Alchemy Emperor of the Divine Dao 1522-1528
ตอนที่ 1522
ฝ่ามือกดทับลงมาราวกับสวรรค์กำลังร่วงหล่น
กู่ต้าวอี้กระหน่ำปล่อยหมัดตอบโต้อย่างรุนแรง พลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ถูกกระตุ้นจนถึงขีดจำกัด
แต่การฝืนดันทุรังเช่นนั้นก็ไร้ความหมาย
ฝ่ามือของหลิงฮันหล่นทับลงมาและกำราบกู่ต้าวอี้ได้ทันทีพร้อมกับโยนร่างของอีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ตัวเขาในตอนนี้ทรงพลังกว่ากู่ต้าวอี้มากนัก การจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเอาจริงแม้แต่น้อย
ณ เวลานี้คนที่เข้ามาใกล้ยอดเขาที่สุดเพิ่งจะผ่านทางเดินมาเพียงสองในสิบส่วนเท่านั้น หลิงฮันนึกสนุก เขานำร่างของเทียนเซี่ยตี้เอ้อออกมาพร้อมกับแกล้งปลดเชือกกางเกงของอีกฝ่ายและรีบออกจากตำหนักกลับไปยังตีนเขา
หลิงฮันแสร้งทำเป็นเดินขึ้นเขาตามทางเดินอีกครั้งด้วยท่าทีผิวปากอารมณ์ดี เมื่อถูกจับไปอยู่ในหอคอยทมิแล้ว กู่ต้าวอี้ย่อมไร้พลังและทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
“หลิงฮัน! ที่นี่คือที่ไหน!”
“เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่เช่นนี้?”
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
กู่ต้าวอี้ตะโกนจากภายในหอคอยทมิฬ พลังอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาถูกหอคอยทมิฬกำราบเอาไว้ ตัวเขาในตอนนี้ทำได้เพียงยืนอยู่เฉยๆเท่านั้น แม้แต่จะเดินไปไหนมาไหนยังทำไม่ได้
“จะตะโกนเสียงดังเพื่ออะไร? ที่นี่คือจุดจบของเจ้ายังไงล่ะ!” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัว มันมีนิสัยเก่งกับคนอ่อนแอและหวาดกลัวคนที่แข็งแกร่ง เมื่อเห็นว่ากู่ต้าวอี้ไม่อาจขัดขืนได้ เป็นธรรมดาที่มันจะแสดงท่าทีอวดเบ่ง
กู่ต้าวอี้คลั่งจนแทบจะเป็นบ้า มดปลวกระดับสุริยันจันทรากล้าพูดจากับเขาเช่นนี้?
เพี๊ยะ!
จักรพรรดิจอมอสูรตบเข้าที่ใบหน้าของกู่ต้าวอี้ “สายตานั่นมันอะไร? นี่เจ้ากำลังดูถูกจักรพรรดิน้อยผู้นี้?”
“หลิงฮัน! เจ้าจะดูถูกกันเกินไปแล้ว ไม่ยอมสังหารข้าแต่กลับให้ลิ่วล้อมาสร้างความอัปยศให้ข้าเช่นนี้!” กู่ต้าวอี้บ้าคลั่ง ตัวเขาเคยเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานที่ทรงพลัง
“ลิ่วล้อ?” จักรพรรดิจอมอสูรเผยสีหน้าภูมิใจ “เหอะ การได้เป็นลิ่วล้อของนายท่านนับว่าเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ เจ้าคิดว่าใครก็สามารถเป็นลิ่วล้อของนายท่านได้? คนอย่างเจ้าน่ะนายท่านไม่แม้แต่จะเหลียวตามองด้วยซ้ำ!”
ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยท่าทีประจบสอพลอ “นายท่านเป็นดั่งดวงตะวันที่เฉิดฉายไม่ว่าจะเป็นที่ไหน! นายท่านคือแสงสว่างคอยชี้ทางท่ามกลางความมืดมิด! นายท่านคือปรมาจารย์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ไม่ว่าใครก็ต้องคุกเข่าต่อหน้านายท่านของข้า”
กู่ต้าวอี้กลายเป็นไร้คำพูด เขาเพิ่งเคยเห็นใครบางคนที่สามารถประจบประแจงได้ลื่นไหลขนาดนี้
หลิงฮันยังคงเดินอย่างสบายใจ ตั้งแต่ที่เขาโยนร่างของกู่ต้าวอี้เข้าไปในหอคอยทมิฬเขาก็หมดความสนใจในตัวกู่ต้าวอี้ไปโดยสมบูรณ์และไม่แม้แต่จะเฝ้าดูสถานการณ์ภายในหอคอยทมิฬ
อัจฉริยะแห่งทุกยุคสมัยอะไรกัน ทักษะบ่มเพาะของเขาก็แค่ทักษะระดับราชานิรันดร์ที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น
เมื่อหลิงฮันมาถึงยอดเขา คนกว่าสามสิบเอ็ดคนก็มาถึงก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจ้องมองไปยังห้องสมบัติโดยไม่รู้เลยว่าหลิงฮันเคยรื้อค้นที่นี่มาก่อนแล้วและไม่มีสิ่งของล้ำค่าอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อยนิด
เทียนเซี่ยตี้เอ้อนั่งอยู่บนพื้นโดยและเกาหัวด้วยนิ้วทั้งห้า
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
จริงสิ… เขาถูกทำให้สลบ
บนตัวเขาไม่มีสิ่งของใดหายไปเลย มีเพียงแค่กางเกงที่ถูกถอดปลดเชือก
ว่าไงนะ!
เทียนเซี่ยตี้เอ้อรีบเอื้อมมือไปสำรวจก้นของตนเองทันที หรือคนที่ทำให้เขาสลบจะเป็นโจรที่ชื่นชอบการปล้นพรหมจรรย์ประตูหลัง? ที่จริงแล้วก้นของเขาไม่ได้ถูกทำอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยจิตใจที่คิดมากทำให้เขาคิดไปเองว่ารู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณก้นเล็กน้อย
เขากวาดสายตามองรอบด้าน คนที่น่าสงสัยคือทุกคนที่อยู่ที่นี่!
หลิงฮันพึ่งจะขึ้นมาถึงยอดเขา เมื่อเห็นใบหน้าซัดเผือดของเทียนเซี่ยตี้เอ้อเขาจึงเอ่ยถาม “สหาย เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ใบหน้าของเจ้าดูไม่ดีเลย?”
ใครใช้ให้เจ้าเดินนำหน้ากันล่ะ!
เทียนเซี่ยตี้เอ้อถลึงตามองสำรวจหลิงฮันตั้งแต่หัวจรดเท้ารวมไปถึงคนอื่นๆอีกสามสิบคนอย่างเริ่นเฟยอวิ๋นและศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆ
บัดซบ มีคนอยู่เยอะเกินไป แบบนี้หาตัวคนร้ายไม่ได้ง่ายๆแน่!
สุนัขตัวดำมาเห็นพอดี มันรีบยืนสองขาและกล่าว “เจ้าหนู เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้า? ดูจากท่าทางของเจ้ามนุษย์ร่างใหญ่ขนเยอะเหมือนหมีนั่นแล้ว เป็นไปได้ว่าเขาเพิ่งจะเสียพรหมจรรย์ประตูหลังให้ใครสักคนมา หรือว่าเจ้าจะ…!”
สุนัขตัวดำมีท่าทีหวาดกลัวและรีบล่าถอย “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีรสนิยมเช่นนี้ นายท่านหมาขอกล่าวเตือนเอาไว้เลยนะ ถ้าเจ้าคิดจะทำเช่นนั้นกับข้าด้วยล่ะก็ ข้าจะกัดก้นเจ้าให้แยกออกเป็นสามแฮก!”
หลิงฮันไม่สนใจสุนัขตัวดำ ที่จริงเขาเพียงแค่คิดจะแกล้งเทียนเซี่ยตี้เอ้อเล่นๆเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เทียนเซี่ยตี้เอ้อร้อนรนตามหาคนร้ายไปทั่ว
ส่วนในด้านสมบัตินั้น ไม่ว่าทุกคนจะหาอย่างไรก็ไม่พบของล้ำค่าใดๆ พวกเขาจึงเปลี่ยนสำรวจค้นภูเขาลูกอื่นๆ
แต่ก็ยังไม่พบเจออะไรอยู่ดี
ไม่มีใครสนใจเรื่องที่กู่ต้าวอี้หายหัวไปเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแล้วทุกคนต่างกลายเป็นนักล่าสมบัติ ต่อให้มีคนหายไปคนนึงก็ไม่มีใครใส่ใจ มีบางคนคิดว่าบางทีกู่ต้าวอี้อาจจะพบเจอสมบัติจึงกลับออกไปแล้ว
เมื่อไม่พบของล้ำค่าใดๆทุกคนจึงไม่มีทางเลือกและกลับออกมาจากกล่อง ทันทีที่กลับออกมาพวกเขาก็พบเห็นคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับร่างของคนคนหนึ่ง ร่างนั้นขยับตัวอย่างเชื่องช้าด้วยการก้าวเดิน แต่พริบตาเดียวเขากลับเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เซียนขวงยวี่!” ทุกคนอุทานพร้อมกัน
เซียนขวงยวี่ยกมือเล็กน้อยก่อนจะหันมองซากศพของนกอมตะทั้งสาม ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะตึงอย่างปิดไม่มิด
ข่าวที่ว่ามีสมบัติปรากฏขึ้นที่นี่นั้นย่อมต้องผ่านไปถึงหูของเขาแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรนัก เซียนคนอื่นๆเองก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่ว่าก่อนหน้านี้ที่กล่องถูกเปิดออก แสงสว่างสีทองได้สาดส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุไปถึงชั้นอวกาศ แม้จะอยู่บนดาวมู่ถูก็สามารถมองเห็น เพราะแสงสีทองที่ว่าเซียนทั้งสิบจึงรู้สึกสงสัย
เซียนขวงยวี่นั้นคิดว่าหากเขามาที่นี่ด้วยตนเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุกาณ์เช่นใดทุกอย่างก็คงจบลงอย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าทันทีที่ได้เห็นศพของนกอมตะทั้งสามตัว… เรื่องนี้เกรงว่าต่อให้เป็นเขาก็คงจัดการไม่ได้!
ตอนที่ 1523
“ทุกคนอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งไปไหน!” เซียนขวงยวี่กล่าว
เซียนขวงยวี่รีบใช้แสงแห่งเต๋ากลับไปยังดาวมู่ถู เพียงแต่ต่อให้เซียนจะสามารถเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างมิติได้ก็ใช่ว่าจะไปไหนมาไหนได้ในชั่วพริบตา
ผ่านไปเกือบๆครึ่งชั่วโมง ร่างของเซียนทั้งสิบได้ปรากฏตัวพร้อมกัน พวกเขาทุกคนเคลื่อนที่ด้วยแสงแห่งเต๋าสีทอง
เซียนคนอื่นๆตกตะลึงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เห็น
Anchor
เซียนซิงฉาเดินเข้าไปใกล้ศพของนกอมตะทั้งสาม หลิงฮันที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ภรรยานกอมตะของเขากำลังรับวาสนาและไม่อาจถูกใครรบกวน
เขาตัดสินใจในใจว่าหากเซียนซิงฉาลงมือทำอะไรบางอย่างกับนกอมตะทั้งสาม เขาย่อมไม่ลังเลที่จะใช้หยดโลหิตราชาเซียนหยุดอีกฝ่ายเอาไว้
โชคดีที่เซียนซิงฉาหยุดร่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับเผยสีหน้าคิดไม่ตก
“อาจารย์!” เซียนทั้งเก้าขยับเข้ามาใกล้พร้อมกัน
เซียนซิงฉากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นี่คือร่างของราชาเซียน!”
“ฮึ่ม!” เซียนทั้งเก้าสูดหายใจลึก จากสายตาของพวกเขา ร่างของสัตว์อสูรนี้เป็นสัตว์อสูรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเห็นคือนกอมตะทั้งสามตนที่กำลังโอบตัวเข้าหากัน
“ถึงขนาดให้นกอมตะระดับราชาเซียนลากรถเกวียนให้ได้เช่นนี้ สมบัติในกล่องนั่นจะล้ำค่าขนาดไหนกัน”
เซียนทั้งสิบมองหน้ากัน หากพวกได้ครอบครองสมบัติของราชาเซียนล่ะก็ เซียนระดับต้นจะกลายเป็นเซียนระดับกลาง ส่วนเซียนระดับสูง… บางทีอาจจะมีความหวังที่จะสามารถทะลวงผ่านเป็นราชาเซียน!
“เข้าไปดูกัน”
กล่องยังคงเปิดอยู่เช่นเดิม พวกเขามองเห็นมิติผันผวนจากภายในกล่องทำให้รู้ว่าภายในนั้นต้องเป็นโลกจำลองอย่างเขตแดนลี้ลับแน่นอน
เหล่าเซียนกระโดดเข้าไปในกล่อง ส่วนคนอื่นๆนั้นแม้จะเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งพวกเขาก็ยังเข้าตามไปอีกครั้งด้วย
แม้แต่เซียนก็ยังหวั่นไหว สิ่งที่อยู่ภายในกล่องจะต้องล้ำค่าเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้!
พวกเขาอาจจะหาสมบัติไม่พบ แต่หากเป็นเซียนอาจจะหาพบก็เป็นได้
หลิงฮันเองก็ตามเข้ากล่องไปเช่นกัน แต่ทันทีที่เขาเข้ามาก็พบว่าเซียนทั้งสิบขึ้นไปถึงยอดเขาเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าแรงกดดันจากกรงเล็บมหึมาไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อเซียนแม้แต่น้อย
เซียนซิงฉาลงมือเก็บรวบรวมเศษซากกรงเล็บมหึมาที่หลงเหลืออยู่
เมื่อไม่มีแรงกดดันจากกรงเล็บมหึมาสถานที่แห่งนี้ก็ไร้ภัยคุกคามใดๆ จอมยุทธทุกคนพุ่งทะยานสำรวจตามที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระ เซียนทั้งสิบมุ่งหน้าไปยังภูเขาลูกอื่นๆแต่ก็ไม่พบของล้ำค่าใดๆเลย แต่อันที่จริงจะบอกว่าไม่พบอะไรเลยก็ไม่ถูก เศษกรงเล็บมหึมาของราชาเซียนนั้นกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าได้เช่นกัน หากดูดซับพลังอำนาจของราชาเซียนที่หลงเหลืออยู่แม้แต่เซียนระดับสูงก็ยังได้รับผลประโยชน์
“กู่ต้าวอี้?” จู่ๆเซียนซิงฉาก็หยุดชะงัก
ศิษย์คนสุดท้ายของเขาได้มาที่นี่นานแล้ว ตอนเขาคิดว่าอีกฝ่ายอยู่ในโลกภายในกล่องนี้ แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสถึงออร่าของกู่ต้าวอี้ได้เลย
เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน?
เซียนทั้งเจ้ารีบใช้สัมผัสสวรรค์ช่วยตามหา ศิษย์น้องของพวกเขาคนนี้เป็นความหวังสุดท้ายที่จะเป็นผู้สืบทอดของอาจารย์พวกเขา
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหายังไงพวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของกู่ต้าวอี้เลย
ใบหน้าของเซียนซิงฉามืดมน เขารีบสั่งให้เหล่าศิษย์ที่เข้ามาก่อนกลับมารวมกันและเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองพบเจอ
“อืม…” เมื่อเทียนเซี่ยตี้เอ้อเล่าประสบการณ์ที่ตนเองพบเจอ เซียนซิงฉาก็ระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมาเล็กน้อย แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสายลมที่พัดพาอำนาจของกรงเล็บมหึมาเลย
เซียนซิงฉาสรุปได้ว่าคนลึกลับที่ทำให้เทียนเซี่ยตี้เอ้อต้องเกี่ยวข้องกับที่ศิษย์ของเขาหายตัวไปแน่นอน
เขาไม่สงสัยว่าเทียนเซี่ยตี้เอ้อจะเป็นคนทำ ต่อให้เทียนเซี่ยตี้เอ้อจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแอบลอบจัดการกู่ต้าวอี้ได้อย่างง่ายดายโดยที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น
หากกู่ต้าวอี้อ่อนแอถึงขนาดนั้น เขาจะรับเป็นศิษย์ได้อย่างไร?
ถ้างั้นแล้ว… ใครเป็นคนทำกันแน่?
เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังแข็งแกร่งพอที่จะแอบจัดการกู่ต้าวอี้ได้ก็จริง แต่ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ที่ขึ้นเขาไปเป็นคนที่สองคือกู่ต้าวอี้ หากจะมีใครขึ้นยอดเขาได้เร็วกว่านั้นก็ต้องเป็นคนที่มีกายหยาบไร้เทียมทาน
ในหมู่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่มีใครเลยที่ตรงเงื่อนไข
เดี๋ยวก่อน?
เซียนซิงฉาจ้องมองไปยังหลิงฮัน ในการประลองศิษย์ใหม่หลิงฮันสามารถเอาชนะกู่ต้าวอี้ได้แถมยังมีกายหยาบที่ทรงพลัง ในสถานที่แห่งนี้เขาย่อมได้เปรียบกว่าผู้ใด
“หลิงฮัน!” เซียนซิงฉากล่าวด้วย้ำเสียงที่ดังลั่นราวกับฟ้าผ่า “เจ้าไม่ได้ทำอะไรกับกู่ต้าวอี้ใช่รึไม่?”
หลิงฮันแสร้งทำเป็นชะงักด้วยใบหน้าตกใจและมึนงง
‘ไม่ใช่เขารึ?’
เซียนซิงฉาคิดในใจ แต่นอกจากหลิงฮันแล้วใครจะมีกายหยาบทรงพลังถึงขนาดที่สามารถเดินนำเทียนเซี่ยตี้เอ้อและกู่ต้าวอี้ได้?
“ไม่มีทางเป็นหลิงฮัน!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อด้วยความมั่นใจและอธิบายว่าหลิงฮันนั้นมาถึงยอดเขาหลังคนอื่น
เซียนซิงฉาที่ได้ยินก็เกิดความรู้สึกสงสัยทันที
ด้วยกายหยาบของหลิงฮัน นอกจากจะไม่ได้มาถึงยอดเขาเป็นคนแรกแล้วยังเดินช้ากว่าคนอื่นอีก? ช่างไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง!
หลิงฮันและสบถในใจ… เทียนเซี่ยตี้เอ้อ ถ้าเจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครกล่าวหาว่าเจ้าพูดไม่ได้หรอกนะ รู้งี้เขาน่าจะขังอีกฝ่ายเอาไว้ในหอคอยทมิฬสักสิบยี่สิบปีเลยก็ดี
เซียนซิงฉามองไปยังหลิงฮันและกล่าว “กายหยาบของเจ้าไร้เทียมทานที่สุด เหตุใดถึงมาช้านัก?”
หลิงฮันไม่มีท่าทีร้อนรนและกล่าว “ตอบคำถามเซียน ตอนนั้นข้าไปสำรวจภูเขาลูกอื่นก่อนข้าถึงได้มาช้า”
แม้จะฟังดูมีเหตุผล แต่เซียนซิงฉาจะเชื่อคำพูดนั่นง่ายๆ? เขาใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบร่างกายหลิงฮันก่อนจะกล่าว “นำอุปกรณ์มิติของเจ้าออกมา”
“ขอรับ!” หลิงฮันถอดแหวนและส่งมอบให้แก่อีกฝ่ายอย่างสุภาพ
เขาเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว อุปกรณ์แหวนมิตินี้มีเอาไว้เพื่อปกปิดการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ
เซียนซิงฉารับแหวนมาและใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ ภายในแหวนมีเม็ดผลึกก่อเกิด เม็ดยาและสมุนไพรเก็บเอาไว้ แต่ไม่มีซากศพใส่เอาไว้เลย
ไม่ใช่หลิงฮันจริงๆ?
ตอนที่ 1524
เซียนซิงฉาคืนแหวนให้กับหลิงฮัน และทุกคนได้ออกจากโลกจำลองภายในกล่อง
“ให้คนคุ้มกันที่นี่ไว้ หากศพของนกอมตะทั้งสามมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการเคลื่อนไหวใดๆรีบแจ้งข้าโดยด่วน” เซียนซิงฉาออกคำสั่ง
“ขอรับ!” เซียนทั้งเก้าตอบเสียงดัง
เซียนทั้งสิบเคลื่อนย้ายกลับดาวมู่ถูด้วยแสงแห่งเต๋าสีทอง พวกเขาให้ปรมาจารย์บางคนส่วนอยู่ที่นี่ต่อเพื่อเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของนกอมตะทั้งสาม
เมื่อเหล่าเซียนจากไปแล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อเช่นกัน ทุกคนออกเดินทางกลับดาว
ถึงแม้ทุกคนจะไม่ได้รับผลเก็บเกี่ยวใดๆจากการเดินทางมาในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว
พวกเขาได้เห็นร่างของราชาเซียนด้วยตาตนเองแล้ว ยังไม่นับว่าเป็นวาสนารึอย่างไร?
หลิงฮันยังไม่จากไปไหนเนื่องจากเป็นกังวลเรื่องสตรีนกอมตะ เมื่อนางรับวาสนาเสร็จสิ้นเขาจะจัดการทุกคนที่คอยดูสถานการณ์อยู่ที่นี่และรีบจากไปก่อนที่เซียนจะกลับมา
เขาแยกตัวออกมาห่างพอสมควรและเข้าไปรอคอยในหอคอยทมิฬ
ในขณะเดียวกัน ในโลกภายนอกตอนนี้ได้เกิดความโกลาหลขึ้นที่สำนักละอองดารา
Anchor
กู่ต้าวอี้หายตัวไป!
เซียนซิงฉาเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก แม้แต่เซียนทั้งเก้าก็ยังถูกเขาออกคำสั่งให้ไปตามหาตัวกู่ต้าวอี้ การที่คนๆหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ตัวเขาที่เป็นเซียนระดับสูงไม่อาจยอมรับได้
อย่างน้อยหากอีกฝ่ายตายก็น่าจะหลงเหลือศพเอาไว้บ้าง
เมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเหล่าศิษย์ใหม่ทุกคนก็ตื่นเต้นมีความสุขเป็นอย่างมาก
หากกู่ต้าวอี้ตายจริงๆ ไม่ใช่ว่าความหวังที่จะได้เป็นเซียนจะตกมาถึงพวกเขาหรอกรึ?
นอกจากเรื่องของซากศพนกอมตะสามตัวแล้ว เหตุการณ์ต่างๆก็ค่อยๆกลับสู่ความสงบตามกาลเวลา
แม้จะหากู่ต้าวอี้ไม่พบเซียนซิงฉาก็ไม่รับศิษย์เพิ่ม แถมยังมีข่าวลืออีกว่างเซียนซิงฉานั้นมีความคิดที่จะบ่มเพาะบุตรของตนเองให้เป็นผู้สืบทอด
เรื่องเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
ถึงแม้เซียนจะเปรียบเสมือนตัวแทนสวรรค์ แต่อย่างมากเขาก็สามารถช่วยบ่มเพาะให้ใครสักบรรลุระดับวารีนิรันดร์เท่านั้น การจะบรรลุเป็นเซียนนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของตนเอง
แต่ว่าเซียนซิงฉานั้นได้เก็บกรงเล็บมหึมาของราชาเซียนกลับมาด้วย ซึ่งนั่นได้เพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ขึ้นมา
เขาแยกแก่นพลังและโลหิตของราชาเซียนออกมาจากกรงเล็บและชำระล้างพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวทั้งหมดออกไป หากใช้แก่นพลังและโลหิตราชาเซียนที่แยกออกมานี้กับใครสักคนละก็ รากฐานวิถียุทธของคนๆนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในเมื่อมีความหวังที่จะฝึกฝนบุตรของตนเองได้สำเร็จ ทำไมเซียนซิงฉาถึงจะต้องไปตั้งความหวังไว้กับคนนอกสายเลือด?
พริบตาเดียววันเวลาก็ผ่านไปสามปี
ภายในหอคอยทมิฬ จักรพรรดิออกจากการเก็บตัวบ่มเพาะพลังและมายืนด้านหน้าหลิงฮันด้วยรอยยิ้ม
“สำเร็จแล้ว?” หลิงฮันเผยสีหน้าประหลาดใจอย่างมีความสุข
จากที่เห็นแม้พลังบ่มเพาะของจักรพรรดินีจะไม่เพิ่มขึ้นแต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากตัวนางนั้นแตกต่างไปจากเดิม อำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้นางดูมีเสน่ห์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
จักรพรรดินียิ้มและกล่าว “ข้าสร้างแก่นกำเนิดนิรันดร์ขึ้นมาได้แล้ว ข้าสามารถใช้ทักษะสร้างร่างแยกให้เป็นสิบคนได้”
ร่างของนางสั่นไหวเล็กน้อย ร่างแยกที่เหมือนกับนางไม่มีผิดเพี้ยนก้าวเดินออกมาจากร่างของนางทีละคน สองคน สามคน… เก้าคน เมื่อร่วมกับร่างต้นแล้ว จักรพรรดินีที่ยืนอยู่ตอนนี้มีทั้งสิ้นสิบคน
หลิงฮันชะงักเล็กน้อย จักรพรรดินีภรรยาของเขามีถึงสิบคน? เพียงแค่คนเดียวก็แทบจะทำให้เขาคลั่งตายแล้วแต่นี่กลับมีถึงสิบคน!
“ตอนนี้ร่างแยกของมีพลังบ่มเพาะเท่ากับข้าที่เป็นร่างหลัก แต่ที่ยอดเยี่ยมก็คือข้าสามารถบ่มเพาะพลังได้พร้อมกับถึงสิบร่าง เมื่อร่างแยกทั้งเก้าผสานกลับเข้ามาร่วมกับข้า พลังที่บ่มเพาะมาจะหลั่งไหลเข้ามาสู่ข้าที่เป็นร่างหลัก”
หลิงฮันตกตะลึง นี่มันน่าอัศจรรย์อย่างมาก!
ยิ่งกว่านั้นคือทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญในตอนนี้ยังไม่ได้ใช่ทักษะที่สมบูรณ์แท้จริง
หลิงฮันโผโอบกอดจักรพรรดินี “อีกนานแค่ไหนเจ้าถึงจะบรรลุระดับเซียน?”
จักรพรรดินียิ้มอย่างมั่นใจ “ร้อยปี!”
หลิงฮันยิ้ม อีกแค่ร้อยปีเท่านั้น หลิงฮันน้อยของข้า… อดทนไว้!
เนื่องจากสตรีนกอมตะยังคงรับวาสนาไม่เสร็จ พวกเขาจึงรออยู่ในหอคอยทมิฬต่อไป หลิงฮันสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำต้นที่สองออกมาและเริ่มทำซุป
ครั้งนี้กินซุปสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำไปหลายส่วนไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน เนื่องจากมีร่างแยกทั้งเก้าค่อยสนับสนุน
ไม่กี่วันต่อมา พลังบ่มเพาะของหลิงฮันได้บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลายในขณะที่จักรพรรดินีบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นสูงสุด ความเร็วในการบ่มเพาะพลังใสตอนนี้ของนางรวดเร็วมากจนแม้แต่หลิงฮันก็ได้เพียงเหลียวมองตามหลัก
แต่หลิงฮันไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรเลย เขาอยากจะให้จักรพรรดินีบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ
ทางด้านของสตรีนกอมตะยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลิงฮันมุ่งหน้ากลับดาวมู่ถูเพื่อตามหาหลินอวีฉี แน่นอนว่าเขาได้ฝากจักรพรรดินีให้ทำหน้าที่เฝ้าคุ้มครองสตรีนกอมตะเอาไว้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆนางจะแจ้งให้หลิงฮันรีบกลับมาทันที
ถึงแม้เซียนจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าเขา แต่การที่เซียนจะรู้ข่าวนั้นจำเป็นต้องมีคนไปแจ้ง ขอแค่เขาได้รับข่าวก่อนเซียนการจะกลับไปถึงก่อนก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ตำหนักเป่าหลินตั้งสาขาไว้ที่นี่เช่นกัน แต่สาขาที่นี่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนกับที่เขตดวงดาวแสงคงกระพัน ตำหนักเป่าหลินสาขาที่นี่ไม่มีอิทธิพลใดๆ ประตูร้านค้าเปิดอ้างว้างโดยไร้วี่แววผู้คน
หลิงฮันเดินเข้าไปและกล่าว “ผู้ดูแลร้านอยู่ไหน ข้าต้องทำการค้าครั้งใหญ่!”
เขาปลดปล่อยออร่าของระดับวารีนิรันดร์ออกมาเล็กน้อย พนักงานของร้านที่เห็นเช่นนั้นก็มีท่าทีสุภาพเป็นอย่างมากและรีบไปแจ้งผู้ดูแลสาขาที่สวนด้านหลังร้านอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปชั่วครู่ เสียงกระดิ่งของร้านก็ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวานที่ลอยฟุ้งเข้ามา สตรีผู้หนึ่งค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างงดงาม เสน่ห์ของนางนั้นเย้ายวนจนชายหนุ่มทุกคนที่เห็นต้องตาร้อนผ่าว
ตอนที่ 1525
“โอ้ นั่นน้องชายฮันไม่ใช่รึ?” นิสัยของยั่วยวนบุรุษของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นางส่งสายตาเปล่งประกายเย้ายวนไปยังหลิงฮัน
จักรพรรดินียิ้มและกวาดสายตามองอีกฝ่าย
“พะ พี่สาว!” หลินอวีฉีตัวหดเหมือนหนูเห็นแมว นางก้มหัวและขยำชายเสื้อตนเองราวกับไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี นางยังคงจำได้ดีว่าจักรพรรดินีมีนิสัยเหี้ยมโหดเพียงใด
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ดูเหมือนการค้าของสาขาแห่งนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”
“เฮ้อ อย่าพูดว่าค้าขายไม่ค่อยดีเลย แม้แต่ลูกค้าที่เดินผ่านประตูมาสักคนยังยากที่มีให้เห็น” หลินอวีฉีกล่าวอย่างเศร้าสลด “ตอนนี้พี่สาวยากจนจนอาจจะต้องขายตัวเองแทนแล้ว”
หลิงฮันกล่าว “เช่นนั้นข้าก็มีการค้าบางอย่างมาเสนอเจ้า”
หลินอวีฉีมองไปที่หลิงฮันด้วยความสงสัย “นี่เจ้าคิดจะแนะนำให้พี่สาวคนนี้ไปขายตัวจริงๆ?”
ฮึ่ม!
หลิงฮันส่ายหัวและนำแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์บางส่วนออกมา “ข้าอยากให้เจ้าขายแร่โลหะเหล่านี้ให้ข้า นอกจากนั้นข้าก็ต้องการซื้อแร่โลหะระดับต่ำลงมาอย่างแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดถึงสิบสาม”
เขามีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่มากเกินกว่าที่ต้องการ ดังนั้นเขาจึงอยากจะขายส่วนที่ไม่จำเป็นให้หมดและเปลี่ยนพวกมันเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดถึงสิบสามเพื่อนำมาใช้ยกระดับดาบอสูรนิรันดร์
“นะ นี่มันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่!” หลินอวีฉีวิ่งพรวดราวกับจะขโมยแร่โลหะที่หลิงฮันนำออกมา “นี่เจ้าไปปล้นชิงมามากมายเท่าใดกันถึงได้มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เยอะขนาดนี้ แต่ก็แปลกๆนะ ทำไมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ถึงดูมีรูปร่างเหมือนกับ…”
นางคาดเดาในใจแต่ก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด
หลิงฮันยิ้ม “เหมือนกับแผ่นปูทางเดิน?”
หลินอวีฉีพยักหน้า แต่นางก็คิดว่าหลิงฮันเพียงแค่หยอกล้อเล่นเท่านั้น แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ที่ล้ำค่าเช่นนี้ใครจะนำไปใช้เป็นแผ่นปูทางเดิน? นางเผยสีหน้าประหลาดใจพร้อมกับกล่าว “ร้านของข้าค้าขายเม็ดยา แต่เจ้ากลับขอให้ข้าช่วยขายแร่โลหะ?”
“เจ้าทำไม่ได้รึ?” หลิงฮันกล่าว
หลินอวีฉีครุ่นคิด แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่นั้นผู้นี้มีความมั่งคั่งพอจะซื้อได้คงมีไม่มาก แต่มันจะต้องดึงดูดผู้คนมากมายให้มาดูแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วไม่ใช่ว่าร้านของนางก็จะเป็นที่รู้จักไปด้วยหรอกรึ?
“ไม่มีปัญหา!” นางรีบพยักหน้าและส่งสายตายั่วยวน “เจ้าช่วยเหลือพี่สาวขนาดนี้ หรือเจ้าอยากจะได้ตัวพี่สาวเป็นสิ่งตอบแทน?”
“ข้าไม่ต้องการผลึกก่อเกิด เจ้าแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของข้าเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดจนถึงสิบสาม รับแหวนนี่ไป ภายในนี้มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่มากพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดถึงสิบสามในจำนวนที่ข้าต้องการ” หลิงฮันโยนอุปกรณ์มิติให้กับหลินอวีฉีโดยไม่สนใจคำพูดหยอกล้อของนาง
หลินอวีฉีตกตะลึง เพียงแค่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ที่หลิงฮันนำออกมาก่อนหน้านี้ก็นับว่าล้ำค่ามากพอแล้ว นี่เจ้ายังมีมากกว่านั้นอีก? เมื่อนางใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบภายในแหวนมิตินางก็แทบจะเป็นลม
บ้าไปแล้ว ภายในแหวนมิติมีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์กองพะเนินรวมกันเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ถึงแม้นางจะไม่ได้ตรวจสอบทีละชิ้นแต่เขาสามารถบอกได้ว่าแต่ละชิ้นเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงแน่นอน
นี่หลิงฮันไม่คิดว่านางจะแอบขโมยเลยรึไง?
หลิงฮันราวกับเดาความคิดของนางออกจึงจงใจปลดปล่อยออร่าออกมาเล็กน้อย
“ระดับวารีนิรันดร์!” ใบหน้าอันงดงามของหลินอวีฉีเปลี่ยนสี นางไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหลิงฮันได้ก็จริง แต่นางหลงคิดไปว่าหลิงฮันจงใจปกปิดพลังบ่มเพาะของตนเองเอาไว้ทำให้นางไม่สามารถตรวจสอบพลังบ่มเพาะได้
เวลาเพิ่งผ่านมาไม่กี่ปีเอง ยากจะเชื่อว่าหลิงฮันสามารถยกระดับพลังจากระดับสุริยันจันทรามาเป็นระดับวารีนิรันดร์ได้
หากพลังบ่มเพาะของเขายังคงพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานไม่ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นเซียนเลยงั้นรึ?
“อีกไม่กี่ปีข้าจะกลับมา” หลิงฮันสะบัดมือให้แก่นางโอบกอดจักรพรรดินีเดินจากไป
“เจ้าหนูคนนี้ช่างฝืนสวรรค์ยิ่งนัก!” หลินอวีฉีส่ายหัวและยิ้ม “บางทีเมื่อพบกับเขาครั้งหน้า เขาอาจจะกลายเป็นเซียนแล้วก็ได้”
……
หลิงฮันกับจักรพรรดินีรีบกลับมาอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นห่วงสตรีนกอมตะ
ในด้านของทรัพยากรบ่มเพาะจากสำนักละอองดารานั้นเขาได้ให้ติงผิงหรือไม่ก็จิ่วเยาเป็นคนนำมาให้ ข่าวคราวเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆก็รับฟังจากทั้งสอง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงเก้าปี
ในวันนี้เอง จู่ๆร่างของนกอมตะทั้งสามก็ปลดปล่อยเปลวเพลิงลุกโชนออกมาราวกับกำลังกำเนิดใหม่
เมื่อสังเกตเห็นหลิงฮันย่อมมาถึงเป็นคนแรก แต่ทันใดนั้นก็ได้มียานเหาะดาราขนาดเล็กพุ่งจากบริเวณนี้ไปยังดาวมู่ถู หลิงฮันครุ่นคิดและไม่ไล่ตามยานลำนั้นไป เขาโคจรทักษะเปลี่ยนรูปลักษณ์ตนเองและพุ่งทะยานไปยังจอมยุทธคนอื่นๆที่คอยคุ้มกันบริเวณแห่งนี้อยู่
แน่นอนว่าเหล่าจอมยุทธที่ถูกทิ้งไว้ให้ทำหน้าที่ดูสถานการณ์ย่อมไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตอบสนองได้ทันก็ถูกหลิงฮันจู่โจมจนหมดสติ
เซียนสามารถเดินทางจากดาวมู่ถูมาที่นี่ได้ในไม่กี่อึดใจ แต่ยานเหาะดาราจำเป็นต้องใช้เวลากลับไปส่งข่าวอย่างน้อยสามวัน หรือก็คือหลิงฮันมีเวลาวันก่อนที่เซียนจะมาถึง
หลิงฮันจ้องมอง นกอมตะทั้งสามสมควรระเบิดพลังชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา ร่างของพวกเปลี่ยนเป็นโปร่งใสทำให้มองเห็นสตรีนกอมตะที่อยู่ภายใน นางกำลังนั่งกอดเข่าลอยอยู่กลางอากาศราวกับไร้น้ำหนัก
“เร็วเข้าภรรยาข้า หากเซียนมาถึงที่นี่ก่อนพวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลบหนีไปจากเขตดวงดาวแห่งนี้” หลิงฮันพึมพำ
สองวันต่อมา เปลวเพลิงของของอมตะทั้งสามก็ถูกเผาผลาญจนถึงขีดจำกัด สตรีนกอมตะค่อยๆยืนขึ้นอย่างองอาจพร้อมกับสยายปีกด้าน ขนาดปีกของนางไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแมแต่น้อย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่เหนือปีกของนางนั้นดูซับซ้อนอีกกว่าเดิมมาก
วาสนาของนางไม่ใช่การเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะให้สูงขึ้นพรวดพราดแต่เป็นการสร้างศักยะภาพพื้นฐานให้เหมือนเกิดใหม่ วาสนาที่สตรีนกอมตะได้รับในครั้งนี้นั้นไม่รู้ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน
“ภรรยาข้า!” หลิงฮันตะโกนเรียก สตรีนกอมตะลืมตาและลอยเข้าสู่อ้อมกอดของหลิงฮันด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย
นางไม่ได้พบเจอหลิงฮันมาเป็นปีแล้ว
“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและรีบเผ่นทันที หลังจากวนเลี่ยงเส้นทางได้ครึ่งรอบเขาก็ควบคุมอุปกรณ์บินแหวกเมฆาให้มุ่งหน้ากลับดาวมู่ถู
และในตอนนั้นเอง แสงแห่งเต๋าที่ทองก็สาดส่องออกมาจากดาวมู่ถูเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเซียนกำลังเดินทางออกจากดาว
ตอนที่ 1526
คราวนี้เซียนที่มุ่งหน้าไปตรวจสอบสถานการณ์คือเซียนเหรินเติง
เมื่อเขามาถึงก็พบกับเหล่าคนที่ถูกหลิงฮันโจมตีจนสลบและจดจำอะไรไม่ได้เลย
เรื่องนี้ทำให้เซียนซิงฉาเกี้ยวกราดเป็นอย่างยิ่ง ตัวการที่ทำให้คนเหล่านั้นหมดสติจะต้องเป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้กู่ต้าวอี้หายตัวไปแน่นอน อีกฝ่ายนับว่ากล้าหาญนักที่อุกอาจสร้างปัญหาขึ้นในอาณาเขตของเขา
หลิงฮันกลับมายังสำนักละอองดาราและมุ่งหน้าไปยังตำหนักเป่าหลินเพื่อดูว่าหลินอวีฉีแลกเปลี่ยนแร่โลหะให้เขาได้มากเท่าไหร่แล้ว
เมื่อมาถึงประตูตำหนัก หลิงฮันก็อดตกตะลึงไม่ได้ที่จำนวนลูกค้าของร้านนั้นเยอะขึ้นมาก
ครั้งที่แล้วที่เขามาที่นี่ประตูยังไม่มีแม้แต่นกบินผ่านเลย
“พี่ชายเฉียน ท่านเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ข้าต้องการหลอมกระบี่ล้ำค่าสักเล่ม แต่เหตุใดท่านถึงพาข้ามีที่ร้านค้าเม็ดยา?”
“เหอๆ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ด้านหน้าหลิงฮันมีคนของคนกำลังเดินเข้าไปในร้านโดยหนึ่งในสองคนนั้นทำหน้าตามึนงง
ร้านค้าเม็ดยาที่มีอาวุธขายงั้นรึ? น่าแปลกนัก!
หลิงฮันเดิมตามทั้งสองคนเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเลือกซื้อเม็ดยาอยู่ โดยที่คนอีกส่วนหนึ่งกำลังยืนรออะไรบางอย่าง
สักพักต่อมา พนักงานสาวของร้านก็ปรากฏตัวโดยถือถาดที่คลุมผ้าเอาไว้มาด้วย ประกายแสงแวววาวของโลหะสาดส่องออกมาจากใต้ผ้าคลุม
“การประมูลแร่โลหะในวันนี้จะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!” พนักงานสาวเปิดผ้าคลุม
“เหลือเชื่อ นั่นมันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ แร่โลหะอสุราลายทอง!”
“มันสามารถสร้างเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ที่มีพลังอำนาจเทียบเท่ากับระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง!”
“ข้าได้ยินมาสักพักแล้วว่าร้านค้าเม็ดยาแห่งนี้ทำการเปิดประมูลแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงทุกๆสามวัน ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เชื่อจนมาเห็นด้วยตาตัวเอง”
“นั่นสิ ร้านค้าเม็ดยาที่มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขาย… ฟังแล้วก็ไม่ค่อยมีเหตุผลยังไงไม่รู้”
ราคาของแร่โลหะถูกประมูลซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดก็ได้ผู้ชนะ หลังจากจ่ายผลึกก่อเกิดเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบซ่อนแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาและรีบกลับทันทีราวกับกลัวว่าจะถูกใครลอบปล้นชิงระหว่างทาง
แม้การประมูลจะจบลงแล้วทุกคนที่มาที่นี่ก็ยังแวะหาซื้ออะไรติดมือบ้างเล็กๆน้อยๆ
หลิงฮันพยักหน้าก่อนจะไปหาพนักงานคนหนึ่ง “เรียกผู้ดูแลสาขามาพบข้าที”
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดผู้ดูแลของข้าต้องยอมพบเจ้า?” ไม่คาดคิดว่าพนักงานผู้นี้จะหยิ่งยโสเช่นนี้ เทียบกับพนักงานที่เขาพบเจอครั้งก่อนแล้วทัศนคติช่างแตกต่างกันลิบลับ หากลองดูให้ดีแล้วพนักงานของร้านได้เปลี่ยนไปทั้งหมด ไม่เหลือใครที่เขาคุ้นหน้าอยู่เลย
แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ พนักงานตรงหน้าชะงักแน่นิ่งด้วยความหวาดกลัวทันที “อย่าให้ข้าต้องเอ่ยซ้ำสอง เรียกผู้ดูแลของเจ้ามาพบข้า”
“ขะ เข้าใจแล้ว!” พนักงานคนนั้นรีบพยักหน้าด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไปทั่วร่าง
หลิงฮันยืนรอสักพัก พนักงานคนเดิมก็เดินกลับมาและกล่าว “ทางเราต้องขอโทษด้วย ผู้ดูแลยุ่งมาก คงไม่มีเวลามาพบกับใคร”
หืม?
หลิงฮันจ้องมองด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้ “เจ้าไปบอกอีกครั้งว่าหลิงฮันต้องการพบ”
พนักงานคนนั้นลังเล เขาได้รับคำสั่งมาว่าให้เมินเฉยและไล่ลูกค้าที่ขอพบกลับไป แต่ปัญหาก็คือเขาไม่กล้าขัดขืนหลิงฮัน
สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจยอมเดินไปหาผู้ดูแลอีกครั้ง
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง พนักงานก็กลับมาและกล่าว “ขอเชิญนายน้อยหลิง ผู้ดูแลอยู่ทางนี้”
เขาเดินนำทางหลิงฮันไปยังสวนหลังร้าน
ที่สวนด้านหลังมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาไม่ใช่หลินอวีฉีแต่เป็นชายวัยกลางคนที่ปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังออกมา
ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง
แล้วหลินอวีฉีล่ะ?
หลิงฮันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลจึงกล่าว “หลินอวีฉีอยู่ไหน?”
ชายวัยกลางคนสะบัดมือไปยังพนักงานเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายออกไปก่อนจะเอ่ยกล่าว “ข้าคือซือกังหยาง ผู้ดูแลคนใหม่ของที่นี่”
“แค่กๆ!” ซือกังหยางกระแอมเสียงดัง “หลินอวีฉีถูกส่งตัวกลับไปยังตระกูลหลักแล้ว เจ้าจะทำการค้าใดๆกับนางเอาไว้นั้นข้าไม่รับรู้ด้วย แค่คำพูดปากเปล่าของเจ้าไม่อาจทำให้ข้าเชื่อได้”
โอ้ คิดจะปัดความรับผิดชอบง่ายๆเช่นนี้?
หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “เจ้าต้องการบาดหมางกับข้า?”
ใบหน้าของซือกังหยางเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “หนุ่มน้อย การที่เจ้าสามารถเข้าร่วมสำนักละอองดาราได้หมายถึงเจ้ามีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่โดดเด่น แต่พรสวรรค์ก็อยู่ในส่วนของพรสวรรค์ ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะกล้าถึงขนาดพูดอะไรพล่อยๆที่ตำหนักเป่าหลินของข้า!”
เขารู้ว่าหลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หวาดกลัว ตำหนักเป่าหลินนั้นเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลัง จำนวนของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์นั้นมีมากจนนำมาต่อแถวเรียงรายกันได้เลย
นอกจากนั้นเขาก็มีพลังบ่มเพาะถึงระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางในขณะที่หลิงฮันเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น ขั้นกลางเช่นนั้นจะไม่สามารถกำราบขั้นต้นอย่างหลิงฮันได้รึ? ช่างน่าขัน!
หลิงฮันขยำนิ้ว “ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง หนึ่งคือให้หลินอวีฉีมาคุยกับข้า สองคือข้าจะทุบตีเจ้าแล้วค่อยมาคุยกันทีหลัง”
“ฮ่าๆๆ!” ซือกังหยางหัวเราะ “เจ้าบ้าไปแล้วรึหนุ่มน้อย!”
เขารู้จักหลิงฮันเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้เข้าร่วมการทดสอบของตระกูลหลินโดยเป็นตัวแทนของหลินอวีฉี อีกสามตระกูลหลักของตำหนักเป่าหลินก็ได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับหลิงฮันเช่นกัน แต่ในตอนนั้นมีรึที่เขาจะเก็บเรื่องของจอมยุทธระดับดารามาใส่ใจ?
เพราะงั้นเมื่อเขาได้ยินว่าหลิงฮันบรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้วนั้นเขาจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่จำนวนมหาศาลที่กองอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาเกิดความโลภเช่นกัน
“พูดตรงๆเลยแล้วใคร เจ้าจะบอกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเป็นของเจ้า? แค่คำพูดปากเปล่าใครจะเชื่อกัน? แต่เห็นแก่เจ้าข้าจะยอมแบ่งส่วนต่างให้เล็กๆน้อยแล้วกัน” ซือกังหยางโยนแหวนมิติออกไปด้านหน้าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
นอกจาเซียนแล้วตำหนักเป่าหลินไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร!
หลิงฮันจะกลายเป็นเซียนได้ในอนาคต?
ไม่มีทางเด็ดขาด เซียนซิงฉาไม่ได้รับหลิงฮันเป็นศิษย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเซียนซิงฉานั้นมองเห็นว่าหลิงฮันไม่มีศักยะภาพพอที่จะบรรลุเป็นเซียน
ระดับวารีนิรันดร์เช่นเจ้าแค่คนเดียว คิดจะต่อต้านจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จำนวนมากของตำหนักเป่าหลิน?
แหวนมิติกลิ้งวนอยู่บนพื้นสองสามรอบก่อนจะหยุดแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“หนึ่งแสนผลึกก่อเกิด เยอะใช่มั้ยล่ะ!” เขากล่าวพร้อมกับแสยะยิ้ม “รีบๆเก็บแล้วก็ไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นผลึกก่อเกิดแม้แต่ก้อนเดียวเจ้าก็จะไม่ได้!”
ตอนที่ 1527
หนึ่งแสนผลึกก่อเกิด?
ซือกังหยางกอดอกด้วยใบหน้าขบขัน
“ทำไมยังไม่รีบหยิบอีก หรือมันน้อยไปงั้นรึ?” ซือกังหยางแสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเห็นใจ “ข้าถือว่ามีจิตใจเมตตามากแล้ว ข้าจะไม่แบ่งผลึกก่อเกิดให้แก่เจ้าแม้แต่ผลึกเดียวก็ย่อมได้! รีบๆหยิบแล้วไสหัวไป!”
หลิงฮันยิ้ม “ข้าไม่ได้รู้สึกอยากทุบตีใครให้ตายมานานมากแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยที่เจ้ากระตุ้นความรู้สึกนั้นของข้ากลับมาได้”
“ฮ่าๆ เจ้าจะทำอะไรได้?” ซือกังหยางส่ายหัว รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างโง่เขลา คิดจะใช้กำลังงั้นรึ? หากอีกฝ่ายต้องการแส่หาความอัปยศใส่ตัวเขาก็จะเป็นคนสั่งสอนเองว่าท้องฟ้ากับปฐพีนั้นห่างชั้นกันเพียงใด
ความจริงแล้วเขารู้สึกอิจฉาหลิงฮันเล็กน้อย ตัวเขานั้นบ่มเพาะพลังมากว่าหลายสิบล้านปีถึงจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์ แต่หลิงฮันล่ะ? โลหิตภายในร่างของอีกฝ่ายยังคงเดือดพล่านราวกับเตาหลอมที่ร้อนระอุ เห็นได้ชัดว่าอายุของหลิงฮันนั้นยังน้อยมากๆ
หรือก็คืออีกฝ่ายสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกมากกว่าร้อยล้านปี!
หลิงฮันผลักฝ่ามือออกไป “ที่จริงเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าลงมือด้วยซ้ำ!”
“ก็แค่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น… อะไรกัน!” ซือกังหยางกำลังจะแสดงท่าทางเหยียดหยาม แต่เมื่อหลิงลงมือปลดปล่อยฝ่ามือขนาดใหญ่ วงโคจรดาราจักรที่ปรากฏขึ้นของอีกฝ่ายนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ภายในวงโคจรดาราจักรมีดวงดาวหมุนวนอยู่เพียงแปดสิบดวงเท่านั้น แต่ขนาดของดวงดาวแต่ละดวงกลับมีขนาดใหญ่กว่าดวงดาวทั่วไปหลายร้อยเท่า
เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว… อย่าประมาทเด็ดขาด!
ซือกังหยางคำราม วงโคจรดาราจักรของเขาปรากฏออกมา ภายในนั้นมีดวงดาวอย่างน้อยเจ็ดร้อยดวง นั่นหมายความว่าเขามีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นปลาย ตามหลักแล้วพลังต่อสู้ของเขาสูงกว่าหลิงฮันราวๆสี่ดาว
“ช่างรนหาที่ตาย!” เขาเอื้อมมือตอบโต้คว้าไปยังลำคอของหลิงฮันโดยหวังจะสร้างความทรงจำอันเจ็บปวดที่หลิงฮันจะไม่มีวันลืมเลือนไปตลอดชีวิต
‘ตูม’ ฝ่ามือขนาดใหญ่ของหลิงฮันสลายพลังทำลายจากมือของซือกังหยางได้อย่างง่ายกาย หลิงฮันในตอนนี้สามารถต่อสู้อย่างทัดเทียมได้แม้แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด แค่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?
“อะไรกัน!” ซือกังหยางอุทานด้วยความหวาดกลัว
แค่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเหตุใดถึงทรงพลังเพียงนี้?
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของหลิงฮันกำลำคอของซือกังหยางเอาไว้แน่น ด้วยพลังอำนาจจากปราณก่อเกิดทำให้ร่างของซือกังหยางแข็งชาจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว
“อ้าปาก!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา
ซือกังหยางฝืนส่ายหัวและปิดปากแน่นไม่ยอมอ้า
หลิงฮันคว้าไปยังอากาศที่วางเปล่าพร้อมกับดูดแหวนมิติเข้ามาที่มือและใช่สัมผัสสวรรค์นำผลึกก่อเกิดจำนวนมากราวกับเนินเขาขนาดย่อมๆออกมา เขาหยิบผลึกก่อเกิดบนพื้นขึ้นมาหนึ่งก้อนและยัดเข้าใส่ปากซือกังหยาง
“จะ เจ้าจะทำอะไร!” ซือกังหยางตกตะลึงและรีบเอ่ยถามผ่านสัมผัสสวรรค์
“อ้าปากของเจ้า!” หลิงฮันตบเข้าที่ใบหน้าของซือกังหยางจนฟันหลุดกระเด็นและยัดผลึกก่อเกิดเข้าไปทันที
หลิงฮันหยิบผลึกก่อเกิดอีกก้อนขึ้นมาและยัดเข้าไปอีก
เมื่อถูกยัดผลึกก่อเกิดสองก้อนลงไปลึก ลำคอของเขาก็เกิดบาดแผลจนเริ่มรู้สึกเจ็บปวด
หลิงฮันไร้ความเมตตา เขาหยิบผลึกก่อเกิดก้อนที่สามขึ้นมาและยัดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ต่อให้พลังบ่มเพาะของซือกังหยางจะถูกหลิงฮันผนึกเอาไว้แล้ว แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดณ์ก็ไม่มีทางตกตายง่ายๆ
“เจ้าทำเกินไป ตระกูลซือของข้า ไม่สิ ตำหนักเป่าหลินจะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า!” ซือกังหยางไม่อาจใช้ปากพูดได้ เขาตะโกนข่มขู่ผ่านสัมผัสสวรรค์
“โอ้ ยังปากกล้าอยู่อีก” หลิงฮันยิ้มและยัดผลึกก่อเกิดเข้าปากซือกังหยางต่อ “เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนักที่ให้ผลึกก่อเกิดข้าถึงหนึ่งแสนผลึก!”
“ข้าขอคืนผลึกก่อเกิดทั้งแสนผลึกคืนให้เจ้า มาดูว่าท้องของเจ้าจะรับพวกมันไหวไหม!”
ซือกังหยางที่ได้ยินใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ต้องกินผลึกก่อเกิดถึงหนึ่งแสนผลึก? เพียงแค่คิดว่าท้องของเขาต้องขยายใหญ่เท่าเนินเขาขนาดย่อมซือกังหยางก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ เขามีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลิงฮันแท้ๆ ต่อให้หลิงฮันเป็นอัจฉริยะสี่ดาวพวกเขาก็น่าจะเสมอกันไม่ใช่รึไง เช่นนั้นแล้วเหตุใดเขาถึงถูกหลิงฮันกำราบอย่างง่ายดาย?
“อ่อก!” ซือกังหยายส่ายหัวไปมา ผลึกก่อเกิดถูกยัดเข้าปากของเขาไม่หยุดด้วยความเร็วสูง
“เจ้าไม่หวาดกลัวการล้างแค้นจากตำหนักเป่าหลินของข้ารึไง!” ซือกังหยางกล่าวอย่างเกลียดชัง
เพี๊ยะ!
หลิงฮันตบเข้าที่ใบหน้า “เจ้ากินผลึกก่อเกิดจนเสียสติแล้ว? หากข้าหวาดกลัวข้าจะลงมือ? กล้าถึงขนาดขโมยของของข้าไปเป็นของตัวเอง เกรงว่าสมองของเจ้าคงจะไม่ปกติสินะ”
ซือกังหยางอยากร้องไห้ นี่เขาไปยั่วนะดวงดาวหายระผู้นี้ได้อย่างไร ไม่เพียงแค่อีกจะทรงพลังราวกับสัตว์ประหลาดแต่แม้กระทั่งตำหนักเป่าหลินก็ยังไม่หวาดกลัว
“ข้าจะยืนทุกอย่างให้เจ้า!” ซือกังหยางรีบกล่าวอย่างไม่ลังเลเพราะกลัวว่าหลิงฮันจะสังหารเขา
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น” หลิงฮันส่ายหัว “ไม่ว่าทำอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจหนีข้าพ้น มาเล่นสนุกกันต่ออีกหน่อยดีกว่า”
เล่นน้องสาวเจ้าสิ!
ซือกังหยางสบถในใจ
หลิงฮันหรี่ตามอง “นี่เจ้าแอบด่าข้า?”
“อ่อก!” ซือกังหยางส่ายหัว เนื่องจากปากถูกยัดเอาไว้ด้วยผลึกก่อเกิดทำให้เขาอึดอัดและเปล่งเสียงออกมาไม่ได้
“เจ้าควรประพฤติตัวอย่างสื่อสัตย์ ไม่เช่นนั้นการกระทำของเจ้าจะนำพาหายนะมาสู่ตัว” หลิงฮันกล่าวแนะนำ
ซือกังหยางอยากจะสบถด่าออกมาดังๆแต่ก็ไม่กล้า
“ว่าแต่ผลึกก่อเกิดมันอร่อยขนาดนั้นเลย? งั้นก็กินต่อเลย ไม่ต้องกังวลไม่มีใครมาแย่งเจ้าหรอก!” หลิงฮันยัดผลึกก่อเกิดต่อเนื่องไม่หยุด
ซือกังหยางรู้สึกทรมานจนอยากจะตาย เขาร้องโอดครวญ “สิ่งที่เจ้าอยากได้ข้ายอมยกให้ทุกอย่าง ได้โปรดปล่อยข้า!”
“ไร้สาระ แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแต่เดิมเป็นของข้าอยู่แล้ว เจ้าจะทำเป็นใจกว้างเพื่ออะไร?” หลิงฮันยัดผลึกก่อเกิดต่อ อีกฝ่ายคิดจะสร้างความอัปยศให้เขาด้วยผลึกก่อเกิดหนึ่งแสนก้อน ถ้างั้นแล้วเขาก็จะคืนผลึกก่อเกิดทั้งหมดคืนให้โดยไม่ขาดแม้แต่ก้อนเดียว
ซือกังหยางร้องไห้น้ำตานอง หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้มีรึที่เขาจะมอบผลึกก่อเกิดให้หลิงฮัน
ตอนที่ 1528
หลิงฮันเร่งความเร็วขึ้น ผ่านไปครึ่งวันผลึกก่อเกิดทั้งหนึ่งแสนผลึกก็ถูกยัดเข้าไปอยู่ในท้องของซือกังหยาง ท้องของเขาในตอนนี้ใหญ่โตจนทำให้คนอ้วนดูผอมไปเลย
หลืงฮันปัดฝุ่นบนมือและจ้องมองผลงานชิ้นเอกด้วยความพึงพอใจ สภาพของซือกังหยางในตอนนี้ตลกอย่างแท้จริง แขนขาและหัวของเขาดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับท้องที่มีขนาดใหญ่โต
เขานำอุปกรณ์มิติของซือกังหยางออกมาตรวจสอบ ทันใดนั้นใบหน้าของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นมืดมน ภายในอุปกรณ์มิติมีเพียงแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่สิบเจ็ดก้อนเท่านั้น ที่เหลือก็มีเพียงผลึกก่อเกิดจำนวนราวๆร้อยล้านก้อน เมื่อเทียบกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เขาให้ไปจำนวนแค่นี้ถือว่าน้อยมาก
“เจ้าช่างรนหาที่ตายจริงๆ!” หลิงฮันกวัดแกว่งหมัดชกเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว หลิงฮันก็ปล่อยตัวซือกังหยางและกล่าว “ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน เตรียมทุกสิ่งที่เป็นของข้าเอาไว้ให้พร้อม หากเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจอีกล่ะก็…” เขาครุ่นคิด “ข้าจะให้วัวกระทิงร้อยตัวพุ่งทะลวงประตูหลังของเจ้า!”
กล่าวจบเขาก็เดินจากไป
ซือกังหยางหวาดกลัว เขาอยากจะหลบหนีออกจากดาวมู่ถูที่อันตรายแห่งนี้ทันที แต่พลังบ่มเพาะของถูกผนึกอยู่เขาจะหลบหนีได้อย่างไร?
หลิงฮันเดินออกจากตำหนักเป่าหลิน เมื่อเขาก้าวเดินไปได้สองสามก้าวก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกเขา “โอ้ นั่นน้องชายหลิงไม่ใช่รึ?”
หลินอวีฉี!
หลิงฮันหันหน้าและจ้องมองด้วยแววตาเยือกเย็น “เจ้ายังกล้ามาพบข้า?”
“ทำต้องใช้ความกล้าด้วย? เจ้าไม่ใช่เสือผู้หญิงเสียหน่อย ข้าไม่เห็นต้องกลัวเลยว่าจะถูกเจ้ากิน” หลินอวีฉีเดินเข้ามาใกล้และโยนแหวนมิติให้หลิงฮัน
หลิงฮันรับแหวนและใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ภายในแหวนมีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายตั้งแต่ระดับสิบเอ็ดไปจนถึงระดับสิบสาม แถมจำนวนของพวกมันก็ยังมีมากมายมหาศาลอีกด้วย
“พี่สาวทำงานหนักเพื่อเจ้าอยู่แท้ๆ แต่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งปีก็มีตัวบัดซบมาแย่งตำแหน่งของข้าไป แต่ข้าก็ยังสามารถรักษาสัญญาให้เจ้าได้เพราะข้าเก็บแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ส่วนใหญ่ไว้กับตัว” หลินอวีฉีกล่าว
หลิงฮันเก็บแหวนมิติและไม่รู้สึกโมโหอีกต่อไป “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ตัวบัดซบแซ่ซือหวังจะครอบครองพี่สาวคนนี้ เมื่อตอนที่หมอนั่นมาหาข้า เขาได้บังเอิญเห็นว่าพี่สาวจัดการประมูลแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทุกๆสามวัน เขาจึงเกิดความความโลภและใช้อำนาจยึดตำแหน่งของพี่สาว” หลินอวีฉีอธิบาย “โชคดีที่พี่สาวทิ้งพนักงานที่เชื่อใจเอาไว้ เมื่อเจ้าปรากฏตัวที่นี่พนักงานคนนั้นจึงติดต่อหาพี่สาวทันที”
หลิงฮันเค้นเสียงก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปยังตำหนักเป่าหลิน
“เดี๋ยวก่อน นี่เจ้าจะทำอะไร?” หลินอวีฉีรีบห้าม พี่สาวมาหาเจ้าเพราะไม่ต้องการให้เจ้าตกหลุมพรางของตัวบัดซบแซ่ซือ”
เขาไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะกำราบซือกังหยางได้อย่างง่ายดาย นางกลัวว่าหลิงฮันจะอารมณ์จนตกไปสู่กับดักของซือกังหยาง
หลิงฮันไม่พูดอะไรและก้าวต่อไป
หลินอวีฉีตามหลิงฮันไปจนถึงสวนด้านหลัง สิ่งที่นางเห็นทำให้นางอ้าปากค้างด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
นั่นมันซือกังหยาง?
ใบหน้าก็ใช่อยู่ แต่เหตุใดเขาถึงได้อ้วนขึ้นขนาดนั้น?
ซือกังหยางกำลังพยายามคายผลึกก่อเกิดออกมา เนื่องจากพลังบ่มเพาะถูกผนึกเอาไว้ทำให้การเอาผลึกก่อเกิดออกจากภายในร่างกายนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมาก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคายผลึกก่อเกิดได้ถึงสิบก้อนหลิงฮันก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น นี่เจ้ากลับมาทำไม?
สามวันผ่านไปไวขนาดนั้นเชียว?
หลิงฮันปล่อยหมัด ‘ตูม’ ซือกังหยางถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อ ผลึกก่อเกิดจำนวนมากไหลลอยกระจายไปทั่ว
ในเมื่อเขาได้สิ่งที่ควรเป็นของเขากลับคืนมาแล้ว ซือกังหยางก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป อีกฝ่ายกล้ามากที่คิดลักขโมยของของเขา หากไม่สังหารความแค้นใจในก็ไม่มีทางหายไป
หลินอวีฉีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “เจ้าสังหารซือกังหยาง!”
“ถูกแล้ว” หลิงฮันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลินอวีฉีดึงแขนเสื้อของเขา “หมอนั่นคือปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ เขาเป็นหนึ่งในตัวตนสำคัญของตำหนักเป่าหลิน ทางตำหนักคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องคิดมา เจ้าไปส่งข้อมูกลับไปว่าหมอนั่นพบเจอซากโบราณสถานที่ซ่อนสมบัติและตกตายระหว่างการเดินทาง”
“เจ้าต้องการให้พี่สาวโกหกให้เจ้า?” หลินอวีฉีมองบน
“หรือเจ้าจะบอกว่าไม่อยากให้หมอนั่นตาย”
“พี่สาวไม่โกหกว่าข้าเองก็เกลียดหมอนั่นมานานแล้ว แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันด์นั้นสำคัญกับตำหนักเป่าหลินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะซือกังหยางที่มีอายุไม่กี่ร้อยล้านปี เขามีโอกาสทะลวงผ่านสู่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด ไม่เพียงทางตระกูลซือจะให้ความสำคัญกับเขาแต่ตำหนักเป่าหลิงเองก็เช่นกัน” หลินอวีฉีกล่าว
หลิงฮันไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องกังวล ต่อให้เจ้าต้องส่งข่าวกลับไปก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบถึงห้าสิบปีกว่าข่าวจะถึงตำหนักเป่าหลินสาขาหลัก”
สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ถึงเวลา ในอีกสี่สิบถึงห้าสิบปีข้างหน้ามีรึที่เขาจะไม่แข็งแกร่งขึ้น?
หลิงฮันขอตัวกลับโดยทิ้งให้หลินอวีฉีจัดการปัยหาที่เหลือ ต่อให้ซือกังหยางตายนางก็ไม่สามารถยึดอำนาจของตำหนักเป่าหลินสาขานี้คืนได้เนื่องจากตำแหน่งของนางไม่สูงมากพอ
หลังจากกลับสำนักละอองดารา หลิงฮันก็ส่งแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืน
ระดับของดาบอสูรนิรันดร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสอง… ระดับสิบสาม…
หลังจากยกระดับไปสองขั้น ระดับดาบอสูรนิรันดร์ก็หยุดอยู่ที่ระดับสิบสามไม่อาจเพิ่มเป็นระดับสิบสี่เนื่องจากแร่โลหะไม่เพียงพอ
หลิงฮันให้ติงผิงเป็นคนไปแจ้งกับหลินอวีฉีว่าให้จัดหาแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามเพิ่ม จำนวนนั้นไม่จำเป็นต้องมาก แค่ราวๆยี่สิบก้อนก็พอ
หลิงฮันสงบสติอารมณ์และตั้งมั่นทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง ในด้านของจักรพรรดินีนั้นนางบรรลุขั้นกลางเรียบแล้วร้อย แถมแก่นกำเนิดนิรันดร์ของนางก็ยังทรงพลังเหนือกู่ต้าวอี้ไปแล้ว
สตรีนกอมตะเองก็หลังจากที่รับวาสนาจากนกอมตะสวรรค์ทั้งสาม พลังบ่มเพาะของนางก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ความเร็วในการบ่มเพาะของนางเร็วขึ้นนับหมื่นเท่า
เพียงไม่กี่เดือนนางก็บรรลุระดับดาราขั้นกลาง คงอีกไม่นานที่นางจะรับทัณสายฟ้าสวรรค์และทะลวงสู่ขั้นสูง
ในด้านของคนอื่นๆ จักรพรรดิพิรุณและเซียนหวู่เซียงทะลวงผ่านเป็นระดับดาราขั้นสมบูรณ์ได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากซุปสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ ส่วนสวีเหลินนั้นเขายังไม่สามารถบรรลุขั้นสมบูรณ์ได้ พรสวรรค์นั้นหากขาดไปแม้เพียงหนึ่งในร้อยก็ต้องประสบกับคอขวดที่ยากลำบาก
ปัง!
แต่ในวันนี้เอง คืนวันที่แสนสงบก็พังทลาย ประตูลานที่พักของหลิงฮันถูกทำลายพร้อมกับมีร่างของคนสามคนเดินเข้ามา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น