Alchemy Emperor of the Divine Dao 1501-1521
ตอนที่ 1501
อันที่จริงเซียนซิงฉานั้นต้องการรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์มานานแล้ว ในความคิดของเขา แก่นกำเนิดนิรันดร์คือความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้ หากฝึกฝนให้ดี กู่ต้าวอี้จะสามารถเป็นผู้สืบทอดของเขาได้อย่างแน่นอนหรือบางทีอาจจะก้าวข้ามเขากลายเป็นราชาเซียนที่เขาได้แต่ใฝ่ฝัน
ราชาเซียนนั้นสำหรับตัวเขาคงเป็นไปไม่ได้ แต่หากเขาฝึกฝนกู่ต้าวอี้ให้กลายเป็นราชาเซียนสำเร็จ ต่อให้เขาสิ้นอายุขัยบุตรของเขาก็ยังมีผู้หนุนหลังที่พึ่งพาได้อยู่
แต่ที่เซียนซิงฉาไม่รู้คือก้าวต้าวอี้ไม่ต้องการคำชี้แนะจากเขาเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเคยเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ที่กู่ต้าวอี้เข้าร่วมสำนักละอองดาราก็เป็นเพราะเขาต้องการเวลาและทรัพยากรบ่มเพาะ
ในสายตาของกู่ต้าวอี้ ทุกชีวิตบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นเพียงมดปลวก
ตามปกติแล้วเซียนซิงฉาจะยังไม่ได้รับศิษย์เร็วขนาดนี้ แต่เป็นเพราะกู่ต้าวอี้พ่ายแพ้ให้แก่หลิงฮัน เขากลัวว่าจิตใจของกู่ต้าวอี้จะสั่นคลอนจนส่งผลกระทบของวิถีวรยุทธ ด้วยเหตุนั้นแล้วเขาจึงประกาศรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์ทันที
การรับศิษย์ของเซียนซิงฉาทำให้ศิษย์มากมายแตกตื่นและเริ่มคิดจะออกจากสำนัก
ที่พวกเขาเข้าร่วมสำนักละอองดาราไม่ใช่ว่าเพื่อแย่งชิงตำแหน่งศิษย์คนสุดท้ายของเซียนซิงฉาและกลายเป็นเซียนหรอกรึ? ตอนนี้เมื่อตำแหน่งนั้นถูกครอบครองไปแล้วพวกเขาจะยังอยู่ที่นี่ต่อไปอีกเพื่ออะไร?
จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
หลิงฮันอุทานในใจ เขากำลังคิดแผนจะวางกับดักสังหารกู่ต้าวอี้ แต่หากเมื่อกลับมาจากตามสำเขตแดนลี้ลับแล้วที่สำนักไม่มีศิษย์คนใดเหลืออยู่เลย เขาจะใช้วิธีการใดแพร่กระจายข่าวไปยังกู่ต้าวอี้?
ให้เขาไปเชิญชวนกุ่ต้าวอี้ตรงๆเลย?
จะบ้ารึเปล่า!
หลิงฮันครุ่นึคิดก่อนจะออกจากที่พักไปและตำโกนเสียงดังลั่น เขาเตือนไม่ให้จิตใจของทุกคนสั่นไหว ต่อให้เซียนเลือกศิษย์แล้วก็ตาม แต่ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ความพากเพียร!
ความพยายามอาจจะไม่นำพาสู่ความสำเร็จ แต่หากไม่พยายามเลยก็จะไม่มีวันสำเร็จ!
ทุกคนสามารถเข้าสำนักละอองดาราได้เป็นเพราะพรสวรรค์ของตนเองซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแต่มีความหวังจะกลายเป็นเซียน พวกเขาจะละทิ้งความเชื่อมั่นเพียงเพราะได้รับผลกระทบจากคนอื่นได้อย่างไร?
เป้าหมายมีให้ไล่ตามอยู่ตรงหน้าแล้ว… อยู่สำนักต่อและก้าวข้ามกู่ต้าวอี้!
เมื่อหลิงฮันกล่าวคำพูดเหล่านี้ออกไป ทั่วทั้งสำนักย่อยที่แปดก็ร้อนระอุทันใด
ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่ากู่ต้าวอี้จะเป็นเซียนได้เสมอไป ยังเร็วไปที่จะยอมแพ้ ยิ่งกว่านั้นต่อให้ออกจากสำนักไปบ่มเพาะพลังเองก็ไม่มีประโยชน์เสียหน่อย ในทางกลับการ หากอยู่ที่นี่ซึ่งมีสุดยอดอัจฉริยะเยอะดั่งเมฆบนท้องฟ้าล่ะก็ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีคู่แข่งให้ค่อยประมือแต่ยังทำให้มีจิตใจที่ไม่ยากยอมแพ้อีกด้วย
หากเปลี่ยนคนที่กล่าวเป็นคนอื่น คำพูดคงไม่มีน้ำหนักขนาดนี้ หลิงฮันนั้นต่างออกไป ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักตั้งแต่ตอนที่ฝ่าฝืนวัฒนธรรมของสำนัก แถมไม่นานมานี้เขายังเอาชนะกู่ต้าวอี้เป็นอันดับหนึ่งของการประลองศิษย์ใหม่ได้อีกด้วย ในสำนักละอองดารา หลิงฮันอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หากเป็นชื่อเสียงล่ะก็เขาโด่งดังยิ่งกว่าเหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเสียอีก
คำพูดถูกส่งผ่านจากสำนักย่อยที่แปดไปยังสำนักย่อยอื่นๆซึ่งสามารถโน้มน้าวทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้มีศิษย์บางส่วนที่เลือกออกจากสำนัก แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะอยู่ต่อ
หลิงฮันถอนหายใจโล่งอก หลังจากนี้เขาต้องทำปรุงแต่งให้เหมือนมีสมบัติของราชาเซียนเกิดขึ้นเพื่อสร้างความโกลาหลขึ้นที่สำนักจนทุกคนต้องพูดกันปากต่อปาก และเขาจะทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้โดยที่มีเพียงกู่ต้าวอี้ที่มาจากดินแดนแห่งเซียนเท่านั้นที่จะรับรู้ได้ อะไรบางอย่างที่อาจจะเป็นสมบัติจากดินแดนแห่งเซียน กู่ต้าวอี้ต้องรู้สึกสนใจมากเป็นแน่
หลิงฮัน จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะเตรียมพร้อมออกเดินทาง หลังจากออกจากอาณาเขตของสำนักละอองดาราแล้วพวกเขาจะใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเหาะเหินสู่อวกาศ แต่เพียงแค่พวกก้าวเดินออกมา กลุ่มของศิษย์เก่าจำนวนมากก็ปรากฏหัวห้อมล้อมพวกเขา
“หลิงฮัน!” ศิษย์เก่าผู้หนึ่งคำราม เขามีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด จากประสบการณ์ครั้งที่ผ่านมา แม้แต่ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางก็ไม่สามารถหยุดยั้งหลิงฮันได้ เพราะงั้นตอนนี้จึงถึงเวลาที่ศิษย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงจะลงมือ แถมยิ่งเป็นขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดด้วยแล้ว พลังต่อสู้ของเขาย่อมทัดเทียมได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
ขนาดนี้แล้วก็ยังกำราบหลิงฮันได้? พวกเขาไม่เชื่อเด็ดขาด!
“ว่าอย่างไร?” หลิงฮันกวาดสายตามอง เขาพบว่าสีหน้าของศิษย์เก่าเหล่านี้ค่อนข้างแปลกประหลาด โดยที่ไม่ได้มีสีหน้าเกรี้ยวกราดเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา หากเป็นก่อนหน้านี้พวกเขาคงจะคำรามอย่างโหดเหี้ยมและลงมือกับเขาแล้ว
“พวกเราได้ยินคำกล่าวของเจ้าแล้ว พวกเราขอนับถือในตัวเจ้า” ศิษย์เก่ากล่าว “พวกเราจะยกเว้นเจ้าเป็นกรณีพิเศษ เจ้าไม่จำเป็นต้องคลานลอดผ่านช่องสุนัขก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จำเป็นต้องกล่าวคำขอโทษศิษย์เก่าต่อหน้าทุกคนและจะถือว่าเจ้ากลายเป็นศิษย์ของสำนักย่อยที่แปดอย่างแท้จริง”
สิ่งต่างๆที่หลิงฮันทำนั้นน่ายกย่องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่เขากล้าต่อต้านจูซิ่วเอ๋อที่เป็นภรรยาของเซียนซิงฉานั้น แม้แต่เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือเซียนทั้งเก้าก็ต้องยกนิ้วมือให้
เพราะงั้นแล้วเหล่าศิษย์เก่าจึงตกลงกันว่าจะไม่บังคับให้หลิงฮันคลานลอดผ่านช่องสุนัขอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ต้องยอมไว้หน้าพวกเขาบ้าง
พวกเขาคิดว่าหลิงฮันจะต้องยอมรับข้อเสนอนี้แน่ เพราะอย่างไรพลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็ยังต่ำเกินไป อย่างน้อยเขาก็ต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งล้านปีในการบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงหรือสูงสุด
พวกเขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะเก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่แต่ในที่พักเป็นเวลาหนึ่งล้านปีได้!
หลิงฮันไม่คิดแม้แต่น้อย เขาส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่ขอโทษใครทั้งนั้น!” ช่างน่าขัน เขาไปทำผิดอะไรด้วยรึไง? แน่นอนว่าไม่!
ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องก้มหัวขอโทษในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำด้วย?
ต่อให้เป็นเซียนซิงฉาก็ไม่อาจบังคับให้เขาก้มหัวได้ แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใคร?
มีเห็นท่าทีหนักแน่นของหลิงฮัน เหล่าศิษย์เก่าก็มีใบหน้าอัปลักษณ์ทันที พวกเขายอมขนาดนี้แล้วหลิงฮันยังดื้อรั้นอยู่อีก? แค่ให้เจ้าขอโทษอย่างจริงใจต่อหน้าทุกคนมันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเจ้าขนาดนั้นเชียว?
เหล่าศิษย์เก่าต้องมาเป็นฝ่ายร้องขอให้เจ้าขอโทษ เจ้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรู้สึกเป็นเกียรติ!
ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับข้อเสนอนี้กัน?
ศิษย์เก่าที่เป็นแกนนำใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนและกล่าว “ศิษย์น้องหลิง หากพูดดีๆแล้วเจ้าไม่ฟังข้าก็คงมีแต่ต้องใช้กำลัง!”
เขาลงมือจู่โจม ฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าและกดทับลงมาใส่หลิงฮัน ภายในฝ่ามือปรากฏดวงดาวนับหมื่นอยู่ภายใน เพียงแค่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือก็เพียงพอที่จะทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นทั่วไปขาอ่อน
หลิงฮันปล่อยหมัด รูปแบบอาคมอีกาโลหิตถูกกระตุ้นใช้งาน ปีกคู่หนึ่งปรากฏออกมาแสละสยายออกปลดปล่อยขนที่แหลมคมราวกับใบดาบนับไม่ถ้วน เมื่อผสานกับอำนาจแห่งกาลเวลาของทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีด้วยแล้ว ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนแทบจะถูกฉีกขาด
ตอนที่ 1502
กล้าตอบโต้ศิษย์พี่เหยียนชิงด้วย?
หลิงฮันไปเอาความกล้ามาจากไหน!
ศิษย์พี่เหยียนชิงนั้นเป็นราชาระดับสองที่ตอนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุด ต่อให้หลิงฮันเป็นราชาระดับสาม แต่พลังของทั้งสองก็ยังแตกต่างกันเกินไป
หากหลิงฮันเผ่นหนี ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกันมากของระดับวารีนิรันดร์ เหยียนชิงก็อาจจะไล่ตามหลิงฮันไม่ทัน แต่นี่หลิงฮันกับเลือกตอบโต้แบบซึ่งๆหน้าเลย
รนหาที่ตายชัดๆ!
ฝ่ามือขนาดใหญ่กดทับลงมาอย่างรุนแรงราวกับท้องฟ้ากับกำร่วงหล่น
‘ตูม’ ขนอีกาโลหิตปะทะเข้ากับฝ่ามือขนาดใหญ่ ภาพที่ทุกคนมองเห็นคือฝ่ามือขนาดใหญ่ค่อยๆถูกทำให้สลายไปจนขนอีกาโลหิตสามารถทะลุผ่านไปยังเหยียนชิง
อะไรกัน!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ศิษย์เก่าทุกคนตกตะลึงหวาดกลัว
นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เหยียนชิงเองก็ตกตะลึง เขารีบสะบัดฝ่ามือทั้งสองเข้าใส่ขนอีกาโลหิต
“รูปแบบอาคมสายธารขจี!” เหยียนชิงคำราม ทันใดนั้นกระดูกในร่างของเขาก็ส่องประกาย คลื่นแสงสลัวสีเขียวลอยออกมาจากบริเวณหน้าผากและโอบล้อมร่างของเขากลายเป็นรูปแบบอาคมป้องกันขนาดใหญ่
ศิษย์ของสำนักย่อยที่แปด แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนย่อมสลักรูปแบบอาคมเอาไว้ในร่างกาย
Anchor
รูปแบบอาคมสายธารขจีเป็นรูปแบบอาคมระดับสิบห้า ในหมู่รูปแบบอาคมระดับสิบห้ามันทรงพลังติดสิบอันดับแรก แต่ก็แค่สิบไม่ใช่ห้าอันดับแรกหรือสามอันดับแรก ไม่ใช่ว่าเหยียนชิงไม่อยากสลักรูปแบบอาคมที่แข็งแกร่งกว่านี้ แต่เป็นเพราะร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะรองรับรูปแบบอาคมได้ไหว
แต่ไม่ว่าอย่างไรรูปแบบอาคมสายธารขจีก็ยังถือว่าเป็นรูปแบบอารมระดับสูงที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
“ศิษย์พี่เหยียนถูกต้อนให้ใช้รูปแบบอาคมสายธารขจี!”
“ศิษย์น้องผู้นี้ช่างแข็งแกร่งท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก”
“รูปแบบอาคมสายธารขจีนั้นเป็นรูปแบบอาคมระดับสิบห้าสิบอันดับแรก หากถูกกระตุ้นใช้งานเมื่อใด คนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้ศิษย์พี่เหยียนชิงได้ก็มีเพียงศิษย์พี่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเท่านั้น”
“ใช้แล้ว รูปแบบอาคมระดับสิบห้าสิบอันดับแรกไม่ได้ด้อยไปกว่ารูปแบบอาคมระดับสิบหกอันดับล่างๆเลย”
ทุกคนส่ายหัวและคิดว่าหลิงฮันจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน
จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะมีสีหน้ามั่นใจ พวกนางรู้ว่าหลิงฮันสลักรูปแบบอาคมอีกาโลหิตเอาไว้ในร่างกาย
มันคือรูปแบบอาคมอันดับหนึ่งในหมู่รูปแบบอาคมระดับสิบห้า!
‘ตูม’ ขนอีกาโลหิตเข้าปะทะ แต่ขนเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำลายรูปแบบอาคมสายธารขจีได้และสลายไป
ทุกคนคาดคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ต่อมานั้นเองใบหน้าของเหยียนชิงก็ต้องเปลี่ยนสี
หลังจากขนสลายไปก็ได้มีร่างของนกอีกาโลหิตพุ่งทะยานเข้ามา เพียงแค่จะงอยปากของมันเข้าปะทะ รูปแบบอาคมสายธารขจีก็ปรากฏรูแตกร้าว จะงอกปากของมันยังคงพุ่งทะลวงเข้ามาอย่างไม่อาจต้านทาน
นี่มัน!
เหยียนชิงรีบผสานรูปแบบอาคมเข้ากับปราณก่อเกิดของตนเองก็สลายการโจมตี
นกอีกาโลหิตราวกับเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง ทุกสิ่งที่มันสัมผัสโดนล้วนแต่ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปตรงเบื้องหน้าของมัน
ตูม!
ร่างของเหยียนชิงถูกซัดลอยกระเด็นกลางอากาศ เขากระอักโลหิตออกมาเป็นสายราวรุ้งกินน้ำ
‘ตุบ’ ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้น
ผู้คนรอบข้างกลายเป็นแน่นิ่งด้วยความตกตะลึง
เหยียนชิงกัดฟันลุกขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังหลิงฮันด้วยใบหน้าหวาดกลัว “รูปแบบอาคมอีกาโลหิต… เจ้าสลักรูปแบบอาคมอีกาโลหิตลงบนร่างกาย!”
พรวด!
ใครหลายคนสำลักออกมา บรรยากาศเงียบสงัดกลายเป็นเอะอะโวยวายทันใด ใบหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“รูปแบบอาคมอีกาโลหิต? เป็นไปไม่ได้ ในหมู่รูปแบบอาคมระดับสิบห้ามันคือรูปแบบอาคมอีกาโลหิตอันดับหนึ่ง!”
“ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน!”
“ต่อให้เป็นศิษย์พี่เริ่นเฟยอวิ๋น เมื่อตอนที่เขาบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงก็ยังสลักสำเร็จเพียงรูปแบบอาคมวายุเพลิงเมฆาสีชาดที่เป็นรูปแบบอาคมอันดับเจ็ด!”
“ศิษย์พี่ไช่เหมี่ยวเองก็สลักสำเร็จเพียงรูปแบบอาคมอันดับแปด รูปแบบอาคมเต่าทมิฬตะวันทองคำ”
“ศิษย์พี่ฉีเทียนที่มีกายหยาบพิเศษสามารถสลักรูปแบบอาคมอันดับหก รูปแบบอาคมเส้นไหมเหมันต์ทมิฬ”
“ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือศิษย์พี่หญิงอวี๋ที่สามารถสลักรูปแบบอาคมอันดับที่ห้า รูปแบบอาคมพยัคฆ์ขาวหกวิถีสำเร็จ”
“รูปแบบอาคมระดับสิบห้าสามอันดับแรกนั้นกล่าวว่าเป็นรูปแบบอาคมที่ไม่สามารถสลักเอาไว้บนร่างกายได้เนื่องจากร่างกายไม่อาจรองรับไหว”
ทุกคนเอามือกุมหัว พวกเขาทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ
“ศิษย์น้องหลิง นั่นมัน… ใช่รูปแบบอาคมอีกาโลหิตจริงๆ?” เหยียนชิงเอ่ยถามเพื่อยืนยัน
ในเมื่อเผยออกไปแล้ว ต่อให้ไม่รู้ตอนนี้ในอนาคตก็ทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดี หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ไม่ผิด”
เป็นรูปแบบอาคมอีกาโลหิตจริงๆ!
ฝืนสวรรค์… มีคนฝืนสวรรค์ได้สำเร็จ!
“เดี๋ยวก่อน!” ใครบางคนดวงตาเปิดกว้าง “เขายังเป็นเพียงแค่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเท่านั้น!”
“ฮึ่ม!”
ก่อนหน้านี้ทุกคนตกตะลึงเรื่องที่สามารถสลักรูปแบบอาคมอีกาโลหิตเอาไว้บนร่างกายได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับได้รับรู้เรื่องที่น่าตกหวาดผวายิ่งกว่าเดิม
ตามทฤษฎีแล้ว หลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันด์ขั้นต้นสมควรสลักรูปแบบอาคมไว้บนร่างกายได้เพียงรูปแบบอาคมระดับสิบสามเท่านั้น
ทุกคนอ้าปากค้างลิ้นห้อย หากเจ้าบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง ไม่ใช่ว่าเจ้าจะสามารถสลักรูปแบบอาคมเซียนลงบนร่างกายได้เลยรึไง?
พวกเขาคิดมากเกินไป รูปแบบอาคมเซียนนั้นอยู่ในระดับที่สูงเกินไป หลิงฮันสามารถขัดเกลากายหยาบให้เป็นระดับเซียนได้ก็จริง แต่รูปแบบอาคมเซียนนั้นจำเป็นต้องมีความเข้าใจในอำนาจกฎเกณฑ์ของระดับสร้างสรรพสิ่ง หากเงื่อนไขที่ว่าไม่ครบต่อให้หลิงฮันจะขัดเกลากายหยาบจะแข็งแกร่งระดับนิรันดร์ก็ไม่มีประโยชน์
แต่เนื่องจากทุกคนไม่รู้เงื่อนไขนี้ พวกเขาจึงได้ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม… หากหลิงฮันบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเมื่อไหร่ บางทีแม้แต่เซียนก็อาจจะถูกเขาสังหาร
หลิงฮันมองไปยังเหล่าศิษย์เก่าที่ตัวแข็งราวกับหินก่อนจะดีดนิ้วและกล่าว “ภรรยาข้า ไปกันเถอะ”
จักพรรรดินีและสตรีนกอมจะเดินเคียงข้างซ้ายขวา หลิงฮันรู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งกว่าเอาชนะเหยียนชิงได้เสียอีก
ทั้งสามเดินออกจากสำนัก หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมา แต่เนื่องจากอุปกรณ์บินนี้สามารถขึ้นขี่ได้เพียงสองคน จักรพรรดินีจึงเป็นคนขอเข้าไปในหอคอยทมิฬปล่อยให้หลิงฮันกับสตรีนกอมตะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ภรรยาของเขาผู้นี้ช่างรู้งานยิ่งนัก
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งปี อุปกรณ์บินแหวกเมฆาหยุดเคลื่อนไหวเนื่องจากมันมาถึงพิกัดดวงดาวที่ตั้งเอาไว้เรียบร้อย
“ที่นี่… เหตุใดถึงได้ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย!”
ตอนที่ 1503
บริเวณแห่งนี้คือห้วงอวกาศที่สันโดษและว่างเปล่า ดวงดาวดวงที่อยู่ใกล้ที่สุดคือดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปอย่างน้อยพันล้านไมล์
หลิงฮันยืนอยู่กลางอวกาศที่ว่างเปล่า… สมบัติอยู่ที่ไหน?
“เจ้าจำผิดรึเปล่า?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม
หลิงฮันส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้!”
ด้วยความจำของเขา ไม่มีทางเลยที่จะจดจำพิกัดผิดพลาด
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆเขาก็ชะงัก “มีบทพูดอยู่อีกอย่างหนึ่ง แต่ในตอนนั้นข้าไม่อาจทำความเข้าใจได้เลยคิดว่าเป็นเพียงคำพูดที่ไม่มีความหมาย”
ก็เหมือนกับการที่ตัวตนระดับเซียนเอ่ยคำพูดพยายามชี้แนะเกี่ยวกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของระดับสร้างสรรพสิ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธระดับทลายมิติจะสามารถเข้าใจได้?
เปรียบแล้วก็คือการสีซอให้ควายฟัง
หลิงฮันในตอนนั้นได้ยินประโยคคำพูดของตัวตนที่คาดว่าอาจจะเป็นราชาเซียน ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ
เขาพยายามนึกและเอ่ยคำแปลกๆออกมาทีละพยางค์ “อ้า… อัน.. ผัวะ… หลัว.. ซือ…”
“หืม!” จักรพรรดินีชะงัก “ร่างกายของข้ามีปฏิกิริยากับคำเหล่านั้น!”
หลิงฮันหยุดกล่าว “ปฏิกิริยาแบบใด?”
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าแต่รู้สึกได้เท่านั้น บางทีข้าอาจจะรู้จักคำเหล่านั้น” จักรพรรดินีจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าจริงจัง
“ภาษานิรันดร์!” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน
ไม่ผิดแน่ จักรพรรดินีเป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาล บรรพบุรุษของนางถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน สายเลือดของนางถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพราะงั้นเมื่อได้ยินภาษานิรันดร์สายเลือดของนางจึงมีการตอบสนอง
“กล่าวต่อเลย” จักรพรรดินีเอ่ย
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวต่อ ซึ่งในขณะนั้นได้มีพลังงานบางอย่างค่อยๆไหลผ่านเข้ามาโดยต่อให้จะตัวตนระดับเซียนก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ว่านี้ได้
และเนื่องจากต่อให้เป็นเซียนก็ไม่สามารถสัมผัสถึงพลังงานได้ เมื่อหลิงฮันกล่าวจบเขาจึงไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่น้อย
“ข้านึกว่าพอกล่าวจบจะมีประตูหรือทางเข้าอะไรโผล่มาเสียอีก” หลิงฮันเกาหัวด้วยความผิดหวัง
“หรือไม่เช่นนั้นก็สมควรเกิดช่องว่างมิติที่จะนำพาไปสู่เขตแดนลี้ลับ” สตรีนกอมตะกล่าวเสริม
จักรพรรดินีกล่าว “เป็นไปได้รึไม่ว่าเจ้าจะกล่าวประโยคส่วนใดผิด?”
“ไม่น่าเป็นเช่นนั้น” หลิงฮันส่ายหัว เขามั่นใจว่าตนเองไม่มีทางจำผิด
จักรพรรดินีเองก็ไม่ตั้งคำถามกับหลิงฮัน นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าวต่อ “สำรวจบริเวณนี้กันก่อนดีกว่า ส่วนเจ้าก็ลองกล่าวคำพูดเหล่านั้นซ้ำไปมาดู”
“อืม” หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวคำพูดเดิมๆหลายหลัง ด้วยการสนับสนุนของปราณก่อเกิด เสียงของเขาได้ดังสั่นสะเทือนไปทั่วห้วงอวกาศรอบๆ
แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ลองรอสักสามวัน”
“ตกลง”
พวกเขารอคอยเป็นเวลาสามวันแต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลิงฮัน “…”
“รออีกสามวันแล้วกัน” เขาครุ่นคิดและกล่าวอีกครั้ง
“อืม!” จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะย่อมไม่คัดค้าน
แต่สามวันถัดมาก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“…ขออีกสามวันสุดท้าย” หลิงฮันกัดฟัน
พวกเขารอคอยจนผ่านไปหนึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว พวกหลิงฮันตั้งจะใจรอแค่สามวันก็จริงแต่ใจหนึ่งก็หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“ครั้งนี้ล่ะสามวันสุดท้ายจริงๆ” หลิงฮันตบหน้าอกรับปาก
“อืม” จักรพรรดินียิ้มและไม่คัดค้านความเอาแต่ใจของหลิงฮัน
“หรือว่าสมบัติจะถูกนำไปแล้ว?” สตรีนกอมตะแสดงความสงสัย
“ไม่น่าเป็นเช่นนั้น” หลิงฮันกล่าวอย่างลังเล จิตวิญญาณในเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์เคยกล่าวไว้ชัดเจนว่าต่อให้จะมีคนค้นพบพิกัดดวงดาวด้วยความบังเอิญก็ไม่สามารถแย่งชิงสมบัติไปได้
แถมขุมอำนาจที่ปกครองทวีปฮงเทียนในช่วงเวลานั้นก็คือนิกายโบราณทั้งห้า ต่อให้พวกเขาได้พิกัดดวงดาวไปหลิงฮันก็ไม่เชื่อว่าห้านิกายโบราณจะมีความสามารถพอที่จะนำสมบัติไปครอบครอง
“หืม!” หลิงฮันและจักรพรรดินีอุทานพร้อมกัน สัมผัสอันแหลมคมของระดับวารีนิรันดร์ของทั้งสองคนพบเจอกับความผิดปกติบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น?” สตรีนกอมจะถาม
หลิงฮันและจักรพรรดินีจ้องมองไปยังมุมหนึ่งของอวกาศและชี้นิ้ว “ตรงนั้น!”
สตรีนกอมตะเพ่งสายตามองไปยังบริเวณนั้นแต่ก็ไม่พบเห็นอะไร ทว่านางรู้ว่าหลิงฮันกับจักรพรรดินีไม่มีทางหลอกนางแน่นอน หลังจากเพ่งมองอยู่ชั่วครู่ ที่บริเวณนั้นก็มีจุดแสงส่องประกายจะยิบและค่อยพุ่งเข้ามาหาพวกนางอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันและจักรพรรดินีสูดหายใจลึก นี่พวกเขากำลังเห็นอะไรกัน?
ท่ามกลางอวกาศอันมืดมิด นกอมตะสามตัวกำลังกระพือปีกโบนบินอยู่ แต่ละคนตัวมีขนาดมหึมาราวกับขุนเขา ปีกทั้งสองข้างของพวกเขาแผ่กว้างขวางออกไปหลายพันไมล์
แม้พวกมันจะยังบินมาไม่ถึงพวกเขาแต่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรงเกินจะพรรณนา
นกอมตะ ตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับมังกรแท้ หนึ่งในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุด
พวกหลิงฮันทั้งสามคนตกตะลึง หากจะบอกว่าในอวกาศอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาดันบังเอิญพบเจอนกอมตะถึงสามตัวนั้น ความเป็นไปได้แทบจะเท่ากับศูนย์! ความบังเอิญเช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น
บทพูดที่กล่าวออกไป!
แทนจะเปิดทางเข้าสู่ขุมสมบัติกลับเป็นการเรียกเชิญนกอมตะสามตัวแทน! ยิ่งกว่านั้นนกอมตะทั้งสามเองก็ไม่อยู่ว่าแต่เดิมอยู่ห่างจากที่นี่มากขนาดไหน พวกเขาถึงต้องใช้เวลาตั้งสามสิบวันกว่าจะมาถึง
ตัวตนระดับเซียนสามารถเคลื่อนที่ข้ามเขตดวงดาวได้ในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ ความเร็วเช่นนั้นเหนือกว่าอุปกรณ์บินแหวกเมฆาไม่รู้ที่เท่าตัว การที่พวกมันต้องใช้เวลาโบยบินถึงสามสิบวันนั้นพวกมันต้องอยู่ห่างออกไปไกลเพียงใด?
พรึบ!
สตรีนกอมตะสยายปีกออกจากแผ่นหลัง แต่เมื่อเทียบกับนกอมตะทั้งสามแล้ว ขนาดปีกของนางไม่อาจนำไปเทียบกันได้เลย
และถึงแม้หลิงฮันจะไม่เคยพบเจอเซียนซิงฉามาก่อน แต่เขาสามารถคาดเดาได้อย่างไม่ยากเย็นเลยว่า แม้แต่เซียนระดับสูงอย่างเซียนซิงฉาก็ไม่สามารถเทียบกับนกอมตะทั้งสามแม้แต่นิดเดียว
ราชาเซียน… ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุด!
แม้แต่หลิงฮันก็ยังหวาดหวั่น เขาเอื้อมมือออกไปจับข้อมือของจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะเอาไว้เพื่อที่จะหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ตลอดเวลา
ราชาเซียนเคลื่อนที่ได้เร็วมาก เพียงแค่นกอมตะทั้งสามกระพือปีกชั้นมิติก็เกิดการฉีกขาด พริบตาเดียวพวกมันได้มาปรากฏอยู่ด้านหน้าพวกเขา
พวกหลิงทั้งสามคนตกตะลึงอ้าปากค้างพร้อมกัน สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้น่าตกตะลึงยิ่งกว่าตอนเห็นนกอมตะทั้งสามเสียอีก
ตอนที่ 1504
ด้านหลังของนกอมตะทั้งสามมีรถเกวียนกำลังถูกลากอยู่ ซึ่งภายในห้องของรถเกวียนไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากกล่องใบเดียว และเหตุผลที่พวกหลิงฮันสามคนตกตะลึงก็คือ นกอมตะทั้งสามนี้… ได้สิ้นชีพไปแล้ว
นกอมตะทั้งสามคงจะตกตายมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ว่าราชาเซียนนั้นสามารถคงสภาพร่างกายของตนเองเอาไว้ได้แม้จะตายไปแล้ว แม้จะไม่เหลือพลังชีวิตแต่ปีกของนกอมตะทั้งสามก็ยังปลดปล่อยเปลวเพลงอันร้อนระอุออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
นกอมตะสามตัวยังคงลากรถเกวียนแม้แต่ตกตาย
ใครกันที่สามารถทำให้นกอมตะที่เป็นตัวตนระดับราชาเซียนยอมลากรถเกวียนให้ได้?
“นี่คือสมบัติของราชันวารีสวรรค์?” หลิงฮันจ้องอมอง
นกอมตะทั้งสามหยุดเคลื่อนไหวและหุบปีกมาบรรจบกันราวกับเข้าสู่สภาวะหลับใหล เพียงแต่ร่างกายของพวกมันยังคงปลดปล่อยไฟอันไร้สุดสิ้นออกมา
สตรีนกอมตะเผยสีหน้าเหม่อลอยพร้อมกับก้าวเดินไปด้านหน้า
หลิงฮันรีบคว้าร่างหยุดนางเอาไว้และกล่าว “อย่าผลีผลาม”
สตรีนกอมตะราวกับว่าถูกดึงสติกลับมา นางกล่าว “ข้าสัมผัสได้ว่านกอมตะทั้งสามกำลังเรียกหาข้า”
หืม?
หลิงฮันครุ่นคิด สตรีนกอมตะมีสายเลือดของนกอมตะเมฆา ซึ่งนกอมตะเมฆานั้นเป็นสายเลือดรองของนกอมตะสวรรค์ ถึงแม้นกอมตะสวรรค์ทั้งสามตนนี้จะตกตายไปนานแล้วแต่ทั้งกระดูก ร่างกายและโลหิตของพวกมันล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง
หากเป็นจอมยุทธทั่วไปอาจจะไม่สามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นได้ แต่ถ้าพวกมันเป็นฝ่ายเชิญชวนเอง บางทีสตรีนกอมตะก็อาจจะได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่
หลังจากพิจารณาดูแล้วหลิงฮันก็ปล่อยปล่อยมือและกล่าว “ระวังตัวด้วย หากพบว่าอันตรายเจ้าก็อย่าได้ฝืน”
“ข้าเข้าใจ” สตรีนกอมตะก้าวเดินต่อพร้อมกับสยายปีกปลดปล่อยอำนาจของสายเลือดเผ่านกอมตะเมฆา
นกอมตะทั้งสามอ้าปีกออกพร้อมกันและโอบล้อมสตรีนกอมตะเอาไว้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสลัดไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแม้แต่น้อย
หลิงฮันสัมผัสออร่าของสตรีนกอมตะไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่มีกำลังพอจะทำลายการป้องกันของตัวตนระดับเซียน
แต่คงน่าไม่ปัญหาอะไร
หากราชาเซียนคิดจะสังหารนางคงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการยุ่งยากเช่นนี้ ต่อให้นกอมตะทั้งสามจะสิ้นชีพไปนานมากแล้วก็ตามพวกมันก็น่าจะมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่ เพียงแค่นึกคิดแม้จะเป็นเซียนระดับต้นหรือกลางก็ย่อมถูกบดขยี้อย่างไม่ยากเย็น
นี่เป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของสตรีนกอมตะซึ่งอาจจะทำให้นางเปลี่ยนไปราวกับเกิดใหม่เลยก็เป็นได้
“ในกล่องบนรุเกวียนนั่นมีอะไร?” สตรีนกอมตะสงสัย
“ลองเปิดดูดีกว่า” หลิงฮันก้าวขึ้นไปยังรถม้าที่เก่าแก่เต็มไปด้วยรูผุพัง
เขาอยากนำกล่องเข้าไปเปิดในหอคอยทมิฬเผื่อว่าหากมีอันตรายๆจะได้ใช้อำนาจของหอคอยทมิฬยับยั้งเอาไว้ แต่ปัญหาก็คือตัวกล่องนั้นราวกับถูกยึดติดเอาไว้กับรถม้า ส่วนรถม้าก็ถูกนกอมตะสามตัวลากอยู่ หากจะนำเข้าไปในหอคอยทมิฬก็จำเป็นต้องนำนกอมตะทั้งสามนี้เข้าไปด้วย
นั่นเป็นไปไม่ได้เลย ถึงแม้นกอมตะทั้งสามจะตายไปนานแล้ว แต่พวกมันก็ยังมีเศษเสี้ยวจิตวิญญารเหลืออยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกมันคงไม่สามารถเหาะเหินข้ามผ่านห้วงอวกาศมายังพิกัดดวงดาวแห่งนี้ตามบทพูดได้
“ข้าจะเปิดเอง เจ้าถอยหลังไป” หลิงฮันชำเลืองมองจักรพรรดินี
แต่ครั้งนี้จักรพรรดินีไม่เชื่อฟัง นางนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา “เจ้าเป็นคนเปิด หากเป็นกับดักข้าจะหยุดมันให้”
หลิงฮันเห็นความดื้อรั้นบนใบหน้าของนางจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรับ
ต่อให้มีอันตรายเขาก็สามารถพานางหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกันได้อยู่ดี
เขาก้มตัวลงไปเปิดกล่อง
แม้กล่องจะจับเคลื่อนที่ยาก แต่กลับเปิดได้ง่ายเกินคาด
“หนักพอสมควร!” หลิงฮันรู้ราวกับกำลังยกภูเขานับแสนลูกหรือดวงดาวทั้งดวง เขาใช้ทั้งกำลังของกายหยาบและปราณก่อเกิดพร้อมกับเพื่อที่จะเปิดกล่อง
กล่องค่อยๆถูกเปิดแยกออกจากกันทีละน้อย แสงสว่างถูกส่องออกมาราวกับสมบัติกำลังจะปรากฏ
“ฮึ่ม!” หลิงฮันเค้นเสียงและพยายามเปิดกล่องเต็มแรงจนในที่สุดกล่องก็ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์
หลิงฮันถอยหลังไปยืนเคียงคู่กับจักรพรรดินีที่ยกหินต้นกำเนิดสวรรค์ขึ้นมาด้วยท่าทีระมัดระวัง
‘ครืนน’ กล่องที่ถูกเปิดออกส่องคลื่นแสงเจิดจ้าราวกับจะสว่างไปถึงสวรรค์
ผ่านไปนานพอสมควรคลื่นแสงสว่างถึงจะจางหายไป แต่ตัวกล่องก็ยังเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ดี
หลิงฮันกับจักรพรรดินีก้าวเดินไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
“อะไรกัน?” ทั้งสองตกตะลึง ภายในกล่องไม่มีสมบัติใดๆ แต่เป็นห้วงมิติที่ไม่อาจมองเห็นก้นบึ้ง
“หรือในกล่องใบนี้จะเป็นโลกอีกใบ?” หลิงฮันมีสีหน้าแปลกใจ สมบัติของราชันวารีสวรรค์ถูกทิ้งไว้ในรูปแบบนี้งั้นรึ?
“ลองเข้าไปดูไหม?” จักรพรรดินีเอ่ยถามความเห็นหลิงฮัน
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกสงสัยอยู่เป็นทุนเดิม ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ถอยหลัง
หลิงฮันยังคงระมัดระวังตัว เขานำสัตว์อสูรกระทิงออกมาจากหอคอยทมิฬและโยนมันลงไปในกล่อง
พริบตาเดียวร่างของกระทิงก็ถูกดูดหายไป
หลิงฮันโยนอสูรพยัคฆ์ หมาป่าและสัตว์อสูรตัวอื่นๆตามลงไปอีก
“นายท่าน นี่ข้าจักรพรรดิน้อยเอง อย่าโยนอย่าลงไปเลย” จักรพรรดิจอมอสูรถูกหลิงฮันเรียกออกมา เขารีบร้องโอดครวญเพราะกลัวว่าหลิงฮันจะโยนร่างของเขาลงไปในกล่อง
เขามีนิสัยหวาดกลัวความตายโดยไม่สนศักดิ์ศรีใดๆ
หลิงฮันยิ้ม จากการทดสอบหลายๆครั้งทำให้เขามั่นใจเก้าส่วนแล้วว่ากล่องใบนี้ไม่น่ามีอันตรายๆ แต่โลกภายในนั้นจะมีสภาพแวดล้อมแบบใดนั้นเขายังไม่รู้
“เข้าไปดูซะ” หลิงฮันถีบจักรพรรดิจอมอสูรลงกล่องและโอบร่างของจักรพรรดินีกระโดดตามลงไป
‘พรึบ’ พลังงานลึกลับนำพาพวกหลิงฮันสามคนมายังตีนเขา ภูเขาเบื้องหน้านั้นปลายยอดถูกทำลายเป็นรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ คราบโลหิตที่ยังไม่แห้งเปรอะเปื้อนไปทั่วราวกับเพิ่งมีขึ้นเมื่อวาน
ที่โลกภายนอก เรือเหาะดาราลำหนึ่งลอยใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูง ทันทีที่มันหยุดจอดก็ได้มีคนเจ็ดคนก้าวเดินออกมา
ตอนที่ 1505
ทั้งเจ็ดคนคือจอมยุทธรุ่นเยาว์ สี่คนเป็นบุรุษหล่อเหลาอีกสามเป็นสตรีงดงาม ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนแต่ปลดปล่อยออร่าแห่งราชาออกมา
“การคาดการณ์ของผู้นำถูกต้องจริงๆด้วย วาสนาที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้น ณ บริเวณนี้!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกล่าว
“แน่นอนอยู่แล้ว การทำนายของผู้นำนั้นในโลกนี้ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้”
“วาสนาที่ว่าคือสมบัติล้ำค่า?”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ถึงขนาดที่ผู้นำต้องบอกให้พวกเรามาตรวจสอบ มันต้องไม่ใช่วาสนาธรรมดาแน่”
“สวรรค์ มีนกอมตะระดับราชาเซียนถึงสามตัว!”
“ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน!”
“แล้วเหตุใดกล่องถึงได้เปิดอยู่?”
“ไม่ต้องใส่ใจ วาสนาจะต้องอยู่ในกล่องนี้ ต่อให้มีใครบางคนนำหน้าพวกเราไปก่อนด้วยพลังของพวกเขาทั้งเจ็ดในระดับพลังที่ต่ำกว่าเซียนจะมีใครต่อต้านได้?”
“ข้าเกรงว่าคนที่นำหน้าพวกเขาไปอาจจะเป็นเซียน”
“เป็นไปไม่ได้ ผู้นำกล่าวเอาไว้ว่าสมบัตินี้แม้แต่เซียนก็ไม่อาจรับรู้ได้ คนที่นำไปก่อนคงจะมาอยู่แถวนี้ด้วยความบังเอิญ”
“อืม ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็รีบหน่อยดีกว่า”
“แล้วร่างของนกอมตะทั้งสามที่อยู่ด้านนอกนี้ล่ะ…”
“เลิกคิดถึงเรื่องนั้นได้เลย ร่างของราชาเซียนนั้นทรงพลังเกินไป การทำนายของผู้นำนั้นผิดพลาดเล็กน้อย หากเขารู้ว่าจะมีร่างของนกอมตะทั้งสามอยู่ด้วยล่ะก็เขาคงมาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว”
“ถูกแล้ว ต่อให้เป็นขุมอำนาจของพวกเรา สมบัติของราชาเซียนก็ยังถือว่าล้ำค่าอยู่ดี”
“ไม่ใช่สิ ข้าเพิ่งนึกได้ หากนกอมตะทั้งสามนี้เป็นเพียงสัตว์ขี่ล่ะก็ วาสนาที่ว่าก็ต้องเป็นสมบัติของราชันวารีสวรรค์ในตำนาน!”
“ว่าไงนะ!”
“ตัวตนที่ถูกไล่ล่าโดยดินแดนต้องห้ามมากมาย… แถมยังถูกกล่าวเอาไว้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งเซียน!”
“ฮึ่ม ผู้นำทำนายของผู้นำผิดพลาดจริงๆ หากเป็นสมบัติของราชันวารีสวรรค์ล่ะก็ ไม่ใช่แค่ผู้นำของพวกเรา แต่แม้กระทั่งผู้นำของดินแดนต้องห้ามอื่นก็ยังต้องเคลื่อนไหว”
“พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
“สมบัติอยู่ตรงหน้าแล้ว จะปล่อยไปได้อย่างไร!”
“ใช่แล้ว ต้องนำสมบัติมาให้ได้!”
ทั้งเจ็ดคนตื่นเต้นมาก วาสนาตรงหน้าคือสมบัติของราชันวารีสวรรค์ในตำนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ทุกคนไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นไหว
พวกเขาลงไปในกล่องทีละคนโดยไม่หวาดระแวงเหมือนกับหลิงฮันเนื่องจากได้รับการชี้แนะจากผู้นำของตนมาแล้วว่าวาสนานี้ไม่มีอันตราบ
……
หลิงฮันกับจักรพรรดินีไม่ได้รู้เลยว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญกำลังจะมาหา พวกเขาคิดว่าในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ โอกาสที่จะมีเรือเหาะดาราลอยผ่านมาพอดิบพอดีนั้นแทบจะเป็นศูนย์
พวกเขามองไปยังยอดเขาที่ปรากฏร่องรอยกงเล็กขนาดใหญ่
ขนาดเป็นเพียงรอยแตกร้าวจากกรงเล็บก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของกรงเล็บนี้ทรงพลังขนาดไหน
ราชันวารีสวรรค์ถูกกล่าวเอาไว้ว่าเขาถูกไล่ล่าโดยศัตรูแข็งแกร่งมากมาย ศัตรูแต่ละคนล้วนแต่เป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ลองไปดูด้านบนกันเถอะ” หลิงฮันกล่าว
โลกโลกภายในกล่องนี้มีภูเขามากกว่าหนึ่งลูก แต่ภูเขาลูกที่อยู่หน้าหลิงฮันนั้นโดดเด่นที่สุดเนื่องจากมีกรงเล็บขนาดยักษ์
แต่เพียงก้าวเท้าขึ้นเขา ทั้งสามคนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังถาโถมเข้าใส่ หลิงฮันยังพอว่า แต่ในด้านของจักรพรรดินีนั้นนางไม่ได้กายหยาบที่แข็งแกร่งเหมือนกับหลิงฮัน นางต้องโคจรปราณก่อเกิดเป็นโล่ป้องกันรอบร่างกาย
แรงกดดันที่ว่าถูกสายลมพัดมาจากกรงเล็บขนาดยักษ์
จักรพรรดิจอมอสูรนั้นทนแรงกดดันไม่ไหว เขากระอักโลหิตและลอยกระเด็นทันที
หลิงฮันนำจักรพรรดิจอมอสูรเข้ากลับไปในหอคอยทมิฬและเดินขึ้นเขาต่อพร้อมกับจักรพรรดินี
เส้นทางขึ้นสู่ยอดเขานั้นไม่ได้เป็นพื้นขรุขระ มันถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะที่ทนทานที่ยอดเขามีตำหนักตั้งอยู่ซึ่งมันเป็นเป้าหมายที่ถูกกรงเล็บจู่โจม
“หืม!” หลิงฮันชะงักและย่อตัวลงมองพื้น “นี่มันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหก!”
แร่โลหะระดับสิบหก อีกแค่ระดับเดียวก็จะกลายวัสดุเซียนแล้ว… การที่มันถูกนำมาใช้เป็นเพียงทางเท้าเช่นนี้ ผู้สร้างต้องมั่งคั่งขนาดไหน?
หลิงฮันหัวเราะลั่นทันทีหลังจากหายตกตะลึง ดาบอสูรนิรันดร์ของเขาจำเป็นต้องใช้แร่โลหะระดับสูงจำนวนมากในการยกระดับ แม้แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหกจะยังไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้ แต่มันก็สามารถใช้ได้ในการยกระดับระยะยาว
ยอดเยี่ยม!
เขาเริ่มขุดทางเดินอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่สามารถขโมยภูเขาทั้งลูกไปได้ แต่แค่ขโมยขุดทางเดินนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
มีเพียงจอมยุทธที่มีกายหยาบแข็งแกร่งแบบเขาเท่านั้นถึงจะสามารถขุดทางเดินไปพร้อมๆกับต่อต้านแรงกดดันจากสายลมได้ จักรพรรดินีต้องการช่วย แต่นางกลับไม่สามารถทำได้เพราะปราณก่อเกิดไม่เพียงพอ
“เจ้าคอยดูเฉยๆก็พอ ข้าจัดการเอง” หลิงฮันหัวเราะ งานใช้แรงงานแบบนี้เขาไม่ต้องการให้ภรรยาที่มีผิวอันบอบบางทำเด็ดขาด
“น่าเสียดายที่ไม่มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดแม้แต่นิดเดียว แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหกนี้ข้าทำได้เพียงแค่จ้องมองและไม่สามารถนำพวกมันมาใช้ประโยชน์ได้ในตอนนี้” เขาบ่นในขณะที่ลงมือขุดไม่หยุด
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของจักรพรรดินีกับหลิงฮันก็ต้องหยุดชะงัก พวกเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น พอมองลงไปยังตีนเขาทั้งสองก็พบเห็นคนเจ็ดคนปรากฏตัว ทั้งเจ็ดคนเป็นรุ่นเยาว์ที่มีกลิ่นอายสูงส่งราวกับเป็นมังกรแท้ในหมู่มนุษย์
“ภรรยาข้า!” หลิงฮันหยุดมือพร้อมกับระเบิดจิตสังหาร
“ไม่ต้องกังวล นางอยู่ภายใต้การป้องกันของนกอมตะสวรรค์ระดับราชาเซียนทั้งสาม แม้แต่เซียนระดับสูงก็คงไม่สามารถทำให้นางบาดเจ็บ” จักรพรรดินีกล่าวเพื่อให้หลิงฮันกลับมามีสติ
หลิงฮันพยักหน้า เขาเป็นกังวลมากเกินไป จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์คงไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะหยุดยั้งนกอมตะทั้งสามได้
หลิงฮันลงมือขุดทางเดินต่อ เพียงแค่ระดับวารีนิรันดร์เขาไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ
ทั้งเจ็ดคนเริ่มก้าวเดินขึ้นมายังทางยอดเขา
“หืม ทางเดินพวกนี้เสียหายพอสมควรเลย” ใครบางคนกล่าว
“เส้นทางพวกนี้ราวกับว่าถูกขุดพื้นออกไปเลย”
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร!” เหล่าสตรีในกลุ่มส่ายหัว เป้าหมายของทุกคนที่เข้ามาที่นี่ย่อมเป็นตำหนักที่อยู่ด้านบนยอดเขา ใครจะตาต่ำมัวสนใจเส้นทางที่ใช้เดิน?
ขโมยแม้กระทั่งหินรองทางเดินงั้นรึ บ้ารึเปล่า?
“นั่นสิ ข้าว่าพวกมันจะถูกทำลายไปในการต่อสู้นั่นล่ะ” ชายอีกคนในกลุ่มพยักหน้า
พวกเขาเดินตามทางขึ้นไปยังยอดเขา ผ่านไปไม่นานร่างของหลิงฮันที่กำลังขุดทางเดินอย่างเอาเป็นเอาตายก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทั้งเจ็ดคน พวกเขาดวงตาเปิดกว้างอ้าปากค้าง
เหลือเชื่อ… มีคนยาจกถึงขนาดที่ว่าแม้แต่หินปูทางเดินก็ยังขโมยอยู่ในโลกนี้จริงๆ!
ตอนที่ 1506
พวกเขาไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน นี่เจ้าไม่เห็นตำหนักที่อยู่ด้านบนยอดเขารึไง? สิ่งที่ซ่อนอยู่บนนั้นต้องล้ำค่ากว่าสิ่งที่กำลังกำลังขุดอยู่แน่นอน
ทั้งเจ็ดคนตีตราหลิงฮันให้อยู่ในคนประเภทยาจกทันที แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการนำแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหกมาทำเป็นทางเดินนั้นน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
พวกเขาต้านทานแรงกดดันของภูเขาและค่อยๆเดินใกล้เข้ามา
“หืม!”
เมื่อเห็นจักพรรดินี ทั้งเจ็ดคนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที แม้แต่สามคนที่เป็นสตรีก็เช่นกัน พวกนางมั่นใจในความงดงามก็ตนเองก็จริง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีแล้วพวกนางต้องยอมรับเป็นว่าพวกนางนั้นด้อยกว่า
ท่าทางของบุรุษสี่คนนั้นยิ่งกว่าสตรีทั้งสาม ในสี่คนมีอยู่สองคนที่ถึงขนาดน้ำลายไหลและต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ด
ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร
“แค่กๆ!” เหล่าบุรุษรีบดึงสติของตัวเองกลับมาและกล่าว “ข้ามีชื่อว่าฮูช่าน พวกเราทุกคนเป็นพี่น้องตระกูลฮู ช่างเป็นวาสนายิ่งนักที่พวกเราบังเอิญมาพบกัน หรือสวรรค์จะนำพาให้พวกเราได้มีโอกาสสำรวจเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ด้วยกันกันแน่?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกไป บุรุษอีกสามคนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่สตรีอีกสามคนมีสีหน้ามืดมน เมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีพวกนางย่อมดูด้อยค่า ดังนั้นพวกนางจึงไม่อยากเดินเคียงข้างจักรพรรดินี
ที่จริงแล้วปฏิกิริยาแรกที่มีต่อคนแปลกหน้าในเขตแดนลี้ลับคือต้องฆ่าเพื่อปิดปาก แต่ใครใช้ให้จักรพรรดินีงดงามเกินไปจนจิตวิญญาณของพวกเขาทั้งหลายถูกนางช่วงชิง
จักรพรรดินีคร้านจะพูดคุยกับคนเหล่านี้ คนที่นางให้ความสนใจมีเพียงหลิงฮันเท่านั้น
หลิงฮันหวาดสายตามอง ทั้งเจ็ดคนมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นไปจนถึงขั้นสูงสุด
ในกลุ่มเจ็ดคน ฮูช่านคือคนที่มีพลังบ่มเพาะสูงที่สุด ซึ่งก็คือระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด เขาเป็นรุ่นเยาว์ที่ทรงพลังไม่แพ้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเริ่นเฟยอวิ๋นและฉีเทียน หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย พิกัดดวงดาวบริเวณสมควรอยู่ในเขตดวงดาวของเซียนซิงฉาซึ่งเป็นเซียนระดับสูง ราชารุ่นเยาว์คนไหนบ้างจะไม่อยากคารวะเขาเป็นอาจารย์และเข้าร่วมเป็นศิษย์ของสำนักละอองดารา
แต่หลิงฮันกลับไม่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งเจ็ดคนเลย แถมบนชุดของทั้งเจ็ดคนยังไม่มีสัญลักษณ์ของสำนักละอองดาราปักเอาไว้ เพราะงั้นทั้งเจ็ดคนคงไม่ใช่ศิษย์พี่ที่เข้าร่วมสำนักมาก่อนเขาเมื่อหนึ่งล้านหรือสองล้านปีก่อน
ยิ่งกว่านั้นทั้งเจ็ดคนนี้ก็ยังเยาว์วัยเป็นอย่างมาก จากที่หลิงฮันสังเกต พวกเขาทุกคนสมควรมีอายุน้อยกว่าหนึ่งล้านปี
อายุน้อยกว่าหนึ่งล้านปี แต่พวกเขาทั้งเจ็ดคนกลับมีหนึ่งคนที่บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด มีสองคนบรรลุขั้นสูงสุดชั้นต้น สามคนบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง ส่วนอีกหนึ่งคนบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น การจับกลุ่มเช่นนี้ถือว่าน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย พวกเขามาจากขุมอำนาจใดกันถึงได้สามารถฝึกฝนอัจฉริยะเช่นนี้ขึ้นมาได้?
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ไม่จำเป็น พวกเราขอแยกเดินกันเอง!”
กลุ่มของฮูช่านทั้งเจ็ดคนแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
ที่พวกเขาเอ่ยชวนเมื่อครู่นั้น เป้าหมายของพวกคือจักรพรรดินี ยิ่งกว่านั้นเมื่อสำรวจเขตแดนลี้ลับเสร็จพวกเขาก็ต้องพาตัวนางกลับดินแดนต้องห้ามไปด้วย
ล้อเล่นรึเปล่า สมบัติที่พวกเขาจะได้ครอบครองคือสมบัติของราชันวารีสวรรค์ เรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายออกไปได้อย่างไร? เรื่องนี้ห้ามให้รู้ถึงหูของดินแดนต้องห้ามอื่นเด็ดขาด ต้องรู้ก่อนว่าเหล่าศัตรูที่ตามไล่ล่าราชันวารีสวรรค์นั้นแท้จริงแล้วคือเหล่าผู้นำดินแดนต้องห้ามนั่นเอง ซึ่งเหตุผลที่พวกเขาต้องไล่ล่าก็เพราะต้องการสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ที่นี่
“เจ้าหนู เจ้าช่างมีตาหามีแววไม่!” รุ่นเยาว์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางเอ่ย ชื่อของเขาคือฮูปิง “สถานที่แห่งนี้คือที่ซ่อนสมบัติของราชันวารีสวรรค์ หากเจ้าร่วมเดินทางกับพวกข้าผลประโยชน์ส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับย่อมมีค่ามหาศาล”
ฮูช่านไม่ห้ามปราม ในความคิดของพวกเขา ฮูปิงเพียงคนเดียวก็สามารถกำราบบุรุษและสตรีคู่นี้ได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ต้องการทำให้สตรีงดงามได้รับบาดเจ็บ
หลิงฮันชะงัก ทั้งเจ็ดคนนี้รู้ว่าที่นี่มีสมบัติของราชันวารีสวรรค์?
นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ได้พบเจอที่นี่ด้วยความบังเอิญ
หลิงฮันอดสงสัยไม่ได้จึงกล่าวออกไป “พวกเจ้ามาจากขุมอำนาจใด?”
“พวกข้า?” ฮูปิงแสดงท่าทีเหยียดหยาม แต่พอมองไปยังจักรพรรดินีที่มีท่าทีสงสัยเช่นกันเขาก็นึกอยากจะโอ้อวดขึ้นมา “พวกเรามาจากดินแดนต้องห้ามแปดศิลา!”
ดินแดนต้องห้าม? แปดศิลา? มันคืออะไรกัน
หลิงฮันจ้องมองไปยังจักรพรรดินี นางส่ายหัวเล็กน้อยแทนคำพูดว่านางเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน หลิงฮันจงใจกล่าวยั่วยุ “ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาอะไรกันพวกข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน เกรงว่าที่นั่นมีแต่พวกจอมยุทธอ่อนหัดบ้านนอกเท่านั้น!”
จะ จอมยุทธอ่อนหัดบ้านนอก?
ครั้งนี้ทั้งเจ็ดคนไม่สบอารมณ์อย่างแท้จริง ใครกันที่เป็นพวกบ้านนอก? ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าที่เมื่อครู่กำลังขุดทางเดินอยู่หรอกรึ?
ฮูปิงทนไม่ไหวและกล่าว “เจ้าก็แค่กบก้นบ่อ แน่นอนว่าไม่มีทางรู้จักดินแดนต้องห้าม! ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของพวกข้าคงอยู่มาเป็นเวลาจนนับไม้ถ้วน และแท้จริงแล้วพวกข้ามีต้นกำเนิดมาจาก…”
“ฮูปิง!” ทั้งหกคนตะโกนออกมาพร้อมกันเพื่อห้ามไม่ให้ฮูปิงกล่าวต่อ
ฮูปิงใบหน้าซีดเผือดและชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน “เจ้ากล้าปั่นหัวขา!” ที่จริงเขาไม่ได้เป็นคนคล้อยตามง่ายเช่นนี้ แต่เป็นเพราะมีจักรพรรดินียืนอยู่ด้วยสติของเขาจึงขาดหายไปชั่วขณะ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าเป็นคนพูดเองทั้งนั้น ข้าไปบังคับเจ้าตอนไหน? ว่าไง พูดต่อสิ ดินแดนต้องห้ามแปดศิลามีต้นกำเนิดจากที่ไหน?”
“นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” ฮูช่านเอ่ยแทรก “แม่นาง พวกข้าขอโทษด้วย แต่สมบัติของราชันวารีสวรรค์นั้นล้ำค่าเกินไป พวกเราต้องควบคุมไม่ให้เรื่องนี้พูดแพร่งพราย เพราะงั้นคงต้องขอให้พวกเจ้าทั้งสองติดตามพวกเรามาด้วย ไว้ถึงเวลาแล้วพวกเจ้าก็จะถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ”
เขากล่าวไปแบบนั้นก็จริง แต่ในใจของเขากลับคิดอีกแบบ บุรุษผู้นี้เขาจะต้องหาวิธีสังหารทิ้งให้ได้ ส่วนสตรีที่เหลืออยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงคนเดียว ไม่ใช่ว่าจะยิ่งเข้าหานางได้ง่ายขึ้นหรอกรึ?
สตรีที่งดงามขนาดนี้ แม้แต่เขาที่เป็นราชารุ่นเยาว์ที่ใกล้จะบรรลุเป็นเซียนก็ยังต้องจิตใจสั่นสะท้านและเผลอน้ำลายไหล
งดงามเกินไป!
เขาต้องครอบครองนางให้ได้ก่อนพากลับไป ไม่เช่นนั้นแล้วหากรุ่นเยาว์ในตระกูลที่บรรลุเป็นเซียนก่อนหน้าเขานานแล้วสนใจนางด้วยล่ะก็เขาอาจจะไม่สามารถเป็นคู่แข่งของคนเหล่านั้นได้
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “พวกเรามาจากดินแดนต้องห้าม!” เขาเลือกที่จะโกหกคนเหล่านี้
ตอนที่ 1507
ดินแดนต้องห้ามต้าหลิง?
ไม่เคยได้ยินมาก่อน มีดินแดนต้องห้ามเช่นนั้นอยู่ด้วย?
ฮูช่านและคนอื่นๆมองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัว
“เหอะ คนอย่างเจ้าน่ะรึจะมาจากดินแดนต้องห้าม?” ฮูปิงเอ่ยหยาม
“แม้กระทั่งดินแดนต้องห้ามต้าหลิงก็ยังไม่รู้จัก พวกเจ้าอย่างบ้านนอกจริงๆ!” หลิงฮันกล่าวเหน็บแนม
ฮึ่ม เจ้าหนูนี่!
พวกฮูช่านไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าอย่างไรดินแดนต้องห้ามที่ว่าก็ไม่มีอยู่จริงแน่ๆ แต่เจ้ากลับยังปากดีแอบอ้างอยู่ได้!
“เลิกเสียเวลากับเขาได้แล้ว!” ฮูช่านกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง
“อืม!” ฮูปิงพยักหน้า เขาจ้องมองหลิงฮันพร้อมกับแสยะยิ้ม เขาเลิกพล่ามไร้สาระและยกหมัดขึ้นไปทางหลิงฮัน
ปราณก่อเกิดถูกควบแน่นแปรเปลี่ยนหมัดของเขาให้แข็งดั่งศิลา เพียงแต่พลังทำลายของหมัดก็ยังคงอยู่ในระดับของระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเท่านั้น
เหตุใดพลังทำลายถึงได้ต่ำเพียงนี้?
คำตอบนั้นง่ายมาก สายลมของภูเขานี้ได้พัดพาแรงกดดันอันทรงพลังเข้าใส่พวกเขา เพราะงั้นทุกคนจึงต้องแบ่งปราณก่อเกิดเอาไปใช้คุ้มกันร่างกาย ไม่งั้นร่างกายของพวกเขาคงถูกแรงกดดันบดขยี้เป็นเศษเนื้อ
แต่บุรุษตรงหน้านั้นเป็นเพียงศัตรูที่อ่อนแอระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น เขามั่นใจว่าแค่พลังของหมัดนี้ก็พอแล้วที่จะสังหารหลิงฮันอย่างง่ายดาย
ฮูช่านและคนอื่นๆกอดอกอย่างมั่นใจ
พวกเขาเป็นราชาจากดินแดนต้องห้าม นอกจากสุดยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของดินแดนต้องห้ามแล้ว ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา?
หลิงฮันชำเลืองมองอย่างไม่แยแสก่อนจะเริ่มขุดแร่ทางเดินต่อ
ฮูปิงโมโหจนผมสยายชี้ขึ้นฟ้า ช่างอวดดีนัก! ข้ากำลังจะสู้กับเจ้าแต่เจ้ากลับยังคิดถึงเรื่องขุดทางเดินอยู่อีก?
ถ้าอวดดีขนาดนั้นก็ตายซะ!
เขาปล่อยหมัดศิลาเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันดีดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบเข้าปะทะกับหมัดศิลา ปราณดาบไม่ได้ทะลวงเชือดเฉือนหมัดแต่ทำให้หมัดเบี่ยงทิศทางไปทางอื่น ส่วนปราณดาบนั้นยังคงพุ่งตรงต่อไปยังด้านหน้าฮูปิงโดยที่พลังทำลายไม่ได้ลดลงเลย
ฮูปิงตกตะลึง
หากเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงไม่หวาดกลัวการโจมตีของระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่ปัญหาคือเขาในตอนนี้กำลังใช้ปราณก่อเกิดจำนวนมากไปกับการต้านทานสายลมของภูเขา เมื่อเมื่อครู่เขาเพิ่งแบ่งปราณก่อเกิดมาใช้โจมตี ตอนนี้จึงไม่เหลือปราณก่อเกิดให้นำมาใช้ป้องกัน
“ฮึ่ม!” สตรีในกลุ่มยกมือขึ้นมา ฝ่ามือปราณก่อเกิดที่กระจ่างใสราวกับหยกปรากฏออกมาคุ้มกันฮูปิง
“ขอบคุณพี่หญิงจิ้ง” ฮูปิงกล่าวขอบคุณ
แต่ทันที่พูดจบ ปราณดาบก็กระแทกฝ่ามือหยกพังทลายและพุ่งเข้าหาฮูปิงโดยไม่มีทีท่าจะหยุด
ฉัวะ!
ฮูปิงไม่ได้ระมัดระวังเนื่องจากเขาคิดว่าฝ่ามือของฮูจิ้งจะสามารถต้านทานการโจมตีเอาไว้ได้ หน้าอกของเขาถูกคลื่นดาบกระแทกใส่ ร่างของเขาถูกส่งลอยกระเด็นพร้อมโลหิตสาดกระจาย
“น้องชายปิง!” ทั้งหกคนตะโกนออกมาพร้อมกันและรีบพุ่งไปรับร่างของฮูปิง
“ข้าไม่เป็นอะไร” ฮูปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอึกอัก จริงอยู่ที่การโจมตีของหลิงฮันทรงพลังมาก แต่หลังจากถูกป้องกันถึงสองครั้งพลังทำลายของคลื่นดาบถึงได้ลดลงหลายส่วน เพราะงั้นฮูปิงจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าไหร่นัก
พวกฮูช่านทั้งหกคนมีใบหน้าน่าเกลียด พวกเขานึกว่าการกำราบหลิงฮันจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ไม่ว่าเชื่อว่าฮูปิงจะถูกจู่โจมใส่จนร่างกระเด็นแบบนี้
แปลกมาก… ทุกคนที่นี่ล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากสายลมของภูเขาทำให้ไม่สามารถปลดปล่อยพลังต่อสู้ที่แท้จริงได้ แต่เหตุใดการโจมตีของหลิงฮันที่เป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นถึงได้ทรงพลังขนาดนั้น?
หรืออีกฝ่ายจะมาจากดินแดนต้องห้ามต้าหลิงอะไรนั่นจริงๆ?
“พวกเราดูถูกเจ้าไปหน่อย!” ฮูจิ้งที่ก่อนหน้านี้ลงมือช่วยเหลือฮูปิ้งมีใบหน้าเกรี้ยวกราด การที่นางลงมือแล้วก็ยังไม่สามารถป้องกันให้ฮูปิงได้นั้นทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
หลิงฮันไม่สนใจทั้งเจ็ดคนและขุดทางเดินต่อ
จักรพรรดินีก้าวออกมาและกล่าว “สามีของข้าไม่ว่างพอมาเสียเวลากับเจ้า ข้าจะเป็นคนประมือกับเจ้าแทนให้เอง”
แววตาของฮูจิ้งกลายเป็นเหี้ยมโหด นางรังเกียจจักรพรรดิมากเนื่องจากถูกแย่งความโดดเด่นไป แต่นางก็ไม่ได้มีความคิดอยากสังหารจักรพรรดินีแต่อย่างใดแต่นางจะทำให้ใบหน้าอันงดงามของอีกฝ่ายมีบาดแผลจนกลายเป็นสตรีอัปลักษณ์!
นางลงมือ ‘ครืนน’ ผินดินสั่นสะเทือนพร้อมกับมีแทงหินแหลมคมราวกับหอกนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาจากพื้นพุ่งเข้าใส่จักรพรรดินี
จักรพรรดินีไม่ใช่หลิงฮันที่มีกายหยาบไร้เทียมทานก็จริง แต่นางมีหินต้นกำเนิดสวรรค์ซึ่งสามารถใช้สลายการโจมตีทุกรูปแบบ
นางสะบัดมือ ‘ปัง’ ‘ปัง’ ‘ปัง’ เสาหินแหลมคมถูกหินต้นกำเนิดสวรรค์บดขยี้แหลกเป็นเศษซาก
ปกติแล้วสตรีที่ยืนถือแผ่นหินอยู่ในมือนั้นย่อมดูไม่สง่างาม แต่เสน่ห์ของจักพรรดินีนั้นเหนือชั้นกว่าทุกสรรพสิ่ง ต่อให้นางจะถือแผ่นหินเอาไว้ในมือนางก็ยังสามารถทำให้ผู้คนที่จ้องมองมารู้สึกหลงไหล
นางตอบโต้โดยการเหวี่ยงแผ่นหินเข้าใส่ใบหน้าของฮูจิ้ง
ภายใต้แรงกดดันของภูเขา ฮูจิ้งย่อมไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน นางถูกแผ่นหินกระแทกใส่จนร่างร่างกระแทกใส่พื้นดังสนั่น
บางทีนางอาจจะได้รับบาดเจ็ดสาหัสกว่าฮูปิงก่อนหน้านี้เสียอีก แถมบนใบหน้าของนางยังมีอักษรคำว่าจิตวิญญาณบรรพบุรุษปรากฏให้เห็น ไม่ว่าใครที่มองใบยังใบหน้าของนางก็ต้องอ้าปากหัวเราะ
ทว่าพวกฮูช่านกลับไม่หัวเราะ พวกเขาจ้องมองไปยังแผ่นหินในมือของจักรพรรดินีและขมวดคิ้ว
“นั่นมันหินต้นกำเนิดสวรรค์?” ฮูช่านกล่าว
จักรพรรดินีเมินเฉยไม่คิดแม้จะตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ไม่ผิดแน่ มันคือหินต้นกำเนิดสวรรค์คือวัตถุที่พลังทำลายภายนอกไม่สามารถทำลายได้จึงมักถูกใช้บันทึกเรื่องต่างๆ” สตรีอีกคนในกลุ่มกล่าวอย่างมั่นใจ ชื่อของนางคือฮูซูอวี่ นางมีพลังระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
“แย่งชิงมาให้ได้!” คนอื่นๆกล่าวด้วยแววตาส่องประกาย
หินต้นกำเนิดสวรรค์นั้นแม้จะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากเท่าไหร่ แต่เนื่องจากความทนทานของมันทำให้บางครั้งก็ถูกใช้สำหรับบันทึกทักษะลับเอาไว้เพื่อสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งหากถึงขั้นต้องสลักเอาไว้บนหินต้นกำเนิดสวรรค์ล่ะก็ทักษะที่ว่าต้องเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมมากไม่ผิดแน่
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้หินต้นกำเนิดสวรรค์ถือได้ว่าเป็นวัตถุที่ล้ำค่า เนื่องจากสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นโล่ป้องกันได้
ตอนที่ 1508
ปัญหาอยู่ที่ว่าสายลมของภูเขาแห่งนี้มีแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเกินไป พลังบ่มเพาะของพวกเขาจึงถูกกำราบเอาไว้หลายส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาจะเอาชนะจักรพรรดินีที่Anchorหินต้นกำเนิดสวรรค์ได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่าพวกเขาอ่อนแอ แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่ช่วยเกื้อหนุนจักรพรรดินีมากเกินไป
“ฮึ่ม พวกเราไปที่อื่นกันก่อน ตราบใดที่ทั้งสองยังอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้ พวกเราค่อยหาโอกาสกลับมาจัดการ!” ฮูช่านเสนอให้ล่าถอย ต่อให้เขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด เขาก็ไม่กล้าประมาทหลิงฮันกับจักรพรรดินี
โดยเฉพาะหลิงฮัน แปลกประหลาดมาก… ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากสายลมของภูเขาโดยสิ้นเชิง
“หืม พวกเจ้าคิดจะไปไหน?” หลิงฮันยืดตัว “พวกเรากำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานด้วยกันอยู่เลย นี่พวกเจ้าคิดจะจากไปโดยที่ไม่แม้แต่กล่าวคําร่ำลา?”
ใครกำลังพูดคุยอย่างสนุกกับเจ้ากัน?
ฮูช่านสส่ายหัว “ไม่ต้องไปสนใจ พวกเราไปกันเถอะ!”
หากต่อสู้กันที่นี่ต่อ พวกเขาย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทั้งเจ็ดคนกำลังจะหันหลังก้าวเดิน แต่จู่ๆหลิงฮันก็กระโดดมาขวางทางไม่ให้พวกเขาก้าวลงจากภูเขา
เมื่อเห็นหลิงฮันกระโดดข้ามเหนือหัวพวกเขา ทั้งเจ็ดคนก็เผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
เจ้ามันสัตว์ประหลาด!
สายสมของภูเขาแห่งนี้มีแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากจนแม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วอิสระ หากเคลื่อนไหวโดยประมาทแม้แต่นิดเดียวร่างของพวกเขาอาจจะถูกบดขยี้เป็นเศษเนื้อทันที เพราะงั้นก่อนหน้านี้ทั้งฮูปิงและฮูจิ้งจึงไม่หลบการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
แต่หลิงฮันกลับกระโดดข้ามพวกเขาด้วยความเร็วสูงโดยที่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยแม้แต่รอยขีดข่วน
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งเจ็ดคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง หมอนี่ขัดเกลากายหยาบด้วยวิธีใดกันแน่ถึงได้มีพลังป้องกันที่น่าหวาดกลัวเพียงนี้?
หรืออีกฝ่ายจะมาจากดินแดนต้องห้ามสักแห่งจริงๆ?
ก่อนหน้านี้ทั้งเจ็ดมั่นใจเป็นอย่างมากว่าดินแดนต้องห้ามต้าหลิงนั้นไม่มีอยู่จริงแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มหวั่นไหวเปลี่ยนความคิดแล้ว บางทีอาจจะมีดินแดนต้องห้ามที่พวกเขาไม่รู้จักอยู่จริงๆ?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกเราทุกคนต่างเป็นพี่น้องจากดินแดนต้องห้าม มานั่งพูดคุยกันก่อนจะเป็นไรไป?”
ฮูช่านที่เป็นผู้นำของทั้งเจ็ดคนเอ่ย “ในเมื่อพวกเราเป็นพี่น้องของดินแดนต้องห้ามเหมือนกันก็ไม่เห็นต้องรีบคุยเลย เอาไว้รอให้ถึงเวลาแล้วไปคุยกันที่ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาเป็นดีกว่า”
เจ้ากล้ารึไม่?
หากเจ้าไปก็อย่าได้หวังว่าจะกลับออกมาได้ ความลับทุกอย่างที่เจ้ากุมเอาไว้ต้องคายออกมาให้หมด
“ไม่มีปัญหา ข้าจะไปแน่นอน แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับดินแดนต้องห้ามแปดศิลา คงจะดีไม่น้อยหากเจ้าอธิบายดินแดนต้องห้ามของเจ้าให้ข้าฟังคร่าวๆ” หลิงฮันยิ้ม เขาแค่ต้องการรู้เฉยๆว่าดินแดนต้องห้ามแปดศิลามีต้นกำเนิดอย่างไรกันแน่
หากไม่มีขุมอำนาจที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังก็คงไม่สามารถฝึกฝนให้มีรุ่นเยาว์ระดับวารีนิรันดร์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้พร้อมกันถึงเจ็ดคน
ฮูช่านกล่าวตอบโต้ “ข้าก็ไม่เคยได้ยินดินแดนต้องห้ามต้าหลิงมาก่อนเหมือนกัน เจ้าควรจะอธิบายให้พวกเราฟังเช่นกัน
ต่างฝ่ายต่างเผยรอยยิ้ม
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ในอดีตเหล่าตัวตนที่ไล่ล่าราชันวารีสวรรค์คงเป็นดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของพวกเจ้า?”
เขาลองคาดเดาเท่านั้น ต่อให้ความคิดนี้จะผิดก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ผลลัพธ์คือใบหน้าของพวกฮูช่านเปลี่ยนสีเล็กน้อย
จากสีหน้าของพวกเขาหลิงฮันพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้แล้ว ในอดีตราชันวารีสวรรค์ถูกไล่ล่าโดยตัวตนที่ทรงพลังมากมาย จากร่างของนกอมตะทั้งสามที่อยู่ด้านนอก เหล่าคนที่ไล่ล่าราชันวารีสวรรค์จะต้องเป็นราชาเซียนไม่ผิดแน่
ทั้งๆที่ราชาเซียนคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดแล้ว พวกเขายังจะไล่ล่าแย่งชิงอะไรจากราชันวารีสวรรค์?
สมบัติที่เกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งเซียน!
แต่จอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนได้อย่างไร? อย่างเซียนซิงฉากับเวียนหวู่เซียงนั้น พวกเขาต่างคิดว่าจุดสูงสิทธิ์ของวิถีวรยุทธคือราชาเซียน
ถ้าเป็นแบบนั้น… ความเป็นไปได้ก็มีอยู่อย่างเดียว!
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “พวกเจ้าถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน?”
พริบตาที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกไป พวกฮูช่านทั้งเจ็ดก็ก็ไม่สบอารมณร์ทันที
“ไร้สาระ พวกเราน่ะรึจะถูกขับไล่?”
“ในดินแดนแห่งเซียนทีขุมอำนาจมากมายที่อยู่ฝั่งต่อต้าน เพราะพ่ายแพ้พวกเราถึงต้องหลบหนีออกมาจากดินแดนแห่งเซียน!”
“พวกเราจะหวนคืนสู่ดินแดนแห่งเซียนและนำทุกสิ่งที่เป็นของพวกเรากลับคืนมา!”
ฮูช่านจ้องมองหลิงฮันอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้ารู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียน เจ้าก็คงเป็นผู้รับเคราะห์ของมหาโศกนาฏกรรมเช่นกัน”
ณ ตอนนี้เขาชื่อแล้วว่าหลิงฮันมาจากดินแดนต้องห้ามต้าหลิงจริงๆ ไม่เช่นนั้นนอกจากคนจากดินแดนต้องห้ามแล้ว จะมีคนนอกรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนและมหาโศกนาฏกรรมได้อย่างไร
หลิงฮันกระแอมและกล่าว “ในดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของเจ้ามีราชาเซียนอยู่กี่คน?” เขารู้สึกสงสัยถึงพลังอำนาจของดินแดนต้องห้าม
ในตอนแรกคงมีขุมอำนาจจำนวนหนึ่งถูกขับไล่หรือหลบหนีออกมาจากดินแดนแห่งเวียน คนเหล่านั้นอาจจะก่อตั้งขุมอำนาจที่ในตอนนี้ถูกเรียกว่าดินแดนต้องห้ามขึ้นมา แต่ก็มีบางส่วนที่รอดพ้นออกมาได้เพียงคนหรือสองคนอย่างเช่นเผ่าสวรรค์บรรพกาลและจักรพรรดินี
“เหอะ คิดจะล้วงข้อมูลของพวกข้า?” ฮูช่านแสยะยิ้ม “แต่จะบอกไปก็ไม่เสียหาย ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของพวกข้าคือหนึ่งในดินแดนห้องห้ามที่ทรงพลังที่สุด”
อีกฝ่ายไม่ได้บอกชัดเจนว่าในดินแดนต้องห้ามแปดศิลามีราชาเซียนอยู่กี่คน แต่ดูแล้วคงมีมากกว่าหนึ่งแน่นอน
หลิงฮันยิ้ม “เขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีความสำคัญมาก ดังนั้นข้าคงต้องขอให้พวกเจ้าติดตามพวกเรามาด้วย”
ฮูช่านและคนอื่นๆใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนหน้านี้พวกเราตั้งใจจะให้หลิงฮันกับจักรพรรดินีติดตามมาด้วยเพื่อไม่ให้อยู่นอกสายตา แต่พริบตาเดียวสถานการณ์กลับกลายเป็นคนตรงกันข้ามเสียได้
“เจ้าคิดจะกักขังพวกข้า?” ฮูจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“ฮ่าๆ ทำไมต้องทำหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้นได้?” หลิงฮันยิ้ม “แต่ก็อย่างที่พวกเจ้าคิดนั่นล่ะ”
สีหน้าของฮูช่านเปลี่ยนเป็นเย็นชาและกล่าว “ถ้าเช่นนั้นคงมีเพียงต้องปะทะกัน!”
ตอนที่ 1509
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ถ้าเจ้าอยากสู้ก็เข้ามา”
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาย่อมไม่หวาดกลัวจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
ฮูช่านสูดหายใจลึก “ฮึ่ม เจ้าดูถูกพวกเราเกินไปหน่อยแล้ว! เจ้าคงคิดสินะว่าในสภาพแวดล้อมของที่นี่พวกเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“ในเมื่อเจ้ารนหาที่เอง ข้าก็จะทำให้เจ้าชดใช้!” เขาโคจรทักษะลับ ‘พรึบ’ พริบตาเดียวกล้ามเนื้อของเขาก็ค่อยๆขยายใหญ่ทีละส่วนจนเสื้อผ้าขาดกระจุย ราวกายของเขาแปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งทนทานราวกับก้อนหินและมีขนาดร่างกายใหญ่กว่าเดิมสามถึงสี่เท่า
“ฮ่าๆ พี่ช่านฝึกฝนทักษะกายหยาบแปดศิลาสำเร็จถึงส่วนที่สอง เมื่อทักษะถูกใช้งานกายหยาบของเขาจะไร้เทียมทานที่สุด!” สตรีในกลุ่มกล่าวด้วยท่าทางอิจฉา
ทักษะลับนี้คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนต้องห้ามแปดศิลา มันคือทักษะรากฐานของตระกูลพวกเขาเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ทุกคนในตระกูลจะได้รับจากสั่งสอนทักษะนี้แต่ส่วนแต่ก็จะฝึกฝนสำเร็จเพียงแค่ส่วนแรกของทักษะ ทั่วทั้งดินแดนต้องห้ามแปดศิลาคนที่ฝึกส่วนที่สองสำเร็จนั้นมีเพียงแค่หยิบมือ ฮูช่านก็คือหนึ่งในนั้น
ทันทีที่ทักษะนี้ถูกใช้งาน ภัยคุกคามที่ฮูช่านได้รับจากสายลมของภูเขาก็ลดลงทำให้เขาสามารถโจมตีได้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ว่าการคงสภาพทักษะนี้เอาไว้จำเป็นต้องเผาผลาญปราณก่อเกิดบางส่วน แม้แรงกดดันที่ได้รับจากสายลมจะลดลงก็ตาม เขาก็ยังใช้พลังต่อสู้ได้เพียงครึ่งเดียวจากทั้งหมด
แต่ในความคิดของเขา เพียงแค่ครึ่งเดียวก็เพียงพอแล้ว
“ถูกบดขยี้ไปซะ!” ฮูช่านพุ่งเข้าใส่หลิงฮันราวกับวัวกระทิง
กายหยาบแปดศิลา มันคือทักษะของดินแดนแห่งเซียน!
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง เทียบกับกายหยาบของเขาแล้วกายหยาบของอีกฝ่ายจะนับเป็นอันใดได้? เขาลงมือพุ่งทะยานเข้าใส่ฮูช่านเช่นเดียวกัน
“รนหาที่ตาย!” ฮูช่านเค้นเสียง เขาไม่รังเกียจที่จะสังหารหลิงฮันแม้แต่น้อย หลิงฮันไม่ใช่สตรีงดงามเสียหน่อย เหตุใดเขาต้องเมตตา?
ฮูช่านกวัดแกว่งหมัดใส่ศีรษะหลิงฮัน ที่รอบหมัดของเขามีหนามหินอันแหลมคมงอกออกมา
ด้วยหนึ่งหมัดนี้ ชีวิตของเจ้าจะจบสิ้น
หลิงฮันปล่อยหมัดตอบโต้ ปราณดาบถูกโคจรพร้อมกับกระตุ้นรูปแบบอาคมอีกาโลหิตทั้งสิบ
หากคนของสำนักย่อยที่แปดอยู่ที่นี่ล่ะก็ พวกเขาต้องอุทานด้วยความตะลึงแน่นอน เนื่องจากอีกาโลหิตที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นมีขนาดใหญ่กว่ารูปแบบอาคมอีกาโลหิตทั่วไปถึงร้อยเท่า
อีกาโลหิตกระพือปีกพุ่งเข้าใส่หมัดของฮูช่านโดยที่กลาง ปีกที่สะบัดไปมาของมันห้อมล้อมไปด้วยปราณดาบที่แฝงอำนาจของกาลเวลาแปรผันพันปีเอาไว้
ใบหน้าของฮูช่านเปลี่ยนสี การโจมตียังมาไม่ถึงแท้ๆ แต่เพียงแค่คลื่นพลังของมันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว แถมตอนนี้เขายังไม่สามารถใช้พลังต่อสู้ที่แท้จริงได้อีก
ตูม!
หมัดของฮูช่านแหลกสลายทันทีที่ปะทะเข้ากับอีกาโลหิต และปราณดาบได้กระหน่ำจู่โจมใส่ฮูช่านอย่างต่อเนื่อง
“อ้ากก!” ฮูช่านร้องโอดครวญพร้อมกับล่าถอย ร่างกายของเขากลับสู่สภาพเดิมในพริบตา และหมัดของเขาถูกปกคลุมไปด้วยโลหิต
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ยอมมากับข้าแต่โดยดี ข้ามีเรื่องที่อยากถามเจ้าอยู่เยอะเลยทีเดียว”
“ฮึ่ม ฝันไปเถอะ!” ฮูช่านแสยะยิ้ม
หลิงฮันประหลาดใจ “หรือเจ้าต้องการตายอย่างสมศักดิ์ศรี?”
“ใครบอกแบบนั้น” ฮูช่านนำม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา
หลิงฮันชะงัก หากกระดาษแผ่นนั้นคือม้วนคำสั่งของเซียน เขาคงหมดสิทธิ์ที่จะเอาชนะอีกฝ่าย
“ถอยกันก่อน!” ฮูช่านฉีกกระดาษ คลื่นแสงส่องสว่างไปทั่วพร้อมกับร่างของทั้งเจ็ดคนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ที่แท้ก็เป็นยันต์อาคมเคลื่อนย้ายในพริบตา
หลิงฮันมองเห็นว่าทั้งเจ็ดไม่ได้เคลื่อนที่ไปไกลนัก พวกเขาเพียงแค่กลับไปยังตีนภูเขา ด้วยการทีเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีขนาดเล็กและระดับของยันต์อาคมเคลื่อนย้ายในพริบตาก็ไม่ได้สูง พวกเขาจึงไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปด้านนอก
เพียงแต่ว่าที่บริเวณตีนเขานั้นไม่มีสายลมพัดผ่าน
“เจ้าหนู หากกล้าก็ลงมา!” ทั้งเจ็ดตะโกน
พวกเขามีกันอยู่เจ็ดคนแถมยังมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าหลิงฮัน หากสู้กันที่ตีนเขาล่ะก็พวกเขาไม่หวาดกลัวแน่นอน
“พวกเจ้านั่นล่ะ หากมีความสามารถพอก็ขึ้นมา” หลิงฮันลงมือขุดทางเดินต่อโดยเลิกสนใจคนเหล่านั้น
ทั้งเจ็ดคนเกรี้ยวกราดทันที เจ้าจอมยุทธบ้านนอกคนนี้ช่างน่ารังเกียจนัก
“ไปดูที่ยอดเขาอื่นกันก่อน” พวกเขาไม่กล้าขึ้นไปยังภูเขาลูกนี้ที่มีหลิงฮันอยู่
“จะให้ใครกลับไปรายงานดีรึไม่?” ฮูจิ้งกล่าวอย่างลังเล
“แล้วใครจะกลับไปล่ะ?” ฮูช่านชำเลือง “ตอนนี้คงไม่มีใครอยากกลับไปหรอกจริงรึไม่? ยิ่งกว่านั้นการไปกลับก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงสี่ปี เวลาขนาดนั้นคิดว่าที่นี่จะเหลือสมบัติให้เก็บเกี่ยว?”
ทั้งหกคนแน่นิ่ง แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีใครอยากจะเป็นคนออกไปจากที่นี่
“เอาล่ะ ไปดูยอดเขาลูกอื่นกันก่อน!” ในเมื่อไม่มีใครอยากกลับออกไปพวกเขาจึงเลือกไปสำรวจภูเขาลูกอื่น
หลิงฮันไม่สนใจทั้งเจ็ดคนและเก็บรวบรวมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์อย่างมีความสุข ตราบใดที่ทั้งเจ็ดคนยังไม่กลับออกไปจากที่นี่เขาก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
วันต่อมา พวกหลิงฮันทั้งสองคนก็มาถึงยอดเขาในที่สุด
เมื่อมาถึงตรงนี้ แรงกดดันที่ได้รับจากกรงเล็บมหึมานั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิมมาก หัวใจของหลิงฮันกับจักรพรรดินีเต้นรัวราวกับจะระเบิดได้ตลอดเวลา
“เจ้าเข้าไปซ่อนตัวก่อนดีไหม?” หลิงฮันเอ่ยถามจักพรรดินี
“ข้ายังไหว เมื่อถึงขีดจำกัดแล้วข้าจะบอกเจ้า” จักรพรรดินีกล่าว
หลิงฮันพยักและกวาดสายตามองเบื้องหน้า
ตำหนักได้ถูกกรงเล็บมหึมาบดขยี้จนแหลกแต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้อยู่ว่าทั้งกำแพงและแผ่นปูรองของตำหนักนั้นไม่ใช่วัสดุธรรมดา แต่เนื่องจากพลังทำลายของกรงเล็บมหึมาแก่นพลังของพวกมันจึงพังทลายไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพเดิม
“นี่มัน… หยกครามต้นกำเนิด!” หลิงฮันตกตะลึงทันทีที่รู้ว่า
หยกครามต้นกำเนิดคือวัสดุเซียน มีตำนานกล่าวว่าตราบใดที่หยกชนิดนี้มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น มีโอกาสที่หยกครามต้นกำเนิดจะมีความนึกคิดจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตได้ มีกายหยาบที่เกิดจากวัสดุเซียนนั้นหมายความสิ่งมีชีวิตที่ว่าจะสามารถกลายเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน!
ซึ่งนั่นก็เหมือนกับบิดาของฉือหวง
หลิงฮันตกตะละจึงจนแทบจะหายใจไม่ทัน หยกครามต้นกำเนิดนั้นคือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ด หรือก็คือวัสดุเซียนระดับต่ำสุด แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับถูกใช้มาสร้างเป็นตำหนัก
น่าเสียดายที่หยกครามต้นกำเนิดแทบทั้งหมดถูกกรงเล็บมหึมาลายแก่นพลังไปอย่างสมบูรณ์แล้วจึงไม่หลงเหลือคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย หลิงฮันรู้สึกเจ็บปวดทรมานหัวใจเป็นอย่างมาก
ใครเป็นเจ้าของกระเล็บสุนัขบัดซบนี้? ในอนาคตข้าจะไปชำระหนีแค้นให้ได้!
หลิงฮันเก็บรวบรวมหยกครามต้นกำเนิดส่วนน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่เข้าไปในหอคอยทมิฬด้วยสีหน้าทรมานเจ็บปวดใจ หากใครมาเห็นต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นแน่ เจ้ากำลังเก็บเกี่ยววัสดุเซียนอยู่จริงรึเปล่า เหตุใดถึงมีสีหน้าเป็นทุกข์เช่นนั้น?
ตอนที่ 1510
ทุกส่วนของตำหนักถูกทำลายไปแทบทั้งหมด สามารถจินตนาการได้ว่ากรงเล็บมหึมานี้มีพลังทำลายที่แม้แต่ตำหนักที่ถูกสร้างด้วยวัสดุเซียนก็ไม่สามารถต้านทานได้
คนที่ลงมือต้องเป็นราชาเซียนไม่ผิดแน่
หลิงฮันและจักรพรรดินีสำรวจรอบตำหนักพร้อมกับเก็บเกี่ยวหยกครามต้นกำเนิดไปด้วย
ในขณะที่กำลังเก็บเกี่ยว พวกเขาพบว่าพลังทำลายของกรงเล็บมหึมาได้ทำลายตำหนักจนมีทางเดินใต้ดินปรากฏออกมาให้เห็น
“ห้องสมบัติ!” หลิงฮันกับจักรพรรดินีมองหน้ากันและกล่าว
ห้องใต้ตำหนัก… หากไม่ใช่ห้องสมบัติแล้วจะเป็นอะไรอื่นไปได้?
ที่จริงห้องลับใต้ดินนี้สมควรต้องใช้วิธีการพิเศษในการเปิดออก แต่ว่าพลังทำลายของกรงเล็บมหึมานั้นทรงพลังเกินไปทำให้กำแพงของห้องสมบัติถูกทำลายในหนึ่งการโจมตี
กรงเล็บมหึมาทะลวงตำหนักลงไปถึงใต้ดิน และเนื่องจากว่ากรงเล็บมีขนาดใหญ่ ช่องว่างที่เกิดขึ้นจึงเพียงพอสำหรับให้ร่างของคนเดินผ่านไปได้
เพียงแต่ว่า… รอยกรงเล็บที่หลงเหลืออยู่ยังคงปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งหายใจติดขัด แม้กระทั่งจักรพรรดินีก็ยังทนไม่ไหว หากฝืนเข้าใกล้ยิ่งกว่านั้นร่างของนางคงหนีไม่พ้นระเบิดเป็นเศษเนื้อ
สำหรับหลิงฮันนั้นไม่มีปัญหาอะไรเนื่องจากกายหยาบของเขาแข็งแกร่งเกินกว่าระดับพลังบ่มเพาะหลายเท่า
เขานำจักรพรรดิเข้าไปในหอคอยทมิฬและก้าวเดินอย่างเชื่องช้า
มาถึงจุดนี้แล้วแม้แต่เขาก็ไม่กล้าผลีผลาม ที่บริเวณรอยกรงเล็บมหึมานั้นยังคงมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่เหมือนกับกระบี่สีทองหลงเหลือลอยไปมาอยู่
หลิงฮันใบหน้าเปลี่ยนสี อำนาจแห่งกฎเกณฑ์นั่นคือเจตจำนงของราชาเซียน หากสัมผัสโดนแม้จะเป็นเขากายหยาบก็คงถูกผ่าออกเป็นสองส่วนในพริบตา
เพราะอย่างไรกายหยาบของเขาก็ทนทานเทียบเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้าเท่านั้น
กระบี่สีทองลอยไปมาอย่างเชื่องช้างผิดกับพลังอำนาจของมันที่สามารถบดขยี้ใช้แม้แต่เซียนระดับต้นหรือเซียนระดับกลาง
ในขณะที่กระบี่สี่ทองเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ หลิงฮันได้ทำการหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬจนกระทั่งกระบี่สีทองลอยผ่านหายไปเขาถึงออกมาและเดินหน้าต่อ
หลิงฮันเข้าๆออกๆหอคอยทมิฬจนอยู่ห่างจากห้องสมบัติอีกเพียงหนึ่งร้อยก้าว โดยปกติแล้วระยะทางเพียงแค่นี้แต่กระโดดก้าวเดียวก็ถึง แต่ตอนนี้เขากลับต้องใช้เวลานานอย่างมาก
และในที่สุดก็มาถึงรูรอยแยก
หลิงฮันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกรงเล็บถึงได้ทะลวงเข้าใส่กำแพงห้องสมบัติได้อย่างแม่นยำนัก ราวกับว่าผู้ที่โจมตีรู้อยู่ก่อนแล้วว่าที่ใต้ดินนี้มีห้องสมบัติซ่อนเอาไว้
แถมรถเกวียนที่บรรจุกล่องเขตแดนลี้ลับนี้ก็ยังถูกนกอมตะสามตัวลากเหาะเหินไปทั่วอวกาศ ต่อให้เป็นราชาเซียนก็ตามเป็นไปได้อย่างไรที่จะไล่ล่าได้นกอมตะถึงสามตัวได้ทัน? ราวกับว่าเหล่าตัวตนที่ไล่ล่าราชันวารีสวรรค์รับรู้เส้นทางที่นกอมตะจะมุ่งหน้าไปอยู่ก่อนแล้ว
หรือภายในกลุ่มสหายของราชันวารีสวรรค์จะมีไส้ศึก?
จากที่ลองคาดการณ์ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน เกรงว่าผู้ใช้กรงเล็บมหึมานั้นคงจะลอบโจมตีอย่างกระทันหันโดยที่มุ่งเป้าไปยังการโจมตีตำหนักบริเวณห้องสมบัติ ทว่าราชันวารีสวรรค์เองก็เป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังและสามารถตอบโต้ผู้ใช้กรงเล็บมหึมาได้ทันท่วงที
ยิ่งคิดภาพหลิงฮันก็ยิ่งตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่น การต่อสู้ระหว่างราชาเซียนนั้นสามารถก่อให้เกิดภัยพิบัติถึงขั้นทำลายดวงดาวนั้นไม่ถ้วนได้เลย
หลิงฮันย่อตัวลงไปยังรูช่องว่างบนพื้นซึ่งมีขนาดใหญ่พอให้คนสามคนลอดผ่าน แต่ด้วยการที่อำนาจของกรงเล็บมหึมายังคงอยู่เขาจึงไม่กล้าขยับตัวเยอะ หากผลีผลามตัวเขาคงร่วงหล่นสู่ความตายอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากขยับตัวอย่างระมัดระวังอยู่นานในที่สุดหลิงฮันก็คลานลงมาได้สำเร็จ ความรู้สึกกดดันให้เขาตึงเครียดถึงขนาดเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เขาถอนหายใจยาวก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า
เป็นห้องสมบัติอย่างที่คิดไว้จริงๆ ที่นี่มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์และอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์นับกองเรียงกันอยู่นับไม่ถ้วน
เส้นทางเดินภูเขาก่อนหน้านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหก หากแร่โลหะที่ล้ำค่าขนาดนั้นยังใช้สร้างเพียงทางเดิน แล้วสมบัติที่ถูกรวบรวมเอาไว้ในห้องสมบัติจะล้ำค่าขนาดไหน?
แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ด… สิบแปด… สิบเก้า… ยี่สิบ… ทั้งหมดเป็นแร่โลหะระดับเซียน!
หลิงฮันยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหู
เขารีบเก็บสมบัติอย่างไม่รีรอ ถึงแม้ในห้องสมบัตินี้จะมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์มากมายแต่ก็ไม่มีชิ้นไหนเลยที่เป็นอุปกรณ์เซียนเนื่องจากพวกมันไม่มีเจตจำนงของเซียนสลักเอาไว้ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นใช้งานอำนาจของเซียนตามที่ควรจะเป็นได้
แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ยังเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอยู่ดี
พี่ใหญ่ พี่สอง พี่สาม… อุปกรณ์เหล่านี้ต้องแบ่งให้พวกเขาคนละชิ้น นอกจากนั้นก็ยังมีจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะที่เป็นภรรยาของเขาอีก ลูกศิษย์ทั้งหกคนเองก็จะขาดเหลือไม่ให้ใครก็ไม่ได้ นอกจากนั้นบางทีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อาจจะต้องใช้แลกเปลี่ยนกับเขามังกรของอาสาวของหลงเซียงเยว่
เห้อ จะพอรึเปล่านะ…
ในขณะที่กำลังเก็บเกี่ยว หลิงฮันได้นำจักรพรรดินีออกมา
“หรือราชันวารีสวรรค์จะขโมยขุมสมบัติมาจากขุมอำนาจในดินแดนแห่งเซียน?” จักรพรรดินีตกตะลึงทันทีที่เห็น วัสดุเซียนที่อยู่ในห้องสมบัตินี้มีจำนวนมากเกินไป บางทีต่อให้รวบรวมวัสดุเซียนจากทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะไม่สามารถมีจำนวนมากมายขนาดนี้
เพราะงั้นความเป็นไปได้จึงมีเพียงอย่างเดียว วัสดุเซียนเหล่านี้ต้องมาจากดินแดนแห่งเซียน
วัสดุเซียนที่หลิงฮันพบนั้นบางส่วนถูกกรงเล็บมหึมาทำลายไปแล้ว อย่างเช่นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ดสิบแปดบางชิ้นนั้นมีรอยร้าวปรากฏให้เห็นซึ่งทำให้หลิงฮันปวดเจ็บอย่างมาก แต่พอคิดอีกที แร่โลหะเหล่านี้สุดท้ายก็ต้องถูกดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืนอยู่ดี มันจะเสียหายบ้างจะมีปัญหาอะไร?
นอกจากวัสดุเซียน ในห้องสมบัติก็ยังมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำด้วยเช่นกัน พวกมันเป็นสมุนไพรที่ถูกเก็บเกี่ยวแล้วไม่ใช่สมุนไพรที่ปลูกเอาไว้ หลิงฮันผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง หากมันยังเป็นสมุนไพรเป็นๆอยู่เขาก็ยังนำไปปลูกต่อในหอคอยทมิฬได้ ซึ่งผลเก็บเกี่ยวจะงอกเงยเพิ่มขึ้นมหาศาล
แต่ไม่ว่าสมุนไพรจะเป็นอย่างไร เขาจะรู้จักหรือไม่ เขาก็เลือกเก็บพวกมันเข้าไปในหอคอยทมิฬอยู่ดี
“แต่ถึงจะเป็นสมบัติเหล่านี้ก็เถอะ มันจะสามารถดึงดูดให้ถูกราชาเซียนมากมายไล่ล่าเลยรึ?” จักรพรรดินีกล่าว
หลิงฮันชะงัก เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ไม่อาจเถียงได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติล้ำค่า แต่หากจะบอกว่าตัวตนระดับราชาเซียนจำนวนมากร่วมมือกันเพียงเพราะต้องการแย่งชิงวัสดุเซียนและสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำก็ดูจะไร้เหตุผลไปหน่อย
ตอนที่ 1511
“บางทีอาจจะยังมีสมบัติอื่นหลงเหลืออยู่อีก” หลิงฮันมองไปยังส่วนลึกของห้องสมบัติ
จักรพรรดิเต็มไปด้วยความรู้สึกคาดหวัง ถึงแม้บรรพบุรุษของนางจะมาจากดินแดนแห่งเซียน แต่นางก็ไม่ได้รับสืบทอดสมบัติอะไรมาจากเลยจากสายเลือด ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าสมบัติของดินแดนแห่งเซียนจะเป็นเช่นไร
ทั้งสองเก็บเกี่ยวสมบัติทั่วห้องจนสุดท้ายทั้งห้องสมบัติได้เหลืออยู่เพียงกล่องหยกใบเดียว
คงไม่ใช้กล่องนำพาสู่เขตแดนลี้ลับอีกแล้วหรอกนะ?
หลิงฮันและจักรพรรดินีมองหน้ากัน จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่พบสมบัติชิ้นใดที่มีระดับเกินว่าเซียนเลย
บางทีอาจจะเป็นกล่องหยกใบนี้ที่ซ่อนสมบัติอันล้ำค่าที่สุดเอาไว้
“ระวังด้วย!” จักรพรรดิกล่าวเตือน มือขวาของเขากำหินต้นกำเนิดสวรรค์เอาไว้แน่นเผื่อกรณีฉุกเฉิน
หลิงฮันพยักหน้าและค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดกล่องหยกอย่างช้าๆ
กล่องหยกใบนี้ไม่ได้หนักเลยแม้แต่นิดเดียว ทันทีที่เปิดออกประกายแสงสีทองก็ส่องสว่างไปทั่วราวกับพระเจ้าแห่งยุคบรรพกาลกำลังจะตื่นจากการหลับไหล
ยิ่งกล่องถูกเปิดออกมากขึ้น ประกายแสงสีทองก็ส่องสว่างปกคลุมไปทั่วทั้งห้องสมบัติ ประกายแสงได้เล็ดลองออกไปยังพื้นตำหนักที่อยู่ด้านบนและทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า
แต่แสงสว่างก็คงอยู่เพียงแค่ไม่นานก็จางหายไป และพบกับม้วนกระดาษสองแผ่นถูกวางเอาไว้ในกล่อง
นะ… นี่น่ะรึสมบัติ?
ต่อให้ม้วนกระดาษทั้งสองนี้เป็นม้วนคำสั่งของราชาเซียน จำนวนการใช้ก็ยังมีจำกัด มันไม่คุ้มค่าที่จะให้เหล่าราชาเซียนของดินแดนต้องห้ามออกไล่ล่าเลย
“หืม!” หลิงฮันตะลึง เขาพบโลหิตถูกประทับเอาไว้บนม้วนกระดาษ แม้จะเป็นเพียงหยดโลหิตเล็กๆแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ราวกับสวรรค์กำลังหล่นทับลงมา มันหนักหน่วงเกินจะพรรณนาได้ โลหิตนี้ย่อมต้องเป็นของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งไม่ผิดแน่
โชคดีที่โลหิตนี้ไม่ได้แฝงจิตสังหารเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเพียงแค่โลหิตของเซียนเพียงหยดเดียวก็สามารถลบจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เช่นพวกเขาให้หายไปได้
หลิงฮันต้องการหยิบม้วนกระดาศขึ้นมาแต่ก็พบว่าไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่ม้วนกระดาษก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“คิดว่าข้าจะหยิบขึ้นมาไม่ได้รึ!” หลิงฮันเค้นเสียง ในเมื่อโลหิตที่ประทับเอาไว้ไม่มีจิตสังหาร เขาจึงสามารถใช้สัมผัสสวรรค์โอบล้อมกล่องเอาหยกเอาไว้ได้และนำมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ
เหอๆ ในหอคอยทมิฬ ต่อให้เป็นราชาเซียนตัวเป็นๆเขาก็จัดการได้ไม่ยาก
ณ เวลานี้ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของหลิงฮันย่อมเป็นหอคอยทมิฬ แม้กระทั่งคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็ยังเป็นทักษะของหอคอยทมิฬ
น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถใช้หอคอยทมิฬได้อย่างอิสระ ไม่เช่นนั้นในดินแดนแห่งเซียนเขาต้องไร้พ่ายอย่างไม่มีข้อสงสัย
“ภรรยาข้า เข้าไปในหอคอยทมิฬกันเถอะ”
“อืม”
พวกหลิงฮันเข้าไปตรวจสอบกล่องหยกต่อในหอคอยทมิฬ
ครั้งนี้หลิงฮันเปิดกล่องหยกโดยไม่มีความกังวลใดๆ
“โลหิตที่ประทับเอาไว้คือของราชาเซียน?” หลิงฮันแหงนหน้ามองและเอ่ยถาม แต่คู่สนทนาของเขาไม่ใช่จักรพรรดินี
หอคอยน้อยปรากฏตัวอย่างเงียบๆและสั่นไหวเล็กน้อย “ไม่ผิด”
“บางทีอาจจะเป็นโลหิตที่ราชันวารีสวรรค์ทิ้งเอาไว้” หลิงฮันคาดเดา
หลิงฮันคลี่ม้วนกระดาษอย่างช้าๆ
“นี่มันจดหมาย!” เนื้อหาภายในไม่ใช่ม้วนคำสั่งแต่เป็นจดหมายทิ้งท้ายก่อนตาย
เขากับจักรพรรดิยืนอ่านจดหมายเคียงข้างกัน
หลังจากอ่านอยู่นานสองนาน ทั้งคู่ก็วางจดหมายทิ้งท้ายลง จดหมายฉบับนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของห้องสมบัติจริงๆ
เรื่องราวนั้นเริ่มขึ้นมาจากตอนแรก
ราชันวารีสวรรค์ไม่ใช่คนของดินแดนต้องห้ามแต่เป็นอัจฉริยะแห่งเผ่าสวรรค์บรรพกาล เมื่อสายเลือดของเขาตื่นขึ้น เส้นทางในศาสตร์วรยุทธของเขาก็ดำเนินไปอย่างราบลื่นและได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนจากสายเลือดของบรรพบุรุษ
ในตอนแรกราชันวารีสวรรค์ไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่ยิ่งสายเลือดของเขาแข็งแกร่งขึ้นความรู้สึกที่มีต่อดินแดนแห่งเซียนก็ยิ่งหนักแน่นขึ้นจนสุดท้ายเขาได้ออกตามหาเส้นทางที่จะนำพาไปสู่ดินแดนแห่งเซียน ผลลัพธ์จากความพยายามของเขาไม่ได้ช่วยทำให้พบดินแดนแห่งเซียนแต่อย่างใด สิ่งที่เขาค้นพบคือถ้ำอันเป็นสถานที่ฝังศพของราชานิรันดร์
(*ราชานิรันดร์คือระดับพลังสูงสุดของดินแดนแห่งเซียน)
เขารู้เพียงว่าในดินแดงแห่งเซียนได้เกิดมหาโศกนาฏกรรมขึ้น ราชานิรันดร์ผู้นี้ถูกสังหารในดินแดนแห่งเซียนและร่วงหล่นมายังที่นี่ สมบัติติดตัวของราชานิรันดร์คนนั้นตกเป็นของราชันวารีสวรรค์ซึ่งสมบัติส่วนใหญ่ก็เป็นวัสดุเซียนที่หลิงฮันพบ
อย่างที่หอคอยน้อยเคยบอกเอาไว้ เหนือกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบคือแร่โลหะนิรันดร์ จากแร่โลหะระดับเซียนไปเป็นแร่โลหะนิรันดร์นั้น มีความห่างไกลกันราวกับการก้าวเดินขึ้นสวรรค์
แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ยังไม่มีแร่โลหะนิรันดร์ นั่นหมายความว่าต่อให้เป็นที่ดินแดนแห่งเซียนแร่โลหะนิรันดร์ก็ยังล้ำค่าเกินกว่าจะจินตนาการ
หลิงฮันนึกถึงดาบอสูรนิรันดร์ทันที ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งพอคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาให้ใครเห็นในดินแดนแห่งเซียน
ในดินแดนแห่งเซียนคงมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งและสามารถมองเห็นหอคอยทมิฬได้ เพราะงั้นหอคอยทมิฬจึงอาจจะไม่ใช่ที่หลบภัยที่ปลอดที่สุดอีกต่อไป
กลับมาที่เนื้อหาในจดหมาย
ราชันวารีสวรรค์ได้รับสมบัติของราชานิรันดร์ ถึงแม้จำนวนจะน้อยนิดแต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ราชันวารีสวรรค์กลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุด แต่สิ่งที่ล้ำค่าจริงๆนั้นไม่ใช่สมบัติที่ว่า แต่เป็นตำแหน่งที่ซ่อนสมบัติสืบทอดของราชานิรันดร์ผู้นั้นที่ตั้งอยู่ในดินแดนแห่งเซียนซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน
หรือต่อให้รู้ก็จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษในการเปิดที่ซ่อนสมบัติอยู่ดีและวิธีการนั่นก็ได้ตกมาอยู่ในมือของราชันวารีสวรรค์
ราชันวารีสวรรค์มีเป้าหมายอยากจะเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียน ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็ได้รวบรวมพวกพ้องสิบสองคนที่มีอุดมคติร่วมกัน ทั้งสิบสองคนล้วนแต่เป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาล ไม่เช่นนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสิบสองคนจะบรรลุกลายเป็นราชาเซียน
แต่ในขณะที่ราชันวารีสวรรค์กำลังอิ่มเอมใจอยู่นั้นเอง เขาก็ถูกบุกโจมตีโดยปรมาจารย์มากมายจากดินแดนต้องห้าม และคนที่นำพาหายนะมาสู่ตัวเขาก็คือหนึ่งในพรรคพวกที่เขาเชื่อใจที่สุด
ราชาไค่หยุน (ราชาเปิดเมฆา)
พี่น้องที่เชื่อใจของเขาส่งข่าวไปให้กับดินแดนต้องห้ามและให้คนเหล่านั้นแอบซุ่มโจมตีในเส้นทางของสามนกอมตะที่ทำหน้าที่ลากรถเกวียน
ตอนที่ 1512
หลังจากการปะทะครั้งนั้น ผู้ติดตามทั้งสิบเอ็ดคนถูกสังหารเหลือเพียงคนสุดท้ายที่รอดพ้นด้วยความช่วยเหลือของราชันวารีสวรรค์ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่รอดมาได้ก็มีเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น
โชคดีที่คนคนนั้นหลุดมายังโลกใบเล็กถึงได้หนีจากการตามหาของดินแดนต้องห้ามได้สำเร็จและสร้างเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ขึ้นมาเพื่อส่งมอบมรดกสืบทอดของราชันวารีสวรรค์
ในขณะเดียวกัน ราชันวารีสวรรค์นั้นแม้จะถูกห้อมล้อมโดยราชาเซียนมากมายจากดินแดนต้องห้ามแต่เขาก็ยังตอบโต้ได้สมน้ำสมเนื้อ ในสถานเช่นนั้นเขาสามารถสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่ราชาไค่หยุนและทิ้งจดหมายทิ้งท้ายเอาไว้
แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ตกตาย ถูกรุมโจมตีโดยราชาเซียนมากมายเช่นนั้นหากรอดชีวิตก็คงจะไร้เหตุผลเกินไปหน่อย
ราชาเซียนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นถ้าให้เปรียบแล้วก็เหมือนจอมยุทธระดับทลายมิติในโลกใบเล็ก พวกเขาคือตัวคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
“ราชันวารีสวรรค์กล่าวว่าหากได้รับสมบัติสืบทอดของเขาก็ต้องสังหารราชาไค่หยุนเป็นการแก้แค้นให้แก่เขา ไม่เช่นนั้นโลหิตที่เขาหลงเหลือเอาไว้จะกลายเป็นคำสาปติดพันพวกเราเอาไว้ตลอดกาล” สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากอ่านจดหมายทิ้งท้ายจบ โลหิตที่ประทับเอาไว้บนจดหมายกลับกลายเป็นเหมือนมีชีวิตและผสานรวมเข้ามาในร่างกายของหลิงฮันกับจักรพรรดินี
ราชาเซียนนั้นต่อให้ตายไปแล้วกี่ร้อยล้านปี คำสาปของพวกเขาก็ยังคงไม่เสื่อมสลาย ต่อให้เป็นเซียนระดับต้น กลาง หรือแม้แต่เซียนระดับสูงที่อ่อนแอก็อาจถูกสังหาร
แต่ช่างเสียดายนัก ที่นี่คือหอคอยทมิฬ!
หลิงฮันย่อมไม่มีทางปล่อยให้โลหิตคำสาปของคนอื่นผสานรวมอยู่กับร่างกายของตนเองและภรรยาแน่นอน เขากำราบโลหิตแปลกปลอมและกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดวางใจ เมื่อข้าบรรลุเซียนระดับสูงหรือราชาเซียน ข้าจะตามหาราชาไค่หยุนเพื่อแก้แค้นให้ท่านแน่นอน”
จุดประสงค์ที่ราชาไค่หยุนทำการทรยศ แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาต้องการสมบัติสืบทอดของราชานิรันดร์ เขารู้ตำแหน่งที่ซ่อนสมบัตินั่นแล้วก็จริงแต่วิธีการเปิดที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงราชันวารีสวรรค์ที่รู้ ซึ่งวิธีการที่ว่าตอนนี้ได้ส่งต่อมายังหลิงฮันกับจักรพรรดินีแล้ว
เพียงแต่ราชาไค่หยุนก็ได้รับทักษะบางส่วนของราชานิรันดร์ไปบ้าง การที่อีกฝ่ายจะเปิดผนึกเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนย่อมไม่ใช่เรื่องยากลำบาก แต่ราชันวารีสวรรค์ได้ตอบโต้จนราชาไค่หยุนบาดเจ็บสาหัสและแก่นพลังได้รับความเสียหาย อีกฝ่ายคงไม่หลงเหลือความหวังที่จะบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
ด้วยเหตุผลนี้หลิงฮันจึงมั่นใจว่าจะสังหารราชาไค่หยุนได้อย่างแน่นอนเมื่อตนเองบรรลุเป็นเซียนระดับสูงหรือราชาเซียน
“ข้าเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด ต่อให้ไม่มีคำสั่งเสียของราชันวารีสวรรค์ข้าก็จะสังหารราชาไค่หยุนที่ว่านั่น!” หลิงฮันกล่าว
จักรพรรดินีเอ่ยแทรก “บางทีราชาไค่หยุนอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกอยากเป็นมิตรกับราชันวารีสวรรค์ตั้งแต่แรกแล้ว เป้าหมายของเขาคือผลประโยชน์จากราชันวารีสวรรค์”
หลิงฮันพยักหน้า กรงเล็บมหึมาที่จู่โจมมายังห้องสมบัตินั้นเป็นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นการโจมตีของราชาไค่หยุนเนื่องจากเขาต้องรู้ตำแหน่งของห้องสมบัติอยู้แล้ว
“เจ้าเฒ่าบัดซบนั่นบังอาจทำลายวัสดุเซียนจำนวนมากของข้า ข้าจะต้องทุบตีมันให้ตาย!” หลิงฮันกัดฟันแค้น กรงเล็บมหึมานั้นไม่รู้ว่าสร้างความเสียหายต่อวัสดุเซียนที่อยู่ที่นี่ไปมากมายเท่าใดซึ่งมันทำให้หลิงฮันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
จักรพรรดินีสายหัวและหัวเราะ นางไม่คิดว่าหลิงฮันจะมีนิสัยด้านที่เหมือนเด็กเช่นนี้ด้วย
ในกล่องยังมีม้วนกระดาษอยู่อีกแผ่น มันคือม้วนคำสั่งเซียนที่ผนึกการโจมตีที่แข็งแกร่งของราชันวารีสวรรค์เอาไว้ เพียงแต่ในตอนที่ราชันวารีสวรรค์ทิ้งจดหมายทิ้งท้ายเอาๆพลังชีวิตของเขาก็แทบไม่เหลือแล้ว เพราะงั้นม้วนคำสั่งนี้จึงไม่ได้ทรงพลังที่สุด
และยิ่งกาลเวลาผ่านไป พลังอำนาจที่อยู่ในม้วนคำสั่งก็ย่อมต้องเสื่อมสลายลงไป ยิ่งกว่านั้นมันก็ยังใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว
“ตราประทับหยดโลหิตนี้มีประโยชน์ไม่น้อย” หลิงฮันครุ่นคิด หยดโลหิตที่เหลือไว้ไม่ใช่โลหิตของราชาเซียนธรรมดาแต่เป็นหยดโลหิตที่แฝงเอาไว้ด้วยพลังชีวิตของราชาเซียน ซึ่งในร่างของราชันวารีสวรรค์ก็คงมีไม่มาก
“สิ่งนี้ถือว่าเป็นไพ่ลับที่ทรงพลังได้อีกหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่มันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเหมือนกับม้วนคำสั่ง” แม้จะบ่นไปแบบนั้นใบหน้าของหลิงฮันก็ยังประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม ด้วยหยดโลหิตนี้ต่อให้ศัตรูเป็นเซียนระดับสูงก็ต้องหวั่นเกรง
หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “แค่โลหิตของราชาเซียนเจ้าก็มีท่าทางดีใจขนาดนั้นแล้วรึ ชาสงทำให้ข้าขายหน้าจริงๆ!”
หลิงฮันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะดีใจกับอะไร เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
“เหอะ เจ้าเป็นผู้ครอบครองหอคอยทมิฬที่เป็นสมบัติอันทรงพลังที่สุดในโลก แต่ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับพึงพอใจเพียงเพราะหยดโลหิตของราชาเซียน ในฐานะจิตวิญญาณของหอคอยทมิฬจะไม่ให้ข้าอับอายในตัวเจ้าได้อย่างไร” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่แยแส
“ข้าไม่เคยเห็นจิตวิญญาณสมบัติที่ปากร้ายแบบเจ้ามาก่อน!” หลิงฮันชี้นิ้วและดีดเข้าใส่หอคอยน้อย แต่เนื่องจากหอคอยน้อยไม่มีกายหยาบนิ้วของเขาก็ทะลุผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้วไง” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงและสงบสติได้อย่างรวดเร็ว “ที่ข้ารู้คือเหนือว่าเซียนคือระดับโลกียนิพพาน แล้วเหนือกว่าระดับโลกียนิพพานล่ะ?”
เขาอยากรู้เป็นอย่างมากว่าปรมาจารย์ในดินแดนแห่งเซียนแบ่งแยกระดับพลังบ่มเพาะอย่างไร และราชานิรันดร์ยืนอยู่บนจุดที่สูงแค่ไหน
“ข้าก็ไม่รู้” หอคอยน้อยกล่าว “ความทรงจำของข้ายังไม่ฟื้นคืนกลับมา”
“เหอะ แล้วมาบอกว่าตนเองเป็นสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในโลก เรื่องค่านี้เจ้ายังไม่รู้เลย” หลิงฮันฉวยโอกาสตอกกลับ
หอคอยน้อยกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “หากเจ้าถามว่าราชานิรันดร์แข็งแกร่งขนาดไหนนั้น ข้าสามารถบอกได้ว่าพลังของข้าในตอนนี้ไม่สามารถเอาชนะตัวตนเช่นนั้นได้”
หลิงฮันตกตะลึง หอคอยน้อยไม่เคยกล่าวว่าตนเองเอาชนะใครไม่ได้มาก่อน
ถ้าเช่นนั้นแล้วในดินแดนแห่งเซียน… ราชานิรันดร์เป็นระดับพลังที่สูงขนาดไหนกันแน่?
“อืม… เอาไว้สตรีเฒ่าผู้นั้นปรากฏตัวอีกครั้งค่อยถามนางแล้วกัน”
ตอนที่ 1513
สตรีเฒ่าที่หลิงฮันหมายถึงคือหญิงชราที่คอยคุ้มครองฮูหนิว
เมื่อนึกถึงฮูหนิวแล้ว หลิงฮันก็อดคิดถึงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ครอบครัวและบุตรของเขาไม่ได้ นี่ก็ผ่านมาเกินกว่าร้อยปีแล้วสินะ?
บางทีบุตรของเขาอาจจะกลายเป็นพ่อคนแล้วก็ได้!
แต่บางทีบุตรของเขาก็อาจจะฝักใฝ่อยู่เพียงแต่วิถีวรยุทธจนไม่มีเวลาไปยุ่งเกี่ยวกับสตรีเลยก็เป็นได้
“ไปกันเถอะ” จักพรรดินีกล่าวกับหลิงฮัน ยังมียอดเขาลูกอื่นให้ไปสำรวจอยู่อีกแถมยังต้องหาวิธีวางกับดักกู่ต้าวอี้ด้วย
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “น่าเสียดายที่ราชันวารีสวรรค์ไม่มีเวลาชีวิตเหลือพอให้ทิ้งทักษะบ่มเพาะของราชานิรันดร์เอาไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นการเดินทางในครั้งนี้ของพวกเขาคงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง”
เขาไม่รู้ว่าในดินแดนแห่งเซียนราชานิรันดร์อยู่ในระดับที่สูงเพียงใดแต่จะต้องอยู่สูงกว่าระดับโลกียนิพพานแน่นอน
เพราะงั้นแล้วทักษะบ่มเพาะของราชานิรันดร์จึงมีค่าเป็นอย่างมาก
จักรพรรดินีก้าวเดินสองสามก้าวก่อนจะกล่าว “ก่อนหน้านี้ที่เจ้ากล่าวบทพูดด้วยภาษานิรันดร์ มันบังเอิญไปกระตุ้นสายเลือดของข้าเข้าพอดีและทำให้ความทรงพลังบางส่วนถูกปลุกขึ้นมา บรรพบุรุษเผ่าเก้าอสรพิษของข้า… เป็นตัวตนระดับราชานิรันดร์!”
“ทักษะบ่มเพาะของนางคือทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญ มันคือทักษะระดับราชานิรันดร์” หอคอยน้อยเอ่ยแทรก
หลิงฮันประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าหอคอยน้อยจะเป็นฝ่ายกล่าวแทรกเช่นนี้
“เจ้ารู้ระดับพลังบ่มเพาะของดินแดนแห่งเซียนแต่เจ้ากลับรู้จักทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญ?”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วทักษะบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ของข้าก็เป็นทักษะระดับราชานิรันดร์?”
“ฮึ่ม ใครบอกเจ้ากันว่าคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์กับเก้าสวรรค์ดับสูญเป็นทักษะระดับเดียวกัน?” หอคอยน้อยกล่าวเหยียดหยาม “คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เป็นทักษะที่มหาปราชสวรรค์นำทักษะระดับราชานิรันดร์จำนวนมากมาผสานรวมกันจนก่อเกิดเป็นทักษะบ่มเพาะที่ทรงพลังขึ้นไปกว่านั้นอีกหลายขั้น!”
หลิงฮันกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เช่นนั้นในอนาคตข้าจะทรงพลังยิ่งกว่าราชานิรันดร์?”
“ทักษะก็ยังคงเป็นเพียงทักษะ จะฝึกฝนจนบรรลุถึงจุดสูงสุดเพียงเท่าใดนั้นย่อมขึ้นอยู่กับแต่ละคน” หอคอยน้อยกล่าวเหมือนจะเป็นคนมีเหตุผล แต่สุดท้ายในประโยคต่อมาก็หนีไม่พ้นนิสัยเดิมๆ “ในความคิดของข้า แค่เจ้าจะบรรลุระดับราชานิรันดร์ก็เป็นเรื่องยากแล้ว”
“ไปตายซะ!” หลิงชูนิ้วกลาง “จำคำของเจ้าไว้ ข้าไม่เพียงจะบรรลุระดับราชานิรันดร์แต่ยังจะเหนือไปกว่านั้นให้เจ้าเห็น!”
“ข้าจะรอ” หอคอยน้อยกล่าวก่อนจะค่อยๆหายไป
จักรพรรดินีเผยสีหน้าแปลกใจ “ช่างเป็นวิธีการพูดกระตุ้นเจ้าที่หยาบคายจริงๆ”
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเหนือกว่าราชานิรันดร์ให้ได้ คอยดูว่าสักวันหนึ่งข้าจะโยนหอคอยปากเสียนั่นทิ้งลงหลุมให้ได้!” หลิงฮันสบถ แน่นอนว่าเขาเพียงพูดไปแบบนั้นเอง หากเขาโยนหอคอยทมิฬทิ้งลงหลุมจริงๆแล้วเขาจะมีอะไรให้ใช้เป็นตัวช่วย?
จักรพรรดินียิ้ม นางจับมือหลิงฮันและออกมาจากหอคอยทมิฬ
ทั้งสองคนขึ้นมาจากตำหนักอย่างระมัดระวังเนื่องจากแรงกดดันจากกรงเล็บมหึมาไม่ได้หายไปไหน ทั้งคู่มองไปยังยอดเขาอื่นๆที่ห่างออกไป ยอดเขาในเขตแดนลี้ลับนี้มีทั้งหมดสิบสี่ยอดเขาซึ่งแต่ละยอดเขาล้วนแต่มีตำหนักตั้งอยู่
จากการวิเคราะห์ของพวกเขา ยอดเขาที่เหลือสมควรเป็นที่พักของผู้ติดตามทั้งสิบสองและราชาไค่หยุน
“ไปเก็บเกี่ยวทุกอย่างให้หมด!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่หวั่นเกรง ตอนนี้เขาทั้งม้วนคำสั่งและหยดโลหิตของราชาเซียนจึงไม่แปลกที่เขาจะมั่นใจว่าไม่แพ้ใคร แต่แน่นอนว่าแค่จัดการกับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่กี่คนนั้น ไม่มีความจำเป็นใดที่เขาจะต้องใช้หยดโลหิตเซียนอย่างเสียของ
“นี่มัน!”
เมื่อทั้งสองไปยังเขาอีกลูก ทางเดินขึ้นเขาก็ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ทว่ามันไม่ใช่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหกแต่เป็นระดับสิบห้า นี่สมควรเป็นภูเขาของราชาไค่หยุนเนื่องจากมันด้อยกว่าภูเขาหลักเพียงเล็กน้อย
เก็บเกี่ยวไม่ให้เหลือ!
หลิงฮันไม่มีความเกรงใจใดๆและเก็บเกี่ยวแร่โลหะไปจนถึงยอดเขา
ในระหว่างนี้ พวกฮูช่านเองก็เห็นว่าทั้งสองลงมาจากภูเขาหลักแล้ว เพียงแต่ว่าทั้งเจ็ดคนไม่ผลีผลามบุกโจมตี
“ที่คนพวกนั้นไม่รีบจัดการกับพวกเขาคงเพราะจงใจให้พวกเรารวบรวมสมบัติให้หมดก่อนแล้วค่อยลงมือทีเดียวเพื่อประหยัดเวลาและพลัง” หลิงฮันคาดเดา
เขากับจักรพรรดินีเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกัน
ใครจะเป็นฝ่ายปล้นใครกันแน่?
“พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบ” หลิงฮันเห็นพวกฮูช่านกำลังขุดทางเดินเช่นกัน
ที่ตำหนักยอดเขานี้ไม่ได้มีสมบัติมากมาย หลิงฮันพบเพียงผ้าทอจำนวนหนึ่งที่สานขึ้นจากวัสดุและแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ด มันเป็นผ้าชั้นเลิศที่ทนทานอย่างมาก
ที่จริงผ้าทอนี้ถูกใช้เป็นเพียงผ้าปูเตียงเท่านั้น
“ภรรยาข้า ผ้าทอเช่นนี้สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง?” หลิงฮันหัวเราะ
จักรพรรดินีครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “คงนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้มาก การจะนำไปสร้างเป็นอุปกรณ์สมบัตินั้นสิ้นเปลืองวัสดุล้ำค่าอื่นๆมากเกินไป”
น่าเสียดายที่ตำหนักแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยวัสดุเซียนแต่เป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหก แต่โครงสร้างของมันก็ยังทนทานมากจนหลิงฮันไม่สามารถแยกชิ้นส่วนออกมาได้ พอเป็นเช่นนี้เขาเริ่มรู้สึกขอบคุณกรงเล็บมหึมาเสียแล้วที่ทำให้กำแพงตำหนักพังทลาย ไม่เช่นนั้นหลิงฮันก็คงไม่สามารถเก็บเกี่ยวหยกครามต้นกำเนิดและค้นพบห้องสมบัติใต้ดิน
พวกเขาเปลี่ยนไปยังสำรวจภูเขาอีกลูก เส้นทางของภูเขาลูกนี้มีระดับต่ำยิ่งกว่าเดิม มันถูกสร้างขึ้นมาแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่เท่านั้นเอง
ดูเหมือนว่าภูเขาลูกนี้จะเป็นของหนึ่งในผู้ติดตามทั้งสิบสอง ภูเขาอื่นๆอีกสิบเอ็ดลูกก็คงเป็นแบบเดียวกัน
สองฝ่ายที่เข้ามาในเขตแดนลี้ลับต่างเก็บเกี่ยวสมบัติกันอย่างจริงจัง หลิงฮันกับจักรพรรดินีสำรวจภูเขาไปได้ห้าลูก ในขณะที่พวกฮูช่านสำรวจไปแล้วเก้าลูก เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็มีจำนวนคนเยอะกว่า ยิ่งกว่านั้นนอกจากภูเขาหลักแล้วภูเขาลูกอื่นก็ไม่มีแรงกดดันที่รุนแรงจากสายลม
และในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็มาพบบรรจบกันที่ใต้ภูเขาลูกที่หก
ตอนที่ 1514
ท่าทีของพวกฮูช่านกลับมาสงบนิ่งไม่หวั่นไหว
ภูเขาลูกนี้ไม่มีสายลมแรงกดดัน พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังต่อสู้ได้เต็มที่และกำราบหลิงฮันกับจักรพรรดินีได้อย่างง่ายดาย
“เทพธิดา ทำไมเจ้าถึงยอมติดตามขยะเช่นนั้น ทางที่ดีเจ้าควรเข้าร่วมดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของพวกเราดีกว่า” ฮูช่านกล่าวกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีไม่แม้แต่ชำเลืองมองฮูช่าน นางคร้านที่จะจ้องมองเหล่าคนที่อัปลักษณ์
การกระทำเช่นนี้ของจักรพรรดินีทำให้ฮูช่านและบุรุษในกลุ่มอีกสี่คนไม่พอใจ
“ข้าจะสังหารหมอนั่น!” ฮูปิงก้าวออกมาคนแรก เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตัวเขาด้อยกว่าหลิงฮัน ที่พ่ายแพ้ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสายลมของภูเขาต่างหาก
ฮูช่านเอื้อมมือออกไปห้ามพร้อมกับส่ายหัว
…ฮูปิงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าหนูนี่ได้ นั่นเพราะก่อนหน้านี้แม้เขาจะใช้พลังต่อสู้ได้เพียงครึ่งเดียวก็ยังพ่ายแพ้หลิงฮัน แล้วฮูปิงมีพลังถึงครึ่งหนึ่งของเขารึ? น่าขัน แม้แต่หนึ่งในพันก็ยังไม่ถึง
พวกเขาพ่ายแพ้มาแล้วสามรอบติดต่อกัน ฮูปิงยังคิดจะทำให้กลุ่มของพวกเขาเสียหน้าเพิ่มอีกรึ?
“พี่ชายช่าน!” ฮูปิงไม่สบอารมณ์ เขาเป็นอัจฉริยะของดินแดนต้องห้าม ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มีใครที่เขาจะเอาชนะไม่ได้?
ฮูช่านจ้องเขม็ง ฮูปิงที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าพูดโต้แย้ง
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” ฮูช่านเอ่ยถาม
หลิงฮันยิ้ม “เจ้าคิดจะสู้กับข้าก็เข้ามาเลยไม่ต้องลีลา แถมสุดท้ายเจ้าก็จะกลายเป็นศพอยู่แล้ว รู้ชื่อข้าไปจะมีประโยชน์อะไร?”
“เจ้ามันบ้าจริงๆ!” ฮูช่านแสยะยิ้ม ด้วยจำนวนเจ็ดต่อสองพวกเขาย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันกับจักรพรรดินีก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น ความแตกต่างระหว่างทั้งสองกับพวกเขานั้นกว้างใหญ่ราวกับสวรรค์และปฐพี
“ข้าจะบ้ารึไม่นั้น เดี๋ยวเจ้าก็รู้!” หลิงฮันกวัดแกว่งหมัดทั้งสอง
“ตาย!” ฮูช่านลงมือ กายหยาบแปดศิลาถูกโคจรพร้อมกับกลายเป็นมนุษย์หินยักษ์ ด้วยร่างศิลานี้จะปราณดาบหรืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ ในระดับวารีนิรันดร์นี้เขาสมควรเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด
แต่สายลมก่อนหน้านี้เป็นพลังอำนาจของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง กายหยาบแปดศิลาย่อมไม่อาจต้านทานได้
หลิงฮันนำดาบไม้ผุพังออกมา ในขณะที่ระดับของดาบอสูรนิรันดร์ยังไม่เพิ่มขึ้น ดาบไม้ผุพังจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
หากไม่ใช่ในดินแดนแห่งเซียน พลังอำนาจของดาบไม้ผุพังย่อมไม่ด้อยไปกว่าดาบอสูรนิรันดร์ รูปแบบอาคมอสูรที่ประทับเอาไว้ส่องประกาบพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุด
“อุปกรณ์เซียน!” ฮูช่านจ้องมองก่อนจะส่ายหัว “อุปกรณ์อสูร!”
เขาแสดงสีหน้าอิจฉา แม้แต่ตัวเขาก็ไม่มีอุปกรณ์เซียนหรืออุปกรณ์อสูรที่มีระดับเท่ากัน
จริงอยู่ที่ดินแดนต้องห้ามเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลัง แต่เพราะการเติบโตที่รวดเร็วเกินไปทำให้ทรัพยากรของตระกูลถูกแบ่งให้กับสมาชิกตระกูลจำนวนมาก
แต่อย่างฉือหวงที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของเซียนนั้น ทรัพยากรและสมบัติทุกอย่างล้วนแต่ตกเป็นของเขาทั้งหมด เพราะงั้นแล้วเขาถึงมีทั้งรถเกวียนระดับเซียนและชุดที่ทำความวัสดุเซียน
สำหรับดินแดนต้องห้ามที่สามารถฝึกฝนอัจฉริยะเจ็ดคนที่ทรงพลังไม่แพ้ฉือหวงได้อย่างง่ายดายนั้น พวกเขาจะมีอุปกรณ์เซียนเพียงพอให้ทุกคน? พวกเขาต้องมีอุปกรณ์เซียนอยู่ในครอบครองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจำนวนอาจจะไม่มากพอที่จะแจกจ่ายให้แก่รุ่นเยาว์ทุกคน
เพราะงั้นแล้วเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา หลิงฮันนั้นมีพลังต่อสู้เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของเขา พอมีอำนาจของอุปกรณ์เซียนมาเกื้อหนุนด้วยแล้วย่อมทรงพลังเหมือนเสือติดปีก
สีหน้าของฮูช่านเปลี่ยนเป็นจริงจังและเว้นระยะห่างจากหลิงฮัน
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบ พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าฮูช่าน ต่อให้ใช้รูปแบบอาคมทั้งสิบก็ยังไม่อาจเทียบชั้น แต่โชคดีที่กาลเวลาแปรผันพันปีสามารถสลายพลังทำลายของการโจมตีได้ และด้วยกายหยาบไร้เทียมทานของเขา ฮูช่านจึงไม่อาจทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส
หรือต่อให้บาดเจ็บก็ตาม พลังฟื้นฟูของเขาก็สามารถรักษาบาดแผลได้ภายในพริบตา
ฮูช่านไม่กล้าประมาทอีกต่อไป เขากล่าว “จัดการเจ้าหนูนี่ด้วยกัน!” อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความลับสมบัติสืบทอดของราชันวารีสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกสังหาร
ฮูปิงและคนอื่นๆพุ่งทะยานอย่างไม่ลังเลที่จะลงมือ มีเพียงเหล่าสตรีในกลุ่มเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งจ้องมองไปยังจักรพรรดินีอย่างระมัดระวัง
ในสายตาของฮูช่านและบุรุษคนอื่นๆ จักรพรรดินีอาจจะเป็นเพชรเม็ดงาม แต่ในสายตาของฮูซูอวี่และเหล่าสตรีในกลุ่ม จักรพรรดินีเป็นเสี้ยนหยามขวางสายตาที่จ้องกำจัด ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้จะมีแต่ทำให้พวกนางรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า
จักรพรรดินีไม่หวั่นเกรงและนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา
การต่อสู้ทั้งสองด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลิงฮันหรือจักรพรรดินีก็ล้วนแต่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทั้งระดับพลังและจำนวนแตกต่างกันเกินไป ที่ทั้งสองสามารถต้านทานยื้อการต่อสู้เอาไว้ได้เป็นเพราะคนหนึ่งมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานและอีกคนจะมีหินต้นกำเนิดสวรรค์
แต่สถานการณ์ย่อมไม่เป็นแบบนี้ไปตลอด หลิงฮันยังพอไหว แต่ในด้านของจักรพรรดินีที่พึงพาได้เพียงหินต้นกำเนิดสวรรค์นั้นหากปล่อยไว้ปราณก่อเกิดของนางคงแห้งเหือดไม่เหลือ
แววตาของหลิงฮันส่องประกายใจโหดเหี้ยม “แส่หาที่ตาย!”
เขาตะเกียกตะกายออกจากวงล้อมศัตรูและพุ่งไปยังจักรพรรดินีพร้อมกับนำนางเข้าไปในหอคอยทมิฬและนำม้วนคำสั่งเซียนออกมา ม้วนคำสั่งค่อยๆถูกคลี่ออกพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวและแสงสว่างสีทองอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
“นั่นมันม้วนคำสั่งเซียน!” ฮูช่านใบหน้าเปลี่ยนสีทันใด
“หืม ดูเหมือนอำนาจของมันจะอ่อนแอกว่าปกติ!” ฮูซูอวี่พบว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ
“ม้วนคำสั่งนั่นผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน พลังอำนาจของมันจึงไม่สมบูรณ์”
“จะต้องเป็นม้วนคำสั่งที่ได้จากตำหนักภูเขาหลักแน่!”
“ร่วมมือกันต้านเอาไว้ ม้วนคำสั่งเซียนนั่นสูญเสียพลังไปแทบจะหมดแล้ว”
“อืม!”
ทั้งเจ็ดคนรวมพลังกัน ทันใดนั้นเอง ม้วนคำสั่งได้ปลดปล่อยคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวเข้าใส่พวกเขา
หลิงฮันไม่จำเป็นต้องควบคุม ม้วนคำสั่งจะโจมตีทุกสิ่งนอกเหนือจากผู้ที่ถือมันเนื่องจากมันเป็นเพียงม้วนคำสั่งใช้ครั้งเดียว หากเป็นม้วนคำสั่งที่ควบคุมได้ ผู้สร้างจำเป็นต้องใช้ความพยายามและเวลาในสร้างอย่างมหาศาล ซึ่งราชันวารีสวรรค์ในสภาพใกล้ตายไม่มีทางสร้างม้วนคำสั่งเช่นนั้นได้แน่นอน
“ไม่จริง อำนาจของม้วนคำสั่งไม่ได้ทรงพลังอะไรมาก แต่เหตุใดอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของมันถึงได้น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น?” ฮูจิ้งอุทานด้วยความวิตก นางรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิต
“นี่พวกจะจบสิ้นอยู่ที่นี่งั้นรึ?”
“ข้ายังไม่อยากตาย!”
ทั้งเจ็ดคนอุทานและรู้สึกเสียใจ ถ้ารู้ว่าจะต้องมาพบกับอันตรายเช่นนี้พวกเขาคงขอม้วนคำสั่งจากภูอาวุโสในตระกูลมาด้วยแล้ว ต่อให้ไม่ใช่ม้วนคำสั่งของราชาเซียน แต่ขอแค่เป็นม้วนคำสั่งที่มีอำนาจอยู่ในระดับเซียนก็คงเพียงพอให้พวกเขาเอาตัวรอดได้
แต่หากทั้งเจ็ดคนมีม้วนคำสั่งของเซียนจริง หลิงฮันก็แค่นำหยดโลหิตของราชันวารีสวรรค์ออกมาใช้ แล้วมาดูกันว่าใครจะหวาดกลัวใคร!
ตอนที่ 1515
อำนาจแห่งกฎเกณณ์ของม้วนคำสั่งเซียนถูกปลดปล่อยออกมาไม่หยุด พวกฮูช่านถูกกำราบไร้พลังที่จะตอบโต้อย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบไล่สังหารอย่างไร้ความปรานี
หากมุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียวยังไม่เท่าไหร่ แค่บังอาจคิดจะทำร้ายจักรพรรดินีภรรยาของเขางั้นรึ? เขาไม่อาจยอมอยู่เฉยได้
เข่นฆ่า! สังหารให้หมด!
ดาบถูกสะบั้นออกไปพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายพุ่งสู่ท้องฟ้า หลังจากได้ดูดซับโลหิตอำนาจของดาบไม่ผุพังก็น่าสะพรึงยิ่งขึ้น ปราณอสูรสีดำถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวดาบและโอบล้อมร่างกายของหลิงฮันทำให้เขาดูราวกับว่าได้แปลงกายจากมนุษย์ไปเป็นสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ
ฉัวะ!
ฮูปิงมีพลังต่อสู้อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม ทันทีที่ดาบสะบั้นเข้าใส่กลุ่มของพวกเขา เขาเป็นคนแรกที่ตกตาย โลหิตสาดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับศีรษะค่อยๆร่วงจากบ่า ใบหน้าของเขายังคงแสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ
เขาคืออัจฉริยะของดินแดนต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ ในโลกนี้มีใครกล้าสังหารเขาจริงๆ?
“บังอาจ!” พวกฮูช่านอีกหกคนที่เหลือดวงตาแดงฉาน ก่อนหน้านี้ที่ภูเขาหลักแม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เนื่องจากศักดิ์ศรีของอัจฉริยะที่มาจากดินแดนต้องห้าม พวกเขาจึงเหยียดหยามจอมยุทธคนอื่นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างหลิงฮัน
แต่เมื่อฮูปิงตกตาย หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวและไม่หลงศักดิ์ศรีที่ว่าอีกต่อไป
“พวกเราเป็นคนของดินแดนต้องห้ามแปดศิลา ผู้นำทั้งสามของพวกข้าเป็นราชาเซียนทั้งหมดและยังมีผู้อาวุโสระดับเซียนอยู่อีกนับร้อย หากเจ้าบังอาจลงมือกับพวกข้า เจ้าจะไม่มีทางหนีพ้นความตาย!” พวกฮูช่านเริ่มนำอำนาจของดินแดนต้องห้ามแปดศิลาออกมาข่มขู่ ตอนนี้พวกเขาหวังเพียงอยากเดียวคือขอให้รอดชีวิตกลับไปได้
หลิงฮันเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน ในเมื่อเขาตัดสินใจจะลงมือสังหารทั้งเจ็ดคนแล้ว ต่อให้จะถูกข่มขู่เช่นไรเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ
ตาย! ตาย! ตาย!
ศีรษะของแต่ละคนค่อยๆถูกบะสั้นขาดจากบ่าทีละคน พริบตาเดียวผู้ที่ยังรอดชีวิตที่เหลือเพียงฮูช่านกับฮูซูอวี่สองคน
“เผ่นหนี!” ฮูช่านตะโกนบอกฮูซูอวี่
ฮูซูอวี่พยักหน้า ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไม่รีบหลบหนีเป็นเพราะคนอื่นๆยังอยู่ที่นี่ จะให้นางหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้อย่างไร แต่ตอนนี้ในเมื่อคนอื่นตายไปหมดแล้ว จะรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
ทั้งสองคนพุ่งทะยานแยกกันหลบหนี ตราบใดที่ใครคนหนึ่งรอดและขึ้นยานเหาะดาราที่อยู่ด้านนอกได้ล่ะก็ ด้วยพลังป้องกันของตัวยานหลิงฮันย่อมไม่สามารถสังหารพวกเขาได้
หลิงฮันไล่ตาม ตอนนี้ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัสเป็นที่เรียบร้อยและไม่อยู่สภาพพร้อมรบ หากจะสังหารทั้งสองก็คงมีเพียงโอกาสนี้เท่านั้น แต่จะให้ใช้หยดโลหิตราชาเซียนก็ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป
ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!
หลิงฮันโคจรและปลดปล่อยทักษะ ‘ครืนน’ ปราณก่อเกิดถูกควบแน่นเป็นลูกศรและพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงคราวกับคลื่นน้ำไล่ตามฮูซูอวี่
ลูกศรถูกผสานอำนาจกาลเวลาแปรผันพันปีและรูปแบบอาคมอีกาโลหิตเข้าไปด้วย ลูกศรที่กำลังพุ่งทะยานอยู่แปรเปลี่ยนกลายเป็นอีกาโลหิตสีแดงฉาน ทั้งอำนาจและความเร็วของมันถูกยกระดับขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“อะไรกัน!” ฮูช่านเผยสีหน้าตกตะลึง เนื่องจากเขาไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตีเขาจึงมีเวลาพอให้หันกลับไปมอง “ศรฆ่ามังกรทะลวงดารา!”
ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราคือหนึ่งในทักษะของผู้ติดตามทั้งสิบสอง ทักษะนี้ได้คร่าชีวิตของเซียนระดับสูงไปมากมาย ฮูช่านรู้จักทักษะนี้จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโส
ฮูช่านจดจำทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราได้ทันทีเพียงแค่ชำเลืองมอง แต่เหตุใดทักษะนี้ถึงมีรูปร่างเป็นอีกาโลหิตนั้นเขาไม่อาจอธิบายได้
‘ตูม’ ศรอีกาโลหิตพุ่งทะลุหัวใจฮูซูอวี่ โลหิตของเขาสาดกระจายและร่วงหล่นกระแทกใส่พื้นดิน
อันที่จริงจอมยุทธระดับพระเจ้านั้นต่อให้กายหยาบถูกทำลายแต่ตราบใดที่ดวงวิญญาณยังปกติดี พวกเขาก็ยังสามารถหาร่างใหม่เพื่อมีชีวิตต่อไปได้ แต่การโจมตีของหลิงฮันผสานเอาไว้แม้กระทั่งเพลิงเก้าสวรรค์ หากถูกทะลวงเข้าไปในร่างแล้วมีรึที่ศัตรูจะไม่ตกตาย?
ฮูช่านเหงื่อตกและรีบหันหลังเผ่นหนี ตอนนี้เขาจำเป็นต้องแข่งกับเวลา เขาต้องออกจากเขตแดนลี้ลับให้เร็วที่สุดและกลับไปยืมพลังของดินแดนต้องห้ามแปดศิลากลับมาแก้แค้นหลิงฮัน
“อย่าคิดว่าจะหนีรอด!” หลิงฮันยิงคันศรอีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลัง ‘ครืนนน’ ลูกศรทะลวงผ่านร่างของฮูช่านร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง
ร่างที่ไร้ชีวิตของฮูช่านมีโลหิตไหลท่วมออกมา ดวงตาของเขาเปิดกว้างด้วยความโกรธแค้นและไม่ยินยอมที่จะตาย
หลิงฮันส่ายหัว ฮูช่านนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่าเริ่นเฟยอวิ๋นหรือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆ จากที่เขาเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสาม พวกเขาทรงพลังกว่าฮูช่านพอสมควร
เขาค้นอุปกรณ์มิติของทั้งเจ็ดคนและถ่ายเททุกอย่างภายในนั้นมายังหอคอยทมิฬ ภายในอุปกรณ์มิติของแต่ละคนเต็มไปด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์มากมาย
“ช่างคุ้มค่านัก หลังจากนี้ขอแค่ยกระดับดาบอสูรนิรันดร์ให้เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ได้ ข้าก็มีแร่โลหะเพียงพอสำหรับเตรียมให้ดาบอสูรนิรันดร์กลายเป็นอุปกรณ์เซียนแล้ว!” หลิงฮันหัวเราะ
“จริงสิ ข้าจะลืมเป้าหมายหลักในการมาที่นี่ไม่ได้” หลิงฮันเริ่มคิดแผนการวางกับดับ เขาจะทำอย่างไรดีให้ดูเหมือนว่าเขตแดนลี้ลับของราชันวารีสวรรค์นี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลกู่ต้าวอี้ยอมไม่ติดกับแน่นอน
หลิงฮันตัดสินใจเดิมพัน กู่ต้าวอี้นั้นเพิ่งเกิดใหม่ความสุขุมอาจจะมีไม่เท่ากับอดีตกาล ยิ่งกว่าอีกฝ่ายก็ยังเร่งรีบที่จะกลับไปยังดินแดนแห่งเซียนเป็นอย่างมากอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ลดตัวลงมาเข้าร่วมสำนักละอองดารา
“กลับไปด้านนอกกันเถอะ ไม่รูว่าภรรยาสตรีนกอมตะของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ทั้งสองคนออกจากกล่องและพบว่าซากศพของนกอมตะสวรรค์ทั้งสามไม่ปลดปล่อยเปลวอำนาจอันน่าเกรงขรามออกมาอีกต่อไป แต่ว่าพวกมันยังคงโอบล้อมสตรีนกอมตะเอาไว้แน่นหนาดังเดิม
“ดูจากสภาพแล้ววาสนาของนางคงจะไม่สิ้นสุดในเร็วๆนี้” หลิงฮันครุ่นคิด เมื่อตอนที่จักรพรรดิพิรุณได้รับมรดกสืบทอดของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ อีกฝ่ายใช้เวลาถึงยี่สิบปีเป็นอย่างน้อยในการรับสืบทอด
เพียงแค่มรดกของระดับวารีนิรันดร์ยังใช้เวลาขนาดนั้น แต่คราวนี้เป็นถึงวาสนาของราชาเซียน!
“อืม มีนกอมตะสวรรค์ถึงสามตัวคอยคุ้มครองอยู่ ตราบใดที่ราชาเซียนไม่ปรากฏตัวคงไม่มีใครทำให้นางบาดเจ็บได้” หลังจากครุ่นคิดหลิงฮันก็ตัดสินใจผูกรถเกวียนเข้ากับอุปกรณ์บินแหวกเมฆาและลากนกอมตะทั้งสามกลับไปยังดาวมู่ถู
อุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งหน้ากลับเส้นทางเก่า สิบวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันนำรถเกวียนไปไว้ยังดวงดาวรกร้างที่ไม่มีใครอยู่พร้อมกับสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นบนดวงดาวให้ดูเหมือนกับว่ารถเกวียนพึ่งจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินของดาวดวงนี้
เขาแอบกลับไปยังสำนักละอองดาราอย่างเงียบๆและเริ่มต้มซุปด้วยสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ
ตอนที่ 1516
หลิงฮันเก็บเกี่ยวสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำมาได้บ้าง แต่ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำได้ เพราะงั้นเขาจึงนำพวกมันมาต้มเพื่อดูดซับแก่นพลังของพวกมันก่อน
การทำเช่นนี้ประสิทธิภาพย่อมไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับหลอมเป็นเม็ดยาและสิ้นเปลือง แต่ว่าหลิงฮันจำเป็นต้องยกระดับพลังของตนเองให้เร็วที่สุด ต่อให้จะสิ้นเปลืองอย่างไรเขาก็ไม่สน
หากต้มสมุนไพรที่โลกภายนอก แก่นพลังของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำอาจจะดึงดูดแม้กระทั่งเซียน เพราะงั้นหลิงฮันจึงต้มสมุนไพรอยู่ในหอคอยทมิฬ
สามวันผ่านไปสมุนไพรก็ถูกต้มเป็นซุปอย่างสมบูรณ์ หลิงฮันให้จิ่วเยาไปเรียกจักรพรรดิพิรุณ ติงผิง เซียนหวู่เซียงและคนอื่นๆมาร่วมกินซุปด้วย
หลังจากกินซุปเสร็จ ทุกคนรีบเคลื่อนย้ายไปยังต้นสังสารวัฏเพื่อดูดซับพลังของสมุนไพร สมุนไพรระดับศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำนั้นไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มปริมาณปราณก่อเกิดในร่างกายแต่ยังเสริมความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อีกด้วย แต่จะทำความเข้าใจได้มากแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
ภายใต้ต้นสังสารวัฏ ระยะเวลาหนึ่งวันเทียบเท่ากับหนึ่งปี กล่าวได้ว่าต้นสังสารวัฏเป็นตัวช่วยสำหรับดูดซับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำที่ยอดเยี่ยมที่สุด
หลิงฮันคือคนที่มีกายหยาบไร้เทียมทานที่สุด ด้วยกายหยาบของเขาทำให้สามารถต้านทานฤทธิ์อันรุนแรงของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำได้และกินซุปไปถึงสามในสี่ส่วน
ทุกคนนั่งลงใต้ต้นสังสารวัฏเพื่อโคจรทักษะบ่มเพาะและเข้าสู่สภาวะฝึกตน
หลิงฮันโคจรทักษะบ่มเพาะดูดซับพลังของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ ปราณก่อเกิดจำนวนมหาศาลค่อยๆพรั่งพรูเข้ามาในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสิบเอ็ดวันเขาก็ทำการดูดซับเสร็จสิ้น
“พลัง่บ่มเพาะของข้าเพิ่มจากขั้นต้นขั้นต้นเป็นขั้นต้นชั้นกลาง!” หลิงฮันตื่นเต้น
หลังจากบรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้วหากจะเพิ่มชั้นพลังย่อยแต่ละชั้นจำเป็นต้องใช้เวลาบ่มเพาะพลังนานถึงหนึ่งแสนหรือหนึ่งล้านปี
ต่อให้หลิงฮันจะเป็นจักรพรรดิปรุงยาที่สามารถหลอมเม็ดมาเพิ่มพลังให้ตนเองให้อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่การยกระดับพลังที่รวดเร็วเช่นนั้น ถึงจะเป็นเขาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลักพันถึงหมื่นปี
แต่ทว่าเขากลับใช้เวลาเพียงแค่สิบเอ็ดวันเท่านั้น ความเร็วเช่นนี้ถือว่าฝืนสวรรค์อย่างแท้จริง
“น่าเสียที่ข้าได้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำมาเพียงสามต้นเท่านั้น” หลิงฮันถอนหายใจ “ราชันวารีสวรรค์สมควรมีมากกว่านี้แต่กินเองไปหมดแล้ว ฮึ่มเจ้าจอมยุทธเฒ่านั่น ถ้าอยากให้ข้าล้างแค้นให้ทำใมถึงไม่เหลือทิ้งไว้ให้มากกว่านี้!”
สมุนไพรสามต้นสามารถทำเขาบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นกลางเท่านั้น
“ถ้าข้าอยากยกระดับพลังบ่มเพาะให้สูงขึ้นไวที่สุดคงต้องพึงสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ แค่สมุนไพรเช่นนั้นไม่ใช่ผักกาดที่จะมีเกลื่อนไปทั่ว!” หลิงฮันส่ายหัว “หากข้ามีเมล็ดพันธุ์ของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำคงจะที เพียงแค่นำไปปลูกในหอคอยทมิฬจำนวนของมันก็จะเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว”
“ของแบบนั้นไม่จำเป็น” หอคอยน้อยปรากฏตัวแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง “รอให้ต้นสังสารวัฏออกผล แล้วพลังบ่มเพาะของเจ้าจะพุ่งทะยานราวกับเกิดใหม่”
หลิงฮันดวงตาส่องประกาย ต้นสังสารวัฏไม่ใช่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ มันคือต้นไม้สมบัติของดินแดนแห่งเซียน “แล้วมันจะออกผลเมื่อไหร่?”
“คงอีกราวๆ ร้อยล้านปี” หอคอยน้อยคาดเดา
“ไสหัวไปให้พ้น!” หลิงฮันอยากจะโยนหอคอยบัดซบนี้ลงหลุมเหลือเกิน
“แต่…” หอคอยน้อยเน้นเสียง “ข้าสามารถใช้พลังทำให้เวลาที่ว่าลดลงได้หลายเท่าตัว”
หลิงฮันตื่นเต้นอีกครั้ง หากหอคอยน้อยบอกว่าหลายเท่าล่ะก็ มันต้องไม่ใช่เพียงแค่สิบเท่า แต่ต้องเป็นพันเท่าหรือล้านเท่า
“แต่!” หอคอยน้อยกล่าวเน้นเสียงอีกครั้ง
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะตำหนิ “เจ้าพูดทีเดียวให้มันดีๆเลยไม่ได้รึไง?”
“นี่เจ้าอยากจะฟังรึเปล่า?” หอคอยน้อยกล่าวอย่างหยิ่งยโสพร้อมกันหันหลังเตรียมจากไป
“เดี๋ยว พูดให้จบก่อน!” หลิงฮันรีบรั้งเอาไว้
หอคอน้อยกล่าว “ข้าจะเร่งเวลาการเติบโตของมัน แต่หอคอยทมิฬในตอนนี้ไม่สามารถกระตุ้นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งเซียนไปให้กับต้นสังสารวัฏได้ ประสิทธิภาพของต้นสังสารวัฏจึงไม่อาจถูกรีดเค้นให้ถึงจุดสูงสุดที่มันควรจะเป็น แม้แต่หนึ่งในพันล้านก็คงไม่ถึง”
หลิงฮันรู้สึกรันทด ที่ต้นสังสารวัฏสมควรจะถูกเอาไว้ในโลกภายนอกอย่างอิสระ แต่กว่ามันจะเติบโตจำเป็นต้องใช้เวลาถึงสิบสองล้านล้านปี ใครจะไปรอไหว?
ได้เท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว
“ข้าจะรอ” หลิงฮันพยักหน้า ตอนนี้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำสามารถเพิ่มระดับพลังให้เขาได้เพียงหนึ่งชั้นย่อยเท่านั้น หากเขากลายเป็นเซียนไปแล้วประสิทธิภาพของมันคงจะลดลงยิ่งไปกว่านี้อีก
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาจะไปหาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำมาจากไหนเยอะแยะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้?
อืม จะไปแย่งชิงมาจากพวกดินแดนต้องห้ามก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ขุมอำนาจเหล่านั้นมีต้นกำเนิดจากดินแดนแห่งเซียนและมีรากฐานที่ทรงพลัง พวกเขาก่อตั้งขุมอำนาจมาเป็นเวลานานหลายร้อนหลายพันล้านปีแล้ว ดินแดนต้องห้ามแต่ละแห่งจะต้องมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำปลูกเอาไว้อย่างน้อยต้นสองต้นแน่นอน
หลิงฮันรีบล้มเลิกความคิดในหัวทันที ตัวเขาในตอนนี้บุกไปยังดินแดนต้องห้ามก็ไม่ต่างอะไรกับการแส่หาความตายให้ตัวเอง ณ เวลานี้เขาต้องตั้งสมาธิไปกับการจัดการกู่ต้าวอี้และแย่งชิงแก่นกำเนิดนิรันดร์มาให้ภรรยาของเขาเพื่อให้นางบรรลุเป็นเซียนให้เร็วที่สุด
วันแห่งความสุขของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว!
ทันทีออกจากหอคอยทมิฬและเดินไปนอกที่พักเขาก็ได้ยินผู้คนกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเรื่องสัตว์อสูรทรงพลังที่กำลังลากรถเกวียน
นกอมตะสวรรค์ทั้งสามตัวนั้นตอนนี้พวกเขาโอบล้อมเข้าหากันและปลดปล่อยเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวออกมาทำให้ผู้ที่พบเห็นมันไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือสัตว์อสูรอะไร พวกเขาต่างคิดกันไปว่ามันคือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน
และสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่ว่า ตอนนี้กำลังลากรถเกวียนที่บรรทุกกล่องลึกลับบางอย่างเอาไว้
“นี่ เจ้าได้ยินรึไม่ ที่ดวงดาวรกร้างมีสัตว์อสูรลึกลับที่กำลังลากรถเกวียนปรากฏตัวออกมา แถมบนรถเกวียนเก่าๆนั่นยังมีกล่องที่ไม่มีใครสามารถเปิดได้ถูกบรรทุกเอาไว้!”
“ใครบ้างจะยังไม่รับรู้ข่าวนี้ สัตว์อสูรที่ลากเกวียนอยู่นั่นทรงพลังเป็นอย่างมากและไม่มีใครรู้ว่ามันคือสัตว์อสูรประเภทใด!”
“ในกล่องนั่นจะต้องซ่อนสมบัติล้ำค่าเอาไว้แน่!”
“ถูกแล้ว ตอนนี้ศิษย์พี่จำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปแย่งชิงกล่องใบนั้นกันอยู่”
“เห็นว่าบนกล่องมีอักษรโบราณเขียนเอาไว้ด้วย มันเขียนเอาไว้ว่าข้างในมีคำชี้แนะของราชานิรันดร์ถูกซ่อนเอาไว้”
“แล้วคำชี้แนะของราชานิรันดร์ที่ว่าคืออะไร?”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ฟังแล้วมันดูทรงพลังเป็นอย่างมาก”
ตอนที่ 1517
บนกล่องมีคำใบ้บอกเอาไว้ว่าภายในกล่องนี้มีคำชี้แนะของราชานิรันดร์ซ่อนเอาไว้ ผู้ทีทำเช่นนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิงฮันที่ต้องการดึงดูดความสนใจของกู่ต้าวอี้
ทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญของกู่ต้าวอี้เองก็เป็นทักษะระดับราชานิรันดร์ เมื่อมีคำชี้แนะของราชินิรันดร์ปรากฎต่อหน้ามีรึที่เขาจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้?
หลิงฮันมั่นใจว่าแผนต้องสำเร็จ ต่อให้กู่ต้าวอี้จะได้รับสมบัติคุ้มกันจากเซียนซิงฉามามากมายเพียงใด เขาก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้หากใช้หยดโลหิตราชาเซียน
ใช้หยดโลหิตราชาเซียนเพื่อสังหารกู่ต้าวอี้ถือว่าเสียของรึไม่?
แน่นอนว่าไม่ หากเพื่อภรรยาของเขาแล้วหยดโลหิตราชาเซียนไม่อาจนับว่ามีค่าเลยแม้แต่น้อย
เขาต้องใช้ทุกสิ่งเพื่อสังหารกู่ต้าวอี้อย่างรวดเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหากกู่ต้าวอี้หลบหนีไปได้จะทำอย่างไร?
“หืม นั่นมันฮันน้อยไม่ใช่รึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น
หลิงฮันหันหน้ามองและกล่าว “สุนัขบัดซบ เจ้าอยู่ที่นี่ด้วยรึ!”
สุนัขสบถ “นายท่านหมาทักทายเจ้าดีๆ แต่เจ้ากลับเรียกข้าแบบนั้นรึ? ข้าไม่เคยพบเจอคนไร้ยางอายขนาดเจ้ามาก่อน!”
“ข้าคร้านจะสนใจเจ้าแล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ!” หลิงฮันเดินออกจากสำนักละอองดารา
“เจ้าวางแผนอะไรอยู่สินะ หากมีเรื่องดีๆก็อย่าได้ลืมข้าคนนี้!” สุนัขตัวดำตื่นเต้น
หลิงชำเลืองมอง สุนัขบัดซบตนเองช่างกลัวว่าโลกจะสงบสุขเกินไปจริงๆ
ทั้งสองเดินออกจากสำนักด้วยกัน ถึงแม้จะมีศิษย์มากมายเห็นเขาแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทาง
…พลังของหลิงฮันเป็นที่ประจักษ์แล้ว ต่อให้เป็นศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้ นอกจากศิษย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดแล้วใครจะกล้าขัดขวางเขา? ทุกคนต่างเกินข้อสงสัยเหมือนกันว่า หากแม้กระทั่งศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถโค่นหลิงฮันได้ ศิษย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดคนอื่นก็คงหมดสิทธิ์เช่นกัน
ชื่อเสียงของสุนัขตัวดำก็เป็นที่กล่าวขานเช่นกัน
ไม่มีศิษย์คนใดเลยที่ชื่นชอบมัน หากใครเผลอไปล่วงเกินมันล่ะก็มันจะบุกรุกเข้ามากลางดึกและก่อกวนจนคนคนนั้นไม่มีโอกาสได้พักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นการอุจจาระไปทั่วที่พักหรืออะไรก็ตามที่เป็นเรื่องสกปรกมันสามารถทำได้ทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นคือสุนัขบัดซบคนนี้ว่องไวจนไม่มีใครสามารถจับตัวได้ทัน
เมื่อออกมาถึงนอกสำนัก หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาโดยที่สุนัขตัวดำรีบนำหน้าขึ้นไปบนยานอย่างรวดเร็ว ‘ตึง’ กางเกงในเหล็กของมันกระแทกกับเก้าอี้ของยานจนเกิดเสียงดังสนั่น
“หากยานข้าเสียหายเจ้าต้องรับผิดชอบชดใช้!” หลิงฮันถลึงตา
“ใจแคบเสียจริง!” สุนัขตัวดำทำเป็นเมินเฉยและขยับก้นให้เข้าที่กับเก้าอี้
หลิงฮันจ้องมองมันด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“เจ้าหนู ทำไมสายตาที่มองมาของเจ้าถึงได้ดูไม่น่าไว้ใจ!” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยความหวาดแวงและขนลุก
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “คงอีกไม่นาน เอาไว้ข้าจะแนะนำใครบางคนให้เจ้ารู้จัก”
หลิงฮันไม่กล่าวอะไรต่อและขับเคลื่อนอุปกรณ์บินแหวกเมฆาทันที ในอนาคตเมื่อสุนัจตัวดำพบเจอฮูหนิว มันจะได้รู้ว่าเหนือฟ้านั้นยังมีฟ้า
เห้อ เขาคิดถึงเด็กคนจอมตะกละคนนั้นจริงๆ
อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเคลื่อนที่ออกไปยังดวงดาวรกร้างที่เขานำศพของนกอมตะสามตัวไปไว้ ณ ตอนนี้ที่นี่คับคั่งไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
ต่อให้ใช้อุปกรณ์บินที่ไม่ได้มีระดับเหมือนกับอุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็ใช้เวลาเพียงๆแค่ราวๆสามถึงสี่วันในการเดินทางจากดาวมู่ถูมายังที่นี่
ทุกคนกำลังต่อแถวรอเปิดกล่องที่อยู่บนรถเกวียน แต่ขนาดคนที่มีกำลังกายมหาศาลอย่างหลิงฮันยังต้องอย่างอยากเย็น เกรงว่าต่อให้เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งอย่างเริ่นเฟยอวิ๋นก็คงเปิดไม่สำเร็จ
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พลัง แต่เนื่องจากน้ำหนักของกล่องนั้นมีมากมายเกินทำให้กายหยาบไม่อาจรองรับไหว หากฝืนเปิดก็มีแต่จะทำให้กระดูกนิ้วของตัวเองแตกหัก
หนึ่งคนเปิดไม่ได้ก็ต้องใช้สองคน สองคนไม่ได้ก็สามคน แต่ไม่ว่าจะช่วยกันเท่าไหร่ก็ยังเปิดไม่ได้ ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มเชื่อแล้วว่าภายในกล่องนี้จะต้องมีสมบัติที่ล้ำค่าหาอะไรเปรียบซ่อนเอาไว้แน่นอน
หลิงฮันรู้ว่ากู่ต้าวอี้มีแก่นกำเนิดนิรันดร์ช่วยเสริมกำลังให้ร่างกาย ถึงแม้มันจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากายหยาบของเขา แต่อีกฝ่ายก็ต้องเปิดกล่องได้อย่างแน่นอน
รีบๆมาเร็ว!
หลิงฮันนั่งรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
สุนัขตัวดำไม่อาจอยู่นิ่งเฉย มันลุกขึ้นเดินป้วนเปี้ยนไปมา กางเกงในเหล็กของมันสะท้อนแสงส่องประกายไปทั่วโดยที่มันไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย
ใครก็ตามก็ถูกมันหมายหัวล้วนแต่ต้องหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจและตกอยู่ในดวงดาวแห่งความโชคร้าย ฉายาของมันคือราชาไร้ยางอายแห่งสำนักย่อยที่แปด
สุนัขตัวดำจงใจชำเลืองมองไปยังเหล่าฝูงคนเพื่อข่มขู่ให้หวาดกลัว
สองวันต่อมา จักพรรดินีได้บอกกับเขาผ่านหอคอยทมิฬว่านางดูดซับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำเสร็จแล้ว พลังบ่มเพาะของนางตอนนี้บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลายเป็นที่เรียบร้อย
ที่การพัฒนาของนางรวดเร็วกว่าหลิงฮันเป็นเพราะนางมีแก่นก่อเกิดพลังเซียนที่หลิงฮันมอบให้นาง
ทว่าหลิงฮันยังคงคิดว่าพลังบ่มเพาะของจักรพรรดินียังคงพัฒนาไปอย่างเชื่องช้าเกินไป เขาอยากให้นางบรรลุระดับเซียนเสียแต่ตอนนี้เลย
เขาไม่นำจักรพรรดินีและสหายคนอื่นๆออกมา แผนการสังหารกู่ต้าวอี้ในครั้งนี้ยิ่งมีคนน้อยก็ยิ่งดี แต่หากมีข้อผิดพลาดและแผนการถูกเปิดเผยเขาก็จะใช้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาหลบหนีทันที อันที่จริงเหตุผลที่เขามายังสำนักละอองดาราก็เป็นเพราะต้องการทรัพยากรบ่มเพาะเพียงเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรหลิงฮันก็ยังรู้สึกติดค้างเซียนหมิงซินที่คอยให้คำชี้แนะเขาอยู่พอสมควร
เมื่อเวลาผ่านไป รถเกวียนและสมบัติก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้น เหล่าปรมาจารย์ต่างมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเริ่นเฟยอวิ๋นหรือฉีเทียนก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะสำนักย่อยที่แปดเท่านั้น ข่าวลือถูกแพร่กระจายไปยังสำนักย่อยทั้งหมด
ไม่มีใครสนว่าข่างลือจะมาจากไหน สิ่งที่พวกเขาสนใจคือกล่องสมบัติที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว
“หลิงฮัน!” ฉีเทียนและไช่เหมี่ยวตะโกนพร้อมกัน พวกเขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด ต่อให้หลิงฮันจะชนะการประลองศิษย์ใหม่และนำเกียรติมาให้กับสำนักย่อยที่แปดก็ตาม เขาก็ต้องทำตามวัฒรธรรมของสำนัก!
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “พวกเจ้าอยากจะสู้?”
ตอนที่ 1518
“พอแค่นั้น ที่นี่ไม่ใช่สำนักย่อยที่แปด” เริ่นเฟยอวิ๋นขั้นกลางระหว่างสองฝ่าย “อย่าทำตัวให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะเรา!”
ฉีเทียนและไช่เหมี่ยวเค้นเสียงไม่พอใจแต่ก็ไม่ฝืนลงมือ
วัฒนธรรมไม่อาจมีข้อยกเว้น แต่ศักดิ์ศรีของสำนักย่อยที่แปดก็สำคัญเช่นกัน หากพวกเรามีเรื่องกันต่อหน้าสาธารณะชนคงจะดูไม่ดี
เริ่นเฟยอวิ๋น ฉีเทียนและศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นๆพยายามเปิดกล่องแต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ ปัญหาไม่ใช่พลังแต่เป็นความทนทานของกายหยาบ
แต่ในขณะเดียวกัน เทียนเซี่ยตี้เอ้อนั้นมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง แต่พลังของเขากลับไม่พอทำให้เขาเองก็ไม่สามารถเปิดกล่องได้
ถึงแม้จะล้มเหลว แต่กล่าวได้ว่าเทียนเซี่ยตี้เอ้อนั้นเกือบจะทำสำเร็จแล้ว เขาสามารถทำให้กล่องแง้มออกได้เล็กน้อยพร้อมกับมีแสงสว่างสีทองสาดส่องออกมาจากภายในกล่อง เทียนเซี่ยตี้เอ้อเบ่งแรงเต็มที่จนเป้ากางเกงของเขาฉีกขาด
ทว่าไม่มีใครหัวเราะเยาะเขาเลยแม้แต่น้อย เขาสามารถทำในสิ่งที่แม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังทำไม่ได้ แถมยังทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังอีกด้วยว่ากล่องนี้สามารถเปิดออกได้จริงๆ!
นอกจากนั้นเมื่อเห็นแสงสว่างสีทองที่สาดส่องออกมาเมื่อครู่ หากจะบอกว่าภายในกล่องไม่มีสมบัติใดๆอยู่เลยก็ย่อมไม่มีใครเชื่อ!
“ตราบใดที่มีกายหยาบใกล้เคียงกับเทียนเซี่ยตี้เอ้อและมีพลังมากกว่า คนคนนั้นจะต้องเปิดกล่องได้แน่”
“แต่คนเช่นนั้น… จะมีอยู่รึ?”
ทุกคนส่ายหัว จอมยุทธที่มาที่นี่มีหลายคนที่พลังบ่มเพาะสูงส่ง แต่หากเป็นในด้านกายหยาบล่ะก็ไม่มีใครเลยที่เทียบกับเทียนเซี่ยตี้เอ้อได้
“หลิงฮัน!” ศิษย์ใหม่คนหนึ่งอุทาน
“ใช่แล้ว หลิงฮัน!” ศิษย์ใหม่อีกคนตะโกน
เหล่าศิษย์เก่าอาจจะยังไม่รู้ แต่ศิษย์ใหม่ทุกคนนั้นเห็นมาเองกับตาว่าในตอนที่หลิงฮันกับเทียนเซี่ยตี้เอ้อปะทะกันอย่างดุเดือดด้วยกายหยาบ ฝ่ายที่สู้ไม่ไหวจนต้องยอมแพ้คือเทียนเซี่ยตี้เอ้อ
จากการประลองนั่นทำให้รับรู้ได้ว่ากายหยาบของหลิงฮันเหนือยิ่งกว่าเทียนเซี่ยตี้เอ้อเสียอีก!
“แต่ว่า พลังบ่มเพาะของศิษย์พี่หลิงก็เท่ากับเทียนเซี่ยตี้เอ้อไม่ใช่รึ หากเทียนเซี่ยตี้เอ้อเปิดกล่องไม่ได้ศิษย์พี่หลิงก็น่าจะเปิดไม่ได้เช่นกัน”
“เหอๆ ศิษย์พี่หลิงเอาชนะเทียนเซี่ยตี้เอ้อได้ บางทีหากเป็นเขาอาจจะเปิดสำเร็จ!”
“ใช่แล้ว ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?”
ทุกคนถกเถียงกันสักพักก่อนจดจ้องไปยังหลิงฮัน
“ศิษย์น้องหลิง เจ้าลองเปิดดูหน่อย” ศิษย์เก่าคนหนึ่งกล่าวกับเขา
แต่หลิงฮันจะเปิดกล่องเพื่ออะไร หากเขาเปิดแล้วคนอื่นๆที่เข้าไปก็ย่อมรู้ว่าภายในนั้นเป็นเขตแดนลี้ลับที่ว่างเปล่า เช่นนั้นแล้วเขาจะล่อกู่ต้าวอี้ได้อย่างไร?
“เหอะ ศิษย์ใหม่อันดับหนึ่งอะไรกัน แม้แต่ความกล้าที่จะเปิดกล่องก็ไม่มี!” ใครบางคนตะโกน ไม่รู้ว่าเขาจงใจยั่วยุหลิงฮันหรือว่าเป็นพวกหัวรุนแรงกันแน่
คนคนนั้นไม่ใช่ศิษย์ของสำนักย่อยที่แปด เขาเป็นศิษย์เก่าที่ไม่มีความบาดหมางใดๆกับหลิงฮัน เพียงแค่ว่าความโดดเด่นของหลิงฮันทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมรณ์ “ศิษย์น้อง พักหลังมานี้เจ้ามีชื่อเสียงพอดูเลยนะ!”
แม้แต่เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเปิดกล่องไม่ได้ แต่ผู้คนมากมายกลับพูดเป็นเพียงเดียวกันว่าหากเป็นหลิงฮันอาจจะเปิดสำเร็จ ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็ยังหลีกเลี่ยงวัฒนธรรมรับศิษย์ใหม่อย่างการคลานลอดผ่านช่องสุนัขได้อีกด้วย เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ถึงจงใจยั่วยุให้หลิงฮันอับอาย
หลิงฮันลุกขึ้นยืน อย่างไรกู่ต้าวอี้ก็ยังมาไม่ถึง จะตุบทีคนอื่นฆ่าเวลาก็ดีเหมือนกัน “เหอๆ นี่เจ้ากำลังอิจฉาข้า?”
“ฮ่า! ฮ่า!” ศิษย์เก่าคนนั้นแสยะยิ้ม “ข้ามีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง และแข็งแกร่งเป็นอันดับแปดในการประลองศิษย์ใหม่ครั้งที่แล้ว มีความจำเป็นอันใดที่ข้าต้องอิจฉาเจ้า?”
“พล่ามมากเสียจริง!” หลิงฮันกวักมือยั่วยุ
“เจ้ารนหาที่ตายเอง!” ศิษย์คนนั้นพุ่งทะยานเข้ามา สำนักละอองดาราไม่ได้มีกฎห้ามศิษย์ปะทะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากัน ยิ่งกว่านั้นที่นี่ยังเป็นนอกสำนักด้วย หากมีการสังหารเกิดขึ้นใครจะกล่าวว่าอะไรได้?
เหล่าศิษย์ของสำนักย่อยที่แปดส่ายหัว ทุกคนต่างรู้สึกสงสารศิษย์เก่าผู้นั้น
พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นเป็นที่รู้กันในหมู่สำนักย่อยที่แปดแล้วว่าสามารถทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดได้ ศิษย์เก่าผู้นั้นมีพลังเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง ไม่ใช่ว่าเป็นเขาหรอกรึที่รนหาที่ตาย?
หลิงฮันลงมือปล่อยหมัดออกไปลวกๆ
ศิษย์เก่าผู้นั้นแสยะยิ้ม บังอาจดูถูกข้ารึ? แล้วเจ้าจะเสียใจ
“เห้อ!” เหล่าศิษย์ของสำนักย่อยที่แปดถอนหายใจ
“ไม่ต้องคิดว่า หลิงฮันเป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ การจะแพ้ให้กับศิษย์เก่าไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย” ศิษย์ของสำนักย่อยอื่นกล่าว
“พวกเราไม่ได้ถอนหายใจเพราะหลิงฮันจะแพ้ พวกเราถอนหายไปเพราะสงสารอีกฝ่ายต่างหาก!” ศิษย์คนหนึ่งของสำนักย่อยที่แปดยิ้มแห้ง “ข้าหวังว่าศิษย์พี่คนนั้นจะไม่เจ็บหนัก”
พรวด!
ศิษย์ของสำยักย่อยอื่นหัวเราะลั่นและสำลัก สำนักย่อยที่แปดช่างตลกนัก ทั้งสองคนนั่นมีพลังบ่มเพาะต่างกันถึงหนึ่งขั้นย่อย ต่อให้หลิงฮันเป็นราชาระดับสามส่วนอีกฝ่ายเป็นราชาระดับหนึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ศิษย์เก่าคนนั้นเองก็ได้ยินคำพูดที่คนอื่นกำลังพูดคุยกันเช่นกัน เขารู้สึกเกรี้ยวกราดและปล่อยฝ่ามือเป็นกรงเล็บเข้าตอบโต้หลิงฮันทันที
ด้วยกรงเล็บนี้ หมัดของหลิงฮันจะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน
ตูม!
หมัดกับกรงเล็บเข้าปะทะกัน ศิษย์เก่าคนนั้นเผยสีหน้าตกตะลึง ต่อหน้าหมัดของหลิงฮันแล้วการโจมตีของเขานั้นบอบบางราวกับเป็นเพียงกระดาษ หมัดของหลิงฮันพุ่งทะลวงผ่านกรงเล็บพุ่งเข้าใส่หน้าอกเข้าอย่างรุนแรง
เป็นไปได้อย่างไร?
ศิษย์เก่าคนนั้นอุทานในใจ ร่างของเขาถูกซัดลอยกระเด็นราวกับเป็นว่าวเชือกขาด
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างแน่นิ่งไร้คำพูด
แม้เหล่าศิษย์เก่าจะเคยได้ยินมาว่าหลิงฮันเป็นผู้ชนะในการประลองศิษย์ใหม่ โดยที่การปะทะของเขากับกู่ต้าวอี้น้าน่าอัศจรรย์มาก มีคำบอกเล่าว่าพลังต่อสู้ของพวกเขาสามารถทัดเทียมได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด แต่ใครกันจะยอมเชื่อคำบอกเล่าเช่นนั้น?
ทั้งสองเพิ่มจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่ทั้งสองคนจะมีพลังต่อสู้ของระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด?
ต้องเป็นเพราะพวกศิษย์ใหม่ไม่เคยเห็นพลังของระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดของจริงเป็นแน่พวกเขาถึงได้แพร่งพรายข่าวที่เกินจริงเช่นนั้นออกไป
แต่ตอนนี้ทุกคนเห็นแล้วว่าหมัดของหลิงฮันทรงพลังขนาดไหน คราวนี้ไม่ได้จากคำร่ำลือแต่ทุกคนได้เห็นด้วยตาของตนเอง
บ้าไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่ศิษย์ใหม่จะทรงพลังขนาดนี้!
ตอนที่ 1519
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหลิงฮันถึงสามารถขัดขืนไม่ทำตามวัฒนธรรมของสำนักย่อยที่แปดได้ ที่แท้เขาก็มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้
ในตอนแรกทุกคนต่างติดกันไปว่าหลิงฮันหลบเลี่ยงการคลานผ่านช่องลอดสุนัขมาได้เป็นเพราะความช่วยเหลือของเริ่นเฟยอวิ๋น แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเป็นที่แข็งแกร่ง
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดอัจฉริยะเช่นนี้ถึงไม่ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ของเซียนซิงฉา”
“หรือหมายความว่ากู่ต้าวอี้แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก?”
ถึงแม้ผู้ชนะในการประลองศิษย์ครั้งนี้จะเป็นหลิงฮัน แต่เนื่องจากเซียนซิงฉาเลือกรับกู่ต้าวอี้เป็นศิษย์ย่อมหมายความว่าหลิงฮันนั้นไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากู่ต้าวอี้
และทันใดนั้นเอง เรือเหาะดาราลำหนึ่งก็ได้ร่อนลงมาจากท้องฟ้า ยังไม่ทันที่เรือเหาะจะหยุดจอดชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากเรือ ร่างของชายคนนั้นมีแสงสว่างส่องประกายเจิดจ้าราวกับเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์และปฐพี
ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น กู่ต้าวอี้ อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งทุกยุคสมัย!
“กู่ต้าวอี้!”
“ฮึ่ม การประลองระหว่างเขากับหลิงฮันเพิ่งผ่านไปไม่ได้ แต่ทำไมเขาถึงดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมขนาดนั้น”
“เขาเป็นถึงอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อได้รับการชี้แนะโดยตรงจากเซียนซิงฉา พัฒนาการของเขาย่อมรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการ”
“พวกเราเริ่มทุกทิ้งห่างไปเรื่อยๆแล้ว”
เหล่าศิษย์ใหม่ส่ายหัวพวกเขามั่นใจว่าหากเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกันพวกเขาย่อมไม่แพ้ใคร เพราะอย่างไรพวกเขาทุกคนก็เป็นราชากันทั้งนั้น แต่ตอนนี้เมื่อเห็นกู่ต้าวอี้ ความมั่นใจของพวกเขาเริ่มหดหายไปบางส่วนแล้ว
มีศิษย์ใหม่บางคนที่ยังคงมั่นใจในพลังของตัวเอง พวกเขาคือราชาในหมู่ราชาอย่างเทียนเซี่ยตี้เอ้อ หลงเซียงเยว่ หงหม่าและคนอื่นๆอีกบางส่วน พวกเขาจ้องมองไปยังกู่ต้าวอี้ด้วยแววตาสู้รบ
หลิงฮันพยายามทำตัวไม่โดดเด่น เขาต้องการให้กู่ต้าวอี้สังเกตเห็นความอัศจรรย์ของรถเกวียน
ถึงแม้กู่ต้าวอี้จะยังเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่แก่นกำเนิดนิรันดร์ของเขาได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์จนแม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่กล้าดูถูก ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังเป็นศิษย์คนที่สิบของเซียนซิงฉาอีกด้วย ใครจะกล้าไม่ไว้หน้าเขา?
“ศิษย์น้องกู่!” ศิษย์เก่าหลายคนกล่าวทักทาย
กู่ต้าวอี้จ้องมองไปยังหลิงฮันชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองที่รถเกวียน ศพของนกอมตะสวรรค์ทั้งสามทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เขาคือใคร? นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานของดินจากดินแดนแห่งเซียน สายตาของเขาย่อมเฉียบแหลมและกว้างไกล
นกอมตะ! ตัวตนระดับราชาเซียน!
ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อว่าสมบัติใดๆของราชานิรันดร์จะปรากฏขึ้นที่นี่ แต่เพียงทันทีที่เห็นนกอมตะกำลังลากรถเกวียนอยู่ก็ทำให้ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
บางที… บางทีอาจจะเป็นความจริง!
เขาก้าวไปยังมุมของกล่องและเอื้อมมือออกไปเพื่อเปิด
ศิษย์เก่าหลายคนไม่สบอารมณ์ พวกข้าทักทายเจ้าแต่เจ้ากลับเมินเฉยพวกข้า… เจ้าจะยิ่งยโสเกินไปแล้ว! เจ้าไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นยังไม่ใช่เซียน
กู่ต้าวอี้ไม่สนใจ เขาไม่แยแสแม้กระทั่งเซียนด้วยซ้ำ ในสายตาของเขาจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
เขาจับฝากล่องด้วยสองมือและออกแรง ‘ครืน’ ฝากล่องค่อยๆถูกเปิดออกและส่องแสงสว่างสีทองออกมา
“เปิดแล้ว! มีความหวังที่จะเปิดสำเร็จ!”
“นั่นหมายความว่ากายหยาบของกู่ต้าวอี้นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าระดับพลังไปหลายขุม!”
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น แม้แต่เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังพยักหน้ายอมรับ พวกเขาพยายามแล้วแต่ก็เปิดไม่สำเร็จเพราะกายหยาบไม่แข็งแกร่งพอ
น่าทึ่งนัก สมกับเป็นจอมยุทธที่เซียนซิงฉารับเป็นศิษย์
‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กล่องค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ หน้าผากของปรากฏเส้นเลือดปูดบวดและใบหน้าซีดเผือด ต่อให้แก่นกำเนิดนิรันดร์จะทำให้กายหยาบของเขาแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้พลังของเขายังขาดไปเล็กน้อย แขนของเขาเริ่มสั่นราวกับกำลังจะรับน้ำหนักไม่ไหว
“รีบช่วยกัน!” เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดพุ่งเข้าไปช่วยยกฝากล่อง
ก่อนหน้านี้กล่องถูกปิดเอาไว้ทำให้นิ้วของพวกเขาไม่อาจแบกรับน้ำหนักได้ไหว แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ฝากล่องถูกเปิดออกมาบางส่วนแล้ว พวกเขาสามารถใช้ฝามือแทรกเข้าไปเพื่อออกแรงยก เมื่อเทียบกับตอนฝายังปิดอยู่ความยากลำบากนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยการร่วมมือกันของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในที่สุดกล่องก็ค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
“เปิดแล้ว! มันเปิดแล้วจริงๆ!”
“ไม่รู้ว่าภายในนั้นจะมีสมบัติอะไรอยู่บ้าง”
“ต้องเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากไม่ผิดแน่ อย่างที่เห็นว่าแม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถเปิดด้วยตัวเองได้”
“ใช่แล้ว!”
ทุกคนเตรียมพร้อมเข้าปะทะกัน ก่อนหน้านี้แม้จะช่วยกันเปิดกล่องก็จริง แต่เมื่อสมบัติปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาก็ไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว
เหล่าคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำเตรียมหยิบสมบัติออกมาใช้งาน การแย่งชิงวาสนานั้นไม่ใช่การประลองซึ่งๆหน้าที่ยุติธรรม พวกเขาสามารถนำสมบัติอย่างอุปกรณ์เซียนออกมาใช้ได้อย่างอิสระ
‘ครืน’ กล่องถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แสงสว่างสีทองสาดส่องสูงขึ้นไปถึงชั้นฟ้า
‘พรึบ’ ทุกคนพุ่งเข้าหากล่องและปะทะกัน หากช้าสมบัติจะถูกแย่งชิงไปก่อน
“เจ้าหนูปล่อยข้า นายท่านหมาจะไปแสดงให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่ง!” สุนัขตัวดำอย่างจะตามไปสร้างความปั่วป่วน แต่หลิงฮันได้คว้าจับหางมันเอาไว้
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ไม่ต้องไป เจ้าจะเสียเวลาเปล่าๆ”
สุนัขตัวดำชะงักก่อนจะเปิดตากว้าง “เจ้าหนู ทั้งหมดนี้เจ้าเป็นคนทำ? ข้าว่าแล้ว คนแบบเจ้ามีรึที่จะนั่งดูคนอื่นแย่งชิงสมบัติไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย!”
“ทำไม ข้าอาจจะแค่อยากนั่งพักผ่อนเฉยๆไม่ได้รึ?” หลิงฮันยิ้ม
“ความโลภของเจ้านั้นฝังลึกไปถึงกระดูก ต่อให้นายท่านหมาอยู่ห่างกันเจ้าหมื่นไมล์ข้าก็ยังได้กลิ่นความโลภของเจ้า!” สุยัขตัวดำกล่าวพร้อมกับชี้อุ้งเท้าใส่หลิงฮัน
ตอนที่ 1520
จู่ๆการต่อสู้แย่งชิงกล่องก็หยุดชะงัก ทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าภายในกล่องนี้ไม่มีสมบัติใส่เอาไว้แต่เป็นคลื่นมิติที่ผันผวน
นี่มัน… คืออะไรกัน?
กู่ต้าวอี้จ้องมอง ในฐานะอดีตนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเขาย่อมรับรู้ได้ว่าคลื่นผันผวนนี้คือทางเข้าสู่โลกจำลอง
สมบัติ! ต้องเป็นสมบัติของราชานิรันดร์ไม่ผิดแน่!
เขากระโดดเข้ากล่องไปเป็นคนแรก แม้กล่องจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่พอร่างของกระโดดเข้าไปก็ได้ถูกย่อส่วนและหายเข้าทางเข้าไปอย่างง่ายดาย
ทุกคนหันหน้ามองกันและกระโดดตาม ภายในนี้มีสมบัติซ่อนเอาไว้แน่ๆ ใครจะยอมถูกทิ้งเอาไว้ด้านหลัง? ยิ่งกว่านั้นกู่ต้าวอี้ก็ยังเป็นนำไปก่อนโดยไม่หวาดกลัวแล้วมีรึที่พวกเขาจะหวาดกลัว?
หลิงฮันลุกขึ้นยืน เขาต้องรีบตามไปและแอบลอบโจมตีกู่ต้าวอี้
เขากระโดดเข้าสู่โลกจำลองในกล่องและกลับมายังสถานที่ที่คุ้นเคย
“นี่มัน!”
ทุกคนอุทานทันทีที่เข้ามาในกล่อง พวกเขาจดจ้องไปยังกรงเล็บขนาดมหึมา
กรงเล็บเหล่านี้ดูไม่เหมือนของนกอมตะที่อยู่ด้านนอก แต่เพียงแค่จ้องมองทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าอันน่าสะพรึงกลัว
แค่กรงเล็บที่ถูกทิ้งไว้ยังน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เจ้าของกรงเล็บนี้ต้องเป็นตัวตนที่ทรงพลังขนาดไหนกัน?
ที่นี่… จะต้องมีสมบัติถูกซ่อนเอาไว้แน่นอน!
กู่ต้าวอี้เคลื่อนไหวเป็นคนแรก ร่างของเขาก้าวเดินไปยังยอดเขาของภูเขาหลัก
ทุกคนเดินตามกู่ต้าวอี้ไปอย่างเรียบง่าย แม้พวกเขาจะเป็นจอมยุทธระดับราชาที่ไม่หวาดกลัวต่อสรรพสิ่ง แต่กู่ต้าวอี้นั้นเป็นใคร? เขาคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัยและเป็นลูกรักของสวรรค์และปฐพีที่จะนำพาไปพบวาสนา
ทว่าจู่ๆร่างของกู่ต้าวอี้ก็เริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆ
“หืม?”
“อะไรกัน!”
เมื่อคนอื่นเดินขึ้นมายังอาณาเขตของภูเขาทุกคนต่างเผลออุทานออกมา ร่างกายของพวกเขาปรากฏรอยขีดข่วนเนื่องจากถูกสายลมพัดเข้าใส่ บางคนที่รีบร้อนเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วนั้นถึงขนาดได้รับบาดเจ็บจนแขนขาดและกรีดร้องออกมา
พวกเขาสบถด่ากู่ต้าวอี้อย่างไรเหตุผลทันที เจ้ารู้อยู่แล้วว่าภูเขาแห่งนี้มีสายลมที่รุนแรง เหตุใดถึงไม่กล่าวเตือนกันบ้าง?
เมื่อมาถึงจุดนี้ กู่ต้าวอี้ได้ใช้พลังจำนวนมากมุ่งเน้นไปที่การป้องกัน แก่นกำเนิดนิรันดร์ไม่ได้ทำให้เขามีกายหยาบที่ทนทานแต่มันสามารถดูดซับการโจมตีเขาที่ได้รับ
เมื่อถูกสายลมของภูเขาพัดเข้าใส่ ผลกระทบที่เขาได้รับจึงลดเหลือราวๆครึ่งหนึ่งของทั่วร่างเท่านั้น แม้เขาจะไม่ได้ลำบากเหมือนคนอื่นแต่ก็ยังห่างไกลจากการที่จะเมินเฉยสายลมอย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของเทียนเซี่ยตี้เอ้อเขาเป็นดั่งเป็ดที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ ความเร็วของเขาเหนือยิ่งกว่ากู่ต้าวอี้!
เหตุผลนั้นง่ายมาก เขามีกายหยาบที่แข็งแกร่งทนทาน
“ให้ตายเถอะ เจ้าจะเดินเร็วแบบนั้นทำไม?” หลิงฮันโผล่มาจากอีกด้านหนึ่งของภูเขา เส้นทางที่เขาอ้อมมานี้เดินได้ยากลำบากกว่าทางเดินปกติมาก แต่ตัวเขานั้นแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากสายลมของภูเขาเลย ต่อให้เส้นทางจะเดินยากแค่ไหนเขาก็เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าคนอื่น
ตามแผนของหลิงฮัน เขาจะไปถึงตำหนักด้านบนก่อนและซ่อนตัวอยู่ด้านใน เมื่อกู่ต้าวอี้มาถึงตำหนักเขาก็จะแอบหาโอกาสลอบจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
ด้วยแรงกดดันจากกรงเล็บมหึมาทำให้กายหยาบของเขาได้เปรียบกว่ากู่ต้าวอี้ แถมออร่าของราชาเซียนก็ยังทำให้สัมผัสสวรรค์ถูกจำกัดอีกด้วย แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่กู่ต้าวอี้จะตอบโต้เขาได้ทัน
เมื่อนำกู่ต้าวอี้เข้าหอคอบทมิฬมาได้แล้วเขาก็จะแอบหลบต่ออีกสักพักหรือไม่ก็ย่องหนีกลับออกไปก่อนเพื่อไม่ให้ใครรับรู้ว่ากู่ต้าวอี้หายไปตั้งแต่เมื่อใด
แต่ที่ไม่คาดคิดคือเทียนเซี่ยตี้เอ้อจะมาทำให้แผนการของเขายุ่งเหยิง
เทียนเซี่ยตี้เอ้อเดินนำกู่ต้าวอี้ขึ้นมาได้ ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดแต่เทียนเซี่ยตี้เอ้อก็เอาชนะมาได้ด้วยกายหยาบที่เหนือชั้นกว่า
เมื่อเทียนเซี่ยตี้เอ้อมาถึงยอดเขา กู่ต้าวอี้ยังเดินผ่านเส้นทางมาได้เพียงแค่สามในสี่เท่านั้น ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขายังเดินไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ
เทียนเซี่ยตี้เอ้อเข้าไปยังตำหนักและค้นพบห้องสมบัติ เขาไม่ทันระมัดระวังตัวเพราะคิดว่าตนเองมาถึงเป็นคนแรกและยิ่งไม่คิดเลยว่าจะมีคนดักรออยู่
หลิงฮันลอบลงมือจู่โจมเข้าใส่หลังคอของเทียนเซี่ยตี้เอ้ออย่างรวดเร็ว
เทียนเซี่ยตี้เอ้อคำรามอย่างเกรี้ยวกราดทันที แต่ทว่าสัมผัสสวรรค์ของเขาถูกจำกัดเอาไว้ด้วยออร่าของราชาเซียน ตัวเขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดแถมยังต้องแบ่งพลังบางส่วนไปใช้ป้องกันสายลมของภูเขาอีกด้วย เช่นนั้นแล้วเขาจะป้องกันการโจมตีที่รุนแรงและมีการคำนวนมาก่อนแล้วของหลิงฮันได้อย่างไร?
‘ตูม’ หลังคอของเขาถูกฝ่ามือของหลิงฮันกระแทกเข้าใส่จนสลบเหมือด
“สหาย ข้าขอโทษ!” หลิงฮันโยนร่างของเทียนเซี่ยตี้เอ้อเข้าไปในหอคอยทมิฬ รอให้เขาจัดการกู่ต้าวอี้เรียบร้อยก่อนเขาถึงจะปล่อยอีกฝ่ายออกมา ไม่เช่นนั้นหากปล่อยเทียนเซี่ยตี้เอ้อทิ้งไว้ข้างนอกแล้วอีกฝ่ายอาจจะตื่นมาเห็นตอนเขากำลังจัดการกู่ต้าวอี้
หลังจากรอไปนานพอสมควร เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาของกู่ต้าวอี้ก็ค่อยๆใกล้เข้ามา
กู่ต้าวอี้ไม่ลังเลที่จะลงมายังห้องสมบัติใต้ดินแต่ความเร็วของเขานั้นทั้งเชื่องช้าและระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าเทียนเซี่ยตี้เอ้อต้องเข้ามาในนี้ก่อน จะไม่ให้เขาระวังตัวได้อย่างไร? อันที่จริงหากไม่มีออร่าราชาเซียนจากกรงเล็บมหึมาล่ะก็เขาย่อมไม่มีวันหวาดกลัวแน่นอน แต่ด้วยแรงกดดันจากกรงเล็บทำให้ตอนนี้เทียนเซี่ยตี้เอ้อสามารถเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้
หลิงฮันหาโอกาสและลงมืออย่างรวดเร็ว
“เหอะ ข้าคิดไว้แล้ว!” กู่ต้าวอี้แสยะยิ้มและปล่อยหมัดตอบโต้โดยไม่แม้แต่หันไปมองผู้ที่โจมตีมา ‘พรึบ’ ร่างแยกทั้งเก้าของเขาปรากฏออกมาพร้อมกัน
เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้ทักษะของชาติภพอื่นๆไปก่อนที่จะมาถึงที่นี่แล้วเพื่อที่จะเรียกร่างแยกทั้งเก้าออกมาและกำราบเทียนเซี่ยตี้เอ้อให้ไวที่สุด
ตูม!
หมัดของทั้งสองเข้าปะทะกัน สีหน้าของกู่ต้าวอี้เปลี่ยนไปทันที เมื่อใดกันที่เทียนเซี่ยตี้ทรงพลังขนาดนี้?
กู่ต้าวอี้กระอักโลหิตพร้อมกับทรุดร่างลงกับพื้น สุดท้ายเมื่อมองไปยังทิศทางที่การโจมตีพุ่งมา ดวงตาของเขาก็แข็งค้างและอ้าปากคำราม “หลิงฮัน!”
ตอนที่ 1521
หากคนที่ลอบจู่โจมเป็นเทียนเซี่ยตี้เอ้อ กู่ต้าวอี้คงเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมากที่ในการปะทะกันก่อนหน้านี้เทียนเซี่ยตี้เอ้อจงใจซ่อนพลังเอาไว้ทำให้เขาประมาท
แต่แท้จริงแล้วคนที่ลอบจู่โจมหลิงฮัน!
เป็นหลิงฮันไปได้อย่างไร?
คนที่เดินผ่านทางมาก่อนหน้าเขามีเพียงเทียนเซี่ยตี้เอ้อเท่านั้น… เช่นนั้นแล้วหลิงฮันโผล่มาจากไหน?
“เจ้าจงใจแอบอยู่ที่นี่เพื่อลงมือกับข้า?” กู่ต้าวอี้กล่าว ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถามแค่น้ำเสียงของเขากลับแฝงไปด้วยความเหี้ยมโหด
หลิงฮันชี้นิ้วและกล่าว “ความบาดหมางระหว่างเจ้ากับข้าจะจบลงที่นี่!”
“เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพูดจาเช่นนั้นกับข้า?” กู่ต้าวอี้เค้นเสียง “ชีวิตชาติภพแรกของข้าคือนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานในดินแดนแห่งเซียน เทียบกับข้าแล้วเจ้าไม่นับเป็นอันใดได้!” เขาชี้นิ้วกลับไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
ที่เขาไม่ผลีผลามลงมือเป็นเพราะต้องการจะถ่วงเวลา
หากต้องสู้กันที่นี่เขาย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก หลิงฮันมากายหยาบไร้เทียมทาน ผลกระทบที่ได้รับจากแรงกดดันของกรงเล็บย่อมน้อยกว่าเขา ยิ่งกว่านั้นเมื่อครู่เขาก็ถูกหลิงฮันโจมตีทีเผลอทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้
แต่ถ้าถ่วงเวลาจนมีคนอื่นมาถึงที่นี่ หลิงฮันจะยังกล้าสังหารเขา?
ขอแค่หนีออกจากที่นี่ได้เขาก็จะรีบเร่งบ่มเพาะพลังกลับมาแก้แค้นหรือไม่ก็ไปขอให้เซียนซิงฉาลงมือแทน
หลิงฮันมั่นใจเป็นอย่างมาก ในการประลองศิษย์ใหม่เขาสามารถเอาชนะกู่ต้าวอี้ได้ด้วยรูปแบบอาคมระดับสิบสี่ แต่ตอนนี้เขามีรูปแบบอาคมอีกาโลหิตที่เป็นรูปแบบอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดของรูปแบบอาคมระดับสิบห้าสลักไว้บนร่างกาย ต่อให้กู่ต้าวอี้จะบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วเพียงใดก็ไม่สามารถมีพลังต่อสู้เหนือเกินไปกว่าเขา
เขายิ้มและกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ที่นี่คือห้องสมบัติของราชันวารีสวรรค์ ในอดีตราชันวารีสวรรค์ได้รับมรดกสืบทอดของราชานิรันดร์ทำให้ถูกปรมาจารย์จากดินแดนต้องห้ามมากมายไล่ล่าจนสุดท้ายก็ต้องตกตาย แต่สมบัติในห้องนี้ไม่ได้ถูกเหล่าปรมาจารย์ของดินแดนต้องห้ามช่วงชิงไป”
กู่ต้าวอี้สูดหายใจแรง เขามองไปยังหลิงฮันด้วยดวงตาเปิดกว้าง
หลิงฮันพยักหน้า “เจ้าคาดเดาถูกแล้ว สมบัติที่ว่าตกมาอยู่ในมือของข้าเป็นที่เรียบร้อยและข้าก็ได้ใช้มันล่อเจ้ามาที่นี่เพื่อสะสางบัญชีแค้น”
ทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์!
จิตใจของกู่ต้าวอี้สั่นสะท้าน หลิงฮันอาจจะไม่รู้ว่าคำว่า ‘ราชานิรันดร์’ มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ขขนาดไหน… ราชานิรันดร์นั้น ในดินแดนแห่งเซียนพวกเขาคือเหล่าตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด!
ดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เหล่าปรมาจารย์และอัจฉริยะมีอยู่มากมายราวกับหมู่เมฆ แต่ราชานิรันดร์ล่ะ? เท่าที่เขารู้จักตัวตนระดับนั้นอยู่เพียงเจ็ดคน ต่อให้เขาจะเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแต่ก็ไม่เคยท่องไปทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนมาก่อน
ราชานิรันดร์คือตัวตนที่อยู่บนยอดสุดพีระมิดของดินแดนแห่งเซียน
บางที… หลิงฮันอาจจะได้รับทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์!
“ส่งมา! มันคือของข้า!” เส้นเลือดปูดบวมขึ้นมาที่บริเวณศีรษะของกู่ต้าวอี้ ดวงตาสองข้างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน
“เจ้าเพ้ออะไรอยู่!” หลิงฮันลงมือปล่อยหมัดเข้าใส่กู่ต้าวอี้
กู่ต้าวอี้เตรียมรับมือเอาไว้แล้ว ร่างแยกทั้งเก้าพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับแก่นกำเนิดนิรันดร์ที่ส่องประกายเจิดจ้า ดวงตาของเขาระเบิดคลื่นแสงออกมาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
“เจ้าคิดว่ามีแค่ตนเองที่แข็งแกร่งขึ้น?” กู่ต้าวอี้คำรามและผลักฝ่ามือออกไปด้วยทักษะที่เรียกว่า ‘ตราผนึกหมาป่า’ มันคือทักษะในชาติภพแรกของเขาที่ฝึกฝนในดินแดนแห่งเซียน
หลิงฮันไม่หวาดหวั่นและปล่อยหมัดต่อไป พริบตาเดียวร่างแยกห้าร่างของกู่ต้าวอี้ก็ถูกซัดจนลอยกระเด็น หมัดของเขาทรงพลังราวกับจะบดขยี้โลกได้ทั้งใบ
กู่ต้าวอี้ชะงักตกตะลึง ร่างแยกทั้งเก้านั้นมีพลังต่อสู้ที่ทรงพลังกว่าเขาเสียอีก เป็นไปได้อย่างไรที่พวกมันจะพ่ายแพ้ง่ายดายแบบนั้น?
ไม่จริง หลิงฮันแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
เวลาผ่านไปไม่กี่ปี เขาสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของตนเองขึ้นมาได้สามถึงสี่เท่าด้วยทักษะยุทธจากชาติภพก่อน ความสำเร็จขนาดนี้เรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์มากแรก แต่ในกรณีของหลิงฮัน พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ร้อยเท่า หรืออาจจะพันเท่า!
ทั้งๆที่พลังบ่มเพาะของหมอนั่นก็เพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งชั้นย่อยเท่านั้นแท้ๆ เหตุใดพลังต่อสู้ถึงจะเพิ่มขึ้นสูงขนาดนั้น?
หรือว่า…
“กายหยาบของเจ้าแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สามารถสลักรูปแบบอาคมที่เหนือว่าระดับพลังบ่มเพาะไปถึงสองขั้น!” เขาเข้าใจทันที หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พลังต่อสู้ของหลิงฮันจะเพิ่มขึ้นมหาศาลทั้งๆที่พลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมาเพียงน้อยนิด!
จะ จะ เจ้ามันสัตว์ประหลาด!
หลิงฮันไม่ปรานี หลังจากปล่อยหมัดออกไปเก้าหมัดร่างแยกทั้งเก้าของกู่ต้าวอี้ก็สลายไปอย่างสมบูรณ์
กู่ต้าวอี้กัดฟัน ด้วยแรงกดดันจากกรงเล็บของราชาเซียนจะให้เขาหลบหลีก็คงทำไม่ได้
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงสู้จนตัวตายและรอให้คนอื่นมาถึง
เขาตบหน้าอกตนเอง ทันใดนั้นพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทั้งสามครั้งที่เขาสามารถใช้ได้ก็ถูกโคจรพร้อมกัน ‘เปรี๊ยะ’ ผิวหนังทั่วร่างของเขาปรากฏรอยปริแตกและมีโลหิตไหลออกมาทำให้เขาดูราวกับเป็นมนุษย์โลหิต
อันที่จริงแค่การใช้พลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์สองครั้งพร้อมกับก็แทบจะทำให้เขาหมดสติแล้ว แต่หากเขาไม่ใช่สามครั้งพร้อมกันทั้งหมดก็คงไม่สามารถต่อกรกับหลิงฮันได้
“ข้ากู่ต้าวอี้ผู้ไร้เทียมทาน ในการต่อสู้ระดับเดียวกันข้าไม่มีมันพ่ายแพ้!” เขาคำรามโดยที่ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อปลุกกระตุ้นความฮึกเหิมให้ตนเองรึเปล่า
หลิงฮันไม่หวาดหวั่น ทักษะบ่มเพาะของอีกฝ่ายคือทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญที่ไม่สมบูรณ์ แต่ทักษะบ่มเพาะของเขาคือทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่ผสานรวมเคล็ดของทักษะระดับราชานิรันดร์มากมายมาไว้ในทักษะเดียว แม้ตัวเขาในตอนนี้จะยังไม่ค้นพบวิธีใช้ก็ทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็ตามที
เมื่อเทียบกับข้าแล้วเจ้าจะนับเป็นอันใด?
หลิงฮันปล่อยฝ่ามือออกไปพร้อมกับกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมอีกาโลหิตทั้งสิบเต็มกำลัง เขาต้องการกำราบกู่ต้าวอี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะกลัวว่าร่างของอีกฝ่ายจะรับอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ไม่ไหวจนระเบิดเสียก่อน หากเป็นเช่นนั้นจริงๆจักรพรรดินีของเขาก็จะไม่สามารถนำแก่นกำเนิดรินิรันดร์ไปใช้ได้ พลังบ่มเพาะของนางจะยกระดับอย่างเชื่องช้าทำให้เขาอดหลับนอนกับนาง!
“อย่าได้บังอาจ!” หลิงฮันเกรี้ยวกราด
กู่ต้าวอี้ชะงักมึนงงชั่วครู่ว่าทำไมจู่ๆหลิงฮันถึงโมโห แต่พริบตาเดียวฝ่ามือของหลิงฮันก็กดทับเข้าหาร่างของเขาโดยรอบฝ่ามือโอบล้อมไปด้วยอีกาโลหิตที่กำลังสยายปีกปลดปล่อยออร่าอันน่าสะพรึงกลัว
ข้าจะตอบโต้ได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น