Alchemy Emperor of the Divine Dao 1466-1479

ตอนที่ 1466

 

เสน่ห์ของจักรพรรดินีนั้นเต็มไปด้วยอำนาจแห่งการดึงดูด


อย่าว่าแต่เหล่าราชารุ่นเยาว์ แม้กระทั่งเซียนทั้งเก้าก็ยังหวั่นไหว


“ข้าต้องการตัวนาง”


“ข้าต้องการตัว…”


เซียนทั้งเก้ายังไม่ทันพูดจบ จู่ๆจักรพรรดินีก็เดินไปยังใต้แท่นที่นั่งของเซียนหมิงซินและยืนเคียงข้างหลิงฮัน


ภรรยาก็ต้องอยู่เคียงข้างสามี นางจะเป็นต้องเลือกด้วยรึ?


ใบหน้าของเซียนทั้งเก้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที ท่าทีของเจ้าคืออะไร? พวกข้ายังพูดไม่เสร็จพวกเขาเป็นตัดสินใจเลือกเสียแล้ว นี่เจ้ายังเห็นเซียนอยู่ในสายตารึไม่?


หากเปลี่ยนจักรพรรดินีเป็นคนอื่น หรือต่อให้เป็นกู่ต้าวอี้ก็คงไม่อาจหลบหนีความโกรธของเซียนได้พ้น แต่เนื่องจากจักรพรรดินีเป็นคนทำ ด้วยเสน่ห์อันงดงามของนางจึงทำให้ทุกคนรู้สึกยอมรับได้


“หลงเซียงเยว่!”


คนที่สี่คือหลงเซียงเยว่ สตรีผู้นี้มีท่าทางเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็นราวกับเป็นมังกรแท้จริงในร่างมนุษย์ การที่นางถูกเรียกเป็นคนที่สี่ทำให้ใบหน้าของนางไม่มีรอยยิ้มประดับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย


ในสายตาคนอื่น อันดับสี่อาจจะเป็นอันดับที่สูงมากแล้ว แต่สำหรับนางมันคือความอัปยศ


เป้าหมายของนางคืออันดับหนึ่ง!


เพียงแต่ว่าแค่เป็นผู้แพ้ในตอนนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นผู้แพ้ตลอดไป สักวันหนึ่งนางจะต้องเอาเหนือกว่าทั้งสามคนได้อย่างแน่นอนและขึ้นเป็นราชาอันดับหนึ่งแย่งยุคสมัย ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นทายาทของมังกรแท้จริงแถมสายเลือดของนางยังบริสุทธิ์มากอีกด้วย นางมีโชคชะตาที่จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและก้มมองสิ่งมีชีวิตทั้งปวง


นางเลือกเซียนคนที่สอง เซียนอวิ๋นเซี่ย อีกฝ่ายเป็นเซียนสตรีเพียงคนเดียวในหมู่เซียนทั้งเก้าและเป็นมนุษย์ที่มีสายเลือดของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์โบราณ สำหรับนางแล้วเซียนผู้นี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุด


“เทียนเซี่ยตี้เอ้อ!”


 


“ซื่อเฉินเฟิง!”


“……”


สุดยอดราชาแต่ละคนถูกขานชื่อและเลือกเซียนที่ตนเองจะยอมให้ชี้แนะ เพียงแต่ว่ามีแค่ราชีระดับสามเท่านั้นที่มีสิทธิ์สามารถเลือกเซียนได้พร้อมกันเก้าคน เมื่อมาถึงคราวของราชาระดับสอง นอกจากจักรพรรดิพิรุณกับเซียนหวู่เซียงแล้ว คนอื่นๆถูกขานชื่อโดยเซียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น


หลังจากผ่านไปถึงราชาระดับหนึ่ง คนที่ถูกเซียนขานชื่อยิ่งมีน้อยลงไปอีก


แต่ก็มีบางคนที่เป็นกรณีพิเศษอย่างคนที่ชื่อหูเฉิงอี้ ด้านหลังของเขามีแสงจันทราส่องสว่างออกมา มันไม่ใช่แสงจากดวงจัทราของระดับสุริยันจันทราแต่เป็น ‘กายหยาบจันทรา’ ที่หายาก แสงจันทราจะช่วยให้พละกำลังของผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจของมันเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล


ความสามารถของเขาทรงพลังเป็นอย่างมากซึ่งสามารถสนับสนุนการต่อสู้เป็นกลุ่มได้ดีจึงมีเซียนหลายคนที่สนใจเขา แต่ท้ายสุดแล้วหูเฉิงอี้ก็เลือกที่จะอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนที่สาม เซียนขวงยวี่


อีกคนหนึ่งคือลู่ขานซื่อ แขนสองข้างของเขาคือหอกยาว ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น พลังของแขนหอกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ในระดับเดียวกัน


ความสามารถของเขาคือกายหยาบที่หายาก ‘กายาศาสตราวุธ’ ผู้ครอบครองกายานี้จะเกิดมาพร้อมกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่เป็นอาวุธ


เขาเลือกอยู่ภายใต้การชี้แนะของเซียนที่ห้าเซียนเถียเตาเนื่องจากเซียนเถียเตาก็มีกายาศาสตราวุธเช่นกันซึ่งอีกฝ่ายย่อมสามารถชี้แนะเขาได้ดีที่สุด


เซียนหวู่เซียง ติงผิง จิ่วเยาและจักรพรรดิพิรุณนั้นถูกเลือกโดยเซียนมากมาย แต่มีเพียงจิ่วเยาคนเดียวเท่านั้นที่เลือกอยู่ภายใต้การชี้แนะจากเซียนหมิงซิน หรือก็คือมีเพียงเซียนหมิงซินที่เข้าร่วมกับสำนักย่อยที่แปด


พรรคพวกคนอื่นๆนั้นเลือกเข้าร่วมกับสำนักย่อยอื่น สตรีนกอมตะเองก็โชคดีเป็นอย่างมากที่ถึงแม้พรสวรรค์จะไม่โดดเด่นแต่ก็ยังถูกเซียนอวิ๋นเซี่ยเลือก บางอาจทีอาจจะเป็นเพราะราชาสตรีนั้นหาได้ยากยิ่ง


ครึ่งวันผ่านไปศิษย์ทั้งเก้าร้อยคนก็ถูกคัดเลือกเสร็จสิ้น แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้รับเลือกก็ต้องจากไปและรอให้สำนักละอองดาราเปิดรับศิษย์อีกครั้งในอีกล้านปีข้างหน้า


สำนักย่อยทั้งเก้าแยกกระจัดกระจายห่างกันออกไปทั่วดาวมู่ถู หากจะไปยังจากสำนักย่อยหนึ่งไปอีกสำนักย่อยหนึ่ง ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ต้องใช้เวลาสิบวัน


สตรีนกอมตะไม่ค่อยเต็มใจแยกจากหลิงฮันเท่าไหร่ นางตั้งว่าหลังจากทุกอย่างลงตัวแล้วนางจะหาโอกาสไปพบหลิงฮันอีกครั้ง


หลิวจวินเทียนเองก็ปรากฏตัวเช่นกัน เขามองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาซับซ้อนและแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร


พรสวรรค์ของหลิงฮันเป็นอันดับสองในหมู่ราชาทั้งหมดซึ่งทำให้ความมั่นใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยและเลิกล้มความคิดที่จะแก้แค้นให้แก่น้องชายในตอนนี้


รอก่อน… รอให้เขามีพลังเพียงพอเสียก่อน


หลิงฮันมองกลับไปและเผยจิตสังหารออกมา


หากมีโอกาสเขาก็จะสังหารหลิวจวินเทียนเช่นกัน


นอกจากนั้นหลิวจวินเทียนก็ยังมีเนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่ที่เกลียดหลิงฮัน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดินี


ในหมู่คนที่หลิงฮันรู้จัก อู่เมี่ยนผ่านจนคัดเลือกและรับการชี้แนะจากเซียนที่สาม หยางหลินผ่านการคัดเลือกและรับการชี้แนะจากเซียนที่เจ็ด แต่แม่นางหยุนกับเย่วหยิงนั้นไม่ผ่านการคัดเลือกและทำได้เพียงหันหลังกลับ


 


ฉือหวงกับเป่ยหวงนั้นแน่นอนว่าต้องผ่านการคัดเลือก ทั้งสองเลือกรับการชี้แนะจากเซียนจากเซียนที่เก้า เซียนจิ่วชิง


ไม่มีเวลาให้กล่าวอำลาหรือให้สนทนากันเป็นครั้งสุดท้าย


เซียนหมิงซินยกศิษย์ทั้งร้อยขึ้นบนฝ่ามือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ไปยังสักนักย่อยที่แปดซึ่งก่อตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวขจีที่มองขึ้นฟ้าจะพบเพียงแค่เมฆสีขาว


การรับแนะนำศิษย์นั้นไม่จำเป็นต้องให้เซียนเป็นคนจัดการ ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์เป็นคนนำพาทุกคนไปยังลานที่พัก “พวกเจ้าทุกคนเข้าไปยังลานที่พักตามลำดับ ในที่พักของพวกเขาจะมีแผ่นหยกวางอยู่ หากอ่านข้อความบ่นแผ่นหยกพวกเจ้าก็จะเข้าใจกฎข้อปฏิบัติของสำนักละอองดารา”


หลังจากกล่าวเขาก็ลอยจากไป ตัวตนระดับวารีนิรันดร์เองก็ไม่ใช่ว่าจะมีเวลาว่างเช่นกัน


หลิงฮันและคนอื่นๆกำลังจะเดินเข้าไปในลานที่พัก แต่จู่ๆพวกเขาก็พบว่าประตูของลานที่พักนั้นเปิดออกเอง หลังจากนั้นก็มีคนนับสิบคนเดินออกมาบังประตูทางเข้าเอาไว้


ชายคนแรกที่เดินนำหน้าออกมากวาดสายตามองเหล่าศิษย์ใหม่และกล่าว “เหตุใดศิษย์ในคราวนี้ถึงได้มีแต่พวกไร้ความสามารถเช่นนี้? คนไร้ความสามารถอย่างพวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเดินผ่านประตู พวกเจ้าต้องคลานผ่านช่องลอดสุนัข!”


เขาชี้ไปยังมุมหนึ่งของประตูที่มีช่องลอดสุนัขถูกขุดเอาไว้


เมื่อเหล่าศิษย์ใหม่มองไปที่ช่องลอด หรือว่านี่จะเป็นพิธีรับน้องใหม่ของพวกศิษย์เก่า


ศิษย์ที่ขวางทางพวกเขาอยู่เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์!



 

 

 


ตอนที่ 1467

 

ในสำนักละอองดารามีวัฒนธรรมอยู่อย่างหนึ่งคือศิษย์พี่จะต้องรับน้องศิษย์ใหม่


ที่ต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะเหล่าจอมยุทธที่สามารถเข้าร่วมสำนักได้ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะแห่งยุคสมัยที่เป็นราชาระดับหนึ่งเป็นอย่างน้อย


ราชาคนไหนบ้างจะไม่มีนิสัยที่อวดดีโอหัง?


ดังนั้นทางสำนักจึงต้องกำราบความอวดดีนั้นโดยการให้พวกเขารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!


การที่เข้าร่วมสำนักละอองดารามาแล้วล้านปีย่อมหมายถึงศิษย์พี่เหล่านี้บ่มเพาะพลังมามากกว่าเหล่าศิษย์ใหม่ล้านปี บางทีอาจจะสองล้านปี ห้าล้านปี หรือสิบล้านปีด้วยซ้ำ!


ผู้นำของศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่รับน้องมีชื่อว่าอี้เกาหนิง เขาเป็นศิษย์ที่เข้าร่วมกับสำนักละอองดาราเมื่อสามล้านปีก่อนและเป็นอัจฉริยะระดับราชาเช่นกัน


เมื่อเจ็ดแสนปีก่อนเขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้สำเร็จ แน่นอนว่าความมั่นใจของเขาจึงสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง


ศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่รับน้องตอนที่เขาเพิ่งเข้าร่วมสำนักนั้นล้วนแต่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเขาจนไม่อาจเอาคืนได้ เพราะงั้นเขาจึงมาลงความขุ่นเคืองที่มีกับศิษย์น้องใหม่แทน


ซึ่งก็คือวัฒนธรรมลอดช่องสุนัขนั่นเอง


อี้เกาหนิงชี้ไปยังช่องลอดสุนัขซึ่งมีมานานแล้วหลายร้อยล้านปี ศิษย์ใหม่ทุกคนต้องถูกบังคับให้ลอดช่องสุนัขช่องนี้ ต่อให้ศิษย์ใหม่จะเป็นราชาแห่งยุคแต่พวกเขาก็ไม่ว่าขัดขืนได้เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์


แรงกดดันของตัวตนระดับวารีนิรันดร์หนักหน่วงจนแม้แต่ศิษย์ใหม่ที่เป็นราชาก็ยังสั่นสะท้าน


เว้นเพียงแต่สองคนที่ไม่รู้สึกอะไรอย่างหลิงฮันและจักรพรรดินี


ทั้งสองมีพลังระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด พลังต่อสู้ของพวกเขาเทียบระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลายหรืออาจจะชั้นสูงสุด


คิดจะใช้อำนาจกดขี่พวกเขา? ให้เซียนมาแทนเถอะ


“ฮึ่ม” อี้เกาหนิงหรี่ตาก่อนจะปลดปล่อยอำนาจให้รุนแรงขึ้น


“พวกเจ้ามัวทำอะไร รีบๆลอดเร็วเข้า!” ศิษย์พี่คนหนึ่งชี้ไปยังกลุ่มศิษย์น้อง พลังของเขานั้นอ่อนแอกว่าอี้เกาหนิง เขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดที่คาดว่าน่าจะไม่สามารถขัดเกลาพลังให้บรรลุขั้นสมบูรณ์ได้เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาสำนักละอองดาราไม่เคยรับศิษย์ที่เป็นราชาระดับสามเลยสักคน


อย่าว่าแต่ราชาระดับสามเลย แค่ราชาระดับสองก็มีจำนวนเพียงหยิบมือจนน่าใจหาย ดังนั้นศิษย์พี่ผู้นี้จึงสมควรเป็นราชาระดับหนึ่งที่ขัดเกลาขั้นสมบูรณ์ในระดับภูผาวารี


“เร็วเข้า หรือพวกเจ้าอยากให้พี่อี้ลงมือ?” ศิษย์พี่คนหนึ่งเร่งเร้า


ศิษย์พี่เหล่าเคยถูกทำให้อัปยศโดยการคลานลอดช่องสุนัขมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคับแค้นในจิตใจที่ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาต้องทำให้เหล่าศิษย์รุ่นต่อไปมีโชคชะตาเช่นเดียวกัน


“ทำไมพวกข้าต้องทำตาม?” ศิษย์น้องกล่าวคัดค้าน “ที่นี่คือสำนักละอองดารา พวกเจ้ากล้าก่อความวุ่นวายงั้นรึ!”


“น่าขัน ในเมื่อเจ้ารู้ว่าที่นี่คือสำนักละอองดาราก็สมควรรู้ไว้ด้วยว่านี่คือขนบธรรมเนียม!” ศิษย์พี่แสยะยิ้ม “หากพวกเจ้าไม่อยากถูกทุบตีทุกวันก็จงคลานลอดผ่านช่องสุนัขนี่เสีย ไม่เช่นนั้นพวกเจ้ารอคอยรับความอัปยศที่โหดเหี้ยมกว่านี้ได้เลย จะบอกให้ว่าศิษย์พี่ของพวกเจ้านั้นมีทั้งปรมจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงและสูงสุด”


ขนบธรรมเนียมนี้ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้!


ต่อให้เป็นตัวตนระดับสูงในสำนักตอนนี้ก็ล้วนแต่เคยผ่านจุดนี้มาแล้วทั้งนั้น


หลังจากฟังคำพูดนั้น เหล่าศิษย์ใหม่ก็ก้มหัวและยอมคลานลอดผ่านช่องสุนัขทีละคน


ศิษย์เก่าแต่ละคนจ้องมองกัน พวกเขายิ้มตลกหัวเราะขำขันเหล่าศิษย์ใหม่


ศิษย์ใหม่ของแต่ละสำนักย่อยมีเพียงร้อยคน แม้พวกเขาจะคลานกันอย่างเชื่องช่างแต่แค่ลอดช่องสุนัขนั้นจะใช้เวลานานเท่าไหร่เชียว?


“หืม พวกเจ้าสามคนมัวทำอะไร?” ศิษย์พี่คนหนึ่งชี้ไปยังกลุ่มหลิงฮันสามคน ศิษย์ใหม่คนอื่นๆต่อแถวรอคลานลอดช่องสุนัขกันหมดแล้วแท้ๆ แต่ทั้งสามกับยังคงยืนแน่นิ่งราวกับไม่เกี่ยวข้อง


“ถ้าชอบนักทำไมพวกเจ้าไม่ทำเองล่ะ?” หลิงฮันยิ้มและกล่าว


“จงมาต่อแถวคลานลอดช่องสุนัขซะ!” ศิษย์พี่คำราม


“หรือพวกเจ้าคิดจะฝ่าฝืนวัฒนธรรมลอดช่องสุนัข?” ศิษย์พี่คนอื่นๆกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขัง การที่ได้เห็นราชาเหล่านี้ได้รับความอัปยศทำให้จิตใจของพวกเขาผล่อยคลายอย่างน่าอัศจรรย์ นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ‘วัฒนธรรม’ เช่นนี้ถึงยังคงมีมาจากรุ่นสู่รุ่น


“ไม่ใช่ว่าพวกข้าจะฝ่าฝืนเสียหน่อย ก็แค่อยากให้พวกศิษย์พี่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนก็เท่านั้นเอง เพราะอย่างไรพวกเจ้าก็มีประสบการณ์มาก่อนแล้วไม่ใช่รึไง” หลิงฮันยิ้มโดยไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดใดๆ


ฮึ่ม!


เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าศิษย์พี่ก็เกรี้ยวกราดทันที


ประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับความอัปยศมาก่อนนั้น เป็นเงามืดฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกเขา มีเพียงการเป็นฝ่ายสร้างความอัปยศแบบเดียวกันให้กับผู้อื่นเท่านั้นเงามืดนี้ถึงจะถูกชำระล้างหายไป ไม่เช่นนั้นจิตใจของพวกเขาก็จะเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองไปตลอดกาล


เจ้ากล้ากล่าวถึงเรื่องนี้ต่อหน้าพวกข้า?


ช่างบังอาจ!


ศิษย์พี่คนหนึ่งก้าวมาด้านหน้าและกล่าว “ทุกครั้งที่มีการนับศิษย์จะมีคนปฏิวัติตลอด ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นพวกเจ้าสามคนสินะ” เขากวาดสายตามองพวกหลิงฮันก่อนที่จะหยุดชะงักที่จักรพรรดิ ปากของเขาอ้าค้างและแววตาแสดงออกถึงความตกตะลึง


สตรีผู้นี้ช่างสง่างามนัก ต่อให้เขาไม่เห็นหน้าของนางก็ยังใจเต้นแรกจนแทบจะออกจากร่างและดวงตาเปิดกว้างจนแทบถลน


“อาจารย์ ให้ข้าจัดการเอง!” จิ่วเยาก้าวเดินออกมา


หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและกล่าว “อืม”


จิ่วเยาว์ได้รับวาสนาจากแผ่นหินสีทอง พลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ถูกยกระดับเป็นระดับดาราขั้นต้นชั้นกลาง ส่วนอีกฝ่ายนั้นต่อให้จะมีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุด แต่หลิงฮันเชื่อว่าด้วยพลังต่อสู้ของจิ่วเยาแล้วไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน


“เข้ามา!” จิ่วเยาเร่าร้วนด้วยเพลิงสู้รบ เขาต้องการเห็นว่าเหล่าลูกศิษย์ของสำนักละอองดาราจะแข็งแกร่งขนาดไหน


“ศิษย์น้อง วันนี้ในฐานะศิษย์พี่ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้เองว่าต่อให้เป็นราชาเหมือนกันก็ยังมีความต่างของพลังอยู่!” ร่างของศิษย์พี่คนนั้นสั่นสะท้านก่อนที่หมอกสีดำได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากเท้าและโอบล้อมทั้งร่างของเขากับจิ่วเยาเอาไว้


นี่คือทักษะที่เขาถนัดที่สุด ภายในหมอกสีดำนี้ ศัตรูจะถูกปิดกั้นการมองเห็นทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มที่ เปรียบได้กับการลดพลังต่อสู้ของศัตรูไปถึงห้าถึงหกส่วน


‘พรึบ’ ท่ามกลางหมอกสีดำ จู่ๆแสงสีทองอันเจิดจรัสก็สว่างออกมาราวกับดวงตะวัน หมอกสีดำถูกทำให้สลายไปในพริบตาเดียว

 

 

 


ตอนที่ 1468

 

กายหยาบทองคำ!


ในตอนที่หลิงฮันขึ้นไปถึงแผ่นหินสีทองในหุบเขาเฉินเอี๋ยนและได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่นั้น ตัวเขาเปรียบเสมือนคนที่ได้กินเนื้อส่วนคนอื่นได้กินน้ำซุป เหล่าราชาที่ขึ้นไปถึงจุดที่สองของหุบเขาได้รับวาสนาให้ดูดซับพลังงานบางส่วนของแผ่นหินสีทอง วาสนานั้นทำให้พลังบ่มเพาะของพวกเขาเพิ่มขึ้นและได้รับกายหยาบทองคำ


ร่างของจิ่วเยาส่องประกายราวกับดวงตะวันและสลายหมอกสีดำ


“อะไรกัน!” ศิษย์พี่หลายสิบคนอุทาน


“ทักษะนั่นมันอะไรกันทำไมถึงสามารถสลายหมอกของศิษย์น้องได้!”


“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าจะลืมตาไม่ขึ้นในขณะที่มองไปยังแสงนั่น?” ศิษย์พี่อีกคนใบหน้าเปลี่ยนสี


“สัมผัสสวรรค์ของข้าตรวจไม่พบความพิเศษใดๆของแสงนั่นเลยแท้ๆ” ศิษย์อีกคนยิ่งตกตะลึง


จิ่วเยารุดขึ้นหน้าและปล่อยหมัดออกไปตรงๆ


การกระทำของเขาค่อนข้างเสี่ยงเล็กน้อย ปกติแล้วหากไม่ใช่จอมยุทธอย่างหลิงฮันที่มีกายหยาบไร้เทียมทานล่ะก็ พวกเขามักไม่โจมตีลวกๆอย่างประมาทเช่นนี้


แต่ตอนนี้ศิษย์พี่ตรงหน้ากำลังได้รับผลกระทบจากประกายแสงของกายหยาบทองคำ ดวงตาของเขาพร่ามัวและแม้กระทั่งสัมผัสสวรรค์ก็ถูกรบกวนจนไม่ต่างกับคนตาบอด


เพราะงั้นจิ่วเยาถึงกล้าปล่อยหมัดออกไปตรงๆอย่างเรียบง่าย


ศิษย์พี่ตรงหน้าตกตะลึง ด้วยประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชนของเขาทำให้เขาตัดสินใจล่าถอยออกมาจากแสงอันเจิดจ้าของจิ่วเยาทันที


เขาตัดสินใจได้ถูกต้องก็จริง แต่ทันทีที่เขาล่าถอย จิ่วเยาก็เคลื่อนติดไล่ตามเขาไปติดๆไม่ปล่อย


ศิษย์พี่ตรงหน้าเริ่มหวาดกลัว ไม่ว่าเขาจะหลบไปทางไหน รอบข้างเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า การที่เขามองไม่เห็นอะไรเลยทำให้ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเขา


คงจะไม่… เป็นแบบไปตลอดหรอกนะ?


ปัง!


ความหวาดระแวงทำให้ฝีเท้าของเขาเชื่องช้าลงและถูกหมัดของจิ่วเยาโจมเข้าใส่อย่างจัง ‘ตูม’ ร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปจนออกมาจากรัศมีของแสงสว่าง


‘โครม’ เสียงร่างของเขาตกกระแทกลงพื้น ศิษย์พี่คนนั้นสัมผัสได้ถึงความเต็มในปาก เมื่อเขาลองอ้าปากกว้าง ฟันสามซี่ก็ได้หลุดออกมาพร้อมกับโลหิต


จิ่วเยาสลายกายหยาบทองคำและเผยรอยยิ้มพึงพอใจ


เขายังไม่ใช่ได้พลังของสายเลือด เพียงแค่พลังใหม่ที่ได้รับจากวาสนาก็ทำให้เขาสามารถโค่นราชาในระดับพลังเดียวกันได้อย่างง่ายดาย


เหล่าศิษย์พี่ตกตะลึง ในขณะเดียวกันเหล่าราชาศิษย์ใหม่ที่ยังไม่ได้คลานลอดผ่านช่องสุนัจก็ลุกขึ้นยืนจ้องมองไปยังจิ่วเยากับหลิงฮันด้วยสายตาซับซ้อน


ทั้งสามคนกล้าที่จะขัดคืนวัฒนธรรมของสำนัก ถึงแม้สุดท้ายพวกเขาจะล้มเหลวแต่อย่างไรการกระทำของพวกเขาก็น่าเลื่อมใส


“เหอะ เป็นพวกหัวดื้อที่พอมีความสามารถอยู่บ้าง” อี้เกาหนิงทำตาขึงขัง “แต่ขัดขืนอย่างเปล่าประโยชน์ไปก็มีแต่จะทำให้พวกเจ้าอัปยศยิ่งขึ้น”


“แค่ระดับดาราตัวจ้อย ข้าสามารถบดขยี้ได้ด้วยหนึ่งนิ้วมือ!” อี้เกาหนิงเหยียดหยาม “เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่านี่ไม่ใช่การประมือแลกเปลี่ยนแต่เป็นพิธีรับศิษย์ใหม่! หากไม่เชื่อฟังแต่โดยดีก็คงต้องใช้กำลัง!”


เขาเอื้อมมือออกไปทางจิ่วเยา ฝ่ามือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บบาง แม้กรงเล็บนี้จะดูไม่มีอะไรพิเศษแต่มันส่องประกายแวววับราวกับเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์


นี่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคืออำนาจของระดับวารีนิรันดร์ที่แฝงอยู่ในกรงเล็บ ต่อให้จิ่วเยาแข็งแกร่งกว่านี้อีกหมื่นเท่าก็ไม่สามารถต้านทานได้!


จักรพรรดินีคิดจะลงมือ แต่หลิงฮันยกมือซ้ายขึ้นมาห้ามนางและปล่อยหมัดขวาของตนเองเข้าตอบโต้กรงเล็บ


“อย่าได้ประเมินตนเองสูงไป!” อี้เกาหนิงแสยะยิ้ม


เขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ถึงแม้จะเพิ่งทะลวงผ่านสำเร็จเมื่อเจ็ดแสนปีก่อนและตอนนี้มีพลังบ่มเพาะเพียงขั้นต้นชั้นปลาย แต่ไม่ใช่ว่าเขาเป็นอัจฉริยะหรอกรึ?


ต่อให้หลิงฮันบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด แต่ความต่างของระดับพลังสองชั้นย่อยและศักยะภาพอัจฉริยะห้าดาวของเขาทำให้เขามีพลังต่อสู้เหนือกว่าหลิงฮันถึงเจ็ดดาว หากขนาดนี้แล้วยังไม่ชนะอีกเขาคงขอยอมตายเสียดีกว่า


หมัดของหลิงฮันสั่นไหว ทันใดนั้นกรงเล็บที่พุ่งเข้ามาก็ค่อยๆสลายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจนในที่สุดกรงเล็บก็หายไปอย่างสมบูรณ์


AnchorAnchor


กาลเวลาแปรผันพันปี!


หลิงฮันได้รับทักษะสมบูรณ์ของทำนองแปรผันกาลเวลามาจากหูหยู่ ซึ่งไม่ใช้ทักษะไม่สมบูรณ์ที่มีขีดจำกัดที่สืบทอดผ่านสายเลือดของตระกูลติง


และหลังจากได้รับทักษะทำนองแปรผันกาลเวลามา ระยะเวลาสิบปีภายในแผ่นหินสีทองมีรึที่หลิงฮันจะไม่ก้าวหน้าในทักษะนี้?


“อะไรกัน!”


เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ตกตะลึงจนดวงตาเปิดกว้าง ส่วนอี้เกาหนิงนั้นชะงักหยุดแน่นิ่ง


เป็นไปได้อย่างไร?


นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี ราชาในระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลายไม่สามารถสยบจอมยุทธระดับดาราได้อย่างราบคาบ?


ศิษย์ใหม่ที่ยังไม่ได้คลานลอดช่องสุนัขรู้สึกจิตใจสั่นสะท้าน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชื่อของหลิงฮันถึงได้ถูกเรียกเป็นรายชื่อที่สอง ที่แท้เขาก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้! พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหากลองเปลี่ยนหลิงฮันเป็นกู่ต้าวอี้ที่เป็นรายชื่ออันดับหนึ่งจะเป็นอย่างไร?


หลิงฮันดึงมือกลับและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่จำเป็นต้องสั่งสอนศิษย์ข้า ข้าจะเป็นคนชี้แนะเขาด้วยตนเอง!”


แววตาของอี้เกาหนิงกลายเป็นโหดเหี้ยม หากเขาสยบศิษย์ใหม่ไม่ได้ ในอนาคตเขาจะยังมีหน้าไปพบใครอีก?


การให้ศิษย์ใหม่ทุกคนลอดช่วงสุนัขเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมา หากเขาล้มเลวในหน้าที่นี้เกรงว่าราชาที่มีอำนาจเหนือกว่าเขาในสำนักละอองดาราคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่


อี้เกาหนิงสบถด่าในใจ เหตุใดเขาถึงต้องมาพบกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้?


Anchor


เซียนหมิงซินไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เป็นที่รู้จักกันในนามของปรมาจารย์รูปแบบอาคม ในหลายล้านปีที่ผ่านมานี้ไม่มีสุดยอดราชาคนใดเข้าร่วมสำนักย่อยที่แปดเลย เพราะงั้นเขาจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถสยบศิษย์ใหม่ได้


แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเขาจะโชคร้ายต้องมาพบเจอกับสุดยอดราชาที่ทรงพลังเช่นหลิงฮัน


อี้เกาหนิงไม่กล้าประมาทหลิงฮัน เขากล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”


“หลิงฮัน” หลิงฮันกล่าว


“พวกเรามาคุยกันดีๆก่อนเป็นอย่างไร?” อี้เกาหนิงไม่กล่าวด้วยท่าทีโอหังอีกต่อไป เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้เนื่องจากคู่ต่อสู้ทรงพลังเกินไป

 

 

 


ตอนที่ 1469

 

“คุยกันดีๆ?” หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและส่ายหัว “หากจะพูดคุยนั้นข้ายินดีตลอดเวลา แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุยแต่เป็นเวลาที่เจ้าต้องแสดงให้พวกข้าดูว่าลอดช่องสุนัขนั้นทำอย่างไร”


อี้เกาหนิงเกรี้ยวกราด อีกฝ่ายบอกให้เขาลอดผ่านช่องสุนัขงั้นรึ?


เขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์!


ต่อให้เป็นในดาวมู่ถูที่เซียนทั้งสิบคนเป็นใหญ่ แต่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์ก็ยังเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนหวั่นเกรง


เจ้ากล้าบอกให้ตัวตนระดับวารีนิรันดร์เช่นเขาลอดผ่านช่องสุนัขงั้นรึ?


“ข้าพบเจอคนอวดดีมามากมาย แต่สำหรับเจ้านั้น…” อี้เกาหนิงส่ายหัว “ศิษย์น้องหลิง เจ้ามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่เจ้าต้องตระหนักเอาไว้ด้วยว่าที่สำนักละอองดาราแห่งนี้สิ่งที่ไม่ขาดแคลยเลยคืออัจฉริยะ!”


หลิงฮันหัวเราะด้วยท่าทางโอหัง “นั่นเพราะเจ้ายังไม่เคยพบข้า!”


ใบหน้าของอี้เกาหนิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “เช่นนั้นก็มีแต่ต้องปะทะ!”


เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่รับหน้าที่ต้อนรับศิษย์ใหม่ในคราวนี้ ใครจะไปคิดว่าจะมีศิษย์ใหม่ที่จัดการด้วยยากขนาดนี้อยู่ด้วย


“พันวิถีปลิดชีพ!” เขาตบฝ่ามือเข้าใส่ร่างของตนเอง ‘ครืนน’ แสงสว่างอันเจิดจ้าส่องประกายออกมาจากภายในร่างของเขา


มันคือแก่นรูปแบบอาคม!


Anchor


เซียนหมิงซินนั้นเชี่ยวชาญในศาสตร์รูปแบบอาคมเป็นอย่างมาก กระดูกแต่ละส่วนในร่างของเขาถูกสลักเอาไว้ด้วยแก่นรูปแบบอาคม เมื่อใดที่กระตุ้นใช้งานจะทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล


บริเวณรอบด้านอี้เกาหนิงมีกระบี่ทองคำปรากฏออกมา อำนาจของมันทรงพลังราวกับจะทะลวงผ่านไปถึงเก้าชั้นฟ้า


‘ฉัวะ!’


Anchor


อี้เกาหนิงลงมือ กระบี่ทองคำนับร้อยพุ่งจู่โจมอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันพุ่งไปด้านหน้าเข้าหากระบี่อย่างไม่หวาดหวั่น


รนหาที่ตาย?


อี้เกาหนิงแสยะยิ้ม เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิงฮันจะตอบโต้เช่นนี้ แต่ต้องรู้ก่อนว่ากระบี่ทองคำเหล่านี้คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา การที่หลิงฮันเป็นคนพุ่งเข้าใส่เองไม่ใช่ว่าเท่ากับฆ่าตัวตายหรอกรึ?


เจ้าจบสิ้นแล้ว!


กระบี่ทองคำปะทะกับเป้าหมาย ‘เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง’ เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นราวกับว่ากระบี่ไม่ได้ปะทะเข้ากับเกราะป้องกันปราณก่อเกิดแต่เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ กระบี่ที่ปะทะเข้ากับร่างของหลิงฮันแหลกสลายจนดูเหมือนว่านั่นไม่ใช่การโจมตีของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์แต่เป็นการโจมตีอ่อนหัดของใครก็ไม่รู้


เป็นไปได้อย่างไร?


อี้เกาหนิงยมอรับไม่ได้ อีกฝ่ายสวมใส่สมบัติป้องกันที่ล้ำค่าขนาดไหนอยู่กันแน่ เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะสามารถต้านทานการโจมตีเต็มพลังของเขาได้อย่างง่ายดาย? แต่เมื่อเขาจ้องมองดูดีกลับพบว่าบนร่างกายของหลิงฮันไม่มีแสงสว่างที่เกิดจากรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ของสมบัติใดๆเลยแม้แต่น้อย


หรือจะเป็นกายหยาบ? …เหลือเชื่อ!


ถูกแล้ว กายหยาบของหลิงฮันในตอนนี้มีระดับสูงกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พอที่จะต้านทานการโจมตีของราชาระดับวานีนิรันดร์ขั้นต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อครู่เขาทำการโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไปพร้อมกันทำให้พลังป้องกันของเขายกระดับขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ในระยะเวลาสั้นๆ


หลักการของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เมื่อครู่ทำให้เขาสามารถต้านทานได้แม้กระทั่งหนึ่งการโจมตีของเซียน!


หากเป็นเช่นนั้น จึงไม่ต้องเอ่ยถึงการโจมตีของอี้เกาหนิงเลย


หลังจากปลดปล่อยการโจมตีออกไปด้วยพลังทั้งหมด อี้เกาหนิงในตอนนี้จึงอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด


ตูม!


หลิงฮันปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าอี้เกาหนิง ร่างของอีกฝ่ายลอยกระเด็นกระแทกเข้าใส่ประตูลานที่พักทันทีก่อนที่จะร่วงลงมานอนแผ่ที่พื้น


ทุกคนอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น


เหตุใดศิษย์ใหม่ในครั้งนี้ถึงได้แข็งแกร่งฝืนสวรรค์เช่นนี้?


อี้เกาหนิงแข็งแกร่งขนาดไหน? แน่นอนว่าแข็งแกร่งมากโดยไม่ต้องมีข้อสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับหลิงฮัน!


อันที่จริงหากอี้เกาหนิงเตรียมการมาก่อนเพื่อสู้กับหลิงฮันล่ะก็ ต่อให้หลิงฮันจะเอาชนะได้ก็ต้องแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันเกิดกว่าร้อยกระบวนท่า พันกระบวนท่าหรืออาจจะหมื่นกระบวนท่า แต่เนื่องจากเขาไม่ได้ตระหนักรับรู้เลยว่ากายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อใช้พลังทั้งหมดไปกับหนึ่งการโจมตี เขาจึงตกอยู่ในสภาพพ่ายแพ้หมดรูปเช่นนี้


“แบบนั้นล่ะ!” ศิษย์ใหม่ที่เหลือเจ็ดคนร้องออกมา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่อยากคลานลอดผ่านช่องสุนัขอันอัปยศ เพราะงั้นตอนนี้เมื่อหลิงฮันตอบโต้โดยเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น


ต่อให้หลังจากนี้จะมีศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏตัวและบังคับให้พวกเขาก้มหัวพวกเขาก็ไม่สนใจแล้ว


พวกเขาจะปฏิวัติและหักหน้าศิษย์เก่าเหล่านั้น!


อี้เกาหนิงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ในตอนที่ถูกหลิงฮันโจมตีเขายังสามารถป้องกันใบหน้าเอาไว้ด้วยปราณก่อเกิดได้ทัน ดังนั้นต่อให้จะถูกซัดจนร่างกระเด็นก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนัก


ไม่ว่าอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็คือระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลาย แถมยังเป็นราชา!


ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอายที่พ่ายแพ้ให้กับศิษย์ใหม่ แววตาของเขาส่องประกายโกรธเกรี้ยว ความอัปยศต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ช่าน่าอับอายนัก!


หากความแค้นนี้ไม่ถูกชำระ เขาจะมีหน้าไปพบเจอผู้คนในภายภาคหน้าได้อย่างไร?


“รอก่อนเถอะ!” เพียงต่อว่าอี้เกาหนิงไม่คิดจะแก้แค้นหลิงฮันด้วยตัวเองและตั้งใจจะไปบอกให้ศิษย์พี่ที่แข็งแกร่งกว่าลงกำราบหลิงฮัน


วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง เหล่าเซียนในตอนนี้ใครบางที่ไม่เคยคลานลอดช่องสุนัข?


หลิงฮันที่ปฏิวัติคิดจะต่อต้านวัฒนธรรมของสำนักละอองดาราที่โชคชะตาที่จะต้องพินาศ!


“หืม นั่นเจ้าจะไปไหน?” หลิงฮันแสยะยิ้ม เขายังไม่ทันได้ล่วงเกินใครเลยแท้ๆแต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานว่าจะให้เขาคลานลอดผ่านช่องสุนัขให้ได้ แต่พอเอาชนะเอาไม่ได้กลับหนีจะปัดตูดหนีไปง่ายๆแบบนั้น?


“เจ้าคิดจะให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ?” อี้เกาหนิงหัวเราะเยาะเย้ย


“ข้าไม่ได้คิด แต่เจ้าต้องอยู่!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “หากเอาชนะข้าไม่ได้เจ้าก็ต้องคลานลอดผ่านช่องสุนัข!”


“ฝันไปเถอะ!” อี้เกาหนิงแสยะยิ้ม ในประวัติศาสตร์ของสำนักละอองดารามีจำนวนคนที่ปฏิวัติอยู่มากมายแถมยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งยุคสมัย แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ต้องถูกกำราบโดยศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งกว่า


หากระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นไม่สามารถกำราบเจ้าได้ แล้วถ้าหากเป็นขั้นกลาง ขั้นสูงหรือขั้นสูงสุดล่ะ?

 

 

 


ตอนที่ 1470

 

อี้เกาหนิงตัดสินใจเมินเฉยหลิงฮันและไปหาความช่วยเหลือ


แต่ทันทีที่เขาหันหลังและกำลังจะก้าวเดิน จิตสังหารอันหนักหน่วงก็ตรึงร่างเขาเอาไว้ราวกับว่าหากเขาก้าวเท้าแม้แต่ก้าวเดียว ความตายอันโหดเหี้ยมจะปลิดชีวิตเขาโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ซากศพ


ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากสัญชาตญาณของผู้มีประสบการณ์เท่านั้น


อี้เกาหนิงรู้สึกแปลกใจและค่อยๆหันหลังกลับอีกครั้งอย่างช้าๆเนื่องจากหวาดกลัวว่าหากเขาผลีผลามจะเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายลงมือสังหารเขา แต่เมื่อหันหลังกลับมาอี้เกาหนิงก็ต้องประหลาดใจเนื่องจากคนที่ปลดปล่อยจิตสังหารเข้าใส่เขาไม่ใช่หลิงฮัน!


อีกฝ่ายเป็นสตรีที่มีผ้าคลุมปิดปังใบหน้า กลิ่นอายของนางนั้นทั้งสูงศักดิ์และกดขี่ราวกับเป็นจักรพรรดินีผู้ปกครอง!


ที่เขาตกตะลึงนั้นเพราะจิตสังหารของสตรีผู้นี้น่าสะพรึงกลัวจนแม้แต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัว นี่แสดงให้เห็นว่านางมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงขนาดไหนทั้งๆที่เป็นเพียงระดับดาราแท้ๆ


นางต้องเป็นสุดยอดราชาที่มีพลังบ่มเพาะขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดไม่ผิดแน่ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงเช่นนี้


นี่มันบ้าไปแล้ว!


สักนำย่อยที่แปดนี้โดดเดี่ยวในศาสตร์รูปแบบอาคม เหตุใดถึงมีศิษย์ใหม่ที่เป็นสุดยอดราชาปรากฏตัวถึงสองคน?


จักรพรรดินีไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก คิดจะให้นางกับหลิงฮันคลานลอดช่องสุนัขงั้นรึ?


“ข้าจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นหมื่นชิ้นและโยนให้สุนัขจรจัดกิน!” จักรพรรดินีกล่าวอย่างโหดเหี้ยม


เพียงแต่เสน่ห์ของนางนั้นมีมากเกินไป ต่อให้นางพูดคำหยาบเช่นนั้นออกไปก็ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด


“สาวน้อย นายท่านหมาผู้นี้กินแต่ผักเท่านั้น” สุนัขตัวดำที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนกล่าว “เจ้าอย่าได้หมิ่นประมาทนายท่านหมา!”


หลิงฮันยิ้ม สุนัขเนี่ยนะกินแต่ผัก? มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะเชื่อ!


“จะเลือกคลานลอดช่องสุนัขหรือจะถูกทุบตีเจ้าเลือกเอา!” หลิงฮันสะบัดแขนเสื้อกล่าวเพื่อประกาศว่าเขาจะร่วมมือกันกับจักรพรรดิ


“ชะ ช่องสุนัข?” สุนัขตัวดำกระโดดเข้ามาและพบเข้ากับช่องสำหรับให้สุนัขลอดผ่านถูกขุดเอาไว้ที่ด้านข้างประตูทางเข้าลานที่พัก มันเกรี้ยวกราดทันที “พวกเจ้าบังอาจลบหลู่นายท่านหมา? ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”


มันพุ่งทะยานกัดเข้าที่ข้อมือของอี้เกาหนิงอย่างรวดเร็ว


อี้เกาหนิงไม่กล้าเคลื่อนไหวเนื่องจากถูกหลิงฮันกับจักรพรรดินีเพ่งเล็งอยู่ หากเขาหลบหลีกจะต้องเป็นการกระตุ้นทั้งสองคนแน่นอน


เพราะงั้นเขาถึงเลือกที่จะโคจรปราณก่อเกิดเพื่อสร้างเป็นโล่ป้องกันรอบร่างกายแทน


หลิงฮันถอนหายใจให้กับความโชคร้ายของอี้เกาหนิง ถึงแม้สุนัขตัวดำจะดูปัญญาอ่อน แต่หากใครกล้าดูถูกมันคนคนนั้นจะต้องมีโชคชะตาที่จบลงไม่สวย!


ปัง!


สุนัขตัวดำทำลายโล่พลังปราณและเบี่ยงตัวกัดไปยังก้นของอี้เกาหนิง


“อ้ากกก” อี้เกาหนิงกรีดร้องราวกับโลกจะแตกและเอนตัวไปด้านหน้าด้วยความเจ็บปวด


“กล้าดูหมิ่นนายท่านหมาผู้นี้ ข้าจะกัดก้นของเจ้าให้แยกเป็นสามส่วน!” สุนัขตัวดำกัดอย่างรุนแรงจนมีเลือดไหลออกมาตามช่องปากของมันไม่หยุด


“รีบปล่อยข้า!” อี้เกาหนิงทรมานเป็นอย่างมาก บริเวณก้นนั้นไม่มีกระดูด เพราะงั้นการกัดของสุนัขตัวดำจึงทำให้รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง


เขาทนอยู่นิ่งไม่ไหวอีกต่อไปและวิ่งเผื่อสลัดสุนัขตัวดำออกไป แต่สุนัขตัวดำนั้นกัดเขาเอาไว้แน่นมากจนทำอย่างไรก็ไม่หลุด


สุนัขตัวดำยังคงกล่าวเหน็บแนม “เจ้ามนุษย์อัปลักษณ์ เหตุใดก้นของเจ้าถึงได้เหม็นเช่นนี้? นี่เจ้าไม่ได้อาบน้ำมานานกี่วันแล้ว?”


ทุกคนจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ช่างน่าขันยิ่งนัก ปรมจารย์ระดับวารีนิรันดร์กำลังถูกสุนัขตัวดำที่สวมกางเกงในเหล็กกัดก้นอย่างทุกข์ทรมาน จะยังมีเหตุการณ์แบบไหนอีกที่ตลกไปมากกว่านี้?


“สุนัขบัดซบ ข้าจะฆ่าเจ้า!” อี้เกาหนิงไม่สามารถสลัดสุนัขตัวดำได้ ทันใดนั้นกระดูกในร่างของเขาก็ส่องสว่าง อักขระรูปแบบอาคมที่ถูกสลักเอาไว้ถูกกระตุ้นใช้งาน ยิ่งระดับพลังสูงขึ้นเท่าไหร่รูปแบบที่สามารถสลักลงไปที่กระดูดได้ก็จะมีระดับสูงและทรงพลังยิ่งขึ้น


กระบี่ทองคำนับไม่ถ้วนปรากฏออกมาและกระหน่ำจู่โจมเข้าใส่สุนัขตัวดำ


แต่กายหยาบของสุนัขตัวดำเองก็แข็งแกร่งจนน่าตกตะลึงเช่นกัน กระบี่ทองคำที่พุ่งเข้าใส่มันนั้นไม่ได้ผลแม้แต่น้อย แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่สามารถตัดขาด


สุนัขตัวดำมีท่าทีภาคภูมิใจและยังคงกัดไม่ปล่อย “คิดจะทำร้ายนายท่านหมา ยังเร็วไปล้านปี! เจ้ามนุษย์โง่เขลา จงมาเป็นสัตว์ขี่ให้นายท่านมาซะ!”


อี้เกาหนิงโมโหมาก หากพ่ายแพ้แล้วยังต้องถูกนำไปเป็นสัตว์ขี่ของสุนัขด้วยแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีหน้าไปพบใครอีกแล้ว


“ข้าจะสู้เป็นตายกับเจ้า!” เขาคำรามพร้อมกับกระอักโลหิตออกมา ทันใดนั้นเส้นผมสามในสิบส่วนบนหัวของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาที่หยาบกร้าน เพียงแต่ว่าในขณะเดียวกันพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากจนเทียบเท่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง


‘ตูม’ เขาลงมือจู่โจมเข้าใส่สุนัขตัวดำ พลังโจมตีของเขารุนแรงเป็นอย่างยิ่ง สุนัขตัวดำถูกซัดจนร่างลอยกระเด็น แต่ปากของมันก็คาบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ติดไปด้วย


กางเกงของอี้เกาหนิงปรากฏรูขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นก้นอันขาวเนียนได้ชัดเจน แต่ที่บริเวณก้นของเขาได้มีเนื้อบางส่วนขาดแหว่งหายไปจนดูเหมือนถูกแบ่งเป็นสามแฉก โลหิตไหลท่วมออกมาย้อมกางเกงในเป็นสีแดง


“อ้ากก!” สุนัขตัวดำร้องโอดครวญราวกับโลกจะแตก “ฆาตกร! ฆาตกร! นายท่านหมาเจ็บจะตายอยู่แล้ว! มนุษย์บ้าคลั่งคนหนึ่งคิดจะสังหารนายท่านหมา!”


นี่มัน!


ปากของทุกคนกระตุกไปมา แม้กระทั่งหลิงฮันก็เริ่มรู้สึกเห็นใจอี้เกาหนิง


สุนัขตัวดำไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเป็นอี้เกาหนิงต่างหากที่ถูกกัดเนื้อที่ก้นจนขาดแหว่ง ใครกันแน่ที่ดูน่าเจ็บปวดยิ่งกว่ากัน?


ท่าทางของสุนัขตัวดำทำให้อี้เกาหนิงลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่และจ้องมองไปที่มัน เขาเคยพบเจอคนที่ไร้ยางอายมามากมายนับไม่ถ้วน แต่เมื่อเทียบกับสุนัขตัวดำตนนี้แล้ว คนเหล่านั้นไม่นับเป็นอันใดได้เลย


เหล่าศิษย์เก่าที่หัวไวรับเผ่นหนีก่อนอย่างรวดเร็ว ในเมื่ออี้เกาหนิงก็ยังทำอะไรไม่ได้ พวกเขาก็ไม่รู้จะอยู่ให้เจ็บตัวด้วยทำไม ศิษย์ใหม่ที่มาในรอบนี้ช่างแข็งแกร่งฝืนสวรรค์ยิ่งนัก แถมยังมีสุนัขตัวดำที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนอีก


ในขณะที่พวกเขาจะเผ่นหนีมือขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหนี่ยวรั้งร่างพวกเขาเอาไว้


หลิงฮันยิ้ม “หากคิดจะไปไหนก็ต้องผ่านทางช่องนั้น!” เขาชี้นิ้วไปตรงช่องลอดสุนัข


ใครปฏิบัติกับเขาอย่างไรเขาก็จะปฏิบัติคืนอย่างนั้น

 

 

 


ตอนที่ 1471

 

“ไม่!” เหล่าศิษย์พี่นำมือกุมหัว เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? พวกเขาเป็นศิษย์พี่แท้ๆ ไม่เพียงแค่พวกเขาจะทำภารกิจรับศิษย์ใหม่ไม่สำเร็จ แต่ยังถูกศิษย์ใหม่เอาคืนอีกด้วย


“ข้าไม่ได้ถามความเห็นพวกเจ้า!” หลิงฮันลงมือ ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ เขาหักขาของศิษย์พี่เหล่านั้นและบีบบังคับให้คลานเข้าไปในช่องลอดสุนัข


เมื่อศิษย์พี่คนหนึ่งถูกส่งร่างให้คลานผ่านไป เสียงของศิษย์ใหม่ที่เงียบสงบก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง


“ศิษย์พี่หลิง! ศิษย์พี่หลิง! ศิษย์พี่หลิง!”


ศิษย์ใหม่ทุกคนตะโกนชื่อของหลิงฮันด้วยความตื่นเต้น


ในหมู่พวกเขาใครบ้างไม่ใช่ราชา? แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับต้องถูกบังคับให้รับความอัปยศอย่างไม่อาจขัดขืนด้วยอำนาจของระดับวารีนิรันดร์ ในสำนักละออกดาราแห่งนี้ขุมอำนาจเบื้องหลังของพวกเขาไม่อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้เนื่องจากที่นี่มีเซียนอยู่ถึงสิบคน


แต่ผ่านไปพริบตาเดียวเหล่าคนที่กดขี่พวกเขาก็ถูกจัดการและคลานก้มหัวลอดผ่านช่องสุนัขเหมือนกับพวกเขา เพราะงั้นแล้วจิตใจของพวกเขาจึงฮึกเหิมขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง


สีหน้าของเหล่าศิษย์พี่ที่ถูกบังคับให้ลอดผ่านช่องสุนัขเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นคนริเริ่มยั่วยุก่อนพวกเขาก็ต้องยอมรับผลกรรม


“ถึงตาเจ้าแล้ว!” หลิงฮันมองไปยังอี้เกาหนิง


อี้เกาหนิงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ศิษย์เก่าคนอื่นๆนั้นยังไม่เท่าไหร่เพราะพวกเขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราเหมือนกับหลิงฮัน แต่ตัวเขาต่างออกไป เขาเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์!


หากเขาคลานลอดผ่านช่องสุนัขนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมให้ศิษย์เก่าทุกคนถูกตบหน้า ซึ่งเขาไม่อาจรับผิดชอบความผิดเช่นนั้นไหว


“อย่าได้ฝัน!” จิตวิญญาณของเขาเดือดพล่าน เมื่อครู่เพื่อที่จะสลัดให้หลุดพ้นจากสุนัขตัวดำ เขาได้ทำการเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง ตอนนี้ร่างของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง


“บังอาจบีบบังคับข้าจนต้องเป็นแบบนี้ เจ้าต้องชดใช้!” อี้เกาหนิงคำรามและเผาผลาญพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง การกระทำที่บ้าบิ่นเช่นนี้ของเขานั้นหากหลังจากนี้ไม่ได้รับการรักษาจากสมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์และปฐพี พลังบ่มเพาะของเขาคงไม่มีความก้าวหน้าใดๆไปอีกหลายล้านปีเป็นอย่างน้อย


ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างแท้จริง


เขาต้องจัดการหลิงฮันกับจักรพรรดินีให้สำเร็จ อย่างน้อยก็ต้องกู้ใบหน้ากลับมาให้ได้


“ภรรยาข้า มาจัดการหมอนั่นด้วยกัน!” หลิงฮันยิ้มและกล่าวกับจักรพรรดินี


“อืม!” จักรพรรดินีพยักหน้า


สุดยอดราชาเช่นพวกเขานั้นรังเกียจการรุมคู่ต่อสู้ก็จริง แต่ใครใช้ให้อี้เกาหนิงเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์กันล่ะ? อย่าว่าแต่ร่วมมือกันสองคนเลย ต่อให้จอมยุทธระดับดาราเช่นพวกเขาร่วมมือกันเป็นร้อยคนก็ไม่มีใครกล่าวว่าอะไร


หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ต่อให้อี้เกาหนิงจะมีพลังสูงกว่าเขาก็ยังต้องถูกลดพลังต่อสู้ลงสองดาวเนื่องจากตอนนี้เขาบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด ซึ่งเปรียบเสมือนระดับวารีนิรันดร์ครึ่งก้าว


จักรพรรดินีนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา ก้อนหินชนิดนี้สามารถดูดซับการโจมตีที่มีพลังทำลายต่ำกว่าระดับสร้างสรรพสิ่งได้ทั้งหมด


อี้เกาหนิงที่เผาผลาญพลังชีวิตนั้น ตอนนี้เขามีพลังต่อสู้อยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั่วคราว แต่เขาได้ถูกอำนาจสวรรค์ลดพลังต่อสู้ไปสองดาวและพลังโจมตีก็ถูกลดทอนอำนาจไปด้วยAnchorกาลเวลาแปรผันพันปี ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีหินต้นกำเนิดสวรรค์ของจักรพรรดินีอีก


ราชาคนหนึ่งที่มีพลังต่อสู้เหนือกว่าถึงหนึ่งระดับใหญ่แต่กลับไม่สามารถจัดการจอมยุทธระดับดาราได้ แถมยังดูเหมือนจะเสียเปรียบอีกด้วย


ทุกคนไม่เชื่อในสายตาของตนเองและคิดว่ากำลังฝันอยู่


ศิษย์ใหม่ในปีนี้ไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดา แต่พวกเขาฝืนสวรรค์อย่างยิ่ง!


หลิงฮันรวมมือโจมตีควบคู่ไปกับจักรพรรดินี ด้วยความเข้าใจในกันและกันของทั้งสองทำให้ผ่านไปไม่นานก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอี้เกาหนิง


“เจ้าแน่ใจว่าจะไม่คลานผ่านช่องลอดสุนัขแต่โดยดี?” หลิงฮันถาม


อี้เกาหนิงกัดฟันแน่น เขาไม่มีบางยอมก้มหัวเด็ดขาด


“เจ้าดำน้อย มานี่!” หลิงฮันกล่าว


“ใครเรียกนายท่านหมา?” สุนัขตัวดำที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนปรากฏตัวอยู่ด้านข้างหลิงฮัน มันพาดเท้าหน้าเอาไว้ด้านหลังและกล่าว “เจ้าหนู เจ้าช่างกล้านักที่เรียกนายท่านหมาว่าดำน้อย”


“ถ้างั้นดำใหญ่ล่ะ?” หลิงฮันยิ้ม


“นายท่านดำ!” สุนัขตัวดำกล่าวเน้นย้ำและสะบัดอุ้งเท้า “เจ้าเรียกข้ามาทำไม?”


“มาทำให้หมอนั่นคลานลอดช่องสุนั…”


“ช่องรอดสุนัขน้องสาวเจ้าสิ นั่นมันรูหนู!” สุนัขตัวดำโอดครวญแย้งคำพูดหลิงฮัน


หลิงฮันไม่เถียงและกล่าวต่อ “ช่วยข้าทำให้หมอนั่นคลานผ่านรูนั่นให้ได้!”


สุนัขตัวดำดวงตาส่องประกาย การสร้างความลำบากให้ผู้อื่นคือสิ่งที่มันชื่นชอบที่สุด “ให้เป็นหน้าที่นายท่านหมาเอง!” สุนัขตัวดำตื่นเต้นจนแลบลิ้นน้ำลายไหลย้อยอย่างบ้าคลั่ง


อี้เกาหนิงที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย


เขาไม่หวาดกลัวหลิงฮันเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่กล้าสังหารเขาในสำนัก ตราบใดที่ถ่วงเวลาเอาไว้ได้นานมากพอศิษย์เก่าคนอื่นๆก็จะมาตรวจสอบสถานการณ์และเรื่องยุ่งยากก็จะถูกสะสางไปเอง


แต่กับเจ้าสุนัขหน้าไม่อายตนนี้ไม่ใช่แบบนั้น คงมีเพียงแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามันตั้งใจจะทำอะไร


สุนัขตัวดำจ้องมองไปยังอี้เกาหนิงก่อนจะกล่าว “ถ้าเจ้าไม่ยอมทำตามแต่โดยดี นายท่านหมาจะไปพาหมูตัวเมียมาและวางยาให้เจ้าร่วมรักกับมันที่นี่!”


อี้เกาหนิงเหงื่อตกราวกับหยาดฝน ถ้าหากเขาต้องร่วมรักกับหมูตัวเมียจริงๆ เขาจะยังมีหน้าอยู่ที่สำนักละอองดาราต่อไปอีก? เมื่อใดที่เขาพบเจอผู้คน คนเหล่านั้นคงเรียกเขาว่า ‘อัศวินผู้ขึ้นขี่หมู!’


“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” จู่ๆสุนัขตัวดำก็ส่ายหัว


อี้เกาหนิงโล่งอก เขารู้สึกว่าหมดเรี่ยวแรงจนอยากจะนอนหมอบลงเสียตรงนี้เลย


สุนัขตัวดำกล่าว “ข้าจะพากระทิงมาทะลวงประตูหลังของเจ้า”


“ไม่!” อี้เกาหนิงอุทานออกมาทันใด เขาจิตตนาการภาพที่ตนเองถูกกระทำเช่นนั้นไม่ออกจริงๆ


ศิษย์คนอื่นๆเองก็ตกตะลึงจนเหงื่อไหลท่วม น่าอัปยศเกินไป… แค่ขึ้นขี่หมูตัวเมียเองก็เสียหน้ามากพอแล้ว ถ้าหากเป็นฝ่ายถูกกระทิงทะลวงประตูหลังล่ะก็จะน่าอนาถขนาดไหน


สุนัขบัดซบตัวนี้ช่างไร้ยางอายหาใครเปรียบ!


“ข้ายอมแล้ว! ข้าจะคลานผ่านช่องลอดสุนัจ!” จิตใจอันหนักแน่นของอี้เกาหนิงพังทลาย


“ช่องลอดสุนัขน้องสาวเจ้าสิ เจ้ากล้าดูหมิ่นนายท่านหมารึ!” สุนัขตัวดำกลายเป็นเกรี้ยวกราดและแผ่กรงเล็บออกมา “ไม่ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าร่วมรักกับหมูตัวเมียร้อยตัวและให้กระทิงร้อยตัวทะลวงประตูหลังเจ้าร้อยครั้ง!”

 

 

 


ตอนที่ 1472

 

“ข้ายอมคลานแล้ว! ข้ายอมคลานแล้ว!” จิตใจอันดื้อรั้นของอี้เกาหนิงพังทลาย ทั้งต้องร่วมรักกับหมูร้อยตัวและถูกกระทิงทะลวงประตูหลังอย่างละร้อยครั้ง นี่คือสิ่งที่ใช้ปฏิบัติกับมนุษย์จริงๆรึ?


เขากลัวว่าพวกหลิงฮันจะเปลี่ยนใจจึงรีบพุ่งไปยังช่องสุนัขอย่างรวดเร็ว


หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหันไปมองสุนัขตัวดำและกล่าว “เจ้าช่างสุดยอดในเรื่องการทำผู้คนรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ!”


“แน่นอน อย่าลืมว่านายท่านหมาเป็นใคร!” สุนัขตัวดำกล่าวอย่างภาคภูมิใจ


“หยุด!” เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างของศิษย์เก่าจำนวนหนึ่งได้ปรากฏตัว สิ่งที่พวกเขาเห็นคืออี้เกาหนิงกำลังจะคลานลอดผ่านช่องสุนัขพวก


หากอี้เกาหนิงคลานผ่านช่องลอดสุนัขไปย่อมหมายถึงการหักหน้าศิษย์เก่าทุกคนในสำนัก


แต่ทว่าในตอนนี้อี้เกาหนิงกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวจากคำขู่ของสุนัขตัวดำ ในความคิดของเขาตอนนี้ รูตรงหน้าไม่ใช่ช่องลอดสุนัขแต่เป็นประตูทางออกจากนรก!


“เหอๆ!” สุนัขตัวดำพาดเท้าหน้าทั้งสองไว้ด้านหลัง ใบหน้าของมันภาคภูมิใจในความสำเร็จเป็นอย่างมาก


แต่ก็ไม่น่าแปลก การที่สามารถข่มขู่ให้ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์หวาดกลัวได้นั้น ใครบ้างจะไม่ภูมิใจ?


“อี้เกาหนิง!” เหล่าศิษย์เก่าตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกันเพื่อจะดึงสติของอี้เกาหนิงกลับมา


ซึ่งมันก็ได้ผล อี้เกาหนิงที่กำลังหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามดังลั่นก็ตื่นจากความหวาดกลัว มือและเท้าที่กำลังคลานอยู่หยุดชะงักทันที


แต่ปัญหาคือร่างเขาได้คลานผ่านช่องลอดมาครึ่งทางแล้ว ครึ่งตัวบนของเขาอยู่ด้านใน ในขณะที่ครึ่งตัวล่างอยู่ด้านนอก ก้นของเขายังคงแอ่นเผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด


สุนัขตัวดำหยิบท่อนไม้ออกมาจากอุปกรณ์มิติและใช้มันแท่งทะลวงเข้าไปยังก้นของอี้เกาหนิง


“อ้ากกกก” อี้เกาหนิงกรีดร้องเสียงดังลั่น บางทีนี่อาจจะเป็นเสียงร้องที่น่าอนาถที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมา ร่างของเขาพุ่งออกจากช่องลอดสุนัขราวกับเป็นกระต่ายที่ตื่นกลัว เมื่อมองไปยังก้นของตนเองอี้เกาหนิงได้พบว่าโลหิตกำลังไหลทะลักนองออกมาจากก้นของเขา


ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ที่แข็งแกร่งถูกทำให้อัปยศต่อหน้าสาธารณะชน


“ฮ่าๆๆๆ!” สุนัขตัวดำหัวเราะลั่นจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น


ทุกคนส่ายหัว หลังจากเหตุการณ์นี้ อี้เกาหนิงคงไม่มีหน้าไปพบใครอีก


อี้เกาหนิงเผ่นหนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่หันหลังกลับไปมอง บนทางที่เขาวิ่งผ่านล้วนแต่มีหยาดน้ำตาหยดเอาไว้ตามพื้น


“ฮึ่ม!” เหล่าศิษย์เก่ารุดหน้าเข้ามา พวกเขาโกรธจนจิตใจแทบจะลุกเป็นไฟ แววตาของเขามีเพลิงอันร้อนระอุลุกโชนออกมา


ระดับวารีนิรันดร์… ระดับวารีนิรันดร์… ระดับวารีนิรันดร์… พวกเขาคือปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งหมดหกคน!


พวกเขาเหล่านี้ถูกเรียกให้มาช่วยเหลือโดยศิษย์เก่าที่ลอดผ่านช่องสุนัขไปก่อนหน้านี้


ทั้งหกคนมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีด้วยกันถึงหกคน เป็นไปได้ด้วยรึที่ศิษย์ใหม่ระดับดาราจะเอาชนะพวกเขาได้?


พวกเขาไม่เชื่อว่าอี้เกาหนิงจะถูกศิษย์ใหม่ระดับดารากำราบเอาได้จนกระทั่งมาเห็นด้วยตาตัวเอง


ผู้ที่ขัดขืนมีแค่สามคนแท้ๆ แต่หนึ่งในนั้นยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นด้วยซึ่งสามารถเมินเฉยไปได้เลย ในสายตาพวกเขาระดับดาราขั้นต้นนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ด้วยซ้ำ


ส่วนผู้ขัดขืนอีกสองคนคือคู่ชายหญิง


ทั้งสองต้องมีอุปกรณ์เซียนอยู่ในมือแน่นอน ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ระดับดาราจะสามารถต่อต้านระดับวารีนิรันดร์ได้อย่างไร?


เพียงแต่ว่าหากพวกเขาทั้งหกร่วมมือกัน ต่อให้อีกฝ่ายจะมีอุปกรณ์เซียนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้


“ฮึ่ม สำนักมีกฎของสำนัก ถ้าไม่ทำตามกฎพวกเจ้าก็ต้องพบเจอปัญหาที่ตนเองก่อ!” ศิษย์เก่าคนหนึ่งยืนตัวตรง รูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนอยู่ในช่วงอายุสามสิบปีเท่านั้น ผมของเขามีสีขาวโพลนและมีเขาทองคำหนึ่งเขางอกขึ้นมาจากหน้าผาก


“จงคุกเข่า!” จักรพรรดินีชี้นิ้วและเค้นเสียงกล่าวด้วยท่าทางองอาจ


ท่าทีของจักรพรรดินีแม้จะดูหยิ่งยโสโอหัง แต่กลับมองแล้วไม่ได้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใดๆ ในทางกลับนาง นิสัยหยิ่งยโสของนางนั้นดูงดงามเสียด้วยซ้ำ ต่อให้นางจะยิ้มหรือโกรธนางก็ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูด


ศิษย์เก่าผมขาวอดไม่ได้ที่จะชะงักกับความงามของจักรพรรดินีและเผยถึงร่องรอยของความรู้สึกหลงไหล เขารีบสะบัดหัวส่ายหน้าให้ตนเองหลุดจากภวังค์และกล่าว “เจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่า?”


ศิษย์ใหม่ในปีนี้เหตุใดถึงได้หยิ่งยโสทะลุชั้นฟ้าเช่นนี้?


จักรพรรดิคร้านจะกล่าวตอบ นางลงมือทันที ‘ครืน’ ด้านหลังของนางปรากฏดวงดาราสี่ดวงที่ปลดปล่อยอำนาจแรงกดดันอันทรงพลังของสุดยอดราชาออกมา


ศิษย์เก่าผมขาวแสยะยิ้ม อีกฝ่ายงดงามอย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเพียงระดับดาราเท่านั้น ไม่ว่าจะขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์เขาก็ยังสามารถกำราบได้ด้วยฝ่ามือเดียว เขาลงมือตอบโต้ ‘ครืน’ ด้านหลังของเขาปรากฏวงโคจรดาราจักรที่มีดวงดาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่และส่องประกายระยิบระยับ


ไม่ว่าอย่างไรระดับวารีนิรันดร์ก็ยังคงเหนือกว่าระดับดารา


จักรพรรดินีดาราไม่ประมาท แม้พลังต่อสู้ของนางจะทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ แต่ความต่างของพลังที่แท้จริงก็ยังคงเป็นจุดอ่อนอยู่ดี ‘พรึบ’ หินต้นกำเนิดสวรรค์ถูกนำออกมา


ศิษย์เก่าผมขาวปล่อยหมัดออกไป แต่พลังทำลายของหมัดทั้งหมดก็ถูกหินต้นกำเนิดสวรรค์ดูดซับไปทั้งหมด จักรพรรดินีในโอกาสนี้ตอบโต้ ‘ปัง’ นางใช้ก้อนหินซัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าส่งร่างของศิษย์เก่าผมขาวลอยกระเด็น


ศิษย์เก่าอีกห้าคนตกตะลึง พลังของจักรพรรดินีไม่ได้แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ นางอ่อนแอกว่าศิษย์เก่าผมขาวอยู่พอสมควร แต่เขาถึงยังถูกนางโจมตีด้วยก้อนหินได้?


ก้อนหินนั่นเป็นสมบัติแบบใดกันแน่?


ศิษย์เก่าผมขาวลอยไปไกลกว่าสิบฟิตก่อนจะทรงตัวกลับมายืนได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ทรงพลัง ที่เขาถูกโจมตีไม่ใช่เพราะอ่อนแอกว่าแต่เป็นเพราะประมาทก้อนหินก้อนนั้น


เขาโมโหเป็นอย่างมากที่ถูกจอมยุทธระดับต่ำกว่าโจมตี จิตสังหารอันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาสูงถึงเก้าชั้นฟ้า


ต่อให้จักรพรรดินีเป็นอัจฉริยะเขาก็ไม่อาจรับความอับอายได้ไหว!


“หืม?” ในขณะที่มีคนจ้องมองไปยังใบหน้าของศิษย์เก่าผมขาว ศิษย์คนนั้นก็เผลอยิ้มหัวเราะออกมา


“จิตวิญญาณบรรพบุรุษ… ความสำเร็จอันเป็นนิรันดร์… ปัดเป่าภัยร้าย… จงจดจำเอาไว้อย่าได้ลืมเลือน…” ใครบางคนอ่านรอยที่ถูกทิ้งไว้บนใบหน้าของศิษย์เก่าผมขาว


หินต้นกำเนิดสวรรค์คืออะไร? นอกจากความสามารถดูดซับพลังทำลายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อื่น เพราะงั้นขุมอำนาจที่ทรงพลังจึงนิยมใช้มันเป็นศิลาจาลึกบันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูลเอาไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ


“ฮ๋าๆๆ!” คนกลุ่มหนึ่งหัวเราะลั่นออกมา อักษรทั้งสี่*ที่ถูกทิ้งไว้บนใบหน้าของศิษย์เก่าผมขาวช่างเด่นชัดยิ่งนัก


**อักษรทั้งสี่ (先祖文心)

 

 

 


ตอนที่ 1473

 

บางทีหลังจากวันนี้ ศิษย์เก่าผมขาวอาจจะมีฉายาใหม่คือจิตวิญญาณบรรพบุรุษ


ตัวเขาเองยังไม่ตระหนักรู้ว่าคนอื่นหัวเราะอะไรกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เกรี้ยวกราดอย่างมากและจะทุ่มพลังทั้งหมดในการกำราบสตรีที่หยิ่งยโสผู้นี้ “เห็นว่าเจ้าเป็นสตรีข้าเลยไปประมาทไป”


จักรพรรดินีลอยตัวขึ้นสามฟุตก่อนจะชี้นิ้วดูถูกไปยังศิษย์เก่าผมขาว


ข้าไม่แยแสเจ้า!


ทุกคนชะงักไปชั่วขณะ ยิ่งจักรพรรดินีแสดงท่าทางหยิ่งยโสเท่าไหร่พวกเขาก็รู้สึกเหมือนจะลุ่มหลงในตัวนางยิ่งขึ้น พวกเขาจะอยากคลานไปยังฝ่าเท้าของนางเผื่อรับการเหยียบย่ำ


“ฮึ่ม!” ศิษย์เก่าผมขาวลงมือ เส้นแสงถูกปล่อยออกมาจากนิ้วมือของเขาราวกับเส้นไหม้ มันคือรูปแบบอาคม เมื่อผสานรวมกับพลังของเขาแล้ว พลังต่อสู้ของศิษย์เก่าผมขาวจึงน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก


รูปแบบอาคมเส้นไหมนี้ ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นก็ยังต้องถูกสังหารอย่างง่ายดาย


จักรพรรดินีไม่หวั่นเกรงและใช้ก้อนหินในมือตอบโต้


‘ปัง ปัง ปัง’ สองคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดจนร่างของทั้งคู่ชโลมไปด้วยโลหิต


หลิงฮันไม่ลงมือ


จักรพรรดินีเองก็เป็นหนึ่งสุดยอดอัจฉริยะแห่งยุค ในอนาคตพลังของนางจะค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้พึ่งพาพลังบ่มเพาะเพียงอย่างเดียวแต่เป็นประสบการณ์การต่อสู้


ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งคนใดบ้างไม่เคยบาดการสู้รบที่นองเลือด?


เพราะงั้นแล้ว หากจักรพรรดินียังไม่มีอันตรายถึงชีวิต เขาก็จะไม่ลงมือ


ตูม!


จักรพรรดินีและศิษย์เก่าผมขาวแลกเปลี่ยนกระบวนท่าที่รุนแรง ทั้งสองฝ่ายล่าถอยออกจากกันร้อยฟุต แขนเสื้อของศิษย์เก่าผมขาวขาดกระเซิงเผยให้เห็นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ผ้าปิดหน้าของจักรพรรดินีแห่งก็ฉีกขาดเช่นกันทำให้ใบหน้าของนางถูกเผยออกมา


พริบตานั้นเองบรรยากาศโดยรอบก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด


เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสตรีที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้?


บางคนตกอยู่ในภวังค์ บางคนอึ้งจนน้ำลายไหล บางคนฮึกเหิมจนบ้าคลั่ง ความงดงามของจักรพรรดินีนั้นยึดครองหัวใจของพวกเขาไปอย่างสมบูรณ์


ความเกรี้ยวกราดของศิษย์เก่าผมขาวก่อนหน้าๆค่อยลดลงอย่างต่อเนื่อง ต่อหน้าจักรพรรดินีแล้วใครจะอดใจไหว?


หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่กระบวนท่าเขาก็พ่ายแพ้


เขาไม่ได้พ่ายแพ้เพราะอ่อนกว่าแต่อย่างใด แต่พ่ายแพ้เพราะหมดใจจะสู้ต่อเนื่องจากความลุ่มหลงที่มีต่อเสน่ห์ของจักรพรรดินี


ใบหน้าของเขาถูกก้อนหินจู่โจมใส่อีกครั้ง คราวนี้อักษรปรากฏขึ้นเป็นรอยบนแก้มขวา


จักรพรรดินีร่อนลงสู้พื้น ท่าทีของนางยังคงเต็มไปด้วยความยิ่งยโสโอหัง


พริบตาเดียว สายตาทุกคู่ก็จดจ้องมายังหลิงฮันด้วยความรู้สึกริษยา


ไม่เพียงแค่ศิษย์เก่าเท่านั้น แต่เหล่าศิษย์ใหม่เองก็กัดฟันแค้นราวกับอยากจะฆ่าหลิงฮันให้ตาย


เสน่ห์ของจักรพรรดิช่างน่าอัศจรรย์นัก


“โฮ่ง ฮันน้อยเจ้าต้องถูกสวรรค์ลงโทษ สตรีที่งดงามราวกับเทพธิดาเช่นนั้นเหมาะจะเป็นสัตว์ขี่ของนายท่านหมาผู้นี้มากกว่า!” สุนัขตัวดำกล่าวก่อนที่จะอ้าปากหวังกัดเข้าที่ก้นหลิงฮัน


หลิงฮันรู้นิสัยเจ้าเล่ห์ของสุนัขตัวดำอยู่แล้ว มีรึที่เขาจะไม่ได้ระมัดระวังตังเอาไว้ก่อน? เขาปล่อยหมัดเข้าใส่ร่างของสุนัขตัวดำทันที


ปัง!


หมัดปะทะเข้าที่ใบหน้าของสุนัขตัวดำ หมัดนี้ผสานเอาไว้ด้วยสายฟ้าของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ต่อให้สุนัขตัวดำจะมีกายหยาบที่ทนทานขนาดไหน มันก็ยังได้เจ็บปวดจนขนทั่วร่างตั้งชี้ฟ้า


“ฮึ่ม เจ้าช่างเป็นคนใจดำอะไรเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงระวังตัวกับนายท่านหมากัน? เจ้ารู้รึไม่ว่าความเชื่อใจที่สัตย์จริงที่สุดคือความเชื่อใจของมนุษย์กับสุนัข!” สุนัขตัวดำโอดครวญ มันไม่คาดคิดว่าหลิงฮันระวังตัวกับมันเอาไว้


“ไม่มีความเชื่อใจระดับมนุษย์กับสุนัขทั้งนั้น” หลิงฮันยิ้มและกวาดสายตามองเหล่าคนที่จ้องมาที่เขาราวกับจะกลืนกิน แน่นอนว่าเมื่อโฉมหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดินีถูกเผยออกมาแล้วเขาย่อมตกเป็นเป้าหมายของทุกคน


หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “มีใครอื่นอีกที่ต้องการให้ข้าคลานผ่านช่องลอดสุนัข?”


“ฮึ่ม วัฒธรรมของสำนักไม่อาจถูกยกเว้น วันนี้เจ้าจะต้องก้มหัวยอมทำตาม!” ศิษย์เก่าที่มีปีกคู่หนึ่งอยู่ด้านหลังกล่าว ปีกของเขานั้นเต็มไปด้วยเกล็ดที่เหมือนกับเกล็ดปลา มุมของของเกล็ดนั้นแหลมคมและส่องประกายแวววาวราวกับเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์


“ร่วมมือกันจัดการเขา!”


ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ทั้งหกคนลงมือพร้อมกับจู่โจมใส่หลิงฮัน


“คิดจะทำร้ายสามีของข้า?” จักรพรรดินีเค้นเสียงอย่างหยิ่งยโสและสะบัดมือก้อนหินในมือ


“เอาล่ะ มาร่วมมือกันอีกครั้งภรรยาข้า!” หลิงฮันกล่าวอย่างองอาจ ต่อให้ตายเขาก็ไม่ยอมคลานลอดผ่านช่องสุนัขเด็ดขาด วิถียุทธของเขาคือเส้นทางแห่งการสู้รบที่จะยืนหยัดจนถึงโลหิตหยดสุดท้าย


เขาและจักรพรรดินีร่วมมือกันต่อต้านศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ที่ทรงพลังทั้งหก


ก่อนหน้านี้เขากับจักรพรรดินีร่วมมือกันจนสามารถเอาชนะอี้เกาหนิงได้ แต่ศิษย์เก่าทั้งหกคนนี้มีพลังไม่ด้อยไปกว่าอี้เกาหนิง ทุกๆการโจมตีของพวกเขาทั้งหกรุนแรงราวกับดวงดาวกำลังถูกบดขยี้ หากไม่ใช่เพราะว่าที่นี่คือสำนักละอองดาราที่มีรูปแบบอาคมป้องกันของเซียนป้องกันเอาไว้ พื้นที่บริวเณนี้คงกลายเป็นดินแดนรกร้างไปแล้ว


หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ลดพลังต่อสู้ของทั้งหกคนลงไปสองดาวซึ่งได้ทำให้ทั้งหกคนจิตใจสั่นสะท้าน ทักษะที่น่าสะพรึงกลัวนี่มันอะไรกัน… ใครก็ตามที่ปะทะกับหลิงฮันจะถูกลดพลังต่อสู้ไปสองดาว? ซึ่งหมายความว่าหากเป็นการต่อสู้ในระดับพลังเดียวกัน ทักษะที่ฝ่าฝืนสวรรค์นี้ย่อมทำให้หลิงฮันได้เปรียบทุกคน


การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะหลิงฮันกับจักรพรรดิ หรือศิษย์เก่าทั้งหกคนต่างมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว พลังของทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งแทบจะใกล้เคียงกัน


ศิษย์เก่าเริ่มมาถึงมากขึ้นเรื่องๆ ทันทีที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ศิษย์เก่าทุกคนต่างเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด


ทั้งสองคนนี้… เป็นศิษย์ใหม่จริงๆรึ?


เพียงแต่ว่าจำนวนของศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งได้มาสมทบเพิ่มขึ้น ตราบใดที่ศิษย์เก่าที่มาถึงเข้าร่วมการต่อสู้ หลิงฮันกับจักรพรรดินีจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง


จำนวนคนของฝ่ายหลิงฮันมีกำจัด


ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์คนอื่นๆก็เข้าร่วมการต่อสู้อย่างที่คาดการณ์ ถึงแม้ศิษย์ที่เข้าร่วมสู้จะมีพลังระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นทั้งหมด แต่ด้วยจำนวนนวนที่มากกว่าย่อมเพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ให้กลับมาได้เปรียบ หากเพิ่มหนึ่งคนยังไม่ไหวก็เพิ่มเป็นสอง สาม หรือสี่!


หลิงฮันกับจักรพรรดินีตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที

 

 

 


ตอนที่ 1474

 

ไม่ว่าจะหลิงฮันหรือจักรพรรดินีต่างก็หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ได้แต่จะไม่ยอมรับความอัปยศเด็ดขาด


เพราะงั้นพวกเขาย่อมไม่มีวันยอมแพ้!


สถานการณ์ค่อยๆเสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ทั้งหมดสิบสองคนร่วมมือกันกำราบพวกเขา ต่อให้ทั้งสองมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาดขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์เนื่องจากความต่างของระดับพลังและจำนวนคนนั้นมีมากเกินไป แค่พวกเขาประคับประคองมาถึงตอนนี้ได้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว


พละกำลังของหลิงฮันยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์จากการแย่งชิงวาสนาก่อนหน้านี้ ทั้งกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านและหยดวารีอมตะไม่สามารถใช้ได้


แต่ยิ่งสู้มากเท่าไหร่ จิตวิญญาณอันบ้าคลั่งการต่อสู้ของเขาก็ยิ่งก่อตัวเป็นรูปธรรมมากขึ้น


แววตาของทุกคนเผยถึงความประหลาดใจ


“หมอนั่นน่าสะพรึงกลัวมาก จิตวิญญาณสู้รบของเขาช่างแข็งกล้า”


“จอมยุทธระดับดาราคนไหนจะกล้าปะทะกับปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ถึงสิบสองคนพร้อมกัน ไม่ต้องกล่าวถึงเข้าปะทะกัน แค่ยืนเผชิญหน้าปรมาจารย์ระดับนั้นก็เป็นเรื่องยากแล้ว”


“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังเสียเปรียบและผ่ายแพ้ได้ทุกเมื่อ”


“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้เป็นอัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงวัฒนธรรมของสำนักได้ วัฒนธรรมนี้เป็นสิ่งที่ศิษย์ใหม่ทุกคนต้องพบเจอ”


ไม่มีใครเลยที่เคลือบแคลงใจในความแข็งแกร่งของหลิงฮันกับจักรพรรดินี แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าทั้งสองคนจะสามารถรอดพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้


ตอนนี้ศิษย์เก่าทั้งสิบสองคนยังเป็นเพียงระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นเท่านั้น หากศิษย์เก่าระดับนี้ยังไม่สามารถกำราบพวกหลิงฮันได้ ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง ขั้นสูงหรือขั้นสูงสุดย่อมลงมือต่อ


วัฒนธรรมนี้เป็นโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง!


‘พรึบ’ จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นอีกคนลงมือร่วมสู้ เขาเป็นศิษย์เก่าคนสุดท้ายที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นในสำนักย่อยที่แปด


แม้จำนวนคนจะเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่ง แต่แรงกดดันที่หลิงฮันกับจักรพรรดินีได้รับนนั้นเพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเท่า


ในระยะที่ห่างไกลออกไป รุ่นเยาว์ที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดสูง เขาสวมชุดสีขาวและมีผิวเนียนดั่งหยก ร่างของเขาสะท้อนแสงเจิดจ้าราวกับพระเจ้า


รอบข้างเขามีศิษย์เก่าอยู่มากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่กล้าขยับเข้ามาใกล้รุ่นเยาว์ผู้นี้


รุ่นเยาว์ผู้นี้คือหนึ่งในศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เริ่นเฟยอวิ๋น เขาบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดเมื่อเจ็ดล้านปีก่อน พลังต่อสู้ของเขานั้นทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ ตัวเขาอยู่ห่างจากระดับสร้างสรรพสิ่งเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น


แต่หนึ่งก้าวนี้ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธมากมายเพียงใดไม่อาจข้ามผ่านไปได้ หนึ่งร้อยเขตดวงดาวใกล้เคียงที่มีดาวนับพันนับหมื่น มีดาวดวงไหนบ้างที่ไม่มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด? แต่ในหลายร้อยล้านปีมานี้จะมีสักกี่คนเชียวที่ก้าวข้ามระดับพลังนี้ไปได้?


เพียงแต่ว่าจอมยุทธระดับนี้ก็ยังถือว่าเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งอยู่ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนภายใต้เซียนพวกเขาถือว่าไร้เทียมทาน!


เริ่นเฟยอวิ๋นเผยรอยยิ้มและกล่าวกับตัวเอง “ในตอนแรกข้ายอมที่จะก้มหัวให้กับวัฒนธรรมของสำนัก ทำให้เกิดตราบาปค้างอยู่ในจิตใจและติดอยู่ในระดับพลังนี้อาจไม่อาจข้ามผ่านไปได้”


“หากข้าช่วยเหลือพวกเขา บางทีตราบาปความเสียใจในจิตใจของข้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง”


“เพียงแต่ว่า ทั้งสองคนต้องเอาตัวรอดจากการรุมโจมตีในตอนนี้ให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้น… ทั้งสองคนคงไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าลงมือช่วย”


จักรพรรดินีคำรามเสียงเบา “เก้าร่างปั่นป่วนพิภพ!”


‘ครืน’ คลื่นแสงเก้าคลื่นส่องสว่างออกมาจากร่างของนางและทะยานสูงเสียดฟ้าก่อนที่คลื่นแสงจะย้อนกลับลงมาสู่ร่างของนางพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล


นี่คือกระบวนท่าลับของทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญที่จะกระตุ้นร่างแยกทั้งเก้าและช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้สูงขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ


“บดขยี้!” นางทะยานพุ่งทะลวงผ่านการป้องกันของคู่ต่อสู้


หลิงฮันบัดมือ ดาบอสูรนิรันดร์และดาบไม้ผุพังปรากฏขึ้นในมือของเขาและเข้าจู่โจมใส่ศิษย์เก่าผมขาว อีกฝ่ายเคยโดนโจมตีจนอับอายมาแล้ว ดังนั้นรูปแบบการต่อสู้ของอีกฝ่ายจึงมีช่องโหว่และเป็นจุดอ่อนของศิษย์เก่าทั้งสบิสามคน


ตูม!


ดาบทั้งสองเล่มถูกสะบัดจู่โจม พลังทำลายของดาบทั้งสองนั้นทรงพลังจนแม้แต่ศิษย์เก่าผมขาวที่เป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่กล้ารับมือตรงๆและเลือกที่จะล่าถอย เขารู้สึกว่าหากถูกดาบทั้งสองเล่มนี้จู่โจมเข้าโดยตรง แม้กระทั่งแก่นกำเนิดพลังในร่างของเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ


เพียงแต่แม้เขาจะล่าถอยอย่างรวดเร็วจนหลบดาบทั้งสองได้แต่ก็ยังคงถูกปราณจากดาบจู่โจม บริเวณหน้าอกและช่วงท้องของเขาปรากฏบาดแผลอย่างน่าเวทนา


หลิงฮันเองก็ไม่ได้มีสภาพดีเช่นกัน เขาถูกตอบโต้โดยศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์อีกสิบสองคน ข้อมือและขาของเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง แม้จะเป็นกายหยาบที่แข็งแกร่งของเขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดจนกระอักโลหิตออกมา


ร่างของหลิงฮันเต็มไปด้วยโลหิตแต่ก็ยังยืนตรงสง่าราวกับหอกที่ชี้ขึ้นสวรรค์


ศิษย์เก่าผมขาวไม่เหลือพลังให้สู้ต่อ หลิงฮันจ้องมองไปยังศิษย์เก่าที่เหลืออยู่สิบสองคน


“ต่อไปเป็นใคร?” หลิงฮันกล่าวดังก้อง ถึงแม้ร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่นั่นก็แค่เปลือกนอก


ศิษย์เก่าทั้งสิบสองที่ถูกกล่าวเหมือนกับดูถูกกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที


จักรพรรดิจ้องมองไปยังบาดแผลของหลิงฮันและรู้สึกเจ็บปวดในใจ นางโมโหจนระเบิดปราณก่อเกิดออกมาจากร่างราวกับคลื่นมหาสมุทร ผมแต่ละเส้นของนางสยายออกพร้อมกับแปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษยักษ์จำนวนมาก


ภายใต้ความโกรธ พลังแห่งสายเลือดของนางได้ถูกปลุกขึ้นมา


“ตาย!”


ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคิดจะล่าถอยและเข้าปะทะกันจนเกิดเป็นการต่อสู้นองเลือด


หลิงฮันทั้งเป็นฝ่ายจู่โจมและได้รับบาดเจ็บ ผ่านไปสักพักศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์สามคนก็ใช้พลังหมดจนไม่อาจสู่ต่อได้ไหว แต่ยิ่งสู้บาดแผลของหลิงฮันก็ยิ่งสาหัส ร่างของเขาบาดเจ็บจนสามารถมองเห็นเนื้อภายใต้ผิวหนัง บางจุดถึงขนาดมองเห็นกระดูก


หลิงฮันราวกับว่าจะร่วงหล่นได้ตลอดเวลาหากถูกโจมตีอีกเพียงครั้งเดียว แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้นเขายังคงลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลดละราวกับไม่มีวันตาย


คู่ต่อสู้ของพวกเขาค่อยๆหมดพลังในการต่อสู้จนตอนนี้เหลือศิษย์เก่าที่ยืนหยัดอยู่เพียงเจ็ดคน!


ตราบใดที่หลิงฮันไม่หมดแรงและยังคงประคับประคองสถานการณ์ได้เช่นนี้ต่อไปก็เป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถโค่นล่มปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งสิบสามคนลงได้


แต่หลิงฮันจะสามารถสู้ต่อไปได้นานถึงเพียงนั้น?


ร่างของเขาเอนโซเซไปมาและเต็มไปด้วยโลหิต แม้แต่จะทรงตัวให้มั่นคงยังไม่อาจทำได้ มีเพียงแค่ดวงตาคู่หนึ่งของเขาเท่านั้นที่ยังคงมุ่งมั่นและส่องประกาย


‘ตุบ’ แต่ทันใดนั้นเองร่างชุดขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว เขายืนตรงปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังที่ราวกับอยู่เหนือสวรรค์


เริ่นเฟยอวิ๋น ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด!

 

 

 


ตอนที่ 1475

 

อะไรกัน เริ่นเฟยอวิ๋นคิดจะลงมือแล้ว?


อีกฝ่ายเป็นถึงระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดซึ่งไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าศิษย์เก่าทั้งสิบสามคนนี้กี่หมื่นเท่า! หากเขาลงมือจริงๆต่อให้หลิงฮันกับจักรพรรดินีจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้


มีศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์คนอื่นที่คิดจะลงมือ แต่เมื่อเห็นเริ่นเฟยอวิ๋นปรากฏตัวพวกเขาก็ล้มเลิกความคิดทันที


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดลงมือเองแล้ว มีความจำเป็นอะไรให้พวกเขาจะเข้าไปแทรกแซง?


ร่างของหลิงฮันโซเซ ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีทั้งกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านและหยดวารีอมตะที่ช่วยให้บาดแผลทั้งหมดสายเป็นปลิดทิ้ง บาดแผลตามร่างของเขาทำทั้งหมดทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้และสู้ให้ถึงที่สุด


เริ่นเฟยอวิ๋นยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มาสู้กับเจ้า การรังแกคนที่อ่อนแอกว่าไม่ใช่นิสัยของข้า” เขาชำเลืองมองไปยังศิษย์เก่าคนอื่นๆก่อนจะกล่าว “พวกเจ้าตงหยุดมือ”


อะไรกัน เริ่นเฟยอวิ๋นไม่ได้มากำราบหลิงฮันจักรพรรดินีแต่แท้จริงแล้วมาช่วยเหลือทั้งสอง!


นี่มัน… เกินความคาดหมาย!


แต่ทว่าเมื่อศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาอยู่ที่นี่แล้ว ต่อให้จะมีคนไม่พอใจแต่ใครจะกล้ากล่าวออกมา?


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นเริ่นเฟยอวิ๋นนั้นทั่วทั้งสำนักย่อยที่แปดมีเพียงสี่คนเท่านั้น ซึ่งแท้ละคนก็ล้วนแต่แข็งแกร่งจนสามารถเหยียดหยามทุกสรรพสิ่ง


“เริ่นเฟยอวิ๋น เจ้าคิดจะทำลายวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา?” เสียงอันไม่แยแสดังขึ้นพร้อมกับร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขาเป็นชายวันกลางคนที่มีครีบอยู่ด้านหลังและนิ้วมือทั้งห้ามีพังผืดเชื่อมต่อกัน สามารถคาดเดาได้ว่ามีสายเลือดสัตว์อสูรที่ร่างกายโดยรวมเป็นปลา


“ศิษย์พี่ไช่!”


“เป็นศิษย์พี่ไช่เหมี่ยว!”


ทุกคนอุทานออกมา อีกฝ่ายเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกคนเหมือนกับเริ่นเฟยอวิ๋นแถมยังเข้าร่วมกับสำนักก่อนเสียอีก


“วัฒนธรรมกำเนิดมาจากผู้คน ย่อมถูกล้มเลิกได้ด้วยผู้คน” เริ่นเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างไม่แยแสแต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“โอ้ หรือเจ้ายังฝังใจตอนที่ถูกบังคับให้คลานลอดผ่านช่องสุนัขอยู่?” ไช่เหมี่ยวกล่าวเยาะเย้ย


ถึงแม้ทั้งสองคนจะเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเหมือนกัน แต่ไช่เหมี่ยวเข้าร่วมสำนักก่อนเริ่นเฟยอวิ๋น และในตอนที่เริ่นเฟยอวิ๋นเป็นศิษย์ใหม่ก็เป็นไช่เหมี่ยวที่ทำหน้าที่ดูแลศิษย์ใหม่


ดังนั้นทั้งสองจึงมีความบาดหมางต่อกันอยู่


เริ่นเฟยอวิ๋นยังคงกล่าวอย่างไม่แยแส “ในอดีตข้ายังไม่แข็งแกร่งพอจึงไม่สามารถต่อต้านได้ แต่ในตอนนี้… หากคิดจะให้ศิษย์ใหม่สองคนนี้ก้มหัวพวกเจ้าต้องผ่านข้าไปเสียก่อน”


“เริ่นเฟยอวิ๋น เจ้าล้ำเส้นเกินไป!” ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกคนปรากฏตัว เขาเป็นชายร่างสูงบึกบึนและมีหัวเป็นราชสีห์


ชายคนนี้เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เข้าร่วมสำนักมาก่อนใครอื่น แต่เขาเป็นเผ่าพันธุ์ใดที่เกิดจากสวรรค์และปฐพีนั้นยังไม่มีใครรับรู้


แต่เดิมเขาถูกเรียกว่า ‘ฉี (แปลกประหลาด)’ เนื่องจากมีเพียงคำเดียวที่เหมาะสมจะใช้เรียกเขา แต่หลังจากเข้าร่วมสำนักย่อยที่แปด เซียนหมิงซินก็มอบชื่อ ‘ฉีเทียน’ ให้แก่เขา


ไม่ว่าชื่อเขาจะเป็นอย่างไร แต่พลังของเขาก็แข็งแกร่งอย่างไม่มีข้อสงสัย


ตอนนี้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองกำลังคัดค้านเริ่นเฟยอวิ๋น


เริ่นเฟยอวิ๋นไม่หวาดกลัว ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วเขาย่อมรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ท่าทีของเขายังคงสงบนิ่ง “ข้าล้ำเส้น? ทำไมศิษย์ใหม่ที่เข้าร่วมสำนักทุกคนต้องได้รับความอัปยศจากรุ่นสู่รุ่น? วัฒนธรรมเช่นนี้สมควรแค่ที่จะยกเลิกทิ้งไปซะ!”


“พูดจาอวดดี!” ฉีเทียนกล่าวเย็นชา “วัฒนธรรมนั่นเป็นกฎที่เซียนซิงฉาเป็นคนคิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเจ้าก็ห้ามตั้งคำถาม!”


“ไสหัวไป!” ไช่เหมี่ยวที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับเริ่นเฟยอวิ๋นอยู่แล้ว ไม่พล่ามเยอะให้เสียเวลา


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนสุดท้ายไม่ปรากฏตัว ในหมู่ศิษย์ทั้งสี่คนนางเป็นสตรีเพียงคนเดียว ชื่อของนางคืออวี๋ซู่ซู่ นางเป็นศิษย์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในศาสตร์รูปแบบอาคมและเป็นศิษย์รักของเซียนหมิงซิน


หากเซียนหมิงซินยังไม่ปรากฏตัว สถานการณ์สองต่อหนึ่งในตอนนี้ เริ่นเฟยอวิ๋นจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


เริ่นเฟยอวิ๋นสะบัดมืออย่างไม่แยแส “เช่นนั้นก็ตัดสินกันด้วยการต่อสู้!”


“เริ่นเฟยอวิ๋น เจ้าช่างบ้าบิ่นนัก!” ไช่เหมี่ยวปล่อยฝ่ามือ ‘ตูม’ เมฆบนท้องฟ้าแยกออกพร้อมกับห่าฝนสาดลงมา สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวคือเม็ดฝนเหล่านี้เต็มไปด้วยอำนาจแห่งการกัดกร่อน ใครที่เปียกเม็ดฝนย่อมมีบาดแผลปรากฏที่ร่างกาย แม้แต่โล่ปราณก่อเกิดก็ไม่สามารถป้องกันเม็ดฝนได้


เริ่นเฟยอวิ๋นเองก็ลงมือ กระดูกนิ้วมือของเขาส่องประกาย อักขระรูปแบบอาคมนับร้อยล้านถูกกระตุ้นใช้งาน


ครืนน!


การโจมตีของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองคนทำให้ทั่วทั้งสำนักสั่นไหว แม้กระทั่งรูปแบบอาคมเซียนที่ติดตั้งเอาไว้ก็แทบจะเอาไม่อยู่


“ฮึ่ม!” ฉีเทียนลงมือและร่วมมือกับไช่เหมี่ยวกำราบเริ่นเฟยอวิ๋น


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามคนปะทะกันอย่างดุเดือดโดยที่ศิษย์คนอื่นๆไม่มีคุณสมบัติเข้าไปแทรกแซง


หลิงฮันกับจักรพรรดินีล่าถอย ทั้งสองต่างเก็บงำความรู้สึกเกรี้ยวกราดเอาไว้ในจิตใจ


พวกเขายังไม่ได้ได้ล่วงเกินใครแต่ทำไมต้องถูกบังคับให้คลานลอดผ่านช่องสุนัขด้วย?


ทำไมกัน?


ทำไมพวกข้าถึงไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้?


สำหรับคนที่ยิ่งทะรงในศักดิ์ศรีเช่นพวกเขายอมตายเสียดีกว่ายอมรับความอัปยศ!


หากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเหล่าศิษย์เก่าได้ พวกเขาจะลาออกจากสำนักแห่งนี้


เมื่อเห็นเริ่นเฟยอวิ๋นออกหน้าเพื่อพวกเขา ทั้งสองคนทั้งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณและเกรี้ยวกราดไปพร้อมๆกัน


การต่อสู้ของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามส่งผลให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน


“หยุด!” เสียงอันเฉื่อยชาแต่กลับแฝงไว้ด้วยอำนาจอันเหนือชั้นดังขึ้น


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามหยุดการปะทะทันทีที่ได้ยินเสียงนี้


นั่นเพราะผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงคือเซียนหมิงซิน!


การปะทะเล็กน้อยก่อนหน้านี้เซียนหมิงซินยังสามารถทำเป็นมองข้ามได้ แต่การปะทะกันระหว่างศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามนั้นเขาไม่สามารถทำเป็นมองไม่เห็น หากทั้งสามเอาจริงสำนักย่อยที่แปดนี้คงกลายเป็นเศษซากกองอยู่กับพื้น


“คารวะเซียน!” ทุกคนกล่าวอย่างสุภาพ


“แยกย้ายกันไปได้แล้ว!” เซียนหมิงซินกล่าวเพื่อจบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้


“ขอรับ!” ทุกคนกล่าวพร้อมกับล่าถอย


ก่อนที่ไช่เหมี่ยวจะจากไปเขามองไปยังหลิงฮันกับจักรพรรดินี “เริ่นเฟยอวิ๋นอาจจะคุ้มครองพวกเจ้าได้ในตอนนี้ แต่ก็ใช้ว่าจะคุ้มครองพวกเจ้าไปได้ตลอดกาล! วัฒนธรรมของสำนักไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าหรือใครอื่นจะต่อต้านได้!”


กล่าวจบเขาก็จากไปโดยไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตา สำหรับเขาแล้วหลิงฮัน ณ เวลานี้เป็นเพียงมดปลวก มีเหตุผลอันใดที่เขาต้องไปใส่ใจ?


จักรพรรดินีพยุงร่างหลิงฮันเนื่องจากพลังของหลิงฮันแทบจะถูกเผาผลาญไปจนหมดแล้ว ทั้งสองคนพากันเดินเข้าประตูลานที่พัก หลิงฮันหันกลับมามองช่องลอดสุนัขด้วยแววตาดุดัน


ความแค้นครั้งนี้ข้าขอฝากไว้ก่อน!


ทันใดนั้นหลิงฮันก็รู้สึกถึงความหนักหน่วงของหนังตาและหมดสติไป


เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง บาดแผลส่วนใหญ่ดีขึ้นมากแล้ว ต่อให้ไม่ต้องโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ กายหยาบของเขาก็มีความสามารถฟื้นฟูตนเองที่ยอดเยี่ยม


“เจ้าตื่นแล้ว” จักรพรรดินีเข้ามายังที่พักและเผยรอยยิ้มอันงดงาม

 

 

 


ตอนที่ 1476

 

“ข้าหมดสติไปนานเท่าไหร่?” หลิงฮันถาม


“สิบวัน” จักรพรรดินีนั่งลงบนเตียงและจ้องมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน


“ข้าทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว”


จักรพรรดิยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องไม่เป็นอะไร”


เตียงนี้อยู่ในที่พักของจักรพรรดินี ในไม่กี่วันมานี้นางคอยดูแลหลิงฮันมาตลอด


หลิงฮันหยิบแผ่นหยดบนโต๊ะและอ่านกฎของสำนัก


Anchor


เซียนหมิงซินเป็นเซียนที่เชี่ยวชาญรูปแบบอาคมซึ่งจะเปิดการสอนรูปแบบอาคมทุกๆสามปีครั้ง ในการสอนครั้งอื่นๆอาจารย์ระดับวารีนิรันดร์จะเป็นคนรับหน้าที่อธิบายข้อสงสัยของศิษย์ นอกจากนั้นในสำนักก็มีห้องตำราเกี่ยวกับรูปแบบอาคม ทักษะบ่มเพาะและทักษะอยู่จำนวนมหาศาลซึ่งสามารถเข้าไปฝึกฝนได้อย่างอิสระไม่มีข้อบังคับใดๆ


แต่นั่นก็หมายความว่าทักษะระดับสูงย่อมไม่มีอยู่ห้องตำราเหล่านั้นเช่นกัน มีรึที่ทักษะระดับสูงจะสามารถมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ?


หลิงฮันในตอนนี้มีทักษะจากดินแดนแห่งเซียนและทักษะบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งอยู่มากพอสมควรดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการทักษะใดอื่น แต่เหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับสำนักย่อยที่แปดเป็นเพราะเขาต้องการฝึกฝนศาสตร์รูปแบบอาคม


ด้วยพลังบ่มเพาะที่มีเท่าเดิม รูปแบบอาคมจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่งพลังต่อสู้ได้อย่างมหาศาล


“เอาล่ะ พวกเราลองไปดูสำนักกันก่อนแล้วกัน” หลิงฮันเต็มไปด้วยความปรารถที่จะเพิ่มพลังต่อสู้ของตนเอง


จักรพรรดินีพยักหน้า


พวกเขาเดินออกจากลานที่พัก ซึ่งเมื่อพบเห็นพวกเขาผู้คนมากมายก็ชี้นิ้วมาและซุบซิบคุยกัน


“ศิษย์พี่หลิง!” ใครบางคนเดินมาหาพวกเขาและกล่าวเตือน “ท่านอย่าเพิ่งออกไปด้านนอกที่พักดีกว่า! ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางทั้งหลายได้ป่าวประกาศเอาไว้ว่าหากศิษย์พี่หลิงกล้าออกมาจากที่พัก พวกเขาจะมาสร้างความเดือดร้อนให้ท่าน”


ในสำนักละอองดาราที่พักของตัวเองคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีสามารถสามารถเข้าไปรบกวนได้ ส่วนหากเป็นด้านนอก… ขอแค่ไม่สังหาร ทำให้แก่นพลังได้รับบาดเจ็บหรือทำลายพลังบ่มเพาะของคู่ต่อสู้ เหล่าศิษย์จะสู้กันอย่างไรสำนักสามารถเมินเฉยทำเป็นไม่เห็นได้


หลิงฮันพยักหน้า แต่ในเมื่อเขาก้าวออกมาแล้วเขาย่อมไม่หันหลังกลับ เขากับจักรพรรดินีมุ่งหน้าไปยังห้องตำราเพื่อศึกษารูปแบบอาคม


หลังจากเข้ามาในห้องตำราได้ไม่นาน ออร่าอันทรงพลังก็ปรากฏลอยอยู่บนท้องฟ้า เหล่าศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งมาถึงแล้วแต่ยังไม่ลงมือ


บางสถานที่มีกฎห้ามต่อสู้กัน นอกจากที่พักของแต่ละคนแล้วห้องตำราก็เป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้าม ดังนั้นหากหลิงฮันกับจักรพรดินียังไม่ออกมาเหล่าศิษย์เก่าย่อมไม่สามารถลงมือได้


หลิงฮันไม่สนใจและมองหารูปแบบอาคมต่อ ตามชั้นตำรามีแผ่นหยกวางเอาไว้ เพียงแต่นำศีรษะเข้าไปใกล้ๆข้อมูลของรูปแบบอาคมก็จะส่งผ่านเข้ามาในห้วงจิตวิญญาณ


“เก้าวิญญาณดาราสวรรค์”


“สิบรูปแบบสังหาร”


“อสรพิษเมฆาสีชาดเยือกแข็ง”


“……”


หลิงฮันตรวจสอบรูปแบบอาคมมากมายและศึกษาความรู้พื้นฐานในการสลักรูปแบบอาคมลงที่ร่างกายไปพร้อมๆกัน


การสลักรูปแบบอาคมลงบนร่างกายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


เมื่อรูปแบบอาคมถูกกระตุ้นใช้งานย่อมมีพลังที่รุนแรงปะทุออกจากร่างกาย หากไม่มีกายหยาบที่แข็งแกร่งก็ไม่มีทางทนต่อแรงปะทุที่รุนแรงนั่นได้ การจะขัดเกลากายหยาบให้แข็งแกร่งเหมือนแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเซียน


เซียนหมิงซินได้คิดค้นการผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เข้ากับกระดูกในร่างของตนเองเพื่อยกระดับกายหยาบให้สามารถรองรับรูปแบบอาคมได้


เพียงแต่ว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ก็มีอำนาจที่ทรงพลังในตัวมันเองเช่นกัน เพราะงั้นจำนวนของแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถผสานรวมกับกระดูกในร่างจึงมีจำนวนจำกัด


แน่นอนว่ายิ่งมีระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้น ยิ่งสามารถผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับสูงกว่าเดิมและจำนวนที่มากกว่าเดิม


ตามหลักแล้วจอมยุทธจะสามารถผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับเทียบเท่ากับพลังบ่มเพาะของตนเองได้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นสามารถผสานเข้ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสาม ขั้นสูงสุดสามารถผสานเข้ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหก เซียนเองก็ไม่มียกเว้น แม้เซียนหมิงซินจะมีความเข้าใจในรูปแบบอาคมที่สูงส่งเพียงได้แร่โลหะที่เขาสามารถผสานเข้ากับร่างกายได้ก็คือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ด


หลังจากอ่านความรู้พื้นนี้ หลิงฮันก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ


การสลักรูปแบบอาคมนี้มีไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะเลยรึเปล่า?


กายหยาบของเขามีความแข็งแกร่งอยู่ระหว่างแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามและสิบสี่ และด้วยความสามารถของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ กระดูกในร่างของเขาจึงสามารถทัดเทียมได้กับการผสานแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง


หากสลักรูปแบบอาคมลงไปแล้ว พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่เรียกว่าน่าสะพรึงกลัว และคงมีศิษย์เก่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้


หลิงฮันตื่นเต้นมาก ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ระดับพลังบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดนอกเสียจากค้นพบสมบัติล้ำค่าอย่างแผ่นหินทองคำ


เขามองหารูปแบบอาคมที่ทรงพลังที่สุดที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้ในตอนนี้ซึ่งมันจะกลายเป็นไพ่ลับที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา คนอื่นอาจจะคิดเพียงว่าเขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น แต่แท้จริงแล้วพลังต่อสู้ของเขานั้นเทียบได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง หากลองประมาทเขาสิ่งที่ต้องพบเจอคือความตาย


“อันนี้ล่ะ รูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุ!”


หลิงฮันหยิบแผ่นหยกขึ้นมาสัมผัสกับหน้าผาก ข้อมูลทั้งหมดของรูปแบบอาคมถูกส่งผ่านไปยังห้วงจิตวิญญาณของเขา


รูปแบบอาคมนี้เป็นรูปแบบอาคมระดับสิบสี่ที่แข็งแกร่งที่สุด พลังทำลายของมันเทียบได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นสูงสุด!


หลิงฮันรู้ว่าตอนนี้มีศิษย์เก่าจำนวนมากรอคอยอยู่ด้านนอก แต่เขาไม่จำเป็นต้องสนใจ หลิงฮันยิ้มให้กับจักรพรรดินีและเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกับนาง


เขาแสดงทักษะบ่มเพาะที่ได้รับมาจากหูหยู่ให้จักรพรรดินีดูว่าทักษะใดที่เหมาะสมกับนางที่สุด


ผ่านไปไม่นานจักรพรรดินีก็ตัดสินใจได้ ด้วยสายเลือดของเผ่าสวรรค์บรรพกาลและพรสวรรค์ของนางรวมกับต้นสังสารวัฏ ในระยะเวลาสั้นๆนี้นางสมควรทะลวงผ่านระดับได้อย่างไม่มีปัญหา


ทั้งสองคนเริ่มเก็บตัวฝึกฝนโดยไม่สนใจใคร


ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกได้เกิดความโกลาหลระลอกหนึ่ง


ก่อนหน้านี้ใครหลายคนเห็นเต็มหาว่าพวกหลิงฮันเข้าไปยังห้องตำราแน่นอน แต่เหตุใดจู่ๆทั้งสองคนถึงได้หายไป?


พวกเขาเข้ามาดูและตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆของหลิงฮันเลย


“ต้องเป็นอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์แน่!” ในสำนักละอองดารา อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถครอบครองมันได้ ในหมู่ศิษย์มีเพียงอวี๋ซู่ซู่ที่เป็นศิษย์รักของเซียนหมิงซินเท่านั้นที่ได้รับมอบอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์


แต่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้


“หาให้เจอ!” พวกเขาลงมือตามหากันอย่างเคร่งเครียด แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางหาหอคอยทมิฬได้เจอ ความพยายามของพวกเขาสุดท้ายต้องจบลงด้วยการคว้าน้ำเหลว

 

 

 


ตอนที่ 1477

 

ภายในหอคอยทมิฬใต้ต้นสังสารวัฏ หลิงฮันกับจักรพรรดินีนั่งฝึกฝนอย่างขะมักเขม้น


หนึ่งคนพยายามทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ อีกคนพยายามฝึกฝนรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุให้เชี่ยวชาญและสลักลงบนกายหยาบ


หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว


ภายใต้ต้นสังสารวัฏ ทั้งสองคนที่นั่งแน่นิ่วราวกับหินค่อยๆขยับตัวและลืมตาแทบจะพร้อมกัน


ทั้งสองจ้องมองกันและเผยรอยยิ้ม


“ข้าพร้อมทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์แล้ว!”


“ข้าก็เข้าใจในรูปแบบอาคมแล้วเช่นกัน!”


พวกเขาออกมาจากหอคอยทมิฬ หนึ่งปีต่อมาไม่มีใครเฝ้าคอยอยู่ด้านนอกห้องตำราอีกต่อไป กว่าที่พวกศิษย์เก่าจะรู้ข่าวว่าทั้งสองออกมา พวกหลิงฮันก็กลับเข้าที่พักไปแล้ว


หลิงฮันทำการหลอมเม็ดยา การทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ผู้ทะลวงผ่านจำเป็นต้องสะสมปราณก่อเกิดในปริมาณที่มากไม่เช่นนั้นจะต้องเผาผลาญแก่นพลังของตัวเอง มีหลายคนที่สะสมพลังปราณได้ไม่เพียงพอและต้องเผาผลาญแก่นพลังจนแห้งเหือดและตกตายในที่สุด


เม็ดยาที่เหมาะสมที่สุดในการทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์คือ ‘เม็ดยาแผ่ไพศาล’ ที่สามารถเพิ่มพลังปราณได้อย่างต่อเนื่อง


ตามปกติแล้วแค่เม็ดยาแผ่ไพศาลจำนวนร้อยเม็ดก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับภรรยาแล้วหลิงฮันย่อมไม่พอใจเพียงแค่จำนวนหนึ่งร้อย เขาหลอมเม็ดยาแผ่ไพศาลสำเร็จแล้วหนึ่งพันเม็ดและยังไม่หยุดอยู่เท่านั้น


เขาส่งมอบเม็ดยาให้จักรพรรดินีและนางได้ขอแยกตัวไปทะลวงผ่านระดับพลัง


หลิงฮันเรียกจิ่วเยามาสอบถามเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีมานี้


วัฒนธรรมของสำนักละอองดาราไม่ได้มีเพียงแค่ในสำนักย่อยที่แปดเท่านั้นแต่มีทุกสำนักย่อย


ผู้คนที่ขัดขืนไม่ใช่แค่หลิงฮัน


จักรพรรดิพิรุณขัดขืน กู่ต้าวอี้ขัดขืน ติงผิงขัดขืน เซียนหวู่เซียงขัดขืน แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์! ต่อให้พวกเขาจะเป็นอัจฉริยะขนาดไหนพลังก็ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยพลังบ่มเพาะ เป็นไปได้อย่างไรที่ระดับดาราจะสามารถต่อต้านระดับวารีนิรันดร์


พวกจักรพรรดิรุณและกู่ต้าวอี้ต่อสู้อย่างถึงที่สุดแต่พวกเขาไม่ได้โชคดีเหมือนกับหลิงฮันและจักรพรรดินีที่มีศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาช่วยเหลือ ต่อให้กู่ต้าวอี้จะมีอุปกรณ์เซียนอยู่ในมือ ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางก็ยังสามารถกำราบเขาได้อยู่ดี


เหล่าคนที่ขัดขืนหมดพลังจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้และถูกจับตัวโยนผ่านช่องลอดสุนัข


มีข่าวมาว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ กู่ต้าวอี้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากและใช้เวลาพักฟื้นอยู่หลายเดือน


หลังจากได้ยืนข่าวนี้หลิงฮันก็เผยรอยยิ้ม เขารู้ว่ากู่ต้าวอี้เป็นตัวตนระดับโลกียนิพพานในดินแดนแห่งเซียน การที่ถูกบังคับให้คลานผ่านช่องลอดสุนัขโดยมดปลวกระดับวารีนิรันดร์นั้นได้ส่งผลให้จิตใจของเขาเกิดตราบาปที่เจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยาย


แต่หลังจากรู้ว่าจักรพรรดิพิรุณ สตรีนกอมตะและพรรคพวกคนอื่นๆได้รับความอัปยศเหมือนกันนั้น ท่าทีของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา


ความแค้นนี้ต้องชำระ!


ขอแค่มีพลัง ทุกสิ่งก็จะถูกสะสางได้อย่างง่ายดาย


หลิงฮันสอนทักษะบ่มเพาะให้กับจิ่วเยาและให้จิ่วเยาไปบอกต่อกับจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆ ทักษะที่ได้มาจากดินแดนแห่งเซียนย่อมมีระดับสูงกว่าทักษะในสำนักละอองดารา เขาเก็บตัวทันทีเพื่อทำการสลักรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุลงที่ร่างกาย


ในหนึ่งปีก่อนเขาได้ศึกษาจนเข้าใจรูปแบบอาคมนี้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาปฏิบัติจริง


เพียงแต่ว่าการจะสลักรูปแบบอาคมบนกระดูกของเขานั้นทำได้ยากมาก เนื่องจากกายหยาบของเขามีความทนทานทัดเทียมกันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่


แต่โชคดีที่ตอนนี้เขามีเพลิงเก้าสวรรค์


เพลิงนี้ไม่ใช่เพลิงธรรมดาแต่เป็นหนึ่งในเก้าเพลิงบรรพบุรุษ ตอนนี้มันได้กลายเป็นแก่นกำเนิดพลังของหลิงฮันแล้วซึ่งเขาสามารถนำพลังของมันมาใช้ได้อย่างอิสระและเป็นไปได้สูงมากที่จะสลักรูปแบบอาคมบนกระดูกได้สำเร็จ


หลิงฮันลงมือสลักรูปแบบด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไม่เร็ว รูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุประกอบด้วยอักขระเพียงสามพันหกร้อยชนิด ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเขาก็สามารถสลักรูปแบบอาคมลงบนกระดูกได้เสร็จสมบูรณ์


“หืม ไม่ใช่ว่าร่างกายของทุกคนสามารถสลักรูปแบบอาคมได้แค่รูปแบบเดียวหรอกรึ?” หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องจากรูปแบบอาคมที่เขาสลักเสร็จสมบูรณ์ลแล้วกินพื้นที่กระดูกของเขาไปเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น


“เข้าใจแล้ว เนื่องจากข้าสลักรูปแบบอาคมด้วยใบมีดที่สร้างจากเพลิงนิรันดร์ รูปแบบอาคมที่ได้จึงประณีตและเรียบเนียนเป็นอย่างมากทำให้กินพื้นที่กระดูกน้อยลง”


“แบบนี้หากข้าสลักรูปแบบอาคมจำนวนมากลงไปที่ร่างกายและกระตุ้นใช้งานพร้อมกันล่ะก็มันจะทรงพลังขนาดไหนกัน…”


“สิบรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุ!”


หลิงลงมือสลักรูปแบบอาคมอีกเก้ารูปแบบลงบนกระดูกโดยกินเวลาไปอีกห้าเดือน เมื่อหลิงฮันกลับออกมาจักรพรรดินีก็ยังเก็บตัวอยู่


“ข้าเองก็ต้องกลับไปบ่มเพาะพลังเช่นกัน หากทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้ รูปแบบอาคมที่ข้าจะสามารถสลักได้ก็จะยกระดับเป็นรูปแบบอาคมระดับสิบห้าซึ่งมีพลังทัดเทียมกับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง หากสลักรูปแบบอาคมระดับสิบห้าทั้งสิบลงบนร่างกาย การจะสังหารจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”


“ฮ่าๆ ใครจะไปคาดคิดว่าข้าจะได้รับไพ่ลับที่ทรงพลังเช่นนี้มา?”


“เซียนหมิงซินจะทำการชี้แนะทุกๆสามปีต่อครั้ง หากคำนวณเวลาแล้วคงเป็นอีกไม่กี่วันนี้ ข้าควรจะไปรับฟังด้วยเช่นกัน ในอนาคตหากข้าต้องการสลักรูปแบบอาคมเซียนลงบนร่างกาย ข้าก็จำเป็นต้องมีความเข้าใจในรูปแบบอาคมให้สูงขึ้น”


“นอกจากนั้นข้าก็ต้องชี้แนะจิ่วเยากับติงผิงด้วย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีคุณสมบัติเป็นอาจารย์”


หลิงฮันออกจากลานที่พักและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เซียนหมิงซินจะทำการชี้แนะ


แต่ทันที่ที่เขาก้าวออกมาก็ได้พบเห็นใครบางคนแอบจ้องมองมาที่ตัวเขาและรีบวิ่งหนีหายไป เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจะนำข่าวที่เขาปรากฏตัวแล้วไปแพร่งพราย


หลิงฮันไม่ได้หยุดใครบางคนที่ว่าและยอมปล่อยไป เพราะอย่างไรทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเขามีอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเข้าไปหลบซ่อนได้อย่างไร้ร่องรอย ยิ่งกว่านั้นเซียนก็สามารถสร้างอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ ในสำนักละอองดาราแห่งนี้มันไม่ใช่สมบัติที่ทุกคนจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงมาครอบครอง


“หลิงฮัน!” เขายังไม่ทันเดินไปถึงลานที่เซียนจะทำการชี้แนะก็ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้


อีกฝ่ายคือศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง


ตามหลักแล้วไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงหรือสูงสุดลง เพียงแค่ขั้นกลางก็เพียงพอแล้วที่จะกำราบศิษย์ใหม่ระดับดารา


หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง? ก็ดีเหมือนกัน เขาอยากลองอำนาจของรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุอยู่พอดี

 

 

 


ตอนที่ 1478

 

คนที่มาขวางทางเป็นชายที่มีรูปลักษณ์ราวๆสามสิบปี ไม่รู้ว่าเขาเข้าร่วมสำนักละอองดารามานานเพียงใด แต่ถ้าให้คาดเดาคงหลายล้านปีแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางได้


“สุนัขขวางทางงั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย


“โฮ่ง เจ้าว่าใครขวางทาง?” สุนัขตัวดำไม่รู้โผล่มาจากไหน “เจ้าหนู เจ้ากล้าดูถูกนายท่านหมา… หืม!” มันจ้องมองหลิงฮันด้วยดวงตาเปิดกว้างและขุนลุก หางของมันตั้งโด่โผล่ออกมาจากกางเกงในเหล็ก


“นี่เจ้ากินเม็ดยาแบบใดเข้าไป? ทำไมนายท่านหมาถึงสัมผัสกลิ่นอายน่าพรึงได้จากตัวเจ้า?” สุนัขตัวดำอุทาน


หลิงฮันประหลาดใจ สุนัขบัดซบตนนี้ช่างสัมผัสไวยิ่งนัก มันรู้ว่าในร่างของเขาสลักรูปแบบอาคมไว้สิบรูปแบบ? ไม่สิ มันไม่สมควรรู้แต่เป็นสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมากกว่า


“พล่ามกันพอรึยัง?” ชายขวางทางกล่าวด้วยความเกรี้ยวกราด พวกเจ้ามองไม่เห็นหัวข้าเลย?


หลิงฮันยิ้มและกล่าว “มาขวางทางข้า เจ้ามีธุระอันใด?”


“ถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว!” ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ข้า เจี่ยเหลียง เข้าร่วมสำนักละอองดาราเมื่อสิบแปดล้านปีก่อน เจ้าพบกับข้าแล้วเหตุใดยังไม่เรียกข้าว่าศิษย์พี่?”


หลิงฮันสะบัดมือ “งั้นข้าขอถามเจ้ากลับหน่อยว่าเมื่อมีคนคิดร้ายกับตัวข้า ข้ายังจำเป็นต้องเรียกอีกฝ่ายอย่างเคารพว่าศิษย์พี่งั้นรึ?”


ใบหน้าของเจี่ยเหลียงเปลี่ยนเป็นมืดมน กบฏก็ยังคงเป็นกบฏ ไม่น่าแปลกใจเหตุใดหลิงฮันถึงกล้าฝ่าฝืนวัฒนธรรมของสำนัก


“ในเมื่อเจ้าดื้อรั้นเช่นนั้น ในฐานะศิษย์พี่ข้าจะสั่งสอนการประพฤติให้เจ้าเอง!” เขาไม่คิดปรานี ‘ครืนน’ วงโคจรดาราจักรปรากฏขึ้นด้านหลังของเขาโดยมีดวงดารานับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่


แม้เขาจะฝึกฝนศาสตร์รูปแบบอาคม แต่ความห่างของระดับพลังกว้างใหญ่เกินไป ต่อให้เขาไม่ต้องใช้รูปแบบอาคมก็สามารถกำราบหลิงฮันได้อย่างราบคาบ


หลิงฮันไม่กล้าประมาท เขาครุ่นคิดชั่วครู่และกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมทั้งสิบพร้อมกัน ในช่วงเสี้ยววินาทีกระดูกภายในร่างของเขาได้ส่องแสงสว่างเจิดจ้า แต่ด้วยกายหยาบที่ทรงพลังของเขาทำให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อปิดบังแสงสว่างเอาไว้มิดจึงดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


สุนัขตัวดำขนลุกอีกครั้งและรีบล่าถอย มันสัมผัสได้ว่าร่างกายของหลิงฮันได้แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรที่สามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย


หลิงฮันสะบัดมือปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามเข้าใส่เจี่ยเหลียง


“เจ้าไม่คู่ควรจะต่อกรกับข้า!” เจี่ยเหลียงกล่าวอย่างเย็นชา จอมยุทธระดับดารากล้าโจมตีเขา? ไม่ว่าหลิงฮันจะเป็นอัจฉริยะเพียงใดเขาก็มีโชคชะตาคือความพ่ายแพ้!


เจ้าหนูนี่คิดว่าโค่นศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นได้แล้วจะไร้คู่ต่อสู้?


“พ่ายแพ้ไปซะ!” เขายกมือขวาขึ้นฟ้ากางนิ้วทั้งห้าออกและสะบั้นกลับลงสู่พื้น


เมื่อนิ้วทั้งห้าทิ่มลงสู่พื้นก็ได้ปรากฏคลื่นพลังที่หนักหน่วงราวกับขุนเขา


“ทลาย!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส


‘ตูม’ ปราณดาบฟาดฟันคลื่นพลังแหลกสลายเป็นเศษซากอย่างง่ายดาย


เจี่ยเหลียงอ้าปากค้าง การโจมตีของเขาอัดแน่นไว้ด้วยพลังทำลายของระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง เป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกทำลายง่ายดายเช่นนั้น?


ถ้าเจ้ามีพลังขนาดนี้ เหตุใดเมื่อตอนสู้กับศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นทั้งสิบสามคนถึงได้มีสภาพย่อยยับเช่นนั้น?


การปฏิวัติวันนั้นเขาเองก็มองดูการต่อสู้อยู่เหมือนกันทำให้ตระหนักถึงพลังของหลิงฮันเป็นอย่างดี จะบอกว่าเวลาเพียงปีเดียวหลิงฮันสามารถยกระดับพลังของตนเองมาได้ขนาดนี้งั้นรึ… เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!


“ข้าดูถูกเจ้าไปหน่อย!” แม้เจี่ยเหลียงจะตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้แตกตื่น การโจมตีเมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้พลังออกไปทั้งหมด ทันใดนั้นเอง กระดูกของเขาได้ส่องสว่างจากการกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคม แสงสว่างของธาตุทั้งห้าส่องประกายออกมาตามผิวหนัวของเขา


เขาเองก็สลักรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุเอาไว้บนร่างกาย!


“จงพ่ายแพ้!” เขาคำรามและรีดเค้นอำนาจของรูปแบบอาคมโดยไม่ดูถูกหลิงฮันอีกต่อไป ศิษย์ใหม่ผู้นี้… แตกต่างจากคนอื่นๆ!


หลิงฮันยิ้ม เจ้าสลักรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุแล้วอย่างไร?


ตัวเขานั้นมีถึงสิบ!


จำนวนสิบจะไม่สามารถเหนือกว่าหนึ่งงั้นรึ?


เขาชี้นิ้วปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามออกไปเต็มกำลัง อำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผสานรวมเข้ากับรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุทั้งสิบ


ตูม!


เจี่ยเหลียงปลดปล่อยอำนาจของรูปแบบอาคมออกมาและโจมตีตอบโต้ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม เขาตั้งใจว่าการโจมตีจะบดขยี้กระดูกทั่วร่างของหลิงฮันจนแหลกสลาย แต่เขาก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เผลอสังหารหลิงฮันหรือทำให้แก่นพลังได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเขาเองก็ต้องไปรับโทษจากทางสำนัก


แต่ทันใดนั้นเองเจี่ยเหลียงก็ต้องชะงักด้วยความตะลึง การโจมตีของเขาสลายหายไปเมื่อปะทะกับหลิงฮัน!


เป็นไปได้อย่างไร!


ไม่ใช่ว่าต้องเป็นการโจมตีของหลิงฮันที่สลายไปหรอกรึ ทำไมมันถึงได้กลับตาลปัตรกันล่ะ?


‘ตูม’ ร่างของเจี่ยเหลียงถูกส่งลอยกระเด็นขึ้นฟ้าและกระอักโลหิตออกมาเป็นสายราวกับสายรุ้ง


ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย


ผู้คนที่อยู่รอบข้างนิ่งเงียบราวกับป้าช้า


หลิงฮันในตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยสิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงนั้นไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ขัดขืนวัฒนธรรมของสำนักจนตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าศิษย์เก่าหรือความแข็งแกร่งที่เขาแสดงให้เห็นในวันแรกที่เข้าร่วมสำนัก แต่เป็นเพราะเขามีภรรยาที่งดงามมากต่างหาก


เมื่อเจี่ยเหลียงลงมือศิษย์คนอื่นๆจึงมาดูการแสดงสนุกๆ แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์จะกลายเป็นแบบนี้


นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง! ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี! พวกเขาต้องโดนผีหลอกอยู่แน่ๆ!


ทุกคนอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาตนเอง แต่ถึงจะจ้องมองอีกครั้งพวกเขาก็ยังพบกับร่างของเจี่ยเหลียงที่นอนอยู่บนพื้น


บ้าไปแล้ว นี่มันช่างฝืนสวรรค์อย่างแท้จริง!


ทุกคนรู้ว่าระดับดาราขั้นสมบูรณ์นั้นมีพลังต่อสู้เทียบได้กับระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นต้น ซึ่งพลังบ่มเพาะก็ไม่ได้แสดงถึงพลังต่อสู้ทั้งหมดของจอมยุทธแต่ละคน มีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดบางคนที่สามารถต่อกรได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นกลาง ชั้นปลายหรือแม้กระทั่งชั้นสูงสุด


โดยเรื่องนี้ทุกคนสามารถยอมรับได้


แต่คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ของหลิงฮันคือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง! แถมยังไม่ใช่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นต้นแต่เป็นชั้นปลาย!


พระเจ้า… ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้างและรู้สึกว่าหัวของตนเองแทบจะระเบิด

 

 

 


ตอนที่ 1479

 

ในช่วงจังหวะสุดท้าย หลิงฮันสามารถยับยั้งพลังของรูปแบบอาคมได้ทัน ไม่เช่นนั้นพลังทำลายของการโจมตีเมื่อครู่คงไม่เรียบง่ายเช่นนั้น และเจี่ยเหลียงคงถูกสังหารไปแล้ว


สิบรูปแบบอาคมที่ผสานรวมเป็นหนึ่งไม่ได้มีพลังทำลายเพิ่มขึ้นสิบเท่าแต่เป็นร้อยเท่า!


เจี่ยเหลียงรู้สึกว่ากระดูกจำนวนมากในร่างแตกหักและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้


หลิงฮันเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านข้างศีรษะของเจี่ยเหลียงและย่อตัวลงตบตีใบหน้าของอีกฝ่าย เมื่อพอใจแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนและมุ่งหน้าต่อเพื่อไปฟังการชี้แนะของเซียนหมิงซิน


สุนัขตัวดำตามเขาไป แต่หลังจากที่วิ่งไปไม่กี่ก้าวมันก็หยุดชะงักและอดไม่ได้ที่จะหันหลังวิ่งกลับไปหาเซียนหมิงซิน มันยกขาหลังชี้ขึ้นฟ้าเหนือหัวเจี่ยเหลียงพร้อมกับปล่อยน้ำสายหนึ่งออกมา


นิสัยที่เมื่อพบเป้าหมายจะต้องทำสัญลักษณ์เอาไว้ของสุนัขไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้


สุนัขตัวดำสะบัดก้นก่อนจะไล่ตามหลิงฮันต่อ แต่เมื่อมันนึกได้ว่าตัวมันเองเป็นนายท่านหมา มันก็เปลี่ยนจากเดินสี่ขาเป็นสองขาเหมือนกับมนุษย์ทันที


เจี่ยเหลียงผู้น่าสงสารกระอักโลหิตออกมาก่อนจะหมดสติแน่นิ่งไป


หลิงฮันที่เห็นก็ไม่ได้ยินจะห้ามสุนัขตัวดำ เพราะอย่างไรนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา


“ดำน้อย เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!” หลิงฮันกล่าวจากใจ ไม่ว่าจะเป็นโสมเฒ่าหรือเจ้ากระต่ายก็เป็นได้เพียงเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าสุนัขตัวดำ


“นี่เป็นนิสัยที่ไม่เหมือนใครของข้า หากเจ้ากล้าพูดถึงมันอีกนายท่านหมาจะลงมือกับเจ้าด้วย” สุนัขตัวดำจ้องมองไปยังหลิงฮัน “ฮันน้อย เจ้าไม่คิดจะเป็นสัตว์ขี่ให้นายท่านหมาจริงๆรึ ข้าสามารถสอนทักษะบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมให้เจ้าได้!”


“ไสหัวไป!” หลิงฮันเตะใส่สุนัขตัวดำแต่มันก็ฉลาดพอที่จะหลบได้ทัน


หนึ่งคนหนึ่งสุนัขเดินจากไป


ทันใดนั้นเองบรรยาที่เงียบสงัดก็กลายเป็นเอะอะโวยวายราวกับโลกจะแตก


“พระเจ้า ศิษย์พี่เจี่ยพ่ายแพ้!”


“แถมยังเป็นการพ่ายแพ้แบบหมดสภาพด้วย!”


“เป็นไปได้อย่างไร? ศิษย์พี่เจี่ยมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นปลายแถมยังสลักรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุเอาไว้บนร่างกาย เหตุใดเขาถึงพ่ายแพ้ให้กับศิษย์ใหม่ระดับดารา?”


“ต่อให้เห็นด้วยตาตัวเองข้าก็ทำใจเชื่อไม่ลง!”


“หรือต้องให้ศิษย์พี่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงเป็นคนลงมือ?”


ทุกคนจ้องมองหน้ากันและมีความรู้สึกว่าต่อให้เป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงก็อาจจะไม่สามารถกำราบหลิงฮันได้


พวกเขาแพร่งพรายข่าวที่น่าอัศจรรย์นี้อย่างรวดเร็ว ‘หลิงฮันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แม้กระทั่งศิษย์พี่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้’


หลิงฮันกับสุนัขตัวดำเดินทางมาถึงจุดศูนย์กลางของสำนักที่มีลานกว้างสี่เหลี่ยมตั้งอยู่โดยที่แท่นยืนรูปทรงดอกบัวสูงสามฟุตอยู่กึ่งกลาง บนแท่นดอกบัวไม่มีใครยืนอยู่แต่รอบด้านนั้นเต็มไปด้วยผู้คน


เซียนหมิงซินยังมาไม่ถึง การชี้แนะสั่งสอนจึงยังไม่เริ่ม


หลิงฮันโล่งอก เขานึกว่าจะมาช้าจนพลาดโอกาสเสียแล้ว


“ดำน้อย ดูเหมือนเจ้าจะไปไหนมาไหนได้โดยไม่กังวลเลยนะ” หลิงฮันกล่าว สุนัขตัวดำไม่ได้ถูกเซียนพามายังสำนัก แต่มันกลับสามารถสร้างปัญหาโดยไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้


‘ตุบ’ เขาพลิกตัวหลบสุนัขตัวดำที่จู่ๆก็พุ่งมากัดอย่างกะทันหันได้ทัน


สุนัขตัวดำเค้นเสียงและกล่าว “เรียกข้าว่านายท่านดำ! นายท่านดำเข้าใจไหม?”


หลิงฮันยิ้มเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน


“ใต้สวรรค์และปฐพีนี้ใครๆก็ชื่นชอบข้า” สุนัขตัวดำกล่าวอย่างไม่เขินอาย


หลิงฮันอยากจะกระทืบสุนัขตัวดำเสียเหลือเกิน เจ้าน่ะรึเป็นที่รักของทุกคน ลองให้ข้าโยนเจ้าออกไปสิจะต้องมีคนมาต่อแถวรอทุบตีเจ้ายาวเหยียดจนวนรอบดาวมู่ถูได้หลายรอบแน่นอน


ผ่านไปไม่นานฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงเอะอะ ศิษย์แต่ละคนกระซิบพูดคุยกันด้วยสีหน้าตกตะลึง


แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมได้รับว่าพวกเขากำลังพูดคุยกับถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเจี่ยเหลียงเมื่อครู่


“ข่าวปลอม เป็นไปไม่ได้!”


“ใช่แล้ว ศิษย์พี่เจี่ยมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นปลายแถมยังเชี่ยวชาญรูปแบบอาคมหยินหยางห้าธาตุ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะโค่นล้มเขาได้อย่างราบคาบ แค่หากต้องการต่อสู้ทัดเทียมเขาก็ต้องมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางชั้นสูงสุดเป็นอย่างน้อย”


“จะบอกว่าจอมยุทธระดับดารามีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง? ต่อให้สังหารข้า ข้าก็ไม่มีทางเชื่อ”


“ไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้มีอุปกรณ์เซียน แต่จอมยุทธระดับดาราก็ไม่สามารถกระตุ้นพลังของมันออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่”


ทุกคนส่ายหัว แม้ในตอนแรกพวกเขาจะตกตะลึงแต่ก็ไม่มีเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แม้กระทั่งคนที่เห็นด้วยตาตัวเองยังทำใจเชื่อไม่ได้ แล้วคนที่แค่ได้ยินข่าวมีรึจะยอมเชื่อ


“ละ หลิงฮันอยู่นั่น!” ใครบางคนชี้ไปยังหลิงฮัน


หลิงฮันไม่ได้หลบซ่อนตัว จึงกลายเป็นเป้าสายตาไปโดยปริยาย


สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังทิศทางของนิ้วที่ชี้ออกไป


การที่หลิงฮันมาอยู่ที่นี่หมายความว่าอะไร?


เจี่ยเหลียงทำหน้าที่ล้มเหลว…


หรือข่าวลือที่ว่าหลิงฮันเอาชนะเจี่ยเหลียงได้จะเป็นความจริง?


‘ตุบ’ ร่างหนึ่งลอยไปยังหาหลิงฮัน เบื้องหลังของเขาปรากฏวงโคจรดาราจักรที่ปลดปล่อยอำนาจอันทรงพลังออกมา ชายคนนี้คือศิษย์เก่าระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลางและเป็นหนึ่งศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในลานแห่งนี้


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเริ่นเฟยอวิ๋นหรือศิษย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงนั้นคือกลุ่มศิษย์ที่ทรงพลังที่สุดในสำนักย่อยที่แปก พวกเขาสามารถนัดหมายขอคำชี้แนะจากเซียนหมิงซินได้โดยตรงจึงไม่จำเป็นต้องมาฟังคำชี้แนะที่ลานแห่งนี้


“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะโค่นเซียนหมิงซินลงได้ มาสู้กับข้า!” ชายคนนั้นกล่าวและลงมืออย่างไม่รีรอ นิ้วของเขาชี้ออกไปและแปรเปลี่ยนเป็นทวนทองคำพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน


หลิงฮันรู้สึกรำคาญจึงปล่อยหมัดออกไปตอบโต้อย่างไม่พูดพล่าม


ตูม!


รูปแบบอาคมทั้งสิบปลดปล่อยอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุด ร่างของชายคนนั้นลอยปลิวกระเด็นราวกับไร้น้ำหนักเหมือนกับกระดาษพร้อมกับกระอักโลหิต


‘ตุบ’ ชายคนนั้นร่วงลงสู่พื้น แขนขาของเขากระดิกเล็กน้อยโดยที่ปากมีฟองน้ำลายไหลออกมา


ผู้คนมองดูเหตุการณ์อยู่ชะงักแน่นิ่งทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)