช่นนั้นย่อมเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
ครืน! ครืน! ครืน!
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนเอาจริง พวกเขาทำการเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง ต่อให้พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเพียงคนละน้อยนิด แต่พวกเขาก็ได้เปรียบในด้านของจำนวนคน
‘ตูม!’
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ช่วยกันปัดเป่าความมืดมิดออกไปจนเกือบหมด พลังต่อสู้ของพวกเขาเกือบจะกลับสู่สภาพสมบูรณ์ ร่างของพวกเขาแต่ละคนปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งเต๋าและล้อมรอบไปด้วยวงโคจรวิถีดาราจักรที่มีดวงดาวหลายร้อย หลายพันล้านดวงจนนับไม่ถ้วน
หลิงฮันแสยะยิ้ม “ถึงเวลาส่งพวกเจ้าลงนรกแล้ว!”
“อย่าได้ฝัน!” จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนคำรามและลงมือจู่โจมหลิงฮัน ความโกรธและการเผาผลาญพลังชีวิตทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เพียงหนึ่งฝ่ามือก็สามารถบดขยี้ดวงดาวขนาดใหญ่ทิ้งได้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกเจ้าคิดว่านี่คือพลังต่อสู้ทั้งหมดของข้าแล้ว?” เขาอ้าปากคลายบอลเพลิงออกมา
Anchor
‘เพลิงเก้าสวรรค์ หนึ่งในเก้าเพลิงบรรพบุรุษของดินแดนแห่งเซียน!’
“อะไรกัน!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ตกตะลึงและสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกได้ว่ากลุ่มก้อนเปลวเพลิงตรงหน้าพวกเขามีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก หากสัมผัสโดนเพียงเล็กน้อยพวกเขาคงถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
นั่นมันเปลวเพลิงอะไรกัน เหตุใดถึงได้น่าสะพรึงกลัวเพียงนั้น?
หลิงฮันกระตุ้นพลังอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ เปลวเพลิงนี้คือเพลิงนิรันดร์ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยการที่อำนาจของมันเทียบเท่าราชานิรันดร์ สิ่งมีชีวิตทั้งมวลที่มีพลังต่ำกว่าราชานิรันดร์คงถูกแผดเผาไม่เหลือแม้จะยังไม่ได้สัมผัสมัน
ตอนนี้พลังบ่มเพาะของหลิงฮันคือระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดชั่วคราว อำนาจที่เพลิงเก้าสวรรค์จะสำแดงออกมาได้จึงอยู่ที่ระดับสูงสุดของดินแดนใต้พิภพและเกือบจะกลายเป็นอำนาจระดับนิรันดร์
นี่ต่างหากคือไพ่ลับที่แท้จริงของหลิงฮัน!
หลิงฮันสะบัดนิ้วปลดปล่อยคลื่นเพลิงเข้าใส่เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนเผ่นหนีราวกับหนูเห็นแมว เปลวเพลิงตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย
“เผ่น!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลโก้วไม่หลงเหลือความคิดจะสู้รบ นอกจากเปลวเพลิงนี้จะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถต่อกรได้แล้ว หลิงฮันก็ยังมีอุปกรณ์นิรันดร์ที่สามารถหายตัวไปเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย หากฝืนที่จะสู้ต่อไปก็มีแต่จะเป็นการนำชีวิตตนเองไปเสี่ยง
“คิดจะหนี?” หลิงฮันแสยะยิ้มและควบคุมเพลิงเก้าสวรรค์ให้แผ่ขยายเป็นกรงเพลิงขนาดมหึมากักขังเหล่าจ้าวอสูรสวรรค์เอาไว้ภายใน
“จะไม่มีใครหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!” เขากล่าวอย่างโหดเหี้ยม
ตอนที่ 1592
กรงเพลิงเริ่มย่อหดตัว
ใบหน้าของเหล่าจ้าวอสูรสวรรค์เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง พวกเขาไม่กล้าแตะต้องเปลวเพลิงตรงหน้า จากที่ดูแม้ตราประทับแห่งเต๋าของเปลวเพลิงนี้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่อำนาจของมันกลับอยู่เหนือกว่าอำนาจของระดับสร้างสรรพสิ่งไปแล้วหลายเท่า
หากยังหาทางออกจากกรงเพลิงนี้ไม่ได้ ท้ายที่สุดร่างของพวกเขาก็จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
“จัดการเจ้าหนูนั่น!”
“อย่างน้อยก็ต้องบังคับให้เขาล่าถอยกลับไปในอุปกรณ์นิรันดร์เพื่อให้เปลวเพลิงสลายไป”
สายตาทุกคู่ของจ้าวอสูรสวรรค์จดจ้องไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันไม่แยแส เขากวัดแกว่งดาบทั้งสองในมือและปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว “ถ้าคิดว่าความตายยังเข้าหาพวกเจ้าไม่เร็วพอก็บุกเข้ามา ข้าจะส่งพวกเจ้าลงนรกให้เอง!”
“โอหัง!”
“เจ้าแค่พึ่งพาอำนาจของอุปกรณ์นิรันดร์เท่านั้น”
“ไม่เช่นนั้นเจ้าถูกพวกข้าสังหารไปหลายร้อยครั้งแล้ว!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์เกรี้ยวกราดและลงมือโจมตีหลิงฮันอย่างบ้าคลั่ง
หลิงฮันสะบัดดาบทั้งสองต้านทานการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
จากที่หอคอยน้อยกล่าวเอาไว้ ขีดจำกัดของเขาคือสามารถปะทะกับจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดได้สิบคนพร้อมกัน ตอนนี้จำนวนของจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดมีไม่ถึงสิบคนก็จริง แต่ก็มีทั้งจ้าวอสูรสวรรค์ต้น จ้าวอสูรสวรรค์กลาง และจ้าวอสูรสวรรค์ปลาย จำนวนของจ้าวอสูรเยอะจนสามารถเทียบเท่าจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุดสิบคน
จ้าวอสูรมากมายขนาดนี้ไม่ใช่จำนวนที่เขาจะสามารถสังหารได้
แต่หลิงฮันก็ไม่คิดจะล่าถอย
เขากวัดแกว่งดาบต่อต้านเหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ในขณะที่กรงเพลิงกำลังบีบลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่กรงเพลิงบีบเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนจะถูกแผดเผาไม่เหลือซาก แต่ในทางกลับกัน หากเหล่าจ้าวอสูรกำจัดเขาได้ก่อนหรือไล่ต้อนจนเขาต้องเข้าไปหลบซ่อนในหอคอยทมิฬ เพลิงเก้าสวรรค์ก็จะสลายไป
ณ เวลานี้จ้าวอสูรสวรรค์ทุ่มสุดตัวอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาเผาผลาญพลังชีวิตอย่างบ้าคลั่งเพื่อบดขยี้หลิงฮันให้สิ้นซาก
การต่อสู้เข้าสู่วินาทีดุเดือด ทุกคนที่มองดูอยู่รอบนอกไม่มีใครเลยที่คาดคิดว่าการปะทะจะยกระดับมาถึงจุดนี้ได้
เหลิงเซี่ยวเหริน โอวหยางเหอ โก้วไหและราชาคนอื่นๆมองตาค้าง พวกเขาที่ถูกเรียกว่าสุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคหากจะเทียบเคียงหลิงฮันแล้วพวกเขายังมีคุณสมบัติไม่มากพอ
จนถึงตอนนี้มีจ้าวอสูรตกตายด้วยเงื้อมมือของหลิงฮันไปกี่คนแล้ว?
มากกว่าร้อยคน!
แถมจ้าวอสูรที่ตายยังไม่ใช่จ้าวอสูรเหลืองแต่เป็นจ้าวอสูรดำและจ้าวอสูรปฐพี! แถมในจังหวะนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่จ้าวอสูรสวรรค์กำลังจะถูกเขาสังหารด้วย เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ดินแดนใต้พิภพ
“ฆ่า! สังหาร!” เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์บ้าคลั่ง กรงเพลิงหดย่อลงมาห่างจากตัวพวกเขาไม่ถึงสิบฟุตแล้ว อีกเพียงหนึ่งหรือสองลมหายใจพวกเขาคงถูกเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวเผาเป็นเถ้าถ่าน
ตูม! ตูม! ตูม!
การโจมตีอันทรงพลังของเหล่าจ้าวอสูรสวรรค์รุนแรงจนราวกับจักรวาลจะแหลกสลาย จ้าวอสูรสวรรค์เกินกว่ายี่สิบคนปลดปล่อยการโจมที่รุนแรงที่สุดออกไปพร้อมกัน พวกเขาไม่สนว่าใครจะได้รับลูกหลงหรือไม่ สิ่งที่เดียวอยู่ในหัวคือต้องใช้พลังทั้งหมดออกมา
‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ ร่างของหลิงฮันถูกกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ระดับพลังบ่มเพาะของเขาจะยกระดับเป็นสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดชั่วคราว แต่กายหยาบของเขาไม่ได้ยกระดับตามขึ้นมาด้วย เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างของเขาจะทนรับการกระหน่ำโจมตีของจ้าวอสูรสวรรค์มากมายไหว
กระดูกในร่างของเขาแหลกละเอียดและกลายเป็นมนุษย์โลหิต สภาพของเขาตอนนี้น่าอนาถมาก
“ฮ่าๆๆ เขาจะตายแล้ว!”
“ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่หลบหนี แต่เลือกที่จะตาย!”
“ส่งเขาลงนรกซะ!”
เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ความพยายามของพวกเขากำลังจะสัมฤทธิ์ผล
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกคนรอบนอกเห็นว่าก่อนหน้านี้หลิงฮันกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์สังหารหมู่จ้าวอสูรสวรรค์ได้อยู่แล้ว แต่พริบตาเดียวสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นว่าเขาตกอยู่ในสภาพเจียนตายแทน
สุดท้ายแล้ว… เรื่องราวจะลงเอ่ยแบบนี้จริงๆ?
‘ปัง ปัง ปัง ปัง’ เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์กระหน่ำโจมตีราวกับห่าฝน ห้วงอวกาศที่เคยมืดมิดปรากฏแสงสว่างจากการโจมตีนับไม่ถ้วนราวกับมีดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมานับสิบดวง
แม้หลิงฮันจะใช้พลังทั้งหมดออกไปแล้วและสามารถสังหารจ้าวอสูรสวรรค์จำนวนหนึ่งไปได้ แต่จำนวนของจ้าวอสูรสวรรค์ทั้งหมดก็มีมากเกินกว่าที่เขาเพียงคนเดียวจะต้านทานไหว
เขากระอักโลหิตออกมาด้วยร่างกายที่บิดเบี้ยวผิดรูปร่าง และทันใดนั้นคลื่นดาบอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนมากก็ถาโถมเข้าใส่เขาจนร่างกายขาดเป็นชิ้นๆ แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็ยังแหลกสลายไม่เหลือ
“จัดการได้แล้ว!” จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนที่เห็นเช่นนั้นก็มีท่าทีตื่นเต้นดีใจ ด้วยระดับพลังของพวกเขาย่อมสามารถมองออกว่าหลิงฮันตายแล้วจริงๆหรือไม่
“น่าเสียดายที่ดวงวิญญาณของเจ้าหนูนั่นแหลกสลายไปด้วยทำให้ไม่สามารถดึงความทรงจำมาตรวจสอบได้”
“ทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์!”
จ้าวอสูรสวรรค์ทุกคนโอดครวญ พวกเขาลงทุนเผาผลาญพลังชีวิตและใช้ทุกอย่างที่มีไปมากขนาดนี้ แต่กลับไม่สามารถนำทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์มาได้ จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร?
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!” จ้าวอสูรสวรรค์ตระกูลเหลิงอุทาน “เหตุใดกรงเพลิงถึงยังไม่หายไป?”
หากหลิงฮันตายอำนาจที่เกิดขึ้นจากเขาก็สมควรจะหายไปด้วย
“ระ… หรือว่าเจ้าหนูนั่นยังไม่ตาย!” เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ใบหน้าเปลี่ยนสี ขนาดดวงวิญญาณแหลกสลายไปแล้วหลิงฮันก็ยังไม่ตาย?
ครืนนน!
กลุ่มก้อนเปลวเพลิงปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นความร้อนอันสะพรึงราวกับสามารถหล่อหลอมได้แม้กระทั่งแร่โลหะนิรันดร์ออกมา เปลวเพิงนี้ไม่ใช่เพลิงเก้าสวรรค์ ท่ามกลางเปลวเพลิงได้มีเงาของมนุษย์ผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้นจากเศษขี้เถ้าที่ว่างเปล่า
เปลวเพลิงพลิ้วไหวไปมาและปรากฏร่างของรุ่นเยาว์ที่ทั่วร่างแผดเผาไปด้วยเพลิง ทว่าเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ร่างนั้นคือหลิงฮัน!
Anchor
กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน อีกหนึ่งไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของเขา
“เป็นไปไม่ได้!” เรื่องนี้เหล่าจ้าวอสูรสวรรค์ทำใจยอมรับไม่ได้อย่างแท้จริง คนที่ตายไปแล้วจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้อย่างไร?
เพียงแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะมีเวลาตกตะลึง กรงเพลิงก็หดเข้าหากันอย่างสมบูรณ์
“อ้ากก!” ต่อให้พวกเขาจะเป็นจ้าวอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังเพียงใด หากถูกเผาด้วยเพลิงเก้าสวรรค์ซึ่งเป็นถึงเพลิงนิรันดร์ พวกเขาก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความทรมานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ครืนนนน!
จ้าวอสูรสวรรค์มากกว่ายี่สิบคนดิ้นรนอยู่ได้ไม่นานทั้งกายหยาบและดวงวิญญาณของพวกเขาก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านและสลายหายไป
ภาพลักษณ์ของหลิงฮันที่ยืนถือดาบสองมืออย่างองอาจและผมสีดำยาวทมิฬพลิ้วไหวได้ประทับลงไปในจิตใจของทุกคนตลอดกาล
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของดินแดนใต้พิภพที่จ้าวอสูรเกินกว่าร้อยคนถูกสังหารและจ้าวอสูรสวรรค์เกินกว่ายี่สิบคนสิ้นชีพ
ไม่มีใครเคยแข็งแกร่งพอจะทำเช่นนี้ได้มาก่อน!
หลิงฮันกวาดสายตามองโดยที่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าสบตากับเขากลับ ทุกคนก้มหัวและคุกเข่าข้างเดียวราวกับกำลังคารวะเทพเจ้าแห่งสงคราม
หลิงฮันไม่ลงมือเข่นฆ่าใครต่อ จอมยุทธที่เหลือไม่ต่างอะไรจากมดปลวกอ่อนแอ หากในอนาคตใครคนไหนคิดแก้แค้นเขาก็ยินดีจะเป็นคู่ต่อสู้ให้
ตอนที่ 1593
หนึ่งวัดถัดมา วาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬก็หายไป
หลิงฮันขับเคลื่อนอุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งหน้ากลับสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ก่อนหน้านี้เขาได้สนทนากับโอวหยางไท่ซานอยู่เป็นเวลานาน ชายชราได้สอนประสบการณ์มากมายให้แก่เขา
อย่างเช่นเหตุผลที่ทำไมอัจฉริยะบางคนถึงสามารถควบแน่นดวงดาราในวิถีโคจรดาราจักรได้สองล้านหรือสามล้านดวง
อย่างม่อหลีหรือจูป้านั้น ไม่ใช่ว่าทั้งสองยังพยายามไม่มากพอแต่เป็นเพราะทั้งสองไม่มีคุณสมบัติ เหตุผลที่อัจฉริยะของดินแดนต้องห้ามควบแน่นสร้างดวงดาวได้มากกว่าสองล้านดวงเป็นเพราะสายเลือดอันบริสุทธิ์ได้รับสืบทอดมา
และมีตำนานหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่าหากควบแน่นสร้างดวงดาวในวิถีดวงโคจรดาราจักรได้ถึงสิบล้านดวงก่อนทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง จอมยุทธผู้นั้นจะได้รับวาสนาพิเศษจากสวรรค์และปฐพีทำให้เมื่อบรรลุระดับโลกียนิพพาน จอมยุทธผู้นั้นจะแข็งแกร่งเหนือกว่าจอมยุทธระดับเดียวกัน
และสำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพ การที่ควบแน่นดวงดาวได้สิบล้านดวงก็ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือจะทำให้สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนได้!
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันมา มีบางคนเชื่อว่าดวงดาวสิบล้านดวงคือขีดกำจัดที่แท้จริงของระดับวารีนิรันดร์
เหตุผลที่ทำไมมันถึงเป็นตำนานก็เพราะในระดับวารีนิรันดร์ยังไม่มีใครเคยควบแน่นดวงดาวไปถึงสิบล้านดวงมาก่อน แม้แต่เหล่าอัจฉริยะของดินแดนต้องห้ามก็ไม่สามารถทำได้
สิ่งที่โอวหยางไท่ซานอยากบอกก็คือ เขาหวังไม่ให้หลิงฮันรีบร้อนทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งเร็วเกินไปและพยายามขัดเกลาพลังให้ได้ตามที่ตำนานกล่าวเอาไว้
หลิงฮันมั่นใจว่าตนเองจะสามารถเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้แน่นอน เพราะงั้นหากต้องการอยู่เหนือกว่าอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียนเขาก็ต้องขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้เหนือกว่ามาตรฐานของที่นั่น ไม่เช่นนั้นเมื่อไปถึงดินแดนแห่งเซียนเขาคงเป็นได้เพียงอัจฉริยะทั่วไปไม่ใช่ราชา
เมื่อรู้แบบนี้หลิงฮันก็ตัดสินใจว่าเขาจะต้องควบแน่นดวงดาวให้บรรลุถึงสิบล้านดวงให้ได้ ส่วนจักรพรรดินีน่ะรึ?
หากนางต้องการควบแน่นดวงดาวสิบล้านดวงเช่นกัน นางก็ต้องเลื่อนระยะเวลาทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งออกไปอีก
“เห้อ เพื่ออนาคตของนางคงข้าคงต้องทน” หลิงฮันถอนหายใจ “จะช้าแค่ไหนนางก็ยังเป็นภรรยาของข้า แต่หากพลาดที่จะขัดเกลาพลังให้บรรลุขีดจำกัดไปครั้งหนึ่งจะส่งผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของนาง”
จักรพรรดินีมีแก่นกำเนิดนิรันดร์อันไร้เทียมทานและบ่มเพาะทักษะราชานิรันดร์ เพราะงั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่นางจะสามารถบรรลุขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์ ส่วนสตรีนกอมตะนั้นคงเป็นไปไม่ได้
หลิงฮันปรึกษากับจักรพรรดินี ทั้งคู่ตัดสินใจจะขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์
ส่วนสตรีนกอมตะนางได้ตัดสินใจตั้งเป้าหมายคือต้องบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งให้เร็วที่สุด
เขาระบุพิกัดให้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเคลื่อนที่แวะผ่านดาวไห่คงด้วย ในเมื่อเขากำลังจะออกจากดินแดนใต้พิภพหลิงฮันก็ต้องไปกล่าวลาจ้าวอสูรขวงล่วนและจ้าวอสูรป้าเจี้ยนเสียก่อนเนื่องจากทั้งสองคนมีบุญคุณเคยออกหน้าปกป้องเขา
ก่อนหน้านี้โอวหยางไท่ซานเป็นคนพาเขาเดินทางจึงบรรลุถึงจุดหมายได้รวดเร็ว แต่เมื่อเขาต้องเดินทางด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเอง การเดินทางกลับไปดาวไห่คงจึงกินเวลาถึงครึ่งปี
เมื่อระบุพิกัดของห้วงอวกาศแล้วหลิงฮันก็ไม่จำเป็นต้องควบคุมอุปกรณ์บินแหวกเมฆาด้วยตัวเอง เขาเก็บตัวอยู่ในหอคอยทมิฬและบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏ
แต่หลิงฮันออกมาภายนอกเป็นระยะเพื่อดูสถานการณ์ เนื่องจากการเดินทางในห้วงอวกาศนั้นไม่มีความแน่นอน ตามเส้นทางพวกเขาอาจจะพบเจอโจรอวกาศก็เป็นได้
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสี่เดือน เมื่อหลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬใบหน้าของเขาก็ต้องแสดงออกถึงความประหลาดใจ
ที่ด้านหน้าของเขามีบุปผาขนาดมหึมาที่ไม่อาจสรรหาคำมาอธิบายความใหญ่โตของมันได้ปรากฏอยู่ แม้แต่สีของมันหลิงฮันก็ไม่รู้จะเรียกว่าสีอะไร
แต่ทั้งๆที่มันมีขนาดใหญ่มหึมาแท้ๆ เขากลับรู้สึกว่าบุปผาตรงหน้าไม่อาจเอื้อมถึงราวกับไม่มีอยู่จริง น่าประหลาดนัก…
“นั่นมันบุปผาอะไร?” หลิงฮันจ้องมอง จากความรู้ที่เขาเคยศึกษามา บุปผาตรงหน้าไม่เหมือนกับสมุนไพรใดๆของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย
จะบอกว่าเป็นเพราะที่นี่คือดินแดนใต้พิภพก็ไม่ใช่ เนื่องจากดินแดนทั้งสองเคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน มีเพียงสมุนไพรบางชนิดเท่านั้นที่สามารถเติบโตได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่สามารถเติบโตในดินแดนใต้พิภพ หรือไม่ก็สามารถเติบโตได้ในดินแดนใต้พิภพแต่ไม่สามารถเติบโตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“หรือว่า… บุปผามหึมาจะเป็นสมุนไพรนิรันดร์!”
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน แม้ความคิดนี้จะฟังดูไร้สาระแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ต้นสังสารวัฏที่เขามีก็เป็นสมบัติของดินแดนแห่งเซียนไม่ใช่รึ?
“หอคอยน้อย ดูให้หน่อยว่าสิ่งนี้คืออะไร?” หลิงฮันเอ่ย
“บุปผาห้วงมิติ” หอคอยน้อยกล่าวทันที “มันคือบุปผานิรันดร์ประเภทหนึ่งที่จะเติบโตในช่องว่างมิติเท่านั้น การที่มันจะปรากฏขึ้นที่ดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ”
หลิงฮันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “บุปผานิรันดร์? ด้วยบุปผาที่ว่าจะช่วยให้กลายเป็นนิรันดร์ได้?”
หอคอยน้อยเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “ช่างเพ้อฝัน สมุนไพรนิรันดร์แบ่งออกเป็นหลายประเภทนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้มีไว้สำหรับช่วยเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะ สมุนไพรประเภทบุปผานิรันดร์นั้นจะช่วยทำให้สามารถรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ระดับสูงของดินแดนแห่งเซียน กล่าวคือหากเจ้าดูดซับอำนาจของมันเจ้าจะสามารถฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของมันได้”
“บุปผาห้วงมิติคือบุปผานิรันดร์ที่แฝงเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติ หากเจ้าทำความเข้าใจอำนาจของมันได้เจ้าจะสามารถควบคุมมิติภายในดินแดนแห่งเซียน”
“สิ่งนี้คือสมบัติของดินแดนแห่งเซียนที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็อาจจะเกิดความสนใจ”
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย “งั้นก็ต้องนำมันมาให้ได้”
“ฮ่าๆ” หอคอยน้อยหัวเราะเยาะเย้ย “บุปผาห้วงมิตินั้นแฝงเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติ แม้เจ้าจะเห็นเหมือนมันอยู่ตรงหน้า แต่แท้จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ห่างไกลออกไปเพียงใด บางทีในขณะที่เจ้ามุ่งหน้าไปครึ่งทางมันก็อาจจะถูกเก็บเกี่ยวไปก่อนแล้วก็ได้”
“ถ้าเจ้าไม่ขัดข้าเจ้าจะตายรึไง?” หลิงฮันไม่สบอารมณ์ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะควบคุมทิศทางอุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งไปยังตำแหน่งของบุปผานิรันดร์
สองวัน… สามวัน… หนึ่งเดือน… สองเดือน!
เป็นอย่างที่หอคอยน้อยกล่าว บุปผาห้วงมิติที่ดูเหมือนจะมองเห็นจากทุกระยะทาง แท้จริงแล้วอยู่ห่างไกลเป็นอย่างมาก
หลิงฮันเริ่มท้อแท้เนื่องจากไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานกี่ปีกว่าจะไปถึง แต่ไหนๆเขาก็เสียเวลามาถึงสองเดือนแล้วจะให้ยอมแพ้ง่ายๆก็กระไรอยู่จึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน มิติของห้วงอวกาศก็เริ่มแปลกประหลาด ทั้งๆที่เขากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแท้ๆ แต่ผ่านไปครู่หนึ่งเขากลับพบว่าไม่รู้ทำไมตัวเขาถึงได้เคลื่อนที่กลับมายังเส้นทางเดิมที่เคยผ่านไปแล้ว
หลิงฮันไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ ในเมื่อห้วงมิติเกิดการผันผวนนั่นหมายถึงเขาเริ่มเข้าใกล้บุปผาห้วงมิติแล้ว
ตอนที่ 1594
ห้วงมิติของบริเวณนี้บิดเบี้ยวผิดรูปร่างอย่างน่าแปลกประหลาด
เมื่อหลิงฮันเคลื่อนที่ไปด้านหน้าหนึ่งช่วงจะกลายเป็นว่าเขาล่าถอยกลับมาสามช่วง หรือบางครั้งเมื่อเขาเล่าถอยหนึ่งช่วงกลับกลายเป็นว่าเข้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าสิบช่วง
“มีเพียงการที่เจ้าเข้าใจอำนาจกฎแห่งเกณฑ์มิติเท่านั้นถึงจะหาทางลัดพบ” หอคอยน้อยกล่าว “แต่เจ้าค่อยๆใช้เวลาคลำหาทางไปก็ได้ แต่ต่อให้เจ้าจะเจอเส้นทางที่ถูกต้อง หากบุปผาห้วงมิติมีการเปลี่ยนแปลงแม้เล็กน้อยเจ้าก็ต้องคลำหาทางใหม่ตั้งแต่ต้น”
“ในดินแดนแห่งเซียน วิถีของราชานิรันดร์ที่เชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิตินั้นเป็นหนึ่งในวิถีที่ยากลำบากที่สุด” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงหึกเหิมโดยที่หลิงฮันยังไม่ถามอะไร “เพียงแต่ราชานิรันดร์ที่ฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิตินั้นก็แค่ต่อกรด้วยยากเท่านั้น หากพบเจอกับราชานิรันดร์ที่ฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารต่างหากถึงจะเรียกว่าสิ้นหวังอย่างแท้จริง อำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารนั้นเพียงแค่นึกคิดก็สามารถทำให้ศัตรูสิ้นชีพได้”
“ในด้านของพลังต่อสู้เพียงอย่าวเดียว มีแค่ราชานิรันดร์ที่ฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารเท่านั้นที่สามารถสู้ข้ามระดับได้ เพียงแต่ว่าหากบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าสวรรค์เมื่อไหร่ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์จะไม่มีผลอีกต่อไป ราชานิรันดร์ระดับเก้าสวรรค์คือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเต๋าแห่งนิรันดร์ พวกเขาไม่มีข้อได้เปรียบหรือข้อเสียเปรียบในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ สิ่งที่จะวัดกันได้มีเพียงว่าใครคนไหนเชี่ยวชาญในพลังมากกว่ากัน”
หลิงฮันถอนหายใจและกล่าว “วันนี้เจ้ากินยาผิดขวดรึไง เหตุใดถึงได้พูดเยอะแปลกๆ?”
“ข้าไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว…” หอคอยน้อยเค้นเสียงก่อนจะเลิกพูดกับหลิงฮัน
น่าเสียดายที่ฮูหนิวไม่อยู่ที่นี่ เด็กสาวผู้นี้ราวกับเกิดมาเพื่อเป็นเข็มทิศ อยู่กับนางหลิงฮันไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง
หลิงฮันเรียกจักรพรรดินีออกมา เหตุผลที่เรียกคือหนึ่งจักรพรรดินีมีแก่นกำเนิดนิรันดร์ บางทีนางอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง และสองคือเขาเบื่อ หากมีจักรพรรดินีอยู่ด้วยย่อมอุ่นใจกว่าอยู่คนเดียว
ยิ่งกว่านั้นจักรพรรดินีก็ยังสามารถแยกร่างได้ถึงเก้าร่าง ต่อให้ร่างหลักของนางออกมาอยู่กับเขาร่างแยกอีกเก้าร่างก็ยังบ่มเพาะพลังต่อไปได้โดยเสียเวลาบ่มเพาะลดลงเพียงหนึ่งในสิบ
“บุปผาห้วงมิติ!” จักรพรรดินีเผยสีหน้าตะลึง นางพอมีความทรงพลังคร่าวๆของดินแดนแห่งเซียนที่ส่งผ่านสายเลือดและแก่นกำเนิดนิรันดร์อยู่บ้าง
“อำนาจแห่งกฎเกณฑ์บางประเภทฝึกฝนได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา อำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ว่ามานี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมและจะฝึกฝนได้ก็ต่อเมื่อดูดซับอำนาจของสมุนไพรนิรันดร์เพียงอย่างเดียว”
“มิติคือหนึ่งในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังที่สุดก่อนบรรลุราชานิรันดร์เก้าสวรรค์”
หลิงฮันพยักหน้า “เพราะงั้นพวกเราจึงต้องนำบุปผาห้วงมิติมาครอบครองให้ได้”
ทั้งสองคนร่วมมือกันปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ตรวจสอบการผันผวนของห้วงมิติและเคลื่อนที่ไปด้านหน้า
โชคดีที่ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เมื่อร่วมมือกันแล้วความเร็วในการเคลื่อนที่จึงรวดเร็วกว่าเดิมมาก แต่พวกเขาก็กลัวว่าจะเป็นอย่างที่หอคอยน้อยบอก หากบุปผาห้วงมิติเกิดการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยพวกเขาจะต้องเริ่มต้นคลำหาเส้นทางใหม่ตั้งแต่ต้น
‘พรึบ’ เวลาผ่านไปไม่กี่วัน คลื่นแสงแห่งเต๋าก็ลอยผ่านเข้ามาพร้อมกับจ้าวอสูรปรากฏตัว เนื่องจากบุปผาห้วงมิติสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดแม้จะอยู่คนละเขตดวงดาว ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่มันจะดึงดูดความสนใจของจ้าวอสูร
จ้าวอสูรที่ปรากฏตัวคือชายที่มีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุห้าสิบปี เขาไม่แยแสอุปกรณ์บินแหวกเมฆาแม้แต่น้อยเนื่องจากพวกหลิงฮันยังไม่บรรลุแม้ระดับสร้างสรรพสิ่ง
เขาปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ออกมาเช่นกันและคลำหาเส้นทางของห้วงมิติอันบิดเบี้ยว
หลิงฮันไม่หวาดกลัวจ้าวอสูรผู้นี้ ไม่ใช่ว่าเขายังเหลือวาสนาศักดิ์สิทธิ์อีกสองครั้งแต่เป็นเพราะห้วงมิติของที่นี่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก แม้พวกเขาทั้งสองฝ่ายจะอยู่ห่างกันเพียงสิบไมล์ แต่กว่าจ้าวอสูรผู้นั้นจะมาถึงพวกเขาได้คงต้องใช้เวลานับปี
ความลึกลับของมิติช่างน่าอัศจรรย์
หลิงฮันรู้สึกสนใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติเป็นอย่างมาก หากเขาฝึกฝนสำเร็จเขาจะสามารถส่งการโจมตีของศัตรูข้ามมิติไปยังสถานที่อื่นได้ หรือแม้กระทั่งสามารถส่งการโจมตีกลับคืนไปยังศัตรู
หรือหากเขาเป็นคนโจมตี บางทีเขาอาจจะสามารถโจมตีข้ามผ่านห้วงมิติไปสังหารเป้าหมายที่อยู่คนละเขตดวงดาวได้เลย
น่าเสียดายที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติไม่ใช่สิ่งที่จะเรียนรู้ได้ผ่านกฎธรรมชาติของสวรรค์และปฐพี แต่จะฝึกฝนได้ก็ต่อเมื่อดูดซับอำนาจมาจากสมุนไพรนิรันดร์
‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คลื่นแห่งเต๋าสีทองค่อยๆปรากฏออกมา จ้าวอสูรหลายคนถูกบุปผานิรันดร์ดึงดูดให้มาที่นี่
หนึ่งเดือนต่อมา จู่ๆหลิงฮันก็พบว่ามีบุปผาขนาดเล็กเพียงหนึ่งฟุตปรากฏอยู่ที่ด้านหน้า ด้วยอำนาจกฎเกณฑ์มิติทำให้บุปผาต้นนี้ดูเหมือนจะมีสีแต่ก็ไม่มี ความงดงามของมันยากเกินกว่าจะพรรณนาเป็นคำพูด
นี่คือร่างที่แท้จริงของบุปผาห้วงมิติ!
ในช่วงบริเวณที่ห่างออกมาจากบุปผาห้วงมิติราวๆหนึ่งไมล์ได้เกิดช่องว่างมิติบิดเบี้ยวไม่เสถียร มิติบิดเบี้ยวเหล่านี้สามารถกลายเป็นหลุมดำได้ตลอดเวลา
หากบุปผาห้วงมิติปรากฏให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างเช่นนี้ ย่อมหมายถึงมันเติบโตจนสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว เพียงแต่ว่าบุปผานิรันดร์นั้นไม่มีเมล็ดอยู่ภายในทำให้ไม่สามารถนำไปปลูกต่อได้ มันถือกำเนิดขึ้นมาเองด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพี
เหล่าจ้าวอสูรที่อยู่รอบข้างจ้องมองด้วยดวงตาแดงฉาน
อันที่จริงนอกจากหลิงฮันกับจักรพรรดินีแล้ว ไม่มีใครอื่นที่รู้ถึงต้นกำเนิดของบุปผาห้วงมิติ แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าจ้าวอสูรก็สามารถคาดเดาถึงความล้ำค่าของบุปผาต้นนี้ได้และต้องแย่งชิงมาอย่างสุดความสามารถ
“หากใครยังไม่อยากตายก็ไสหัวไป!” จ้าวอสูรผู้หนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา เขาคำรามผ่านสัมผัสสวรรค์และเปิดเผยพลังบ่มเพาะของตนเองให้รับรู้… จ้าวอสูรระดับดำ!
เมื่อเห็นเช่นนี้ จอมยุทธโดยรอบกว่าหนึ่งสามส่วนก็รีบหันหลังจากไปทันที
ต่อให้บุปผาตรงหน้าจะเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำก็ตาม แต่จะให้ยอมเสี่ยงชีวิตปะทะกับจ้าวอสูรระดับดำนั้นไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลย
และนั่นก็เพราะพวกเขาไม่รู้ด้วยว่าบุปผาห้วงมิติคือสมุนไพรนิรันดร์ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงทุ่มเททุกอย่างสุดความสามารถเพื่อแย่งชิงมันมา
“ฮึ่ม พวกเจ้าที่ยังไม่ไสหัวไป หากพบเจอกันอย่าได้กล่าวหาว่าข้าไร้ความเมตตา!” จ้าวอสูรระดับดำผู้นั้นกล่าวโหดเหี้ยม
“นั่นมันจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นแห่งดาวตู้หลง!”
“เขาคือจ้าวอสูรระดับดำที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง”
“เพียงแต่ว่าห้วงมิติที่บริเวณนี้ซับซ้อนเป็นอย่างมาก เขาอาจจะไม่ใช่คนแรกที่ได้ครอบครองสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ!”
มีจ้าวอสูรจำนวนมากที่ไม่หวาดกลัวคำขู่ แม้จ้าวอสูรส่วนใหญ่จะเป็นเพียงจ้าวอสูรระดับเหลือง แต่ความเร็วของจ้าวอสูรนั้นแทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ พวกเขาจึงตั้งใจว่าหากได้ครอบครองสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำก่อนจะรีบเผ่นหนีไปทันที
หลิงฮันยังคงมีท่าทางสงบนิ่ง เพื่อสมุนไพรนิรันดร์แล้ว หากต้องใช้วาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬก็ถือว่าคุ้มค่า
“โอ้ ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ แค่ออกมาจากตระกูลครั้งแรกข้าก็ได้พบเจอบุปผาห้วงมิติ!” เสียงของใครบางคนดังขึ้น เมื่อมองไปยังต้นเสียงจะพบเจอกับรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่รอบกายส่องประกายแสงเจิดจ้า เขาสวมชุดคลุมสีขาวที่ดูธรรมดาเรียบง่าย แต่หากมองไปยังรูปแบบอาคมที่ส่องประกายบนชุดแล้วจะรู้ได้ทันทีว่ามันคือสมบัติล้ำค่า
ตอนที่ 1595
รุ่นเยาว์ผู้นั้นกล่าวราวกับไม่มีใครอื่นอยู่ที่นี่และบุปผานิรันดร์กลายเป็นของเขาแล้ว
หลิงฮันประหลาดใจมาก
บุปผาห้วงมิติคือสมุนไพรนิรันดร์ การที่จะรู้ชื่อของมันได้ผู้พูดต้องเป็นคนของดินแดนแห่งเซียนเท่านั้น แม้จะเป็นดินแดนต้องห้ามก็อาจจะไม่รู้ชื่อของบุปผาต้นนี้เนื่องจากบุปผานิรันดร์นั้นพบเจอได้ยากยิ่ง ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมายาวนานเหล่าดินแดนต้องห้ามคงไม่มีข้อมูลใดๆของบุปผานิรันดร์หลงเหลืออยู่
นั่นหมายความว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้มาจากดินแดนแห่งเซียน!
มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นอย่างที่หลิงฮันคิด แต่ว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น หากเขามาจากดินแดนแห่งเซียนจริงเบื้องหลังของเขาจะต้องทรงพลังมากเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถส่งคนมาที่นี่ได้
แต่คนของดินแดนแห่งเซียนจะมาที่นี่ทำไมกัน?
การที่หลิงฮันเคยมีพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่ใช่จ้าวอสูรหรือเซียนอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เป็นทั้งสองอย่าง อีกฝ่ายคือจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งที่แท้จริง
จ้าวอสูรหลายคนจดจ้องไปยังชายหนุ่ม ท่าทางของเขาอวดดีเป็นอย่างมากและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทว่าการที่สามารถบรรลุเป็นจ้าวอสูรได้ด้วยอายุที่ดูเยาว์วัยเช่นนี้นับว่าอัศจรรย์มาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีท่าทีหยิ่งผยอง
รุ่นเยาว์ผู้นั้นชำเลืองมองฝูงคนโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ แววตาของเขาแสดงออกถึงความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ท่าทางดูถูกของเขานั้นเหนือยิ่งไปกว่าคนของดินแดนต้องห้ามเสียอีก เพราะงั้นหลิงฮันจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องมาจากดินแดนแห่งเซียนไม่ผิดแน่
“เหอะ พวกเศษสวะคิดจะแย่งชิงบุปผานิรันดร์กับข้า?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นส่ายหัวและยิ้ม “ชื่อของคือหานฉี ส่วนข้าจะมาจากไหนนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ ที่พวกเจ้าควรตระหนักไว้มีอย่างเดียวคือข้าเป็นตัวตนสูงส่งที่พวกเจ้าทำได้เพียงคารวะบูชา”
“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดทุกคน!”
เขากล่าวเหมือนกับจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นก่อนหน้านี้ แต่ทว่าในครั้งนี้จ้าวอสูรทุกคนต่างแสดงท่าทีเหยียดหยามออกมา แม้แต่จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นก็ยังเค้นเสียงดูถูกเช่นกัน
ห้วงมิติบิดเบี้ยวของบริเวณนี้นั้น แม้ดูแล้วจะเหมือนทุกคนอยู่ห่างกันเพียงสิบฟุต แต่ระยะห่างที่แท้จริงนั้นอาจจะไกลยิ่งกว่าร้อยล้านไมล์ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถทำร้ายใครได้
‘คอยก่อนเถอะ!’
ทุกคนคิด แน่นอนว่าพวกเขาไม่เก็บคำพูดของรุ่นเยาว์ผู้นั้นมาใส่ใจ ในความคิดของพวกเขาอีกฝ่ายที่เยาว์วัยขนาดนั้นหากจะบรรลุเป็นจ้าวอสูรได้ก็คงเป็นเพียงจ้าวอสูรระดับเหลืองเท่านั้น
พวกเขาคลำทางต่อไปเพื่อหวังครอบครองบุปผาห้วงมิติ
หลิงฮันกับจักรพรรดินีออกมาจากอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเนื่องจากในห้วงมิติบิดเบี้ยวนี้ความเร็วไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ อุปกรณ์บินแหวกเมฆาจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
เมื่อจักรพรรดินีปรากฏตัว ห้วงจักรวาลอันมืดมิดก็ราวกับสว่างไสวขึ้นมาทันตา ทุกคนหลงไหลในความงดงามหาใครเปรียบอันเป็นเอกลักษณ์ของจัรพรรดินีทันที
หานฉีเผลอจดจ้องไปยังจักรพรรดิโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
สตรีที่งดงามเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก!
จิตใจของเขาสั่นสะท้านและตัดสินใจว่าสตรีงดงามผู้นี้ต้องเป็นของเขา
ไม่คาดคิดว่าการถูกตระกูลส่งมาหาประสบการณ์ในครั้งนี้จะทำให้เขาได้ครอบครองทั้งสมุนไพรนิรันดร์และสตรีงามล่มเมือง!
บุปผานิรันดร์นั้นแม้จะเป็นในดินแดนแห่งเซียนก็ยังล้ำค่าเกินพรรณนา ส่วนสตรีที่งดงามขนาดนี้ เกรงว่าในดินแดนแห่งเซียนก็คงหาใครเปรียบไม่ได้
ทุกคนพยายามเต็มที่เพื่อเคลื่อนที่ไปด้านหน้า แต่เพียงมิติที่บิดเบี้ยวนั้นซับซ้อนเกินไป การก้าวพลาดเพียงก้าวเดียวมีโอกาสที่จะย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น
เพียงแต่ว่าหลังจากเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องสี่วัน จู่ๆทุกคนก็รู้สึกว่าสัมผัสสวรรค์ของพวกเขาไม่อาจสัมผัสห้วงมิติที่บิดเบี้ยวได้อีกต่อไป
ไม่คาดคิดว่าห้วงมิติในระยะสามร้อยเมตรจะกลับกลายเป็นห้วงมิติธรรมดา!
บุปผาห้วงมิติพลิ้วไหวไปมากลางอวกาศ แม้มันไม่ปลดปล่อยกลิ่นหอมใดๆออกมา ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศผ่อนคลายที่ลอยผ่านเข้ามาทางจมูก
หานฉีตะโกนออกมาอย่างเหยียดหยามทันที “พวกเจ้าทุกคนไสหัวไป อย่าได้บังอาจมาแย่งวาสนาของข้าผู้นี้!”
“รุ่นเยาว์ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นกล่าวอย่างเย็นชา
“รนหาที่ตาย!” หานฉีชี้นิ้ว คลื่นแสงสีแดงทะยานออกจากปลายนิ้วของเขาพุ่งเข้าใส่จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นด้วยความเร็วสูง
‘โพล๊ะ’ คลื่นแสงทะลุผ่านหน้าผากของจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นพร้อมกับมีโลหิตไหลทะลักออกมา แววตาของจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นดับวูบและกลายเป็นซากศพในทันที
กลางอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วง ร่างที่ไร้ดวงวิญญาณของเขาจึงยังคงยืนแน่นิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่แขนและขาห้อยลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
จอมยุทธทุกคนที่อยู่โดยรอบชะงักตกตะลึง
จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นเป็นถึงจ้าวอสูรระดับดำ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับถูกรุ่นเยาว์ผู้นี้สังหารภายในหนึ่งกระบวนท่าโดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย นี่พวกเขากำลังฝันไปรึเปล่า? พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกสงสัยดวงตาของตัวเอง
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึว่าให้ไสหัวไป ไม่เช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าไร้ความเมตตา!” หานฉีกล่าวอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับปลดปล่อยออร่าพลังบ่มเพาะออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“จะ จะ จะ… จ้าวอสูรสวรรค์!” จอมยุทธทุกคนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
โดยสถานการณ์ปกติแล้วจ้าวอสูรระดับเหลืองไม่ได้หวาดกลัวจ้าวอสูรสวรรค์มากเท่าไหร่เนื่องจากความเร็วของจ้าวอสูรนั้นแทบจะไม่ต่างกัน
แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่ใช่สถานการณ์ปกติทั่วไป
นอกจากบริเวณที่พวกเขาอยู่ ห้วงมิติรอบด้านนั้นซับซ้อนมากจนพวกเขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะผ่านพ้นมาได้ หากพวกเขาจะเผ่นหนีกลับทางเดิมพวกเขาก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกับตอนที่ผ่านเข้ามา ดังนั้นกว่าพวกเขาจะหนีพ้นคงถูกจ้าวอสูรสวรรค์สังหารไปแล้วเกินกว่าร้อยครั้งแล้ว
พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างแท้จริง!
ใครหลายคนมองไปยังบุปผานิรันดร์ พวกเขาเชื่อว่าเหตุผลที่ห้วงมิติรอบด้านปั่นป่วนนั้นมีสาเหตุมาจากบุปผาแปลกประหลาดต้นนี้ เพราะงั้นหากพวกเขาเก็บบุปผาไปห้วงมิติปั่นป่วนโดยรอบก็ต้องกลับคืนสู่สภาพปกติและพวกเขาก็จะหลบหนีจากเงื้อมมือของจ้าวอสูรสวรรค์พ้น
“เหอๆ อย่าได้คิดอะไรเพ้อฝัน!” หานฉีหัวเราะ ร่างของเขาปลดปล่อยหมอกควันสีขาวออกมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ
ร่างทุกคนชะงักทันที พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างของพวกเขาถูกทักษะอาคมบางอย่างสะกดเอาไว้ ทำให้แม้แต่หนึ่งนิ้วก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
จบสิ้นแล้ว!
ตอนที่ 1596
หานฉีพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลังโดยไม่แยแสจ้าวอสูรทุกคนที่นี่
ในความคิดของเขา คนเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น ต่อให้สังหารไปก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ
“ข้าล่ะรังเกียจดินแดนแห่งนี้เสียจริง” เขาดึงนิ้วกลับมาก่อนจะมองไปยังฝูงชนที่กำลังมีท่าทีหวาดกลัวบนใบหน้า “ที่ที่ข้าจากมานั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกฝนวรยุทธ แต่ที่ข้าต้องมาอยู่ที่นี่เป็นเพราะผู้อาวุโสของตระกูลต้องการให้ข้ามาหาประสบการณ์”
“ข้าคิดถึงสหายของข้าเป็นอย่างมากและอยากจะกลับไปยังสถานที่ของข้าจะแย่แต่ก็ทำไม่ได้ ข้าต้องทนอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้กับมดปลวกอย่างพวกเจ้า!”
“เพียงแต่ในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจข้า” เขาจ้องมองไปยังจักรพรรดินี “โชคชะตาได้พาข้ามาพบกับสตรีที่งดงามเช่นนี้แถมยังได้ครอบครองสมุนไพรนิรันดร์อีก!” เขาเผยรอยยิ้มก่อนจะคว้ามือไปยังจักรพรรดินี
“หอคอยน้อย!” หลิงฮันกล่าวในใจ
‘ครืนนน’ พริบตาเดียวร่างของเขาก็ท่วมท้นไปด้วยพลังมหาศาล พลังบ่มเพาะของเขายกระดับเป็นสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดทันที ‘ปัง’ หลิงฮันปล่อยฝ่ามือต่อต้านมือที่พุ่งเข้ามาของหานฉี
“หืม?” หานฉีชะงักเล็กน้อย เขายกมือของตนเองขึ้นมาดูและพบว่าฝ่ามือของเขาปรากฏรอยแผลที่มีโลหิตใส่กระจ่างดั่งหยกไหลออกมา เขาหันไปมองที่หลิงฮันพร้อมกับกล่าว “เจ้าช่างประหลาดนัก เมื่อครู่พลังบ่มเพาะยังเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์แท้ๆแต่จู่ๆกลับกลายเป็นระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุด แถมออร่าของเจ้า… ยังผสานเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสอง! เจ้าไม่ใช่คนของที่นี่!”
โลกบรรพกาลนั้นถูกแบ่งเป็นสองดินแดนทำให้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนและไม่สามารถฝึกฝนได้พร้อมกัน
ดังนั้น การที่จะผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองเป็นหนึ่งได้จึงมีเพียงความเป็นไปได้เดียว อีกฝ่ายเป็นคนที่มาจากดินแดนแห่งเซียนเหมือนกับเขา!
เหล่าจ้าวอสูรคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเห็นความหวังที่จะมีชีวิตรอด
ระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุด หรือก็คือจ้าวอสูรสวรรค์สูงสุด
ตราบใดที่หลิงฮันยินดีช่วยเหลือ พวกเขาก็จะไม่ต้องตกตายด้วยเงื้อมมือของหานฉี!
หลิงฮันปลดปล่อยออร่าออกมาเพื่อทำลายหมอกควันสีขาว แต่ทว่าหมอกควันนี้แท้จริงแล้วเป็นทักษะลับของตระกูลหานที่ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ สุดท้ายหลิงฮันก็สามารถสลายหมอกให้ได้เพียงแค่ตัวเองเท่านั้น
“ฮ่าๆๆๆ!” หานฉีหัวเราะ “ในเมื่อเจ้าเองก็มาจากดินแดนแห่งเซียนเจ้าไม่รู้รึว่าทักษะของข้าคือทักษะนิรันดร์? ว่าแต่เจ้ามาจากเมืองและตระกูลใดกัน? จงบอกมาแล้วข้าจะไว้ชีวิต”
เขาไต่ถามสถานะของหลิงฮัน หากหลิงฮันเป็นคนของดินแดนแห่งเซียนจริงเขาก็จะยอมเมตตา
ขุมอำนาจที่จะสามารถส่งคนมานอกดินแดนแห่งเซียนได้นั้นมีเพียงขุมอำนาจที่ทรงพลังมากๆ เพราะงั้นหากรุ่นเยาว์ที่พวกเขาส่งมาถูกสังหาร ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังจะรับรู้ได้แน่นอนว่าใครคือคนลงมือ
ด้วยเหตุนี้หานฉีจึงต้องการรู้สถานะของหลิงฮันก่อนที่จะเผลอไปยั่วยุ
แม้เขาจะหยิ่งยโสแต่ก็ไม่ได้โง่เขลา ไม่เช่นนั้นแล้วตระกูลคงไม่ส่งมาเขาหาประสบการณ์ที่โลกบรรพกาลแห่งนี้
เหล่าจ้าวอสูรเผยสีหน้ามึนงง ดินแดนแห่งเซียนคืออะไร? หรือจะเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังมากของดินแดนใต้พิภพงั้นรึ?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เมืองธุลีจันรทรา ตระกูลติง” เขาจงใจโยนปัญหาไปให้กับตระกูลติง
หานฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “ที่แท้ก็เป็นเพียงเมืองขนาดเล็กหนึ่งดาว!” ท่าทีของเขาไม่หลงเหลือความหวาดระแวงอีกต่อไป แม้เขาจะไม่เคยได้ยินชื่อของตระกูลติงแต่เขารู้ว่าเมืองธุลีจันรทราคือเมืองระดับใด ที่เมืองแห่งนั้นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดคือนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเท่านั้นซึ่งไม่สามารถนำมาเทียบกับตระกูลหานของเขาได้
เพียงแต่เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ตัวตนระดับโลกียนิพพานนั้นไม่น่าจะสามารถส่งคนออกมานอกดินแดนแห่งเซียนได้ไม่ใช่รึไงกัน? แต่จะอย่างไรก็ช่าง เขาไม่ต้องกังวลเรื่องขุมอำนาจเบื้องหลังหลิงฮันอีกต่อไป นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานไม่นับเป็นอันใดได้สำหรับตระกูลหาน
“เจ้าคงไม่รู้ที่ต่ำที่สูงสินะถึงได้กล้าต่อต้านข้า!” หานฉีแสยะยิ้ม เมื่อมันใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป เขาปล่อยมือขวาเข้าใส่หลิงฮันทันที
หลิงฮันโคจรทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ความมืดมิดอันเป็นอนันต์ปกคลุมไปทั่วพื้นที่และปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้า
หมอกสีขาวถูกกลืนกินและแทนที่ด้วยความมืดมิด เพียงแต่หมอกสีขาวก็ใช่ว่าจะสลายหายไปหมด รอบด้านพวกเขาแบ่งออกเป็นพื้นที่สีขาวและดำอย่างละห้าส่วน
“หืม?”
ทั้งหลิงฮันและหานฉีตกตะลึงเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร่งถึงขนาดทัดเทียมตัวเองได้
หลิงฮันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที พลังบ่มเพาะและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาได้รับจากหอคอยทมิฬชั่วคร่าวไม่ใช่พลังของเขาจริงๆ หลิงฮันเชื่อว่าหากเป็นพลังที่เขาบ่มเพาะเองจะต้องทรงพลังกว่านี้มาก หรือก็คือพลังของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียน
แต่หานฉีมีท่าทีแตกต่างกับหลิงฮันอย่างสิ้นเชิง เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก ตระกูลหานเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังในดินแดนแห่งเซียนและเขาก็เป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลหาน หากเป็นการต่อสู้ระดับเดียวกันตัวเขาย่อมสมควรเป็นฝ่ายกำราบศัตรูได้อย่างราบคาบ
เพราะงั้นเขาจึงไม่อาจยอมรับได้ที่หลิงฮันมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับเขา
“ก็แค่ทักษะของพวกเรามีอำนาจเทียบเท่ากันเท่านั้น อย่าได้ลำพองใจ!” หานฉีแสยะยิ้มเหยียดหยาม พลังต่อสู้ที่แท้จริงไม่ได้ตัดสินกันด้วยทักษะเพียงอย่างเดียว
หลิงฮันยิ้ม สมควรเป็นเขาต่างหากที่ต้องพูดประโยคนั้นออกมา เขาที่ครอบครองเพลิงเก้าสวรรค์อันทรงพลัง ในระดับเดียวกันใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?
นอกเสียจากว่าศัตรูจะมีไพ่ลับระดับราชานิรันดร์เช่นเดียวกันเป็นอย่างน้อย!
“พวกเจ้าทุกคนรีบล่าถอย ข้ารับปากว่าจะคุ้มกันพวกเจ้าให้ปลอดภัย!” หลิงฮันกล่าว เนื่องจากตอนนี้ความมืดมิดกับหมอกสีขาวกำลังต่อต้านกันอยู่ จ้าวอสูรคนอื่นๆจึงกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
จ้าวอสูรทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงฮันจะกล่าวเช่นนี้กับพวกเขา
“ฮึ่ม ต่อให้ล่าถอยไปไหนผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!” หานฉีไม่อาจยอมรับได้ หากเขาลงทุนปลดปล่อยทักษะลับของดินแดนแห่งเซียนออกมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรคนเหล่านี้ก็ต้องตาย!
“หมอกเหมันต์เยือกแข็ง!” หานฉีเค้นเสียง พริบตานั้นเองหมอกสีขาวก็ได้ปลดปล่อยบรรยากาศอันเย็นยะเยือกออกมา ความหนาวเย็นนี้แม้แต่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดก็ต้องรู้สึกถึงภัยคุกคาม
ร่างของจ้าวอสูรทุกคนสั่นกระตุกไปมา ต่อให้หลิงฮันจะยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา แต่ระดับพลังของพวกเขากับหานฉีก็ห่างชั้นกันเกินไป ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านทานอำนาจของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งสูงสุดได้
หลิงฮันสัมผัสจักรพรรดินีเบาๆและนำตัวนางเข้าไปในหอคอยทมิฬ หานฉีคือศัตรูทรงพลังที่เขาไม่อาจประมาทละสายตาได้ เพื่อไม่ให้เหล่าจ้าวอสูรด้านหลังฉวยโอกาสชิงตัวจักรพรรดินีไปเขาจึงต้องรับประกันความปลอดภัยของนางเสียก่อน
‘พึงระวังตัวจากผู้อื่นไว้เสมอ มิเช่นนั้นเขาอาจจะต้องรู้สึกเสียใจในภายหลัง’
หมอกเหมันต์เยือกแข็ง?
หลิงฮันยิ้ม อีกฝ่ายคงไม่คาดคิดว่าภายในร่างกายของเขานั้นจะมีเพลิงเก้าสวรรค์
เพลิงนิรันดร์!
ตอนที่ 1597
‘พรึบ’ เพลิงร้อนระอุปะทุออกมาจากภายในร่างหลิงฮัน เหนือคลื่นเปลวเพลิงประดับเอาไว้ด้วยตราประทับแห่งเต๋า
หานฉีเผยสีหน้าเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด คนของตระกูลระดับโลกียนิพพานจะฝึกฝนทักษะนิรันดร์ที่ทรงพลังได้เท่าไหนกันเชียว? แค่ตราประทับแห่งเต๋าบนเปลวเพลิงก็ไม่สมบูรณ์ยังคิดจะต่อกรกับเขาอีก?
ช่างโง่เขลา!
“หืม?” แต่ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ปกติ หมอกเหมันต์เยือกแข็งของเขาถูกหลอมละลายและพื้นที่รอบด้านกลับถูกทำให้กลับไปสู่สภาพเดิม
อะไรกัน!
ใบหน้าของหานฉีแสดงออกถึงความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด ทักษะนิรันดร์ของเขาถูกตอบโต้ได้!
เป็นไปได้อย่างไร?
ตราประทับแห่งเต๋าของเปลวเพลิงยังไม่สมบูรณ์แท้ๆแต่กลับมีอำนาจพอที่จะต่อต้านทักษะของเขา หากตราประทับเพลิงสมบูรณ์ขึ้นมาเขายังจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้อยู่อีก?
อีกฝ่ายใช่รุ่นเยาว์ของตระกูลระดับโลกียนิพพานจริงๆ?
หานฉีทำใจเชื่อไม่ลง แต่ครู่ต่อมาจิตใจของเขาก็ต้องสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำไมเขาถึงต้องมาที่โลกบรรพกาล อันที่จริงการหาประสบการณ์เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง แต่เขายังมีภารกิจอีกอย่างคือตามหามรดกสืบทอดของราชานิรันดร์ที่สาบสูญอยู่ที่โลกบรรพกาล
จากเหตุการณ์มหาโศกนาฏกรรม มีขุมอำนาจมากมายที่ล่มสลายและจอมยุทธมากมายได้ทำการหลบหนีมายังโลกบรรพกาล
ราชานิรันดร์นั้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างมาก ต่อให้จะถูกปิดล้อมสังหารพวกเขาก็ยังมีวิธีการมากมายในการเอาตัวรอด เพียงแต่หากออกมายังโลกบรรพกาลเป็นเวลานาน ต่อให้เป็นราชานิรันดร์อายุขัยของพวกเขาก็จะไม่เป็นอมตะอีกต่อไปและสิ้นชีพในที่สุด
หานฉีจดจ้องไปยังหลิงฮันพร้อมกับคาดเดาในใจ ‘หรืออีกฝ่ายจะพบเจอและได้ครอบครองมรดกของราชานิรันดร์?’ หากไม่ใช่เหตุผลนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ทักษะของตระกูลระดับโลกียนิพพานจะทัดเทียมเขาได้?
ฮ่าๆ นี่มันวาสนาที่สวรรค์ส่งมาให้เขาชัดๆ!
สีหน้าเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้น เขาช่างโชคดียิ่งนักที่การเดินทางครั้งนี้จะได้ครอบครองทั้งสมุนไพรนิรันดร์ สตรีงามและทักษะบ่มเพาะราชานิรันดร์
“ไม่ต้องมาทำสีหน้าเพ้อฝัน” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
“ฮ่าๆๆ ถ้างั้นก็ขอข้าดูหน่อยแล้วกันว่าพลังต่อสู้หรือปากของเจ้ากันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน!” ร่างของหานฉีพุ่งทะยาน เขาปรากฏตัวด้านหน้าหลิงฮันและปล่อยหมัด ‘ตูมม’ ตราประทับจำนวนมากระเบิดออกมาปกคลุมทั่วหมัดของเขา ด้านหลังของเขาปรากฏวิถีโคจรดาราจักรที่มีดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่เขาเชี่ยวชาญคือธาตุเหมันต์ เพราะงั้นหมัดของเขาจึงปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกจนห้วงมิติเกิดการแข็งตัว
หลิงฮันไม่หวาดหวั่นและปล่อยหมัดตอบโต้
ตูม! ตูม! ตูม!
ทั้งสองปะทะแลกหมัดกันหลายสิบหมัด สถานการณ์ในตอนนี้ยังยากที่จะตัดสินว่าฝ่ายไหนเหนือกว่ากัน
พวกเขามีพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดแถมยังฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์เหมือนกันทำให้พลังต่อสู้ของทั้งสองไม่ต่างกันเท่าไหร่
เพียงแต่ผ่านไปได้สักพักหลิงฮันก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ่งปะทะเขาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่ากายหยาบของเขาไม่สามารถต้านทานคลื่นกระแทกได้ไหว
อย่างที่รู้ว่าวาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬนั้นทำให้พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น แต่กายหยาบยังคงอยู่ในระดับวารีนิรันดร์เช่นเดิม ในขณะเดียวกัน หานฉีเป็นคนของดินแดนแห่งเซียนที่มีทรัพยากรบ่มเพาะมากมายทำให้กายหยาบของเขาถูกขัดเกลาจนแทบจะทนทานเท่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเดียวกับพลังบ่มเพาะ
ในระดับพลังเดียวกันแม้มันจะเทียบไม่ได้กับกายหยาบจากคัมภีร์สวรรค์ แต่ ณ เวลานี้หานฉีก็ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าแทบจะไร้เทียมทาน
“ฮ่าๆๆ แค่ขยะจากตระกูลของเมืองหนึ่งดาวคิดจะมาทัดเทียมกับตระกูลหานเช่นข้า!” หานฉีหัวเราะลั่นและกระหน่ำปล่อยหมัดไม่หยุด
ระดับพลังบ่มเพาะที่แท้จริงแตกต่างกันเกินไป กายหยาบของเขาจึงถูกทิ้งห่างไว้ไกล!
หลิงฮันส่ายหัวในใจและไม่แลกหมัดกับอีกฝ่ายต่อ ‘พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ’ ทักษะดาบฟ้าคำรามถูกปลดปล่อย ปราณดาบนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกไป
“กำแพงเหมันต์เก้าชั้น!” หานฉีเค้นเสียง หมอกสีขาวเคลื่อนที่มารวมกันเบื้องหน้าเขาและแข็งตัวกลายเป็นกำแพงน้ำแข็ง ที่บริเวณพื้นผิวของกำแพงน้ำแข็งมีตราประทับแห่งเต๋าปกคลุมเอาไว้ทำให้กำแพงมีพลังป้องกันอันน่าสะพรึง
ตูม!
คลื่นดาบเข้าปะทะอย่างรุนแรงแต่กลับทำได้เพียงสร้างรอยแตกร้าวให้กับพื้นผิวชั้นแรกของกำแพงน้ำแข็ง
“แม้แต่ชั้นแรกของกำแพงเหมันต์เก้าชั้นเจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายได้ แต่กลับคาดหวังจะสร้างบาดแผลให้แก่ข้า?” หานฉีแสยะยิ้ม “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงขนาดที่กล้าต่อต้านข้าผู้นี้”
หลิงฮันเค้นเสียงพร้อมกับควบคุมเปลวเพลิงของเพลิงเก้าสวรรค์มารวมไว้ที่หมัด ‘ตูม’ ทันทีที่หมัดถูกซัดออกไป กำแพงน้ำแข็งก็เกิดการละลายตัวทันที
“อะไรกัน!” หานฉีตกตะลึง
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น หมัดที่ผสานเพลิงเก้าสวรรค์ของหลิงฮันทะลวงผ่านชั้นกำแพงน้ำอย่างง่ายดายราวกับกำแพงน้ำแข็งเป็นเพียงแผ่นกระดาษ พริบตาเดียวหมัดเพลิงก็เข้าหาแทบจะถึงตัวหานฉี
หานฉีถอยหลบอย่างไม่ลังเล เปลวเพลิงตรงหน้าน่าสะพรึงกลัวเกินไปจนเขาเกิดความรู้สึกว่าหากสัมผัสโดนเข้า แม้แต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เหมันต์บนร่างของเขาก็ต้องถูกหลอมละลาย
ฮึ่ม!
เปลวเพลิงนั่นจะต้องเป็นทักษะระดับราชานิรันดร์เป็นแน่ หากไม่ใช่เพลิงที่เกิดจากทักษะระดับราชานิรันดร์คงไม่มีทางเด็ดขาดที่กำแพงเหมันต์เก้าชั้นของเขาจะถูกทำลาย ต้องรู้ก่อนว่าตระกูลหานของเขานั้นเป็นขุมอำนาจของเมืองขนาดใหญ่สามดาวและผู้นำตระกูลเป็นถึงนิรันดร์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะที่ไม่รู้ว่าทรงพลังกว่าระดับโลกียนิพพานกี่ล้านเท่า
“หนามเก้าเหมันต์เยือกแข็ง!” ร่างของหานฉีเคลื่อนที่อย่างพริ้วไหวหลบหลีกหมัดของหลิงฮันและทำการตอบโต้ หมอกสีขาวควบแน่นกันเป็นหอกน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่บริเวณซี่โครงซ้ายของหลิงฮัน
หากถูกหอกน้ำแข็งแท่งนี้พุ่งเข้าใส่ ต่อให้เป็นดวงดาวขนาดใหญ่ทั้งดวงก็ต้องพังทลายเนื่องจากมันอัดแน่นไปด้วยอำนาจเต็มพลังของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งสูงสุดและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์ พลังทำลายของมันรุนแรงเกินพรรณนา
หลิงฮันสะบัดมือ ทันใดนั้นเพลิงเก้าสวรรค์บนมือของเขาก็ควบแน่นกลายเป็นดาบเพลิงและถูกกวัดแกว่งตอบโต้หอกน้ำแข็ง
ตูม!
ดาบเพลิงและหอกเหมันต์เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง การปะทะกันของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สองธาตุส่งผลให้ห้วงอวกาศถูกแบ่งออกเป็นสองสี เหล่าจ้าวอสูรที่หลบหนีไม่ทันได้รับผลกระทบจากคลื่นปะทะจนใบหน้าถูกเผาไหม้เป็นสีดำหรือไม่ก็มีเกล็ดน้ำแข็งขึ้นตามร่างกาย
ยังที่ดีพวกเขาเป็นจ้าวอสูรถึงได้รับผลกระทบเพียงเท่านี้ หากเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ล่ะก็แค่คลื่นกระแทกจากการปะทะก็เพียงพอที่จะบดขยี้พวกเขาไม่เหลือซาก
ปัง!
เสียงเสียดสีของดาบและหอกดังก้องไปทั่วจักรวาล ดาบเพลิงทำการหลอมละลายหอกน้ำแข็งและพุ่งเข้าใส่หานฉี
หานฉีเค้นเสียง เขาควบแน่นหอกน้ำแข็งขึ้นมาอีกนับสิบและใช้จำนวนที่มากกว่าฝืนต้านทานดาบเพลิงเอาไว้ได้
ใบหน้าของเขาซีดเผือดเล็กน้อยและมีท่าทีระมัดระวัง พลังต่อสู้ของหลิงฮันทรงพลังเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ หากประมาทเพียงเล็กน้อยชะตาของเขาคงหนีไม่พ้นถูกหลิงฮันสังหาร
“ตาย!” หลิงฮันเค้นเสียง มือทั้งสองของเขากวัดแกว่งและปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามจู่โจมอีกครั้ง
คราวนี้เขาผสานเพลิงเก้าสวรรค์รวมเข้าไปในทักษะด้วย
ตอนที่ 1598
หลิงฮันกับหานฉีปะทะกันอย่างดุเดือด
ทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งสมน้ำสมเนื้อกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นราชาที่ก้าวขึ้นมาทีละก้าวจากโลกใบเล็กในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียน ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือพลังต่อสู้ของทั้งสองต่างก็ถูกจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกบรรพกาล
การปะทะกันอย่างดุเดือดของทั้งสองควรค่าเป็นอย่างมากที่จะจารึกลงไปยังประวัติศาสตร์
จ้าวอสูรคนอื่นๆตกตะลึงเป็นอย่างมาก
รุ่นเยาว์สองคนนี้ไม่รู้ว่าเกิดหลังพวกเขากี่ล้านปี แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งทิ้งห่างพวกเขาไปไกลลิ่ว
ดั่งสำนวนที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
จ้าวอสูรทุกคนถอนหายใจและล้มเลิกความคิดที่จะแย่งชิงบุปผาห้วงมิติ ตอนนี้ในหัวพวกเขามีอยู่ความคิดเดียวคืออยากไปจากที่นี่ด้วยร่างกายที่ครบสามสิบสอง
จ้าวอสูรบางคนล่าถอยหนีกลับไปแล้วแต่ก็ยังมีจ้าวอสูรบางคนที่ยังอยู่ เหตุผลแรกที่พวกเขาเลือกอยู่ต่อคือต้องการเห็นการปะทะที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ดินแดนใต้พิภพ และเหตุผลที่สองคือพวกเขาต้องการอยู่ให้กำลังใจหลิงฮัน
หลิงฮันช่วยพวกเขาไว้ หากแค่ความกล้าที่จะอยู่ให้กำลังใจยังไม่มีพวกเขาจะยังมีคุณสมบัติเป็นจ้าวอสูรได้อย่างไร?
ครั้งนี้หลิงฮันพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ตัวเขาฝึกฝนทักษะระดับนิรันดร์มากมาย แต่หานฉีเองก็เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นการที่อีกฝายเป็นทายาทของขุมอำนาจระดับขอบเขตตำหนักอมตะทำให้ทักษะของอีกฝ่ายทรงพลังยิ่งกว่าของหลิงฮัน ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลาแปรผันพันปีหรือทักษะรัตติกาลเงาทมิฬก็ไม่สามารถทำให้เขาได้เปรียบหานฉี
โชคดีที่พวกเขาทั้งสองยังไม่ได้บรรลุเป็นนิรันดร์จึงไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของทักษะมาใช้ได้ เพราะงั้นต่อให้พลังที่แท้จริงของทักษะจะต่างกันแต่ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งทำให้พลังที่ถูกใช้ออกมาไม่ได้ห่างชั้นกันเท่าไหร่
“ไม่เลว พลังของเจ้าแข็งแกร่งถึงขนาดทำให้ข้าต้องเอาจริงได้!” หานฉีหัวเราะก่อนจะสะบัดมือขวา หมอกสีขาวถูกควบแน่นเป็นยักษ์น้ำแข็งที่มีรูปร่างคล้ายคลึงเขา เพียงร่างของแต่ยักษ์น้ำแข็งนั้นมีความสูงมากกว่าตัวเขาราวๆร้อยเท่า
“เหมันต์เยือกแข็งพันร่าง!” เขากล่าวเสียงเบาพร้อมกับยักษ์น้ำแข็งค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มขึ้นทีละตัว ร่างของยักษ์น้ำแข็งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เหมันต์และตราประทับแห่งเต๋า
“ตาย!” หลังจากหานฉีคำราม เหล่ายักษ์น้ำแข็งก็ขยับขาเคลื่อนที่โจมตีหลิงฮัน
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง มือของเขากวัดแกว่งเพลิงเก้าสวรรค์เข้าปะทะกับรูปปั้นน้ำแข็งยักษ์ ‘ฉึบ’ เพียงแค่ถูกดาบเพลิงสัมผัส รูปปั้นน้ำแข็งก็ละลายกลายเป็นไอน้ำทันที
“ฮึ่ม!” หานฉีใช้โอกาสระหว่างนี้พุ่งทะยาน มือทั้งสองของเขาผสานเข้าหากันและผลักเข้าใส่หลิงฮัน
“รับมือ!” หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์
“นี่มัน!” หานฉีหยุดชะงัก จู่ๆพลังต่อสู้ของเขาก็ถูกลดลงไปสองดาว ด้วยความเสียเปรียบจากพลังต่อสู้สองดาวหากยังสู้ต่อเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้? หานฉีรีบคำราม ทันใดนั้นอำนาจแห่งเต๋าก็ปะทุออกมาจากร่างของเขาและทำการต้านทานอำนาจสวรรค์
หลิงฮันพยักหน้าในใจ ดูเหมือนหากคู่ต่อสู้เป็นอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียนอำนาจสวรรค์จะใช้ไม่ได้ผล
แต่หลิงฮันก็ไม่ใส่ใจ แม้หานฉีจะต่อต้านอำนาจสวรรค์ได้แต่กับยักษ์น้ำแข็งที่ถูกเรียกออกมานั้นไม่ใช่ พลังของพวกมันที่ลดลงมาทำให้พวกมันถูกปราณดาบนับร้อยจากเพลิงเก้าสวรรค์หลอมละลายโดยไม่อาจต้านทาน
“สมควรถึงเวลาผสานเพลิงเก้าสวรรค์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับทักษะดาบฟ้าคำรามอย่างแท้จริงเสียที” หลิงฮันกล่าวในใจ
ก่อนหน้านี้เขาเพียงใช้ทักษะดาบฟ้าคำรามควบคู่ไปกับอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์เท่านั้น แต่หากสามารถผสานทั้งสองอย่างให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริงได้ พลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นอีกหลายเท่าตัว
หลิงฮันเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ ในเมื่อเพลิงเก้าสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของแก่นกำเนิดพลังของเขา ทำไมเขาจะต้องใช้ความพยายามผสานมันกับทักษะอื่นด้วยทั้งๆที่มันเป็นพลังของตัวเขาเองแท้ๆ?
หลิงฮันก็เผยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาคิดผิดมาโดยตลอด เขานึกเสมอว่าเพลิงเก้าสวรรค์นั้นเป็นอำนาจนอกกาย แต่อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่เขาดูดซับรับเพลิงเก้าสวรรค์เข้ามาอยู่ในร่าง มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาอย่างสมบูรณ์มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“ฮ่าๆๆ!” หลิงฮันหัวเราะพร้อมกับดีดนิ้ว ‘พรึบ’ คลื่นดาบเพลิงพุ่งออกไปด้วยความเร็วเกินจะพรรณนา พริบตาเดียวมันก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าหานฉี
หานฉีไม่หวั่นเกรงทักษะใดๆของหลิงฮันแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขาหวาดกลัวคือเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวของหลิงฮัน เขาตั้งแต่จะปล่อยหมัดตอบโต้คลื่นดาบที่ปรากฏตรงหน้า แต่เมื่อเขาเห็นว่าคลื่นดาบมีเปลวเพลิงผสานเอาไว้อยู่เขาก็ล้มเลิกความคิดทันที
‘พรึบ’ หานฉีนำธงสงครามออกมา แท่งธงนี้มีขนาดที่ยาวและดูเก่าแก่ บนแผ่นธงสลักเอาไว้ด้วยสัญลักษณ์ของสัตว์อสูรที่ปลดปล่อยหมอกควันสีขาวออกมา
หืม?
หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย สัตว์อสูรบนใบธงนั้นจู่ๆก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ มันปลดปล่อยหมอกเย็นยะเยือกออกมาหยุดยั้งคลื่นดาบเพลิงเอาไว้ได้ทันเวลา หากไม่ใช่เพราะธงแท่งนี้หานฉีคงถูกคลื่นดาบเพลิงจู่โจมจนร่างถูกเผาไม่เหลือซากไปแล้ว
“จงภูมิใจเสียที่เจ้าสามารถไล่ต้อนข้าจนต้องนำธงเก้าเหมันต์เยือกแข็งออกมาใช้!” หานฉีกล่าวอย่างเย็นชา “แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องตายแล้ว!” เขาสะบัดธงในมือ ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ใบธงสะบัดไปมาตามสายลมพร้อมกับแท่งธงค่อยๆขยายจนมีขนาดยาวขึ้นกว่าเดิมสามฟุต
เขาใช้แท่งธงแทนหอกยาวกวัดแกว่งเข้าใส่หลิงฮัน สัตว์อสูรบนใบธงปลดปล่อยไอเย็นยะเยือกออกมาต่อเนื่องจนทำให้ทั่วทั้งห้วงอวกาศตกอยู่ในความหนาวเย็น
อุณหภูมิในตอนนี้ส่งผลให้จ้าวอสูรโดยรอบตัวสั่นด้วยความหนาวและต้องนำแขนทั้งข้างกอดรัดร่างตัวเองเอาไว้
ในเมื่ออีกฝ่ายใช้อาวุธหลิงฮันก็ไม่น้อยหน้า เขานำดาบอสูรนิรันดร์และดาบไม้พุพังออกมารับมือกับแท่งธง
ดาบไม้พุพังนั้นมันเป็นถึงอุปกรณ์อสูรระดับยี่สิบแต่กลับไม่สามารถรองรับอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ได้ไหว แต่ในทางกลับกับ ดาบอสูรนิรันดร์ที่ยังเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ดกลับสามารถรองรับอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ได้ แต่ถึงจะรองรับได้บริเวณตัวดาบก็ยังถูกความร้อนแผดเผาจนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
‘พรึบ’ หลิงฮันกวัดแกว่งดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามที่ผสานเพลิงเก้าสวรรค์ออกไป
ทั้งดาบอสูรนิรันดร์และเพลิงเก้าสวรรค์ล้วนแต่มีอำนาจสูงสุดอยู่ที่ระดับราชานิรันดร์ เมื่อใช้ทั้งสองสิ่งปลดปล่อยการโจมตีออกไปจึงก่อเกิดเป็นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวเกินต้านทาน!
ต่อให้ดาบอสูรนิรันดร์ในตอนนี้จะยังห่างไกลกว่าจะบรรลุเป็นอุปกรณ์นิรันดร์และเพลิงเก้าสวรรค์จะยังเติบโตไม่เต็มที่ก็ตาม แต่อย่าลืมว่าหานฉีในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น